ตอนที่ 22เช้าในวันรุ่งขึ้นที่ผมลืมตา พบว่าตัวเองงีบหลับไปทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นประตูห้องนอน ผมถอนหายใจออกมาตอนที่พาตัวเองมานอนที่เตียง หยิบโทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนปลายสายจะกดรับ
“ ว่าไงมึง "
“ วันนี้กูไม่ไปเรียนนะ ฝากเก็บชีสให้ด้วย "
“ อ้าว ทำไมว่ะ "
“ ไม่มีอะไร ไม่อยากไปเฉยๆ " บอกแบบนั้นอีกคนที่ฟังก็เงียบลงไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมาตามด้วยเสียงแซวๆ
“ ไม่มีแรงรึเปล่า เมื่อคืนหนักไปเหรอไงว่ะ " ผมนึกเจ็บกับคำพูดพวกนั้นของมันจนต้องยกยิ้มให้กับตัวเอง คำพูดเมื่อคืนยังคงจำได้ดี แม้แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ยังคงจำได้
“ ถ้าเป็นแบบนั้นกูว่าอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ "
“ เกิดอะไรขึ้นว่ะ "
“ ไม่มีอะไร " ตอบไปแค่นั้น อีกคนก็ถอนหายใจ
“ ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน แต่มึงกลับเก็บความทุกข์ใจไว้คนเดียว ไม่เล่าให้เพื่อนฟังบ้าง มึงจะมีเพื่อนไว้ทำไมว่ะ ไท กูรู้มึงเป็นคนเก็บความรู้สึก แต่บางทีในบางเวลา ถ้ามึงอึดอัดก็ระบายออกมาบ้างดิว่ะ มึงน่ะ เป็นเพื่อนกูนะเว้ย "
“ ขอบใจมึง "
“ เดี๋ยวจะไปหา จะทำกับข้าวไปให้ " ผมขมวดคิ้วกับคำพูดตอนท้ายของมัน
“ ทำกับข้าว มึงนี่อะนะ ทำกับข้าว "
“ มึงเป็นไอ้เสือสองรึไง ไอ้สัด ถึงชอบพูดจากวนกับอีแค่คนแบบกูทำกับข้าวให้แดกเนี้ย " ท่าทางหัวเสียแบบงอนๆของมัน ทำให้ผมยิ้ม " เดี๋ยวกูไป รอก่อนแล้วกัน "
“ ปิง แต่กูไม่คิดว่า ไอ้เสือจะโอเคถ้ามึงบอกว่าจะโดดเรียนแล้วมาหากู มานั่งคุยกับกูสองต่อสองในห้องว่ะ "
“ กูไม่โง่บอกมันหรอก "
“ โกหกมัน มึงระวัง "
“ อย่าโง่ให้มันจับได้ดิว่ะ แต่ช่างมันตอนนี้ กูสนใจมึงมากกว่า มึงกำลังทุกข์กูต้องไป " เสียงมาดมั่นของมันทำให้ผมยิ้ม อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีอีกคนนึงที่เป็นห่วงผมอยู่ " แค่นี้เหละ มันอาบน้ำเสร็จแล้ว "
“ เออ เจอกัน "
“ อื้ม " วางสายลงผมก็ลุกขึ้นจากเตียง เปิดประตูดูภายนอกเล็กน้อยผมเช็คให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครอยู่แล้ว ก่อนจะเดินออกมา ทั้งห้องของผมเงียบสนิท ไม่มีแม้ขยะจากกระป๋องเบียร์ที่กินเมื่อคืน ความสุขของอาทิตย์ที่ผ่านมา คงจบลงไปแล้ว " วันนี้คงต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำแล้วมั้ง "
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง หลังจากสองชั่วโมงที่ผมคอยมัน มองลอดผ่านตาแมวเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่ใช่ใครอื่น ก่อนที่จะเปิดประตูรับ
“ มาแล้ว เป็นไงบ้าง "
“ ก็ธรรมดา " บอกแบบนั้นก่อนจะเดินกลับมานอนที่โซฟา ไอ้ปิงยืนอยู่ที่โต๊ะในครัวมันเปิดกระเป๋าหยิบเอาของด้านในออกมา
“ แต่กูคิดว่าน่าจะไม่ เอานี่ ข้าวของมึง นี่กูใส่มาให้พิเศษเลยนะ จิ๊กจากไอ้เสือมา มีกุ้งทอด มีไส้กรอก แล้วก็ข้าวผัดไข่ "
“ นี่ปิง "
“ หื้ม "
“ ถ้ามึงโดนคนที่มึงรู้สึกอยากจะได้เป็นแฟน ปฎิเสธ มึงจะทำยังไงว่ะ "
“ เฮ้ยนี่มึง.. เกิดอะไรขึ้นว่ะ " ปิงเดินมาหา มันยืนค้ำหัวผมก่อนจะเอื้อมมือมาดึงให้ผมลุกขึ้นนั่ง " ไหนเล่ามาดิ๊ ไหนบอกไม่ไปผับไง "
“ เค้ามาหากูที่นี่ " ผมยิ้มออกมาตอนที่กำลังเริ่มเรื่อง " ตอนแรกก็ดีนะมึง นั่งกินเบียร์ แล้วก็คุยกัน แต่อยู่ๆไม่รู้ทำไมถึงวนเข้าไปเรื่องนั้นได้ "
“ เรื่องอะไรว่ะ "
“ กูบอกมันว่า กูรู้สึกตัวเองแปลกๆ รู้สึกว่าอยากเจอมันทั้งๆที่อยากจะนอน มันเองก็เหมือนกัน มันบอกว่ามันก็รู้สึกแปลกๆเพราะรู้สึกเหมือนว่าตัวมันอยากจะเจอกูเหมือนกัน ตอนนั้นก็คิดว่ามันจะชอบกู ก็เลยพูดออกไปความรุ้สึกแบบนี้คงเรียกว่า ความรัก มันเลยถามกูว่า งั้นเราก็ แต่เงียบไปแค่นั้น จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง พอกูถามย้ำอีก มันก็เงียบ คราวนี้ก็ไม่ตอบเลย "
“ แล้วมึงทำไงต่อ "
“ บอกมันว่าอยากนอน แล้วก็ไล่มันกลับบ้าน "
“ แล้วมันก็กลับ "
“ เปล่า ไม่ได้กลับ มันรั้งไม่ให้กูไปไหน บอกว่าถ้ากูไป มันต้องไม่ได้เจอกูแน่ๆ มันรั้งกูไว้ แล้วก็บอกว่า ที่ไม่บอกว่า เพราะอยากให้ความสัมพันธ์ของกูกับมัน ยาวนานกว่านี้ อยากให้แน่ใจกว่านี้ แต่กูก็เข้าห้องนอนไปว่ะ ตอนนั้นไม่ได้อยากฟัง พอกูเข้าห้องไปแล้ว มันก็พูดว่า ไม่ได้อยากเลี่ยงไม่ตอบ แต่ที่ไม่ตอบเพราะอยากให้ความสัมพันธ์ของเราแน่ใจกว่านี้ แล้วก็บอกว่า อยากจะให้กูเข้าใจ แต่ปิง มึงเคยบอกกูว่า แฟน มันคือฐานะที่เอาไว้ศึกษาตัวตนของเรา กับใครอีกคนนึงไม่ใช่เหรอว่ะ ว่าเข้ากันรึเปล่า "
“ แล้วมึงตอบมันไปว่าอะไร "
“ ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช่ ก็แค่ไม่ใช่ ไม่มีเหตุผลอื่น กูบอกมันไปว่า คำพูดที่มันพูดมา ก็เหมือนเป็นประโยคสุภาพของคำว่า ตอนนี้กูยังไม่ใช่ ก็เท่านั้น "
“ ไม่เอา ไม่ร้อง ดิมึง เหี้ย อย่าร้อง ไท ไม่เอา " ปิงว่ามันเอื้อมมือมาจับไหล่ของผมไว้ ก่อนสองมือจะดึงผมเข้าไปกอด ในตอนนั้นผมคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แววตาที่มันมองผมเหมือนคนที่ไม่รู้จะอ้างยังไงให้ผมฟังแล้วรู้สึกดีๆทั้งๆที่กำลังปฎิเสธความรู้สึกของผม ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ รู้แค่ว่าตาของผมมันพล่าไปหมด รู้ตัวอีกทีก็โดนกอดแล้วตอนนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสายแล้ว
“ ทั้งๆที่กูรวบรวมความกล้าที่จะพูดออกไปว่ารู้สึกยังไง แต่มันกลับปัดมือที่กูยื่นไปให้ ทั้งๆที่กูคิดว่ามันคงไม่เหมือนกับคนอื่น ทั้งๆที่มันเป็นคนแรกที่กูคิด กล้าที่จะทำอะไรแบบนี้ กูมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะปิง คนอย่างกูน่ะ จะมีความรักไม่ได้เหรอปิง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ "
“ มึงไม่ผิด มึงไม่ผิดใจเย็นๆ กูรู้มึงเสียใจแล้วก็ช็อค ไม่คิดว่ามันจะพูดกับมึงแบบนั้น "
“ กูผิดเองเหละ ที่หวังมากไป ไม่เผื่อใจ "
“ บางที มันอาจจะเร็วไปก็ได้นะเว้ย กูคิดว่าในความหมายของเค้า เค้าคงอยากจะรู้จักมึงให้มากกว่านี้รึเปล่า แบบ ไปเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกันมากกว่านี้ แล้วพอถึงจุดที่เค้ารู้สึกว่าขาดมึงไม่ได้ เค้าก็ตกลงเป็นแฟนกับมึงแล้วก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์แบบนั้น มันยั่งยืนกว่าจริงๆนะเว้ย ลองคิดว่าดูว่า ถ้ามึงรู้จักกับใครคนนึง มีความสัมพันธ์มากกว่าการพูดคุย ไปเที่ยว กินข้าวด้วยกัน มึงโอเค เค้าโอเค แล้วมึงกับเค้าก็คบกัน มันไม่ดีกว่าเหรอ "
“ มึงคิดงั้นเหรอ " ปิงพยักหน้าตอนที่ผมถาม
“ กูไม่ได้เข้าข้างเค้า เพราะอยากให้มึงลองอีกครั้ง กูไม่ได้เห็นความเจ็บปวดของเพื่อนเป็นของเล่น แต่ถ้ามึงชอบเค้าขนาดนี้ มึงร้องไห้ขนาดนี้ ความรู้สึกที่มึงมีให้เค้ามันต้องไม่ธรรมดา กูรู้ว่ามันเจ็บมากกับการโดนปฎิเสธแบบนั้น แต่มึงจะทิ้งความรู้สึกนี้ไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยเหรอว่ะ มันเรื่องแค่นี้เองนะเว้ยไท ถึงลองคิดให้แง่ที่กูพูด มึงเองก็รวบรัดเค้าไปนะเว้ย "
อาจจะจริงอย่างงั้น ผมเองที่เป็นคนรวบรัดมันมากเกินไป ถ้าคิดในแง่ของปิงผมเป็นคนผิด แต่ถ้าคิดในแง่ของผม มันก็เป็นคนผิด มันไม่ใช่ผิดทั้งคู่ แต่เป็นความคิดที่ว่า เราจะเข้าข้างใคร เข้าข้างตัวเอง หรือ เข้าข้างเค้าคนนั้น เข้าข้างหัวใจที่บอกว่า ใช่ๆ เค้าก็ไม่ผิดหรอก กลับไปหาเค้าเถอะ
“ อย่าลืมว่า คนบางคนมันแตกต่างกัน บางคนชอบความสัมพันธ์แบบช้าๆ ทีละก้าวแต่มั่นคง บางคนก็เป็นความสัมพันธ์ที่พุ่งเข้าไปหาแบบรวดเร็ว มึงคิดเหรอว่ากูจะชอบความสันพันธ์แบบรวดเร็วอย่างกูกับไอ้เสือ ไม่เลย ความสัมพันธ์ของกูกับมันเกิดขึ้นง่ายจนกลัวว่าจะจบเร็วด้วยซ้ำ ทุกวันมีความสุขมากๆแต่อีกใจก็กลัว กลัวว่ามันจะจากกูไปเร็ว "
“ อย่างงั้นเหรอ "
“ มึงก็ลองคิดดู ว่าอย่างไหน ที่มันจะมั่นคงกว่าๆ แบบช้าๆ กับ แบบเร็วๆ " ปิงที่เอื้อมมือมาจับไหล่ของผม มันยิ้ม " กูรู้ว่าการที่มึงจะกลับไปพูดกับเค้าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนคงทำให้มึงไม่กล้า แต่ว่าไท ถ้าเค้าเห็นว่ามึงใช่ เค้าจะไม่ลังเลที่จะกลับมาแถมยังดีใจด้วยซ้ำ แต่มันก็อยู่ที่ว่ามึงกล้าที่จะลองอีกครั้งมั้ย อยู่ที่มึงตัดสินใจแล้วว่ะ "
“ กู .. “ กูไม่กล้า กูไม่กล้าไปทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
“ มึงไม่จำเป็นจะต้องไปคุยกับเค้าก่อนหรอก แค่มึงไปที่ที่เดิม เค้าจะเข้ามาทักมึงเองเหละ จะเข้ามาขอโทษ ถ้าเค้าจริงจังกับมึง มากพอ "
“ ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้นว่ะ " ผมถาม
“ ก็เพราะว่า ถ้าเค้าคิดจะจริงจังกับมึง เค้าจะไม่ปล่อยมึงไปหรอก "
“ แต่ถ้าเค้าไม่ทัก "
“ กลับมา แล้วมาเริ่มต้นใหม่ ความรักมันต้องลองให้ดู โง่ให้รู้ แล้วก็ บ้าให้ถึงที่สุด จะได้ไม่เสียใจทีหลัง "
“ ทำไมมึงถึงเป็นคนที่มั่นใจอะไรได้ถึงขนาดนั้นว่ะ ทำไมไม่แบ่งๆความมั่นใจของมึงให้กูบ้าง "
“ กูไม่ได้มั่นใจมากนักหรอก แต่มึงมีน้อยเกินไปตังหาก " ปิงที่กำลังยิ้ม มันเป็นคนที่สวยและเจิดจ้าเสมอในความรู้สึกของผม เป็นคนใจดี แล้วก็ตลก ไม่แปลกที่มันจะเป็นที่ชื่นชอบของใครๆ แม้จะไม่เคยมีใครจริงใจแต่ก็ไม่เคยกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่เลยสักครั้ง
“ บางทีกูก็อาจจะไม่มีเลย "
“ ต้องมีนะเว้ย ถ้ามึงไม่กล้าที่จะก้าวออกไป เค้าก็ก้าวเข้ามาหามึงไม่ถึงหรอก ความเข้าใจผิดมันต้องมีมือสองมือยื่นเข้ามาทำความเข้าใจนะไท "
“ งั้นกูจะไปนะ " ปิงยิ้มให้ผม ก่อนจะพยัก
“ อื้ม ให้กูไปด้วยมั้ย อยากไปดูหน้าจริงๆ ไอ้คนที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ "
“ อย่าเลย กูอยากไปคนเดียวมากกว่า " ปิงที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมมันตบลงเบาๆ
“ คว้ามันมาให้ได้นะ ความรักของมึงนะ "
“ จะพยายาม " ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่า การที่เชื่อที่ปิงพูด มันจะเป็นอย่างที่มันพูดรึเปล่า แต่เพราะไม่อยากเสียไป ผมคิดว่าเลยต้องมาลองอีกครั้ง
................................................
' รออยู่ที่เดิมนะ อิฐ ' ข้อความที่ส่งมาตอนที่ผมกำลังจะออกจากคอนโด ผมชะงักขาตัวเองลงทันที ที่เห็นข้อความนั้นส่งเข้ามา ใจที่เต้นรัวเกิดอาการไม่กล้าขึ้นมาอย่างช่วยไมไ่ด้
“ ไม่เอา ไม่ตื่นเต้น " ผมบอกตัวเองแบบนั้นตอนที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่โซฟาหน้าทีวี
ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งจนต้องหันไปมอง เบอร์ที่โทรเข้ามาโชคดีที่ไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้ ผมกดรับสาย " ว่าไงมึง "
“ อยู่ไหน ไปยัง "
“ ยัง กำลังจะไป "
“ ทำไมยังไม่รีบไปวะ จะรอให้ผับปิดเหรอสัด "
“ มันยังไม่ปิดง่ายๆหรอก ผับนะเว้ยมึง ไม่ใช่คลีนิคตรวจภายใน " พูดออกไปแบบนั้น ไอ้ปิงก็หัวเราะออกมา
“ เค้ากำลังรอมึงอยู่นะเว้ย ทำไมไม่รีบไป "
“ รู้น่า แต่เดี๋ยวไปให้มันรอไปก่อน "
“ รู้ได้ไงวะ ว่ามันรออยู่ "
“ ก็มันส่งข้อความมาบอก "
“ แล้วทำไมมึงยังไม่รีบไป " เสียงงงๆ ของมันถามผม
“ ขี้เกียจเดี๋ยวก่อน " นั่งให้หายตื่นเต้น ให้พร้อมก่อนแล้วค่อยไป
“ พอรู้ว่ามีค่า นี่ เล่นตัวใหญ่เลยน้า "
“ ตลก จะไปเดี๋ยวนี้เหละ " ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะวางสายจากมัน คว้ากระเป๋าเงินกับกุญแจรถ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
ผับเดิมในช่วงดึกที่ผมมาสายกว่าทุกครั้ง คนเยอะแยะจนแทบไม่มีที่จอดผมมองไปรอบๆก็พบว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ รถคันเดิมที่ผมจำได้จอดอยู่ตรงที่ประจำของมัน เดินเข้ามาในร้านผมมองไปรอบๆ ก่อนจะมองไปที่ ที่นั่งเดิมของผม อิฐนั่งอยู่ตรงนั้นตรงที่นั่งเดิมที่ของมัน และยังมีที่นั่งว่างแค่ที่เดียวอยู่ข้างๆ นั่นก็คือที่นั่งที่ผมนั่งประจำ
“ ขอนั่งด้วยคนนะคะ " เสียงผู้หญิงคนนึงเดินเข้าไปถามมันแบบนั้น แต่อิฐก็ส่ายหน้า
“ มีคนนั่งแล้วครับ "
“ ขอโทษค่ะ " ว่าแบบเสียดาย ผู้หญิงที่เดินจากไป ผมก็หันไปสบสายตากับพนักงานคนเดิมที่ชงเหล้าให้กินกันประจำ มันชื่อไอ้คอร์นครับเป็นเด็กบาร์ที่ไอ้อิฐสนิทด้วย มันกวักมือเรียกผมตอนที่ชี้ไปที่ไอ้อิฐมันแบะปาก
“ นั่งด้วยคนสิ " ผมเดินเข้าไป ตอนที่มือเอื้อมไปจับเก้าอี้ตัวที่ว่าง อิฐทำท่าจะไม่ให้ แต่สุดท้ายก็ปล่อย มันลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผม
“ ไท "
“ อื้ม กูนะสิ " บอกแบบนั้นก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ อิฐก็หันมายิ้ม ใจของผมเต้นแรงตอนที่เห้นท่าทางดีใจของมันแบบนั้น " เบียร์ขวดนึง "
“ เอาแบบเดิมให้กูแก้วนึง "
“ วันนี้กินเยอะแล้วนะพี่อิฐ " น้องพนักงานแอบเหล่ " วันนี้พี่อิฐกินเหล้ารอพี่ไป สิบกว่าแก้วแล้ว "
“ ไม่เมาหรอกกูนะ พวกคอแข็ง "
“ อย่ามาน่าพี่ เมื่อวานเมาแอ๋เลย "
“ เมื่อวานก็มาด้วยเหรอว่ะ " ผมถามน้อง เค้าก็พยักหน้า
“ มาครับ แต่ดึกมากแล้ว มาก็กินเหล้าอย่างเดียว นั่งเครียดกลุ้มใจ ถามอะไรก็ไม่พูด "
“ เลี้ยงเหล้ากูหน่อยดิ " ผมหันไปบอก อิฐก็พยักหน้า " ขอแบบแรงๆนะ แก้วเดียว "
“ ทำไมวันนี้ถึงกินแบบนั้น ไม่กลัวโดนมอมเหล้าเหรอ หื้ม ? “ ท่าทางเมาๆของมัน อิฐเอียงตัวเข้ามาหาผมก่อนจะยกยิ้ม
“ ไม่ เพราะกูคิดว่าคนที่เมาน่าจะเป็นมึงมากกว่า "
“ นี่ครับ ของพี่ไท "
“ ขอบใจนะมึง "
“ ดีใจ ที่พี่ไทมา ผมนะคิดว่าวันนี้ต้องโบกแท็กซี่ไปส่งพี่อิฐอีก เมื่อวานนะเกือบโดนลากไปกับสาวเลย เมาไม่รู้เรื่อง จะไปกับเค้าหมด "
“ วันนี้มึงพูดมากจังไอ้คอร์น " มือหนาๆของมันชี้หน้าอีกคน ก่อนมันจะทำดีด้วยการยื่นเหล้าแก้วโปรดให้
“ ของพี่ครับ "
“ ทำดีแล้วมึง " ว่าแบบนั้นมันก็หยิบแก้วตัวเองมาชนกับแก้วผม " หมดแก้ว "
“ อื้ม " ถึงจะตอบไปแบบนั้นแต่ก็แค่จิบไปนิดหน่อยครับ ไม่กล้าหมดแก้วจริงๆ กลัวว่าจะเมาเหมือนวันนั้นอีก
“ ทำไมกินนิดเดียว "
“ กลัวเมา " บอกออกไปตามตรงอีกคนก็ยิ้ม อิฐกินเหล้าเข้าไปหมดแก้วก่อนจะเขย่าไปมา
“ เอามาอีก "
“ เมาแล้วพี่อิฐ "
“ กูมีตังค์จ่ายมึงทำๆมาเถอะน่า " ว่าแบบหัวเสียอีกคนก็พยักหน้าชงเหล้ารินให้อีกคน " นี่ไท "
“ อะไร "
“ ทำไมถึงมา กูคิดว่ามึงคงจะไม่มาแล้ว "
“ ไม่ได้บอกว่าจะไม่มานี่ กูบอกว่า ถ้าว่างแล้วจะไป กูว่างกูก็เลยมามันก็แค่นั้น "
“ อย่างงั้นเหรอ " อิฐว่ายิ้มๆ มันหันเก้าอี้ตัวเองมาเผชิญหน้ากับผม ตัวของมันดึงเข้ามาใกล้ มือที่กอดเอวของผมไว้ ก่อนปากจะก้มลงจูบเบาๆ " กูกลัวมากเลย กลัวว่ามึงจะไม่มา "
“ อื้ม " ผละออกจากการใกล้ชิดนั่น ผมยกเหล้าขึ้นกิน ไอ้คอร์นยิ้ม " ยิ้มอะไรมึงไอ้คอร์น "
“ ห้องน้ำมีนะพี่ "
“ ตลก ไอ้สัด "
“ งั้นถามอะไรหน่อยได้เปล่าพี่ " คอร์นยิ้ม " พี่สองคนเป็นอะไรกันว่ะ "
“ ไม่ได้เป็นอะไรกัน "
“ อ้าว ก็เมื่อกี้ "
“ เพื่อนกันจูบกันไม่ได้เหรอว่ะ เมืองนอกใครๆเค้าก็ทำกัน " ผมบอกแบบตัดความตอนที่หันมาหาไอ้อิฐมันยกยิ้มก่อนจะกินเหล้าจนหมดแก้ว รวมถึงแก้วของผมด้วย " อ้าว เอ้ย! ของกู "
“ คิดตังค์มึง กูสองคนจะกลับละ "
“ อะไร กูเพิ่งมานะเว้ย เบียร์ก็ยังไม่ได้กิน " ผมท้วงตอนที่ไอ้ไทยืน มันเอียงตัวเข้ามาหาผม เหมือนคนเมาที่ขาไม่มีแรง
“ กูมีอะไรจะคุยด้วย มานี่หน่อย " มันดึงผมออกมาจากโต๊ะ ตอนที่วางเงินสามพันลงบนโต๊ะ " ที่เหลือติบมึง "
“ โห ขอบคุณพี่อิฐ "
“ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ " ผมเดินไปประคองมันไว้ ไอ้อิฐเดินโซเซมันชนคนนั้นที คนโน้นที เมาจนหันมากอดเอวผมไว้ เราเดินกันออกไปนอกร้าน " ขับรถพากูกลับหน่อย "
“ แล้วรถมึงละ "
“ จอดทิ้งไว้นี่ เหละ แล้วมึงก็พากูพากลับหน่อย " มองไปที่รถมัน หรูขนาดนั้นกล้าจอดไว้ที่ผับได้ไงว่ะ
“ แต่มึง "
“ กูรู้จักกับเจ้าของที่นี่ ใครๆก็รู้ว่ารถกู ยามที่เฝ้ากูก็รู้จัก กลับเถอะ กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง " ตัดสินใจทำตามความต้องการของมัน ขับรถพามันที่คอนโดผมกดชั้นที่ 22 จำได้ว่าเมื่อคืนมันบอกว่า มันอยู่ที่ชั้นนั้น
“ ห้องมึง ห้องสองนะ "
“ ไม่ กูจะไปชั้นนี้ " กดชั้นที่ 20
“ เฮ้ย! เดี๋ยวๆจะไปห้องกูทำไม " ผมบอกมันที่ดันตัวเองออกจากลิฟท์ตอนที่ประตูออกมา ผมที่จะฉุดไว้แต่แรงของมันก็เยอะเกินจะต้านไหว " มึง "
“ มึงไม่ชอบอะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าไปห้องกู มึงต้องไม่ปลอดภัยแน่ๆ " มันว่าแบบนั้นตอนที่ค้ำตัวเองกับประตูของห้องผม " คีย์การ์ดละ "
“ อยู่ในกระกระเป๋า " ผมบอกตอนที่กำลังล้วงมันดึงตัวล้มให้ชนกับประตู มือข้างนึงที่ลูบในหน้าของผม ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของผมเบาๆ ลิ้นที่สอดเข้ามามันวนไปรอบโพรงปากของผมก่อนจะผละออกแล้วพูดชิดใบหู
“ หาเร็วๆเข้าสิ "
“ จะทำเหี้ยอะไรว่ะ "
“ งั้นจะช่วยหานะ " จูบลงบนปากผมอีกครั้ง มือของอิฐลล้วงเข้าไปที่กระเป๋าหลังกางเกงมันนวดอยู่สักพัก พร้อมกับปากที่จูบผมอย่างดูดดื่ม นั่นคงไม่ใช่การช่วยหาแล้ว แต่เป็นการช่วยให้มีอารมณ์มากกว่า " อยู่ไหนกันน๊า "
“ อยู่นี่ " ผมล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าตอนที่หันไปเปิดประตูออก อีกคนก็ดึงตัวผมให้เข้ามาในห้อง มันยิ้มตอนที่เสียงประตูปิดลง อิฐกอดผมไว้
“ ไท "
“ อะไร "
“ เมื่อวานขอโทษ ไม่ตั้งใจจะทำแบบนั้น ไม่ตั้งใจจะเงียบ กู.. อยากจะเป็นแบบนี้กับมึงไปเรื่อยๆ อยากรู้จักมึงมากกว่านี้ ก่อนจะค่อยเริ่มความสัมพันธ์แบบอื่น ไม่อยากให้มันเป็นความรักแบบฉาบฉวย อยากให้อยู่นานๆ แต่ก็จริงอย่างที่มึงบอก แฟนคือฐานะที่ใช้ดูว่าเราเข้ากับใครอีกคนนึงได้มั้ย งั้นเรา..”
“ กูไม่เป็น กูไม่อยากเป็นอะไรแบบนั้นแล้ว " ผมบอกอีกคนก็จ้องหน้าผม อิฐจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน สายตาของมันสั่นตอนที่ผมถอนหายใจออกมา " ดูกันไปเรื่อยๆแบบที่มึงว่าก็ได้ เราเป็นเพื่อนกัน กูว่ามันคงดี เราจะได้ไม่ปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น มึงก็คุยกับคนอื่นได้ กูก็คุยกับคื่นได้ แต่ถ้าเราสบายใจคุยกัน เราก็คุยกันไปเรื่อยๆได้ แบบที่มึงบอกก็ดี กูเองเหละที่ รวบรัด ต้องขอโทษด้วย "
“ ไท "
“ เมื่อวานพอคิดดูแล้ว ว่ากูเองที่ิผิดเอง ที่ไปรวบรัดมึง วันนี้เลยอยากไปขอโทษ " ผมบอกมันแบบนั้นตอนที่มองตามัน อิฐก็ยิ้ม
“ มีความสัมพันธ์แบบที่เราจะรักดูแลกันและกันไปนานๆเพื่อดูใจกัน ก่อนการเป็นแฟนมั้ย แบบนั้นจะเรียกว่าอะไร "
“ เฟื่อน มั้ง " ผมบอกมันไป ไอ้อิฐก็หัวเราะ
“ อะไรของมึง"
" ก็ผสมคำว่า แฟน กับ เพื่อน ก็ เฟื่อนไง "
“ ตลกจัง มีมุขด้วย " ก้มลงมามองหน้าผม อิฐจูบเบาๆลงบนข้างแก้ม " ไท "
“ กูมีคำถาม "
“ อะไร "
“ ที่บอกว่าอยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้แล้วค่อยพูดคำนั้นนะ เพราะอะไรเหรอ ทำไมถึงเป็นกันตอนนี้ไม่ได้ เพราะกูยังไม่ใช่รึเปล่า " ผมถามมันที่ดึงตัวผมให้เดินมานั่งที่โซฟา อิฐนั่งลงไปก่อน มันดึงตัวผมลงมานั่งบนตักมัน แต่ผมขืนตัวไว้ " ไม่เอาไอ้เชี้ย "
“ น่า กูชอบให้นั่งตัก " ในที่สุดผมที่ฝืนกำลังไม่ให้นั่งลงบนตักก็ฝืนกำลังไม่ไหว รู้สึกแปลกๆ จนได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วก้มหน้าอยู่แบบนั้น อิฐหัวเราะ
“ นิ่งเลยมึง "
“ กูไม่ชอบ ยังกับเด็กอนุบาล “
“ ก็มึงยังเด็ก "
“ ก็ห่างจากมึงแค่ปีเดียว " บอกแบบนั้นมันก็ยิ่งหัวเราะ ก่อนจะเงียบแล้วจ้องหน้าผมแทน " มีอะไร "
“ จะตอบคำถามที่มึงอยากรู้ "
“ อื้ม "
“ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน กูรู้สึกว่ามึงเป็นคนน่ารัก ก็เลยขอแลกเบอร์ไว้ พอต่อมาได้คุยกันทุกวัน กูรู้ว่า มึงมันใช่เลยว่ะ กูชอบคนพูดจากับกูรู้เรื่อง เข้าใจในสิ่งที่กูจะพูด หัวเราะไปกับกู ชอบอะไรเหมือนๆกัน กูอยากลองพามึงไปดูหนัง ไปกินข้าว ไปทำอะไรในแบบที่มึงกับกูชอบ คิดไว้พอทำแบบนั้นแล้ว มึงโอเคกับกู กูจะขอมึงเป็นแฟน แต่ถ้าไม่ กูที่ไม่อยากเสียมึง ก็ยังได้เป็นเพื่อนกับมึงอยู่ ดูละโมบไปหน่อย แต่ว่า กูก็ไม่อยากเสียมึงไปเพราะว่าอะไรบางอย่างของเราเข้ากันไม่ได้หรอก อย่างน้อยสุดท้าย ได้เป็นเพื่อนกันก็ยังดี "
“ แต่ถ้ามีอะไรที่เข้ากันไมไ่ด้ ทำไมไม่ปรับว่ะ "
“ ถ้ามึงชอบดูหนังแอคชั่น แล้วกูไม่ชอบ มันจะทำไมว่ะ เข้าไปดูด้วยกันไม่ได้เหรอ ถ้ามึงไม่ชอบกินผัก ทำไมเราเราไม่สั่งกับข้าวหลายๆอย่างมากินด้วยกันละ กูรู้ว่าเราคงไม่ชอบอะไรเหมือนกันหมด แต่กูคิดว่า เราปรับได้ ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกัน "
“ ไท "
“ บอกกูมาแค่คำเดียวว่ากูใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่ กูจะอยู่ แต่ถ้าไม่ กูจะไป กูอยากรู้แค่นี้ " มือของผมกำเสื้อของมันไว้แน่น ตอนที่หันมองตา " ตอบกูอิฐ อย่าเงียบใส่กูแบบเมื่อวานเลย การที่กูเดาใจมึงไม่ถูกมันลำบากนะ "
“ อนาคตไม่รู้ แต่ตอนนี้มึงเป็นคนที่ใช่สำหรับกูนะ "
" อื้ม เท่านี้เหละ ที่อยากรู้ เท่านี้จริงๆ " เพื่อมีแรงให้เดินต่อไปข้างหน้า ต่อให้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าผมคือคนที่ใช่ สำหรับมัน ผมก็อยากจะลองอยู่ อยู่เพื่อคำว่า ผมคือคนที่ใช่สำหรับมัน แม้จะเป็นแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
“ แล้วกูล่ะ เป็นคนที่ใช่สำหรับมึงบ้างมั้ย "
“ ตอนนี้ ใช่ แต่อนาคตก็ไม่รู้ เหมือนกัน " ผมยกยิ้มให้มัน ตอนที่อิฐหัวเราะออกมา
“ เลียนแบบเหรอ " หน้าที่ก้มลงมาใกล้ผมยิ้มตอนที่หลับตาลงรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของมัน ลิ้มที่แทรกเข้ามาในปากผมได้แต่กอดคอของมันไว้แน่น และเช่นกัน อิฐก็กอดเอวของผมไว้
“ ก็มึงพูดก่อนเองทำไม "
“ พรุ่งนี้ไม่กินเหล้าแล้วนะ " ตอนที่ผละริมฝีปากออกก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง เราจูบกันไม่หยุดแต่เว้นพักช่วงหายใจด้วยการพูดคุยที่ใกล้ชิดริมฝีปากของอิฐขยับและส่งเสียงไปมาบนริมฝีปากของผม " ไปดูหนังกันเถอะ "
“ ต้องพาไปกินข้าวด้วยนะ "
“ ไม่กินผักนะ "
“ ไม่กินเหมือนกัน "
“ ไม่ดูหนังผีนะ "
“ อื้ม ไม่ดูเหมือนกัน " ผมยิ้มให้มัน ผมว่าบางทีเราอาจจะคล้ายกันมากกว่าที่เราคิด
“ นี่ ทีหลังอย่างเงียบตอนที่พูดกับกูอีกนะ "
“ จำจนตายเลยว่าจะไม่เงียบใส่มึงอีก " เราจูบกันเนิ่นนาน นานกว่าที่ตัวผมจะเคยจูบกับใครมาก่อน ลิ้นที่คลอเคลียกัน ผมไม่รู้ว่า มันจะดีรึเปล่ากับการเสี่ยงกับความรัก ด้วยหัวใจแบบนี้ แต่ความรักมันก็เป็นแบบนี้ ถ้าอยากจะได้มันก็ต้องเสี่ยง ไม่ใช่เหรอครับ
.........................................................
วันนี้ช้า แถมยังตรวจคำผิดไม่ละเอียด ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนี้พูดไม่ออกเลยรู้แค่ว่า ความสัมพันธ์แบบนี้ อันตราย
และการแก้ปัญหาแบบไม่ชัดเจนแบบนั้น ก็รังแต่จะสร้างปัญหาในอนาคต
ว่าไปนั้น.. ไม่ดราม่านะ ไม่ดราม่า ไม่เล๊ยยยยยยยย
เชื่อหนมนะ .. เชื่อหนม (มีคนอ่านบอก (อ่านจากเม้นท์) ถ้าหนมว่าบอกเชื่อหนม คือ ห้ามเชื่อ )
เอิ่อม..

มาพูดความจริงกันทำไมละคร่าาาาา
เจอกันตอนหน้าจ้า
ใครมีทวิต และเฟส ฝากแท็ก #เสือปิง ด้วยนะคร่าา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
