EPISODE 6 ตอนเย็นผมถูกไรเฟิลลากกลับด้วย มาถึงก็จับผมยัดใส่รถไม่พูดไม่จา ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไร ผมไม่ได้ป๊อดนะ! ก็ใครใช้ให้คุณชายทำหน้าบึ้งแบบนั้นเล่า!
“ไรฟ์ ไปไหน” ผมท้วงเมื่อไรเฟิลขับรถเลยซอยที่ตั้งเลี้ยวไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว ที่ยอมนั่งนิ่ง ๆ เพราะคิดว่ามันจะไปส่งผมที่ซุปเปอร์ฯ เหมือนทุกทีน่ะสิ! คุณชายไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้า แต่กลับเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นอีก
“ไรเฟิล...”
“เงียบน่า” ใบหน้าคมฉายแววหงุดหงิดไว้อย่างชัดเจนจนผมไม่กล้าขัด ได้แต่ขมุบขมิบปากบ่นกับตัวเองเบา ๆ เท่านั้น อะไรวะ มาหงุดหงิดอะไรใส่ผมเนี่ย
“จะไปทำงาน!!!!” ผมตะโกนใส่หูไรเฟิล เมื่อเจ้าตัวเลี้ยวรถเข้าที่คอนโดมิเนียมสุดหรูที่เป็นที่พักอาศัยของคุณชาย... ไรเฟิลเพียงแค่ตวัดตามองผมเท่านั้น เหอะ คิดว่ากลัวเหรอ
“ปลดล็อคเดี๋ยวนี้” ผมบอก ก็จอดรถได้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมปลดล็อคให้สักที
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ควอทซ์”
“ไม่มี! จะไปทำงานนนนนนนน” คนตัวสูงพ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วหันมามองหน้าผม ผมสบกับตาสีน้ำทะเลอย่างไม่เกรงกลัว มุมปากบางของไรเฟิลกระตุกยิ้ม
“ไม่ต้องทำแล้ว มานี่” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลงจากรถ จังหวะนั้นผมเองก็รีบลงไปด้วย กะจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทันคนที่ขายาวกว่า ไอ้เหี้ยยยยยยย เร็วไปไหน!!
เจ้าตัวกดล็อครถก่อนจะลากผมไปที่ลิฟต์
“ไรฟ์ปล่อย!!!” ผมทั้งดิ้นทั้งตีแต่มันกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เหนื่อยฉิบหาย
“หยุดดิ้นได้แล้ว” ผมเบ้ปาก มันดันผมเข้ากับมุมลิฟต์ มือก็เอื้อมไปกดปุ่มตัวเลขที่อยู่ด้านข้าง
ตึ้ง!
เมื่อสัญญาณดังขึ้นไรเฟิลก็ลากผมออกจากลิฟต์ ชั้นนี้คือชั้น 49 เป็นชั้นสูงสุดและมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องฝั่งซ้ายคือของไรเฟิล ส่วนฝั่งขวาผมไม่รู้ - - มือหนาแตะที่แผ่นอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะมีแสงไฟแสดงตัวเลขขึ้นมา นิ้วเรียวกดรหัส 4 ตัว เสียงสัญญาณเซ็นเซอร์ดังยาว ๆ ไรเฟิลผลักประตูเข้าไปแต่ก็ไม่ลืมลากผมไปด้วยและมันก็ปิดประตูด้วยการยกเท้าถีบ - -*
“เหนื่อยหรือยัง หืม?” คนตัวสูงกอดอกมองผมที่ยืนหอบแฮ่ก ๆ อยู่กลางห้อง ก็ทั้งดิ้นทั้งอะไรขนาดนั้นไม่เหนื่อยก็ให้มันรู้ไปสิวะ !! ผมสะบัดหน้าใส่มันเดินหนีไปนั่งที่โซฟาสีดำหรูหรา
ห้องของไรเฟิลตกแต่งด้วยโทนสีดำขาว เรียบแต่หรูหรา ซึ่งผมไม่ขอบรรยายก็แล้วกันนะครับ
“ขอบคุณ” ผมรับแก้วน้ำเย็น ๆ จากไรเฟิลมาดื่มอึก ๆ รวดเดียวจนเหลืออยู่ค่อนแก้ว แล้ววางมันลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ไรเฟิลนั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“เอาโทรศัพท์มา”
“ไม่ให้ เอาไปทำไม”
“เอามาเถอะน่า อย่าดื้อได้ไหมควอทซ์” คำก็ดื้อสองคำก็ดื้อ !!
“เฮ้ย ๆ !! อย่าค้นกระเป๋ากูนะ!” ผมรีบถลาตัวไปดึงกระเป๋าสะพายของผมในมือไรเฟิลออก แต่มันทันครับ มันเทพรวดลงบนโต๊ะไปหมดแล้ว ไอ้เวร!!!
“โทษที ซิบมันไม่ได้รูด” ผมได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ มองไรเฟิลยักคิ้วกวน ๆ มาให้
“มึงสิรูด!”
“เอามือถือมาได้แล้ว” ผมส่ายหัวพรืดมือก็ตะปบที่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกางเกงไว้ แต่เหมือนการกระทำของผมจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก
ไรเฟิลลุกจากโซฟาตัวที่มันนั่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วทำให้ผมไม่ทันตั้งตัวปะทะเข้ากับตัวหนา ๆ ของมันจนหงายเงิบล้มลงไปนอนบนโซฟา คนตัวสูงใช้ขากดขาของผมไว้ ส่วนมือข้างหนึ่งรวบมือของผมทั้งสองข้างไปตรึงไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างของมันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงผมและเอาโทรศัพท์ออกมา(ท่าแม่งโคตรล่อแหลม)
“รหัสอะไร”
“ไม่บอก!!”
“บอกมา”
“ไม่ โอ๊ย!!! เจ็บนะไอ้เหี้ย!” ไรเฟิลใช้กดน้ำหนักลงบนขาของผม เจ็บฉิบหาย!
“จะบอกไหม”
“1108”
“ก็แค่นั้น” มันว่า แต่มันไม่ยอมปล่อยผมเป็นอิสระ มือหนาทำอะไรยุกยิกกับโทรศัพท์ของผมสักพักก่อนจะยกมาแนบหู
“สวัสดีครับ ผมไรเฟิลนะครับ.... วันนี้ควอทซ์ไม่ไป.. โอ๊ย!!” ไรเฟิลหันมาถลึงตาใส่ผม ก็เพราะผมอาศัยจังหวะตอนมันเผลอยกขาถีบมันไปไม่เบาหนัก โทรหาเจ๊ทิชาแน่ ๆ
“เจ๊ !!!! อย่าไปเชื่อมัน” ผมแหกปาก ดิ้นจนหลุดจากไอ้หมีควายนั่น ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์แต่ไรเฟิลไหวตัวทันเลยหลบได้อย่างหวุดหวิด
ผมกับไรเฟิลยื้อหยุดฉุดกระชากกันอยู่นานก่อนที่มันจะเสียหลักล้มนอนที่โซฟาแต่มึงลากกูไปด้วยทำมายยยยยยยยย !
สภาพตอนนี้คือ ไรเฟิลนอนหงายอยู่บนโซฟาซึ่งมีผมนอนทับอยู่บนตัวมัน หน้าของผมอยู่ด้านข้างหน้าของมัน(ถ้ายืนคางผมก็เกยไหล่มันอยู่อ่ะครับ)ขาหนัก ๆ ยกขึ้นมารัดขาผมไว้ ส่วนมือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ก็จับแขนผมไปไพล่หลัง ไอ้เหี้ยไรเฟิลลลลลลลล!
“ต๊ายยย ทำอะไรกันเสียงดังเชียว” ได้ยินเสียงเจ๊แว่ว ๆ หลอดออกมา เจ๊ !! เจ๊อย่าคิดไปไกลนะ!!
“วันนี้ควอทซ์ไม่ไปทำงานนะครับ หวังว่าเจ๊คงไม่ว่าอะไร” ผมส่ายหัวจนผมสะบัด
“ไม่!!”
“เงียบ!”
“ตามนี้นะครับ สวัสดี” ไรเฟิลวางสายแล้วปล่อยโทรศัพท์ผมลงพื้นพรมดัง ตุบ!
“ทำไมพูดแบบนั้น” เสียงผมอู้อี้
“ไม่ต้องไปทำแล้ว ไม่ให้ไปแล้ว”
“อย่ามาเอาแต่ใจ นี่มันงานของกูนะ!”
“ไม่ต้องทำ ลาออกไปเลยยิ่งดี” ที่พูดเนี่ยฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหม !!
“ไรฟ์... กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง แต่กูเป็นผู้ชาย..”
“ผู้ชายแล้วไงวะ ตัวเท่าลูกหมา” ลูกหมาบ้านมึงสูง 173 เหรอ !!
“กูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นะ” ไรเฟิลปล่อยมือที่จับผมไว้และขาผมออกแล้ว แต่กลับเลื่อนมือมากอดเอวผมเอาไว้หลวม ๆ แทน - -’
“ลาออก”
“เฮ้ย... จะลาออกได้ยังไง กูต้องใช้เงินนะ” ผมไม่ได้โกหกนะครับ ถึงป๊าจะส่งเงินให้ทุกเดือนแต่ผมอยากหาเงินใช้เองมากกว่าอยู่ดี (เงินส่วนนั้นถ้าไม่จำเป็นผมไม่แตะเลยด้วยซ้ำ)
“มาทำกับกู”
“งับ! เอาแต่ใจ!” ผมงับไหล่คนเอาแต่ใจไปทีหนึ่ง มึงเป็นทายาทฮิตเลอร์ใช่ไหม ตอบ!
“ตามใจกูสิ” ผมกัดไหล่ไรเฟิลไปอีกที(น้ำลายเปื้อนเสื้อนักศึกษาของมันเลยแฮะ สมน้ำหน้า!)
“ทำไมต้องตามใจด้วย” ผมพูดงืมงำปากก็งับไหล่ไรเฟิลไม่หยุด มันเพลินดีครับ แฮ่
“นอกจากเป็นกระต่ายแล้วยังเป็นหมาอีกหรือไง” มือหนากระชากผมผมเบา ๆ ห่าาาาาา กูเป็นคนเถอะครับ “ทำงานกับกู กูให้เดือนละสามหมื่นเลย” ผมตาพราว ผงกหน้าขึ้นมามองหน้าคนพูด
“จริง? ให้ทำอะไรวะ”
“ทั่วไป” มันพูดแล้วยกยิ้ม หล่อไปแล้วไอ้เหี้ย “ความสะอาด ทำกับข้าวให้กูด้วย ง่าย ๆ แม่บ้าน” ผมเลิกคิ้ว แม่บ้านเงินเดือนสามหมื่นเลยเหรอวะ
“แต่....”
“ไม่มีแต่ ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ไปลาออกซะ” โห ไอ้เชี่ย ไอ้เผด็จการ!
“เผด็จการ! แล้วแม่บ้านคนเก่าละ?” ผมฟุบลงกับไหล่กว้างเหมือนเดิม เนื่องจากเกร็งคอจนปวดไปหมด แต่อยู่แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกันนะครับ อุ่นดี กลิ่นตัวหอม ๆ ของไรเฟิลทำผมเคลิ้มจะหลับ มันเป็นกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นโคโลญจ์จนกลายเป็นกลิ่นประจำตัวของมันไปแล้ว ดมแล้วเพลินดี เชี่ย!! คิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้ควอทซ์
“แม่บ้านจากบ้านใหญ่ ไม่มีปัญหาหรอก ถามแบบนี้ยอมแล้วใช่ไหม?” อืม แบบนี้ก็โอเค แต่ถ้าต้องไปแม่บ้านคนเก่าออกเพราะผม ผมก็ไม่ยอมหรอกครับ
“มีทางเลือกเหรอ ถึงไม่ยอมก็บังคับอยู่แล้วนี่ ใช่ไหมครับคุณชายรังสิมันต์”
“รู้ดี” แล้วมันก็ขยี้หัวผมสนุกสนาน สัด...
“ไรฟ์”
“หืม?”
“ขอบคุณนะ” ผมพูดเสียงเบา แต่อยู่ใกล้ขนาดนี้คุณชายท่านได้ยินแน่นอนอยู่แล้ว
“อืม”
......................................................................................
“ขอโทษนะครับเจ๊ ผมไม่ได้อยากลาออกเลยนะ” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด มองตัวต้นเหตุที่ส่งยิ้มอย่างผู้ชนะมาให้
“ไม่เป็นไร ๆ เจ๊ไม่ได้ว่าอะไร พนักงานเองก็มีเยอะแยะ อย่าคิดมากเลย”
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมขอโทษด้วยจริง ๆ นะ” เจ๊ทิชายกมือลูบหัวผมเบา ๆ พร้อมกับยิ้มเอ็นดู
“เดี๋ยวเจ๊โอนเงินเดือนสุดท้ายให้แล้วกัน ว่าง ๆ ก็แวะเอาหน้าสวย ๆ ของหล่อนมาให้เจ๊เห็นบ้างล่ะ”
“โห ผมหล่อเหอะ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้
สุดท้ายก็ต้องลาออกจนได้ เมื่อวานคุณชายจอมเอาแต่ใจมันบังคับให้ผมค้างกับมันแล้วบ่ายวันเสาร์ซึ่งก็คือวันนี้พี่ท่านก็ลากผมมาที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเจ๊ทิชาทันที มึงจะรีบไปไหนไอ้เวร!
“เสียดาย?”
“อื้อ เจ้านายดีี ๆ เจอได้บ่อย ๆ ที่ไหนล่ะ” ผมหันไปตอบไรเฟิลที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่ วันหยุดแต่รถก็ติดบรรลัยเลยครับ
“กูไง” ถุ้ยยยยยยย จริง ๆ อยากสบถออกไปมาก แต่กลัวคุณชายท่านจะฆาตกรรมผมเสียก่อน เลยได้แต่เบ้ปากให้ด้วยความหมั่นไส้
“แล้วนี่จะไปไหน”
“ซื้อของไง ต่อไปนี้มึงต้องทำอาหารเช้าและเย็นให้กูทุกวันนะครับ” พูดจบก็ยกยิ้ม
“อ้าว! ปกติไม่กินข้าวเช้านี่” ผมถามด้วยความแปลกใจ ปกติคุณชายเขาไม่กินอาหารเช้านะครับ เวลาพวกผมกิน พี่ท่านแค่นั่งจิบกาแฟหล่อ ๆ เท่านั้น
“อยากกินไม่ได้เหรอ?”
“ครับ ๆ กินได้ครับ”
คุณชายพาผมมาซื้อของที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง มาถึงก็ลากตรงดิ่งที่โซนของซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที(แล้วทำไมแม่งซื้อตั้งแต่อยู่ร้านเจ๊ทิชาวะครับ!) มันผลักรถเข็นใส่ผม ถ้าหลบไม่ทันคือชนผมเต็ม ๆ เลยครับ ทำผิดแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะให้อีก ไอ้คนไร้จิตสำนึก!
“อยากกินอะไร” ผมหันไปถามคนข้างตัว ขณะที่เข็นรถเข็นไปด้วย
“ไม่รู้สิ ซื้อไปเก็บไว้ไม่ได้เหรอ”
“ของสดมันต้องซื้อวันต่อวัน ถ้าจะซื้อไปไว้ก็ได้ แต่มันจะเก็บได้ไม่นานหรอกนะ” คุณชายขมวดคิ้วคิดหนัก ถามว่าจะกินอะไรนี่ควรจัดเป็นปัญหาโลกแตกได้แล้วนะครับผมว่า
“แล้วแต่มึง”
“อ้าว ลำบากกูอีก” ผมเกาหัวแกรก ๆ คิดอาหารให้คนอื่นนี่ยากมากเหมือนกันนะครับ ทำแล้วเขาจะกินได้ไหม เขาจะชอบหรือเปล่า บลา ๆ ๆ
สุดท้ายผมก็เป็นคนคิดอยู่ดีนั่นแหละครับ เลือกซื้อผักสด เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง หมึก ไปด้วย คุณชายเขาไม่กินปลาครับ มันบอกคาว เออ ก็แล้วแต่ เลือกซื้อของสดเสร็จก็ไปที่โซนอาหารแห้งต่อ จริง ๆ มันควรจะซื้อของสดทีหลังไหมครับหรือยังไง ผมก็ไม่เข้าใจคุณชายมันนะ จากคำให้การของคุณชายคือที่ห้องมันไม่มีห่าอะไรที่สามารถเอามาปรุงอาหารได้เลย ก็เลยต้องซื้อทุกอย่าง อย่างเช่นพวกเครื่องปรุงเครื่องเทศทั้งหลายแหล่ ผมยืนอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์อยู่ เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่เจอคุณชายแล้ว
“หายไปไหนวะ” ผมวางของในมือใส่ในรถเข็นก่อนจะออกตามหาไรเฟิล ไปไหนไม่บอก ไอ้บ้านี่
และผมก็มาเจอมันยืนหน้าเครียดอยู่ที่โซนเครื่องดื่ม แค่เครื่องดื่มมึงจะเครียดอะไรครับ
“ทำไรวะ มาไม่เห็นบอก” ไรเฟิลหันมามอง มันไม่พูดอะไร วางโคล่าใส่่ในรถเข็น 2 แพ็คกับ hoegaarden 1 หลัง ผมได้แต่มองตาค้าง มึงซื้อไปแดกหรือซื้อไปอาบครับ!
“ซื้อทำไมเยอะแยะ”
“กูจ่าย” ครับ - - กูคงจ่ายให้มึงหรอกครับไอ้สัด
มาถึงห้องไรเฟิลมันปลีกตัวไปนั่งดูสารคดีสัตว์โลที่หน้าทีวีพร้อมกับเบียร์หนึ่งขวดและขนม(ของผม)อีกหนึ่งห่อ ปล่อยให้ผมจัดการของที่ซื้อมาเพียงคนเดียว แหม่ ก็หน้าที่ผมนี่ครับ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่หลวมตัวมาเป็นพ่อบ้านให้มันเนี่ย
กว่าจะจัดของเสร็จก็ปาไปเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ผมเลยจัดการผมอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวผัดเบค่อนกับทอดไข่ดาวให้คุณชาย ทีแรกกะจะทำแค่จานเดียวแต่พอทำเสร็จทำไมมันเยอะจังเลยละครับ
“คุณชายครับ!! กับข้าวเสร็จแล้วนะ”
“ทำอะไรกิน” คุณชายมันถามพลางเดินไปล้างมือที่อ่าง มันก็นิสัยคุณชายตามที่ผมชอบเรียกนั่นแหละครับ บ้านเขาสอนมาดี
“ข้าวผัดเบค่อน กินได้เปล่า”
“อื้อ กินด้วยกันสิ” ไรเฟิลนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะเงยหน้ามาคุยกับผม
“ร่วมโต๊ะกับเจ้านายได้เหรอครับ ว้าว!”ผมแกล้งแซว เลยโดนคุณชายโยนแตงกวาด้วยความเอ็นดู ...เหรอวะ
“นั่ง!” ตามนั้นครับ หึหึ ผมจัดการตักข้าวให้ตัวเองกับไรเฟิลคนละจานซึ่งมันก็สำหรับสองทีพอดีเดะ
“เป็นไง อร่อยละสิ” ผมมองไรเฟิลที่กินแบบไม่พูดไม่จา
“ก็กินได้” แหม อยากจะแหมใส่สักล้านแหม ผมทำกับข้าวอร่อยมากเถอะ แล้วมาบอกก็กินได้นี่คืออะไรครับ
ที่ผมทำกับข้าวได้เพราะคุณย่าสอนมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ อาหารไทย อาหารต่างประเทศ ผมทำได้หมดอ่ะ ขอแค่มีวัตถุดิบก็พอ แล้วทำผมทีไรคนที่บ้านก็บอกอร่อยมาทุกทีเลยนะ อ่อ ไม่ใช่แค่อาหารคาวนะครับ อาหารหวานก็ด้วย พวกขนมงี้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำ ไม่รู้ฝีมือตกไปหรือยัง เดี๋ยวต้องกลับบ้านไปขอสูตรคุณย่าสักหน่อย. . .
------------------------------------
TBC.
ผ่านมาหลายตอนแล้ว ชื่อเรื่องกับเนื้อหาเกี่ยวกันยังไงหรอ 
ชื่อเรื่องกับเนื้อหาเกี่ยวกันยังไง...?
ยังพูดยังไงดี เพราะคนแต่งเองก็ยังมึน ๆ อยู่เลยค่ะ

ประมาณว่าเกี่ยวกับความรู้สึกของทั้งสองคน ที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจอะไรงี้
แต่เราก็ยังงงอยู่ว่ามันเกี่ยวกันยังไง .พับเพียบร้องไห้
แต่ยังไงก็ฝากติดตามนิยายป่วย ๆ ของเราด้วยนะคะ จุ้บ ๆ
