บทที่ 31
ทันทีที่ได้อ่านไลน์ของไอ้จิ๋มผมอึ้งไปหมด รู้สึกกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น ผมรีบโทรหามัน มันบอกอย่างเดียวว่าให้รีบกลับมอแล้วก็ตัดสายไป ผมยิ่งกระวนกระวายใจ ตอนนั่งในรถพี่เมฆต้องเอื้อมมือมากระชับมือผม แล้วพูดปลอบใจต่างๆนาๆ
“ไอ้จอร์ทมันพาพวกปราโมทขึ้นไปพบคณะบดีบอกว่ามึงกับเอออาจารย์เมธามีอะไรกัน แล้วอาจารย์เขาบอกข้อสอบมึง มึงเลยสอบได้คะแนนเยอะ มันบอกว่ามึงไม่มีทางได้คะแนนเยอะกว่าปราโมท กว่าพวกวรรณวิภาแน่ๆ มึงรีบขึ้นไปพบเลยเขาอยากเจอตัวมึงกับเอ่อะอาจารย์แทบแย่”ไอ้จิ๋มวิ่งกระหืดกระหอบเหมือนวิ่งมาจากหน้ามหาลัย ใจเย็นๆ ค่อยๆบอกก็ได้ กูมาถึงแล้ว ผมเอามือลูบหลังมัน
ไอ้จอร์ทอีกแล้วหรอ มึงจะจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหนวะ สัดอย่าให้เจอตัวนะมึงจะสอยให้ร่วงเลย
“หวัดดีครับอาจารย์”ไอ้ตี๋ ตามมาติดๆมันยกมือไหว้พี่เมฆ แล้วทำมือปาดคอผม ไอ้เชี่ยนี่คนยิ่งกลัวๆอยู่ดันทำให้กลัวเข้าไปอีก
“ขึ้นไปเลยมึงๆ”มันสองตัวดันหลังผม ไอ้ห่าพวกนี้ คนกลัวอยู่
ปึก พี่เมฆดันพวกมันสองตัวออก แล้วจับแขนผมเดินเข้าไปในลิฟต์ มันสองตัวงี้มองผมกับพี่เมฆตาค้าง
“พี่เมฆครับ ผมกลัว” เรื่องชู้สาว (เอ่อะ) นั้นแหละเรื่องทำนองนี้ถ้ามีคนร้องเรียนขึ้นมา ไม่ผมก็พี่เมฆต้องติดวินัยแน่ๆ ผมอาจถูกพักการเรียน พี่เมฆอาจจะถูกพักงานหรือร้ายที่สุดคือไล่ออกจากงานเลย ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน้า เรื่องเราคบกันก็จริง แต่เรื่องพี่บอกข้อสอบติดสอไม่เป็นความจริงสักหน่อยจริงมั้ย”ผมรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อยเพราะพี่เมฆลูบหัวผมเบาๆ
หน้าห้องคณะบดี เป็นอะไรที่ตึงเครียดมาก ผมเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปกับพี่เมฆ ไอ้เชี่ยจอร์ท ปราโมท แล้วก็เด็กท็อปๆอยู่กันครบ ทุกสายตาในห้องกันมามองผมกับพี่เมฆเป็นทางเดียว
“เชิญนั่งสิ”เสียงเย็นๆของคณะบดีทำเอาผม มือสั่น พี่เมฆจับมือผมดึงไว้ แล้วนั่งข้างกัน
“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือครับ”พี่เมฆเป็นฝ่ายเอ่ยถามไป
“ผมได้รับเรื่องร้องเรียนมาเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะกับของคุณกับนิสิตครับ”ท่านคณะบดีมองมาที่ผมสลับกับพี่เมฆก่อนจะส่ง
ไอแพดเครื่องใหญ่มาให้ ในนั้นมีภาพของผมกับพี่เมฆนั่งรถคันเดียวกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ไปซื้อของ แล้วก็เข้าบ้าน ผมกับพี่เมฆมองหน้ากัน ผมเงยหน้ามองจอร์ท มันยักคิ้วให้ผมเหมือนมันเป็นผู้ชนะ มึงแม่งเหี้ยจริงวะจอร์ท เหี้ยจริงๆ
“คุณจะอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างไรครับ”ทั้งห้องเงียบไปหมด มือผมเย็นเหมือนเฉียบ แม้แต่ความอบอุ่นที่พี่เมฆส่งผ่านมาให้มันยังไม่พอกับความเย็นเยือกนี้
“ครับ ผมกับนายธนาธิป เรามีความสัมพันธ์กันจริงๆ”ห๊ะ ผมหันไปมองพี่เมฆด้วยความตะลึง ไอ้จอร์ทยกปากยิ้มออกมาอย่างสะใจ ทุกคนในห้องตะลึงไปหมด ท่านคณะบดีถึงกับเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อที่ผุดออกมาบนใบหน้า
“เห็นมั้ยครับ ผมบอกแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้น มันไม่มีทางได้คะแนนเยอะแบบนี้หรอกครับ”เพื่อนๆในห้องฮือฮา พูดคุยตามเสียงจอร์ททันที ผมนี่อยากลุกขึ้นไปชกหน้ามันจริงๆ
ปัง! พี่เมฆตบโต๊ะ มองจอร์ทด้วยความไม่พอใจ
“เรื่องที่ผมบอกข้อสอบนิสิตไม่เป็นความจริงครับ ถึงเราจะอยูบ้านเดียวกัน ผมก็ไม่เคยสอนเขา หรือบอกแนวข้อสอบเขา เขาตั้งใจอ่านหนังสือและทำคะแนนได้เองครับ อีกอย่าง…” พี่เมฆหยิบเอกสารออกมาส่งให้ท่านคณะบดี “พี่กับน้องจะอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้หรอครับ”
เอ๋ๆเสียงในห้องเปลี่ยนเป็นอีกเสียงหนึ่งทันที คร่าวนี้เป็นผมบ้างที่ยิ้มอย่างมีชัย ไอ้จอร์ทหน้าหดเหลือสองนิ้ว พวกปราโมทและเพื่อนๆเอะอะกันใหญ่
“เงียบๆหน่อย”ท่านคณะบดี ส่งเสียงดุพวกนั้นก่อนก้มพิจารณาเอกสารในมืออีกครั้ง
“คุณจะบอกว่า คุณกับนิสิตเป็นพี่น้องกันอย่างนั้นหรอ”ท่านเลิกคิ้วทำเหมือนไม่เชื่อ
“ครับ ผมเป็นที่ปรึกษาของเด็กคนนี้และได้ทราบปัญหาว่าพ่อเขาเพิ่งจะเสียไปแล้วเขาก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ผมเห็นว่าเด็กคนนี้มีความประพฤติดี รับจ้างอาจารย์วาดงานเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง เลยปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่รับนายธนาธิปเป็นน้องครับ”ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ขออนุญาติค่ะ คือว่าหนูจะมาบอกว่า ธนาธิปคบกับหนูเขาไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนค่ะ”ปูเป้เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง จอร์ททำหน้าไม่พอใจอย่างแรง ผมก้มหัวเบาๆ เชิงขอบใจ เอพยักหน้ารับผมก่อนจะหันไปมองท่านคณะบดีอย่างจริงจัง
“เรื่องเป็นอย่างนี้หรอ”ท่านหันไปมองจอร์ทอย่างตำหนิ มันหน้าเสียไปเลย
“นั้นเรื่องพวกนี้ก็ไม่เป็นความจริงสินะ”ท่านโยนไอแพดคืนไอ้จอร์ทไป แล้วเชิญผมกับเพื่อนๆออกจากห้อง ท่านมีเรื่องคุยกับพี่เมฆสองคน เรื่องของผมผ่านไปแล้ว ผมแอบเครียดทำไมต้องเรียกให้พี่เมฆอยู่ต่อนะ
“รอดตัวไปนะไอ้ดิน แต่ครั้งหน้ามึงไม่โชคดีแบบนี้แน่”หรอวะไอ้เชี่ยจอร์ท ผมเดินเข้าไปใกล้มันแล้วผลักอกมันติดกำแพง
“อยากมีเรื่องใช่มั้ย”ความอดทนของผมมันขาดเสียแล้ว
“อย่ามีเรื่องครับ”ปราโมทรีบเข้ามาเสือก
“อย่ายุ่ง”ผมหันไปตวาด มันนิ่งไม่ขยับเข้ามา ปูเป้กับเพื่อนผู้หญิงอีกสี่ห้าคนส่งเสียงวีดว๊ายกันใหญ่
“เป็นน้องหรอ กูเห็นแทบได้กันบนรถ มึงแม่งเหี้ย อยากได้คะแนนดีๆ ถึงกับต้องเอาตัวเข้าแลกเลยหรอวะ ดิน มึงนี่น่าสมเพชจริงๆ”เหี้ย เอาตัวเข้าแลกพ่อมึงดิ ยกหมัดจะต่อยมันแต่มันผลักตัวผมออกก่อน ผมเลยถอยออกมา
“มึงโง่เองหรือเปล่าจอร์ท คะแนนสอบถึงได้เหี้ยแบบนั้น อย่าใส่ร้ายว่ากูได้ข้อสอบเลย มึงโง่เองแล้วจะโวยวายทำไม”มันได้คะแนนน้อยที่สุดในชั้นปีครับ ปกติคนที่ได้น้อยต้องเป็นผม แต่มันดันได้น้อยกว่าผมอีก มันเลยเสียหน้า เป็นถึงเดือนคณะแต่คะแนนสอบเหี้ย
พลั่ก มันวิ่งเข้ามาต่อยผม ผมไม่ยอมสรุปเราเลยตะลุมบอลแลกหมัดกัน จนน้ายามต้องมาแยก มันกับพวกปราโมทออกไปจากตรงนั้น น้ายามถามว่าผมเป็นอะไรมั้ย ก็เจ็บน่ะสิครับ โดนต่อยเต็มๆ แบบนี้ ปูเป้ยืนดูแลผมไม่ห่าง
“เจ็บมั้ยดิน”เธอยังคงใจดีอยู่เสมอ
“เจ็บมากเลย”หมัดแม่งหนักชิบ ซี๊ด ปูเป้เอาน้ำแข็งมาประคบให้ผม
“ทีหลังอย่าไปทะเลาะกับหมาบ้าเลยนะ ปล่อยให้มันเห่าไป”ขอบใจมากที่หวังดีกับเรานะปูเป้ขอบใจมากๆเลย
“ขอบใจนะที่มาช่วยเรา”ถ้าไม่ได้ปูเป้อีกคนไม่รู้ท่านคณะบดีจะเชื่อมั้ย
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ดินเป็นเพื่อนเรานี่นา”ยิ่งเธอพูดผมยิ่งรู้สึกผิด เราสองคนนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ ความเป็นเพื่อนยังคงไม่ไปไหน
ในวันที่ผมลำบากเธอยังย้อนกลับมาช่วยผม ขอบใจจนไม่รู้จะขอบใจอย่างไร เธอดีกับผมจริงๆ
สักพักร่างสูงของพี่เมฆก็เดินออกมาจากห้อง
“นั้นเป้ไปก่อนดีกว่า มีอะไรโทรหาเราได้นะ”
“อื้ม”บ้าย บาย ผมโบกมือลา
“เป็นไงบ้างครับ”ผมวิ่งไปหาพี่เมฆ เขาไม่ตอบ แต่จับมือผมจูงกลับบ้าน ตลอดทางพี่เมฆเงียบมาก ผมใจไม่ดี ทำไมพอเวลาเรามี
ความสุข กลับมาเราต้องมาเจออะไรแย่ๆทุกที
กลับมาถึงบ้าน ลงจากรถได้พี่เมฆก็ดึงผมมากอด ผมไม่เข้าใจความหมาย ทำไมต้องกอดผมแน่นขนาดนั้น ผมหายใจแทบไม่ออก พี่เมฆวนจูบซับที่ขมับผมไม่ปล่อย เรายืนกอดกันอยู่อย่างนั้น จนผมต้องพาพี่เมฆเข้าบ้านไปนั่งคุยกันดีๆในห้องนั่งเล่น
“พี่เมฆเป็นอะไร”ผมจับมือสองข้างของพี่เขารวบเข้าหากันอย่างเป็นห่วง มีอะไรทำไมพี่ไม่บอกผม บอกผมมาสิอย่าเงียบแบบนี้ พี่เมฆเอาแต่จ้องหน้าผม เขามองอย่างพิจพิจารณา
“เป็นอะไร”ผมสงเสียงงิ้งๆเหมือนลูกแมวอ้อน ไม่ต้องมายิ้มเลย ไม่ต้องมาส่งยิ้มให้ พูดมาเดี๋ยวนี้ ผมเอามือจับปากเขาง้างออก พูดสิพูด
พี่เมฆไม่พูด แต่ก้มลงมาจุ๊บแก้มผม จากนั้นก็อ้อยอิ่งจูบปากผมเบาๆ
“พี่เมฆ”ผมร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกเศร้าแปลกๆ เขาใช้มือหนาเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วเอาจมูกมาเขี่ยตรงแก้ม
“ถ้าไม่มีพี่ เราจะอยู่ได้มั้ย”อะไรนะ พี่เมฆพูดอะไร รู้ตัวมั้ย ฮือ ไม่เอาสิไม่พูดแบบนี้
“พี่เมฆจะไปไหน ไม่เอา ดินไม่ให้ไป ฮือ ฮือ”ไม่เอาจะไปไหน อย่าหนีผมอีก อย่าหนีผมไปเลย ตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว อย่าหนีผมไปไหนนะ ฮือ ฮือ
“รับปากมาก่อนว่าถ้าพี่ไม่อยู่เราจะอยู่ให้ได้”ใบหน้าจริงจังของพี่เมฆทำเอาผมใจหายหนักกว่าเดิม ทำไมต้องสัญญา ทำไมต้องไป ไปไหน
“ไม่เอา ไม่ไป ไม่ให้ไป”ผมกอดพี่เมฆแน่น
“พี่รักดินนะ”เขาดึงตัวผมไปกอด
“ดินก็รักพี่เมฆ ฮือ ฮือ บอกดินมา เรื่องอะไรกัน ทำไม ฮือ”
.....................................................................
ไม่นะพี่เมฆ ฮืออออออออออออออออออ
อย่าไปไหนนะ อย่าทิ้งดินสิ ไหนบอกว่ารักน้องไหง ไอ้พี่บ้าาาา
ไปแต่งตอนต่อไปต่อ ฮืออออ