พอถึงช่วงใกล้ปิดไตรมาสที่ 3 ทีไร ผมมักจะถูกทิ้งให้เหงาทุกทีถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่คนเดียวก็ตาม ช่วงนี้ของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อปิดไตรมาสที่ 4 แล้วบริษัทจะกำไรหรือขาดทุน ไหนจะบัญชีของบริษัท ไหนจะต้องเดินทางไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศ คุณเมฆาคงกลัวผมจะเหงาเลยขอให้ผมมาอยู่ที่บ้านใหญ่ ให้อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ ด้วยเพราะคุณพ่อก็ยุ่ง ๆ ที่บริษัทตัวเองเช่นกัน
แต่ช่วงเวลาที่ไม่มีคุณเมฆาอยู่ข้าง ๆ กันถึงจะมีคนอื่นรายล้อมมากมายแค่ไหนผมก็เหงาอยู่ดี ยิ่งทำงานยุ่งขนาดที่ว่าไม่โทรมาหาผมหลายวันแล้ว ความคิดส่วนแย่ ๆ ก็พาลให้นึกถึงวันเก่า ๆ ซึ่งทำให้ผมกระวนกระวายใจอยู่เสมอ ถึงภายนอกจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้คุณแม่ต้องเป็นกังวลแต่ความคิดใจแคบก็ยังคงเต็มหัวสมองผมไปหมด
“..คุณกานต์ครับ...คุณกานต์ครับ”
“อ๊ะ..ครับ คุณเข้ม! กลับมาแล้วเหรอครับ คุณเมฆล่ะ” เมื่อผมเห็นคุณเลขาที่คุ้นเคยกันดี ผมก็ถามถึงอีกคนทันที
“ท่านยังไม่กลับครับ อ้อ ท่านไปกับเลขาคนใหม่ครับ” คุณเข้มตอบข้อสงสัย คงจะเห็นจากสีหน้าที่ไม่เข้าใจของผม
“เลขาใหม่? คุณเมฆไม่เห็นบอก”
“อ่อ คือท่านต้องไปเจรจากับทางฮ่องกงครับ คือ ผมพูดกวางตุ้งไม่ได้น่ะครับ แหะ ๆ “
“อ๋อ แล้ว...”
“อ่ะ ครับ ระหว่างนี้ผมมาเป็นเลขาให้ MD ของสาขาที่เปิดใหม่ครับ นายใหญ่ให้ผมมาเอาเอกสารจากคุณครับ”
“อ๋อ งบย้อนหลังใช่ไหมครับ เรียบร้อยแล้วครับ ผมก็ลืมไปเลย คุณพ่อโทรบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะให้คนมาเอา รอสักครู่นะครับ”
ผมกับคุณเมฆาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่ผมอยู่มหาวิทยาลัย จนตอนนี้ผมเรียนจบกลายมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้วมีบ้างบางครั้งที่ขอช่วยงานคุณเมฆา ผมมีความสามารถพอจะช่วยได้ ก็อยากช่วยเพื่อแบ่งเบาภาระของอีกคน
ตลอดระยะเวลาหลายปีคุณเมฆาไม่เคยมีคนอื่นให้ผมเสียใจ แต่นับจากวันที่เกิดเรื่องคราวนั้นก็ถือว่าเป็นตำหนิเล็ก ๆ เหมือนแผลเป็นที่คอยกัดกินใจผมมาตลอด ทุกครั้งที่ต้องห่างกัน แม้แค่วันเดียวผมก็ปวดใจแล้ว กานต์กวีคนนี้นิสัยไม่ดีเลย คอยแต่จะคิดเล็กคิดน้อยไปว่าคุณเมฆาจะไปมีความสุขอยู่กับคนอื่น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจัดการกับความคิดแย่ ๆ ของตัวเองยังไงดี
“น้องกานต์ ลูก. . . น้องกานต์!”
“อ๊ะ ครับคุณแม่”
“นั่งเหม่ออะไรคนเดียวลูก แม่เรียกตั้งนานแล้วนา”
“ขอโทษครับ ผม แค่ แค่คิดอะไรเพลินไปน่ะครับ” ผมตอบไปพลางก้มหน้าลงต่ำซ่อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลซ่อนไม่ให้คุณแม่เห็น
“ตาเมฆไม่โทรหามากี่วันเเล้ว”
“อะ..อะไรนะครับ” ผมตกใจกับคำถามของคุณแม่เผลอโพล่งถามออกไปเสียงดัง สองมือกำเข้าหากันแน่น เสียใจที่ตัวเองทำให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นกังวล ไม่รู้ว่าคุณแม่ทำยังไงเวลาที่คุณพ่อทำงานยุ่งจนแทบไม่ได้เห็นหน้ากันแบบนี้ ที่จริงตั้งแต่คบกับคุณเมฆามาไม่ว่าอีกฝ่ายจะยุ่งแค่ไหนผมก็ไม่เคยคิดมากเลยจนกระทั่งเกิดเรื่องบ้า ๆ พวกนั้นขึ้นมา
“แม่ถามว่าไอ้ลูกชายตัวแสบของแม่น่ะ มันไม่โทรมาหาหนูกี่วันแล้ว”
“กะ..ก็..ห้าวันเเล้วครับ” ผมตอบคุณแม่ไปตามจริง
“ว่าไงนะ! ไอ้ตัวดี หึ คอยดูนะถ้าวันนี้มันยังไม่โทรมาแม่จะยุให้หนูไปมีผัวใหม่เลย คอยดู”
“คือ ผมเองก็ไม่ได้โทรคุณเมฆเหมือนกันนะครับคุณแม่”
“แล้วทำไมหนูต้องโทรด้วย มันสิต้องโทรมาจะให้ฝ่ายเราโทรไปได้ไง ขืนมันกำลังยุ่งอยู่เราโทรไปขัดงานการจะพาลเสียน่ะสิ ช่างหัวมันเถอะ ไป เราเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ถ้ามันไม่โทรมาแม่จะพาเราหนี”
“คุณแม่! คุณแม่ครับ เดี๋ยวก่อนสิครับ” ผมรั้งคุณแม่ยังสวยของคุณเมฆาเอาไว้ไม่ทัน คนอื่นที่ได้ยินอาจจะคิดว่าพูดเล่น แต่กับผมที่เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวนี้มาหลายปีรู้ซึ้งเลยทีเดียวว่าสตรีหมายเลขหนึ่งของนั้นพูดจริง ทำจริง แม้แต่ท่านประธานยังไม่กล้าขัดใจ
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
“อืมม.. อ๊ะ..หรือว่า! ...”ผมงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์มือถือ เด้งตัวลุกขึ้นรีบไปคว้ามือถือมาดูกลับกลายเป็นเมสเสจ ไอ้ที่ดีใจตื่นเต้นคิดว่าจะเป็นร่างสูงโทรมาหากลับห่อเหี่ยวลงตามเดิม
ทีแรกคิดว่าคงเป็นเมสเสจโฆษณาขยะอย่างทุกทีแต่เบอร์แปลก ๆ ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอมันเรียกร้องให้นิ้วเรียวสลด์ปลดล็อคปุ่มกดแล้วเปิดเมสเสจที่เพิ่งได้รับดู
“โธ่เอ๊ย มุขเก่า ๆ หึ ภาพแบบนี้กานต์กวีเจอมาเยอะแล้ว เหอะ”
ทันทีที่ภาพในเมสเสจปรากฏขึ้นด้วยความโมโหคนที่ส่งภาพบ้า ๆ มาทำให้ผมตัดสินใจโต้ตอบกลับไปหาเบอร์แปลกที่ต้องการสร้างความแตกแยกให้ผมกับคุณเมฆา
ภาพที่เห็นเป็นผู้ชายร่างสูงที่ผมคุ้นเคยดีฉุดมือผู้ชายร่างบอบบางตัวเล็กผิวขาวสวยที่นั่งกับพื้นให้ลุกขึ้น ไม่ได้ทำให้ผมนึกระแวงอีกคนเลยแม้แต่น้อยความคิดบ้า ๆ ที่เป็นกังวลมาตลอดหลายวันมลายไปสิ้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนของผมคงจะไม่เล่นด้วยจึงต้องหันมาใช้วิธีสกปรกแบบนี้
‘ไว้ค่อยมาเป็นคลิปก่อนก็แล้วกันนะ’
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
‘เพลียจนอัดเป็นคลิปไม่ไหวอ่ะ ภาพนี้ใช้ได้หรือเปล่าฮะ พี่กานต์อ่ะมีความสุขนานเกินไปแล้วนะ คนนี้ผมขอนะฮะ ^^ ลงชื่อ..เหวิ่นยี่’
เมสเสจล่าสุดที่ผมได้รับเป็นภาพที่คุณเมฆาเปลือยท่อนบน ด้านล่างสวมบ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนหลับตาพริ้มสนิทเหมือนคนเหนื่อยเพลียมาทั้งวัน ข้าง ๆ เป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กผิวขาวปากแดงน่ารักนอนอยู่ข้างกันมีผ้าห่มปิดแค่ช่วงเอวคอดลงไป
เหวิ่นยี่ งั้นเหรอ ทำไมผมถึงไม่ทันได้คิดก่อนหน้านี้ทั้งที่เมื่อตอนบ่ายคุณเข้มก็บอกแล้วว่าคุณเมฆาไปกับเลขาคนใหม่ เลขาคนที่พูดกวางตุ้งได้คงไม่ใช่ใครนอกจาก เหวิ่นยี่ ลูกครึ่งเกาหลีฮ่องกงลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อ เด็กหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งเรียนจบบริหารอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอ่อนกว่าผมไม่กี่ปี รูปร่างโปร่งบาง หน้าหวานสวยจนคนรอบข้างยังต้องเหลียวมองแม้จะเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่ผมมองแล้วรู้สึกเหมือนมองตัวเองในกระจก
ประโยคแรกที่คุณซีวอนสารภาพรักกับผมก็คือ
‘ผมสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอน้องกานต์เลยรู้ไหม เราน่ะตัวเล็กผอมจนเหมือนแก้วที่บอบบางกลัวว่าจะแตกถ้าผมไม่รักษาไว้ให้ดี ทำเอาผมถอนตัวไม่ขึ้นอยากจะดูแลแก้วใบนี้ไปตลอดชีวิตเลยล่ะ’
“หรือว่า ฮึก..หรือ..เพราะ..คุณเมฆ..ฮืออ..อึก..ชอบแบบนี้ใช่ไหม..อึก..จะเป็น..ฮืออใครก็ได้..ฮึก..แค่บอบบางเหมือนแก้วก็พอ...ฮืออ..ฮืออ”
“น้องกานต์ ๆ น้องกานต์ลูก หนูเป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม ไหนเงยหน้าให้แม่ดูซิ” ผมจมดิ่งอยู่กับตัวเองจนไม่ได้รับรู้เลยว่าคุณแม่เปิดประตูเข้ามาในห้องตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณแม่แตะตัวเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย ผมรีบกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือเอามือเช็ดน้ำตาลวก ๆ ไม่อยากให้คุณแม่ต้องมาไม่สบายใจเพราะเรื่องของผม อย่างไรเสียคุณเมฆาก็เป็นลูกชายคนเดียวของท่าน ผมไม่อยากให้พวกเขาสองคนต้องมาทะเลาะกันเพราะคนนอกอย่างผม
“ไม่มีอะไรครับ ผม.ผมฝันร้ายแค่นั้นเองครับคุณแม่”
“อย่าโกหกแม่นะ แม่ยังไม่ได้นอน ได้ยินเสียงหนูร้องไห้โฮมาได้พักนึงแล้วนะ ฝันร้ายอะไรร้องไห้ขนาดนี้”
“ผมฝันร้ายจริง ๆ ครับคุณแม่”
“น้องกานต์...เฮ้อ ตามใจแล้วกัน นอนซะนะลูก..”
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
“เอามานี่ ไหนให้แม่ดูซิ” คุณแม่ยังไม่ทันออกจากห้องนอนของผมเสียงมือถือก็ดังเตือนขึ้นอีกครั้ง ภาพที่เห็นทำเอาน้ำตาที่ผมเพิ่งเช็ดออกไปร่วงลงมาอีกครั้ง สองแก้มอาบไปด้วยน้ำตาที่ไม่รู้ว่าจะหยุดไหลเมื่อไหร่ ภาพล่าสุดที่เห็นเต็มสองตาทำเอาผมจุกไปหมด มือสั่นไหวไม่อาจควบคุมได้จนคุณแม่ต้องคว้ามือถือไปดูเอง
“นี่มันอะไรกัน! เพราะนี่ใช่ไหม เหวิ่นยี่งั้นเหรอ น้องกานต์ หนูฟังแม่นะ ลบ! ลบมันออกไปจากหัวให้หมด ลูกชายแม่ไม่ใช่คนสำส่อนแบบนี้ คืนนี้นอนกับแม่ก็แล้วกัน อย่าคิดมาก นอนซะนะลูก แม่จะนอนเป็นเพื่อนเรานะ”
“ฮือ...คุณแม่..ฮึก..ผม..ฮือ..ผมจะทำยังไงดี..ฮัก..ครับ..คะ..คุณเมฆ..ถ้าเขา ฮืออ..หรือว่า. . .ฮึก. . .คงไม่รักผมแล้วจริง ๆ ..ฮืออ..”
“ไม่จริงนะลูก เชื่อแม่นะลูกชายแม่ไม่ใช่คนแบบนั้น หนูอยู่กับเขามาตั้งกี่ปี ต้องเชื่อใจกันนะลูก นอนซะนะ นอนซะ”
ผมพยายามข่มตาหลับให้สมองหยุดพักจากจากเรื่องเลวร้าย แต่หลับตาทีไรภาพบนจอมือถือที่เพิ่งเห็นก็ฉายชัดเจนจนน่ากลัว ภาพบนเตียงของสองร่างเปลือยเปล่าร่างหนานอนคว่ำหลับสนิท ส่วนตัวเล็กกว่าอีกคนนอนคว่ำแอนสะโพกเปลือยให้ลอยเด่นชัดหันมายิ้มหวานให้กล้อง ช่องทางสวาทที่อยู่ในตำแหน่งโฟกัสของกล้องเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเหลวที่ไหลลงมาอาบขาอ่อนทั้งสองข้าง
ยิ่งผมเห็นภาพนั้นชัดเจนแม้ยามหลับตาก็ยิ่งทำให้น้ำตามันไหลออกมาไม่มีหยุด นอนกอดคุณแม่แน่นกลัวว่าจะต้องถูกทิ้งให้นอนอยู่เพียงลำพัง เวลานี้ขอแค่ใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ ผม คอยลูบหลังปลอบประโลมไม่ทิ้งให้ผมต้องโดดเดี่ยวก็พอ
“ฮือ..เขา..คุณเมฆ..ฮึก..เขา ..นอนกับคนอื่น..ฮือ..” ผมไม่รู้ว่าคุณแม่เคยเจอเหตุการณ์เหมือนผมหรือเปล่า เวลาที่คุณพ่อไปทำงานไกล คุณพ่อเคยนอกใจคุณแม่แบบนี้หรือเปล่า และที่ผมไม่เข้าใจที่สุดคือ ผมเป็นแค่ของเล่นที่คุณเมฆาถูกใจแค่นั้นหรือเปล่า พอเก่าแล้ว คุณเมฆาก็ไปหาของเล่นชิ้นใหม่ที่คล้ายของเดิม เพียงแต่ใหม่กว่า สดกว่าแค่นั้นเองใช่ไหม
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งประจำเอาไว้ทุกวันพยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่ปวดกระบอกตาจนไม่อยากขยับเปลือกตาอีกคงเป็นเพราะผมร้องไห้มาตลอดคืนจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามจะเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกทั้งที่ยังหลับตาอยู่กลัวว่าจะปลุกให้คนที่นอนกอดผมจากทางด้านหลังตื่นขึ้น
แต่แรงกอดรัดที่กระชับตัวผมให้แนบชิดทำให้ผมขยับลำบากและความพยายามสุดท้ายของผมหมดลงเมื่อแขนยาวของคนที่นอนกอดอยู่ข้างหลังเอื้อมมือไปปิดให้ อ่า ผมนี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ เลย ทำให้คุณแม่ต้องตื่นแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนท่านคงจะปลอบผมทั้งคืน ผมเองก็คงจะหลับไปก่อน
“นอนต่อเถอะ คุณแม่บอกว่าร้องไห้ทั้งคืนเลยหนิ เด็กขี้แย”
ตึก ตึก ตึก
“พี่เมฆ!”
“อย่า! ช้ำหมดแล้ว”
ทันทีที่ผมได้ยินเสียงทุ้มอันคุ้นเคยก็พยายามเปิดเปลือกตาขึ้นมาพลิกตัวหันไปด้านหาคนที่กอดอยู่ข้างหลัง ยกมือขึ้นมาจะขยี้ตาดูว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แต่ก็โดนคนตัวโตดุเข้าให้ซะก่อน
“ฮือ...พี่เมฆ..ผม....ฮือ..”
“อย่าร้องเลยนะคนดี ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว มันไม่มีอะไร อย่าคิดมากเลยนะคนดี”
ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ผมโกรธและเสียใจเพราะคนตรงหน้าจนร้องไห้ทั้งคืนแต่พอเห็นเขามานอนอยู่ข้างกายผมกลับร้องไห้ด้วยความดีใจ ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งสวมกอดร่างสูงแน่นกลัวว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน กลัวว่าถ้าไม่คว้าตัวอีกคนเอาไว้ก็จะตื่นจากฝันที่แสนดีนี้
“พี่..ฮือ..ถะ..ไม่รักผม..ฮึก..แล้ว..บอกผมเอง..ฮืออ..ได้ไหม..ทำไม..ต้องทำ.ฮืออ..แบบนี้ ทำไม. .. ”
“น้องกานต์ รู้ไหมตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“ฮือออ..เก้าโมง..ฮึก..ฮึก” ผมตอบคนที่กำลังลูบหลังปลอบผมอยู่เบา ๆ ออกไปอัตโนมัติโดยไม่ได้คิด
“เมื่อคืนแม่โทรไปตอนตีสองบอกว่าน้องกานต์ร้องไห้ พี่ออกจากโรงแรมมาที่สนามบินทันทีแต่เที่ยวบินแรกออกจากฮ่องกงตอนตี4 แต่เพราะพี่เป็นห่วงเรามาก แค่ชั่วโมงเดียวก็รอไม่ได้พี่เลยตัดสินใจเช่าเครื่องบินส่วนตัวมาหาน้องกานต์เลยนะ แบบนี้เรียกว่าไม่รักหรือ หืมมคนดี”
“แต่..ฮืออ..คุณนอน..ฮึก..ฮืออออ” ถึงจะดีใจที่คนตัวโตนึกเป็นห่วงรีบมาหาผมทันทีที่คุณแม่โทรไปบอกแต่เมื่อคิดถึงเรื่องภาพอุบาทว์ที่ได้เห็นเมื่อคืนผมก็ดิ้นจะออกจากอ้อมกอดของคุณเมฆาที่รัดผมแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยให้ผมหนีไปไหน
“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะ อย่าพูดจาห่างเหินแบบนี้อีกนะครับ พี่ขอโทษนะ พี่มันโง่เอง พี่เห็นเหวิ่นยี่เป็นน้องพอฝ่ายนั้นบอกว่ากลัวผี พี่ก็โง่ยอมให้มานอนห้องเดียวกัน ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ขอโทษนะคนดี”
“แล้ว..ฮึก..ฮัก..ตกลงคุณ..อ๊ะ. . .พี่. . .ฮึก” ผมยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดที่รัดแน่นรู้สึกร้อนไปทั้งตัวไม่ได้อบอุ่นอย่างเคยอีกแล้ว ยิ่งอีกคนไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนแถมยังพูดคล้ายว่าเรื่องจะเป็นอย่างที่ผมคิดเอาเอง
“พี่รักน้องกานต์นะครับ รักมาก แล้วพี่จะไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไง เหวิ่นยี่มันทำเองคนเดียวทั้งหมดนั่นแหละ ฟังนะ เมฆาคนนี้มีแค่กานต์กวีเด็กขี้แยคนเดียว รักแค่คนนี้คนเดียวครับ”
“ตะ..แต่..ฮึก..ไม่โทร..ฮึก..หา..ฮืออ” มือบางของผมทุบตีคนตรงหน้าอย่างแรงไม่หยุด แต่พี่เมฆก็ใม่ได้ปัดป้องออกกลับยืดอกยอมให้ผมทำร้ายร่างกายแต่โดยดี จนผมเลิกไปเองยิ่งตีเขาก็เหมือนโดนตีเองกลัวว่าอีกคนจะเจ็บไปมากกว่านี้
“น้องกานต์รักพี่ไหม”
“รัก..ฮึก..ฮึก..ที่สุด”
“ถ้ารักพี่ ก็เชื่อใจพี่นะครับ พี่ไปทำงาน ไม่มีใครจริง ๆ บอกแล้วไงว่าแก้วบาง ๆ ใบนี้หาที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้ว หล่นแตกไปล่ะก็ พี่แย่เลยนะหืม จุ๊บ”
“ฮือ...น้องกานต์ขอโทษ..ขอโทษนะฮะ” คุณเมฆาพูดจบก็จูบลงบนหน้าผากผมเบา ๆ ทั้งการกระทำที่อ่อนโยนและคำพูดที่บอกว่ายังจำคำสัญญาที่เคยให้ไว้ได้นั้นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ไม่เชื่อใจอีกคน แต่กลับปักใจเชื่อสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่ดีใจนะที่เราหึงพี่ขนาดนี้ หึงให้มาก ๆ นะ อนุญาตให้หึงหวงตามจิกได้ตลอดเวลา จุ๊บ” มือหนาเกลี่ยน้ำตาที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่สองแก้มของผมแล้วหอมแก้มผมเบา ๆ
“พี่เมฆอ่ะ ผมจะไปทำแบบนั้นยังไงเล่า” ผมก้มหน้างุดเขินกับคำพูดของอีกคน คุณเมฆาเลยดึงผมเข้าไปกอดทั้งตัวคางหนัก ๆ วางเกยบนกลางศีรษะของผม
“แต่พี่อยากให้เราทำนะ แสดงตัวให้ใคร ๆ รู้ว่าพี่น่ะเป็นของน้องกานต์แค่คนเดียว คนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่ง เราไม่รู้หรือไงว่าสามีของเราน่ะป๊อบแค่ไหน”
“เชอะ ลองไปเล่นด้วยกับพวกนั้นดูสิ ผมจะหนีคุณไปให้ไกล ๆ เลย”
“โหยย ไม่เอานะ แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วนะ พี่อายุตั้งเท่าไหร่แล้วเนี่ย วิ่งตามเด็กอย่างเราไม่ไหวนะ อ้อ เกือบลืมมีของฝากจากฮ่องกงด้วยนะ สำหรับคุณแฟนโดยเฉพาะ” คุณเมฆาขยับตัวลงจากเตียงเดินไปหยิบกล่องเล็ก ๆ บนโต้ะเครื่องแป้งปลายเตียงแล้วเดินมากลับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าผมลงที่ปลายเตียง
“พี่เมฆทำอะไร ลงไปนั่งข้างล่างทำไมครับ มานั่งบนเตียงนี่เถอะครับ”
“Happy Valentine’s Day ครับ เดี๋ยวก่อน ๆ ฟังก่อนสิ เราน่ะไม่ยอมให้พี่ซื้ออะไรให้ พี่ก็ไม่ได้ซื้อนะ ดอกไม้นี่พี่แอบเอามาจากกล่องที่เราเก็บเอาไว้เป็นดอกไม้จากช่อแรกที่พี่ให้น้องกานต์ใช่ไหมล่ะ เนี่นพี่ไม่ได้ซื้อจริง ๆนะแค่เอาไปทำให้มันแข็งแรงขึ้นเท่านั้นเอง รู้ไหมทองคำน่ะเป็นแร่บริสุทธิ์ บริสุทธิ์เหมือนกับกานต์กวีที่แสนดีคนนี้ของพี่ รักมากนะครับ”
“ฮืออออ.ขอบคุณครับพี่เมฆ..ฮืออ” ผมมองกุหลาบในมือที่คนตัวโตมอบให้ก็พาลปลื้มใจจนน้ำตาไหลอีกรอบให้อีกฝ่ายตกใจเล่น
“อ้าว ไหงร้องไห้อีกแล้วล่ะ ไม่เอาแล้วสิ ไม่ร้องแล้วน๊า ตาบวมหมดแล้วจะแข่งกับนกตาโปนหรือไง”
“บ้า!”
“หึหึ มีกับเขาแค่คนเดียวไม่ยอมทิ้งไปไหนแน่นอน รู้ไหมครับ” คนตัวโตกอดกระชับผมเข้าหาตัวเองแน่นริมฝีปากหนากระซิบถ้อยคำแผ่วเบาที่ข้างหูแต่กระนั้นผมก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะปกติความอบอุ่นใจเข้าแทรกซึมทุกประสาทสัมผัสอีกครั้ง
.
.
.
เก็บตก
“แกนี่นะ มันจริง ๆ เชียว เป็นไงล่ะอยากจะแกล้งให้น้องหึง หึงจนเป็นเรื่องเลยไง!”
“โธ่คุณแม่ ผมไม่รู้นี่นาว่าเหวินยี่จะทำอะไรบ้า ๆ แล้วถ่ายรูปส่งไปให้น้องตอนผมหลับนี่ครับ สรุปงานไม่ได้นอนมาสองคืนแล้วเมื่อคืนผมเลยหลับเป็นตายเลย”
“คราวหลังก็หัดระวังตัวบ้างนะคุณลูกชาย ระวังจะได้ตายจริง ๆ ถ้าเกิดเมียทิ้งขึ้นมา”
เสียงสองแม่ลูกดังขึ้นภายในห้องอาหารระหว่างที่รับประมานมื้อเช้าในเวลาใกล้เที่ยงหลังจากที่เมฆานอนกอดเฝ้าลูบหลังปลอบใจจนกานต์กวีที่ร้องไห้จนเหนื่อยหลับลงไปอีกรอบ ร่างสูงก็เดินไปห้องอาหารรอการลงโทษจากมารดาบังเกิดเกล้าที่เห็นคนตัวโตเป็นแค่ลูกเขยไปเสียแล้ว
สารภาพความผิดทั้งหมดกับมารดาจนได้ความว่า รูปแรกที่ส่งมานั่นตั้งใจให้ภรรยาตัวน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องนอนหึง ส่วนภาพต่อมานั่นเมฆาเองก็หลับไม่รู้เรื่องเลยว่าคนในภาพจะทำเรื่องแบบนั้นแล้วส่งมาให้ภรรยาที่แสนดีต้องร้องไห้แทบขาดใจ
ถึงคุณผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตาเมฆาจะทราบแล้วว่าลูกชายเธอไม่ได้ทำอะไรผิด นอกจากเล่นพิเรนทร์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ความผิดของลูกชายเพื่อนสามีตัวดีนั้นเต็มประตู ผู้หญิงเบอร์หนึ่งของคฤหาสน์แห่งนี้จึงยังมีท่าทีปั้นปึ่งใส่ลูกชายของเธออยู่
“คุณแม่หายงอนเถอะครับ เหวิ่นยี่น่ะผมจัดการไปแล้ว”
“ขอให้มันจริง ไม่ใช่ว่าเกรงใจพ่อแกหรอกนะ”
“หึหึ คุณแม่ก็รู้ ว่าผมเป็นคนยังไง”
ใช่ คุณผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับร่างสูงรู้ดีว่าลูกชายที่เธอเป็นคนเลี้ยงดูมากับมือจนเติบใหญ่เป็นคนยังไง ไม่ว่าใครที่มาก้าวก่ายชีวิตของลูกชายตัวดีโดยไม่ได้รับอนุญาตละก็ ไม่มีทางเจริญได้ถ้าเมฆาคนนี้ยังกัดไม่ปล่อย