เพลิงพ่าย
บทที่ 34.2
จะว่าเข้าข้างตัวเองก็ได้แต่ปราบก็แสดงความสนิทสนมกับเขาไม่ว่าจะจากการพูดคุยหรือการดูแลเมื่อชนัยข้ามา
ตรวจสอบด้านกฏหมายที่อินไฟไนท์อินดัสเตรียลในช่วงนี้เกือบทุกวัน และการที่ปราบยังไม่มีใครใกล้ชิดให้เห็นทำให้
ชนัยคิดว่าตัวเองมีหวังอยู่ไม่น้อยยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดจากสายตาคนนอกอย่างแดเนียล เครตั้นมันก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้
ชนัยมากขึ้นไปอีกแต่ชนัยเองก็ยังอยากได้รับการยืนยันที่ดีที่สุดก็คือจากปราบ ปริวัตร
แจ้งกับเลขาหน้าห้องไม่ถึงนาทีเขาก็ก้าวเข้าไปในห้องทำงานกว้างขวางเป็นระเบียบของปราบ ชนัยลอบถอน
หายใจล้ำลึกเมื่อเขาเห็นแผ่นหลังกว้างของปราบที่กำลังยืนทอดสายตาออกไปยังกระจกใส ภาพตึกสูงระฟ้าของเมือง
หลวงปรากฏให้เห็นแปลกตากว่าทุกครั้งที่เขาเคยเข้ามาแล้วเจ้าของห้องใช้ม่านทึบแสงบดบังมันไว้ ปราบหันมามองด้วย
ใบหน้าเคร่งขรึมกว่าที่เคยมันยิ่งเพิ่มเสน่ห์จนชนัยอยากจะหลอมละลายอยู่แทบเท้าของผู้ชายคนนี้
“ผมเอาเอกสารที่คุณต้องการเรื่องขอเปิดบริษัทลูกมาให้ เท่าที่ตรวจสอบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรคุณสามารถขยาย
งานได้เลย เอ่อ ปราบครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ปราบฝืนยิ้มออกมา เขายกมือลูบหน้าตนเองอย่างเหนื่อยล้าไหล่กว้างลู่ตกลงมาจนชนัยสังเกตเห็นได้ชัด
“ขอโทษทีนะชนัย ช่วงนี้ผมมีปัญหานิดหน่อยก็เลยติดต่อคุณช้า ขอโทษที่ต้องเดือดร้อนให้คุณมาเอง”
“ปราบครับ”
ชนัยถือโอกาสก้าวเดินอ้อมโต๊ะเข้าไปใกล้แล้ววางมือลงบนท่อนแขนของปราบแบบไม่ให้ดูจงใจเกินไปนัก เขา
เงยหน้ามองปราบที่สูงกว่าเขาอยู่เล็กน้อยพลางยิ้มอ่อนอย่างที่คิดว่าตนเองดูดีที่สุด
“อย่าพูดอย่างนั้น แม้ว่าผมจะเพิ่งรู้จักกับคุณไม่นานแต่เราก็เหมือนคนคุ้นเคยกันเพราะพ่อของผมก็ทำงานให้
ครอบครัวของคุณ ผมปรารถนาดีต่อคุณจริงๆนะ”
ปราบถอนหายใจแผ่วเบาเขาวางมือทับไปบนหลังมือของชนัย ยิ่งทำให้เจ้าตัวร้อนวูบวาบมากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณชนัย อย่างน้อยก็ขอบคุณสำหรับคำปลอบโยนจากคุณนะ”
ทนไม่ไหวแล้ว!
ดวงตาหมองที่มองมาประกอบกับรอยยิ้มที่รู้ว่าฝืนแต่มันกลับทำให้ชนัยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาขยับตัวเข้าไป
ใกล้เอื้อมมือไปวางบนบ่ากว้างแล้วบีบเบาๆ ลมหายใจอุ่นของปราบอยู่ใกล้เกินกว่าจะหยุดยั้งได้ ชนัยดึงปกเสื้อของปราบ
ให้โน้มลงมาเพื่อที่เขาจะแนบปากเข้าหาอย่างเหมาะเจาะ กลิ่นบุหรี่เย็นๆลอยอวลเร่งเร้าให้ชนัยส่งลิ้นผ่านริมฝีปากแห้ง
ผากอย่างคนขาดความเอาใจใส่เข้าไปภายใน ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบไปหมดเมื่อเบียดกายแนบชิดสัมผัสกล้ามเนื้อ
แกร่งที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่ปราบใส่วันนี้
ปราบไม่ได้ปฏิเสธจูบของชนัยแต่ก็ไม่ได้ถึงกับจูบตอบ เขาปล่อยให้ชนัยเบียดปลายลิ้นเข้าหาตามแต่ใจจน
กระทั่ง ชนัยผละปากออกมาช้าๆพร้อมกับมองเขาตาปรอย
“ผมขอโทษ คุณอาจจะตกใจ แต่สภาพของคุณมันทำให้ผมเป็นห่วงจริงๆ”
ชนัยก้มหน้าเสมองไปบนผิวกายขาวของปราบที่โผล่พ้นสาบเสื้อ ขนอ่อนที่ขึ้นเป็นไรอยู่บนแผงหน้าอกทำให้
ชนัยลอบกลืนน้ำลายพลางจินตนาการยามที่ปราบไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆปกปิด นึกอยากจะลูบคลำให้หนำใจแต่ตอนนี้
ทำได้เพียงวางมือแนบไปกับหัวไหล่แล้วช้อนสายตาขึ้นมองปราบอย่างเว้าวอน
“ปราบ มันอาจจะเร็วไปแต่ผมก็รักคุณไปแล้ว ขอให้ผมเป็นคนดูแลคุณได้อยู่เคียงข้างคุณจะได้ไหม ปราบผมรัก
คุณจริงๆนะ”
ความยุ่งยากใจมาเยือนปราบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าชนัยคิดอย่างไร ชนัยเองก็เป็นคนดีมี
น้ำใจคนหนึ่งเขาอาจจะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองคบหาถ้าไม่ได้ติดตรงที่ว่าปราบไม่เหลือจิตใจให้ใครแล้ว เขาสบตา
กับชนัยดันร่างนั้นให้ห่างออกจนได้ระยะส่วนตัวกลับคืนมาแล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ชนัย ผมขอโทษที่คงรับความหวังดีจากคุณไม่ได้ ทั้งที่คุณก็ดีกับผมมาก”
ชนัยชะงักเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู ความผิดหวังจู่โจมกะทันหันจนหน้าเสีย
“ทำไมล่ะปราบ ทำไม”
“ก็เพราะว่าผมมีคนรักแล้ว และก็คงจะรักใครไม่ได้อีกแล้วน่ะสิ”
ปราบมีคนรักแล้ว
ชนัยเดินกลับมาที่รถยนต์ของตัวเองได้อย่างไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อใจมันหล่นหายไปตั้งแต่ถูกปราบปฎิเสธ
อย่างไร้เยื่อใย มันยากที่จะเชื่อว่าปราบมีคนรักอยู่แล้วก็ตั้งแต่รู้จักกับปราบเขายังไม่เห็นปราบคบกับใครสักคน ชนัยเม้ม
ปากอย่างขัดใจก่อนจะใช้ท่อนแขนทุบลงไปบนพวงมาลัยรถ อยากเห็นหน้าใครคนนั้นที่ปราบบอกว่าเป็นคนรัก
เพื่อนฝูงในวงการนักสืบมีไม่น้อยเพราะต้องจ้างทำงานในคดีสามีภรรยาฟ้องหย่า ชนัยไม่รอช้าที่จะติดต่อเพื่อสืบ
ในสิ่งที่เขาอยากรู้ อยากรู้เหลือเกินว่าใครกันที่สามารถพิชิตใจผู้ชายอย่างปราบ ปริวัตรได้
“พี่ป้อง โทรศัพท์ดัง”
พลอย สรุตานักร้องสาวที่ผ่านการประกวดเวทีเดียวกับปมุตตะโกนบอกให้รู้ในขณะที่ปมุตกำลังซ้อมเต้นอยู่บน
เวทีอย่างเอาเป็นเอาตาย งานคอนเสิร์ตใหญ่ของค่ายที่รวบรวมศิลปินมาแสดงบนเวทีเกือบยกค่ายเป็นข้ออ้างที่ทำให้
ปมุตทุ่มเทแรงไปกับมันเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดทั้งหมด ปมุตหยุดการเต้นและเดินมาคว้าโทรศัพท์มารับสาย
“สวัสดีครับ ปมุตพูด”
“ถ้าพี่ใช้เบอร์เก่า ป้องก็คงไม่รับสายพี่ใช่ไหม”
เสียงที่ลอดออกมาจากอีกฝั่งทำให้ปมุตชะงักและเม้มปากแน่นเมื่อนั่นคือเสียงของปราบที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
เพื่อโทรมาหาเขา
“ว่าไงล่ะป้อง หลบหน้าพี่เดี่ยวทำไม”
ปราบพยายามหาทางพบหน้าปมุต แต่น้องชายของเขากลับยิ่งหลีกหนีถึงแม้ปราบรู้ว่าปมุตปลีกเวลาไปเยี่ยม
นายปัญญาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้งแต่เมื่อปราบไปก็ไร้ร่องรอยปมุต
“ผมไม่ได้หลบหน้าพี่ปราบ ช่วงนี้ใกล้ถึงงานคอนเสิร์ตแล้วพวกเราซ้อมกันหนักมาก”
ปมุตเลือกใช้สรรพนามที่ฟังดูห่างเหินถึงแม้จะรู้ว่าปราบคงไม่ชอบใจนัก และก็เป็นอย่างที่ปมุตคิดเมื่อได้ยิน
เสียงสบถลอดมาเบาๆ
“ผมยังไม่มีเวลาคุยกับพี่ ขอโทษนะครับต้องไปซ้อมแล้ว”
ปมุตวางสายและปิดเครื่องเสียเลยเพื่อจะไม่ให้ปราบติดต่อได้อีก เขาถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมา
อีกทีก็เห็นสรุตามองเขาตาแป๋ว
“พี่ป้องมีปัญหาหัวใจเหรอ”
สรุตาเดินมาใกล้พร้อมเบียดร่างกายอวบอิ่มจนแทบจะแนบชิดมือเรียวเคลือบเล็บสีสดลูบไล้ไปบนแขนของ
ปมุตอย่างยั่วยวน
“มีปัญหาก็ปรึกษาพลอยได้ พลอยน่ะเชี่ยวชาญทั้งเรื่องหัวใจแล้วก็เรื่องร่างกายด้วย เราไม่เจอกันนานพี่ป้องยัง
จำได้ไหม”
ก็หล่อนน่ะเคยหวังในตัวปมุตมานานแล้วถ้าไม่ติดว่าเมื่อตอนที่ยังอยู่ในช่วงเดินสายโปรโมทหลังการประกวดจบ
ลงจะไม่ถูกขัดขวางด้วยชาวีล่ะก็ ปมุตกับหล่อนคงได้ซ้อมเพลงกันบนเตียงเป็นแน่
“พลอย ทำอะไรน่ะมายุ่งกับป้องอีกแล้ว คนทำงานกันตั้งเยอะประเจิดประเจ้อ”
นั่นไง พูดถึงก็มาแล้ว สรุตาทำหน้าเหนื่อยหน่าย
“พี่วี เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำตัวเป็นหมาหวงก้างซะทีเนี่ย”
สรุตาต่อว่าพลางสะบัดหน้าเดินหนี ชาวีส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะหันมามองปมุตอย่างเป็นห่วง
“ซ้อมหนักไปแล้วนะป้อง ยังไม่เลิกคิดมากอีก”
ก็เพราะว่าปมุตไปอาศัยที่คอนโดมิเนียมของเขาอยู่หลายวันแล้ว ชาวีจึงรู้ดีว่ากิจวัตรช่วงนี้ของปมุตคือซ้อมเต้น
อย่างหนักและกลับไปสลบไสลอยู่บนโซฟาตัวยาว แม้ชาวีจะบอกให้เข้าไปนอนด้วยกันในห้องนอนปมุตก็ไม่ยอม ปมุต
ฝืนยิ้มให้เขาและเดินกลับไปบนเวทีที่ยังมีคนซ้อมเต้นกันอยู่ ชาวีมองตามอย่างนึกสงสาร
ถือโอกาสที่เดินมาขัดจังหวะสรุตากับปมุต ชาวีโทรศัพท์ไปหาโนเอลที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายวันตั้งแต่การซ้อม
เข้มข้นขึ้น เมื่อปลายทางรับโทรศัพท์ชาวีได้ยินเสียงโนเอลยังสั่งงานลูกน้องอยู่อีกยาวเหยียด
“ว่าไงวะ”
“คิดถึงจังครับที่รัก”
“จะอ้วก”
“ท้องหรือไง”
“ค—“
ชาวีหัวเราะร่วนอย่างถูกใจที่เจอคำด่าแบบชัดถ้อยชัดคำจากโนเอล ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง
“อยากให้เหมือนกันนะแต่ไม่มีเวลาเลย โนเอลไม่คิดถึงผมรึไง”
“เออ คิด”
โนเอลตอบเบาๆ เขาเองก็ยอมรับว่าคิดถึงชาวีมากเหมือนกัน แต่เขาก็รู้ว่าคอนเสิร์ตที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่วันข้าง
หน้าทำให้ศิลปินของค่ายเพลงต้องทำงานกันอย่างหนัก จะให้เขาทำตัวงอแงเหมือนเด็กน้อยก็คงจะไม่ได้
“คิดถึงเด็กปากหมาเหมือนกันว่ะ”
เสียงขัดเขินของโนเอลทำให้ชาวียิ้มแก้มปริ นับวันตาแก่ปากร้ายของเขาจะน่ารักขึ้นทุกที
“อีกไม่กี่วันเอง อดใจก่อนนะครับตาแก่ขี้บ่น เจอหน้ากันคราวหน้าผมจะจัดให้สามวันสามคืนเลย แต่ตอนนี้ไป
ซ้อมก่อนล่ะ อย่ากลับดึกนักนะผมเป็นห่วง”
ร่ำลาโนเอลแล้ววางหู กำลังยิ้มรื่นอยู่ดีๆเสียงกรีดร้องตะโกนโหวกเหวกก็ดังลั่นจากเวทีด้านหลังทำให้ชาวีตกใจ
“เฮ้ย ไอ้ป้องลื่นล้มบนเวทีโว้ย”
“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าหักโหม แล้วเป็นไงพลาดจนได้”
ชาวีต่อว่าเมื่อประคองไหล่ปมุตกลับมาถึงห้องพัก เขาพาปมุตมานั่งบนโซฟาแล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ดูสิผอมจนเหลือแต่กระดูก ข้อเท้าเคล็ดอีกต่างหากป้องนะป้อง”
ตลอดเวลาปมุตได้แต่นั่งหน้าจ๋อยเพราะรู้ว่าชาวีเป็นห่วงด้วยใจจริง เขาเองก็ไม่นึกว่าจะพลาดตอนซ้อมเต้นจน
กระทั่งเสียหลักล้มลง เดชะบุญที่เป็นแค่ข้อเท้าเคล็ดเล็กน้อยได้นวดยากคลายกล้ามเนื้อกับพันผ้าไว้ก็พอบรรเทาปวดลง
ได้
“โธ่ พี่วีก็อย่าบ่นนักเลย เมื่อก่อนก็ไม่บ่นขนาดนี้นี่ติดเชื้อใครมาอะ”
ชาวีทำตาโตก่อนจะหัวเราะออกมา
“นี่ป้องว่าพี่เป็นตาแก่ขี้บ่นเหรอ เดี๋ยวเหอะ ไปเลย ไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยววันนี้ไปนอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ อย่า
นะอย่าเถียง ยังไงวันนี้ป้องต้องปวดข้อเท้าและไข้ขึ้นแน่ๆ เดี๋ยวอาบน้ำแล้วพี่จะนวดข้อเท้าให้ป้องจะได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่
ต้องกลัวหรอกน่าพี่ไม่ปล้ำป้องหรอก พี่มีแฟนแล้วโว้ย”
โนเอลเดินผิวปากหวือออกจากลิฟท์ วันนี้เขาเพิ่งจัดการกับโปรเจ็คใหญ่แสนท้าทายได้สำเร็จ ก็งานที่เขาใช้
ชาวีเป็นนายแบบจำเป็นนั่นแหละ เขาอารมณ์ดีและคิดถึงชาวีจนอยากจะเห็นหน้าแม้จะรู้ว่าเวลาล่วงเลยมาจนดึกดื่นแล้ว
ก็ตามมันทำให้เขาขับรถมาจอดที่คอนโดมิเนียมของชาวีแทนที่จะกลับห้องพักตนเอง เขากะว่าจะทำให้ชาวีประหลาดใจ
ที่เห็นเขามาหากลางดึก
หยุดยืนหน้าห้อง ใช้กุญแจที่ชาวีให้ไว้ไขเบาๆ ชาวีผลักประตูให้เงียบที่สุด ดีที่ชาวีเปิดโคมไฟทิ้งไว้แม้จะเพียง
สลัวแต่ก็ทำให้โนเอลมองเห็นโดยไม่ต้องเปิดไฟเพิ่มอีก ชายหนุ่มถอดรองเท้าไว้ที่ตู้เก็บพลันสายตามองเห็นรองเท้าอีก
คู่ที่เป็นคนละเบอร์กับรองเท้าของชาวี
คิ้วสีทองขมวดลงทันที โนเอลรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เขาก้าวเท้าอย่างเบาที่สุดไปยังประตูห้องนอนที่
เพียงงับไป โนเอลผลักมันช้าๆ และชะงักงันเมื่อเห็นภาพบาดตา
ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสลัวของโคมไฟจากห้องโถงส่องผ่านแต่ภาพที่ชาวีหลับสนิทในขณะที่นอน
ตะแคงเข้าหาใครบางคนที่หลับสนิทไม่ต่างกันท่อนแขนของชาวีพาดผ่านไปยังลำตัวบอบบางราวกับจะมอบความอบอุ่น
ภาพนั้นมันทำให้โนเอลรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังถูกเข็มสักร้อยเล่มผลัดกันทิ่มตำ ร่างบอบบางในอ้อมกอดขยับกาย
เบาๆพลิกตัวนอนหงายยิ่งทำให้โนเอลมองเห็นใบหน้างดงามชัดเจน
ปมุต อนันตกุล!
หนุ่มน้อยที่ชาวีหลงรักก่อนหน้าที่จะมาพบกับเขา
โนเอลก้าวถอยหลัง เขาดึงประตูมาปิดในสภาพเดิมและออกไปยืนนิ่งอยู่นอกห้อง ยังไม่ลืมที่จะล็อกประตูคืนให้
ก่อนออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีเพียงความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่มันเปลี่ยนแปลง