[เรื่องสั้น] คนรัก - พี่เมฆน้องกานต์ จบแล้ว (ตอนพิเศษ 5) 15/02/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนรัก - พี่เมฆน้องกานต์ จบแล้ว (ตอนพิเศษ 5) 15/02/58  (อ่าน 14639 ครั้ง)

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
######################################################################
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องสมมติที่นักเขียนจินตนาการเท่านั้น

สวัสดีค่ะ  พรทิวาค่ะ ขอโทษที่หายไปนานจนเรื่องนี้โดนลบนะคะ กลับมาต่อแล้วค่ะ
มาลงจนจับเลยค่ะ ส่วนตอนพิเศษ รอสักครู่นะคะ จะมาพรุ่งนี้ ค่ำๆค่า ไม่ก็อาจจะดึก 555

กำลังใจเล็กน้อยของนักอ่าน คือความสุขของนักเขียนค่ะ
การแสดงความคิดเห็นจะทำให้นักเขียนพัฒนามากขึ้นไปอีกนะคะ

คนรัก

เวลามีความรัก หากไม่มองรอบตัวเป็นสีชมพู

ก็คงจะเห็นเป็นสีเทามืดมน บ่งบอกให้รู้ว่าระยะทางที่จะก้าวเดิน

เคียงข้างกัน ใกล้หมดลงทุกที

'รัก แต่ไม่แสดงออกให้รู้ว่ารัก จะมีค่าอะไร'

คนเราจะสามารถเชื่อใจกันและกันได้มากแค่ไหน คุณกล้าพิสูจน์กับตัวเองไหมล่ะ

พูดคุยถามไถ่ที่เพจได้นะคะ Search พรทิวา ได้เลยจ้า



Part 1
 
 
 
เสียงเพลงช้า ๆ ฟังสบายหูคลอไปกับเสียงร้องฮัมเพลงของร่างบางในชุดผ้ากันเปื้อน ใครที่นึกว่าจะเป็นชุดลายดอกไม้สดใสเข้ากับผิวขาวอมชมพูของคนสวมใส่ คิดผิดแล้วล่ะ ผ้ากันเปื้อนสีดำ สีโปรดของเจ้าของห้องชุดสุดหรูนี้ คนที่ชอบหากำไรเอากับร่างบอบบางนี้ต่างหาก
 
 
กานต์กวีทำได้ทุกอย่าง อะไรก็ได้ ขอเพียงแค่คุณเมฆ เมฆา รัตนกุล พอใจก็พอ
 
 
ร่างบางถอดผ้ากันเปื้อนสีดำออก มองนาฬิกาบอกเวลา 17:30 น. เขาทำอาหารเสร็จก่อนเวลานิดหน่อย  แล้วมองดูอาหารบนโต๊ะที่ตั้งใจทำอย่างภูมิใจ มีแต่ของชอบของคุณเมฆทั้งนั้น กานต์กวียังอยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ๊ตสีขาวปล่อยชายออกมานอกกางเกงขาเดฟสีดำเพราะอีกฝ่ายโทรมาบอกว่าวันนี้จะกลับเร็ว เมื่อเลิกเรียน คนตัวขาวก็รีบร้อนกลับมาทำอาหารเย็นรอใครอีกคนทันที ไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
 
 
 
ร่างบางตั้งตารออีกคนกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้เกือบสัปดาห์ได้แล้วที่อีกฝ่ายงานยุ่งมาก เพราะมีปัญหาที่บริษัทต้องจัดการ ใจจริงกานต์กวีอยากให้คนตัวโตเอางานกลับมาทำตอนกลางคืนที่คอนโดมากกว่า แต่ก็ต้องล้มเลิกไปด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายบอกว่า ไม่อยากรบกวนการนอนของอีกฝ่าย เมฆาจึงเสนอว่าจะเปลี่ยนไปนอนที่บ้าน บ้านที่อยู่กับพ่อแม่ตนเองแทน เมฆาไม่รู้เลยว่ากานต์กวีเองก็นอนดึกอยู่ทุกคืนไม่ต่างจากตนเอง กานต์กวีคิดกังวลเป็นห่วงสุขภาพของอีกฝ่ายสารพัด กลางค่ำกลางคืนขับรถกลับบ้านก็กลัวจะมีอันตรายเลยพาลให้นอนไม่ค่อยหลับเกือบทุกคืน เช้ามาเรียนก็มีสภาพโทรม ๆ ไปให้เพื่อนที่มหาลัยล้อได้ทุกวัน
 
 
 
.
 
.
 
.
 
.
 
“เอ จะหกโมงแล้ว คุณเมฆ ทำไมยังไม่มาอีกน๊า”
 
.
 
.
 
.
 
กานต์กวีเหลือบมองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง เลยเวลาที่นัดกันไปสองชั่วโมงแล้ว เมฆาก็ยังไม่มา จะโทรตามอีกฝ่าย กานต์กวีก็ไม่กล้าโทรตาม คิดว่าอีกคนอาจจะกำลังยุ่งอยู่ กลัวจะไปรบกวนการทำงานเข้า ในเมื่อรับปากเขาแล้ว ยังไงคุณเมฆก็ต้องมาตามนัดแน่ๆ  ถึงจะสายไปหน่อยก็เหอะ
 
.
 
.
 
.
 
.
 
‘Tru..Tru..’
 
 
 
ร่างบางที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะอาหารสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกเข้าจากมือถือ
 
 
 
 
‘คุณเมฆ?’
 
 
 
“ครับ คุณเมฆใกล้ถึงรึยังครับ ผมทำ.... ครับ....ครับ ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังก็ได้ครับ...โธ่คุณเมฆ ผมไม่โกรธหรอกครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ น้องกานต์เป็นห่วงนะครับ จุ๊บ”
 
 
ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร ส่งเสียงบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ากานต์กวีคนนี้อยู่ได้ สบายมาก แค่ไหน แต่จริง ๆ แล้วในใจของเขามันก็เจ็บจี๊ด ๆ อยู่เหมือนกัน
 
 
สรุปว่ามาไม่ได้แล้วสินะ  เหวออ จะสามทุ่มแล้วเหรอเนี่ย ถึงว่าหิวชะมัด เฮ้ออ กินข้าวคนเดียวอีกแล้วสิเรา เหงาเหมือนกันนะเนี่ย
 
 
 
 
ถามว่าโกรธอีกคนไหม คำตอบคือไม่เลย
 
 
 
 
กานต์กวีเชื่อใจและมั่นใจในตัวเมฆาอย่างไม่มีข้อแม้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ตกลงคบกันเป็นแฟน นักศึกษาธรรมดา ๆ อย่างเขาได้รับความรัก ความเอาใจใส่ การดูแลจากเมฆาอย่างดีมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่ฝึกงานอยู่ที่บริษัทของคนตัวโตแล้ว ความดีและความจริงใจของอีกคนทำให้กานต์กวีไม่คิดระแวงอีกคนเลย
 
.
 
.
 
.
 
‘Tru…Tru…’
 
 
 
“ว่าไงวิน ดีจังที่นายโทรมา ฉันกำลังเบื่อ ๆ เลย ฮ่าๆๆ ...อืม ไม่เอาอ่ะ แฟนฉันไม่ชอบให้ไปเที่ยวแบบนั้นเท่าไรอ่ะ หือ อืม ถ้าร้านอาหารกึ่งบาร์ก็โอเค...โหยร้านนั้นมันแพงนี่นา.....อืม ๆ โอเค ๆ นี่เห็นว่ามีคูปองลดหรอกนะ คึคึ โอเคเดี๋ยวเจอกัน”
 
.
 
.
 
.
 
“วินนายอยู่ตรงไหนน่ะ เออ ๆ เห็นละ ๆ ....อ๊ะ....ขอโทษครับคุณ..”
 
 
 
“เด็กบ้า เดินก็หัดดูทางซะมั่งสิยะ!”
 
 
 
“ผะ..ผม..”
 
 
 
“อย่าอารมณ์เสียเลยครับคุณเมนนี่ มาครับผมช่วย”
 
 
กานต์กวีที่กำลังจะลุกขึ้นช่วยพยุงผู้หญิงที่ชนกันที่หน้าทางเข้าร้านมีอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นหู เสียงนี้
 
 
เสียงคุณเมฆ!
 
 
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเพียงแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงกอดประคองผู้หญิงเพิ่งตวาดเขาเมื่อกี้นี้เท่านั้น ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องวีไอพีที่เป็นส่วนตัว กานต์กวีจึงไม่ทันได้เห็นใบหน้าของอีกคน
 
 
 
“กานต์ ไอ้กานต์! เป็นอะไรหรือเปล่า ไอ้บ้าสองคนนั่นแล้งน้ำใจชะมัด”
 
 
 
 
“ช่างเค้าเหอะ ฉันผิดเอง ดันไปชนผู้หญิงคนนั้นเขาล้มน่ะ อีกอย่างฉันไม่..อ๊ะ”
 
 
 
 
“ขาพลิกหรือแพลงวะเนี่ยอีแบบนี้ เอาไง ไปหาหมอเหอะว่ะ ข้าวค่อยกินละกัน”
 
 
 
 
ใจจริงกานต์กวีอยากจะเข้าไปดูให้หายข้องใจว่าผู้ชายที่มากับหญิงสาวไม่ใช่คนรักของเขา แต่เพราะทันทีที่ลุกขึ้นยืนกานต์กวีก็ล้มลงพับไปกับพื้น เขาจึงต้องไปโรงพยาบาลตามคำขาดของเพื่อนตัวน้อย
 
 
 
 
นับแต่คืนนั้นเมฆาก็ไม่โทรมาหาคนตัวเล็กอีกเลย
 
 
 
 
ร่างบางหยุดเรียนมาสองวันแล้ว เพราะปวดข้อเท้ามากแค่เดินจะไปหยิบแก้วน้ำในห้องครัวมาดื่มยังลำบาก  นับประสาอะไรกับต้องขึ้นรถเมล์ไปมหาลัย เพื่อน ๆ เสนอตัวจะมารับเขาไปเรียนกันหลายคนเพราะรู้ดีว่าอีกคนรักเรียนแค่ไหน ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้ว คนอย่างกานต์กวีไม่มีทางโดดเรียนแน่นอน แต่คนขี้เกรงใจอย่างเขามีหรือจะต้องให้เพื่อน ๆ ลำบากมารับเข้าถึงคอนโด
 
 
 
ร่างบางนั่งมองดูรูปของคนรักอย่างโหยหา เขาเจ็บแบบนี้ก็อยากจะออดอ้อน อยากจะให้มีอีกคนอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแลเหมือนแต่ก่อนบ้าง
 
'ลองโทรไปหาดีมั้ยนะ ตอนนี้น่าจะพักเที่ยง'
 
 
 
“คุณเมฆครับ ผมคิด...”
 
 
 
“คุณเมฆเข้าห้องน้ำอยู่ เธอมีอะไรก็ฝากฉันได้นะ”
 
 
 
 
 
ตื้ด....ตื้ด....
 
 
 
ร่างบางกดตัดสายทิ้งทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิงรับสาย ก็เลขาคุณเมฆเป็นผู้ชายนี่นา แล้วเสียงผู้หญิงนี่มัน....ใคร ใครกัน! ปกติคุณเมฆไม่ให้คนอื่นรับโทรศัพท์แทนนี่นา ขนาดเขาเองยัง.. เขาเองที่เป็นคนรักยังทำไม่ได้ แล้วทำไม!
 
 
 
“คงไม่มีอะไรหรอกน่ากานต์กวี นายคิดมากไปเองล่ะมั้ง”
 
 
ร่างบางพึมพำให้กำลังใจตัวเองเบา ๆ ว่าเมฆาไม่มีทางนอกใจเขาแน่ ๆ พยายามเชื่อมั่นในตัวของอีกคน แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลลงมาเงียบ ๆ ไร้ซึ่งเสียงสะอึกสะอื้นของเจ้าตัว
 
 
 
 
 
 
 
กานต์กวีไม่รู้ตัวเลยว่าจิตใจตัวเองกำลังอ่อนแอลงทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
 
 
 
 
 
 
 
 
TBC.

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2015 04:43:27 โดย OumkaCho »

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Part 2
 
 
 
“นายหายดีแล้วหรอ แล้วมาไง ใครมาส่ง”
 
 
 
ถึงจะยังเจ็บข้อเท้าที่บวมปูดอยู่ แต่กานต์กวีก็ตัดสินใจมาเรียนดีกว่าที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวที่ห้อง ได้มาเจอ มาพูดคุยกับเพื่อนคงช่วยให้จิตใจสดชื่นขึ้นบ้าง
 
 
 
“แทกซี่มาส่ง”  ร่างบางตอบเพื่อนสนิทไปตามความเป็นจริง และคาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกไม่นาน วินจะต้องค่อนขอดแฟนของเขาแน่ ๆ ที่จริงก็คือว่าเขานั่นแหละที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่เจ็บข้อเท้ากับคุณเมฆ เพื่อนรักคนนี้รู้นิสัยของร่างบางดีว่าขี้เกรงใจแค่ไหน
 
 
 
“กวนตีน”
 
 
 
“หึหึ ก็เรื่องจริงนี่นา”
 
 
 
“คุณเมฆล่ะ แฟนเจ็บขนาดนี้หายหัวไปไหน”
 
 
 
“วิน พอเหอะน่า”
 
 
 
“เงียบไปเลยนะไอ้แมน ...กานต์นายได้บอกเขาหรือยัง”
 
 
 
กานต์กวีส่ายหัวนิด ๆ เป็นคำตอบให้เพื่อน ๆ เป็นอันว่าจบบทสนทนาที่วินเริ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ร่างบางบอกกับแฟนตัวเอง แต่จิตใจของร่างบางตอนนี้มันตื้อไปหมด อยากเจอหน้า อยากได้ยินเสียงของเมฆาใจแทบขาด แต่เหมือนร่างกายมันหมดแรง กลัว กลัวไปหมด ไม่กล้าโทรไปหา กลัวจะเป็นอย่างเมื่อวานอีก
 
.
 
.
 
.
 
‘ติ๊ด ๆ ’
 
 
 
“แฟนส่งเมสเสจมาหาอ่ะดิ๊ ไหนดูดิ๊”
 
 
 
“ม่ะ..ไม่ใช่ซะหน่อยแมน เอ่อ  คือ พะ..พวกโฆษณาขยะน่ะ”
 
กานต์กวีตอบเพื่อนพลางมองภาพในจอมือถืออย่างเหม่อลอย  แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น มือบางตัดสินใจลบเมสเสจที่เพิ่งเข้ามาทิ้งก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
 
 
“เย็นนี้ก็กินข้าวด้วยกันก่อน ค่อยกลับห้องนะ” วินเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในโสตประสาทของเพื่อนสนิทที่อยู่ ๆ ก็นิ่งขึ้นมาเหมือนคนไม่มีชีวิต
 
 
 
“อืม ขอบใจนะวิน”
 
 
 
“เฮ้ยย ขอบใจอะไร ชวนทุกคน นู่นไอ้แมนเดินไปชวนไอ่แฝดนรกนั่นละ ...อิ่มมึงเป็นไรวะเป็นง่อยไงต้องขี่คอหยวนมันน่ะ ฮ่าๆๆ”
.
.
.
ร่างบางเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า กานต์กวีรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเพื่อนทุกคนที่ส่งมาหาเขา และเขาก็ได้รับมันอย่างเต็มหัวใจเลยทีเดียว ปกตินัดทานข้าวตอนเย็นกันพร้อมหน้าแบบนี้ที่ไหน จะมีก็แค่วินเท่านั้นแหละที่ยอมทิ้งแฟนมาอยู่กับเขา คนอื่น ๆ น่ะเหรอ ต้องรอให้ทะเลาะกับแฟนก่อนถึงจะยอมมากินข้าวเย็นกับเพื่อนก่อนกลับหอ
 
.
 
.
 
.
 
“นายควรบอกคุณเมฆเขานะ เรื่องที่นายเจ็บ งานเยอะแค่ไหน ก็ควรจะมาดูแลแฟนบ้าง” แมนพูดแล้วตบบ่าเพื่อนเบา ๆ
 
 
 
“ฉันไม่ได้เจ็บอะไรมาก ไม่ได้เลือดซะหน่อย ไว้ค่อยใกล้ตายก่อนละกัน ฮ่าๆๆ”
 
 
 
วินมองค้อนกานต์กวีก่อนจะหันหน้าหนี  ร่างบางขำกับการกระทำที่แกล้งน้อยใจของอีกฝ่าย เขาก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละ รอให้ใกล้ตายก่อนค่อยเจอกันงั้นเหรอ ถ้าคุณเมฆไม่ว่างมาดูใจกันล่ะ เขาจะทำยังไง แค่คิดก็ปวดใจแล้ว
 
 
 
Tru….Tru..
 
 
 
กานต์กวีมองหน้าจอมือถือที่เสียงเรียกเข้ากำลังดังขึ้นมา
 
.....คุณเมฆ.....
 
แค่เห็นชื่อคนที่โทรมาร่างบางก็เผลอยิ้มดีใจจนปิดไม่มิด เพื่อน ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเลยผลัดกันแซวกันเกือบทุกคน บรรยากาศรอบกายของคนตัวขาวดูสดใสขึ้นเรื่อย ๆ
 
 
 
“ครับ คุณเมฆ” เสียงรับสายเอ่ยทักคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงดีใจ
 
 
 
‘ทำอะไรอยู่ครับ คนดี’
 
 
 
“กำลังกินข้าวกับเพื่อนอยู่ครับ”
 
 
 
“.....”
 
 
 
“อ๊ะ! คุณเมฆครับ...ผมขอโทษ”  กานต์กวีใจไม่ดีที่อีกฝ่ายเงียบไป หรือว่าคุณเมฆโทรมาก็เพื่อชวนกินข้าวด้วยกัน เขานี่แย่จริง ๆ ขอโทษไปแล้ว จะโกรธกันมั้ยนะ ช่วงนี้กว่าคุณเมฆจะว่างซักที เฮ้อ
 
 
 
“ขอโทษทำไม พี่ต่างหากต้องขอโทษ กานต์กินข้าวกับเพื่อนก็ดีแล้วจะได้ไม่เหงาเวลาพี่ไม่อยู่ด้วย.....กานต์พี่ต้องไปทำงานก่อนนะ รักนะครับคนดี”
 
 
 
อีกแล้ว เสียงผู้หญิงอีกแล้ว ร่างบางได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกคนรักของเขาแทรกเข้ามาในสายก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดบทแล้ววางหู  กานต์กวีไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันกับที่รับสายเขาเมื่อวานหรือเปล่า
 
'แต่คุณเมฆบอกว่าทำงาน คุณเมฆไม่เคยโกหก'
 
ร่างบางพยายามเลิกคิดบ้า ๆ ไร้สาระที่ใครบางคนจงใจให้เขาคิดมากตลอดหลายวันที่ผ่านมา
 
 
 
 
 
“คิดถึงเหมือนกันครับ” 
 
 
กานต์กวีพูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ถึงแม้ว่าปลายสายจะไม่อยู่รับฟังแล้วก็ตาม เมฆาคงไม่รู้หรอกว่าคนรักของเขาเหงาแค่ไหน ถึงจะรายล้อมไปด้วยผู้คน กินข้าวกับเพื่อนสนิทเพื่อให้คลายเหงาอย่างที่อีกฝ่ายอก แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับการได้ยินเสียงของเมฆาแค่เพียงไม่กี่นาที
 
 
 
TBC.

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Part 3.


“ทุกคน เรากลับก่อนนะ”
 
 
 
“อ้าวไม่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนหรอวะ”
 
 
 
“ไม่ล่ะวิน ไปนะทุกคน” กานต์กวีบอกลาเพื่อน ๆ แล้วเดินแยกออกมาเพื่อจะขึ้นรถเมล์กลับคอนโด กลับไปที่ห้อง ห้องที่อยู่คนเดียวมาเป็นอาทิตย์เพราะเจ้าของไม่กลับ  ทรมานให้เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว
 
 
 
“เดี๋ยว นายมากับฉันก่อน”
 
 
 
“มีอะไรวิน ฉันเหนื่อยว่ะ อยากกลับไปนอน”
 
 
 
“แต่ฉันหิว ไปกินข้าวกัน ที่ห้องใกล้ ๆ คอนโดนายก็ได้ ไปนะ”
 
 
 
“อืม ก็ได้... ขอบใจนะ นายเป็นเพื่อนที่แสนดีจริง ๆ”
 
 
 
“ขอบใจอะไร ฉันไม่ได้เลี้ยงนายซะหน่อยนะ ฮ่าๆๆๆ”
 
.
 
.
 
.
 
“เฮ้ยเป็นไรวะ เห็นนั่งมองมือถืออยู่นั่นแหละ เห็นเป็นงี้มาหลายวันแล้วนะ ไหนมันมีไรน่าดูนักหนามาดูมั่งดิ” วินถามเมื่อเห็นกานต์กวีเอาแต่มองมือถือดูเมสเสจที่เข้ามาได้ซักพักแล้ว แต่เจ้าของมือถือก็ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอ เพื่อนรักของเขามีอาการแบบนี้ทุกครั้งที่มีเมสเสจเข้ามา และเป็นมาได้หลายวันแล้ว
 
 
 
“ไม่มีไรหรอก แค่เบื่อ ๆ น่ะ” กานต์กวีตอนกลับไปด้วยสีหน้าราบเรียบ วินเข้าใจได้ทันทีว่า แค่เบื่อ ๆ ของกานต์กวีน่ะหมายความว่ายังไง คงจะคิดถึงไอ้คุณเมฆสินะ เติมยศนำหน้าชื่อให้เรียบร้อย
 
 
 
“ว่าไงนะ! ไอ้เพื่อนคนนี้ หนอยมากันฉันทำมาเป็นเบื่อ”
 
 
 
“โอ๊ยย ๆ วิน ปล่อยก่อน ๆ หะ หายใจ ม่ะไม่ออก  แฮ่กกๆๆ” คนตัวบางสองคนนั่งเล่นหยอกล้อกันสนุกสนาน เป็นภาพน่ารักที่เรียกสายตายิ้ม ๆ จากชายหนุ่มรอบข้างได้หลายคนเลยทีเดียว
 
 
 
วินคะยั้นคะยอให้คนตัวขาวกินนั่นกินนี่เมื่อเห็นเพื่อนซูบผอมลงไปมาก ไม่รู้แต่ละวันที่เลิกเรียนกลับคอนโดไปได้กินอะไรมั่งหรือเปล่าถึงได้ผอมอย่างนี้ กานต์กวีก็รับมากินตามแต่ที่วินจะตักให้ กินข้าวกับเพื่อนก็ไม่เหมือนได้กินข้าวกับใครอีกคน   
 
กานต์กวีไม่รู้ว่าใครอีกคนที่คิดถึงอยู่นั้น เวลากินข้าวจะคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า หรือว่าจะมีความสุขที่ได้กินข้าวกับคนอื่นที่ไม่ใช่กานต์วีคนนี้
 
 
 
“กินข้าวเสร็จแล้วแวะไปซื้อกาแฟหน่อยนะ ชักง่วงละ งานไม่เสร็จ ไอ้แมนมันเอาฉันตายแน่” วินพูดบอกกันเพื่อนรักเชิงบังคับไปในตัว
 
 
 
“ท่ะ..ที่ร้านประจำนายน่ะเหรอ คือฉันกลับก่อนได้มั้ย”
 
 
 
“เป็นอะไรน่ะวิน บลูเบอร์รี่ชีสเค้กของโปรดนายน่ะ ไม่ซื้อกลับไปกินหรอ มาเหอะน่า”
 
 
 
“แต่ว่าวิน ฉัน...คือ คือว่า ฉัน”
 
 
 
“มานี่เลย!” ถึงแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธยังไง แต่ด้วยท่าทีของกานต์กวีที่ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว สายตาดูหม่นหมองเต็มทน วินคงปล่อยให้อีกคนกลับคอนโดไปคนเดียวไม่ได้ คงต้องค้างด้วยซักคืนแล้วล่ะมั้ง ไม่ว่ากานต์กวีจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจยังไง วันนี้เขาคงปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
 
 
 
ส่วนตัวปัญหา เป็นผู้ใหญ่กว่าก็เหอะ ได้เห็นดีกับไอ่วินคนนี้บ้างล่ะ
 
'เห....นั่นมัน ไอ้คุณเมฆนี่นา' 
 
วินหันไปมองเพื่อนข้างกายที่เอาแต่ก้มหน้าเดินตามหลังเขามาตลอดทาง
 
 
 
“วิน ฉะ..ฉัน คือ เราไม่เข้าไปได้มั้ย”
 
 
 
“นายรู้?  มานี่เลยไอ้กานต์ เล่ามาให้หมดเลยนะ นายไม่ได้มองเข้าไปข้างในด้วยซ้ำ แล้วรู้ได้ยังไง”
 
 
 
“คะ...คือ”
 
 
 
“พอ! พอเลย ฉันจะเข้าไปซื้อกาแฟ และนาย ก็ต้องเข้าไปด้วยกัน จบนะ นายทำอะไรผิดล่ะ ทำไมต้องไปหลบมันด้วย”
 
 
 
กานต์กวีแอบเหลือบมองไปทางโต๊ะที่เมฆานั่งอยู่ ร่างสูงไขว่ห้างนั่งจิบกาแฟด้วยท่าทีสบายใจ ยิ้มหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ปลายเล็บเรียวสีแดงเลือดนกลูบไล้อยู่บริเวณหลังมือของชายหนุ่มร่างสูง  ผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา
 
 
 
ไหนบอกว่าติดงาน กลับมานอนบ้านไม่ได้ ต้องหอบงานไปทำที่บ้านใหญ่เพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนของเขา นี่ใช่มั้ยธุระสำคัญที่ไม่อยากให้กานต์กวีคนนี้รับรู้
 
 
กานต์กวีใจไม่แข็งพอที่จะทนเห็นภาพตรงหน้า ขาเรียวก้าวฉับ ๆ ออกจากร้านโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ได้ยินแต่เสียงแว่ว ๆ ของเพื่อนที่ตะโกนเรียกแค่เพียงคนเดียว ไม่มีเสียงนุ่มทุ้มที่เคยเรียกหาเขาอีกแล้ว ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว
 
 
 
ร่างบางเดินออกมาด้วยสมองที่ว่างเปล่า เดินมาเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจสิ่งรอบกายเลยว่างจนไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินกลับมาถึงห้องได้ยังไงโดยที่ไม่มีบาดแผลหรือถูกรถเฉี่ยวชนเลยแม้แต่น้อย     
 
 
 
ร่างกายที่บอบบางไม่แพ้จิตใจข้างในทรุดตัวนั่งลงกับเตียงเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้าเอากล่องกำมะหยี่สีดำออกมา นิ้วเรียวถอดเอาแหวนทองคำชุบเงินฝังเพชรเบลเยี่ยมออกจากนิ้วนางข้างซ้ายใส่เก็บเข้าไปในกล่อง
 
 
 
กานต์กวีหยิบเอามือถือที่ส่งเสียงร้องขึ้นมาดู ก็พบว่ามีเมสเสจใหม่เข้ามา อีกแล้ว เบอร์นี้อีกแล้ว ไม่อยากจะเปิดดูเลยจริง ๆ
 
 
 
 
 
‘เขาควงผู้หญิงไปที่โรงแรมแหนะ แบบนี้ยังเรียกว่าคนรักของนายได้อีกเหรอ  จากผู้หวังดี’
 
 
 
 
 
หึ ผู้หวังดีงั้นเหรอ?   คงถึงเวลายอมรับความจริงได้แล้ว ถึงแม้จะรู้มาตลอดว่าเมฆาไปที่ไหน อยู่กับใคร แต่กานต์กวีคนโง่ก็ยังเชื่อ  เชื่อในคำพูดของอีกคนอยู่ร่ำไป มั่นใจเสมอมาว่าผู้ชายคนนี้จะไม่โกหก ไม่หลอกลวงกัน
 
 
 
ร่างบางล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาลงนึกถึงภาพเก่า ๆ ที่เคยอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่ในวันนี้ เวลานี้ เดินอยู่เคียงข้างผู้หญิงคนอื่น โอบประคองกันเข้าไปในโรงแรม 
 
.
 
.
 
.
 
 
 
‘คุณเมฆครับ กานต์ขออะไรคุณอย่างนึงได้ไหมครับ’
 
 
 
‘ได้สิ กี่อย่างก็ได้ ฉันให้กานต์ได้หมดแหละ ก็เมฆาคนนี้มีเจ้าของชื่อกานต์กวีแล้วนี่ครับ’
 
 
 
‘ขอแค่อย่างเดียวครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่รักกันแล้วขอให้บอก ถ้ากานต์รู้จากคนอื่น กานต์คงรับไม่ไหว’
 
 
 
‘อะไรเนี่ยเรา อย่าคิดมากสิ ฉันเลือกแล้ว และฉันไม่มีวันเปลี่ยน เพระาฉะนั้นเรื่องนี้ให้ไม่ได้ หึหึ’
 
.
 
.
 
.
 
ร่างบอบบางซุกหน้าเข้ากับหัวเข่า นอนกอดตัวเองอย่างเดียวดาย น้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงคำพูดที่เคยขออีกคน คำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามแต่ย้ำชัดว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปจากเขา
 
ตอนนี้กานต์กวีเข้าใจแล้ว ที่ใคร ๆ บอกกันว่า คำพูดมันก็แค่ลมปาก
 
 
 
TBC.



ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Part 4
 
Tru….Tru….
 
“อืมม สวัสดีครับ”  กานต์กวีงัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์กลางดึกโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรเข้ามา

 
“น้องกานต์เป็นไงบ้าง หลับแล้วหรอเรา หืมม”

 
 
“คะ คุณเมฆ” เสียงที่อยากได้ยินมานาน เมื่อได้ยินก็พาลใจสั่นไปหมด กานต์กวีขอแค่ครั้งเดียว โอกาสสุดท้าย ครั้งสุดท้ายเท่านั้น

 
“ก็พี่น่ะสิ ตื่นเต้นอะไรกัน คิดถึงน้องจังเลยน๊า อยากกลับไปนอนกอดลูกแมวจังเลย ไม่รู้ว่าลูกแมวคิดถึงเจ้าของคนนี้บ้างรึเปล่า”

 
“ก็กลับมาสิครับ” ร่างบางกุมโทรศัพท์แน่น ตอบออกไปด้วยเสียงเบาหวิว ความมั่นใจที่เคยมีพลันหายไปกับความรู้สึกสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับภาพของคนรักที่อยู่ข้างกายคนอื่นตลอดหลายวันที่ผ่านมา

 
“อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิ พี่ก็อยากกลับอยู่หรอกนะแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะลูกแมว ไว้พรุ่งนี้นะจะกลับบ้านไปกอดให้ชื่นใจเลย”

 
“ครับแล้วเจอกันครับ น้องกานต์ก็..”

 
“คุณเมนนี่อย่าเพิ่งลุกจากเตียงสิครับ มาครับ  ผม....”

 
 
‘เคร้งงงง’


 
ร่างบางปล่อยโทรศัพท์หล่นลงกับพื้น ที่กานต์กวียังไม่ได้วางสายไม่ใช่เพราะอยากจะจับผิดคนรัก แต่ยังอยากได้ยิน อยากฟังเสียง อยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงที่แทรกเข้ามาให้ได้ยินทำให้เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายสบายดีแค่ไหนเพราะมีใครอีกคนคอยเอาอกเอาใจอยู่ด้วยนี่เอง



 
นั่นสินะ คุณเมฆจะอยากกลับมาบ้านทำไม ในเมื่อมีคนสวย ๆ น่ากอดอยู่ข้าง ๆ ทั้งคน เมนนี่งั้นเหรอ ชื่อที่คุ้นหู ชื่อของผู้หญิงที่ร่างสูงคอยเป็นห่วงเป็นเป็นใย ชื่อของผู้หญิงที่คุณเมฆคอยโอบประคอง แล้วปล่อยให้เขาที่เป็นคนรักต้องเจ็บอยู่อย่างโดดเดี่ยว
 



 
รัก แต่ไม่แสดงออกให้รู้ว่ารัก มันจะมีประโยชน์อะไร บางทีคุณเมฆอาจจะไม่กล้าทำตามที่เขาเคยร้องขอก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมาทั้งหมดนี่ อาจเป็นเพราะความตั้งใจของอีกฝ่ายก็เป็นได้


 
 
‘ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับคุณเมฆ ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ขอโทษด้วยที่ยังดื้อดึงอยู่เป็นกาฝากเกาะคุณมาตั้งนาน’
 


 
กานต์กวีหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและของติดตัวเพียงเล็กน้อย พาร่างอันบอบบางกับจิตใจที่บอบช้ำออกมาจากคอนโดที่เปรียบเสมือนเป็นบ้าน เป็นเรือนหอแห่งรักของเขากับเมฆา 



 
ของมีค่าทุกชิ้นที่เมฆาซื้อให้นั้น  กานต์กวีเก็บรวบรวมใส่กล่องเอาไว้ พร้อมกับแปะโน้ตขอบคุณร่างสูงไว้บนกล่อง แหวนคู่ที่เมฆาสั่งทำถูกเก็บอยู่ในกล่องกำมะหยี่อย่างดีวางไว้บนเตียง



 
แม้ใจจริงอยากจะเอาติดตัวไปด้วยมากแค่ไหน เพราะเป็นแหวนที่อีกฝ่ายสวมไว้ให้ในคืนแรกที่อยู่ด้วยจนถึงเช้า ค่ำคืนแห่งความสุขที่มีความหมาย   แต่เมื่อนึกได้ว่าเมฆาไม่ใช่คนของเขาอีกต่อไปแล้ว หากจะเอามาด้วยเพื่อเป็นของต่างหน้าเมฆา เขาคงจะเป็นคนหน้าไม่อายที่คิดจะหยิบฉวยเอาของมีค่าของคนอื่น
 



อย่างน้อยที่สุด กานต์กวีก็ยังหวังให้อีกฝ่ายคิดถึงเขาในแง่ดี อยากให้ระหว่างเขากับเมฆาเป็นเพียงความทรงจำดี ๆ ที่มีค่า ห่างมองย้อนกลับไป กานต์กวียังอยากให้เมฆามองเห็นแต่ภาพดี ๆ ระหว่างกัน ร่างบางจึงตัดสินใจออกมากจากสถานที่ที่เคยเรียกว่า  บ้านของเราอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ



เมื่ออีกคนหมดใจที่จะรักกันแล้ว คงไม่มีประโยชน์อะไร ต่อให้พยายามมาแค่ไหน อีกคนก็คงไม่กลับมา




TBC.

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Part 5


“เมนนี่ต้องขอบคุณพี่เมฆมากเลยนะคะ ที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่างเลย โรงแรมตกแต่งได้สวยถูกใจมากเลยค่ะ”


“ถือเป็นเกียรติของทางรัตนกุลมากกว่าครับที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับไพรมกรุ๊ป”


“ใช่ที่ไหนกันคะพี่เมฆ โรงแรมนี้ของเมนนี่คนเดียวค่ะ คุณพ่อไม่เกี่ยวซักหน่อย  เอ่อเย็นนี้พี่เมฆไปบ้านเมนนี่นะคะ ถือว่าเลี้ยงขอบคุณนะคะ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านก็กลับมาจากอังกฤษพอดีเลย นะคะพี่เมฆ”


“ต้องขออภัยด้วยครับคุณเมนนี่ ผมมีนัดแล้วครับ ไว้โอกาสหน้านะครับ ขอตัวนะครับ ฝากสวัสดีคุณอาทั้งสองด้วยนะครับ ขอตัวครับ”


“อ๊ะ เดี๋ยวสิคะพี่เมฆ พี่เมฆ...กรี๊ดดด โธ่เอ๊ย ไอ้คนบ้า จะรีบกลับไปหาไอ้ตุ๊ดนั่นล่ะสิ”



เมฆาขับรถออกจากโรงแรมหรู ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นที่เตรียมจะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้อย่างรีบเร่ง ร้อนใจอยากจะกลับไปให้ถึงคอนโดเร็ว ๆ ที่ซึ่งเขาเรียกว่าบ้าน บ้านของเขากับคนที่รักสุดหัวใจ น้องกานต์ กานตกวี  บ้านที่เขาปล่อยให้คนรักอยู่อย่างเดียวดายมาหลายวันแล้ว



ร่างสูงขับรถไปพลางชำเลืองมองช็อคโกแลตช่อโต ที่สั่งทำเป็นพิเศษจัดช่อให้เหมือนช่อดอกไม้อย่างมีความสุขเมื่อนึกไปถึงหน้าตกใจของอีกคน เมฆามักจะโดนลูกแมวตัวขาวต่อว่าอยู่เสมอที่ซื้อช่อดอกไม้มาให้ ปากก็บอกว่าสิ้นเปลืองซื้อมาก็ต้องทิ้งอยู่ดีแต่มือบางก็โอบอุ้มมองช่อดอกไม้ในมือด้วยความดีใจแบบปิดไม่มิด คราวนี้ล่ะไม่โดนบ่นแน่ ๆ

 


เมฆาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่พักอยู่ ร่างสูงหยุดอยู่หน้าหมายเลขห้องที่คุ้นเคยนิ้วมือที่กำลังจะกดกริ่งหน้าห้องหยุดชะงัก เปลี่ยนใจแตะนิ้วชี้ที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือ แล้วค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปในห้องปิดประตูอย่างเบามือที่สุด

 

หายไปนานแบบนี้ ถึงกานต์กวีจะบอกว่าไม่เป็นไร อยู่ได้สบายมาก แต่เมฆาก็จับน้ำเสียงอีกฝ่ายได้อยู่ดีว่าเหงาเพียงใดกับการต้องนอนคนเดียวเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ถึงเขาจะโทรมาหาอีกฝ่ายสม่ำเสมอก็เถอะ

 

รู้ตัวว่าไม่ได้ทำผิด เพราะเขาต้องทำงาน อีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนสำคัญที่นายใหญ่ ก็พ่อของเขานั่นแหละ ลงมากำชับกับเขาโดยตรง แต่ก็รู้ตัวอีกนั่นล่ะว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่การกระทำของคนรักที่ดีที่ปล่อยให้คนรักอยู่คนเดียวแบบนี้

 

ร่างสูงค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องนอนกะว่าจะเซอร์ไพร์สอีกฝ่ายให้ตกใจเล่น ก็ต้องแปลกใจ ห้องนอนมืดสนิท น้องกานต์หลับแล้วเหรอ?  เมื่อเปิดสวิตซ์ไฟก็ไม่มีวี่แววของร่างบาง เมฆาเดินเข้าห้องนั้น ออกห้องนี้ สุดท้ายก็หาไม่เจอ หรือว่าน้องกานต์จะไปกินข้าวกับเพื่อน ยังไม่กลับ

 


เมฆานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก สายตาคมเฝ้ามองบานประตูรอคนรักกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีแม้แต่เสียงกริ่งใด ๆ ดังแว่วเข้ามา ทั้งห้องเงียบสนิท เงียบจนน่ากลัว จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องกานต์หรือเปล่า ไวเท่าความคิดร่างสูงหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาคนที่เฝ้าคิดถึงตลอดหลายวันที่ผ่านมาทันที

 

Tru….Tru…

 

Tru…Tru…

 

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของกานต์กวีดังอยู่ในห้องนอน เมฆาเดินไปตามเสียงที่ได้ยินเมื่อเห็นโทรศัพท์ที่ซื้อให้อีกฝ่ายไว้ใช้ติดตัวกระพริบแสงไฟก็นึกหงุดหงิดร่างบางที่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง ไม่รู้ป่านนี้ลูกแมวของเขาจะเป็นยังไงบ้าง

 

เมฆานึกร้อนใจคิดว่าจะทำยังไงดี พยายามนึกว่าอีกคนจะอยู่ที่ไหน พยายามปลอบใจตัวเองว่ากานต์กวีคงอยู่กับเพื่อน กานต์กวีต้องปลอดภัยอีกไม่นานก็คงกลับมาบ้าน

 

‘ใช่.....เพื่อน เพื่อนของน้องกานต์ นายวิน ต้องโทรหานายวิน’

 

ร่างสูงกดโทรออกหาเพื่อนสนิทของคนรักทันที ไม่นานปลายสายก็รับ ไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปหรือเปล่า แต่หนุ่มรุ่นน้องที่รับสายเขาเสียงเหวี่ยง ๆ ชอบกล

 

“วิน นี่พี่เมฆานะครับ ไม่ทราบว่าน้องกานต์...”

 

“หายไปล่ะสิ สมน้ำหน้า” ยังไม่ทันได้ถาม ปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

 

“หมะ  หมายความ ว่ายังไง พี่ไม่เข้าใจ..”

 

“มัวแต่กกผู้หญิงจนลืมเมียรึไงครับคุณเมฆา ไอ้กานต์น่ะมันทนมาได้ตั้งเกือบเดือนเนี่ยก็นับว่าสุดยอดแล้วล่ะ แค่นี้นะ”

 

“ดะ..เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนวิน..”

 

ตู๊ดด...ตู๊ด..พูดจบ วินก็ตัดสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้คนตัวโตได้ซักถามข้อข้องใจ ที่เด็กนั่นพูดหมายความว่ายังไง? ร่างสูงกุมขมับนึกถึงคำว่าของวิน น้องกานต์เข้าใจผิดว่าเขามีคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อตลอดเวลา...

 

ติ๊ด ๆ ...ติ๊ดๆ...

 

เมฆาหันไปมองหาโทรศัพท์ของกานต์กวีทันทีที่ได้ยินเสียง แต่คนตัวโตก็ต้องผิดหวังเมื่อหน้าจอโชว์เบอร์แปลกที่ส่งเมสเสจเข้ามาเท่านั้นไม่ได้มีใครโทรเข้ามา คงเป็นโฆษณาขยะทั่วไป

 

ร่างสูงทรุดลงกับเตียง แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งทับอะไรบางอย่างมือหนาหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทากล่องใบนี้ หวังว่าข้างในคงจะไม่.....

 

เมฆาเปิดกล่องออกก็พบกับแหวนคู่ที่เขาเคยสวมให้อีกฝ่าย ร่างหนาทรุดลงกับเตียงอีกครั้ง ริมฝีปากขบกันจนเกร็งเห็นเป็นเส้นสันนูน สมองก็เอาแต่คิด คิด คิด คิดว่าคนรักจะไปอยู่ที่ไหน อันตรายหรือเปล่า แต่ก็มืดแปดด้านไม่รู้จะไปตามหาตัวอีกคนจากที่ไหน

 


จริงสิ เบอร์แปลกเมื่อกี้ อาจจะเป็นน้องกานต์ก็ได้ ลูกแมวของเขาคงจะรู้ตัวแล้วว่าเข้าใจผิดไปเอง แต่น่าแปลกทำไมไม่โทรมาหาเขาซะแล้ว

 


ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่มือหนาก็ยังคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปลดล็อคหน้าจอที่   กานต์กวีตั้งรหัส4ตัวเป็นวันเกิดของเมฆาเอง

 


ร่างหนาเลิกคิ้วสูงเมื่อเปิดดูข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อสักครู่

 


‘ดีใจด้วยนะ ที่นายคิดได้ ว่าเด็กกำพร้าจน ๆ อย่างนายน่ะ ไม่เหมาะกับคุณเมฆหรอก  อย่างนายน่ะ มันไม่มีค่าพอให้เขากลับมาหาหรอก ....จากผู้หวังดี’

 


เมฆากัดฟันกรอดด้วยความโกรธขึ้ง ใครกัน! ใครที่มันส่งข้อความเลว ๆ แบบนี้มาให้กานต์กวี ดีแค่ไหนแล้วที่เขาเป็นคนเจอซะก่อน ถ้าร่างบางเห็นไม่รู้จะคิดมากแค่ไหน  คนรักที่แสนดีของเขา ถึงใครจะมองว่าเป็นกาฝากเกาะเขากิน แต่ที่จริงแล้ว  กานต์กวีเป็นแรงบันดาลใจในทุกชิ้นงาน โครงการสำคัญ ๆ หลายโครงการมาจากหัวสมองของร่างบางทั้งนั้น   เขาจะหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีก คนที่เป็นทั้งคู่รัก คู่คิด และคู่ชีวิตที่คอยดูแลเค้าทั้งเรื่องงานและเรื่องภายในบ้าน

 


ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นไอ้คนชั่วที่ทำเรื่องสกปรกแบบนี้  และยิ่งเป็นห่วงอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่ คนตัวโตค้นหาข้อมูลในมือถือของกานต์กวีเผื่อว่าจะมีอะไรที่พอจะเป็นเบาะแสให้เขาตามหาอีกฝ่ายได้บ้าง

 


แต่ยิ่งค้นก็ยิ่งเจอ ข้อความมากมายที่ถูกส่งมาจากเบอร์เดียวกัน เบอร์ที่เขาเพิ่งกดดูข้อความ ทุกข้อความล้วนแล้วแต่เป็นรูปแอบถ่ายของเขากับผู้หญิงคนนึงถึงรูปจะไม่ชัดแต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร... ลูกค้าคนสำคัญที่เขาต้องคอยประสานงานกับอีกฝ่ายตลอดหลายวันที่ผ่านมา เมฆาร้อนรนในอกนึกห่วงคนรักจนน้ำตาแทบไหล



คนรักของเขาต้องทนเห็นภาพบ้า ๆ พวกนี้มากี่วันแล้ว กี่วันแล้วที่กานต์กวีต้องอดทนอดกลั้นกับความเจ็บปวดโดยไม่ปริปากซักคำ กี่วันแล้วที่ร่างบางยังคงเป็นห่วงเป็นใยเฝ้าถามถึงสุขภาพของเขาทั้งที่เจ็บปวดเจียนตาย แต่เขากลับทำได้แค่บอกว่าคิดถึงเท่านั้นเอง

 


‘ครับนาย’

 

“เข้ม ช่วยสืบทีว่าเจ้าของเบอร์XXXเป็นใคร หาต้นตอมันมาให้ได้  แล้วให้แก้วหาตัวคุณกานต์ให้พบ ด่วนที่สุด”

 

‘ครับนาย ภายในพรุ่งนี้ได้เลยครับ ’

 

“ขอบใจมาก”

 


เมฆาคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากคอนโด เขาขับรถตรงไปยังบ้านใหญ่ คฤหาสน์สีขาวที่อยู่ของนายใหญ่แห่งรัตนกุล พ่อกับแม่ของเขาเอง แม้จะยังไม่แน่ใจว่านั่นเป็นฝีมือของคนทั้งคู่หรือเปล่า แต่ก่อนอาจเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร เมฆาคนนี้ก็ไม่อนุญาตให้รังแกภรรยาเขาเด็ดขาด ให้มันรู้กันไปว่าเมียคนเดียวจะดูแลให้ดีไม่ได้

TBC.

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Part6



เขาพอจะเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่คงทำใจลำบากที่ลูกชายคนเดียวอย่างเขากลับมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกัน

 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เมฆาเตรียมการไว้พร้อมแล้ว หลานของเขาที่กำลังอยู่ในท้องของน้องสาว แน่นอนว่าข้อเสนอที่เขายื่นให้น้องเขย อีกฝ่ายมีแต่ได้กับได้แล้วทำไมจะไม่รับไว้ล่ะ ในเมื่อหลานแท้ ๆ ที่จะมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขากับกานต์กวี เด็กจะได้มรดกทั้งหมดของตระกูลรัตนกุล

 

เมฆามั่นใจว่า ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้พามากานต์กวีมาแนะนำตัวกับที่บ้าน แต่พ่อของเขาก็ต้องสืบจนรู้ได้ไม่ยากว่าเขาอยู่ที่คอนโดกับใคร และอีกคนที่อยู่กับเขาเป็นใคร มีพื้นเพมาจากไหน ถ้าหากท่านเจ้าสัวรัตนกุลจะห้ามหรือกีดกันเขาล่ะก็ คงจะยากสักหน่อยในเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาเมฆาคนนี้ต่างหากที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและทำกำไรให้กับรัตนกุลอย่างมหาศาล

 

“ฉันกำลังรอแกอยู่พอดี” เสียงชายมีอายุที่เหมือนจะรอการมาของเมฆาอยู่แล้ว พูดขึ้นมาก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยปาก

 

“พ่อรู้? นี่แสดงว่าพ่อ...”

 

“อย่าเพิ่งพูดอะไร เข้าไปในบ้านก่อน แม่แกกำลังรอแกอยู่” เมฆินทร์ รัตนกุลพูดจบก็เดินนำลูกชายเพียงคนเดียวเข้าไปในบ้าน

 

“หึ พ่อลูกชาย ถ้าเมียไม่หาย แกคงไม่กลับมาบ้านสินะ” เมื่อเข้ามาภายในบ้าน หญิงมีอายุแต่ยังคงความสวยสง่าไว้ไม่เปลี่ยนไปตามอายุขัยก็เอ่ยทักผู้มาใหม่

 

“คุณแม่ ..นี่ นี่มันยังไงกันครับเนี่ย” หรือว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้จะเป็นจริง นี่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่ฝีมือของคุณพ่อคุณแม่งั้นหรือ

 

“หยุดความคิดชั่ว ๆ ของแกเลยนะเมห พ่อกับแม่ไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอกนะ” คุณนายของบ้านเอ่ยขึ้น จากสีหน้าของเมฆาหล่อนก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าลูกชายคนเดียวของหล่อนคิดอะไรอยู่

 

“แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะครับ”

 

“ไอ้เมฆนั่งลง แกอย่าเสียมารยาทกับแม่แกนะ” นายใหญ่ของบ้านสั่งกับลูกชายเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ภรรยา

 

“เมฆฟังแม่นะ ถึงพ่อกับแม่จะไม่ได้พูดอะไร แต่สองปีที่ผ่านมานี้ใช่ว่าเราจะละเลยลูก เดี๋ยว ... ฟังให้จบก่อน  แน่นอนว่าเรารู้เรื่องผู้ชายของลูกแล้ว ที่เราต้องสืบเรื่องนี้เองเพราะลูกไม่ยอมบอกกับพ่อแม่   เมฆเป็นลูกของพ่อกับแม่นะ อย่างน้อยเราควรจะมีสิทธิได้รู้ว่าใครที่จะมาอยู่เคียงข้างลูกในอนาคตลูกไม่บอก พ่อกับแม่ก็ต้องหาทางเอง”

 

“โดยการทำลายอนาคตที่ผมจะได้อยู่เคียงข้างเค้างั้นเหรอครับ!” เมฆาตะโกนใส่บุพการีแล้วหุนหันทำท่าจะลุกออกไป

 

“เมฆ! แกหยุดบ้า แล้วนั่งลงซะ! ถ้าแกยังเห็นพวกเราเป็นพ่อแม่อยู่”

 

เมฆานั่งลงทันทีที่ได้ยิน เขายังไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก แค่เรื่องของกานต์กวีเขาก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว และอีกอย่างเผื่อข้อเสนอที่พ่อจะบอกมันพอจะช่วยเขาได้

 

“เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของเมนนี่” สิ่งที่ชายสูงวัยบอกกับเมฆาไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องมีการต่อรองแต่อย่างใด แต่กลับเป็นคำตอบของต้นเหตุทุกอย่าง เขานี่มันโง่จริง ๆ ที่หลงเชื่อผู้หญิงคนนั้น ชอบนัดคุยงานไป ทานข้าวไป แล้วยังมาเป็นลมเอาวันที่ต้องเข้าไปตรวจงานที่โรงแรมอีก มิน่า โธ่ว้อย!!!

 

“แต่เรื่องนี้จะโทษเมนนี่ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้”

 

“แม่หมายความว่าไงครับ ใครอีกที่มันทำ..”

 

“ก็แกไง แกเองไม่ใช่หรอที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของเมียแกน่ะ หลอกเค้าว่ากลับมานอนที่บ้าน แต่ทุกคืนแกก็เปิดห้องนอนที่โรงแรมมาตลอดที่ทำโปรเจคของหนูเมนนี่”


“ผม..ผมแค่ น้องกานต์ต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวันเพราะผม ผมไม่อยากให้น้องเหนื่อย”


“เมฆลูก  ถ้าเราเห็นเค้าเป็นแค่สิ่งของที่มีประโยชน์กับเราแค่นั้นก็อย่าไปตามเค้ากลับมา ถ้าไม่มั่นใจว่าต่อไปจะรักษาเค้าไว้ได้ ก็อย่าให้เด็กคนนั้นกลับมาเจ็บอีกเลย” มือบางบีบไหล่ลูกชายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม

 

“ผมสัญญาครับ ว่าผมจะไม่มีวันทำให้คนรักของผมขาดความเชื่อใจอีกเป็นครั้งที่สอง แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ  ได้โปรดบอกผมด้วยเถอะครับ ว่าเค้าอยู่ที่ไหน คนรักของผมอยู่ที่ไหน คุณพ่อ คุณแม่” เมฆาคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อและแม่ บ่าแข็งแกร่งสั่นเทา    ร่างสูงพยายามกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายผู้นำตระกูลไม่ให้ไหลออกมา

 

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราสองคน   แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเค้าต่างหาก ว่ายังอยากจะให้โอกาสลูกอยู่หรือเปล่า”  มารดาของร่างสูงพูดจบก็เดินหนีขึ้นชั้นบนของบ้าน ทิ้งให้ลูกชายคนเดียวคุกเข่าอยู่อย่างนั้น

 

“เจ้าเมฆ ฉันเรียกแกมาวันนี้ให้แกจัดการเรื่องของแกให้เรียบร้อยเท่านั้น อย่าให้หลุดออกไปเป็นข่าว ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมรับคนรักวิปริตของแก และเรื่องนี้แม่แกก็ช่วยไม่ได้” เมื่อลับหลังภรรยาเจ้าสัวเมฆินทร์ก็พูดกับลูกชายเสียงเฉียบขาด



 

“ปล่อยข่าวออกไปเรื่อย ๆ ส่วนที่เป็นคอนโดซื้อจองแล้วประกาศขายทิ้งให้หมดหลังจากปล่อยข่าวไปแล้ว” เสียงเข้มสั่ง
เลขาคนสนิท


“ครับนาย” นายเข้มรับคำแล้วเดินออกไปจากห้องทำตามคำสั่งทันที


“หึ แล้วเราจะได้รู้กันเมธิยา คอนโดหรูที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลที่ไม่มีลูกค้ามาจับจองมันจะเป็นยังไง” ใบหน้าคมคายจ้องอยู่ที่เอกสารตรงหน้า ตั้งแต่ออกมาจากบ้านใหญ่เขาก็ใช้เวลาทั้งคืนในการหาวิธีการเพื่อเอาคืนคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ


รายละเอียดลูกค้าที่จองห้องชุดทั้งหมดที่เขาเสนอเงินจำนวนที่น่าพอใจเพื่อขอซื้อใบจองต่อ นอกจากนี้ยังมีเอกสารเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นและแหล่งเงินทุนของเมธิยา หรือเมนนี่ ในการสร้างโรงแรมและคอนโดนมิเนียมสุดหรู



เมฆาสั่งให้ลูกน้องปล่อยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เกี่ยวกับการความไม่มั่นคงของบริษัทซึ่งแน่นอนว่า อสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีแต่เปิดให้ลูกค้าซื้อจับจองเป็นเจ้าของ รวมถึงโรงแรมที่เน้นไปทางลูกค้าประจำสำหรับเปิดให้ตัวแทนเช่าเป็นรายปีแก่นักธุรกิจต่างชาติที่มาประจำในเมืองไทยนั้น ย่อมสร้างความไม่มั่นใจแก่ลูกค้าอย่างยิ่ง ไม่แน่ใจว่าบริษัทผู้ดูแลโครงการจะตกแต่งให้แล้วเสร็จเมื่อไหร่


แม้ว่าบริษัทเจ้าของโครางการนี้จะเป็นของลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวคนดังของเมืองไทยตีคู่กันมากับรัตนกุล แต่กิจการเด็ก ๆ แบบนี้เมฆามั่นใจว่า บิดาของอีกฝ่ายจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน เพราะการสอนของนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ทุกคนมักจะสอนลูกเหมือนๆกันหมด ไม่เว้นแม้แต่พ่อของเขา


‘ความสุขเล็ก ๆ ของพ่อแม่ก็คือการได้เห็นลูกตัวเองล้มแล้วลุกขึ้นได้เอง’



แต่ผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้หัวใจของเขาต้องหนีไป จะไม่มีวันได้ลุกขึ้นมาหรอก ไม่มีวัน!

TBC.

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0


Part 7 END

.

.

.

“กึก!”



กานต์กวีส่ายสายตาด้วยความระแวดระวังทันทีที่ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากหน้าบ้าน มือบางคว้าไม้เบสบอลกระชับแน่นเข้ากับตัว ร่างบางยืนหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านรอเผื่อจะได้ยินเสียงแปลก ๆ อีกครั้ง

..

..

 

ยืนรอได้สักพัก เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวให้ได้ยินอีก กานต์กวีก็เดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น



ร่างบางมาอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว ที่นี่เป็นบ้านพักครูอาสาสมัครที่มาช่วยสอนหนังสือเด็กกำพร้า ใช่แล้ว  ตอนนี้กานต์กวีก็เป็นหนึ่งในคุณครูของที่นี่ ที่ซึ่งครั้งหนึ่งกานต์กวีเองก็เป็นเด็กที่ได้รับโอกาสจากสถานที่แห่งนี้



ตอนแรกเขาเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนดี ห้องเช่าเดิมก็คืนไปนานแล้วนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเมฆา จะให้หาห้องเช่าใกล้มหาลัยในช่วงกลางเทอมแบบนี้หายากยิ่งกว่าทองคำเสียอีก สุดท้ายเขาก็นึกถึงที่นี่ขึ้นมา ที่ซึ่งเป็นความอบอุ่นเดียวที่เหลืออยู่ของเขา



ถึงแม้ว่าคุณแม่เจ้าของมูลนิธิจะไล่ให้เขากลับไปเรียนอยู่ทุกวัน แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของร่างบางอยู่ดี ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องความรักมาทำลายอนาคตของตัวเอง ทำตัวเป็นเด็กเกเร แค่ตอนนี้เท่านั้น แค่ไม่กี่วันเท่านั้นแหละที่กานต์กวีจะขอพักใจบ้าง เพราะอนาคตที่ไม่มีคุณเมฆาอยู่เคียงข้าง กานต์กวียังนึกไม่ออกเลยว่าจะเดินไปทางไหน

.

.

.

.

.

 

‘แกร๊ก’  เสียงกุญแจไขเข้ามาในห้องนอน ร่างบางที่ผลอยหลับลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะทั้งสอนทั้งเล่นไปกับเด็ก ๆ ทั้งวัน จึงไม่มีสติได้รับรู้ว่ามีใครอีกคนเข้ามา

 

“อ๊ะ!” เสียงของเจ้าของเตียงร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ ก็โดนกอดจากทางด้านหลัง อ้อมกอดที่รัดแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป อ้อมกอดที่เขาเองก็โหยหามานาน กลิ่นกายของผู้มาใหม่ที่คุ้นเคยดี สัมผัสที่ยังนึกถึงอยู่ทุกวินาที คิดได้เท่านั้นน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสาย ชื้นเปียกแฉะลงบนแขนแกร่งที่โอบกอดร่างตัวเอง

 

“กลับบ้านเราเถอะนะ”

 

แค่ประโยค ประโยคเดียวที่เปล่งออกมาจากเสียงทุ้มที่สั่นพร่า หัวใจที่เคยคิดว่าแตกสลายไปแล้ว ก็กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง สุดท้ายแล้วกานต์กวีก็ใจไม่แข็งพอ หัวใจดวงนี้มันพร้อมจะให้อภัยผู้ชายคนนี้เสมอ ผู้ชายที่ชื่อว่า  เมฆา รัตนกุล

 

.

.

.

.

“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่ครับ คุณเมฆ คุณเมฆครับ! จะพาผมไปไหนน่ะ” เสียงหวานร้องทักเมื่อสังเกตได้ว่าเมฆาขับรถไปทางที่ไม่คุ้นชิน

 

“นี่แหละทางกลับบ้าน แต่บ้านใหญ่นะ อ้อ  ถ้ายังพูดจาไม่เข้าหูล่ะก็โดนดีแน่ ”

 

“ก็ผม...ก็น้องกานต์ คือ น้องกานต์หมายถึง คุณพ่อคุณแม่คุณ พวกท่านจะ...เอ่อ..”  เมฆาอดขำออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวของคนรักเมื่อเขาบอกว่าจะพามาบ้านใหญ่ คงจะกลัวพ่อกับแม่ของเขา เฮ้อออ กานต์กวียังจะต้องกลัวอะไร เขาต่างหากล่ะที่ต้องกลัว ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้าง กว่าจะได้ที่อยู่ของกานต์กวีมา  แทบตาย  ไอ้ลูกน้องแต่ละคนที่รับปากรับคำ หนักแน่นก็หายหัวไปหมด กลัวนายใหญ่ไม่เข้าเรื่อง

 

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่อยู่ตรงนี้ไม่ทิ้งน้องกานต์ไปไหนอีกแล้ว ขอโทษนะ  ขอโทษที่ทำให้ น้องกานต์หมดความเชื่อใจ แต่ได้โปรดเชื่อใจพี่อีกสักครั้ง  นะครับ” เมฆาเอื้อมมือไปกุมมือคนข้างกายแล้วบีบเบา ๆ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายมั่นใจ ไม่ว่าอนาคตจะเดินไปทางไหน เส้นทางนั้นจะมีอุปสรรครออยู่มากเท่าใด แต่ทางเดินของกานต์กวีนั้นจะมีเมฆาคนนี้อยู่เคียงเสมอ นับจากวันนี้ และตลอดไป

 

END.


จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามเสมอมานะคะ ^^
ใครที่เป็นห่วงกลัวพ่อตาจะไม่ชอบลูกสะใภ้ ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่เมฆาซะอย่างหาลู่ทางได้อยู่เเล้วค่ะ  ได้ยินถามถึงเมนนี่ ตอนนี้นางกำลังวิ่งวุ่นปวดหัวกับกิจการที่ใกล้จะเจ๊งกำลังจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นนะคะ ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับน้องกานต์ค่า

ตอนหลักจบแล้ว ส่วนตอนพิเศษ ก็รอๆกันก่อนน๊า ^^  พรุ่งนี้มาลงให้นะคะ ง่วงแป๊บ คร่อกกกก

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พิเศษ 1.

 “พามาบ้านทำไม ทำไมไม่พาไปอยู่คอนโดแก” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่เห็นลูกชายโอบเอวผู้ชายอีกคนเข้ามาในบ้าน

 

“คุณ พอเถอะ”

 

“แกจะไปเหลวไหลยังไง ฉันไม่ว่า แต่นี่มันที่บ้านนะเจ้าเมฆา ไม่มีปัญญาหาที่มันดีกว่านี้รึไง”

 

“คุณ พอเถอะ”

 

“แกอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดจะมีหลานให้แม่แก..”

 

“หยุดพูด! เงียบเลยนะ จะไปไหนก็ไปเลยไป รำคาญ” สิ้นเสียงของคุณผู้หญิงของบ้าน เจ้าสัวรัตนกุลปิดปากเงียบทันที

 

“คือ..”

 

“ยังจะอะไรอีก ห๊ะ! จะบังคับอะไรมันมากมาย จะอยู่ค้ำฟ้าบังคับลูกมันไปตลอดเลยใช่ไหม!”

 

“เปล่า ผมก็แค่ อยากมีหลานให้คุณไง ที่รัก”

 

“ไปเลยนะ ขึ้นไปบนห้องเลยเกะกะลูกตาฉันเปล่า ๆ” คุณเมฆินทร์เดินไปออกไปจากวงสนทนาตามคำสั่งคุณผู้หญิงทันที

 

“กานต์กวีใช่ไหม”

“นี่ กานต์กวี กานต์กวี!”

 

“อ่ะ.. คะ..ครับ” ร่างบางที่นั่งพับเพียบลงกับพื้นสะดุ้งตกใจเมื่อคนข้างกายสะกิดให้ขานรับ

 

“เหม่ออะไรลูก กลัวพ่อเขาเหรอ ไม่ต้องไปสนใเขาหรอก บ้านนี้แม่ใหญ่สุด”

 

“แต่ว่าคุณท่าน..”

 

“คุณท่านไหน ไม่มีหรอก ที่นี่มีแต่คุณพ่อกับคุณแม่ หนูเป็นคนรักของลูกแม่ก็เหมือนเป็นลูกแม่นั่นแหละ ส่วนคุณเมฆินทร์น่ะปล่อยไปเหอะ แก่เเล้วยังจะคิดไม่ได้”

 

“เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล พ่อแม่พี่ใจดีจะตาย” มือหนาลูบไหล่บางเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

 

“หนูอยู่บ้านกับแม่นะลูก บ้านนี้ก้บ้านหนูเหมือนกัน” คุณผู้หญิงเอื้อมมือมาประคองให้ลูกสะใภ้ลุกขึ้นมานั่งข้างกัน

 

“แต่ว่า ผมเอ่อ..”

 

“พอเลย ๆ อะไรของคุณแม่เนี่ย ให้น้องอยู่บ้านใหญ่แล้วผมล่ะ”

 

“หึ แกอยากอยู่คอนโดแคบ ๆ ของแก ก็อยู่ไปคนเดียวเถอะ ลูกสะใภ้ฉัน ฉันจะให้อยู่ทีนี่..หนุน่ารักแบบนี้นี่เองตาเมฆถึงได้เป็นบ้าเป็นหลังตอนที่หนูหายตัวไปน่ะ เหนื่อยมากไหมลูก ที่บ้านสายลมเด็กเยอะน่าดู” มือบางลูกผมกานต์กวีอย่างเอ็นดู

 

“เอ๋ คุณท่าน..เอ่อ คุณ คุณแม่ รู้จักบ้านสายลมด้วยเหรอครับ”

 

“หึหึ จ้ะ รู้จัก เอาเป็นว่าเราสองคนไปพักผ่อนเถอะนะ นี่ก็ดึกแล้วแม่ชักง่วงเเล้วสิ อ้อตาเมฆ ที่แม่บอกให้หนูกานต์อยุ่ที่บ้านนี่แม่พูดจริงนะ ถ้าแกไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ เชอะ” คุณผู้หญิงพูดจบแล้วก็ลุกเดินขึ้นไปตกลงสะสางปัญหากับสามีหัวรั้นต่อทันที

 

"คุณแม่พี่ท่านคงเหงา เราย้ายมาอยู่ก็ดีนะครับ"

 

"เรา? เราเหรอ คนดีน่ารักอีกแล้ว"

 

"บ้า เดินนำเลย ง่วงเเล้ว"

 

"สะใภ้น่ารักขนาดนี้แม่ผัวรักตายเลย"

 

"พูดจาอะไรเนี่ย"

 

"ฮ่า ๆ ๆ"

 

“งั้นเราก็...”เมฆาไม่พูดเปล่ากลับใช้มือลูบไล้เนื้อตัวคนตัวเล็กพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าเล่ห์อย่างไม่ปิดบังมาให้อีก

 

“ก็อะไร พอเลยนะ! นี่ยังไม่หายเสียใจนะจะบอกให้” กานต์กวีเบี่ยงตัวหลบคนตัวโตทันที แล้วเดินไปอย่างไม่รู้จุดหมายว่าคืนนี้เขาจะต้องนอนห้องไหนแน่

 

“พี่แค่ล้อเล่นเอง ไปเถอะ ห้องพี่อยู่ทางนี้” เมฆารีบลุกตามจับมือเรียวแล้วพาเดินไปที่ห้องนอนของตน

..

..

..

“นี่คนดี หลับแล้วหรือครับ” เมฆาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จลองเรียกกานต์กวีที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงใหญ่

 

“น้องกานต์ถ้ายังไม่หลับ พี่ว่าเราคุยอะไรกันหน่อยดีไหม พี่ไม่อยากให้น้องคิดมากแบบนี้” ร่างสูงที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยขึ้นมานอนกอดคนที่หันหลังให้ไม่ขยับเขยื้อน

 

“น้องกานต์”

 

“อื้อออ หลับเเล้ว” กานต์กวีพลิกตัวหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เอาหน้าซุกอกแกร่ง แล้วพูดด้วยเสียงงัวเงีย

 

“เฮ้ออ นี่ตกลงจะยั่วใช่ไหม งั้นทำก่อนแล้วค่อยคุยสินะ” พูดจบมือของคนตัวโตก็สอดเข้าหาแผ่นหลังบอบบางทันที

 

“เฮ้ยย! ไม่เอาๆ ไม่เอานะ ผมยังโกรธอยู่เลยนะ”

 

“น้องกานต์! เอาอีกแล้วนะ”

 

“ก็นั่นแหละ น้องกานต์ยังโกรธพี่เมฆอยู่นะครับ”

 

“งั้นช่วยฟังพี่หน่อยนะ ขอแค่ได้อธิบาย ได้ไหม”

 

“ไม่ต้องอธิบายได้ไหม ไม่อยากฟัง”

 

“น้องกานต์”

 

“ไม่ใช่นะ คือ น้องกานต์กลัวว่าถ้าได้ฟังที่พี่เมฆบอก น้องกานต์จะเจ็บอีก คือ.มัน” กานต์กวีรีบบอกเหตุผลที่ตนเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมฟังคำอธิบายของคนตรงหน้าทันทีที่อีกฝ่ายพูดชื่อของเขาออกมาอย่างหมดเเรง เสียงที่ได้ฟังเเล้วทำเอากานต์กวีปวดใจ เขาไม่อยากให้คนรักและตัวเองต้องรื้อฟื้นเรื่องที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดอีกแล้ว แค่เมฆาสืบหาที่อยู่แล้วไปตามเขากลับมา กานต์กวีก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองมีค่าแก่การเป็นคนรักของเมฆาเพียงไหน

 

“แต่พี่อยากบอกให้เราเข้าใจ ว่าพี่ไม่เคยทั้งนอกกายหรือนอกใจก็ไม่เคยทั้งนั้น แต่ที่อยากขอโทษมากที่สุดคือ ขอโทษที่การกระทำของพี่ทำให้เราเสียใจ ขอโทษที่ทำให้เชื่อใจไม่ได้” เมฆากล่าวออกมาอย่างคนหมดแรง กายแกร่งสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ แม้จะไม่มีเสียงร้องออกมาแต่คนตัวเล็กก็รับรู้ได้ว่าอีกคนเจ็บปวดและเสียใจมากเพียงไหน

 

 

“พี่เมฆไม่ผิดเลย น้องกานต์ต่างหากที่ผิด ผิดที่ไม่เชื่อใจ ผิดที่หนีไป ผิดที่ไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย น้องกานต์ขอโทษนะครับ” มือบางที่กำลังลูบแผ่นหลังของอีกคนเหมือนเป็นยาชั้นดีที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของคนตัวโตได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากบางยื่นเข้าหากายแกร่ง จูบลงปลายคางสากเบา ๆ สองร่างกอดก่ายกันไว้แน่นด้วยความกลัวว่าอีกคนจะหายไป

 

ตอนแรกไม่คิดจะเขียน NC ลงเรื่องนี้เลยนะคะ แต่เขียนๆไปแล้วอารมณ์ว่าต้องเกิดแล้วล่ะ

นักอ่านท่านใดไม่ชอบ ก็ข้ามตัวหนังสือ สีน้ำเงินไปนะคะ

 

 

 

 

“อึก..พี่เมฆ อ๊ะ! แรง..แรงไปแล้ว”

 

“อา..พี่ขอโทษนะ”

 

“อื้อออ” กานต์กวีจิกเล็บลงแผนหลังแกร่งเพื่อระบายความเสียวซ่าน

 

“ซี้ดดด น้องกานต์ อืมม อาา ขอโทษนะ”

 

“พี่..อ๊ะ พี่เมฆ พอก่อน อื้อ เดี๋ยว อ๊ะ”

 

“ครับ อา” เมฆาตอบรับคนรักแต่แรงขยับที่สะโพกสอบไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งเร่งเร้าสอดใส่เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครางหวานหูของกานต์กวี

 

“ดีจังเลยน้องกานต์ อา แน่นดีจัง คนดี อืม อืม”

 

“พี่ อ๊ะ! น้อง..อ๊า!!! เดี๋ยวตก ไม่เอาๆๆๆๆ” คนตัวใหญ่อุ้มคนรักขึ้นมานั่งตักแล้วพาเดินทั้งที่ยังไม่ถอนกายออกไปยังหน้าตู้เสื้อที่เป็นกระจกแผ่นใหญ่

 

“งั้นยืนไหม อืมม” ร่างสูงถอนกายแกร่งออก ช่วยขยับให้คนรักยืนหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ส่วนตัวเองยืนว้อนทางด้านหลัง

 

“อ๊าาาา” กานต์กวีสะดุ้งเมื่อมือหนายกสะโพกมนขึ้นสูงแล้วสอดใส่เข้าหาความอ่อนนุ่มจนสุดรวดเดียว

 

“อา คนดีของพี่ อือ อย่างนั้นแหละครับ รัดพี่อีก อาแน่นไปแล้วน้องกานต์” เมฆาครางอย่างสุขสมสองมือบีบเนื้อขาวเนียนแน่นหนั่นเต็มแรงเพื่อระบายความเสียว

 

“อึ๊ก ...อา อ๊า พี่เมฆ” กานต์กวีร้อนผ่าวไปทั้งตัว ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานกลับมาอีกครั้งเมื่อเมฆาสอดจนลึกกระแทกจุดสำคัญภายในช่องทางรักให้ร่างบางดิ้นเร่า ดวงตาคู่สวยที่บัดนี้หยาดเยิ้มรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความอิ่มเอมเผลอลืมตามองภาพข้างหน้าก็พลันหน้าแดง เมื่อภาพที่เห็นเป็นสองร่างที่กำลังทำรักกัน

 

“คนดีขอพี่สวยที่สุดเลย น้องกานต์เห็นไหม” เมฆาเห็นเงาสะท้อนในกระจกว่าคนตัวเล็กของเขาหน้าแดงกับภาพในกระจกก็ยิ่งเร่งเร้ารุนแรง เมฆาคนขี้แกล้ง ชอบนักเวลาคนรักของตนเขินหน้าแดงแบบนี้ ก็น้องกานต์เวลาเขินน่ะ น่าเอาที่สุด

 

พั่บ พั่บ พั่บ

 

พั่บ พั่บ พั่บ

 

“อ๊ะ พี่เมฆ น้องกานต์ ม่ะ ไม่ อ๊าาาาา” ยังพูดไม่ทันจบดีร่างเล็กก็ปลดปล่อยออกมาเลอะไปทั่วบานกระจก

 

“อือ เลอะหมดเลย ทำไงดี” กานต์กวีเอี้ยวหน้าไปหาคนรัก

 

“อา ช่างมันเหอะ ไมไหวแล้วใช่ไหม อา ครับ อาาาา” เมฆากระแทกกระทั้นเร็วขึ้นจนถึงเป้าหมายตามกานต์กวีไป ร่างสูงถอนแก่นกายที่ไม่ได้อ่อนตัวลงสักเท่าไหร่ออกมา พาลให้น้ำรักสีมุกไหลออกมาเป็นทางเปรอะขาเนียนของกานต์กวี

 

“พี่เมฆ ! มัน อื้อ พี่เมฆยังจะ อื้อออ” กานต์กวีตกใจกับเงาสะท้อนขาเรียวของตัวเองในกระจก ยังไม่ทันได้หันไปต่อว่า อีกคนก็พลิกร่างบางเข้าหาจูบดูดดื่มปิดเสียงประท้วงทันที

 

“ยืนไม่ไหว งั้นไปที่เตียงนะครับ”

 

“อ๊ะ..อ๊ะ..ไม่..อื้ออ เอา..อื้อ พี่เมฆ”

 

“พี่ขออีกครั้งเถอะนะ คนดี”  เสียงครางหวานอ้อนวอนของกานต์กวีดังไปทั่วทั้งห้องตลอดคืน เมื่อคนเอาแต่ใจไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางได้นอนหลับสบายเสียที..

..

..


..

 

“ต่อไปนี้มีอะไรที่ไม่ชอบใจ ไม่สบายใจ น้องกานต์ต้องบอกพี่นะ พี่ไม่อยากให้เราเก็บ ไม่อยากให้ทน” หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันมาตลอดทั้งคืน คนเอาแต่ใจก็พาร่างบอบบางที่เพิ่งตื่นตอนสาย เข้ามาอาบน้ำให้อย่างดี กายแกร่งโอบประคองคนตัวเล็กให้นั่งอยู่หว่างขาตัวเองภายในอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่

 

“อื้ออ เมื่อยอ่ะ” กานต์กวีเอนหลังซบอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างสบายตัว

 

“หึ ฟังที่พี่พูดหรือเปล่าเนี่ย” เมฆาพูดไปพลางเอาใยขัดตัวลูบไล้ให้อีกฝ่ายเบา ๆ

 

“พี่ไม่อยากให้เราเก็บเอาไปคิดมากคนเดียว มีอะไรไม่ชอบ ไม่สบายใจให้บอก ไม่ชอบอะไรในตัวพี่ก็บอก”

 

“ไม่มีนะครับ”

 

“โกหกให้พี่สบายใจอีกแล้ว ถ้าไม่มีแล้วหนีพี่ไปทำไม”

 

“น้องกานต์หนีเพราะคนอื่นต่างหาก ไม่ใช่เพราะพี่เมฆหรอก” กานต์กวีนิ่งคิดไม่นานก็บอกออกมา

 

“โกหกอีกแล้ว”

 

“เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้าน้องกานต์ไม่สบายใจอะไรจะบอกพี่เมฆทุกอย่าง”

 

“ดีครับ แล้วตัวพี่ล่ะ ไม่ชอบนิสัยอะไรก็บอก เราสองคนเป็นสามีภรรยากันเราทั้งคู่ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่ให้น้องกานต์ปรับคนเดียว”

 

“พี่เมฆไม่มีข้อเสียหรอก”

 

“พี่ดีขนาดนั้นเชียว”

 

“สำหรับคนอื่นพี่เมฆอาจจะมีข้อเสีย แต่สำหรับกานต์ กานต์รับข้อเสียของพี่ได้จนไม่ได้มองว่ามันเป็นข้อเสีย เพราะกานต์อยู่กับนิสัยแบบนี้ของพี่ได้ กานต์ถึงได้ยังอยู่ตรงนี้ไงครับ” กานต์กวีพูดจบก็พยุงตัวขึ้นไปหอมแก้มคนตัวโตอย่างเอาใจ

 

“หึหึ นี่ยั่วอีกแล้วใช่ไหม อึดนะเรา”

 

“บ้า พอเลย จะเดินไหวเปล่ายังไม่รู้เลยเนี่ย”

 

“โอ๊ยยย หยิกพี่ทำไมเนี่ย หยอกเล่นเอง ใครจะทำจริง”

 

“ถ้ายอมก็จะทำใช่ไหมล่ะ” คนตัวเล็กว่าให้

 

“เปล๊า ใครจะกล้า เห็นเมียร้องครวญครางก็สงสารแย่เเล้ว”

 

“พี่เมฆ!”

 

“จ๋า อาบน้ำ ๆ อาบน้ำกัน มาเดี๋ยวพี่ขัดตัวให้อีกน๊า”

 

“พี่เมฆ”

 

“ว่าไง คนดี”

 

“พี่เมฆถ้าในอนาคตพี่เจอ...”

 

“พอเลย เคยบอกแล้วไงว่าพี่มีแค่เราคนเดียว พี่รักเราจนกว่าจะหยุดลมหายใจนั่นแหละ มีเมียน่ารักขนาดนี้พี่ไม่เหลวไหลไปมองใครหรอก”

 

“แล้วถ้าน้องกานต์ไม่น่ารักแล้วล่ะ”

 

“อนุญาตให้เหวี่ยงให้วีนได้เต็มที่เลยครับ  หึงพี่ได้สบายแต่อย่าหึงเงียบนะ พี่แก่เเล้ววิ่งตามเราไม่ทันนะ ฮ่า ๆ ๆ”

 

“บ้า”

 

“บ้าอะไร พูดจริงนะเนี่ย หึงเงียบ ๆ ไม่เอาเเล้วนะ คนดี”

 

“งั้นต่อไปนี้ถ้าน้องกานต์ ห้ามว่าละกัน เชอะ”

 

“ครับ ๆ อนุญาต เต็มที่ ๆ” คนตัวโตโอบกอดกานต์กวีอย่างสุขใจ เมฆารู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายาอาจจะยังมีระแวงบ้างนิด ๆ แต่ก็อย่างที่เขาเคยบอกว่าไม่สัญญา แต่จะทำให้ดู

 

กานต์กวีไม่รู้หรอกว่า ตัวเองนั้นเป็นที่รักของคน ๆ นึงมานานแค่ไหนแล้ว

กานต์กวีไม่รู้หรอกว่า คนรักคนนี้ของตนต้องอดทน ลำบากมากแค่ไหนเพื่อความสุขของกานต์กวี

กานต์กวีไม่รู้หรอกว่า ตัวเองนั้นเป็นที่น่าอิจฉามากแคไหน

กานต์กวี คนรักที่แสนดีของเมฆา

 

 

END.

ท่านเจ้าสัวยังเข้มใส่ลูกสะใภ้อยู่เลยค่ะ เอาใจช่วยน้องกานต์ด้วยนะ ^^

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0


 

7.2

 

“ตื่นกันแล้วเหรอลูก มาๆ กินข้าวกัน”

 

“พ่อล่ะครับ” เมฆาเอ่ยถามมารดา เมื่อเห็นว่าสำรับที่แม่บ้านเตรียมไว้มีแค่ 3 ที่

 

“แกจะเรียกหาฉันทำไม เคยสนใจด้วยหรอ” เจ้าสัวเมฆินทร์เดินเข้ามาก็เสียงดังใส่คนที่ถามหาทันที

 

“เปล่าหรอกครับ ผมก็แค่ถามตามมารยาท”

 

“เจ้าเมฆา!”

 

“ไม่เอาน่าคุณ ทานข้าวกันดีกว่า แม่น่ะทำอาหารไม่ค่อยลงมือทำอาหารเองหรอกนะ แต่มื้อแรกของลูกสะใภ้ วันนี้แม่จัดเต็ม กินเลยนะจ้ะ”

 

“อ่ะ เอ่อ แล้ว คุณพ่อไม่..”

 

“ใครพ่อแก!”  เสียงเข้มตวาดใส่ทันทีที่ได้ยินกานต์กวีเอ่ยถึง

 

“ม่ะ..ไม่ใช่ครับ คือ คุณท่านไม่หิวเหรอครับ กาแฟแก้วเดียว ร่างกายจะไม่ไหวเอานะครับ”

 

“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง ขืนฉันรอเธอได้เป็นโรคกระเพาะกันพอดี หัดดูเวลามั่งนะ นี่มันจะสิบโมงแล้ว”

 

“คุณเมฆินทร์ นี่ถ้ายังไม่หยุดนะ”

 

“คุณก็เอาแต่ว่าผม”

 

“ก็ที่หนูกานต์ลงมาช้าก็เพราะลูกชายตัวดีของคุณนั่นแหละ เอาแต่ใจทั้งพ่อทั้งลูก”

 

“คุณแม่ น้องอายหมดเเล้วนั่น” เมฆาปรามคุณแม่ที่ดูจะพูดตรงเกินไป

 

“เปล่านะครับ ไม่มีอะไรอย่างนั้นนะครับ” กานต์กวีรีบบอกปัดทันทีที่สายตาคนทั้งสามจ้องมองมายังตน

 

“อย่างนั้นน่ะอย่างไหนจ้ะ ลูก ไม่ต้องปฏิเสธหรอกน่า แม่เข้าใจว่าคนวัยนี้ก็แบบนี้ล่ะ คิคิ”

 

“เจิม ยกกาแฟกับของว่างไปให้ฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ ตรงนี้อากาศมันเลี่ยนๆ ฉันไม่ชอบ” กานต์กวีถอนหายใจออกมาเมื่อท่านเจ้าสัวลุกออกไปพ้นจากห้องอาหารแล้ว

 

“หนักใจหรือจ้ะ อย่าห่วงเลย ตาแก่นั่นน่ะทนใจแข็งกับลูกแม่ได้ไม่นานหรอกจ้ะ ก็หนูกานต์ของแม่น่ารักขนาดนี้”

 

“คือว่า ผมคิดว่า ผมควรจะไปอยู่ที่อื่น คืออยู่ที่นี่คุณท่านคง..”

 

“เชื่อแม่เถอะลูก คุณพ่อน่ะเขารับรู้มาตลอดว่าหนูกานต์เป็นคนยังไง แต่ที่แสดงออกมาแบบนี้ก็เพราะตกใจ วางตัวไม่ถูกที่อยู่ ๆ เจ้าเมฆพาหนูเข้ามาหาแบบไม่ให้เตรียมใจน่ะ คนแก่น่ะลูก หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าลูกชายคนเดียวจะเปลี่ยนใจ จะมีหลานให้อุ้มสักวัน”

 

“แล้ว คุณแม่ไม่เสียใจเหรอครับ ผมมีหลานให้คุณแม่ไม่ได้”

 

“โอ๊ย แม่น่ะเลิกคิดไปนานแล้วจ้ะ ตั้งแต่ที่..”

 

“คุณแม่!”

 

“อะไรของแก ตาเมฆ เสียงดังทำไม อยู่ใกล้กันแค่นี้”

 

“หิวแล้วครับ” เมฆาตอบแบบหน้าตาย แล้วตักอาหารใส่จานคนข้าง ๆ ทันที

 

“พี่เมฆ พอแล้วครับ เยอะไปแล้วกานต์กินไม่หมดหรอก นี่ครับ คุณแม่ น้องกานต์ตักให้” กานต์กวีหันไปปรามคนรัก แล้วหันไปตักอาหารเอาใจคุณแม่สามี

 

“ตักให้พี่มั่งสิครับ คนดี”

 

“แบ่งของน้องกานต์แล้วกันครับ เนอะ”

 

“น่ารักอีกแล้ว จุ๊บ”

 

“พี่เมฆ!” กานต์กวีตกใจก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ฝั่งตรงข้าม ที่อยู่ ๆ เมฆาก็หอมแก้มเขาต่อหน้าคุณแม่ตัวเองเสียอย่างนั้น

..

 

กานต์กวีรู้สึกได้ถึงคำว่า ‘ครอบครัว’ เขาไม่รู้ว่า ครอบครัว ในนิยามของคนอื่นมันให้ความรู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า เพราะเขาไม่เคยมี กานต์กวีเติบโตมาแบบครอบครัวใหญ่จากบ้านสายลม แต่เขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเท่านี้มาก่อน

..

 

“ยิ้มอะไรครับ” วันนี้เป็นวันหยุด ทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นชิงช้ากันอยู่ในสวน ใจจริงเมฆาอยากพากานต์กวีไปเดินเล่นซื้อของในห้าง เพราะไม่ได้พาไปนานแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมท่าเดียว

 

“ผมรู้สึกเหมือนมีครอบครัวเลย มีพี่ มีคุณแม่ แล้วก็..” คนตัวเล็กเสียงเบาลงในท้ายประโยคพลางก้มหน้าลง

 

“เราเป็นครอบครัวเดียวกันไง อย่าคิดมาก มาพี่แกว่งชิงช้าให้ เอาสูง ๆ เลยนะ”

 

“เฮ้ย! ไม่เอาๆๆ เดี๋ยวตก”

 

“ไม่ตกหรอกน่า ตอนเด็ก ๆ นะ พี่ชอบมากเลยเวลาพ่อผลักให้ขึ้นไปสูง ๆ”

 

“พี่เมฆ หวาาาา พี่เมฆ!”

 

“ฮ่า ๆ ๆ”

“แฮ่กๆๆ คนบ้า รู้อยู่ว่ากานต์กลัวความสูง”

 

“แต่ก็ดีใช่ไหมล่ะ”

 

“ครับ สบายใจขึ้นเยอะเลย แต่ว่านะครับ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณพ่อพี่มีความสุขกับพวกเราด้วย”

 

‘กุกกักๆ’

 

“เอ๊ะ เสียงอะไร” กานต์กวีจะหันไปมองทางด้านหลังที่เป็นต้นตอของเสียงแต่ติดที่เมฆายืนบังจนมิด

 

“ เสียงคนเรียกร้องความสนใจมั้ง ตาแก่คนนั้นน่ะ อย่าไปสนใจเลย” เมฆาจงใจพูดเสียงดังให้ใครบางคนได้ยิน

 

“พูดอะไรของพี่ งงนะเนี่ย”

 

“เข้าบ้านเถอะ บ่ายละพี่ว่าเราไปเก็บของที่คอนโดเลยดีกว่านะ พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงาน เราก็ต้องไปเรียน”

 

“พี่เมฆ ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องอยู่บ้านใหญ่ คุณพ่อพี่ท่าน..”

 

“อย่าไปสนใจคนแก่เลยน่าน้องกานต์ เชื่อพี่แค่คนเดียวพอ นะครับ นะ”

 

“ครับ” กานต์กวีถอนหายใจแล้วลุกเดินตามแรงที่คนรักจับจูงไป

..

..

..

 

“คุณกานต์กวีครับ เข้าไม่ได้นะครับ ท่านติดแขกอยู่ครับ”

 

“ผมขอโทษนะครับ” กานต์กวีไม่ฟังเสียงของคุณเลขาหน้าห้อง แต่กลับผลักประตูเข้าไปด้วยความโกรธระคนเสียใจ

 

“น้องกานต์!” เมฆาที่กำลังคุยกับผู้หญิงตรงหน้าถึงกับชะงัก

 

“นี่มันอะไรกันครับ! คุณเมฆากรุณาช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจทีนะครับ”

 

“ผมห้ามแล้วนะครับนาย แต่ว่าคุณ..”

 

“ไม่เป็นไร นายพาคุณเมนนี่ออกไปก่อนเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง”

 

“ครับ”

 

“ไม่นะคะ เรายังคุยกันไม่จบ เมนนี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่เมฆต้องรับปากเมนนี่ก่อน” หญิงสาวคุกเข่ากอดขาเมฆาไม่ยอมไปไหน

 

“เมนนี่! อย่าให้ผมต้องลงโทษคุณไปมากกว่านี้นะ ออกไปซะ!”

 

“ไม่มีใครต้องออกไปไหนทั้งนั้น ยกเว้นคุณคามิน เชิญครับ”

 

“อ่ะ..เอ่อ ผม คือ” เจ้าของชื่ออึกอักทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตามเจ้านายหรือร่างบางเจ้าของเสียงดี

 

“เฮ้อ ออกไปก่อนไปเข้ม เอาตามที่คุณกานต์เขาบอกนั่นล่ะ”

 

“ครับนาย”

..

..

..

“คุณเมฆา” เสียงเรียบพูดชื่อคนรักออกมาในที่สุดเมื่อคนตรงหน้ายังเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรออกมาเสียที

 

“ครับ ๆ  พี่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องทำเสียงดุใส่แบบนี้ก็ได้นี่” เมฆาเดินเข้าไปหาคนรักแล้วโอบเอวพามานั่งที่โซฟา ซึ่งอีกฝั่งมีคู่กรณีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

 

“ก็เขาทำผิดต่อพวกเราก่อน ตาต่อตาฟันต่อฟัน พี่ไม่ยอมโดนกระทำฝ่ายเดียวหรอกนะ”

 

“แต่ที่ผ่านมาก็น่าจะพอแล้วนะครับ”

 

“ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ขอโทษน้องกานต์ พี่ถือว่าเขายังไม่สำนึกผิด”

 

“เมธิยา” เมฆาเรียงผู้หญิงคนเดียวในห้องเสียงเข้ม

 

“ทำไมเมนนี่ต้องขอโทษมันด้วย มันหนีพี่เมฆไปเอง เมนนี่ไม่ได้บังคับมันเสียหน่อย”

 

“นี่คุณ!”

 

“พอเถอะครับ ถือว่า..”

 

“แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ทำตัวเป็นนางเอก ฉันไม่ได้ต้องการความเห็นใจของแกเสียหน่อย”

 

“นี่คุณ ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ” กานต์กวีถึงกับส่ายหัว อ่อนใจกับความดื้นรั้นไม่ยอมคนของผู้หญิงคนนี้จริง ๆ

 

นับตั้งแต่ที่กานต์กวีย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ เมฆาก็ไปรับไปส่งกานต์กวีที่มหาลัยเป็นประจำ ทุกวันที่เลิกเรียนถ้าเมฆายังทำงานไม่เสร็จ กานต์กวีก็ต้องมานั่งรอที่บริษัท

 

จากเดิมที่ร่างสูงไม่ชอบออกงานสังคม แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า บัตรเชิญงานไหนส่งมา เมฆาต้องเป็นควงกานต์กวีไปด้วยทุกครั้งอย่างเปิดเผย เอาใจสารพัดจนภายนอกคนอื่นอาจมองว่าเมฆารักเขา ตามใจเขาอย่างที่สุด แต่กานต์กวีรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง เมฆา รัตนกุล ไม่ใช่คนยอมใครถ้าไม่มีเหตุผลจำเป็นพอ

 

หลักการของผู้ชายคนนี้ คือ ครอบครัวต้องมาก่อน ไม่ว่าจะผิดหรือถูกต่อหน้าคนอื่นครอบครัวต้องถูกเสมอ และกานต์กวีคือสมาชิกของรัตนกุล

 

“จนแต้มขนาดนี้ยังปากดี”

 

“คุณเมฆา พอเถอะครับ ส่วนคุณคราวหลังอย่าทำแบบนี้กับใครอีก ผมขอแค่นี้” กานต์กวีปรามคนรักก่อนที่จะหันมาพูดคุยคู่กรณีอย่างจริงจัง

 

“ทุเรศ นางเอกตายล่ะ แกเอาโรงแรมฉันไปแล้ว กิจการแรกของฉัน กิจการที่ฉันอยากให้พ่อเห็นว่าฉันยืนได้ด้วย..”

 

“หุบปากของคุณซะ ถ้าไม่อยากให้หลักฐานถึงตำรวจ!”

 

“ฮึ้ยย ก็ได้ไปแล้ว มันไม่พอหรือไง!” เมธิยาตะโกนใส่หน้าเมฆาทั้งน้ำตานองหน้า

 

“นี่ พูดเรื่องอะไรกันครับเนี่ย ผมงงไปหมดเเล้ว”

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ส่วนคุณ! จะขอโทษภรรยาของผมได้หรือยัง”

 

“คุณเมฆา ผมขอล่ะครับ ผมเป็นคู่กรณีของคุณเมนนี่เธอโดยตรง ดังนั้นผมคิดว่าผมควรมีสิทธิตัดสินเรื่องนี้นะครับ”

 

“น้องกานต์” เมฆาเรียกชื่อคนรักแล้วถอนหายใจ

 

“นะครับ พี่เมฆ” ร่างบางเอื้อมแขนกอดคนข้างกายเอนศีรษะซบคนตัวโตอย่างออดอ้อน

 

“เฮ้อ อยากทำอะไรก็ทำ ตามใจ” เมฆาพูดเท่านั้นก็ลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่สายตายังคงมองอีกสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา

..

..

“เรื่องหลักฐาน ภาพ คลิปทุกอย่าง จะไม่ไปถึงมือตำรวจ หรือนักข่าวแน่นอนครับ หรือถ้ามีหลุดออกไป ผมขอให้คุณรู้ไว้ว่าจะไม่ใช่ฝีมือจากรัตนกุลแน่นอน แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ”

 

“เหอะ” หญิงสาวยังคงไม่มองหน้าคนพูด ได้เเต่เชิดหน้าไปทางอื่น

 

“ผมขอให้คุณใช้ชีวิตอย่างผู้ดีพึงกระทำนะครับ อย่าทำให้ใครต้องผิดใจกันอีก แล้วเรื่องยา เลิกซะเถอะครับ ถ้าคุณยังมั่วสุมคบแต่เพื่อนประเภทนี้ ไม่ช้าหรือเร็ว คุณจะได้รับผลของมัน อย่าทำให้ที่บ้านของคุณต้องเสียใจเลยนะครับ”

 

“แกมีสิทธิอะไรมาตัดสินว่าฉันเลว!”

 

“เฮ้ออ คุณเมนนี่ครับ”

 

“เอาเป็นว่า ฉันขอโทษ ขอโทษค่ะ คุณกานต์กวี... เมนนี่ทำตามที่ตกลงแล้ว หวังว่ารัตนกุลจะไม่ผิดคำพูด” หญิงสาวพูดจบแล้วผลักประตูออกไปอย่างแรง หากประตูไม่ได้ติด Door Closer คงส่งเสียงดังปังเเล้ว

 

“พี่บอกแล้วว่าคน ๆ นั้นน่ะคิดไม่ได้หรอก”

 

“ช่างเถอะเค้าครับ ผมไม่อยากให้คุณทำร้ายคนไม่มีทางสู้ คุณเมนนี่เองก็เหมือนน้องสาวของคุณ”

 

“พี่เลิกนับญาติไปนานแล้ว แล้วนี่เราไปรู้มาจากไหน”

 

“ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะครับ เมื่อเช้าได้ยินพี่คุยกับคุณพ่อ พอสอบเสร็จก็รีบมาเลย ดีว่าทัน ผมรู้ว่าใจจริงพี่เมฆไม่อยากทำแบบนี้ แข่งธุรกิจกันอย่างตรงไปตรงมา มันน่าภูมิใจกว่าเยอะ”

 

“ถ้าข่าวแพร่ออกไปรัตนกุลจะได้ประโยชน์ที่สุด ธุรกิจของทางนั้นอาจจะพลิกเลยก็ได้”

 

“ครับ?”

 

“เจ้าของบริษัทเขาพูดมาแบบนี้แหละ น้องกานต์  ขอให้เข้าใจไว้ว่ารัตนกุลไม่เคยทำใครก่อน แต่ผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำร้ายเราถึงชีวิตเลยนะ รู้ไหม ดีที่คุณพ่อหาทางกันไว้ได้ก่อน ไม่งั้นพี่ไม่รู้เลยว่าจะยังยืนอยู่อย่างนี้ได้ไหม”

 

“น้องกานต์อยู่ตรงนี้แล้วไงครับ ไม่ไปไหนแล้วน๊า” กานต์กวีปีนขึ้นไปนั่งตักผู้บริหารหนุ่ม แขนเรียวโอบรอบลำคอของอีกฝ่ายพลางโยกตัวไปมาเหมือนปลอบเด็กเล็กๆ

 

“บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้ามีอีกครั้งไม่ว่าเราจะอ้อนพี่ยังไง ก็ไม่ยอมแล้วนะ”

 

“ครับ อนุญาตเลย คิคิ แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้พี่บอกว่าคุณพ่อ คุณพ่อพี่ทำอะไรครับ ตอนนั้นผมยังไม่เคยเจอท่านมาก่อนเลยนะ”

 

“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ตาแก่ที่ชอบตามสืบเรื่องลูกหลานน่ะ”

 

“อ๋อออ คุณพ่อคงหวงพี่เมฆน่าดูเลย ฮ่า ๆ  ๆ อย่างพี่เป็นเด็กน้อยแหนะ คิคิ เออ แล้วเรื่องโรงแรมล่ะครับ เมื่อกี้คุณเมนนี่ออกไปก่อน ผมเลยไม่ได้คุยอะไรเลย”

 

“โรงแรมน่ะเหรอ ก็ของขวัญต้อนรับเรากลับบ้านไง”

 

“ห๊าาาา พี่ นี่อย่าบอกนะว่า”

 

“หลังจากคนพากันขายทิ้งทุกยูนิตแล้ว พี่ก็จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ เข้าไปเจรจาซื้อโรงแรมและคอนโดมีเนียมทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็คุณกานต์กวี รัตนกุลไงครับ ทำไปทำมาน้องกานต์จะรวยกว่าพี่เเล้วนะเนี่ย เป็นลุกชายคนโปรดของคุณแม่แบบนี้ จนพี่ชักไม่แน่ใจแล้วว่า ใครลูกแท้ ๆ ใครเป็นลูกบุญธรรมกันแน่”

 

“น้องกานต์ไม่เห็นรู้เรื่อง! ขายคืนให้คุณพ่อคุณเมนนี่ไม่ดีกว่าหรือครับ”

 

“คุณอาท่านไม่อยากได้น่ะ ท่านบอกท่านไม่ถูกกับธุรกิจจำพวกนี้ อีกอย่างพวกงานก่อสร้าง ออกแบบ ตกแต่งมันของถนัดรัตนกุลอยู่เเล้ว ถ้ามีโรงแรมเป็นของตัวเองแบบนี้ก็เท่ากับมีโชว์รูมที่หากำไรได้ไปในตัว”

 

“แล้วพอเรียนจบ น้องกานต์ต้องเข้าไปฝึกงานที่นั่นด้วยใช่ไหมครับ” กานต์กวีถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้ชะตากรรมตัวเองดีอยู่เเล้ว

 

“ถูกต้องนะครับ เริ่มตั้งแต่งานยกกระเป๋าขนของนั่นแหละ เอาน่า อย่าซีเรียส แค่โรงแรมเล็ก ๆ เอง”

 

“สรุปที่เรียนมาไม่ได้ใช้”

 

“ก็ใช้นะ ควบคู่กันไปไง”

 

“โอเค เข้าใจ แต่ขอบอกว่าโรงแรมนั่นไม่เล็กเลยนะ”

 

“ฮ่า ๆ ๆ  อย่าโมโหสิ หน้ามุ่ยแบบนี้อย่างกับแมวกำลังขู่เลย”

 

“ก็ขู่น่ะสิ โอ๊ยยย มันอึดอัดนะ”

 

“ขู่สิงโตหรอจ้ะ น้องเหมียว” คนตัวโตรัดคนในอ้อมกอดแน่น แล้วหอมแก้มซ้ายขวาลงไปเต็มแรง

 

เมฆา รัตนกุล ก็แค่คนธรรมดาคนนึง แค่ได้อยู่กับคนรัก  เขาก็มีความสุขแล้ว

 

END

 

ตอนพิเศษมีอีกตอนนะ รอกันนิดๆนะคะ

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกมากเลยจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่เมฆอย่างทุ่ม
ตอนแรกนึกว่ามีคนอื่นจริงๆ
แต่น้องกานต์น่าร้ากกกกกก
เมนนี่สุดท้ายไม่ได้ไรเลยจ้ะ อายอีก

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
7.3

 

“เจ้าสัวครับ อาหารตั้งโต๊ะแล้วครับ” เจ้าสัวแห่งรัตนกุลไม่ตอบรับอะไรแต่ก็เดินเข้าไปในบ้านโดยดี  หลายเดือนมานี้ กานต์กวีเป็นสมาชิกในครอบครัวรัตนกุลเพียงคนเดียวที่คอยเรียก ถาม และพูดจากับคุณผู้ชายเจ้าของบ้าน


“พี่เมฆ  กานต์ไม่สบายใจเลย” หลังจากที่จัดการดูแลเรื่องอาหารให้กับเจ้าสัวเมฆินทร์เสร็จเรียบร้อย กานต์กวีก็ออกมานั่งคุยกับคนรักในห้องนั่งเล่น


“อะไรครับ หืม” เมฆาถามพลางจูบลงบนผมนุ่ม


“ก็เรื่องคุณพ่อพี่นั่นล่ะ กานต์ว่า เฮ้ออ จะว่ายังไงดีล่ะครับ ทั้งคุณแม่ ทั้งพี่”


“ถ้ากลัวตาแก่นั่นเหงา น้องกานต์ก็กินข้าวพร้อมเขาสิ” เมฆาบอกยิ้มๆ


“ฮื่อ คุณพ่อพี่ไม่ชอบผม ขืนไปนั่งอยู่ด้วยท่านะพาลไม่กินเสียเปล่าน่ะสิครับ ทุกวันนี้ก็กินน้อยลง ๆ อยู่เเล้ว”


“เราทำอะไรไม่ได้นี่ ปลอยพ่อไปเถอะ อื้มม หอมจังเลยน๊า ตัวก็นิ่ม ยิ่งกอดพี่ก็ยิ่ง..”


“พี่เมฆ พอเลย อ๊ะ! คุณแม่มาพอดี น้องกานต์ขอตัวก่อนนะครับ” กานต์กวียิ้มอย่างดีใจที่ตัวช่วยของเขามาทันเวลาพอดี  วันนี้วันหยุดคุณแม่ เลยนัดกับคุณแม่ไว้ว่าจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนท่าน


“แกล้งอะไรน้องอีก ตาเมฆ”


“โหย แม่ ลงมาก็สวดผมเลยอ่ะ แม่ต่างหากที่แกล้งผม วันหยุดแทนที่ผมจะได้สวีทกับเมีย”


“เหอะ ผู้ชายมันก็เป็นซะแบบนี้ เอาแต่ใจตัวเอง หนูกานต์อย่าไปใส่ใจเลย ไปกันเถอะ ลูก” กานต์กวีขำกับท่าทางอ้อนคุณแม่ของคนตัวโต แต่ก็งงๆกับคำพูดของคุณแม่เมื่อสักครู่ คือเขาก็เป็นผู้ชายนะถึงจะตัวบางๆลีบๆก็เหอะ



ระหว่างกำลังขึ้นรถจะออกไปข้างนอก สายตาของกานต์กวี ก็เหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านอีกคนยืนหลบมุมอยู่ใกล้ ๆ สายตาของท่านทำให้กานต์กวีตัดสินใจว่าต้องพูดกับคุณแม่ให้รู้เรื่องเสียที



ตั้งแต่ที่คุณผู้หญิงของบ้านตัดสินใจจดทะเบียนรับกานต์กวีเป็นบุตรบุญธรรมทั้งที่เจ้าสัวเมฆินทร์ยังไม่ยอมรับในตัวร่างเล็ก  ทำให้คู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านเกิดปากเสียงกันขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองคนปั้นปึ่งใส่กัน ในที่สุดคุณผู้หญิงคนสวยจึงตัดสินใจลงโทษสามีด้วยกันเมินเฉย งานนี้ยังได้ลูกชายคนเดียวมาเป็นแรงสนับสนุนอีกด้วย



สุดท้ายจึงเป็นกานต์กวีเองที่คิดหนักมาหลายวันแล้ว ทั้งสงสาร และรู้สึกผิด ที่คนมาใหม่อย่างเขา ทำให้ท่านเจ้าสัวไม่มีคนคุยด้วยเวลาอยู่ที่บ้านนอกจากแม่บ้าน คนสวน อีกทั้งเวลารับประทานอาหารก็ต้องนั่งโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว มีเพียงพี่เจิมคุณแม่บ้านเก่าแก่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างเพียงเท่านั้น

 

“คุณแม่ครับ ผมว่า คือ พวกเราเลิกแกล้งคุณพ่อเถอะนะครับ คุณพ่อกินข้าวน้อยลงทุกวันเลยนะครับ คือ ผมเป็นห่วงกลัวท่านจะไม่สบาย”


“โอ๊ยย หนูกานต์ไม่ต้องห่วงพ่อเขาหรอกน่า รายนั้นนะหนังเหนียวตายยากจ้ะ นี่หนูกานต์ช่วยแม่ดูทีสิ แม่ลิสต์รายการซื้อของไว้แล้วนะไม่แน่ใจว่าครบแล้วหรือยัง เย็นนี้ว่าจะทำบัตเตอร์เค้กให้แฟนเราน่ะ เห็นบ่น ๆ ว่าอยากกิน”


“ครับ” เฮ้ออ กานต์กวีรับคำ แล้วแอบถอนหายใจเบา ๆ  ตกลงว่างานนี้ทั้งคุณแม่ และสามีไม่มีใครสนเรื่องที่เขาทุกข์ใจซักคน งานนี้เขาคงต้องข่มความกลัว แล้วเข้าหาท่านเจ้าสัวด้วยตัวเองเสียเเล้ว



..

..

..

“ยังไม่ได้กินข้าวหรือไง” ท่านเจ้าสัวถามทันทีที่ร่างบางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


“อ่ะเอ่อ ยังครับ” กานต์กวีลอบถอนหายใจ ตอนแรกเขาคิดว่าจะโนอีกฝ่ายไล่เสียเเล้ว


“แล้วทำไมไม่กิน”


“อ่ะ คือผม..”



“เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะพอดี ตัวก็เล็กแค่นี้” ยังไม่ทันที่คนเยาว์กว่าจะสรรหาคำไหนมาตอบ เจ้าสัวเมฆินทร์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง และในครั้งนี้  ประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงและใส่ใจ ทำให้กานต์กวีกล้าที่จะคุยกับอีกคนมากขึ้น


“คุณท่านก็เหมือนนะครับ ซูบลงไปนะครับ น่าจะกินข้าวเช้า ให้เช้ากว่านี้อีกนิด”


“ฉันกินกาแฟกับขนมตั้งแต่เช้าแล้ว”


“ที่จริงคุณแม่ คะ..คือผมหมายถึง คุณศจีน่ะครับ”


“จะเรียกแม่ก็ตามใจสิ รายนั้นนะรับเธอเป็นลุกแล้วหนิ”


“เอ่อ ครับ คือคุณแม่ ท่านก็อยากกินข้าวเช้าพร้อมกันนะครับ แต่ท่านคงรอไม่ไหว” กานต์กวีพยายามชวนคุยให้อีกคนสบายใจ


“หึ รู้ดี ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะใครกันล่ะ”


“ผมขอโทษครับ” สิ้นเสียงของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า กานต์กวีก็ได้แต่ยอมรับความจริง ความผิดปกติในบ้านหลังนี้คงโทษใครไม่ได้ นอกจากเขาเอง


ความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งสองคน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก.........จนกระทั่ง

 

“วันนี้ผมไม่เรียนครับ ว่างทั้งวัน คุณท่านอยากทานขนมอะไรไหมครับ ถึงเป็นผู้ชายแต่ฝีมือผมใช้ได้เลยนะครับ” ในที่สุดกานต์กวีก็ข่มความกลัว ทำใจกล้าชวนท่านเจ้าสัวคุยอีกครั้ง ถอยกลับตอนนี้คงไม่ทันเเล้ว ทางเดียวที่จะช่วยทั้งครอบครัวรัตนกุล และตัวเขาเองก็คือ เอาชนะใจของท่านเจ้าสัวให้ได้ กานต์กวีรู้สึกได้ว่าแม้จะแค่แกล้ง ๆ ท่านเจ้าสัวแต่ลึก ๆ แล้ว คุณศจีและเมฆาก็แอบสงสารท่านเจ้าสัวอยู่เหมือนกัน



“ตอนอยู่บ้านสายลมจับฉลากเป็นเวรอาหารทุกครั้งเลยครับ ผมเลยได้วิชามาจากคุณลุงคุณป้าในครัว เป็นศิษย์รักเลยนะ..”


“เสียงดัง  น่ารำคาญ”  ร่างเล็กสะดุดหยุดลงทันทีเมื่อโดนอีกคนพูดผ้ากลางขึ้นมา


“อืมม ผมว่าบ่าย ๆ อากาศร้อนถ้ากาแฟเย็นกับขนมตาลร้อน ๆ ต้องอร่อยแน่เลยครับ คุณท่านไม่ว่าอะไรแบบนี้แสดงว่าตกลงนะครับ งั้นผมขอตัวไปหาซื้อของก่อนนะครับ คุณท่าน”

..

..


“คุณกานต์คงกลัวคุณท่านจะเหงานะคะ” คุณเจิม แม่บ้านเก่าแก่ที่รับใช้บ้านรัตนกุลมานานเอ่ยขึ้น


“ทำฉันปวดหัวน่ะสิไม่ว่า ปกติก็ทำหน้าหงอยหนีฉันทุกที วันนี้มาแปลก...เฮ้ย!” เจ้าสัวเมฆินทร์ตกใจร้องเสียงลั่นเมื่อคนที่พูดถึงวิ่งกลับเข้ามาหาพร้อมนั่งคุกเข้าใกล้ๆข้างตน



‘ใกล้ ใกล้เกินไปแล้วเจ้าเด็กบ้า’

 

“คิคิคิ คือ ผมลืมบอกคุณท่านไปครับ เลยจะเข้ามาบอกคุณท่านว่า ห้ามเบี้ยวนัดผมนะครับ บ่ายนี้ทั้งคุณแม่ทั้งพี่เมฆมีนัดกันหมดแล้ว ถ้าคุณท่านไม่อยู่ ผมคงเหงาแย่ แค่นี้ล่ะครับ ไปนะครับ”  กานต์เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม เอาน่าไม่มีใครทนได้หรอก ถ้าได้เห็นลูกอ้อนของนายกานต์กวี คนนี้




อีกด้านนึงที่มีเงาของสองร่างยืนมองดูการกระทำของกานต์กวีอยู่ สุดท้ายก็ต้องอมยิ้มกับคนตัวเล็ก


“แม่บอกเราแล้วว่าหนูกานต์น่ะ เข้มแข็งกว่าที่แกคิด”


“ผมรู้ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาผิดหวัง”


“โอ๊ยพ่อเราน่ะ ก็แค่ตาแก่หัวเเข็งขี้น้อยใจก็เท่านั้นล่ะ เมียแกไม่มีทางผิดหวังหรอกน่า เชื่อแม่เถอะ อีกไม่นานแกจะเป็นหมาหัวเน่าเลยล่ะ


ใจจริงเขาน่ะเอ็นดูเมียแก แต่พอคิดว่าจะอดอุ้มหลานเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ก็อดที่จะโกรธไม่ได้ก็เท่านั้น ชอบเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นเด็กเนี่ย มันนิสัยผู้ชายบ้านนี้ของแท้เลย ให้ตายสิ”



“แม่รวมผมไปด้วยทำไมเนี่ย”



“แกก็พอกับพ่อแกนั่นแหละ ไม่ต้องโอดครวญ ฉันไปตรวจบัญชีดีกว่า ส่วนแกก็เลิกกังวลได้แล้ว พ่อเขาไม่จับลูกสะใภ้ตัวเองเชือดหรอกน่า ไป ไปทำงานได้แล้วไป”

..

..

..

“ฉันไม่ได้สั่ง เอาเข้ามาทำไม”  เจ้าสัวเมฆินทร์พูดเสียงเรียบขนน่าขนลุก เมื่อกานต์กวียกชาเปปเปอร์มินต์เย็น ๆ พร้อมด้วยขนมตาลสีเหลือน่ากินที่เพิ่งจะนึ่งเสร็จใหม่ ๆ มาให้อีกคนในห้องทำงาน



“แต่คุณท่านตกลงกับผมแล้วนี่ครับ อีกอย่างยังไงตอนบ่ายคุณท่านก็ดื่มกาแฟเป็นประจำอยู่แแล้ว”



“แต่นี่ไม่ใช่กาแฟ ขอร้องละกานต์กวี ฉันยังรับไม่ได้ที่จะเห็นหน้านายบ่อยขนาดนี้”

“กาแฟดื่มมากไปไม่ดีนะครับ บ่าย ๆ แบบนี้ ได้ดื่มชาเย็น ๆ หอมชื่นใจแบบนี้น่าจะดีกว่านะครับ” ร่างบางไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแล้วเดินหน้าทำตามแผนผูกสัมพันธ์ต่อทันที



“นายนี่มัน...”



“ส่วนขนมตาลนี่ ผมไม่ได้โม้นะครับ แต่ว่าคุณแม่บ้านในครัวน่ะเพิ่งจะยุให้ผมทำขายตะกี้นี้เองนะครับ คุณท่านพักงานแล้วซักหน่อยเถอะครับ นะครับ” ลูกชายคนใหม่ของภรรยาเจ้าของบ้านพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องใจอ่อนไปเสียทุกราย ไม่เว้นแม้แต่....

 



“เอาล่ะกานต์กวี เห็นที่ฉันคงต้องคุยกับนายอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียทีนะ”



“ครับ!” พอได้ยินที่อีกฝ่ายเสนอขึ้นมา กานต์กวีก็นั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันทีชนิดที่ผู้อาวุโสอีกคนจับสังเกตได้ เมฆินทร์คิดอย่างอ่อนใจ แค่คำพูดของเขาสั้น ๆ เด็กนี่ยังกลัวเสียขนาดนี้ แล้วต่อไปจะอยู่รอดได้ยังไงกัน



“ฉันไม่ได้จะว่าอะไร ทำตัวตามสบายเถอะนะ” เจ้าของบ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการที่ยังไม่คลายความกังวลของอีกคน



“พูดกันตรง ๆ เลยนะ ตอนนี้นายยังเป็นเด็กอยู่ ถึงจะบรรลุนิติภาวะเเล้วก็เหอะแต่ก็ยังเรียนไม่จบ อายุแค่ 21 ปี เด็กอย่างนายคิดว่าความสัมพันธ์ของนายกับลูกชายของฉันในตอนนี้มันจะคงอยู่ถาวรหรือไง”



“ผม....”


“ฉันยังพูดไม่จบ อย่าขัด!”


“อึก..ครับ”  คนตัวเล็กนั่งยืดหลังตัวตรงขึ้นมาอีกครั้ง ก็บอกให้เขาทำตัวตามสบาย แต่เล่นเสียงดังใส่ขนาดนี้ สบายได้ก็ไม่ใช่คนละ



“ลูกชายฉันไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะเล่มเกมวิ่งไล่จับ  แต่นาย อนาคตของนายยังอีกไกล นายอาจจะเจอใครที่ถูกใจมากกว่าเมฆา  นายยังมีเวลา  ถ้าวันไหนนายเลือกที่จะเดินตามทางที่มันควรจะเป็นล่ะ”



“แล้วอะไรคือทางที่ผมควรเดินล่ะครับ  ขอโทษนะครับที่ถามแบบนี้อาจจะเหมือนยอกย้อนคุณท่าน และผมเองคงไม่สามารถให้คำสัญญาได้ว่าในอนาคตความสัมพันธ์ของผมกับพี่เมฆจะเดินไปทางไหนแต่ผม สัญญา ว่าจะทำทุก ๆ วันของพวกเราให้ดีที่สุด พูดแบบนี้แม้จะไม่ต่างอะไรกับคนปัดความรับผิดชอบ แต่ผมเชื่อนะครับว่าพี่เมฆจะช่วยไม่ผมเปลี่ยนใจไปจากเขาแน่นอน”



“นั่นเพราะนายไม่เคยมีใครนอกจากเมฆา และฉันเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้นายเดินออกนอกเส้นทางปกติ  บางทีถ้านายได้สัมผัสมัน นายอาจเปลี่ยนใจ”



“จริงครับ ที่พี่เมฆาคือแฟนคนแรก แต่ทุกการกระทำของเขา ทำให้ผมเชื่อว่า มันไม่อยากสำหรับผู้ชายคนนี้เลยที่จะทำให้ผมมีเค้าเป็นแหนคนสุดท้ายด้วย  ถ้าคุณท่านจะกรุณาให้พวกเราได้พิสูจน์ตัวเอง   ผมจะไม่ทำให้คุณท่านผิดหวังอย่างแน่นอนครับ”

..

..

..



เงียบ



เงียบจนน่าใจหาย   



หลังจากที่กานต์กวีพูดสิ่งที่ตนเองคิดแล้วคิดอีกว่า ช่างเป็นคำตอบที่กลั่นกรองมาจากสมองอย่างดีเเล้ว  แต่ก็ไม่สัญญาณตอบรับจากอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เสียงเครื่องปรับอากาศที่ตอนแรกเข้ามาในห้องแทบจะไม่ได้ยิน  ตอนนี้เขาได้ยินมันชัดเเจ๋วเลยล่ะ เฮ้อออ ท่านเจ้าสัวทำเหมือนเขาเป็นโจรใจบาปจะมาพรากลูกแกะตัวน้อย ๆ ไปจากอ้อมอกท่ายอย่างนั้นล่ะ  ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาต่างหากที่โดนแกล้งอยู่เกือบทุกคืน ๆ

..

..

.

.

“คุณพ่อ”



“ครับ คุณท่านว่าอะไรนะครับ” เพราะมัวแต่คิดบ้าบอสติแตกฟุ้งซ่านอยู่ในหัวจึงไม่ทันได้ฟังคำสั้น ๆ จากปากของอีกฝ่าย



“ฉันบอกให้นายเรียกฉันว่า คุณพ่อ คือ จะเรียกว่าพ่อก็ได้ตามใจนาย”



“เอ๋!!!! คุณท่าน อ๊ะ ไม่สิ ๆ  คุณพ่อ เอ่อ คือ คุณพ่อ แล้วแบบนี้ คุณพ่อรับผมเป็นลูกชายแล้วใช่ไหมครับ”  เด็กน้อยในสายตาของท่านเจ้าสัวถามออกมาอย่างไม่ค่อยจะมั่นใจ แต่ก็ยิ้มจนตาหยีสดใสเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอไม่มีผิด



“ฉันบอกอย่างนั้นเหรอ”



“อ้าวก็...ไม่ได้นะครับ ก็เป็นคุณพ่อของผมแล้วนี่นา”


“หึหึ รับมาเป็นลูกสะใภ้ต่างหาก”



“อึก..ตะ..ตะ.. แต่ คือจริง ๆ เรียกว่าลูกชาย..ก็พอมั่งครับ” เมื่อได้ยินว่าตอบรับเขามาเป็นลูกสะใภ้ เด็กใจกล้าอย่างกานต์กวีก็กลายร่างกลับคืนเป็นลูกแมวตัวอ่อนปวกเปียกด้วยความเขินอายทันที



“เรียกลูกชายได้ไงกัน ก็เราน่ะลูกสะใภ้ของพ่อชัด ๆ เรียกผิดขึ้นมาเจ้าเมฆาน่ะเอาพ่อตาย เจ้านั่นมันเฝ้าตามเรามาหลายปี ไอ้เราเรอะก็คิดว่าจะเล่น ๆ ที่ไหนได้แอบเก็บเงียบไม่บอกพ่อกับแม่เลยซักคำ”



“ตามผม พี่เมฆน่ะเหรอครับ ตามผมมาหลายปี”



“เอ้า! นี่เราไม่รู้เหรอ ว่าบ้านสายลมที่เราอยู่น่ะเป็นมูลนิธิของรัตนกุล  ตั้งแต่ที่มันตามพ่อกับแม่ไปมอบทุนให้เด็ก ๆ มันก็หาเรื่องจะไปที่นั่นให้ได้ตลอดเวลา”



“ห๊า!! แต่ผมจำไม่ได้เลยนะครับว่า มีอะไรแบบนั้นด้วย”



“จำได้ก็แปลก ตอนนั้นเราห้า หก ขวบเองมั้ง”  เจ้าสัวเมฆินทร์พูดไปก็หัวเราะไป เมื่อเห็นร่างเล็กตาโตตกใจขนานหนัก



“ตอนนั้นที่พ่อกับแม่รู้เรื่องก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นเจ้าเมฆาก็เพิ่งจะ20เท่านั้นเอง สุดท้ายเมื่อห้ามแล้วไม่ฟัง ผลคือส่งไอ้ลูกชายหัวดื้อไปเรียนเมืองนอกแทน”  กานต์กวีพยักหน้ารับรู้เรื่องราวที่ออกจากปากคนสูงวัยอย่างเลื่อนลอยเพราะยังตกใจไม่หาย  แต่ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางเขินเสียมากกว่า คนรักของเขาหลงรักตั้งแต่เค้ายังเด็กขนาดนั้น รักมั่นคงสุด ๆ เลยอ่ะ พี่เมฆน่ารักจัง อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนนะ เด็กขนาดนั้น แล้วตอนนี้เขามีแต่จะแก่ขึ้นทุกวัน ๆ ทำไงดีวะเนี่ย



“พอมันกลับมาทำงานตำแหน่งใหญ่โตมีอำนาจเหนือพ่อมันเข้าหน่อย ไอ้ตัวดีมันก็จัดการกับเราซะจนพ่อกับแม่ปวดหัว  เรายังเด็กแค่นี้แต่ต้องมาเจอกับไอ้คนแก่ตัณหากลับเสียดาย..เอ้าเจ้ากานต์ ฟังพ่ออยู่หรือเปล่าล่ะนั่น หัวคิ้วขมวดเชียว”


“ครับ ๆ  ฟังอยู่ครับ”

 

“พ่อ!  มาเป่าหูอะไรเมียผมเนี่ย”

 

“เจ้าเมฆ!”

“พี่เมฆ!”  สองเสียงอุทานออกมาพร้อมกัน

 

“พอเลย ๆ ขนมเนี่ยไม่กินก็ไม่ต้องกิน  แม่บ้านบอกว่าน้องกานต์เข้ามาหาตาแก่นี่ตั้งนานแล้ว ไม่ออกซักที  ที่แท้ก็มานั่งฟังคนแก่บ่นนี่เอง”



“พี่เมฆ ว่าคุณพ่ออีกแล้ว” กานต์กวีพูดเสียงอ่อย  แม้รู้อยู่เต็มอกว่าคนข้างกายเพียงแต่แหย่บิดาเล่น  แต่คนแก่ขี้น้อยใจน่ะมีเยอะแยะไปไม่ใช่หรือ



“ฉันบ่น ฉันว่าอะไรเมียแกซักคำหรือยัง  ฉันแค่พูดความจริงว่าแกน่ะมันเฒ่าตัณหากลับ  แล้วบอกไว้ตรงนี้เลยนะที่ฉันไม่ยอมรับเจ้ากานต์แต่แรกน่ะไม่ใช่เพราะหวงแก เพราะอยากได้หลานฝากไปบอกแม่แกด้วย แกเองก็บอกตัวเองด้วยนะว่าอย่างสำคัญตัวผิดไป ฉันน่ะห่วงเจ้ากานต์มันต่างหากที่ต้องมาตกนรกได้ไอ้คนหัวรั้นหัวดื้อเป็นสามี  กานต์กวีพาพ่อไปเดินเล่นหน่อยดีกว่าลูก  อยู่แต่ในห้องอุดอู้จริง ๆ”

 

“ครับคุณพ่อ”  ร่างบางลุกขึ้นเข้าไปประคองคุณพ่อคนใหม่ทันที  แขนเรียวกอดแขนผู้อาวุโสไว้แน่นอย่างดีใจ  ก็ประโยคที่คุณพ่อพูดมายืดยาวน่ะแสดงให้เห็น ๆ เลยว่า คุณพ่อน่ะอยู่ข้างใคร  งานเข้าพี่เมฆแล้วล่ะ ชอบรังแกเค้าดีนัก

 

“เฮ้ย ไรอ่ะพ่อ นั่นเมียผมนะ ผมหวงนะพ่อ เดี๋ยวดิพ่อ! น้องกานต์! โหย พ่อนะพ่อถ้าผมเปลี่ยนใจพาคนอื่นเข้าบ้านแทนพ่อนั่นแหละจะเสียใจ นรกที่ไหนกัน น้องอยู่กับผมน่ะได้ขึ้นสวรรค์อยู่ทุกคืน!”



“พี่เมฆ! พูดจาลามกอ่ะ”


“คนแบบนี้คบไม่ได้นะเจ้ากานต์  อย่างนี้ต้องลงโทษ  ให้มันไปนอนห้องอื่นซะ”


“ได้เหรอครับ”


“แน่นอน  ไม่ใครกล้าขัดใจลูกรักพ่อหรอก ที่นี่บ้านพ่อ อนุญาตให้เราตัดสินใจได้เต็มที่ หึหึ”  ท่านเจ้าสัวพูดกับลูกสะใภ้ข้างกายพลางลูบหัวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันหลังไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ลูกชายบังเกิดเกล้า  และแล้วแผนการเอาคืนก็เริ่มปฏิบัติการ



“อย่ามาชี้โพรงให้กระรอกนะพ่อ  ...น้องกานต์ ถ้าทำจริง พี่จะงอนหนีไปนอนที่อื่นเลยคอยดู!”

 

END……

Talk: คือตอนแรกว่าจะปิด JOB ด้วยตอนพิเศษตอนนี้ แต่คือเราเขียนไปเขียนมาแล้ว แบบเฮ้ยมันน่าจะมีต่ออีกนิดอ่ะค่ะ เลยว่าจะเพิ่มตอนพิเศษอีกเล็กน้อย แต่คงต้องรอกันหน่อยนะคะ ยังไม่ทราบว่าจะมาต่อเมื่อไหร่ดี ^^

ออฟไลน์ Mississippi

  • Don't act like it's a bad thing to fall in love with me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แหมม เสี่ยกานต์เป็นตาเฒ่าโรคจิตมาหลายปีเหรอคะเนี่ย เอิ้กๆ :laugh:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คนเลี้ยงต้อยกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เสี่ยกานต์...ให้มันรู้ว่าใครใหญ่

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ชอบพล็อตเรื่องแบบนี้
อ่านแรกๆก้สงสานน้องกานต์ แต่คิดไว้แล้วแหละว่าพี่เมฆไม่ผิด

ปล. รอตอนพิเศษต่ออีกน้าาา

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สปอยล์.....

 

 

 

"ประกวดนายนพมาศ ส่งของขวัญสำหรับผู้ชนะเลิศไปที่งานทีนะ . . . ให้ผู้ชายแต่งสวยเนี่ยนะ ใครคิด ฮ่า ๆ ๆ "  เมฆามองบัตรเชิญร่วมงานค่ำนี้แล้วขมวดคิ้วสงสัย

"ครับนาย แล้วนายจะไม่ไป.."

"ไม่ล่ะ ผมกลับไปลอยกระทงกับที่บ้านดีกว่า

"อ้าวแต่ว่าคุณกานต์.."

"คุณกานต์ทำไม?  กานต์กวีดูเเล The Novel Residence เกี่ยวอะไรกับงานที่นี่"

"อ่ะเอ่อ คือ ท่านประธานให้คุณกานต์มาเป็นที่ปรึกษาส่วนลงทุนใหม่น่ะครับ ละ... แล้ว ทั้งแผนกมีแต่ผู้หญิง คุณกานต์เธอก็เลย.."

"พาผมไปที่งานเดี๋ยวนี้! . . .ตาแก่นั่นอีกแล้ว  จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม"

 

 

 

พรุ่งนี้วันลอยกระทงแล้ว ก็เลยต้องพาคู่สามีภรรยาไปเดินเล่นในงานเทศกาลซะหน่อย ไว้มาต่อดึก ๆ เลยนะคะ เทศกาลลอยกระทงก็ขอรณรงค์ให้เพื่อนใช้วัสดุจากธรรมชาตินะคะ อย่าลืมขอขมาแม่คงคานะคะ และขอให้มีความสุข กันทุกคนค่ะ

 

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เรื่องนี้น่ารักจังเลย รอตอนพิเศษนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ natt lUcky

  • อะโย่ อะเย่
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ poppee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

benji

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ งี้พี่เมฆก็เป็น อมตะ นะสิ    :oo1: เด็ก   น้องกานต์น่ารักฝฝุดฝุด  :mew1:

ออฟไลน์ OumkaCho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0


วันลอยกระทง

 

 

“ทำไมผมต้องแต่งชุดนี้ด้วยล่ะครับ”  กานต์กวีหมุนตัวมองตัวเองในกระจกอย่างงุนงงพลางตั้งคำถามกับบรรดาเพื่อนร่วมงานสาว ๆ ที่ไม่ค่อยจะสาวเสียเท่าไหร่

 

“ก็แหม  ทั้งแผนกก็มีน้องกานต์เป็นชายหนุ่มอยู่หนึ่งคนถ้วนนี่นา” คำตอบเสียงแรกเอ่ยขึ้น

 

“ผมแน่ใจว่าคุณพ่อให้พวกเราเป็นกลุ่มดูเเลโปรเจคของแผนงานใหม่เท่านั้น  ไม่ได้ตั้งเป็นแผนกนะครับ”

 

“แหม น้องกานต์คะ งานปาร์ตี้สนุก ๆ ลุ้นของรางวัลใหญ่ทั้งทีพวกเราก็ต้องเล่นด้วยสิคะ”

 

“อีกอย่างผมไม่ได้เป็นพนักงานที่นี่เสียหน่อย  คุณพี่เลขาคนสวยก็ด้วยนะครับ” กานต์กวีพยายามแบ่งรับแบ่งสู้สาวเล็กสาวใหญ่ทั้งหลาย  รวมไปถึงเลขาส่วนตัวของเขา

 

“โธ่ คุณกานต์ขา  สวยขนาดนี้เเล้วประกวดเถอะค่ะ ถือว่าช่วยๆพวกเราเถอะนะคะ ที่หนึ่งได้ไปเที่ยวมัลดีฟส์ทั้งแผนกเลยนะคะ”

 

“เฮ้อ  ถ้าผมชนะเราก็ทำผิดกฎอยู่ดี  ไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทนี้เสียหน่อย”  กานต์กวีที่โดนหลอกให้แต่งชุดสวยถอนหายใจแล้วยอมนั่งลงให้ช่างแต่งหน้าผัดผิวประทินโฉมสำหรับการประกวดคืนนี้อย่างจนใจ  เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายถึงการไปเที่ยวพักร้อนบนเกาะที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกของเพื่อนร่วมงาน

 

 

ร่างโปร่งผิวหยวกในชุดไทยจักรี คาดเฉียงด้วยสไบสีงาช้างนวลผ่องทับด้วยลูกไม้สีโอโรสขลิบทอง เข้ากันกับผ้าถุงสีอ่อนปักลายดิ้นทอง เยื้องกรายเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ช่างดูสง่างาม ช่วงบนที่เปิดเปลือยไหล่หนึ่งข้าง ยิ่งขับให้ผิวสวยดูสว่างไสวจนต้องเหลียวมองตาม   

 

เพราะทุกสายตาที่ถูกสะกดให้หยุดอยู่กับที่  คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้อีกคนจึงรู้สึกได้  ความประหม่าหวาดกลัวว่าจะทำกิริยาให้ครอบครัวคนรักต้องขายหน้าต่อหน้าพนักงานเริ่มตีตื้นขึ้นมาในอก  มือสั่น ๆ คว้าเข้าที่แขนของเลขาข้างกาย

 

“เขินสินะคะ  คุณกานต์เชิดๆเลยค่ะ พี่อิงรับรองเลยว่าในห้องนี้ไม่มีใครสวยเกินคุณกานต์แน่นอน คิคิ”

 

“พี่อิงก็  ผมอายจะแย่ แผนกอื่นเขาไม่เห็นแต่งสวยขนาดนี้เลยนี่ครับ  แกล้งกันนี่นา” สายตาเรียวเล็กมองไปรอบ ๆ งานเห็นผู้เข้าประกวดจากแผนกอื่น ๆ ถ้าไม่ทาหน้าขาวจั๊วอย่างกับนางงิ้ว  ก็หนวดเครารุงรังอย่างกับคนป่า  ชุดที่แต่งก็ออกแนวแฟนซีไม่เหมือนจะมาประกวดนางนพมาศเลยซักนิด

 

“แหม  ก็พวกนั้นมันชายโฉดกันทั้งนั้น  หุ่นหนาอย่างกะยักษ์ปักหลั่นแต่งสวยไม่ขึ้นหรอกค่ะ ฮ่า ๆ ๆ”

 

“ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ เลยว่าใครมันคิดคอนเซปงานบ้าบอนี่”

 

“อ๊ะ ว่าไม่ได้นะคะ  ไม่งั้นตกงานพี่ไม่รู้ด้วยนะ”  หญิงสาวไม่ได้บอกออกไปแต่ก็เฉลยเป็นนัย ๆ แล้วว่าต้นเรื่องทั้งหมดก็มาจากสมองอันชาญฉลาดของท่านประธานบริษัทนั่นเอง

..

..

..

"ประกวดนายนพมาศ ส่งของขวัญสำหรับผู้ชนะเลิศไปที่งานทีนะ . . . ให้ผู้ชายแต่งสวยเนี่ยนะ ใครคิด ฮ่า ๆ ๆ "  เมฆามองบัตรเชิญร่วมงานค่ำนี้แล้วขมวดคิ้วสงสัย


 

"ครับนาย แล้วนายจะไม่ไป.."


 

"ไม่ล่ะ ผมกลับไปลอยกระทงกับที่บ้านดีกว่า


 

"อ้าวแต่ว่าคุณกานต์.."


 

"คุณกานต์ทำไม?  กานต์กวีดูเเล The Novel Residence เกี่ยวอะไรกับงานที่นี่"


 

 

"อ่ะเอ่อ คือ ท่านประธานให้คุณกานต์มาเป็นที่ปรึกษาส่วนลงทุนใหม่น่ะครับ ละ... แล้ว ทั้งแผนกมีแต่ผู้หญิง คุณกานต์เธอก็เลย.."


 

 

"พาผมไปที่งานเดี๋ยวนี้! . . .ตาแก่นั่นอีกแล้ว  จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม"


..

..

..

“ต่อไปขอเชิญพบกับผู้เข้าประกวดหมายเลข 8 จากกลุ่มงานพิเศษครับ”

 

“มาในชุดไทยที่สวยงามมากเลยนะคะ”

 

“ครับ สวย...สวยมาก”

 

“อ๊ะ!...”  ยังไม่ทันที่ร่างโปร่งบางจะแนะนำตัวกับท่านผู้ชม  ร่างสูงผู้มาใหม่ก็เดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปบนเวทีเอาตัวบังความงามตรงหน้าใครหลายคนเสียมิด

 

“ใครใช้ให้แต่งตัวล่อหมาป่าแบบนี้ห๊ะ!”  เสียงตวาดเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคน

 

“พี่เมฆ  งานของบริษัทนะครับ”

 

“ไม่รู้ล่ะ  กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย  .... นาย!”

 

“อ่ะ คะ..ครับท่านรองประธาน”  พิธีกรชายสะดุ้งขานรับทันทีที่เสียงเข้มเรียกดังลั่น

 

“หยุดมองเมียฉัน  ก่อนที่จะได้ออกไปทำงานที่อื่น”

 

“ขอโทษครับท่าน!” พนักงานหนุ่มที่เคลิ้มมองร่างเล็กหน้าสวยราวกับเทพธิดารีบก้มหน้างุดทันที  คงต้องบอกว่าเผลอมองไปโดยไม่รู้ตัวเสียมากกว่าตั้งใจ  เพราะภรรยาวัยเยาว์ของอีกคนช่างดึงดูดหมู่ภมรเสียเหลือเกิน

 

“พี่เมฆ! พูดอะไรน่าเกลียด”  กานต์กวีเสียงสูงตกใจกับคำพูดของคนรัก

 

“ไม่รู้ล่ะ  กลับบ้านเลย เดี๋ยวนี้”  เมฆาพูดพลางฉุดแขนเรียวให้เดินลงเวทีตามมา  แต่อีกฝ่ายก็ยังรั้งตัวเองเอาไว้

 

“กลับไม่ได้ครับ  พวกสาวๆเขาอยากไปเที่ยวปีใหม่ที่มัลดีฟส์” คนตัวโตกัดฟันกรอดคว้าไมค์จากมือพิธีกรมาประกาศ

 

“แผนกที่ชนะได้ไปเที่ยวมัลดีฟส์ ส่วนทุกแผนกที่เหลือผมให้รางวัลไปเที่ยวหลีเป๊ะ  ตามนี้นะ”  เมฆาพาร่างของภรรยาคนสวยเดินลงเวทีที่ประกาศเสร็จ  จากนั้นเสียงเฮลั่นก็ดังระงม ไม่มีใครสนใจสองร่างที่ออกจากงานไป

..

..

เมื่อคนขับรถเปิดประตูให้ ร่างสูงเดินลงจากรถด้วยความโมโห  หงุดหงิดที่เจ้าของบริษัทจัดงานบ้าบอขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้งเขาโดยเฉพาะ  คนตัวโตเดินนำลิ่ว ๆ ไม่รออีกคนที่โดนสารมาด้วย

 

“พี่เมฆ! รอน้องกานต์ด้วยสิ”   คนตัวเล็กที่วิ่งไม่ค่อยถนัดเนื่องด้วยชุดที่สวมใส่ก็ร้องเรียกสามี  จนเรียกสติอีกฝ่ายได้  เมฆาจึงรีบกลับมาประคองร่างเล็กพร้อมทั้งส่งสายตาดุไปยังเหล่าบอดี้การ์ดทั้งหลาย ลับร่างของเจ้านายทั้งสอง ลูกน้องชุดดำก็ถอนหายใจ ไหล่ที่ตั้งเกร็งก่อนหน้านี้ก็อยู่ในท่าทีสบายตัวขึ้น

..

..

..

“อ้าวหนูกานต์ทำไมงากเลิกเร็วนักละจ้ะ”  สตรีผู้เป็นที่หนึ่งของรัตนกุลทักลูกชายและลูกสะใภ้ที่เดินประคองกันเข้ามาในบ้าน

 

“คุณแม่รู้!”  ลูกชายถามมารดาเสียงดัง

 

“รู้อะไของแก  แต่มาเร็วก็ดีละ  ได้ลอยกระทงพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกปี  นึกว่าต้องลอยกับคนแก่สองคนเสียอีก”

 

“เจ้าเมฆ  ตกลงว่าลูกชายพ่อได้ที่หนึ่งหรือเปล่าล่ะ หึหึ”  ยังไม่ทันที่เมฆาจะได้พูดคุยกับมารดาต่อเสียงของชายสูงวัยเจ้าของบ้านก็เดินยิ้มออกมา  เป็นยิ้มที่กวนประสาทเรียกให้คนขี้หึงเดือดขึ้นทันที

 

“ไปทะเลครั้งหน้าผมจะซื้อบิกินีสีเลือดนกให้แม่ใส่  หึ”  คนตัวโตพูดพลางยักคิ้วให้มารดา  งานนี้เขาจะเอาคืนตาแก่จอมบงการแน่นอน  คุณนายของเขายังสวยสล้างผิวพรรณน่ามองขนาดนี้พ่อเขาก็ต้องหวงเหมือนกันนั่นแหละ  อีกอย่างแม่น่ะ เป็นพวกชอบหว่านเสน่ห์มาแต่ไหนแต่ไร บิกินีตัวใหม่รับรองว่าแม่ใส่แน่นอน เหอะ

 

“ไอ้ลูกเวร  ฉันแค่อยากเห็นลูกสะใภ้ฉันแต่งชุดไทยสวยๆมันผิดตรงไหนวะ”

 

“พ่อลองให้แม่ประกวดมั่งไหมล่ะ”

 

“นั่นสิคุณ  ฉันก็อยากสวยๆขึ้นเวทีมั่งนะ  งั้นงานปีใหม่  คริสต์มาสเป็นไง  ประกวดแฟนซีกันดีไหม”

 

“โอ๊ยคุณพอเลย  ผมจะบ้าตาย”  เจ้าสัวเมฆินทร์ถึงกับกุมขมับเมื่อคู่ชีวิตนึกอยากสนุกกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง  เรียกความสะใจให้กับลูกชายตัวดีได้มากทีเดียว

 

“เอ่อ  คือ...”  บุคคลทั้งสามหันมามองนางนพมาศคนสวยที่พยายามจะพูดอะไรซักอย่างหลังจากยืนเงียบอยู่นาน

 

“คะ..คือว่า  ...  ขอผมไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมครับ  คือมันเดินลำบากนะฮะ”

 

“ไม่ได้”

“ไม่ได้”

“ไม่ได้”  สามเสียงประสานออกมาพร้อมกันดังลั่นจนร่างเล็กถึงกับผงะ  ตากลมโตเบิกตากว้างตกใจกับคำตอบที่เจ้าตัวไม่เข้าใจ

 

“ใส่ชุดนี้ละลูก  แม่ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับนางนพมาศเลยนะ  รอเเม่เติมหน้าก่อนนะจ้ะ”

 

“ชุดนี้ล่ะเจ้ากานต์  ใส่ไว้ให้เป็นบุญตาคนในบ้านเถอะลูก  ให้หมาบ้ามันหึงเล่นไง”

 

“พอเลย ๆ ทั้งสองคนน่ะ  ไปลอยกระทงกันเถอะครับ  เฮ้ยมองอะไรนักหนาวะ  ไปลอยกระทงนู่นไป....ถ้าจะถอดพี่ถอดให้เองนะครับ”  เมฆากระซิบท้ายประโยคบอกคนรัก แล้วโอบประคองอีกคนไปที่แพริมน้ำหลังบ้าน  ยังไม่วายไล่ลูกน้องผู้ชายที่อึ้งในความสวยของภรรยาเจ้านาย  ปกติก็น่ามองอยู่เเล้ว  พอแต่งชุดแบบนี้สวยราวกับหญิงสาวที่หลุดออกมาจากวรรณคดีอย่างไรอย่างนั้น

..

..

..

มือเรียวส่งกระทงใบตองประณีตให้กับบอดี้การ์ดใกล้ตัวที่รอรับอยู่ในเรือลำไม่โตนัก  หลังจากอธิษฐานเสร็จ  เพื่อนำไปลอยกลางน้ำ

 

“อธิษฐานขอลูกหรือปล่าครับ”

 

“เห็นไหมว่ากานต์ลุกลำบาก  อีกอย่างเขาให้ลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคาต่างหาก”  กานต์กวีไม่สนใจคำถามของคนตัวโต แต่มือเรียวกลับเกาะไหล่หนาเพื่อช่วยพยุงตนเองขึ้นจากท่าน้ำ  แล้วก็อดที่จะบ่นไม่ได้ที่คนรักยืนยันไม่ให้เขาไปเปลี่ยนชุดก่อนมาลอยกระทง

 

“แบบนี้แสดงว่าไม่หวังพึ่งโชค  ถ้าอยากมีลูกพี่คงต้องทำเอง งั้นก็ไปกัน”  เมฆาเองก็ไม่สนใจท่าทางของคนรักเช่นเดียวกัน  มือหนาช้อนเข้าที่สะโพกกลมกลึงอุ้มร่างบางไว้แนบอกเตรียมตัวเข้าหออีกคืน

 

“เฮ้ย พี่เมฆ  ปล่อยเลยนะ! นี่...”

 

“ตายแล้ว ตาเมฆหยุดเลย ๆ  พาหนูกานต์มาถ่ายรูปก่อนเลย”  คุณผู้หญิงที่เห็นว่าลูกชายตัวดีจะรังแกลูกสะใภ้คนโปรดรีบเข้าไปห้าม  ปกติก็ไม่ยุ่งด้วยหรอก  เพียงแต่วันนี้เมื่อเห็นลูกสะใภ้คนโปรดแต่งหญิงแล้วสวยขนาดนี้ก็คงต้องถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันเสียหน่อย  เพราะตั้งเเต่รับกานต์กวีเข้ามาเป็นลูกอีกคน  ครอบครัวรัตนกุลยังไม่ได้ถ่ายรูปครอบครัวกันเป็นจริงเป็นจังเสียที  ดังนั้นการถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆของคุณผู้หญิงจึงเป็นฝีมือของช่างภาพมืออาชีพพร้อมด้วยอุปกรณ์มากมายสำหรับการถ่ายภาพจากสตูดิโอชื่อดัง

 

“ไหนคุณแม่บอกถ่ายรูปเล่นกันไง  นี่มันอะไรครับเนี่ย”  เมฆาส่ายหัวระอาทันทีเมื่อทั้งหมดเดินกลับเข้ามาในส่วนของเรือนหลังใหญ่ซึ่งเป็นตัวบ้านที่ใช้พักอาศัยของสมาชิกครอบครัว  แล้วต้องเจอกับทีมงานที่มารดาเขาเพิ่งโทรนัดเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมาถึงเต็มบ้านไปหมด

 

“อะไรของแกเนี่ย  ลูกสะใภ้ฉันทั้งคนสวยขนาดนี้  เกินเอาพวกไก่กามาถ่ายรูปให้  เกิดถ่ายไปแล้วภาพออกมาหมองจะทำไงห๊ะ  อีกอย่างถ่ายรูปครอบครัวนะตาเมฆ ก็ต้องมืออาชีพสิ  ใช่ไหมคะคุณ”  คุณผู้หญิงหันไปหาความเห็นชอบจากสามี  ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าสัวเมฆินทร์ไม่ขัดภรรยาอยู่เเล้ว  งานนี้เมฆาจึงได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจ

 

“เฮ้อ  รู้งี้ผมขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ดีหรอก  เซตฉากกันขนาดนี้ผมจะได้นอนกี่โมงละเนี่ย  ชุดก็เดินลำบาก”   กานต์กวีได้แต่บ่นเบาๆพอให้สามีตัวเองได้ยินเมื่อเห็นชะตากรรมตรงหน้า

 

“ไม่ต้องเปลี่ยนล่ะดีแล้ว  ผ้าหลายชั้นแบบนี้เราถอดเองคงใช้เวลานาน  แต่ถ้าพี่ปลดให้ล่ะก็แบบเดียวเสร็จ หึหึ”

 

“งื้อ ทะลึ่งอีกแล้ว”  ร่างบางยู่หน้าปากยื่นใส่คนตัวโตที่นับวันก็ชักแสดงความรักหยอกล้อเขาต่อหน้าคนอื่น ๆ มากขึ้นจนอดที่จะอายไม่ได้  กานต์กวีไม่ได้หน้าหนาอย่างบางคนนี่

 

“ปากยื่นแบบนี้น่าจับจูบเสียตรงนี้จริงเชียว”

 

“โหย..คนแก่บ้า”

 

‘แชะ’

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงและมีแฟลชวูบวาบสาดใส่  คนทั้งสองที่อยู่ในโลกส่วนตัวก็ตะหนักได้ว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังกัน

 

“พอดีว่า  ภาพธรรมชาติเหมาะกับคู่รักน่ะครับ  ผมเลยขอถ่ายเก็บไว้เลย”  ช่างภาพเอ่ยบอกด้วยท่าทางสุภาพเมื่อเห็นคล้ายจะเป็นเครื่องหมายคำถามจากคนทั้งสอง

 

 

“อ้อ  อย่างนั้นเอง  ผมขอดูรูปหน่อยได้ไหมครับ”  เมฆาพูดจบก็ดินเข้ามาดูรูปที่จอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ใกล้ ๆ   ภาพที่ถูกถ่ายออกมาเมื่อสักครู่ดูน่ามองสบายตาเหลือเกิน  เหมือนรูปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของคู่รักก็ไม่ปาน

 

“สวยมากเลยครับ  แบบนี้ตามสบายเลยครับ”  เมฆาพูดจบก็ปล่อยตัววนเวียนอยู่ใกล้กับคนรักไปตามธรรมชาติ  งานนี้จากถ่ายรูปครอบครัวรัตนกุลก็กลายเป็นการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งของคู่รักไปเสียงอย่างนั้น  คุณผู้หญิงของบ้านก็ได้แต่ส่งค้อนให้คุณลูกชายตัวแสบ  ที่แย่งเอาลูกสะใภ้คนสวยไปเป็นของตัวเอง

..

..

..

“เหนื่อยไหมครับ”  เมฆาถามร่างบางที่นั่งสัปหงกอยู่ปลายเตียง  หลังจากถ่ายรูปเล่นๆของมารดาไปได้ซักพัก  เมื่อเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว  เมฆาจึงพาคนรักขึ้นมาพักผ่อน  ปล่อยให้คู่รักวัยกลางคนสนุกสนานกันต่อไปกับพลุไฟหลากสีสันที่พ่อเขาตั้งใจเซอร์ไพรส์ให้กับแม่

 

“เพลียจังเลยครับ  เมื่อคืนก็นอนเคลียร์เอกสารเกือบเช้า  วันนี้นอนดึกอีก”

 

“งั้นนอนเลยแล้วกัน”

 

“อื้อ ได้ที่ไหน  ไม่อาบน้ำน้องกานต์นอนหลับไม่สนิทน่ะสิ  เสียดายจังไม่ได้ดูพลุ”  กานต์กวีว่าแล้วพยายามลืมตาลุกขึ้น

 

“เชื่อพี่สิ”  พูดจบเมฆาก็กดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน ไล่ลงมาถึงแก้มเนียน  เเล้วซุกไซร้เข้าที่ซอกคอ  กายแกร่งกดร่างบางลงกับเตียงอีกครั้ง  มือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์สวยงามออกอย่างรวดเร็ว  อย่างที่เจ้าตัวถนัดนั่นล่ะ ไม่ว่าชุดที่ใส่จะถอดยากแค่ไหน  แต่หากมันอยู่บนตัวของกานต์กวีแล้วล่ะก็ไม่เกินความสามารถของเมฆาคนนี้หรอก

 

“อื้มม พี่เมฆ  ผมง่วงแล้ว  พรุ่งนี้ตื่นเช้าด้วย”  เมื่อริมฝีปากหนาผละออกมามองหน้าสวยของคนรัก  กานต์กวีก็ได้โอกาสอ้อนวอนขอพักผ่อน  ซึ่งเมฆามักจะใจอ่อนยอมไปเสียทุกครั้ง  และครั้งนี้. . .

 

“สงสารจังเลยครับ  งั้น. . . .พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ  เพราะยังไงคืนนี้กานต์ก็ไม่ได้นอนหรอก”  พูดจบก็จูบคลึงเคล้าชวนให้คนใต้ร่างเคลิ้มตามทันที

 

 

“อื้อ... อ๊ะ..พี่เมฆ...ฮืมม”  คนตัวเล็กตกใจที่อีกฝ่ายไม่ตามใจเหมือนทุกที  ไม่นานเสียงครางหวานก็ออกมาจากลำคอขาวกระตุ้นเรียกร้องให้ร่างสูงหยอกเย้าเข้าหา

 

 

สรุปว่าวันลอยกระทงปีนี้ทำให้กานต์กวีคนบ้างานได้หยุดพักหลายวัน  นอกจากนี้คนตัวเล็กยังปณิธานเอาไว้ว่า  ต่อไปนี้จะไม่ใส่ชุดไทยอีกแล้วตลอดชีวิต  เพราะคำสารภาพจากปากของคนรักที่โทษว่าเพราะตนใส่ชุดนี้แล้วสวยราวเทพธิดาดึงดูดล่อลวงให้คนตัวโตอดใจไม่ไหวจึงได้กอดรักจนร่างบอบบางสลบไปนั่นเอง  แต่ที่จริงแล้วไม่ว่ากานต์กวีจะใส่ชุดไหน  เมฆาก็หาเรื่องออดอ้อนภรรยาอยู่เป็นประจำนั่นล่ะ

 

 

 

END.

 

Talk : ไม่รู้ชอบกันหรือเปล่านะคะ  แต่เราชอบเวลาอยู่กันทั้งครอบครัวแบบนี้มาก  มาส่งช้าไปหลายวันขอภัยด้วยนะคะ  ทำขนมเหนื่อยมากเลยค่ะ  ช่วงใกล้ปีใหม่ลูกค้าสั่งขนมเข้ามาเยอะมาก ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชอบมากเลยจ้า หลงกันทั้งบ้าน

ออฟไลน์ Dark_Evil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

benji

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบบบบบบ น้องน่ารัก พี่เมฆ ก็ ทีข้ออ้างกอดน้องได้ตลอดแหละ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ poppee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตายแระ น่ารักเหลือกเกิน:m3:
ไม่ชอบนะแต่รักเรยค่าาาาาา :myeye:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด