Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 43นายมือโปร คือคนที่มาตามหาผมเป็นคนแรก ซึ่งก็ไม่น่าประหลาดใจหรอกครับ ถ้าเป็นพี่หนึ่งมาตามเนี่ยสิ ผมจะงงและหาเหตุผลเชื่อมโยงไม่ได้มากๆ
สิ่งแรกที่เขาถามก็คือ...ท้องเสียหรอ?
อืม นี่แปลว่าเขาไม่รู้ว่าเพิ่งทำเรื่องกระทบใจผม ไม่รู้สึกถึงเงื่อนงำที่เกิดขึ้นมาบิดใจจนงอมาถึงใบหน้าผมเลย
“เปล่าครับ วินปกติ” ผมตอบเรียบๆ ยืนพิงเคาท์เตอร์หน้าครัว ข้างหลังเยื้องไปมีแก้วเบียร์และขวดเบียร์ที่ผมเปิดดื่มคนเดียววางอยู่
“ค่อยยังชั่ว”
“กินอะไรไปบ้าง อาหารน่ะ”
“ก็ที่พี่โป๊ะทำให้นั่นแหละ นอกนั้นก็พวกของทอดนิดหน่อย”
“คงต้องเปลี่ยนน้ำมัน”
“แล้วดื่มอะไรไปบ้าง”
“เหล้า เบียร์ ไวน์ วิสกี้ เจออะไรก็ดื่ม”
“พอแล้วนะ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ผื่นขึ้นมั้ย ขอพี่ดูหน่อย”
“วินบอกว่าวินปกติไง”
“ปกติแล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้”“หือ?” เขาเดินเข้ามาใกล้ โค้งตัวเพื่อยื่นหน้ามารอคำตอบจากปากผม
“วินที่ปกติ ไม่มาขลุกอยู่คนเดียวหรอก”
“มีอะไรครับ บอกพี่ไม่ได้หรอ?”
รู้ด้วยว่ะ
แต่รู้แล้วก็เท่านั้นแหละ เพราะเขารู้อยู่ว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะเป็นยังไง เขาก็ยังทำ
“โอเค วินไม่ปกตินิดหน่อย”
“เป็นอะไรล่ะครับ หือ?”
“พอดี แฟนวินทำให้วิน... นอยด์”
“ไอ้บ้านั่นโง่รึเปล่า? ได้ข่าวว่าแฟนวินเป็นคนดีมีเหตุผลมากเลยนี่ ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น”
“ทำให้วินนอยด์นี่ฆ่าตัวตายชัดๆ” เขายังโต้ตอบผมด้วยท่าเดิม หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ ถ้ากลิ่นที่แตะปลายจมูกผมคือกลิ่นเหล้าจากเขา จมูกเขาก็น่าจะได้กลิ่นเบียร์จากผมเหมือนกัน
กล้าจะถาม ก็ต้องกล้าฟังคำตอบด้วยล่ะสิ
ก็ได้...
“ครับ เขาทำให้วินนอยด์”“เขาร้องเพลงอาลัยอาวรณ์ผู้หญิงที่เขารักชิบหาย และจะจดจำความรู้สึกรักครั้งนั้นไปจนตาย”
นายมือโปรไม่มีอาการหวั่นวิตกอะไร ไม่ลนลานรีบขอโทษ และก็ไม่ได้อธิบายอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่เขาทำคือการยิ้ม และมันทำให้ผมโมโห
ผมเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเขาก่อน ผมยังไม่อยากเจรจาพาทีอะไรกับเขาตอนนี้ วันนี้เป็นวันดีของพี่พีช เพื่อนๆ พี่พีช น้องๆ พี่พีช ผมไม่ควรทำลายบรรยากาศดีๆ ที่กำลังโอบล้อมทุกคนอยู่
“จะไปไหนล่ะ?”
“กลับบ้าน”
“หลังไหน ไม่ค้างที่นี่หรอ”
“ไม่”
“โกรธพี่หรอครับ”
“มาก”
“ถึงพี่จะบอกว่าไม่มีอะไรต้องโกรธหรือต้องนอยด์ใส่เลย พี่กับลูกแพร์ไม่เคยมีอะไรต่อกัน พี่แค่สงสารน้องสาวคนนึง ก็ไม่เชื่อหรอ?”
“ไม่เชื่อ”
“วิน เราโตๆ กันแล้วนะ”
“พี่ไม่ถนัดเรื่องอ้อนวอนตามง้อตามอ้อนอะไรเยอะแยะหรอก”
งั้นก็ขอบคุณมาก เพราะวิธีการแบบนั้นผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“เชื่อใจกันหน่อยไม่ได้หรอ”
“พี่ยังเชื่อวินเลย เชื่อทุกอย่าง ไม่คิดระแวงอะไรในตัววินเลย ไม่ว่าคนรอบข้างคนไหนจะมาป้วนเปี้ยน ถึงจะไม่พอใจบ้าง หึงบ้าง แต่พี่ไม่เคยไม่มั่นใจในความรู้สึกวินเลยนะ”
“.............”
“พี่ก็อยากให้วินเชื่อใจพี่เหมือนกัน”
“วินไม่ได้ระแวง ไม่ได้หึงด้วยครับ”
“แต่วินนอยด์”
“วินไม่พอใจไง วินเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจเหตุผลคนอื่นด้วย”
“และวินก็ไม่คิดจะแก้นิสัยเสียๆ แบบนี้ของตัวเองด้วยครับ”
“เพราะมันเป็นอาวุธเดียวที่วินมี”
“วินไม่พอใจที่สมองพี่โป๊ะยังมีเรื่องของลูกแพร์อยู่”
“วินไม่ชอบ ไม่อนุญาตให้แฟนวินนึกถึง คิดถึง ระลึกถึงผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้าพี่โป๊ะรับไม่ได้กับความนิสัยเสียของวินข้อนี้ ก็ตัดสินใจใหม่ได้นะครับ เรื่องของเรา”
“มัน...ขนาดนั้นเลยหรอวิน” คงเพราะเห็นแล้วว่าผมนอยด์จริงๆ เขาถึงได้เดินมาใกล้ แล้วดึงแขนไปเหนี่ยวรอบเอวเขาแทน
“ครับ วินไม่ชอบ”
“มากๆ”
“แต่พี่ ... ไม่เคยขอให้วินลืมรินนาเลยนะ ไม่เคยขอให้วินลบคุณรุตต์ออกจากสมองเลยด้วย”
“ก็ถ้าพี่ขอ วินก็จะทำให้ จะพิสูจน์จนกว่าพี่โป๊ะจะพอใจ และเชื่อว่าวินไม่มีคนพวกนั้นในสมอง ในความทรงจำแล้วจริงๆ”
“พี่ไม่ขออะไรแบบนั้นหรอกไอ้ยุ่ง”
“ไม่ใช่ว่าเพราะพี่ไม่หึง หรือพออกพอใจกับการที่วินยึดติดอดีต”
“แต่เป็นเพราะพี่เข้าใจ ว่าเราเลือกส่วนผสมให้กับประสบการณ์ชีวิตเราไม่ได้”
“แต่เราเลือกจำได้”
“............”
“พี่ให้เกียรติวินในอดีต ให้คุณค่า ให้เครดิต ให้ความรู้สึกขอบคุณเพราะเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับวินในอดีต ทำให้วินเป็นวินที่พี่รักในวันนี้”
“ก็พี่โป๊ะโตแล้ว พี่โป๊ะผ่านอะไรมาเยอะแยะ พี่ก็ทำความเข้าใจเรื่องราวคนอื่นได้ดีกว่าวินสิ”
“แต่วินโตมาแบบนี้ วินทำความเข้าใจกับไอ้อาการโหยหาคนตายไปแล้วของพี่ไม่ได้หรอกครับ”
“วินต้องฟังอีกกี่เพลงหรอ? ก่อนหน้านี้ก็อะไรนะ เพลงของเรา”
“แล้วมาเพลงที่ร้องเมื่อกี้”
“ถ้ามันมีความรู้สึกที่ทำให้หวนคิดถึงเขามากนัก พี่ก็ไม่ต้องคบวิน”
“พอ!”
“ไอ้ยุ่ง อย่าเป็นแบบนี้สิ”
“ก็วินเป็นของวินแบบนี้”
“วินไม่ชอบให้พี่รักคนอื่น ต่อให้แค่เคยรักก็ไม่ชอบ”
“นี่ของวินนะ!” ผมชกเข้าที่กลางอก แล้วก็ลามปามไปตามอารมณ์จนถึงขั้นขยุ้มผมเขาแล้วจับให้หัวเขาโยกไปมา
เขาโตกว่าผมร่วม 5 ปี
เขาเป็นคนที่ดูวูบแรกก็รู้ว่าคบหาความรุนแรงและความหยาบคายมาแต่ไหนแต่ไร
แต่ที่นายมือโปรแสดงออกตอนนี้ กลับเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกดต่ำในลำคอ
“ของวิน!!” ผมย้ำอีกครั้งแล้วก็สะบัดหัวเขาทิ้งจากมือ
“ครับ ของวิน ทั้งตัวทั้งตับทั้งไตทั้งหัวใจ ของวินหมดเลย”
“พี่...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกแพร์เลยยยยย จริงที่สุดแล้วครับ”
“แล้วทำไมต้องร้องเพลงนั้นให้เขาด้วย”
“พี่ร้องให้เพื่อนพี่”
“ร้องแทนความรู้สึกพี่ชาย ที่สูญเสียน้องสาวไปตลอดกาล”
“พีชเป็นคนอ่อนไหว”
“หยาบๆ อย่างพี่ยังทำใจเรื่องลูกแพร์ตายได้ช้า พีชก็คงใช้เวลานานกว่า”
“พี่...พวกพี่คบหากันมานานนะวิน”
“จุดเล็กๆ น้อยๆ พวกพี่ก็รู้ทันไอ้พีชมัน”
“คิดว่าเพราะอะไรมันถึงแต่งงานเอาป่านนี้ ทั้งที่คบกับบัวมาเป็นชาติ”
“ทั้งที่ก็พร้อมด้วยกันทั้งสองฝ่าย พีชไม่เคยนอกใจ บัวไม่เคยไม่เข้าใจ แต่ที่มันไม่แต่งสักที เพราะพีชมันทำใจไม่ได้ มันไม่หลุดจากความรู้สึกผิดสักที มันไม่กล้าเริ่มต้นมีความสุขเพื่อตัวเอง”
“.............”
“มันก็เหมือนพี่ เหมือนไอ้หนึ่ง ที่พูดไม่ได้เต็มปาก ว่าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องตาย”
“แต่มันหนักกว่าพวกพี่ตรงที่ มันเป็นพี่ชายแท้ๆ”
“พี่รู้ มันไม่อยากให้สักคนลืมน้องมัน ตัวมันเองก็ไม่อยากลืม”
“แต่คนเรามันแยกแยะได้ไม่เท่ากันหรอกวิน”
“วันนึง ถ้าแสงจากอีกจุดนึงสว่างกว่า เราก็ต้องคว้าเอาไว้หรือไม่ก็เดินไปหา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จุดที่เคยสำคัญ เคยสว่างมากๆ แต่กำลังอ่อนแสงหรือดับแสงลงไปแล้ว สุดท้ายก็จะไม่มีใครมอง ไม่มีใครเห็น”
“น่าสงสารใช่มั้ยล่ะ พีชเองก็ติดอยู่กับอะไรแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
“มันสงสารน้องมัน แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิต มันก็อยากก้าวไปหาแสงที่สว่างกว่าบ้างเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปล่อยได้ แม้จะอยากปล่อยแค่ไหนก็ตาม”
“..............”
“พี่รู้ว่าวินเข้าใจ และพี่ก็จะไม่ขอให้วินเข้าใจอะไรไปมากกว่านี้แล้ว”
“แค่อยากขอให้เชื่อใจพี่ แค่นั้นพอ”
“............”
“ได้มั้ย”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” ผมบอกเท่านี้ ดันตัวเองห่างออกมา ก้าวเดินจากมาด้วยความรู้สึกสับสนนิดๆ ไม่เข้าใจหน่อยๆ แต่ไม่พอใจมากๆ
ไม่ใช่ว่าเขาอธิบายไม่เคลียร์หรอกครับ
เขาคิดว่าผมเข้าใจ ซึ่งผมก็เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ เรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อน แต่ที่ซ่อนเงื่อนคือความคิดของผมเอง แต่จะทำยังไงได้ ก็ผมมันเป็นคนแบบนี้
ไม่ใช่ว่าปัดความรับผิดชอบหรือปฏิเสธการรับฟังคนอื่นหรอกนะครับ แต่ผมไม่ถนัดด้านการเข้าอกเข้าใจผู้คนจริงๆ ลำพังตัวเองยังไม่เข้าใจในทุกมิติเลย
แต่ที่ไม่พอใจมากๆ อยู่นี่ ก็เพราะว่าผมไม่ชอบใจที่เขายังสนใจเรื่องคนนั้น เข้าใจอารมณ์คนนี้อยู่ตลอดเวลา ผมไม่ชอบที่เขาทำตัวสาธารณะ
ผมเป็นคนเก็บตัว และแน่นอนว่าชอบเก็บแฟนไว้ใกล้ตัวด้วยเหมือนกัน
แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นสัตว์สังคมจนเคยตัว
“อ้าววิน ว่าจะมาตามเลย โอเคขึ้นแล้วใช่ป่ะ?”
“ป่ะ ร้องเพลง คิววินแล้ว”
“วินไม่ร้องแล้ว โทษนะ ว่าจะกลับแล้ว”
“พี่วินนนนนน”
คนรั้งครั้งแรกคือเจม สมทบด้วยน้องธาม ที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเริ่มเมาแล้ว แววตาน้องธามดูคึกคักเสียขนาดนี้
“พี่ว่าจะกลับแล้ว โทษนะ”
“แต่ว่าถ้าหากเราได้รางวัลล่ะ มันใหญ่นะ ต้องช่วยกันสินะ” เด็กมีลักยิ้มนี่บอกอย่างซื่อตรง ผมอดขำไม่ได้จริงๆ และดูเหมือนเจมจะมองอะไรบางอย่างออกเมื่อพี่โป๊ะเดินตามมาสบทบ นักข่าวคนนี้ถึงได้คว้ามือผมไว้แล้วลากกลับไปยังโต๊ะที่ปลึกตัวจากมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
บรรยากาศชื่นมื่นยังไม่จางหาย ก็ดีแล้วแหล่ะครับ คนเรามันจะเสพสมกับความสุขได้สักกี่นาทีต่อวันเชียว เมื่อเจอโอกาสก็ต้องตักตวงเอาไว้
บนเวทีเตี้ย ที่มีนักดนตรีรับเชิญที่บรรเลงดนตรีกันแบบมืออาชีพ มีนักร้องสมัครเล่นคือพี่นำ และพี่หนึ่งครับ ผมยังไม่ทันได้นึกออกว่าพวกเขาร้องเพลงอะไร คนบนเวทีก็ส่งเสียงเรียกดึงสติ
“โป๊ะ เร็วดิ”
“โชว์นี้คุณรีเควสไม่ใช่รึไง อย่ามาตีเนียน เร็วๆ”
“ร้องให้จบๆ แล้วก็เข้าครัวทำอะไรมาให้กินหน่อย” พี่หนึ่งล้วนๆ ครับที่ออกคำสั่ง ส่วนพี่นำ กำลังก้มดูไอแพดที่แผ่วางบนแท่นวางโน้ตอย่างเอาเป็นเอาตาย
คนที่ผมเดาเอาว่าเดินตามผมมา เดินผ่านเลยผมไปเพื่อขึ้นไปนั่งอวดขายาวๆ แข่งกับเพื่อนเขาบนเวที พอนั่งเรียงกัน 3 คนแบบนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบพวกเขาทั้ง 3 คน
เท่สุดพี่โป๊ะ ผมไม่ได้ลำเอียงนะครับ แต่เขาเท่จริงๆ
ดิบสุดก็พี่โป๊ะ
กวนตีนสุดก็พี่โป๊ะ
นักเลงสุดก็พี่โป๊ะ
แต่หล่อสุดคือพี่หนึ่ง
ดูดี ดูแพงสุดก็คือพี่หนึ่งอีก
ดูอบอุ่นสุดก็พี่หนึ่งอยู่ดี
ดูน่าเชื่อถือสุดคือพี่นำ
ทำให้เชื่อและทำตามทุกอย่างที่พูดก็พี่นำ
ดูพึ่งพาได้มากที่สุดก็พี่นำ
กระทั่งดูดุสุดก็พี่นำ
และคนที่ดึงสายตาผมไว้นานที่สุดใน 1-2 นาทีที่ผมจมกับความคิดตัวเองอยู่นี้ ผมมอบสายตาให้เขาไปแล้ว 80%
“เพลงของคุณนะ” นายมือโปรกระซิบกับไมโครโฟนตรงหน้า และเงยหน้ามาอีกครั้งพร้อมกับคำร้องจากปาก
หากันจนเจอสิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป
มองหาคนๆหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร และไม่รู้เมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น
ส่วนชีวิตฉัน บอกเลยว่ามี เจอะคนที่แสนดี อยู่ทุกๆวัน
เพียงแค่ไม่มีใคร ที่จะฝันตรงกัน แต่ว่าฉันมั่นใจ จะพบในไม่ช้า
อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่
แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไป ที่ฉันจะพบเธอ
อาจมีสักครั้งที่เราสองคน ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ๆกัน
ใบไม้เพียงใบหนึ่ง หล่นตอนที่เดินผ่าน ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา
อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่
แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไป ที่ฉันจะพบเธอผมนั่งฟังเสียงร้องพวกเขาอยู่เงียบๆ ไม่ได้คุยกับเจมและน้องธาม ไม่ได้โยกตัวตามจังหวะ ไม่ได้อมยิ้มจนแก้มกอดตัวกันเป็นรอยบุ๋ม และไม่ได้เป่าปากให้กำลังใจคนร้องเพลงที่เพิ่งจบลงไป
ผมแค่ฟังความคิด ความรู้สึกของเขา ตามที่เขาขอไว้ ว่าให้เชื่อ
แต่ความรักไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ ที่แค่เชื่อตามที่ครูสอน เราก็จะได้ผลลัพท์หรือคำตอบที่ถูกต้องตามทฤษฎี เหมือนที่คนอื่นเขาได้รับ
ความรัก ไม่ใกล้เคียงตรรกะใดๆ ทั้งนั้น
ความรักก็คือความรัก... ก็แค่ความรัก