เพลิงพ่าย
บทที่ 33
Stroke!
นั่นคือสิ่งที่นายแพทย์ประจำหอผู้ป่วยวิกฤติแจ้งการวินิจฉัยโรคของนายปัญญา
“เส้นเลือดในสมองแตกกระทันหันที่สมองซีกซ้าย อาจจะเพราะเจอกับเรื่องเครียดและผู้ป่วยมีภาวะไขมันใน
เลือดสูงอยู่แล้ว การรักษาที่ทำได้คือป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด คนไข้อาจจะต้องนอนรักษาตัวในไอซียูหลายวันจน
พ้นช่วงอันตราย แต่หลังจากนั้นผู้ป่วยก็ต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกพักใหญ่เพื่อฟื้นฟูร่างกายที่ต้องเกิดอัมพาตครึ่งซีกฝั่ง
ขวา”
ปมุตทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวยาวหน้าหอผู้ป่วยวิกฤติอย่างอ่อนระโหย ภาพบิดาถูกหามขึ้นเปลแล้วพาขึ้นรถโรง
พยาบาลยังติดตาเขาอยู่ และยิ่งเห็นนายปัญญาถูกใส่ท่อช่วยหายใจเข้าไปในปากร่างกายเต็มไปด้วยสายน้ำเกลือระโยง
ระยางปมุตก็ยิ่งใจเสีย แม้ว่าบิดาจะเคยทำร้ายจิตใจจนบอบช้ำด้วยการนำร่างกายของเขาไปแลกกับหนี้ราวกับขายลูก
กิน แต่ถึงอย่างไรพ่อก็ยังเป็นพ่อ
เปลือกตาปิดลงทันทีเมื่อเก้าอี้ตัวถัดไปขยับไหว ไหล่บางคุดคู้พิงไปกับผนังปูนเย็นเฉียบด้านหลัง ปมุตยังไม่
อยากเผชิญหน้ากับปราบในตอนนี้
“ป้องต้องฟังพี่”
“จำเป็นแค่ไหนครับ”
ปมุตปล่อยเสียงแหบโหยออกไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา มือเรียวข้างหนึ่งถูกคว้าไปสอดมือประสานทั้งที่เขาอยากจะ
ดึงมันออกจากสัมผัสแต่ปมุตก็หมดแรงจนต้องปล่อยให้ปราบกุมมือเขาไว้
“ป้องไม่อยากจะรู้หรือ ว่าทำไมพี่ต้องออกไปจากบ้าน”
ปราบเองก็อยู่ในภาวะหดหู่ไม่แพ้กัน เขาไม่นึกว่านายปัญญาจะมาเห็นเหตุการณ์และได้ยินเสียงจากโทรศัพท์
มือถือของเขาด้วยจนกระทั่งถึงกับเส้นเลือดในสมองแตก การที่ต้องเขาทนเห็นปมุตมองมาด้วยสายตาเจ็บช้ำเพราะความ
เข้าใจผิดมันทำให้ปราบเจ็บเกินกว่าจะคาดคิด
“ไม่สงสัยหรือว่าทำไมพี่ถึงได้ทำตัวเลวทรามในสายตาของป้องอย่างนี้”
ปมุตถอนหายใจยาว เขายังคงนิ่งใช้ศีรษะพิงไปกับผนังปูนด้านหลังในท่าเดิม แต่การที่ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธหรือ
คัดค้านออกมาทำให้ปราบรู้ว่าปมุตยอมที่จะฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“บ้านหลังที่เราอาศัยอยู่แท้ที่จริงแล้วเป็นของคุณตาพี่ คนที่เป็นเจ้าของกิจการบริษัททั้งหมดโดยที่มีแม่ของพี่
เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อเป็นพนักงานในบริษัทมาพบรักกับแม่จนกระทั่งแต่งงานกัน”
ประวัติชีวิตวัยเด็กดังมาจากผู้ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ปมุตจับน้ำเสียงที่เจือรอยเศร้าไว้ได้ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่
เคยได้พบตั้งแต่ได้รู้จักกับปราบ ปริวัตร
“พ่อทำตัวเป็นลูกเขยและสามีที่ดีจนกระทั่งคุณตาของพี่ตายไป หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มเที่ยวเตร่และแม่ของพี่ก็
อ่อนแอลง อยู่มาวันหนึ่งเมื่อแม่พี่ป่วยหนักพี่กลับพบว่าพ่อมีผู้หญิงคนอื่นซ่อนไว้ด้วยแถมยังมีลูกชายด้วยกันอีก”
ภาพผู้หญิงบอบบางที่มองมายังเขาด้วยความรักผุดขึ้นมาในความทรงจำจนกระบอกตาของปราบร้อนผ่าว เขา
ก้มหน้าลงใช้ปลายนิ้วบีบที่จมูกเบาๆเพราะความชื้นที่แล่นลงมาจนปวดโพรงจมูก
“พ่อพาผู้หญิงและลูกชายคนใหม่ของพ่อเข้ามาในบ้านของแม่ตั้งแต่วันเผาศพ ร่างของแม่ยังไหม้ไฟไม่หมด
ด้วยซ้ำพี่ก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้แม่ช้ำใจที่สุด”
น้ำตากลับไหลรินลงมาบนร่องแก้มของปมุตทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขานึกถึงวันแรกที่ได้ก้าวย่างเข้ามาสู่บ้านหลัง
ใหญ่แล้วต้องมาอยู่กับพี่เดี่ยวที่ปมุตรู้จักที่โรงเรียน มีแต่ความตื่นเต้นดีใจจนเด็กน้อยในวันนั้นลืมสังเกตใบหน้าที่มีแต่
ความเศร้าและความเกลียดชังยามเมื่อมองมายังสองแม่ลูกที่เขามาอาศัยอยู่
“แต่ถึงพี่จะเกลียดผู้หญิงคนใหม่ของพ่อเพียงไหน แต่พี่กลับเกลียดเด็กน้อยที่เป็นน้องชายคนละแม่ไม่ลงสักนิด
มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พี่ยังคงอยู่บ้านหลังนั้นได้อย่างมีความสุข ต่อมาผู้หญิงของพ่อเริ่มทีท่าทีแปลกๆกับพี่ แต่พี่ไม่ได้
คล้อยตามทำให้เรายิ่งบาดหมางกันจนกระทั่งวันหนึ่งที่พ่อมาเห็นว่าพี่และเขาอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมชวนเข้าใจผิด พ่อ
เลือกที่จะเชื่อเมียคนใหม่มากกว่าลูกชายที่เกิดจากเมียเก่าที่พ่อไม่ได้รักนั่นเป็นเยื่อใยสุดท้ายที่ขาดสะบั้นลง พี่เดินออก
จากบ้านของแม่ตั้งแต่กลางดึกคืนนั้น”
ภาพพี่ชายตัวโตถูกบิดาเงื้อมือตบจนร่วงลงไปกองกับพื้นมันน่ากลัวจนปมุตในร่างกลมป้อมร้องไห้จ้าด้วยความ
ตกใจเกิดขึ้นในจินตนาการของปมุต ตอนนั้นรัศมีคว้าตัวเขาไปอุ้มและรีบพาเดินหนีจากห้องนอนของเขาและตั้งแต่บัดนั้น
ปมุตก็ไม่เคยเห็นใบหน้าของพี่ชายที่สอนให้เขารู้จักคำว่ารักอีกเลย
“พี่เร่ร่อนอยู่ริมถนน ต้องคอยหลบพวกเจ้าถิ่นที่จะมาทำร้ายและหากินด้วยการลักโขมยจนกระทั่งมีคนใจดีรับพี่
ไปเป็นลูกบุญธรรม พี่คงจะไม่ได้สนใจอะไรอีกเพราะถือว่าพี่เลือกที่จะไปแต่ที่พี่ต้องกลับมาเพราะรู้ว่าพ่อกำลังผลาญ
สมบัติที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของตาไปกับการพนัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราสองคนถึงได้พบกันในสภาพเช่นนี้”
น้ำเสียงสั่นเครือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อปราบเล่าถึงตรงนี้ ปมุตใจหายเมื่อรับรู้ถึงความปวดร้าวของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
หากเป็นเขา ปมุตจะเลือกทำอย่างไรกับเรื่องทั้งหมด
“ส่วนเรื่องที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้เพราะว่าเมียของพ่อเข้ามายั่วยวนจนพี่โมโห ก็เลยเปิดคลิปที่เขาซื้อบริการ
จากเด็กในผับให้เขาดู แต่พี่ไม่นึกว่าพ่อจะอยู่แถวนั้นจนได้ยินไปด้วย”
ปมุตสะอื้นออกมาในที่สุด ปราบวางมือพาดไปกับบ่าและดึงให้ปมุตแนบชิดอยู่กับเขา เนิ่นนานกว่าที่หนุ่มน้อยจะ
หยุดร้องไห้ลงได้ ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนแล้วมองผ่านกระจกใสไปยังร่างของบิดาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ปราบลุกตามมาหยุด
ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลัง
แม้น้ำตาจะหยุดไหลลงแล้วแต่ความรู้สึกสับสนยังไม่หยุด ปมุตกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดก่อนจะตัดสินใจเอ่ย
ออกมา
“เราควรจะหยุดเรื่องของเรา”
ไหล่บางถูกกระชากให้หันกลับมาเผชิญหน้า สายตากร้าวก้มลงมามองเขาพร้อมกับแรงบีบที่หัวไหล่
“ไม่มีทาง ป้องก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้”
ปมุตเงยหน้าประสานสายตา เขาดึงมือของปราบออกจากไหล่แล้วตอบโต้ด้วยเสียงแหบโหย
“แล้วพี่เดี่ยวคิดว่าป้องจะมองหน้าพี่เดี่ยวจะมีเซ็กส์กับพี่เดี่ยวด้วยความรู้สึกยังไง เอากันไปพร้อมกับนึกรังเกียจ
ตัวเองไปด้วยที่เกิดมาพร้อมกับการทำลายความสุขของคนอื่นงั้นหรือ”
ปราบกัดกรามกรอดเมื่อได้ยินคำพูดจากปมุต
“พี่ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเพื่อให้ป้องรู้สึกผิดแทนพ่อและแม่ของป้องนะ พี่แค่ไม่ต้องการให้ป้องเข้าใจพี่
ผิด”
รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้างดงาม มันทำให้หัวใจของปราบหดเล็กและพร้อมจะพังทลายลงในพริบตา
“ไม่ทันแล้วครับพี่เดี่ยวเพราะตอนนี้ป้องกำลังรู้สึกแบบนั้นจริงๆ และคิดว่าเราสองคนคงไม่เหมาะที่จะสาน
สัมพันธ์กันต่อไป เราควรจะ…”
ปมุตกลืนก้อนสะอื้นลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเข้าหา น้ำตาที่แห้งเหือดกลับรื้นอยู่เต็มหน่วยตาอีกครั้ง
“เราควรจะห่างกันสักพัก”
“ไม่”
ปราบปฏิเสธเสียงแข็ง เขามองใบหน้าหวานของปมุตอย่างไม่เข้าใจ
“เราสองคนรักกัน พี่รักป้อง ป้องรักพี่ ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องห่างกัน”
ปมุตเบือนหน้าหนี สีหน้าเจ็บปวดของปราบยิ่งทำให้เขาเกลียดตัวเองจับใจ
“ความจริงกับจินตนาการบางครั้งก็เป็นคนละเรื่อง เราไม่สามารถจบเรื่องในความเป็นจริงได้ตรงกับที่เราต้องการ
หรอกครับพี่เดี่ยว”
“ป้อง พ่อเป็นไงบ้าง”
รัศมีผวาเข้ามาหาเมื่อปมุตกลับไปถึงบ้านเพียงลำพังในขณะที่ปราบต้องติดต่อเรื่องค่าใช้จ่ายรวมถึงการติดต่อ
หาพยาบาลพิเศษเพื่อดูแลนายปัญญา ปมุตมองหน้าราวกับเป็นคนไม่เคยรู้จักกัน
“แม่เป็นห่วงพ่อมากนะป้อง อยู่ๆก็ล้มตึงลงไปแบบนั้น นี่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีไงบ้าง เป็นห่วงจนไม่กล้าไปโรง
พยาบาลด้วยเลย กลัวจะทำใจไม่ได้”
ปมุตแค่นยิ้ม เขาไม่นึกว่าวันนี้เขาจะได้รู้จักมารดาตนเองในอีกด้านหนึ่ง
“ถ้าแม่เป็นห่วงพ่อจริงก็คงไม่ทำอะไรที่ทำให้พ่อต้องเครียดหรอก จริงไหมครับแม่”
รัศมีเอะใจเมื่อบุตรชายใช้น้ำเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน หล่อนเท้าเอวขมวดคิ้วมองหน้าปมุต
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไงป้อง นี่แกหาว่าไอ้ที่ตาแก่พ่อแกเป็นแบบนี้เป็นเพราะฉันทำพ่อแกเครียดงั้นหรือ”
“ก็แล้วแต่แม่จะคิด”
ปมุตเดินหนีขึ้นห้องตัวเองแล้วคว้ากระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมา เสื้อผ้าไม่กี่ชุดถูกยัดลงไปอย่างรวดเร็วและอีก
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินกลับลงมาชั้นล่างผ่านหน้ามารดาที่ยังนั่งฮึดฮัดอยู่ที่ห้องรับแขก
“ไอ้ป้อง แกจะไปไหน”
รัศมีเดินลิ่วๆมาคว้าแขนลูกชายไว้แล้วตวาดลั่นเมื่อเห็นปมุตลากกระเป๋าลงมาด้วย
“นี่พ่อแกก็ไม่สบายอยู่ ลูกชายอย่างแกยังคิดจะทิ้งแม่อย่างฉันไปไหน”
ปมุตดึงมือแม่ออกจากแขน
“ป้องไม่ได้ทิ้งแม่แค่ขอเวลาไปสงบสติหน่อย ตอนนี้ป้องทำใจที่จะอยู่บ้านเดียวกับคนที่แย่งของรักของคนอื่น
มาไม่ได้จริงๆ”
รัศมีอ้าปากค้างเมื่อรู้สึกราวกับถูกลูกชายแท้ๆด่าเข้าตรงๆ กว่าจะรู้สึกตัวและส่งเสียงกรีดร้องออกมาได้ ปมุตก็
เดินลิ่วๆไปถึงรถยนต์ของเขาแล้วขับออกไปจากบ้านแล้ว
“ไฮ ที่รักไม่เจอหน้ากันสิบกว่าชั่วโมงคิดถึงจังเลย”
“มุขนี้ใช้ตั้งแต่ฉันอายุสิบสามที่เริ่มไปจีบยัยนาตาลีห้องข้างๆ”
โนเอลยิ้มเยาะในขณะที่ยังมุ่งความสนใจอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชาวียู่หน้าใส่ก่อนจะดึงแขนของโนเอลให้ลุก
ห่างจากโต๊ะทำงาน
“เฮ้อ แฟนมาหาที่ออฟฟิศทั้งทีอย่ามัวแต่สนใจงานสิครับ นี่มีเวลานิดเดียวแต่เพราะทนคิดถึงไม่ไหวเลยต้อง
แวบมาหานะรู้ไว้บ้าง”
หน้างอง้ำของชาวีทำให้โนเอลหัวเราะออกมา เขาดึงหน้าของชาวีเข้ามาจูบยั่วเย้า ชาวีถึงกับหน้ามืดเมื่อเจอ
ฤทธิ์จากปลายลิ้นของโนเอล
“คุณแม่งจูบเก่งเป็นบ้าเลยว่ะ เล่นเอาของผมตั้งโด่เลย นับถือจริงๆ”
“ไม่ใช่มันตั้งโด่ตั้งแต่เข้ามาแล้วเหรอ”
โนเอลยักคิ้วให้เลยถูกชาวีรวบตัวไปกอดแล้วฝังหน้าลงกับซอกคอพลางเม้มปากลงไปจนโนเอลต้องสูดลมลึก
“งานยังไม่เสร็จนะ รู้ไหมว่าที่อิตาลีเขาสนใจรูปที่นายถ่ายแบบให้มากเลย อะฮื้อ อย่าบีบสิวะ”
โนเอลร้องลั่นเมื่อกล่องดวงใจถูกบีบเบาๆ เขาถูกลากให้มานั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเล็กตรงกันข้ามกับเก้าอี้ทำงาน
ของเขา
“ช่างแม่งเหอะ ผมมาได้แป๊บเดียวแล้วต้องไปทำงานต่อนะ ขอเวลาให้ผมสักนิดห้ามพูดเรื่องงาน”
ชาวีทรุดตัวนั่งกับพื้น เขาจับเข่าของโนเอลแยกออกแล้วแทรกตัวไปนั่งตรงกลางขา มือปลดซิปกางเกงของ
โนเอลออกพลางแตะลิ้นทักทายอยู่ตรงนั้นจนเจ้าของมันครางฮือ ชาวีฉวยโอกาสลากปลายลิ้นโลมเลียตั้งแต่โคนจนถึง
ปลายหยักที่เริ่มปริ่มน้ำ
“อือ เมื่อไหร่จะเลิกหื่นวะ เมื่อคืนก็ตั้งหลายรอบกูยังเจ็บตูดอยู่เลยนะ”
โนเอลบ่นพึมพำในขณะที่เด้งเอวเข้าหาเมื่อแท่งเอ็นร้อนถูกกลืนกินเข้าไปจนหมด ดูดดุนอยู่พักใหญ่จนกระทั่ง
ดึงกางเกงของโนเอลร่นมาอยู่ที่ต้นขาเขาลุกยืนพลางปลดกางเกงตนเองออกบ้างแท่งเนื้อใหญ่ดีดผึงออกมา ชาวีจับ
โนเอลแยกขากว้างพลางดันเอวเข้าไปที่เดียวครึ่งด้าม
“ฟัค เบาสิวะ ยัดเข้ามาได้”
โนเอลด่าลั่นแต่ชาวีก็ยังหัวเราะได้ เขาดันอีกทีจนมิดลำเรียกเสียงครางดังลั่นก่อนที่เขาจะโชว์สเต็ปจนกระทั่ง
พาโนเอลสุขสม เขาดึงหน้าของโนเอลมาจูบหนักๆอีกครั้ง
“โนเอล คุณทำเสน่ห์น้ำมันพรายใส่ผมแน่ๆ นี่ลืมตาก็เห็นหน้าคุณ หลับตาก็ยังเห็นอีก”
โนเอลคล้องแขนไปรอบคอชาวีแล้วยักคิ้วให้
“บ้านผมไม่มีหรอกโว้ยน้ำมันพรายน่ะ จะมีก็แต่ลีลามัดใจให้ดิ้นไม่หลุด”
ชาวีพยักหน้าพลางยิ้มหื่น
“จริงด้วย ลีลาคุณมันเร้าใจฝุดๆ งั้นผมขอจัดเล็กๆอีกสักยกก่อนกลับนะ”
“เลิกงานหรือยัง”
ชาวีถามผ่านโทรศัพท์อย่างเป็นห่วงเมื่อเขากลับถึงคอนโดมิเนียมตอนดึกหลังจากที่เพิ่งจะทำงานเสร็จ เขาเดิน
คุยไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี
“กินข้าวด้วยนะ คิดถึงมาก แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆจะพาไปดินเนอร์ คร้าบ ฝันดีครับที่รัก อ้าว ป้อง”
ชาวีแปลกใจเมื่อเห็นปมุตนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ใต้คอนโดมิเนียม เขาเดินเข้าไปหาและมองปมุต
อย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าที่เคยสดใสกลับเศร้าสร้อย ดวงตาเรียวแดงช้ำเห่อบวมไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมร้องไห้หนักขนาดนี้”
ชาวีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวติดกันพลางวางมือบนศีรษะของปมุตเพื่อปลอบโยน ปมุตช้อนสายตามาชาวีอย่าง
วิงวอน
“พี่วี ผมขอมาอาศัยอยู่กับพี่สักพักนะ ผมไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ”
TBC