ตอนที่ ๓๐ หมื่นลี้
“คนนี้รีบนอนกันนะเดี๋ยวหมู่จะปล่อยให้นอนแต่หัวค่ำ เราต้องตื่นตั้งแต่ตี ๓ ตี ๔ นี่ก็คือพร้อมที่ลานรวมพล แล้วตี ๔ ครึ่งล้อหมุน ตอนนี้ใครยังไม่เรียบร้อย คืนสุดท้ายแล้วไปดูแลข้าวของของตัวเอง อ่ะ แค่นี้แหละ เชิญ”
“ตรง”
หลังจากรวมฟังคำชี้แจงในช่วงเวลา ๑ ทุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจวัตรเดิมๆของเราคือไปตลาดครับ ไปหาไรกินนิดหน่อยแล้วเดินกลับกองร้อยมาดูแลข้าวของเช็คสภาพให้พร้อมอีกครั้ง การไปป่านี่ไปจริงๆไม่ต้องเอามุ้งไปกางนะครับเพราะว่าไม่มีที่จะให้กาง บางอย่างที่ควรจะโหลดได้ก็โหลด การโหลดของนี่คือการคัดเอาของที่ไม่จำเป็นออกไปนะครับ เราจะทำยังไงเพื่อให้เป้เราเบาที่สุดและมีของใช้สอยเยอะมากที่สุด รุ่นพี่คนไหนที่กากๆหน่อยก็จะโดนพวกข้าวของมาให้รุ่นน้องแบก ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่มีครับ ของใครของมัน ของชิ้นไหนเอาไปเป็นส่วนรวมต้องเฉลี่ยให้เท่าๆกัน ของส่วนตัวก็เป็นของส่วนตัวใครจะเอาไปมากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่คนนั้นไป ไม่มีการรับผิดชอบของส่วนตัวให้รุ่นพี่คนใดคนหนึ่ง
สิ่งที่ห้ามเอาไปป่าก็มีโทรศัพท์ ของมีค่า แต่เงินน่ะเอาไปได้ครับเพราะเห็นจ่าบอกว่าในป่าจะมารถมาขายของเตรียมให้เงินไปเยอะๆ ฮ่าๆๆๆ เอาไปเป็นฟ่อนเลยกู ดูความเรียบร้อยอีกนิดหน่อยแล้วกางมุ้งนอนโดยไม่ได้สนใจใคร ใครจะทำอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ ขอนอนเอาแรงก่อนดีกว่า
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ปรี๊ด เสียงนกหวีดดังขึ้นในยามดึกสงัด ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นหยิบนาฬิกามาดูตอนนี้ตี ๓ ตรงพอดีเป๊ะ เก็บมุ้งเก็บหมอนให้เรียบร้อยยัดใส่ตู้เอาไว้จากนั้นก็ลงไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
“ทำเวลาหน่อยเฮ้ย อ้อยสร้อยอยู่นั่นแหละ ให้เวลา ๕ นาทีเตรียมตัวไปเบิกปืน”สิบเวรพูดเร่งพวกเรา พวกผมก็รีบแต่งเนื้อแต่งตัว ดูความเรียบร้อยเสร็จแล้วผมก็ไปรอที่หน้าคลัง เบิกปืนกลแล้วลงไปรอด้านล่าง ครู่ใหญ่ทุกอย่างเริ่มเรียบร้อยลงตัวจึงพากันไปรวมที่ลานรวมพลเพื่อถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ประดิษฐานอยู่ที่ลานรวมพล
“ฟังนะ หมวด ๑ ขึ้นรถคันที่ ๑และที่ ๒ ส่วนหมวด ๒ ขึ้นรถคันที่ ๓ และที่ ๔ ขึ้นรถก็นั่งให้เรียบร้อย รักษากิริยาอาการด้วย”ผู้กองฝ่ายยุทธการชี้แจง จากนั้นพวกผมก็ไปขึ้นรถกันครับ เอาพวกเป้ยัดใต้ท้องรถได้ขึ้นไปหาที่นั่ง
“ง่วงนอนว่ะ”ผมบ่นขึ้นมาเบาๆหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
“ฮ้าววววววววววววว”ไอ้มหาที่นั่งข้างๆผมมันหาวออกมาเสียงดัง ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วขอนอนหน่อยแล้วกัน
หลับไปพักใหญ่ไม่รู้ว่าตอนนี้การเดินทางไปถึงไหนแล้ว ได้ยินเสียงเขาพูดกันเสียงดังเลยตื่นขึ้นมา มองซ้ายมองขวาตอนนี้เริ่มสว่างแล้วมีแดดส่องเข้ามาในตัวรถ
“ถึงไหนแล้ววะ”ผมถามมหาเผื่อมันจะรู้
“นครปฐมมั้ง”ผมพยักหน้า สถานที่ที่เราจะไปฝึก ก็คือที่เมืองกาญจน์นะครับ พักหนึ่งรถแวะจอดที่ปั้มน้ำมันให้ลงไปทำธุระส่วนตัว มองหาผู้หมวดก็ไม่เจอไม่รู้ว่าเดินไปที่ไหนแล้ว ผมกับไอ้มหาตวง ไอ้ซันและอีหนูเดินไปเข้าห้องน้ำ
“พี่บอมบ์เรามาสำเร็จความใคร่ก่อนเข้าป่าดีไหมอ่ะ”อีหนูมันพูด
“กูกลัวมึงสะโพกครากเดินไม่ไหวว่ะ หึหึ เออ ดีไม่ดีมึงอาจจะได้ชาวป่าชาวเขามาเป็นผัวก็ได้นะหนู”
“ไม่เอาอ่ะ อยากได้พี่บอมบ์ใจจะขาด ฮ่าๆๆๆ”มันหัวเราะแล้วเข้าห้องน้ำไป เสร็จธุระส่วนตัวออกมาจากห้องน้ำเจอหมวดบูมกับหมวดเต้ยยืนคุยกันใต้ร่มไม้ ผมรีบเสนอหน้าไปทันที
“สวัสดีครับ”ยืนตรงทำความเคารพ
“กลัวไอ้บูมหาย”หมวดเต้ยมองหน้าผมขำๆ
“เปล่าครับ ผมไม่กลัวหมวดบูมหายหรอก กลัวแต่ว่าหมวดเต้ยจะพาไปเสียเด็กนี่ดิ”
“ถุย ไอ้สัส กูเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”มองดู ๒ ผู้หมวดแล้วใจสั่น หล่อทั้งคู่เลยครับยิ่งตอนนี้ใส่ชุดฝึกพรางปล่อยแขน แต่งกายเหมือนพร้อมจะออกศึก เท่มาก หุ่นสมาร์ททั้งคู่ด้วย หน้าก็หล่อ ชุดก็หล่อ เฮ้อ กูเพ้ออีกแล้ว
“เอาเงินมาเท่าไหร่อ่ะบอมบ์”หมวดบูมถาม
“๒๐๐”ผมชูใบแดงขึ้นมาแล้วยิ้ม
“พอใช้เหรอ”
“ก็ถ้าเงินไม่พอไปอ้อนๆแม่ค้ากินฟรีก็ได้ ใช้ความหล่อให้เป็นประโยชน์”
“ส้นตีนเหอะ ถ้ากูได้ยินว่ากลับจากฝึกแล้วมึงได้เบอร์แม่ค้ากูเอามึงหนักแน่ไอ้บอมบ์”
“แฮะๆ ล้อเล่นหรอกน่า ใครจะกล้า เกิดผู้หมวดยิงผมทิ้งกลางป่าก็ไม่มีใครรู้ได้ เก็บให้ผมหน่อยสิ ผมรู้ว่าผู้หมวดเอากระเป๋าสตางค์มา”ผมยื่นธนบัตรสีเทาหลายใบให้ผู้หมวด ไม่อยากเก็บไว้เองครับกลัวมันหล่นหาย ยังไงผู้หมวดเขาชำนาญเกี่ยวกับการซ่อนพรางอยู่แล้ว เขาคงดูแลให้ผมได้
“ไอ้เหี้ย มึงไปป่านะไม่ได้มาเดินห้าง เอามาซะเยอะเชียว”หมวดบูมด่าผม
“อ้าว ก็จ่าบอกให้เอามาเยอะๆนี่ครับ ผมกลัวว่าจะไม่พอ ผมเอามาเผื่อผู้หมวดด้วยนะ”
“เงินหายกูทำไงดีวะเนี่ย ทำอะไรไม่ปรึกษาเลยว่ะ”เอ่อ มันไม่ได้มากมายอะไรหรอกครับแค่ ๘ ใบเทา ส่วน ๔ ใบม่วงนี่ติดตัวไว้
“พอดีเลย ถ้าไอ้มหามันไม่มีกูยืมมึงก่อนนะบอมบ์ เดี๋ยวกลับกองพันกูคืนให้”หมวดเต้ยห่วงไอ้มหา ผมไม่รู้ว่ามันเอาเงินมาเท่าไหร่ แต่คงไม่เยอะมั้งครับเรื่องเงินเรื่องทองเราไม่ค่อยได้คุยกันครับ
“เป็นห่วงมันเหรอ?”ผมยิ้มให้หมวดเต้ย
“ก็มีบ้างดิวะ คนอื่นเขามีกิน แต่มันไม่มีกินกูก็ห่วงมันบ้างดิ มึงโอเคป่ะ”หมวดเต้ยตบไหล่ผม
“ไม่ต้องถึงมือผู้หมวดหรอก ผมจัดการได้ เรื่องเงินเรื่องทองมันของเล็กน้อยสำหรับผม”
“บ้านมึงทำงานอะไรวะบอมบ์ กูไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านมึงเลยว่ะ ปิดบังกูตลอด”หมวดบูมถาม ผู้หมวดเคยถามเรื่องครอบครัวผมหลายครั้งแล้วนะครับ แต่ผมไม่ค่อยจะบอกอะไร มันเป็นเรื่องที่ยังไม่สมควรจะบอกตอนนี้
“ไม่ได้ทำอะไร พี่ชายก็ทำงาน หลานก็ทำงาน แม่เลี้ยงลูกให้ผม ผมก็ทำงานเหมือนกันแต่ไม่ได้ลงแรงแค่นั้นเอง”
“มึงขายยาแน่เลยว่ะ”
“ไปไกลแล้วครับผู้หมวด งานสุจริตครับเดี๋ยวผมบอกทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ยังไม่พร้อม”
“กูถามพ่อ พ่อก็ไม่เห็นจะบอกอะไร”
“ฮ่าๆๆๆๆ ผมเป็นคนขอร้องพี่ติเองล่ะครับ เอาน่า เดี๋ยวผมบอกผู้หมวดทุกอย่าง ผมสัญญา แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม โอเคมั้ยครับ”
“เหมือนมึงไม่จริงใจกับกูยังไงไม่รู้ว่ะ มึงหลอกกูหรือเปล่ากูก็ไม่รู้ มึงรู้เรื่องกูแต่กูไม่รู้เรื่องมึง มันยังไงก็ไม่รู้”ผู้หมวดน้อยใจ
“ก็ ที่รักอย่าเพิ่งน้อยใจดิ เดี๋ยวผมบอกทุกอย่าง โอเคนะครับ”
“ไม่เป็นไร กูไม่ใช่คนสำคัญหรอก คนอื่นเขารู้เรื่องมึงมากกว่ากู แต่กูคนที่มึงเรียกว่าแฟน กูกลับไม่รู้อะไร”พูดไม่ออกเลยกู เฮ้อ สงสัยต้องบอกแล้วล่ะ พูดมซะขนาดนี้แล้ว
“อ่ะ บอกก็ได้ แต่รู้แล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด แล้วทำกับผมเหมือนที่เคยทำ ผมว่าหมวดบูมคงจะรู้จักคนชื่อ ชนะศึก ศรีสุทธิธรรม คนนี้เป็นพี่ชายผม”พี่ชายผมใช้นามสกุลคนละนามสกุลกับผมนะครับเรามีแม่คนเดียวกันพ่อคนเดียวกัน แต่ตอนที่พี่ชายผมแต่งงาน ดันไปตกถังข้าวสารครับ แต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของตระกูลเขา พ่อตาพี่ชายผมขอร้องให้ใช้นามสกุลนี้เพราะแทบไม่เหลือใครในตระกูลที่ใช้นามสกุลนี้ คือ ตระกูลเขานี่ลูกสาวเยอะมาก แต่งงานออกเรือนไปก็ใช้นามสกุลสามี แล้วมาพ่อตาของพี่ชายมีลูกสาวคนเดียวด้วย พี่ชายผมก็โอเค พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ อะไรที่ทำให้ลูกได้ก้าวหน้าพ่อแม่ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว
“อืม”หมวดบูมพยักหน้าเบาๆ แต่สีหน้าไม่ค่อยจะดี “กูจะซวยไหมวะเนี่ย”หมวดบูมบ่นพึมพำเบาๆ
“ไม่หรอกครับผู้หมวด แล้วอย่าบอกใครนะครับ อีกอย่างทำกับผมเหมือนที่เคยทำ ไม่งั้นผมโกรธผู้หมวดแน่”
“อืม ก็ได้ แต่มึงชอบทำให้กูคิดมาก กูไม่ชอบคิดเยอะว่ะบอมบ์ มึงขอกูก็ให้ กูเข้าใจว่าทำไมมึงถึงทำตัวแบบนี้”
“อยากจูบปากจริง เฮ้อ ตั้ง ๑๐ กว่าวันแน่ะ”
“อดไม่ได้ก็ลากเข้าป่าเลยบอมบ์ ฮ่าๆๆๆ”หมวดเต้ยหัวเราะเสียงดัง
“ใช่ เดี๋ยวผมกับไอ้ตวงจะวางแผนลักพาตัวผู้หมวดไปกระทำชำเราในป่าดีกว่า”ผมทำหน้าระรื่น พูดไปงั้นแหละไม่ลงมือหรอก เรามาฝึกกันครับ งานเป็นงาน กลับกองร้อยค่อยว่ากันอีกที
“เป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวพวกมึง ๒ คนนี่ ทำไอ้มหาเสียคนแล้วรู้ตัวบ้างไหม เออ แล้วไม่ซื้อของอะไรรึไง”หมวดบูมถามผม
“เออ ลืม ผู้หมวดกินอะไรไปบ้างยัง”
“กาแฟถ้วยเดียว ป่ะๆ หาของกินก่อน”ผู้หมวดตบไหล่ผมแล้วเดินนำไป ส่วนผมเดินตามหลังไป ๒ หมวด ไปหาของกินอีกส่วนหนึ่ง ส่วนผมก็ไปหาอีกที่หนึ่ง ซื้อมาเยอะทีเดียวครับ ฮ่าๆๆ เยอะไว้ก่อนเดี๋ยวก็หมดแหละครับผมมันกินเยอะอยู่แล้วไม่งั้นหุ่นจะควายขนาดนี้เหรอ
ครู่หนึ่งหลังจากที่ทุกคนซื้อหาข้าวของเรียบร้อยแล้ว ธุระส่วนตัวใครใคร่ทำก็ทำให้เสร็จ จากนั้นจึงออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง เอาขนมมาแกะกินระหว่างทาง แจกเพื่อนๆบ้าง เกือบ ๑๐ โมงจึงมาถึงจุดหมายปลายทาง ลงจากรถไปเอาเป้ประจำตัวใครตัวมัน สวมหมวกแคปร่าให้เรียบร้อย ใส่สายเก่งกระติกน้ำคือการแต่งกายทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพพร้อม แบกปืนแบกเป้พร้อมเรียบร้อยจึงออกเดินทางเป็นหมู่เป็นหมวด
ล็อกแซ็กเกือบ ๒๐ โล กับปืนกลอีกเกือบ ๑๕ โล เดินแบกกันเข้าไปด้านใน วันนี้ยังไม่เริ่มฝึกนะครับเราจะมาก่อน ๑ วันเพื่อเตรียมความพร้อม เดินเข้าไปก็เป็นสนามยิงปืน อยู่ลึกจากปากทางประมาณ ๕ กิโลเมตรเห็นจะได้
ไปถึงก็หอบครับหาที่นั่งพักใต้ร่มไม้ หมู่ใครก็นั่งกันเป็นหมู่ของคนนั้น สักหนึ่งมีทหารมาแจกกระสุนให้กับพวกปืนเล็ก ปืนเล็กนี่คือพวกที่ถือปืนเอ็มสิบหกนะครับกับปืนเอ็มสองศูนย์สามและปืนเล็กกล พอได้กระสุนที่เหลือไปนั่งเข้าแถวรอยิงปืน ที่เรามาก่อนก็เพราะว่าเราต้องมายิงปรับปืนในสนามจริงก่อนครับเพราะยิงปรับปืนในกองพันมันยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ผู้กองเลยให้มายิงที่สนามจริง ส่วนผมปืนกลก็คอยหลังจากพวกปืนเล็กยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ปืนเล็กใช้เวลายิงประมาณ ๒ ชั่วโมงแล้วมาพักกินข้าวมื้อกลางวัน จากนั้นครู่หนึ่งก็จะเป็นหมู่ปืนกลซึ่งจะต้องยิงเพื่อปรับปืน ปืนใช่ว่าจะยิงได้ซี้ซั้วนะครับก่อนยิงต้องมีการปรับปืนให้มันเข้ากับตัวผู้ยิง บางคนใช้ปืนชนิดเดียวกันแต่การเล็งมันต่างกัน ต้องปรับให้เข้ากับตัวเรา เรายิงระยะไหนถึงจะแม่น ปืนเป็นยังไงอะไรยังไง พอมาถึงปืนกลประเดิมผมเลยคนแรกครับเพิ่งจะได้ยิงครั้งนี้ครั้งแรกตื่นเต้นมาก
กระสุนปืนที่เป็นแพยาวๆถูกป้อนลงบนช่องรับกระสุนจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่ฝึกมา การยิงปืนกลมันจะมีจังหวะของมันครับไม่ใช่ยิงกันเป็นพรืดเหมือนในหนัง มันต้องมีจังหวะการยิงเพื่อจะให้ลำกล้องไม่ร้อน ถ้าลำกล้องร้อนลำกล้องมันจะอ่อนแล้วก็พัง นอนราบลงแล้วเล็งไปยังเป้าหมายด้านหน้าจากนั้นสูดลมหายใจแล้วเหนี่ยวไก
ปังๆๆๆๆๆๆ เสียงปืนกลมันจะออกนุ่มๆแต่เสียงดังมาก ถ้าเปรียบปืนเอ็มสิบหกเสียงเหมือนกีตาร์ ดังและร้อนแรงแต่ถ้าปืนกลเสียงนุ่ม ทุ้ม ใหญ่เหมือนเบส แต่ก็ดังมากเหมือนกัน ยิงปุ๊บจ่าที่ดูแลก็มาคอยปรับแก้ปืนให้เข้ากับการยิงของผม ยิงไปเกือบ ๑๐๐ นัดกว่าจะเข้าที่เข้าทาง จากนั้นไอ้มหาตวงครับ ไอ้มหานี่เห็นมันบวชมาก่อนมันยิงปืนแม่นมากนะครับ ตอนตรวจสอบการยิงปืนของทหารใหม่ไม่มีพลาดเลยสักนิดเดียว เข้าเป้าหมดทุกกระสุน
มันเล็งปืนจากนั้นก็จัดการยิงทันที ก็เหมือนๆกับผมครับพักใหญ่จนจ่าพอใจนั่นแหละครับถึงเป็นคิวของปืนกลหมวดของผู้หมวดเต้ย นั่งฟังเสียงปืนแล้วมันรื่นหูดี หลังจากยิงปืนเสร็จเรียบร้อยแล้วพักผ่อนกัน ๑ ชั่วโมงจากนั้นจึงออกเดินทางไปหาที่พัก
เดินออกจากสนามยิงปืนข้ามถนนไปแล้วเข้าเส้นทางหมู่บ้าน ตอนนี้ ๔ โมงเย็นแล้วผมเดินไปเรื่อยๆ ของหนักแต่ก็ทนแบกไป ผู้หมวดก็มาให้กำลังใจบ้างเป็นบางครั้ง และก็พูดให้กำลังใจลูกน้องที่เดินตามหลัง
๕ กิโลเมตรจากปากทางตอนนี้แถวนี้เป็นเนินเขา มาเขาลูกเล็กๆมาแล้ว ๒ ลูก เข้าไปในป่าแถวนี้จะเป็นป่ายูคา จนตะวันลับขอบฟ้า ความมืดมาเยือนกว่าจะถึงเป้าหมายก็แทบขาดใจ
มาถึงก็กระจายกันไปหาที่หลับนอน แต่ต้องเป็นกลุ่มนะครับ หมู่ใครจะอยู่ตรงไหนอะไรยังไง ผมหาที่เหมาะได้วางเป้ลงแล้วเปิดกระเป๋าหาเปลกับผ้าเต้นมาก่อนเลยเป็นอันดับแรก ผูกเปลเสร็จเรียบร้อยก็กางเต้นด้านบนเผื่อกลางคืนฝนมันตกจะได้มีที่บังฝน
“ต้มมาม่าไหมวะ”ไอ้มหาถามผม
“อยากกินก็ต้มน้ำดิ”กางเปลกางเต้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เริ่มหาของกิน จ่าบอกว่าทุกอย่างให้ทำเงียบๆนะครับอย่าเสียงดัง ไฟไม่จำเป็นต้องใช้ก็อย่าใช้ ถึงจะอยู่ในป่าแต่ใช่ว่าจะมืดสนิทนะครับยังพอมองเห็นอะไรเป็นอะไรบ้าง เอามาม่ามาต้มแล้วกินกันเป็นกลุ่ม กินไปคุยไป ส่วนใหญ่จ่าจะเล่าประสบการณ์การฝึกของปีที่แล้วให้พวกผมฟัง
“มึงจะนอนแล้วเหรอบอมบ์”ล้างหม้อสนามเก็บเรียบร้อยแล้วก็สลายตัวไปนอนหลับพักผ่อน เหนื่อยมากเลยครับ
“อือ หรือมึงจะไม่นอน”
“เหี้ย บรรยากาศแบบนี้คิดถึงตอนสมัยกูไปเดินธุดงค์ว่ะ นอนในป่าเกือบ ๒ เดือน”มันเล่าความหลังให้ฟัง
“มึงเคยธุดงค์ด้วยเหรอ”
“เคยดิ ไปกับหลวงพี่ที่วัดกู ช่วงนั้นกูปิดเทอมกลับวัดไม่มีอะไรทำก็เลยไปเดินธุดงค์กับหลวงพี่ ตอนกลางคืนนั่งสมาธิกันยันเช้า”
“แล้วตอนนี้ล่ะ ชักว่าวยังเช้าอ่ะดิ”พูดแซวขำๆ
“เอาเมียยันเช้า ไอ้สัส แต่ตอนนั้นที่กูเคยไปมันจะเป็นหน้าร้อน คืนนี้ไม่รู้ฝนตกหรือเปล่าฟ้าแม่งครึ้มๆแบบนี้”
“ตกก็เปียก ไม่ตกก็สบายตัวไป”
“เออว่ะ นอนเหอะมึง กูเพลีย ล้าไปทั้งตัวแล้ว”สิ้นเสียงทุกอย่างก็อยู่ในความสงบ ผมหลับตาลงเบาๆ แล้วหลับลงไปในที่สุด มีสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนนิดหน่อยเพราะได้ยินเสียงฝนตก แต่ตกไม่หนักนะครับ ตกมาเม็ดสองเม็ด แล้วก็หยุด จากนั้นก็หลับต่อยันเช้า
“ฮ้าว หลับดีฉิบหาย”ไอ้มหาบิดตัวแล้วลงจากเปล ส่วนผมลืมตาขึ้นขยี้ตาแล้วเด้งตัวนั่งบนเปล มองซ้ายขวาก่อนจะเริ่มเก็บเปลของตนและผ้าเต้นยัดใส่เป้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปรวมตัวที่บริเวณจ่านอนอยู่เพื่อเตรียมตัวทำกับข้าวกับปลา เดินไปรับข้าวกับกับข้าวจาก บก.หมวด บก.หมวดนี่คือส่วนที่ผู้หมวดจะอยู่นะครับ ใน ๑ หมวดจะมี บก.หมวด หมู่ปืนกล และหมู่ปืนเล็กอีก ๓ หมู่ จัดได้ว่าเป็น ๑ หมวด บก.หมวดเป็นส่วนควบคุมแต่ละหมู่ ได้ข้าวกับกับข้าวมาแล้วก็มาตักแบ่งกันในหมู่ กับข้าวกับปลามีมาม่าเพิ่มกับปลากระป๋อง อาหารยอดอมตะนิรันดร์กาล
“นั่นไง มาแล้วพีเอ็กซ์เคลื่อนที่”จ่าชี้ให้ดูไปพุ่งไม่พุ่มหนึ่งซึ่งมีรถเก่าๆมาจอดอยู่ ผมหันไปมองแล้วกินข้าวต่อ
“แบบนี้กรรมการไม่จับเหรอครับจ่า”ไอ้มหาตวงถาม
“ก็อย่าให้เขาจับได้ดิ พวกนี้มันรู้เวลากรรมการมามันจะยังไม่มาขายหรอก มันจะขายตอนที่กรรมการไปแล้ว”
“แล้วมันเอาอะไรมาขายบ้างครับจ่า”ผมถามบ้าง
“ทุกอย่างอ่ะ แต่แพงกว่าพีเอ็กซ์ที่กองร้อยอยู่หน่อย เอ็งจะไม่ซื้อก็ได้ถ้าเอ็งอดได้นะ ๑๐ กว่าวัน แต่ถ้าอยากกินก็ต้องตัดใจ ถูกแพงมันหามาให้เราได้ ดีไม่ดีนะ หล่อๆแบบมึงไอ้ยักษ์แม่ค้าถูกใจให้มึงกินฟรีก็ได้ ปีที่แล้วนะจ่ามาซื้อส้มตำ ไม่รู้ว่ามันเอาสากตำหรือเอานมตำ แม่ง บึบบับๆ นมเป็นนม ขาวด้วย ฮ่าๆๆ”
“ถูกใจผมเลย”ไอ้มหามันยิ้ม
“เมียรู้มึงตายโหงแน่ไอ้มหา”
“เออว่ะ คิดถึงหน้าเมียเอาไว้ เมียเราใจดีที่สุด เมียเราเอ็กซ์ที่สุด เมียเราน่ารักที่สุด ฮ่าๆๆๆ”ไอ้มันมหาพึมพำแล้วขำบ้าบอของมันไป
“กูว่ากลับไปไอ้มหาไม่ลงจากเรือนแน่ นอนกกเมียทั้งวันชัวร์”จ่าพูดแล้วขำ
“ฮ่าๆๆๆๆ อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ครับจ่า”ไอ้มหาขำออกมา
“กูว่ากูไม่เคยมีเพื่อนขี้เงี่ยนแบบมึงนะมหา”
“ถุย มึงขี้เงี่ยนกว่ากูอีกไอ้เหี้ยบอมบ์ อย่าให้กูพูด”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“เก็บข้าวของให้เรียบร้อยทำลายหลักฐานการมาอยู่มาพักของเราด้วย ห้ามทิ้งหลักฐานอะไรไว้ ทำให้เหมือนเราไม่เคยมานอนที่นี่ ขยะก็ขุดกลบให้เรียบร้อย”จ่าพูดย้ำอีกครั้ง ทุกคนช่วยกันทำลายหลักฐานการเข้ามาพักจากนั้นจึงไปรวมตัวที่ที่ผู้หมวดนัดหมาย
“ฟังนะ เดี๋ยวต่อไปเราจะไปเข้าสถานีฝึก เข้าไปแล้วก็นั่งฟังอย่างตั้งใจอย่าให้เสียวินัยทหาร ทุกคนทราบ”
“ทราบ”
แบกเป้ขึ้นหลังแล้วเดินแถวไปยังสถานีฝึก ไปถึงวางเป้ลงเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วนั่งรอจ่าประจำสถานีมาอบรม เมื่อจ่ามาถึงทำความเคารพเสร็จก็ฟัง พวกปนเล็กก็ไปฝึกตามแบบของเขา ส่วนผมปนกลก็มาฝึกอีกแบบหนึ่ง
“ปืนห่าอะไรวะนักฉิบหาย”ไอ้มหาบ่น ผมเองก็เหนื่อยเหมือนมัน ฝึกเสร็จเหงื่อท่วมตัว หาที่นั่งพักร้อนๆเราฝึกกัน ๒ รอบจากนั้นก็เป็นการตรวจสอบให้คะแนน จนถึงเวลา ๑๑ โมงก็ย้ายสถานี
“ผู้หมวดอีกไกลไหมครับ”ผมเดินใกล้ๆผู้หมวดมีคนใจกล้าเอ่ยถามถึงระยะทางที่
“ไม่ไกล อดทนหน่อยทหาร หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล”ผู้หมวดพูด เออ เหมือนกำลังใจจะมานะครับแต่มันติดตรงที่หนทางข้างหน้ายาวไกลนี่ดิ
“หนทางหมื่นลี้ ต่อให้ไกลแค่ไหนเราก็จะฝ่าไป ใช่ไหมท่านบอมบ์ เซี๊ยะ เหวิน”ไอ้มหาทำเสียงเลียนแบบหนังจีนกำลังภายใน
“ใช่แล้วสหายรัก ท่านตวง ซื่อ อวง ขุนเขา ทะเล ไม่มีอะไรเราจะมาขวางกั้นเราได้ งั้นเรามาดื่มเพื่อความสัมพันธ์ของเรา ฮ่าๆๆๆ”ผมบ้าจี้ตามมันไปบ้าง
คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด จริงไหม