ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานระดับหนึ่ง กว่าจะถึงบ้าน หันไปมองเด็ก ๆ ที่เบาะหลัง หลับกันหมดแล้ว... ในขณะที่กำลังรอให้ประตูรั้วเปิดอยู่นั้น ผมก็คว้าโทรศัพท์มือถือออกมา เข้าไปที่กล้องถ่ายรูป และบันทึกภาพเด็ก ๆ เอาไว้
“เห่อ”
“อย่าให้รู้ว่ามึงไม่เห่อ” ไรเฟิลเดาะลิ้นและมองผมด้วยหางตา ผมจึงทุบไหล่หนาไปเต็ม ๆ ด้วยความหมั่นไส้...
“เอาไงกับเด็ก ๆ อ่ะ?”
“อุ้ม” โอเค ได้ ผมอุ้มมิเกล และให้ไรเฟิลอุ้มวินเซนต์ อ่า... เพราะมิเกลตัวเล็กกว่าไง แฮะ ๆ
ปุง! ปัง! ปุง! ปัง!
“Happy birhtday & Welcome Home!!!” เอ๋อแดก...
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ไฟที่ปิดมืดก็สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงพลุกระดาษและเสียงของหลาย ๆ คนที่ตะโกนมา ด้วยความที่เสียงดังทำให้เด็กทั้งสองเริ่มจะงัวเงียตื่นขึ้นมา ผมมองรอบบ้านด้วยความอึ้ง ไนต์ กาย ฟอร์ส บะหมี่ น้องตัวเล็ก ฟาโรห์ สฟิงซ์ กวิน น้องกานต์(ดไวท์) โซ่และปูน กำลังยืนยิ้มและกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และในมือก็มีอาวุธกันครบ ทั้งพลุ สเปรย์สายรุ้ง สเปรย์หิมะ บนเพดานมีลูกโป่งหลายหลากสีลอยอยู่เต็มไปหมด รวมทั้งที่พื้น ด้านหลังที่ผนังห้องมีป้ายตัวอักษรเขียนว่า HAPPY BIRHTDAY 25TH และป้าย WELCOME VINCENT & MIGUEL TO HOME
What!! แอบไปเตรียมอะไรกันมาตั้งแต่ตอนไหน แล้วไอ้พวกนี้รู้เรื่องกันทุกคนยกเว้นผมงั้นเหรอ!!
“โอ๊ยยยยยยยยยย น่ารักกกกกกกกกกก!” น้องตัวเล็กกับบะหมี่พุ่งเข้ามาหาผม และพากันจิ้มแก้มของมิเกลอย่างสนุก ก่อนจะพากันไปที่วินเซนต์บ้าง เด็กยังมึน ๆ ยืนขยี้ตาอยู่ก็ถูกก่อกวนซะ...
“อายุเท่าไหร่กันบ้างวะ?” กายถาม
“วินเซนต์ 6 ขวบ มิเกล 3”
“เท่าหนู ๆ” ดไวท์พูดพร้อมกับชูมือและกระโดดโหยงเหยง
“เออ เพื่อนมึงน่ะ ไปเล่นไป” พ่อก็ไล่ลูกจังเลย เด็กน้อยหันไปจิกตาใส่กวินแล้วก็เดินเข้าไปหาวินเซนต์กับมิเกล คุยอะไรกันก็ไม่รู้หงุงหงิง ๆ
และไม่นานหลังจากนั้น...
“งะ แง แงงงงงงง”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ใครทำลูกกูร้องไห้!!!! ผมรีบวิ่งเข้าไปหามิเกลที่กำลังร้องไห้แง ๆ โดยมีฟอร์สยืนหน้าเหวออยู่ใกล้ ๆ
“กู...ไม่...ได้...ทำ...”
ยังไม่ถามมึงร้อนตัวทำไม!!!
“มึงทำอะไรลูกกู!”
“เอ่อ... เปล่า”
“เปล่าแล้วทำไมน้องร้องไห้ ฟอร์สสสสสสส!”
“อาฟอร์สทำอย่างงี้ ๆ” ดไวท์รีบบอกพร้อมกับยกมือดึงแก้มตัวเองจนยืด ผมตาโตหันไปมองไอ้ฟอร์ส มันยิ้มแห้งแล้วบอกว่าแก้มมิเกลน่าบีบ
ไอ้ห่า!!!!!!
“กู... ไม่ได้ตั้งใจ... ไม่คิดด้วยว่าจะร้องไห้” ผมพรูลมหายใจแรง ๆ กับคำพูดไอ้ฟอร์ส ขณะเดียวกันก็ลูบหลังเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยไปด้วย ฟ้องไรเฟิลแม่ง!
“พี่ควอทซ์มาเป่าเค้กได้ล่ะครับ อยากกิน” เสียงน้องตัวเล็กตะโกนเรียก ผมจึงอุ้มมิกเกลขึ้นและพาเดินไปหาออกัส อยู่ไม่ไกลนั้นเห็นวินเซนต์กำลังนั่งเล่นเกมอยู่กับโซ่และกาย
“ไรเฟิลล่ะ?” ไนต์ถาม
“ขึ้นไปอาบน้ำ” ผมบอกแล้วพามิเกลไปหาวินเซนต์ ไม่นานดไวท์ก็วิ่งดุ๊ก ๆ เข้ามา เราปล่อยให้เด็กทั้งสามอยู่ด้วยกัน จะได้สนิทและเป็นเพื่อนกันได้
“มึงจะซึ้งก็งานนี้” ทำหน้างงใส่กวิน ซึ้งอะไร หมายถึงแผนเซอร์ไพรส์หรอ ยังมีอีกหรือยังไง? (ผ่านมาสักพักผมถึงเข้าใจว่าจะซึ้งของกวินนั้นคืออะไร... การเลี้ยงลูกไงครับ เหนื่อยเหี้ย ๆ แต่ก็มีความสุขมาก ๆ)
Happy birthday to you
Happy birthday to you
Happy birthday dear Quartz
Happy birthday to you~~~~~
เมื่อเพลงจบลง ผมก็หลับตาอธิษฐาน ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและเป่าลมให้เปลวเทียนดับไป…
“It’s good?”
“Yes!” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักและยิ้มแฉ่งทั้งที่ครีมเค้กเลอะปาก เปื้อนแก้มไปหมด
“สมใจแล้วสิมึง”
“สมใจอะไร?” เลิกคิ้วถามบะหมี่ เจ้าแม่จิ๊ปากคล้ายขัดใจ และปรายตามองเหมือนผมโง่นักหนา
“มีทั้งลูกทั้งผัวแล้วหนิ ชีวิตดีไปไหนหล่อน!”
ผมไม่รู้จะตอบอะไรจึงได้แต่ยิ้มกว้าง ๆ แอบมองไปที่ไรเฟิลที่กำลังคุยและดื่มอยู่กับเพื่อน อืม… เมื่อก่อนว่ามีความสุขมากแล้ว ตอนนี้ผมมีความสุขมากกว่าเดิมอีกครับ
“พี่ไรเฟิลต้องรักพี่ควอทซ์มากแน่ ถึงได้ทำให้ได้ทุกอย่างแบบนี้ สาธุ! ขอให้แฟนฟิงซ์เป็นผู้ที่เหมือนพี่เฟิล” น้องฟิงซ์พนมมือขณะพูดแล้วก็เป่าลมอะไรไม่รู้จากนั้นก็เอามือไปลูบผม ลูบหัว
“เพ้อเจ้อ”
“ไปไกล ๆ เลยนะฟาโรห์!!” น้องฟิงซ์ว่าเสียงดังหลังจากที่โดนพี่ชายที่ผ่านมาได้ยินพอดีผลักหัวจนหน้าแทบจะทิ่มกับขนมเค้ก ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม น้องฟิงซ์เล่าว่า พี่เฟกับคุณพ่อคุณแม่ก็อยากมาเจอเด็ก ๆ แต่ว่าดันติดงานด่วนซะงั้น ไว้วันหลังจะพาไปเจอแล้วกัน ไปเจอป๊ากับย่าด้วย อาณิชด้วย
“I wanna sleep.” มิเกลดึงเสื้อผมเบา ๆ และพูด ดวงตากลมโตปรือฉ่ำ นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว คงต้องพาไปนอน แต่ก่อนจะนอนก็ต้องอาบน้ำ…
“ไรฟ์ มิเกลง่วงแล้วอ่ะ”
“พาไปนอนดิ วินเซนต์ล่ะ”
“เล่นกับไอ้ก้อนอยู่นู่น” คนพี่ก็ตาปรือพอกันแต่ยังห่วงเล่น ไรเฟิลเข้าไปคุย ไม่นานก็จูงมือวินเซนต์มา เราสี่คนพากันขึ้นมาที่ชั้นสองของบ้าน ผมกำลังจะเข้าไปที่ห้องนอนต้องชะงักเมื่อไรเฟิลเรียกให้ไปอีกห้อง
“ทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?” ไรเฟิลยกยิ้มมุมปาก คงแอบทำตอนผมไม่อยู่แน่ ๆ
ห้องนี้เป็นห้องที่ถูกทาด้วยโทนสีสว่างสดใสและมีเตียงสำหรับเด็กอยู่สองเตียง มีของตกแต่งอย่างอื่นอยู่พอสมควรเลย ไม่มีกลิ่นฉุนของสีมากวนใจสักนิดก็แสดงว่าทำไว้นานแล้ว แล้วทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องเลยวะ…
“แต่เรายังไม่ซื้อของให้เด็ก ๆ เลยนะ แล้วเสื้อผ้า” ผมพูดขณะที่นั่งเฝ้าเด็ก ๆ อาบน้ำ เขาบอกเขาโตแล้ว อาบเองได้ อือฮึ เด็กฝรั่งก็งี้ ทำอะไรเป็นเองตั้งแต่เด็ก
“ในตู้” ไรเฟิลพูดสั้น ๆ ผมตาโตแล้วบอกว่าจะเข้าไปดูให้ไรเฟิลอยู่กับลูกไปก่อน
เชรดดดดดดดดด!!! เปิดตู้มาถึงกับผงะ แม่งมีครบเลยนี่หว่า ทั้งชุดไปรเวท ชุดนอน ชุดเที่ยว หมวก กระเป๋า รองเท้า แล้วไซส์ก็น่าจะพอดีด้วย พอเสื้อผ้าที่ซื้อไว้มีสองไซส์เลย…
“ไรฟ์! ไปแอบซื้อไว้ตอนไหน แล้วรู้ไซส์ได้ยังไง!”
“พวกไอ้ไนต์ซื้อมาวันนี้ ซักแล้วไม่ต้องห่วง” โหยยยย งี้ก็แสดงว่าพวกนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วก็จัดการซักชุดเด็ก ๆ และจัดบ้านเพื่อรอพวกเราหรอ อ๋อ! ที่ไรเฟิลคุยโทรศัพท์บ่อย ๆ ก็คงโทรคุยกับพวกนี้สินะ! เจ้าแผนการจริง ๆ
ระหว่างที่รอเด็ก ๆ อาบน้ำ ผมกับไรเฟิลก็คุยกับเรื่องของเด็กทั้งสองไปด้วย อย่างการใช้ชีวิตประจำวันงี้ เรื่องโรงเรียนไรงี้ คุณชายเขาก็บอกมาว่าจะให้วินเซนต์เข้าเรียนที่เดียวกับดไวท์ (ดไวท์เรียนโรงเรียนนานาชาติ) ส่วนมิเกลยังไม่ถึงเกณฑ์ก็คงต้องรอกันต่อไป... พอผมบอกว่านึกว่าจะได้เลี้ยงเด็กทารก ไรเฟิลก็มองเหยียดแล้วบอก ‘จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแล’ เท่านั้นแหละ ไอ้ควอทซ์หน้าแห้งเลย... ก็จริงของมัน
“Kan du läsa en saga för mig?” [ อ่านนิทานให้ผมฟังสักเรื่องหน่อยได้ไหมครับ? ] มิเกลพูดเสียงอ่อยพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อน มือเล็กก็กำนิ้วของผมอยู่
จบสิ้นแล้วชีวิตไอ้ควอทซ์ ต้องตกเป็นทาสลูกแน่ ๆ TwT
ผมเดินไปที่ชั้นหนังสือ และเลือกนิทานออกมาหนึ่งเล่ม (ไม่รู้ว่ามันซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่) กลับไปนั่งบนเตียงเดียวกับมิเกล (ไรเฟิลนั่งอยู่บนเตียงกับวินเซนต์และกำลังเล่นรูบิคกัน) เด็กน้อยหัวเราะคิกคักเมื่อผมดัดเสียงไปตามบทของตัวละครในหนังสือนิทาน ทว่าเล่าไปได้ครึ่งเล่มมิเกลก็อ้าปากหาววอดพร้อมกับดวงตากลมโตที่ค่อย ๆ ปิดลง ผมปิดหนังสือ ขยับตัวลงจากเตียงและย่อตัวลงนั่งที่ข้างเตียง กระซิบบอก goodnight เบา ๆ และแนบริมฝีปากที่หน้าผากเล็ก กระชับผ้าห่มขึ้นไปให้ถึงอก แล้วถึงเดินเอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นเหมือนเดิม
“หลับยัง?” ไรเฟิลพยักหน้า ผมรับรูบิคจากคนตัวโตไปเก็บ หอมหน้าผากวินเซนต์ไปทีหนึ่งแล้วก็ปิดไฟ ให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อน
“เมื่อไหร่พวกมึงจะกลับบ้านกันสักที?” ไรเฟิลกอดอกมองมนุษย์เพื่อนทั้งหลายที่กำลังปาร์ตี้กันอย่างเมามันโดยปราศจากเจ้าของบ้าน...
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นอ่ะ”
กวนตีนทั้งหมด...
“ไหนของขวัญกูอ่ะ?” เมื่อบอกให้พวกมันกลับไม่ได้ก็ทวงของขวัญซะเลย หึหึ
“นี่แหละของขวัญ” โซ่คือตัวแทน มันชี้นิ้วไปรอบ ๆ บ้าน ผมเบ้ปากทันที และแม่งไม่ได้หลอกด้วยครับ เพราะพวกมันไม่มีของขวัญมาให้ผมเลยสักคน! ช็อกมาก! แต่ก็นะ... ใจจริงก็ไม่ต้องการอะไรหรอก เพราะแค่ของขวัญจากไรเฟิลก็ทำให้ผมไม่อยากได้ของขวัญจากใครเลย...
ทำไมถึงทำเพื่อผมได้มากขนาดนี้ก็ไม่รู้
งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา เพื่อนกลับไปหมดแล้วก็เหลือซากความเสียหายไว้ให้กูเก็บ ดีจริง ๆ และกว่าจะจัดการบ้านให้เรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปเช้าวันใหม่เสียแล้ว
แสงไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงเป็นสิ่งเดียวที่ส่องสว่างในตอนนี้ ผมยืนเข่าอยู่บนเตียงนุ่มก่อนจะขยับเข้าไปคร่อมตัวไรเฟิลที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ใบหน้าหวานโน้มลงต่ำ เอียงศีรษะเข้าใกล้จนริมฝีปากแทบจะชิดกับใบหูของอีกคนและกระซิบเบา ๆ
“ขอบคุณนะ”
“เรื่อง?”
“ทุกอย่างเลย”
“หึ ไม่เป็นไร”
“ทั้งที่บอกว่าอยากอยู่ด้วยกันสองคนก่อน แต่ก็ยังรับพวกเขามาอยู่ด้วย”
“เพราะไม่รู้ของขวัญเป็นอะไรดีต่างหาก คิดไม่ออกละ”
“เป็นของขวัญที่ดีที่สุดเลย วันนี้ผมมีความสุขมาก ๆ” พูดจบก็งับปลายจมูกโด่งเบา ๆ ไรเฟิลยกมุมปากขึ้น ฝ่ามือหนาที่หยาบกร้านเล็กน้อยลูบไล้ตามเรียวขาของผม
“คุณมีความสุขผมก็ดีใจ” ผมยิ้มกับคำพูดนั้น ก้มลงไปจูบริมฝีปากคนตัวโตกว่าอย่างอดใจไม่ไหว
“เหนื่อยไหม?”
“เหนื่อย เกือบจะเทไปแล้ว หลายขั้นตอนฉิบ”
“แล้วทำไมถึงไม่เท?”
“เพราะคุณ” ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยิ้มกว้าง ๆ หัวใจของผมพองโตจนคับอก เราจ้องตากันผ่านความสลัวของยามค่ำคืน มือเล็กโอบกรอบหน้าสมบูรณ์แบบเอาไว้แล้วประกบจูบไปอีกครั้ง
“เพราะอยากให้คุณยิ้ม”
“...”
“เพราอยากเห็นคุณมีความสุข” “...”
“เพราะผมรักคุณ” คราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากยิ้มโง่ ๆ และกดจูบที่ริมฝีปากบางของอีกคนแช่อยู่เนินนาน
“คุณมีความสุขหรือเปล่า?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะการที่เห็นคุณมีความสุข นั่นคือความสุขของผม”
ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้กำลังจะฆ่าผม ปกติไรเฟิลจะไม่พูดอะไรแบบนี้หรอก แต่ถ้าพูดนะ... ก็อย่างที่เห็น...
“บางที... เราอาจจะมีความสุขมากขึ้นเพราะพวกเขาอย่างที่คุณว่าก็ได้”
“คุณบอกว่าอยากใช้เวลากับผมก่อน”
“มีพวกเขาเราก็ใช้เวลาด้วยกันได้... ที่เคยพูดไปมันก็แค่ข้ออ้างโง่ ๆ ที่เอามาใช้เพราะกลัวว่าคุณจะสนใจคนอื่นมากกว่าผมต่างหาก”
“น่ารัก...”
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ไม่งั้นคืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่” ผมยิ้มซุกซน ไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบหน้าของไรเฟิล ลงไปเรื่อย ๆ ที่สันกรามคมเฉียบ ลำคอ แผงอกแกร่งเปลือยเปล่าเพราะอีกคนไม่ใส่นอน
“อย่ายั่วบันนี่”
“คิก... อ๊า!” ไรเฟิลกัดฟันราวกับข่มอารมณ์ ทว่ามือหนากลับบีบสะโพกผมไปเสียเต็มแรง
“คุณจะรักพวกเขาไหม?”
“แน่นอน” เสียงเรียบนิ่งแต่จริงจัง ทั้งแววตาที่หนักแน่น “ตอนนี้พวกเขาคือลูกของเราแล้ว และเรากลายเป็นครอบครัวแล้ว แม้มันจะยังไม่สมบูรณ์ก็เถอะ” คำพูดที่ออกมาจากปากผู้ชายที่คนอื่นบอกว่าเย็นชานักหนาทำให้ผมอดใจไม่ไว้อีกครั้งจนต้องก้มลงไปจูบเขา
ผมกำลังจะตายจริง ๆ แล้ว!
“ไม่สงสารหัวใจกันเลย...”
“นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่คุณยังใจเต้นเพราะผม” จบประโยคด้วยการยิ้มหล่อ
“แล้วคุณล่ะ? ยังใจเต้นเพราะผมอยู่หรือเปล่า?”
“Always” “เด็กดี…” ทำเป็นพูดจะกวนประสาททั้งที่อีกฝ่ายก็อายุมากกว่า นั้นมันก็เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าผมร้อนผ่าวไปหมด หัวใจก็สั่นไหวรุนแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ไรเฟิลกำลังจะฆ่าผมให้ตายเพราะสายตาแสนรักและน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขา
“มีรางวัลให้เด็กดีไหมครับ?”
“เด็กดีอยากได้อะไรล่ะครับ?”
“ผู้ใหญ่อย่างคุณน่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไร…”
อ่า… แบบนี้มัน… ทำไมในหัวผมถึงได้แต่คิดไปถึงเรื่องลามกนะ แต่ว่า… การที่ผมคร่อมอีกคนอยู่นี้มันไม่ลามกตรงไหนกัน…
ไรเฟิลยิ้มมุมปากพลางขยับตัวขึ้นนสูงอีกนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับนั่งพิงกับหัวเตียง มือหนาข้างหนึ่งลูบขาผมขึ้นสูงจนกระทั่งแทรกเข้าไปใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ผมสวมอยู่ และอีกข้างกำลังเกลี่ยแก้มและริมฝีปากของผมหลังจากที่ปัดปอยผมไปทัดหูให้ ผมเท้าแขนทั้งสองข้างยันพื้นเตียงเอาไว้ นั้นทำให้ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืน เรียวลิ้นเล็กแลบออกก่อนจะตวัดเลียปลายนิ้วใหญ่ที่ยังวนเวียนกับริมฝีปากสีสด ขณะที่ตาก็ไม่หลบสายตาคมที่จ้องกลับมา
“อื้อ…” มือหนาคว้าท้ายทอยผมให้เข้าใกล้แล้วบดริมฝีปากมอบจูบอย่างดุดัน ลิ้นชื้นชำแรกเข้ามาในโพรงปาก ผมครางอืออึงในลำคอขณะที่ลิ้นของเรายังเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ร่างเล็กทรุดลงทับคนตัวโต ไรเฟิลพลิกผมให้อยู่ด้านล่างขณะที่ยังกวาดลิ้นในโพรงผมอย่างกระหาย
มือเล็กลูบไปทั่วแผงอกแข็งแรงและเลื่อนต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยก่อนจะหยุดมือไว้ที่ขอบกางเกง แม้จะยังไม่ได้สัมผัสกับส่วนนั้นโดยตรงผมก็รู้สึกถึงความร้อนที่กระจายออกมา ผมดึงเชือกของเสื้อคลุมให้คลายและแหวกสาบเสื้อออกจากกัน ไรเฟิลเลียริมฝีปากหลังจากผละจูบออก ใบหน้าหล่อคมคายซุกที่ซอกคอขาวและขบเม้มหนักเบาสลับกัน
“อือ… อย่าทำรอยนะ”
เสียงร้องห้ามเบาหวิวดูจะไม่มีผลต่ออีกคนหนักเมื่อริมฝีปากร้ายทำการดูดเม้มแรงขึ้นเรื่อย ๆ มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวขาว ผมแอ่นตัวขึ้น บิดเร่าเมื่อหน้าอกถูกขยี้และโดนขบเม้ม
“หะ.. อา..”
“ระ ไรเฟิล… ไม่ อ๊ะ!” ไรเฟิลยิ้มร้าย มือหนาชันขาผมให้แยกออกก่อนที่เข้าจะแทรกเข้าตรงกลาง ผมพยายามดันศีรษะคนตัวสูงให้ออกห่างจากส่วนนั้นของตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกคนครอบริมฝีปากไปปรนเปรอส่วนนั้นให้ และที่ทำได้ตอนนี้คือร้องครางเท่านั้น… ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนอีกต่อไป มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความซ่าน
“ร้องดัง ๆ สิ ผมอยากได้ยินเสียงคุณ” ไรเฟิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาใช้มือรูดรั้งแกนกายของผมแทน แต่ก็ยังจะสามารถใช้ปากของเขาแกล้งผมด้วยการพรมจูบไปทั่วใบหน้า
“ละ ลูก อึก… นอนอยู่ อะ อีกห้อง… ฮือ!”
“ห้องเก็บเสียง เขาไม่ได้ยินหรอก”
“อ๊า!!!” คราวนี้ผมกรีดร้องเสียงดังเมื่อก้านนิ้วยาวแทรกผ่านเข้าไปในช่องทางด้านหลังโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงครางเครือในลำคอและขยับวนนิ้วไม่หยุด เมื่อถูกปรนเปรอทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็ทำเอาผมกลั้นความต้องการไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลซึมที่ขอบตา ร่างกายกระตุกเกร็งเมื่อใกล้ถึงจุด ไรเฟิลยิ้มพอใจเพราะแกล้งผมได้ เจ้ายักษ์ชูมือที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำแห่งความลามกขึ้นให้ผมได้อับอาย อยากจะด่าสักสองสามคำแต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไร ผมหอบหายใจแฮ่กปล่อยไรเฟิลจัดการทำอะไรตามที่ต้องการ
เด็กดีกลายร่างเป็นปีศาจร้ายที่กำลังทำให้ผมหายใจไม่ออก ไรเฟิลเตรียมความพร้อมให้ทั้งเขาและผม เมื่อเห็นว่ามันใช้ได้แล้วเขาก็เริ่มกดส่วนนั้นเข้ามา… ผมหลับตาปี๋และจิกเล็บกับผ้าปูที่นอนจนปวดไปหมด ริมฝีปากบางเกินชายของเจ้าฝรั่งผมทองมอบจูบให้ผมอีกครั้งให้ได้ลืมความเจ็บด้านล่างเมื่อถูกสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วเคลื่อนเข้าแทนที่ ผมลืมตาขึ้นมองสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสวย เผยอปากรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา และผ่อนคลายตัวเองเพื่อรับการบุกรุกสำหรับส่วนล่าง มือเล็กเปลี่ยนที่ยึดไปโอบรอบคอของอีกคน แทรกฝ่ามือเข้าใต้เรือนผมสีทอง จิกและกระชากบางครั้งเมื่ออีกคนทำให้เจ็บ ไรเฟิลเริ่มขยับตัวจากจังหวะเนิบนาบและค่อยเร่งความเร็วขึ้น มือหนาช้อนสะโพกมนขึ้นเพื่อนรับการสอดใส่ เสียงที่จะร้องค้านเมื่ออีกฝ่ายดูจะขยับกายเร็วเกินไปกลับกลายเป็นร้องครางแทน
“อะ อึก… อา!”
“อืม…” ผมมองไรเฟิลตาปรือ เห็นเขายิ้มก็แทบละลายเป็นช็อกโกแลตโดนความร้อน เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาเคลือบร่างกายกำยำทำให้เขายิ่งเซ็กซี่ ผมเชิดหน้าร้องคราง ขยับสะโพกรับจังหวะการกระแทกด้วยแรงอารมณ์ ยื่นมือไปสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวที่แข็งขื่นของตนแล้วขยับมือไปมา ผมจิ๊ปากเมื่อถูกปัดมือออก จึงระบายอารมณ์ด้วยการจิกและข่วนแผ่นหลังกว้าง นอกจากจะไม่แสดงความไม่พอใจแล้วยังหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของผม ไรเฟิลเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อใกล้จะถึงปลายทางจนร่างกายของผมสั่นคลอน
“อะ อา!!” ไรเฟิลส่งเสียงร้องยาว ๆ เขาทิ้งตัวทับร่างผมไว้หลังจากปลดปล่อยทุกหยาดหยด ผมทำได้แค่นอนหายใจหอบ แรงที่จะผลักไสแทบจะไม่มี ลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดบริเวณซอกคอทำเอาผมขนลุกซู่…
“เหนื่อยแล้วเหรอ?”
“อือ…”
“ทำไงดี ผมยังไม่เหนื่อยเลย”
“ฮะ เฮ้ย!!!” ผมตาโตเมื่อไรเฟิลเริ่มขยับตัวอีกครั้ง เขาไม่ให้เวลาผมปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ
เด็กดีกลายร่างเป็นเด็กโลภมากที่คอยเอาแต่ทวงถามรางวัลจากผมทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้นอน…
ผมต้องตายจริงก็คราวนี้แหละ
ถ้าไม่รักก็ไม่ยอมหรอกนะเว้ย!!
FIN.----------------------------------
- สวัสดีค่าาาาา หายไปนานเลยกับเรื่องนี้ ตอนที่ก็ล่อเข้าไปหกพันกว่าคำเลยนะคะ หวังว่าจะพอช่วยให้หายคิดถึงได้บ้าง /)_(\
- แล้วยัยกระต่ายก็มีลูกสมใจ 555555555555555555555
- อาจจะมีข้อผิดพลาดเรื่องข้อมูล ขออภัยด้วยนะคะ /โค้ง
- นี่เขียนไปก็หวีดไรเฟิลไป อยากมีคุณรังสิมันต์เป็นของตัวเองอ่ะ นางเป็นประเภทที่เย็นชากับคนทั้งโลก แต่อบอุ่นให้กับเมียคนเดียว ฮืออออออออ

/ควอทซ์เตรียมปล่อยมดแดงกับหมูปิ้งให้ไล่คนเขียนไปไกล ๆ
- มีลูกแล้วภาคสองต้องมาไหมอ่ะ ยังไง 555555555555555555555 /หนีไปกบดาน
- ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ทั้งคอมเมนต์และบวกเป็ด ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
- ตอนนี้ก็คิดว่าน่าจะเลิกเพ้อได้แล้ว ฮ่า ๆ หวังว่าจะได้เจอกันอีกถ้ามีโอกาส
♥