THE CURRY แกงรัก (YAOI)
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 3 แกงจืดใส่มะระ
“นังแจ๋ม!!!!”
เสียงสยองดังมาก่อนจะปรากฏร่างถึกๆของอีเจ๊ที่เดินกะเผลกๆเพราะตกบันไดเมื่อวันก่อนมากับร่างบางๆ
ของน้องพู อีเจ๊กับน้องพูเป็นเพื่อนสนิทผมครับ เจ๊มันอยู่ ม.5 แต่อยู่คนละห้องกับผม เราสนิทกันเมื่อตอนวัน
งานปฐมนิเทศเด็ก ม.4 ส่วนน้องพู อยู่ ม.3 สนิทกันเพราะเป็นรุ่นน้องในชมรมที่ผมอยู่
ผมอยู่ชมรมคหกรรมน่ะ
“อะไรเจ๊” ที่ผมเรียกเจ๊เนี่ยไม่ใช่เพราะมันแก่กว่าผมแต่อย่าใด แต่เจ๊เนี่ยชื่อจริงๆมันครับ มันชื่อ เจ๊
หรือนายเจตรินทร์
“เมื่อวานแกไปตบกับยัยมิ้งค์มารึเปล่าว่ะ เห็นไอ้พวกผู้ชายห้องแกมันเล่าให้ฟัง” เออแฮะ ผู้ชายห้องผมมันก็
ปากมากปากไวดีเหมือนกัน
“เปล่า แค่มีปากเสียงกันนิดหน่อย”
“เหรอว่ะ แต่เจ๊ไม่เชื่อว่ะ หน้าตาแกมันบูดๆเบี้ยวๆแปลกนา”
“เจ๊จะด่าผมว่าหน้าตาอัปลักษณ์ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“แล้วเป็นไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” น้องพูเอ่ยเสียงใสๆถามขึ้น น้องเค้าเป็นคนสุภาพเรียบร้อยครับ คิดอยู่ว่าน้องแกมาคบกับพวกผมได้ไง หรือ พวกผมไปล่อลวงน้องแกมาว่ะ
“ไม่หรอก ไม่เจ็บแล้วล่ะ เมื่อวานโดนขัดขานิดหน่อย”
“ห๊า!! ยัยมิ้งค์ใช่ป่ะที่ทำ เจ๊จะไปฆ่ามันนนนน”
“จะฆ่าใครดูสังขารตัวเองหน่อยเหอะ” ขาเดี้ยงข้างหนึ่งแบบนี้มันจะไปฆ่าใครได้ว่ะครับ แค่เตะปี๊บยังไม่ดังเลย
“อีแจ๋ม แม่ง คนอุตส่าห์เป็นห่วง” อีเจ๊มันงอนครับ ท่าทางงอนแล้วสะบัดหน้าทำปากจู๋ๆใส่ของมัน ทำให้ผมหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมมือไปโคลงหัวมันนิดหน่อยเป็นการง้อ ทำปากจู๋อย่างกะปลากระโห้โต้คลื่น ฮ่าๆๆๆ
“แล้วหลังจากนั้นเมื่อวานแจ๋มไปไหนนะครับ ไม่เห็นมานั่งเล่นกับพวกเราเลย” พูถาม
“ไปร้านข้าวแกงน้านิดมา”
“ทำไมช่วงนี้แจ๋มไปที่ร้านน้านิดบ่อยจัง มีอะไรรึเปล่าครับ” นิสัยของพูอีกอย่างที่ผมรู้สึกตะหงิดๆทุกครั้งคือมันเป็นพวกขี้สงสัยครับ ซึ่งบางคำถามผมก็ตอบไปไม่ถูกเหมือนกัน
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่หิวข้าวน่ะ”
“อีพู แกอย่าไปถามมันเลยว่าไปที่ร้านข้าวทำไม ดูหุ่นมันก็รู้ ฮ่าๆๆๆ”
“เจ๊ครับ อยากเดี้ยงสองข้างมั้ยครับ”
“ไม่เอาละจ๊ะ น้องพูจ๋า”
“ครับพี่เจ๊”
“ไปหาของกินมาแดกเย้ยไอ่แจ๋มกันเถอะ เพราะจะได้รู้ว่าพวกเรากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ฮ่าๆๆๆ” ไอ่เจ๊ว่าแล้วเดินส่ายก้นดุ๊กดิ๊กๆลากน้องพูไปทางโรงอาหาร
“ไอ่เจ๊ แม่ง!”
ตอนนี้ผมกำลังชาลั้นลากำการล้างจานอยู่ครับ เริ่มงานวันแรกคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ พอเสิร์ฟอาหารเสร็จเรียบร้อย ผมเลยอาสามาล้างจานแทนพี่นกที่ลาป่วย ผมจะตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตของเรานะครับพี่เวทย์> < ส่วนพี่น้องสาม ว. วิทย์ วุฒิ เวทย์ ก็ออกไปเรียนไปทำงานกันครับยังไม่กลับ พี่วิทย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยกลับบ้านอยู่แล้วเพราะงานหนัก พี่วุฒิแกก็คงออกไปหาแฟนแกไม่ก็ตะลอนๆไปเรื่อยตามประสาคนไม่มีงานทำเมื่อไหร่แกจะเริ่มงานนักบินซักทีว่ะ ส่วนพี่เวทย์ก็ออกไปเรียนครับ
“พอไอ้เวทย์มาก็เข้าไปแนะนำตัวกับมันงั้นสิ เหอะๆ แผนง่ายไปป่าวน้อง”
เสียงกวนๆชวนประทับบาทาแบบนี้มีอยู่คนเดียว ไอ่พี่วุฒิ - - กลับมาตั้งแต่ตอนไหนว่ะ
“พึ่งกลับจากที่ทำงานหรือครับ” ลืมไปว่าพี่มันไม่มีงานทำถึงว่างมาจิกกัดชาวบ้านแบบเนี้ย
“เปล่าหรอก เกาะแม่กินอยู่”
“เห่อๆ”
“นั่นเขาเรียกหัวเราะเหรอ พี่ว่ามันอุบาทว์แปลกๆแฮะ”
“ไม่ได้หัวเราะซักหน่อย มุกพี่ตลกตายล่ะ”
“’งั้นเขาเรียกเห่าสินะ”
“พี่วุฒิ!”
“อุ๊ๆ!โกรธซะแล้ว ไปดีกว่ากลัวโดนหมากัด” พี่วุฒิทำหน้าตากวนตีนใส่แล้วเดินหนีออกไปหน้าร้าน หนอย~ อยากจะเขวี้ยงส้อมที่กำลังล้างในมือใส่หัวพี่แกนัก ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกเจ้าของร้านละก็นะ
“แม่คร้าบ สวัสดีครับ” อ๊ะ!เสียงพี่เวทย์นี่
“จ้าๆมาแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เอ๊ะ! แล้วนั่นใครล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียง ผมเงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างจานทันที พี่เวทย์กลับมาแล้ว! แล้วพาใครมาอีกคนด้วย อุปนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนของผมทำงานทันที สองขาก็พาร่างของผมไปเกาะขอบประตูแอบดูเหตุการณ์ที่หน้าร้าน เดี๋ยวนะ!...นั่นมันพี่มุกพี่ของยัยมิ้งค์รึเปล่าที่มากับพี่เวทย์น่ะ
“แม่ครับ นี่มุก”
“สวัสดีค่ะคุณน้า” พี่มุกไหว้น้านิดด้วยท่วงทีสง่างามและน่าเอ็นดู สวยจริงๆครับผู้หญิงคนนี้
“สวัสดีจ๊ะ แฟนตาเวทย์มันเหรอ น่ารักดีนะ” น้านิดยิ้มแล้วทักทายพี่มุกอย่างเป็นกันเองแถมยังถามคำถามที่กระตุกหัวใจผมอีกแน่ะ ไม่จริงน่า ก็คงเป็นเพื่อนพี่เวทย์แหละมั้ง
“เอ่อ….ขอบคุณค่ะ แต่…คือไม่ใช่…” ฮู้ว์! เห็นมั้ยล่ะว่าไม่ใช่
“ครับ มุกเป็นแฟนผม โอ๊ย! คุณจะเหยียบเท้าผมทำไมเนี้ย” O_O!!!
“ก็ใครใช้ให้นายบอกคุณน้าเค้าแบบนั้นเล่า ขอโทษค่ะคุณน้า เราเป็นเพื่อนกันค่ะ”
“’อ้อ จ้า เพื่อนก็เพื่อน แล้วนี่แวะมาเล่นที่ร้านหรือ”
“ใช่ค่ะ แต่จริงๆโดนไอ้เวทย์ เอ่อ…เวทย์ลากมาอะค่ะ”
“ตรงไปแล้วนะคุณ ใครลากคุณมา คุณนั่นแหละร้องจะตามผมมากินกับข้าวฝีมือแม่ผมท่าเดียว”
“มั่ว!ฉันไปร้องตามนายตอนไหนมิทราบ”
“แล้วใครที่บอกว่าอยากกินแกงมัสมั่นฝีมือแม่สามีจังเลย”
“โกหก ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ นายพูดเองต่างหาก”
“เหอะ!”
“เอ่อ…น้าว่าสงบศึกก่อนเถอะจ่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวน วันนี้หนูมุกอยู่ทานข้าวเย็นกับน้าก่อนนะจ๊ะ”
“เอ่อ…เกรงใจจัง แต่ก็ได้ค่ะ”
“นี่เรียกเกรงใจของคุณเหรอ”
“ไอ้เวทย์!”
มะ ไม่จริงน่า….ไม่จริงใช่มั้ย!!? พี่เวทย์กับพี่มุกคบกัน!!!
“เป็นไง จ๋อยเลยล่ะสิ”
“อ๊ะ!...พี่วุฒิ” ผมสะดุ้งตัวนิดหน่อย เมื่อหันไปก็เห็นพี่วุฒิมายืนอยู่ข้างๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคงจะเห็นอย่างที่ผมเห็นหมดแล้วสินะ มาเยาะเย้ยผมละสิ
“อย่าไปฟังที่แม่พี่พูดมาก แกก็ชมคนไปทั่วแบบนี้แหละ” ที่น้านิดชมผมก็เป็นเรื่องธรรมดาสินะ แกไม่ได้เห็นว่าผมน่ารักน่าเอ็นดูอะไรหรอก
“ครับ”
“เลิกซึมซักที เดี๋ยวลูกค้าไม่เข้าร้านเพราะกลัวหน้าบูดๆของนาย”
ใช่สิ ใครจะไปต้องการให้คนอย่างผมอยู่ในร้านกัน อยู่ไปลูกค้าก็ไม่เข้าร้าน ผมมันส่วนเกินนี่
“ครับ วันนี้ผมขอกลับก่อนนะครับ ฝากบอกน้านิดด้วย”
ผมบอกพี่วุฒิแล้วเดินล้างฟองออกจากมือ ถอดผ้ากันไปเปื้อนไปพับเก็บใส่กระเป๋า
“เฮ้ย!แล้วจาน…”
“ฝากพี่ล้างต่อหน่อยนะครับ ขอบคุณ”
พูดแค่นั้นแล้วเดินออกมาจากร้านทางด้านหลัง น้านิดจะได้ไม่เห็น แล้วก็ไม่ต้องไปขัดจังหวะพวกเขาคุณกัน รู้ครับว่ามันเสียมารยาทแต่จะให้ผมเดินแบกหน้าไปลาแกตอนนี้คงไม่ไหวจริงๆ ไม่อยากเห็นหน้าพี่เวทย์ ไม่อยากเห็นหน้าพี่มุกและโดยเฉพาะไม่อยากเห็นทั้งสองคนเวลาเคียงกัน มันดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก รู้ครับว่าผมมันก็แค่คนแอบชอบ พี่เวทย์อาจจะไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ ผมไม่มีสิทธิ์ไปงอนหรือทำตัวงี่เง่าแบบนี้ แต่มันอดไม่ได้จริงๆครับ ผมยอมรับครับว่าผมโกรธละก็โกรธมากด้วย ทำไมต้องหลอกผม ทำไมทุกคนต้องทำแบบนี้ บอกว่าให้โอกาสผมทั้งๆที่โอกาสนั้นมันไม่เคยมีอยู่เลย ให้ผมมาทำงานเพื่ออะไร จริงอยู่ ที่ผมเป็นคนตอบตกลงรับทำงานนี้เอง แต่ทำไมทุกคนไม่บอกกันก่อนเล่า ว่าพี่วุฒิมีแฟนอยู่แล้ว จะให้ผมทุ่มเทไปเพื่ออะไร ทำไปทำไม หรือมันสนุกมากที่เห็นผมดิ้นรนเพื่อความรักแบบนี้
ผมใช้เวลานานในเดินกลับมาห้องเช่า พอถึงก็รีบเปิดประตู ล้มตัวลงบนเตียงทันที ไม่ไหวแล้ว ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว ไอ่พี่เวทย์บ้า!!!!!
ผมซุกหน้าลงกับหมอนร้องไห้ออกมาเงียบๆ เหนื่อยแล้วจริงๆนะ เขาทั้งคู่ดูเหมาะสมกันเหลือเกิน ผมมันก็แค่ตัวตลก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ใครมันมาเคาะประตูตอนคนกำลังจะร้องไห้ว่ะ เสียอารมณ์เหอะ
ตึง! ตึง! ตึง!
เมือเห็นผมยังไม่เปิดประตู มันเลยเคาะประตูอีกรอบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ใช้มือเคาะนะรอบนี้ รู้สึกว่าจะใช่อวัยวะเบื้องล่างเคาะ อย่าคิดลึกครับมันคือเท้า<<<มีแกคิดอยู่คนเดียวแหละอีแจ๋ม
ตึง! ตึง! ตึง!
โอ้ยยยย!!!จะเคาะอะไรนักหนาว่ะ
“กล้ามากนะ ที่ใช้ลูกเจ้าของร้านล้างจาน - -”
“พี่วุฒิ!!”
“เออดิ”
“มาทำไม แล้วรู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนี้”
“ส่งกระแสจิตถามมนุษย์ต่างดาว”
“………= =”
“โอเคๆไม่เล่นล่ะ ก็เดินไล่เคาะมันทุกห้องจนมาเจอนายนี่แหละ ดีนะที่อยู่ห้องเจ็ด ”
โง่เปล่าว่ะ ทำไมไม่ถามอาแปะเจ้าของตึกเล่า
“แล้วมาทำไมครับ”
“นายลืมค่าจ้างของวันนี้”
“ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้ผมทำงานไม่เต็มเวลา ไม่เอาหรอก”
“ได้ไง ยังไงนายก็ทำงาน”
“เฮ้อ~งั้นก็ขอบคุณมากครับ ไม่กลัวขาดทุนรึไงกันนะ” ผมบ่นเบาๆแต่ก็ยอมรับซองเงินค่าจ้างมา
“แล้วทำไมถึงกลับก่อนล่ะ ไม่สบายหรือ”
“เปล่าครับ พี่ก็กลับไปได้แล้ว”
“หรือว่ากลับมาร้องไห้เรื่องไอ้เวทย์มัน”
“เปล่า ขอโทษครับผมอยากพักผ่อน” ผมตัดปัญหาด้วยการปิดประตูไม่อยากคุยแล้ว แต่มันติดที่ว่าไอ่พี่วุฒิมันเอาตัวมาขวางไว้นี่สิ
“เดี๋ยว!”
“เอ๊ะ!!”
“มีสิทธิ์อะไรไปงอนมัน แฟนมันก็ไม่ใช่ ถามว่ามันรู้จักนายมั้ย ก็ไม่ แล้วจะมาเสียใจแบบนี้เพื่อ?” เออสิ!!!ผมไม่มีสิทธิ์ มาที่นี่จุดประสงค์จริงๆของพี่ก็คือต้องการมาตอกย้ำผมสินะ ผมผิดตรงไหนที่ผมจะเสียใจ ผมจะร้องไห้มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเสียหน่อย ขอผมแอบเสียใจคนเดียวไม่ได้รึไง
“แล้วพี่จะมายุ่งอะไรด้วยเล่า!!!”
“อยากยุ่ง”
“มันไม่ใช่เรื่องของพี่! ออกไป!! อุ๊บ!”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้เถียงริมฝีปากของพี่วุฒิก็ทาบมาที่ริมฝีปากผมทันที เกิดการนิ่งอึ้งชั่วขณะ ผมไม่ได้ผลักพี่วุฒิออกเพราะรู้สึกว่าแขนขามันไม่สามารถขยับได้เลย กระแสไฟฟ้าบางอย่างแล่นจากริมฝีปากไปทั่วร่างกาย พี่วุฒิแนบริมฝีปากอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานก่อนจะรู้สึกตัวและผละออกไป
“ขอโทษ”
ผมได้แต่ยืนตาค้าง พี่วุฒิจูบผมทำไม ทำอย่างนี้ทำไม
“…………”
“พี่ขอโทษ”
“…………” ต้องการอะไรจากผม ทำแบบนี้ทำไม
“พี่….พี่ ไม่ได้ตั้งใจ พี่…”
“ผมยังเป็นตัวตลกสำหรับพี่ไม่พอสินะครับ!!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! แจ๋ม…”
“ฮึก…ผมคงเหมือนคนโง่มากสินะครับ ตลกมั้ยครับ ตลกใช่มั้ย พี่ก็หัวเราะสิ! ฮือ~”
“แจ๋ม! อย่าร้อง พี่ไม่ได้เห็นว่ามันตลกนะ”
“ให้ผมไปทำงานเพื่ออะไร ยังไงพี่เวทย์ก็มีแฟนอยู่แล้ว ฮึก.. ทุกคนก็รู้ใช่มั้ยครับ แล้วผมก็เหมือนคนโง่ที่โดนคนอื่นหลอก ฮึก อย่าเล่นกับความรู้สึกผมแบบนี้ ฮือ~ สนุกนักรึไงที่เห็นคนอื่นพยายามดิ้นรนเพื่อความรัก ฮึก สนุกนักเหรอ กับการให้ความหวังแล้วทำลายมัน ผมไปทำอะไรให้พวกพี่ ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ฮึก ฮือ~”
“แจ๋ม….”
“แต่มันคงยังไม่พอสินะครับ ฮึก! พี่ถึงทำกับผมแบบนี้อีก”
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วแจ๋ม…มันไม่ใช่แบบนั้น”
“งั้นก็อธิบายมาเซ่!! อธิบายมา…ฮือ~”
“พอสักทีแจ๋ม!!!! พวกพี่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ฟังนะ….” พอโดนตะคอกน้ำตาของผมมันก็หยุดเสียดื้อๆ ก็มันกลัวอะ ปกติไอ่พี่วุฒิมันไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผมเลยซักครั้ง พอครั้งนี้โดนเข้าหน่อยมันเลยรู้สึกแปลกๆ พี่วุฒิแม่ง!
“ทำเพื่อความสนุกไง สะใจดีมั้ยครับ”
“อย่าพูดแทรก แจ๋ม ฟังพี่นะ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่ พวกพี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไอ้เวทย์มันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว พี่ก็ตกใจเหมือนกันตอนรู้ว่ามุกเป็นแฟนกับไอ้เวทย์ มันทำอะไรไม่เคยบอกคนที่บ้านหรอก แม่น่ะก็เอ็นดูแจ๋มจริงๆนะ แต่แม่พี่ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของไอ้เวทย์มัน มันชอบใครแม่พี่จะไปขัดขวางมันก็ยังไงอยู่ แล้วดูๆไปน้องมุกเค้าก็เป็นผู้หญิงที่ดี ดูแลไอ้เวทย์มันได้….”
“พอเถอะครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“………”
“ผมเข้าใจแล้วว่าผมไม่ดีพอสำหรับพี่เวทย์ ผมยังเด็กและไม่สามารถดูแลพี่เวทย์ได้ พี่เวทย์ไม่ได้รักผมและที่สำคัญ ผมไม่ใช่ผู้หญิง! ผมเข้าใจแล้ว”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ อาจจะใช่ที่ไอ้เวทย์ไม่ได้รักนาย แต่มันไม่เกี่ยวหรอกนะว่านายจะเป็นเพศไหน!...”
เหตุผลข้อไหนก็ไม่สำคัญเท่าเค้าไม่รักเราสินะ ผมต้องยอมแพ้แล้วจริงๆหรือ แอบชอบมาสองปี คงต้องหยุดแล้วหรือ
“………”
“………”
“เฮ้อ!….ผมคงต้องถอยจริงๆแล้วสินะครับ….ขอบคุณและต้องขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง จริงๆ….ผมก็พอรู้มาบ้างแล้วว่าพี่เวทย์กับพี่มุกชอบกัน แต่ผมคิดว่านั่นเป็นแค่ข่าวลือ เรื่องจริงสินะ”
“เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ…..”
“แล้วพี่ เอ่อ…จ..จูบ ผมทำไม”
“เฮ้ย!เรื่องนั้นลืมไปเถอะ ได้โปรดลืมมันปายยยย” พี่วุฒิดูจะตกใจกับคำถามของผมมากนะเนี่ย แต่จะให้ผมลืมได้ไง นั่นมันจูบแรกของผมนะ!!
“…………” พี่วุฒิเงียบไปเหมือนกำลังเตรียมตัวจะพูดอะไรบางอย่างออกมาส่วนผมก็ได้แต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูด ถ้าถามว่าตอนนี้ผมตัดใจจากพี่เวทย์ได้รึยัง ผมตอบเลยว่า ไม่ ผมยังไม่โอเคกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ มันเร็วไปที่ผมจะตัดใจ อย่างน้อยไอ้ความรู้สึกดีๆที่มีต่อพี่เวทย์มันก็ยังหลงเหลืออยู่ ผมขอแค่เวลาครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานผมจะต้องตัดใจได้แน่ คงจะเป็นอย่างที่พี่วุฒิมันบอกผมคงไม่ได้ชอบพี่เวทย์จริงจังไม่งั้นผมอาจจะเป็นบ้ากว่านี้ แต่ผมแค่ปลื้มในรูปร่างหน้าตา และความสามารถของพี่เวทย์ซะมากกว่า แต่ก็ถือว่านานนะที่ผมแอบปลื้มคนคนนี้มาถึงสองปี
“…………”
“…………”
“แจ๋มยังชอบไอ้เวทย์มันอยู่รึเปล่า”
“อาจจะยังชอบอยู่มั้งครับ แต่ผมจะพยายามตัดใจ”
“…………”
“…………”
“…………”
“…เอ่อ….”
“งั้น…แจ๋มมาคบกับพี่ได้มั้ย”
“!!!!!”
………………………………………………………………………
มาแบบมึนๆสำหรับตอนนี้
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณสำหรับกำลังใจของทุกคนนะค่ะ
คือตัวเน่เองก็เพิ่งหัดแต่งนิยายลงเว็บ แล้วได้กำลังใจแบบนี้มันตื้นตันจนบอกไม่ถูก
ขอบพระคุณจริงๆค่ะ สำหรับ The curry อีกประมาณสองสามตอน จะจบแล้วค่ะ
อย่างที่บอก มันคือเรื่องสั้น ก็สั้นได้ใจจริงๆ 55555
ขอความกรุณาติดตามกันต่อไปด้วยนะค่ะว่าจะลงเอยกันอย่างไร
สำหรับข้อผิดพลาดต้องขออภัยจริงๆนะค่ะ อาจจะงงๆกับเรื่องไปบ้าง ต้องขออภัยค่ะ
จะพยายามทำให้กระจ่างเนอะ
ตัดจบได้น่าเตะมากกก อันนี้เน่รู้