{CH 50 ตลอดไปหรือเปล่า?}
เวลาตี 4.30 น ปังปังถูกปลุกขึ้นมาด้วยสะภาพอิดโรยเนื่องจากถูกร่างสูงที่คุ้นเคยทำโทษซะแทบแย่ แต่ด้วยความพยายามที่จะอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้น จึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีเดินไปเข้าห้องน้ำที่อุทยานจัดไว้ให้โดยมีเสือใหญ่ตามมาเบื้องหลังอย่างสดชื่น จนคนเดินกระเผกอดหมั่นไส้ไม่ได้ต้องหันกลับไปค้อนขวับใหญ่ และเดินต่อไปด้วยอารมณ์กรุ่นๆ ถ้าไม่ติดว่าอยากดูพระอาทิตย์ ปังจะให้พี่ใหญ่ดูแลทั้งวันถึงเวเลากลับจะให้อุ้มขึ้นรถให้หลังหักเลย คนบ้าอะไรไม่รู้ไม่รู้จักประมานกำลังตัวเองเลย เจ้าปังได้แต่งึมงำในใจ เพราะทำอะไรไม่ได้
“หึหึ งอแงหรือไง” พี่ใหญ่ถามขึ้นเมื่อปังกวักน้ำลูบหน้าอย่างไม่พอใจ เนื่องจากเพราะเจ็บจึงทำอะไรไม่สะอวก ปังไม่ตอบหันหน้าหนีหยิบเอาแปรงสีฟันขึ้นมาบีบยาและแปรงทันที
“เหยื่ออยู่ตรงหน้าจะไม่ให้ขยำได้ยังไง”
เพี๊ยะ! มือหนาของปังปังตบเข้าที่อกพี่ใหญ่ทันที ตาใสมองอย่างไม่พอใจและหันไปอีกข้างแปรงฟันต่อ เป็นท่าทีที่พี่ใหญ่เองก็ยังไม่เคยเห็นความหงุดหงิดง๊องแง๊งน่ารักแบบนี้ของภรรยาตัวเองเหมือนกัน จนเขาอดเอ็นดูก้มลงไปกระซิบบอกรักบนไรผมนิ่มสีน้ำตาลตรงหน้าไม่ได้ คนโดนบอกรักถึงกับตัวแข็งหน้าแดงซ่าน แต่ก็ไม่ยอมหันไปสบตาด้วยอีก เพราะยังงอนอยู่ พี่ใหญ่เองก็ยังอยากเห็นท่าทางแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ จึงไม่ได้ง้อหยิบเอาแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงอยู่ข้างกายเจ้าปังเงียบๆ
“อ้าวตื่นกันแล้วเหรอครับ” ปังหันไปมองหน้าประตูห้องน้ำที่ตอนนี้ฟรังก์ดิวสิน เพื่อนใหม่เดินเข้ามาในห้องน้ำส่วนรวม แต่กลับรีบหลบสายตาของดิวที่มองมาเพราะยังมีความกระด่างเขินอาย
“เดี๋ยวจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันน่ะ มึงก็เลิกมองเมียกูได้แล้ว” พี่ใหญ่ซัดป๊าบเข้าที่ท้ายทอยของดิวอย่างจัง ก่อนที่ฟรังก์และสินจะหัวเราะขึ้น และไม่คิดจะเข้าไปดูอาการเพื่อนที่กุมท้ายทอยอยู่เพราะที่ใหญ่ลงมือเมื่อกี้มันแรงไม่ใช่น้อย
“เป็นอะไรไหมดิว” ปังปังถามขึ้นหลังจากบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว ดิวเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะยิ้มให้โบกมือเป็นสัญญาณว่าสบายมาก
“ผมก็ว่าจะไปดูพระอาทิตย์กันนะพี่ ไปด้วยได้ปะ”สินเย้าเล่นเพราะรู้ดีว่าพี่ใหญ่ขี้หึง และต้องการความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน
“จะไปก็ไปแต่ห้ามให้กูเจอหน้า” ทั้งสามหัวเราะออกมาไม่ได้จริงจังอะไรนัก ก่อนที่ปังปังจะถูกพี่ใหญ่ลากออกมาจากห้องน้ำ
เสียงฟันกระทบกันเพราะอากาศที่หนาวเย็นของเช้ามืดทำให้ปังห่อกายอยู่ในเสื้อโค้ดตัวหนา กับกางเกงยาขาว ค่อยๆ เดินไปตามทางที่ทางอุทยานจัดไว้ให้เพื่อไปยังจุดชมวิวใกล้ๆ โดยมีพี่ใหญ่เดินนำอยู่ด้านหน้า อาการเจ็บของปังปังค่อยทุเราลงเพราะอากาศที่หนาวทำให้ปังปังลืมไปได้บ้าง
“หนาวมากไหม” ร่างสูงหันมาถามขณะที่เดินไปได้ครึ่งทาง มีนักท่องเที่ยว บางกลุ่มเดินตามมาด้านหลังเหมือนกันแต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะดูเหมือนเด็กที่เดินตามหลังเค้าอยู่ยังงอแงไม่เลิก อาการดื้อเงียบๆของปังปังเริ่มออกฤทธิ์อีกแล้ว
“…”
ปังส่ายหน้าไปมาเดินนำพี่ใหญ่ขึ้นไปทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ร่างสูงเหยียดยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินตามไปเงียบๆ บางทีการปล่อยให้เจ้าปังงอนก็เป็นความสุขของเขาเหมือนกันนะ เหมือนเจอลูกหมูพิโรษ ดูน่ารักไม่โวยวายให้แสบแก้วหูดี แต่น่าปวดหัวตรงต้องคอยจับระดับความงอนเองนี้แหละ
พอถึงจุดชมวิว บรรยากาศรอบข้างยังมืดสนิทอยู่ในเวลา ตี 5 ปังมองเห็นผาด้านหน้าจนทำให้ใจวิว เพราะไม่มีรั้วกั้นเลยไม่กล้าที่จะเดินไปใกล้เพราะมืดเจ้าตัวมองไม่ถนัด ตาหวานมองไปรอบๆเพ่งมองเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่ 2-3 กลุ่ม ทำให้เขาอุ่นใจได้บ้างอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน
“ฟู่ๆ นะ หนาว” ความหนาวนั้นทำให้ปังยกมือขึ้นเบามือที่เย็นเจี๊ยบของตัวเองแลละเอามาแนบแก้ม ก่อนจะค่อยๆนั่งลงที่สนามหญ้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำค้าง
ก่อนที่จะรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจเมื่อผ้าห่มผืนใหญ่ที่ปังไม่ทันสังเกตว่าพี่ใหญ่หยิบติดมือมาด้วยจะห่มให้ตนเองพร้อมกับร่างที่คุ้นเคยนั่งลงข้างๆในผ้าห่มผืนเดียวกัน มือหนาจับเข้าที่มือทั้งสองข้างมอบความอบอุ่นให้ และแขนอีกข้างก็โอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้ เป็นความอบอุ่นที่มีมากกว่าผ้าห่มผืนไหนในโลก
“หายงอนได้แล้วครับ”
“เชอะ” ปังสบถในลำคอ แต่ก็ยอมนั่งพิงไหล่หนาให้พี่ใหญ่กระชับกอดเข้าไปแน่น
“หลังจากกลับไป ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ” เสียงเข้มบอกอย่างอ่อนโยนหอมเบาๆที่ข้ามแก้มเย็นชื้นอย่างชื่นใจ พี่ใหญ่เป็นคนที่จริงจังกับความรักและพร้อมจะมอบความรักให้คนที่เขารักอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะแลกกับอะไรเขาไม่แคร์ ถึงแม้คนทั้งโลกจะทอดทิ้งเขาก็ตาม
“ทำไมละครับ” เสียงหวานถามขึ้นตาใสเงยขึ้นมามองเขา รอยยิ้มที่มุมปากของพี่ใหญ่ทำให้เจ้าปังเบาใจเพราะอย่างน้อยก็คงไม่ใช่เรื่องไม่ดี
“รอดูนะครับ” ปังไม่ได้ถามอะไรต่ออีกซุกกายอยู่แบบนั้นความมโกรธเมื่อครู่มลายหายไปแล้วในสายลมหนาวที่พัดโบก พักสายตาไปชั่วครู่เดียวก็หลับคาอกหนาไปจริงๆ
พี่ใหญ่สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเด็กอ้วนของเขาที่ซุกอกหลับไปอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ ตาคมไล่พิจารณา ใบหน้ารูปไข่กลมนิดๆ จมูกโด่ง ปากอวบอิ่มสีอ่อน แก้มยุ้ยน่ารัก ผิวขาวเหลืองเนียนใส แตกต่างจากที่เจอกันตอนแรกเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ผอมเพรียวเสียทีเดียว แต่กลับอวบน่ารักและความพยายามเกือบ 2 ปีของปังปังทำให้ลกน้ำหนักได้ถึง 20 โล เหลือเพียง 70 โลต้นๆเท่านั้น และถ้าหากบวกลบคูณหารกับส่วนสูง 170 กว่าแล้วเหลืออีกไม่นานเด็กน้อยของเขาจะต้องผอมเพรียวแน่ๆ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่เขาแทบจะรับไม่ได้ ไม่ใช่อะไร คนขี้หึงพร้อมที่จะเห็นแก่ตัวได้ทุกอย่างของแค่ปังปังมีสเน่ห์ในสายตาเขาเพียงคนเดียว ในเรื่องของการเรียน ปังเองก็ผลการเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเริ่มที่จะปรับตัวกับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดจนต้องพยายามมากกว่าคนอื่นๆ และทำให้กลายเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งในภาควิชา นั้นก็ทำให้ใหญ่พลอยดีใจไปด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ รู้ตัวไหมว่าทำให้ใครอีกคนเหมือนคนบ้าตลอดเวลาน่ะ” เสียงเข้มพึมพำก่อนจะกระชับกอดร่างอุ่นเอาไว้มองไปที่ท้องฟ้าที่เริ่มสว่างขึ้นมาที่ละนิด
พระอาทิตย์เริ่มทอแสงขึ้นมาจากปลายขอบฟ้าในเวลาต่อมา ตาคมจ้องมองมันนิ่งก่อนจะก้มลงมองเจ้าปังที่ยังหลับสนิทอยู่ด้วยน่าตาที่แสนบริสุทธิ์ยามหลับนั้นทำให้เขาไม่อยากที่จะปลุก แต่ถ้าหากไม่ปลุกอาการงอแงอาจจะกลับมาและโหดกว่าเมื่อเช้ามืดก็เป็นได้ แต่ก่อนจะปลุกมือหนาหยิบเอากล้องถ่ายรูปที่ติดมาด้วย ถ่ายไปที่หน้าตายามหลับของเจ้าหมูด้วยความหมั่นเขี้ยว
ก่อนที่ปังจะตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียเมื่อเสือร้ายจอมเจ้าเล่ห์งับแก้มป่องจนรู้สึกเจ็บ ตากลมลุกวาวเมื่อเห็นพระอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาช้าๆ แสงสว่างค่อยๆขึ้นแก้มใสที่มีรอยเขี้ยวยิ้มจนแทบปริ ก่อนที่จะหันมาจ้องมองอย่างเต็มตาในขณะที่ตัวเองเข้าไปอยู่ระหว่างขาของพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว แรงกอดรัดจากด้านหลังและคางมนที่วางอยู่บนไหล่ของปังปัง ทำเป็นเวลาที่แสนพิเศษจนอยากจะร้องไห้กับความสุขที่กระอักออกมาแทบจะล้นใจ
“ปังมีความสุขจังฮะ” เสียงแหบพร่านของเจ้าปังพูดขึ้นก่อนจะหันมาหอมแก้มสากของคนตัวใหญ่ ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนจะนั่งซึมซับธรรมชาติ คุยกันอีกในสารพัดเรื่องจนเวลาล่วงเลยมาสักพักใหญ่ และถึงแม้จะเป็นในช่วงสายแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นสบายอยู่ดี
“หิวหรือยัง?” เจ้าปังที่กำลังนั่งยองๆ ถ่ายรูปดอกไม้เล็กๆจิ้มลิ่มสีชมพูผสมสีม่วงอ่อนๆ เงยหน้าขึ้นมองพี่ใหญ่ยิ้มให้และพยักหน้าจนผมสะบัด
“หึ งั้นลงไปกินด้านล่างเขากันดีไหม และค่อยไปตลาดน้ำ จากนั้นก็เดินทางกลับ กว่าจะถึงคงสัก 2-3 ทุ่ม”
“ปังยังไม่อยากกลับเลย” ปังปังบ่นหงุงหงิงแต่ก็ยอมเดินตามพี่ใหญ่ลงมาจากจุดชมวิว โดยที่พี่ใหญ่รับปากว่าจะพามาเที่ยวอีกและคราวหลังจะใช่เวลาอยู่ที่นี้นานกว่านี้ นอกจากอากาศที่ปังปังจะรักแล้ว ปังยังรักความสงบสุขของที่นี้และเหตุผลที่รักที่นี้มากขนาดนี้คงเพราะมีพี่ใหญ่เป็นคนพามาเป็นแน่
ปังปังรับขนมปังกับนมมากินรองท้องก่อนจะช่วยพี่ใหญ่เก็บเต้นท์อย่างว่าง่ายถึงแม้ในใจจะเสียดายแต่ในวันพรุ่งนี้ตัวเองก็มีเรียนตัวสำคัญเหมือนกัน ขาดไม่ได้เพราะใกล้จะไฟนอลแล้ว และปลอบใจตัวเองว่ามีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงที่จะอยู่กับพี่ใหญ่ และเมื่อกลับไปแล้วปังคงต้องกลับไปอยู่บ้านของพี่ชายจนกว่าพี่ใหญ่จะพร้อมมารับไปอยู่ด้วยเหมือนวันวาน เขาแสนจะคิดถึงหอพักเล็กๆ ที่มีแค่เราสองคน …
“พี่ใหญ่ทำงานแล้วจะอยู่ที่หอพักเดิมไหมครับ” ปังถามขึ้นในขณะที่ช่วยขนเต้นท์ไปท้ายรถยนต์ โชคดีที่เต้นท์เมื่อพับแล้วมีขนาดเล็กและสามารถบรรจุของได้อีกเยอะ
“ก็อยู่ที่เดิมละ ทำไมละ ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง?”
“ผมกลัวต่างหาก” ปังก้มหน้าบ่นงุบงิบแต่ไม่วายที่เสือร้ายจะได้ยิน
“หึ ถ้ากลัวต่อจากนี้ก็อย่าไปไหนอีก เข้าใจไหม ?” มือใหญ่ลูบเบาๆที่หัวทุยอย่างถือสนิท จนเจ้าปังรู้สึกผิดแต่ไม่ได้พูดอะไรตอเพราะไม่อยากลื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ตาละห้อยมองตามแผ่นหลังหนาที่เดินกลับไปเก็บของอีกนิดหน่อยที่เต้นท์
“พี่ใหญ่”
ร่างอวบเดินมาประชิดพี่หญ่ที่นั่งยองๆเก็บของใส่กระเป๋าอเนกประสงค์อยู่ เมื่อเสือร้ายหันมาตามเสียงหงอยๆเมื่อหันไปก็ประจวบเหมาะกับสัมผัสชื้นหวานที่มอบประทับริมฝีปากเขาอย่างเบาบาง เพียงเสี้ยงวินาทีแขนแกร่งก็วาดโอบรัดสุดที่รักเข้ามาไว้ในอ้อมอก ทั้งคู่กอดรัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่รอบข้างไม่มีผู้คนอยู่สักคนเดียว เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ
“เริ่มก่อนเลยนะ อยากเจ็บตัว ?” ลิ้นหนาเลียเบาๆมุมปากฉ่ำก่อนที่ตากลมจะหลบผลุบลงพื้นแก้งแดงระรื้นบ่นงุบงิบออกมา
เบาๆ
“ผมแค่อยากขอโทษทุกเรื่องเลย”
“หึหึ เราผิดด้วยกันทั้งคู่นะครับ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เอาเป็นว่าต่อจากนี้ มีอะไรเราต้องคุยกัน ห้ามปิดบังและห้ามไปไหนอีก เข้าใจไหม ? แล้วลืมเรื่องพี่นอกใจเราได้เลย เพราะถ้าเป็นคนที่พี่รักแล้ว กินน้อยกินมาก พี่ก็อิ่ม” สิ้นเสียงกระซิบสองแง่สองง้าม ริมฝีปากชื้นของพี่ใหญ่ก็มอบความหวานให้อีกคำใหญ่ๆ ทั้งคู่พลอตรักกันสักครู่ใหญ่ท้องของเจ้าปังก็ดังขึ้นทำให้พี่ใหญ่ต้องรีบพาปังปังเก็บของต่อจนเสร็จ
“จะกลับกันแล้วเหรอคะ”
โอปอล์ที่เดินมากับกลุ่มเพื่อนพูดทักทายหลังจากกลับมาจากการชมวิวบนยอดเขามา ปังที่กำลังขนของชิ้นสุดท้ายเสร็จก็หันมายิ้มหวานให้อย่างไม่มีอะไรในใจ เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ไว้ลายลุคเสือร้ายเท่าไหร่นัก จนหลิวต้องหันไปกระซิบถามแฟนหนุ่มเบาๆอย่างแปลกใจ
“ครับ ยังไงขอบคุณมากนะครับ แล้วขอโทษด้วยถ้าหากผมและพี่ใหญ่ทำอะไรไม่ดีไป”
“โอ้ย พวกเราต่างหากที่ต้องขอโทษ ใช่ไหมละ ยัยปอไอ้ดิว”
สินแกล้งหยอกก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ปังไม่คิดจะโกรธอะไรอีกแล้วเพราะต่างคนต่างไม่รู้อีกอย่างพี่ใหญ่ก็เป็นคนหล่อ ไม่แปลกที่จะมีสาวๆมีรุมล้อม แต่ถ้าต่อจากนี้มีรุมล้อมอีกอย่าคิดว่าเจ้าหมูจะยอมนะ ไขมันยังพอมีล้มทับให้แบนเลย ปังปังคิดไปเรื่อยๆและขำออกมาคนเดียว
เพื่อนใหม่ต่างบอกลากัน ก่อนที่พี่ใหญ่จะดันศอกให้เจ้าอ้วนขึ้นรถได้แล้วก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ ปังเองก็ขึ้นโดยไม่ดื้อดึงอะไร โบกไม้โบกมือให้เพื่อนกลุ่มใหม่ไม่ลืมที่จะให้เบอร์พี่ใหญ่เอาไว้เผื่อวันไหนทั้งหมดลงไปกรุงเทพก็จะได้มาหาพวกเขา ในตอนแรกปังจะให้เบอร์ตัวเองแต่เจอพี่ใหญ่สกัดดาวรุ่งซะก่อน
“ปังไปก่อนน้า”
เสียงโห่ร้องไล่หลังตามหลังรถยนต์คันที่คุ้นเคย ในเวลา 9 โมงกว่าๆ พี่ใหญ่มองเสี้ยวหน้าของภรรยาและเกิดเอ็ดดู ซึ่งเขารู้ดีว่าตัวเองหลงเจ้าอ้วนข้างๆมากแค่ไหน พอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา มันก็ทำให้เขารู้ว่าเขาเลือกคนไม่ผิด เหมือนจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของคนที่ไม่มีอะไร ผิดหวังกับสิ่งที่เรียกว่าความรัก เริ่มต้นจากความฉาบฉวยจนก่อเกิดเป็นความรักที่แตกต่างออกไปจากที่เขาเคยสัมผัส แน่นอน ปังปังเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของเขา และก็จะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน
“กินอะไรดี?” ขณะที่ลงจากเขามาแล้วพี่ใหญ่พาขับกลับทางเดิมแต่ในระหว่างทางกลับก็คงต้องผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย รวมไปถึงตลาดน้ำจุดมุ่งหมายแรกที่อยากพาปังปังไปดู ว่าวิถีชีวิตชนบทกับในเมืองแตกต่างราวกับคนละโลกเพียงไหน
“ปังอยากกินอะไรร้อนๆ ปังหนาว” พอเห็นคนรักพูดแบบนั้นก็นึกอยากแกล้งเอื้อมมือไปเร่งแอร์อีกจนได้ เจ้าตัวที่ซุกอยู่ในผ้าห่มมองค้อนตาโต และเอื้อมมือไปปิดแอร์ เป็นท่าทางที่ดูน่ารักสำหรับเขามาก หึ เห็นแบบนี้แล้วพี่ใหญ่ก็อยากแกล้งให้มากกว่านี้ชะมัด
เพียงไม่นานพี่ใหญ่ก็พาเจ้าปังมายังตลาดน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากตัวอุทยานมากนัก ท้องของปังปังร้อนจ๊อกๆเลยต้องรีบพาไปหาร้านนั่งกินกันก่อน รอบนี้ก็ยังเป็นขักโตกอาหารพื้นบ้านของชาวเหนือในร้านติดริมแม่น้ำบรรยากาศดีจนปังอยากที่จะอยู่ที่นี้ตลอดไป น้ำซุบร้อนๆคล่องคอทำให้รู้สึกชุ่มช่ำมากเป็นพิเศษ เมื่อกินอาหารเช้ากันเสร็จในราคาที่ไม่แพงมากนัก ทั้งคู่ก็พากันเดินตลาดเลือกซื้อของกินของใช้อย่างสนุกสนานในบรรยากาศบ้านๆธรรมชาติสายน้ำ ต้นไม้และผู้คนชาวเหนือที่ใส่เสื้อผ้าประจำภาคด้วยสีสันที่สดใสและสะอาดบริสุทธิ์
“พี่ฮะ” เสียงเล็กๆพร้อมแรงกระตุกเบาๆที่เสื้อแขนยาวของตัวเอง ปังปังที่กำลังซื้กขนมครกอยู่ก้มลงไปมองก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเด็กผู้ชายตัวเล็กแก้มแดงอายุไม่เกิน 6 ขวบแต่งตัวชาวม้งน่ารักพร้อมตะกร้าใส่ขนมที่ห่ออยู่ในใบตอง
“ครับ ชื่ออะไรครับหนูน้อย” พี่ใหญ่เหลือบมองแฟนตัวเองที่นั่งยองๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเด็กน้อยชาวเหนือ
“ชื่อฮอม อายุ 5 ขวบฮะ” เด็กน้อยยิ้มหวานชูมืออีกข้างห้านิ้วอย่างไร้เดียงสา
“ชื่อแปลกจังเลย ว่าแต่ขายอะไรครับน้องฮอม”
“ขนมกนน้ำอ้อยฮะ อร่อยมากเลยนะ”
“หืม ขนมอะไรนะครับ ?” ปังงงเพราะไม่รู้จักจริงๆ ดูท่าทางน่ากินเหมือนข้าวต้มมัดเลย
“ขนมกนน้ำอ้อย ฮะ ทำจากมะพร้าวถึนทึก แป้งข้าวเหนียวแล้วก็น้ำอ้อยผสมกันฮะ ห่อด้วยใบตอง หอมมากๆเลยนะ แม่ของน้องฮอมทำเอง อันละ 5 บาทเองฮะพี่ชาย”
เด็กชายอธิบายอย่างคล่องแคล้ว พร้อมพรีเซ้นต์วิธีการทำเต็มที่ ดูน่ารักมากๆ มือหนายกขึ้นจับแก้มใสของน้องฮอมอย่างเอ็นดู ก่อนจะทำตาลุกวาวชูสิบนิ้วเลียนแบบเด็กน้อย กว่าปังปังจะรู้ตัวก็ถูกถ่ายรูปไปแล้วหลายรูป
“งั้นพี่เอา 10 อันเลยดีไหมครับ ?”
“ดีฮะ 10 อันเอ่อ ห้าหนึ่งห้า ห้าสองสิบ ห้าสามสิบห้า” ปังหัวเราะน้อยๆ ปล่อยให้น้องฮอมนับนิ้วไปส่วนตัวเองก็ควักแบงค์ 100 ออกมาจากกระเป๋า
“พี่ฮะ 5 X 10 เท่ากับ 50 บาทฮะ” น้องฮอมพูดอย่างน่ารักพร้อมถุงห่อขนม 10 อันที่ปังสั่งไปในตอนแรก
“เก่งมากคร้าบเด็กน้อย นี้ครับ 100 บาทไม่ต้องถอนสำหรับคนเก่งของพี่ปัง” เจ้าหมูอ้วนยื่นแบงค์ร้อยให้ก่อนจะรับขนมมา กลิ่นหอมๆของใบตองผสมผสานกับกลิ่นอ่อนๆของมะพร้าวและน้ำอ้อย ทำให้น้ำย่อยในท้องของปังปังร้องขึ้นมาอีกรอบ
“ขอบคุณฮะพี่สุดสวย จุ๊บ” เด็กน้อยเอียงคอหอมแก้มใสของปังปัง รับเงินไปยกมือไหว้สวยๆ ก่อนที่จะวิ่งออกไป ไม่วายหันมาโบกมือบ๊ายบายอย่างมีความสุข
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กพ่อซัดป๊าบหงายหลัง”
“หยาบคายจังเลยพี่ใหญ่ อะ กินนะฮะ” ปังแกะขนมป้อนใส่ปากแฟนหนุ่มเพื่อให้เสือร้ายที่หึงแม้กระทั่งเด็กคลายอาการลงได้บ้าง
หลังจากช้อปปิ้งกันเสร็จพี่ใหญ่ก็พาปังปังตรงกับกรุงเทพมหานคร โดยที่ในระหว่างทางเจออะไรน่าสนใจก็จะเข้าไปดูไปชมกันแต่ใช่เวลาในแต่ละที่ไม่นานนัก จนถึงเวลาบ่ายโมงกว่าๆ พี่ใหญ่แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มใหญ่อีกรอบ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพมหาครโดยไม่แวะที่ไหนอีกในทันที
“ง่วงก็หลับซะสิ” เสือร้ายพูดทักปังที่นั่งสัปหงกอยู่หลังจากขับมาได้ประมาน 2 ชั่วโมง แต่ยังไม่ยอมหลับฝืนตาจนดูตลก
“ไม่ฮะ ปังอยากอยู่กับพี่ใหญ่” เสียงหวานพูดเสียงอ่อยงัวเงีย
“หึหึ อะไรทำให้ขี้อ้อนขนาดนี้”
“…”
ปังปังไม่ตอบ เพียงแต่นั่งกอดหมอนรูปเสือน่ารักเงยคางร้องเพลงมุบมิบๆ จนในที่สุดก็ต้านทางความอิ่นและง่วงไม่ไหว หลับไปในที่สุด พี่ใหญ่เบาแอร์เบาเสียงเพลงลง ก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมากินและมุ่งหน้าขับรถต่อไปอย่างเป็นสุข
-ปัง-
ผมตื่นขึ้นมาฟ้าเริ่มมืดแล้วและก็สังเกตว่าเราอยู่ชานเมืองใกล้เข้ากรุงเทพแล้วเช่นกัน ทุกอย่างดูกลับมาวุ่นวายอีกครั้งจนผมรู้สึกคิดถึงน่าน อยากจะกลับไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่มในอากาศที่หนาวเย็นแบบนั้นอีก แต่ก็นะครับทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ พรุ่งนี้ทำต้องเรียนส่วนพี่ใหญ่เองก็ต้องไปรายงานตัวที่บริษัท และเริ่มทำงานในพรุ่งนี้เป็นวันแรก ตำแหน่งสถาปนิกนักออกแบบเหมือนกัน เฮ้อ … เมื่อไหร่คนๆนี้จะมารับผมกลับไปอยู่ที่หอพักเหมือนเดิมนะ
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ” พี่ใหญ่ถามผมขึ้นในขณะที่เลี้ยวเข้าเติมน้ำมันในปั๊มย่านชานเมืองพอดิบพอดี
“ฮะ เมื่อยไหมฮะ”
“หึ เอาไว้กลับไปแล้ววนวดให้ด้วยนะ” พี่ใหญ่พูดเชิงล้อเล่นก่อนจะเปิดกระจกหันไปสั่งน้ำมันกับพี่เด็กปั๊ม ผมถือโอกาส ลงไปยืดเส้นยืดสายเข้าห้องน้ำห้องท่าเช่นกัน
“อ่ะ สูบบุหรี่อีกแล้ว” ผมโวยวายเมื่อออกมาจากห้องน้ำเห็นพี่ใหญ่สูบบุหรี่อยู่ปุ้ยๆ
“นี้สาววัน 1 มวนเลยนะที่รัก” ผมย่นจมูกใส่เขา เดินเข้าเซเว่นไปซื้อน้ำและเครื่องดื่มแก้ง่วงให้พี่ใหญ่ด้วย
“รู้ใจจังไปครับกลับบ้านกัน” พี่ใหญ่รับเครื่องดื่มไปก่อนจะจูงมือผมเดินไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่ พี่ถึกคันนี้พาผมไปไหนต่อไหนหลายที่เลยคงจะเหนื่อยหน้าดูเลยนะ เดี๋ยวก็ได้พักแล้วนะครับ
พี่ใหญ่พาผมเดินทางต่อแต่ทางที่มากลับไปใช่ทั้งทางหอพัก ทางบ้านพี่ใหญ่ หรือบ้านพี่อลันเลย เป็นทางเลียบชานเมืองที่มีรถไฟฟ้าผ่านที่ผมไม่คุ้นเคย
“พี่ใหญ่เราจะไปไหนกันฮะ”
“แวะไปที่อื่นแปปนึงนะ” ผมไม่ถามต่อ แต่นั่งฟังเพลงไปเงียบๆ มีบางครั้งที่เราสองคนคุยกันบ้าง แต่ทั้งผมและพี่ใหญ่ก็ชอบบรรยากาศเงียบๆ ในขณะที่อยู่ข้างกายกัน นี้เป็นนิสัยอย่างเดียวที่พี่ใหญ่กับผมเหมือนกัน