{CH 35 ออกเดินทางของเจ้าหมู}
“ไอ้หมู เสร็จยังนานจัง จะไปวันนี้หรือพรุ่งนี้”
ผมเม้มปากหันไปมองประตูห้องน้ำที่พี่ใหญ่เคาะเรียกตั้งแต่เมื่อกี้เป็นรอบที่ 2 แล้ว ก็ผมตื่นเต้นนี้ วันนี้พี่ใหญ่จะพาผมเที่ยวแพ ที่เมือง กาญจนบุรี… ผมไม่เคยไปกับพี่ใหญ่สองคนมาก่อนผมเลยรู้สึกประมาทนิดหน่อย …
หลังจากที่ผมรู้ว่าพี่ใหญ่ทำงาน ผมก็ช่วยสนับสนุนเค้าโดยที่พอสอบเสร็จปิดภาคเรียนผมก็มักจะไปช่วยพี่ใหญ่ทุกวันถ้าพี่ใหญ่เล่นกีตาร์ เปิดหมวกอยู่ ผมก็จะนั่งวาดรูปเหมือนแทนเค้า กลายเป็นว่ารายได้ได้เพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร หนึ่งเดือนผ่านไป เมื่อคืนพี่ใหญ่ก็สั่งให้ผมเก็บเสื้อผ้าสำหรับอาทิตย์นึงจะพาไปเที่ยว ผมตื่นเต้นมากเลยเพราะพี่ใหญ่ชอบเซอร์ไพรส์ผมอยู่เรื่อย วันดีคืนดีก็มาบอกว่าจะพาไปเที่ยวซะอย่างงั้น
“ไอ้ปัง ถ้าไม่ออกมาสักทีไม่ต้องไปมันแล้วนะ”
“ดะ เดี๋ยวครับ ออกแล้วครับ” ผมตะโกนออกไป และเอื้อมไปหยิบโคโลญทาเต่ามาถือไว้ในมือเผื่อที่เตรียมไปไว้ไม่พอ ผมไม่อยากตัวเหม็นเวลาอยู่กับพี่ใหญ่ มันน่าอาย
“ทำอะไรอยู่” พี่ใหญ่ตวัดเสียงถามอย่างหงุดหงิดและดีดมะเหงกผมไปหนึ่งที
รังแกผมอีกละ อะไรก็ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย เสือใหญ่ใจร้ายที่สุด ผมสลดก้มหน้าไม่กล้าสบตาคมที่จ้องมองผมไม่ลดละ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงถอนหายใจและมือใหญ่ก็โอบกอดรอบไหล่ของผมและพาเดินแทบกายออกมานอกห้องไม่ลืมที่จคว้า โคโลญในมือผมโยนทิ้งไว้ในห้องอีกต่างหาก แพงนะนั้น …
“ปังปัง จะไปแล้วเหรอ” ตัวเล็กเดินออกมาจากอีกห้องนึงในสภาพหัวฟูกึ่งหลับกึ่งตื่น
สงสัยจะได้ยินเสียงขนของของพวกผมสอบคน ความจริงของก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับยิ่งของพี่ใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีแค่เป้ใบเดียวเอง ความจริงผมก็จัดให้ตามวันแหละครับแต่พี่ใหญ่ก็มารื้อออก เอาแค่กางเกงยีนส์ไปแค่ตัวเดียวนอกนั้นก็ชุดใส่เล่นน้ำและก็ชุดนอนอีกอย่างละชุด ต่างจากผมที่ถูกพี่ใหญ่มองและก็หัวเราะ เพราะกระเป๋าลากสองใบยังไม่พอ … ก็ตัวเล็กให้ผมเอาของไปเยอะอ่ะ … อีกอย่างผมไม่อยากโดนพี่ใหญ่หัวเราะด้วย
“อือ ปังไปก่อนนะ แล้วจะซื้อของมาฝาก” เล็กทำตัวปลิวมากระแซะกอดผมเอาหัวมุดๆเหมือนแมวน้อย
“เที่ยวให้สนุกน๊า วันนี้เล็กจะกลับบ้านเหมือนกันเพราะเสาร์กลับบ้านเหมือนกัน เฮ้อ ปังไม่อยู่เล็กเหงาแย่เลย”
“พอได้แล้วน่า ไอ้เล็ก ไปกันได้สักทีชักช้าอยู่นั้นแหละ” พี่ใหญ่เอ็ดขึ้นและเดินนำผมไปพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระทั้งหมด ผมรีบบอกลาตัวเล็กและสัญญาว่าจะซื้อขนมมาฝากเล็กเลยยอมปล่อยผมออกมาจากกรงเล็บแมวและโบกมือบ๊ายบายอยู่หยอยๆ ผมเดินตามพี่ใหญ่มาเงียบๆ
จนลงมาถึงรถยนต์คันที่ผมคุ้นเคยที่จอดอยู่ในลานจอดรถของหอพัก ก็ช่วยพี่ใหญ่ยกกระเป๋าที่ส่วนมากเป็นของผมไปไว้ท้ายรถ บรรยากาศเช้ามืดแบบนี้ทำให้ลานจอดเงียบมาก และผมแอบคิดด้วยว่ามันจะมีผี ถ้าให้ผมมาคนเดียวผมไม่มาเด็ดขาด ดีหน่อยที่มีพี่ใหญ่ ผมว่าช่วงนี้ผมติดพี่ใหญ่มากไปหน่อยแล้วนะ จนเหมือนกับว่าถ้าผมอยู่คนเดียวโดยไม่เห็นพี่ใหญ่อยู่ข้างๆ มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็หนี่งเดือนที่ผ่านมา ตัวเราติดกันอย่างกับแฝด เพราะทั้งพี่ใหญ่และผมปิดเทอม และเลือกที่จะอยู่หอต่อไม่กลับบ้านเพราะพี่ใหญ่ขอทำงานก่อน ผมก็อยากช่วยเค้าด้วยเลยอยู่เป็นเพื่อน อาจจะมีบ้างที่พี่ใหญ่ต้องไปเคลียโปรเจคงานกลุ่ม แต่อะไรที่พี่ใหญ่ทำอยู่ห้องได้ พี่เค้าก็มักจะมานั่งทำเงียบๆในห้องของตัวเอง โดยมีผมนอนอืดอยู่ข้างๆ วันไหนที่ผมไปฟิตเนสนี้แหละลำบากหน่อย เพราะเค้ามักจะงัดกลเม็ด108 เพื่อห้ามผมในทุกทาง มีตั้งแต่ห้ามน้ำเสียงเด็ดขาดไปถึงอ้อนสุดพลัง แล้วแต่อารมณ์เค้านั้นแหละ คิดแล้วก็ตลกดีที่ผมมีวันนี้ได้ วันที่ผมเชื่อทั้งหัวใจของเค้า … แล้วก็หัวใจตัวเอง ว่ามันจะปรับจูนมาตรงกันได้แบบวันนี้ … เฮ้อ ขอให้เป็นแบบนี้นานๆได้ไหม …
“จะยืนอีกนานไหม เดี๋ยวก็ทิ้งซะนี้” ผมสะดุ้งมองหน้าพี่ใหญ่ที่ยืนกอดอกจ้องผมอยู่เซ็งๆก่อนจะปิดประโปรงท้ายรถและรีบวิ่งมาขึ้นประตูหน้าทันที … ก่อนอื่นพี่ใหญ่ควรจะเลิกดุผมนะ ใจหายแว้บเลยดุแต่ละที
“เป็นอะไรดูเหม่อๆ ง่วงหรือไง” พอขึ้นรถมาได้พี่ใหญ่ก็ถามขึ้นพร้อมกับเอามือแกร่งมาวางบนหัวผมลูบหัวเหมือนกำลังปลอบใจ
“ปะ เปล่าครับ” ผมเงยหน้ามองเค้าและโบกมือไปมา พร้อมกับยิ้มให้ พี่ใหญ่หัวเราะและก็บิดผมแก้มแรงๆหนึ่งทีก่อนจะหันไปสตาร์รถออกเดินทาง ว๊า … อ่อนโยนได้แปปเดียวก็รังแกผมให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวอีกละ จะว่าไปผมตื่นเต้นชะมัดเลย ทริปการเดินทางครั้งแรกของเราสองคน ที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้กับคนที่เรียกว่าแฟน …
สถานที่ท่องเที่ยวที่พี่ใหญ่จะพาผมไปจะเป็นที่แบบไหนนะ อยากรู้จักเลย … ต้องสนุกและบรรยากาศดีมาๆแน่ ที่สำคัญคงต้องปลอดภัยมากๆเพราะมีพี่ใหญ่ไปด้วย กลางวันเล่นน้ำเดินเล่นในสถานที่สำคัญของจังหวัดกันสองคน กินข้าวกันสองคน ตกตอนกลางคืนเงยหน้ามองดูดาวฝนฟากฟ้าที่ไม่มีตึกใหญ่กั้นทิวทัศน์เหมือนในเมืองกรุง แล้วก็นอนด้วยกันเหมือนทุกวัน ผมจะหลับไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ใหญ่ …
‘เป็นเมียฉันสิ’
‘เรามามีอะไรกันไหม’
พลุ๊!!! เหมือนมีเสียงเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าผมแตกจนหน้าผมร้อนฉ่าเมื่อนึกถึงประโยคที่พี่ใหญ่เคยพูดล้อเล่นกับผมเอาไว้ จะว่าไปพักนี้ก็ไม่เห็นพี่ใหญ่สูบบุหรี่เลย … หวังว่าเค้าคงลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับผมไปแล้วนะ ลืมๆไปเถอะผมอายจะตายอยู่แล้ว
“เดี๋ยวพอไปได้ครึ่งทางค่อยแวะปั๊มนะ ลืมซื้อของสำคัญไปเลย”
“…อะ อะ อะไรหรือครับ” ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติ พี่ใหญ่เหลือบมามองผม ก่อนจะเหยียดยิ้มไม่น่าไว้วางใจและพูดออกมาหน้าตาเฉย
“ถุงยางน่ะ”
ผลั๊ว!! “ลามก!” ผมเผลอตีพี่ใหญ่ไปเต็มแรงก่อนจะกางผ้าห่มผืนเล็กที่ถือติดตัวมาด้วยคุมหัวตัวเองและหันหลังให้ พี่ใหญ่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หน้าผมร้อนแค่ไหน แกล้งเข้าไปสิ คนบ้า !!!
“ทำร้ายร่างกายคนอื่นและจะจบง่ายๆหรือไง ไอ้หมูแดง” ผมขนลุกซู่เพราะเสียงของพี่ใหญ่ที่กระซิบข้างหู พอดีกับที่รถจอดติดไฟแดง …ลามกที่สุด หน้าผมร้อนจะพังอยู่แล้ว!!!
“ไม่รู้หรือไงว่าที่ที่จะไปบรรยากาศดีแค่ไหน รู้ไหมมีหลายคู่ไปฮันนีมูนและได้ลูกกลับมา … ที่สำคัญ ฉันเลิกบุหรี่ได้แล้ว”
“!!!!!” ผมหันไปมองพี่ใหญ่ที่เข้ามาใกล้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เค้ายิ้มและจุ๊บหน้าผากผมไปหนึ่งทีอย่างหยอกๆ เอาจริงๆเหมือนเค้าเอาปากมา กระแทกเหม่งผมซะมากกว่า
“หยุดโวยวาย เดี๋ยวรถจะชนและไม่ได้ไปกันพอดี” พี่ใหญ่เอ็ดผมและหันไปขับรถต่อ ส่วนผมก็จะทำอะไร มุดหน้าลงกับผ้าห่ม … ไม่กล้าสบตาเสือร้ายแม้แต่นิดเดียว …
“กินข้าวกล่องไปก่อน เดี๋ยวถึงแล้วค่อยกินของดีๆ” พี่ใหญ่จับข้าวอะไรสักอย่างจากตู้แช่แข็งในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในจุดพักรถใส่ตะกร้าที่ผมถือตามหลังมา 4 กล่อง
พอเค้าเดินไปผมก็ถอนหายใจและเอาส่วนของตัวเองเก็บไป1 กล่อง เท่านั้นยังไม่พอยังเดินไปที่เชววางขนมหยิบโน้นหยิบนี้ใส่มาจนเต็ม ผมนี้กลืนน้ำลายเอื้อกเลยทีเดียวรู้สินะว่าผมชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร ร้ายกาจมากเลือกที่ของที่ผมชอบกินซะด้วย ผมที่ก้มหน้าบ่นมุบมิบเพราะรู้ว่าโดนแกล้งเดินไปรอบๆร้านสะดวกซื้อจนมาชนแผ่นหลังพี่ใหญ่ที่แข็งปั๊กจนผมต้องร้องโอ้ยออกมาเพราะเจ็บจมูกหนักมาก
เค้าหันมาสวมหมวกแก๊ปวางแหมะบนหัวผมมันเร็วมากเลยไม่ทันสังเกตว่ามันสีอะไรหรือลายอะไร ไม่หนำใจยังแอบเคาะสมองผมอีกด้วยสองสามทีด้วย ถือว่าตัวเองตัวสูงกว่าใช่ไหมเสือใจร้าย!
“เอาใส่ไว้แดดร้อนเดี๋ยวหน้าก็ดำแล้วมาโวยวายอีก”
“…” ผมไม่เคยโวยวายสักหน่อย
มีแต่พี่ใหญ่นั้นแหละที่อยากให้ผมทั้งอ้วนและดำคัดค้านหัวชนฝาตลอดเมื่อผมจะออกไปซื้อครีมหรือออกไปออกกำลังกายมีแต่วันนี้ที่มาแปลก ซื้อหมวกกันแดดให้ผมด้วย ผมเม้มปากก้มหน้าลงมองตะกร้าใส่ของแอบเขินและก็เดินตามพี่ใหญ่ต่อไปที่แคชเชียร์ และก็ร้องอ๋อขึ้นมาในใจเมื่อถอดหมวกจะมาจ่ายเงินแทบอยากจะกระโดดกัดคอพี่ใหญ่ที่ยืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ
หมวกสีขาวสกรีนลายหมูสีชมพูหน้าตาบ๊องแบ๊ว … มันฟรุ้งฟริ้งไปไหมเนี้ย!!!!!
“เหมือนเลยนะคะ”
“อะไรนะครับ” ผมถามขึ้นอย่างงงๆเมื่ออยู่พนักงานก็พูดออกมาหน้ายิ้มแป้น
“อ่อ เปล่าคะ ทั้งหมด 369 บาทคะ” พี่ใหญ่ยื่นแบงค์ 500 ให้ก่อนที่ผมจะทันหยิบเงินซะอีก ก่อนที่จะทำผมช็อกรอบที่ 100 เมื่อเค้าหันไปหยิบถุงยางอนามัยสองกล่องวางตรงหน้าผมและพี่แคชเชียร์ …
“เอ่อ …สักครู่นะคะ” พี่แคชเชียร์ดูเหมือนจะอึ้งๆพอๆกับผมมองหน้าเราสองคนสลับกัน
ก่อนที่พี่ใหญ่ที่มองหน้าผมอย่างยียวนอยู่จะหันไปกระตุกยิ้มให้เธอแถมยังโอบไหล่ผมเหมือนเป็นของเล่นชิ้นโตของเค้าที่เอาไว้แกล้งคนอื่นให้ตกใจเล่น งอนสักทีดีไหมละทำไมเป็นคนนิสัยแบบนี้นะไม่เข้าใจจริงๆจะแกล้งผมไปถึงไหน เฮ้อ …
“อ้าว นอยเลย” ขับรถออกมาได้สักพักพี่ใหญ่ก็พูดขึ้น
ในขณะที่ผมนั่งมองทางนิ่งไม่ยอมกินข้าวกล่องที่เย็นชืดไปหมดแล้ววางทิ้งไว้อยู่ด้านหลังตอนแรกพี่ใหญ่จะให้ผมนั่งกินให้เรียบร้อยก่อนแต่ผมไม่สนใจเดินขึ้นรถเลย จากนั้นก็นั่งมองแต่ทางด้านหน้าไม่หันไปมองหน้าคนเจ้าเล่ห์อีก โกรธ … ผมโกรธมากเลยที่พี่ใหญ่เล่นอะไรแบบนี้ มันเกินไป จริงอยู่ที่ผมไม่คิดจะปิดบังว่าตอนนี้เราคบกันอยู่ แต่ก็ไม่คิดจะป่าวประกาศให้ใครรู้เหมือนกัน … มันเกินไปไหมที่พี่ใหญ่ทะลึ่งไม่รู้จักเวล่ำเวลาแบบนั้น อย่างน้อยผมก็มีพ่อมีแม่นะ … ทำไมไม่ให้เกียรติกันเลยคนบ้า สำนึกผิดซะให้พอเลย จะไม่คุยด้วยแล้ว
แก๊ก ติ๊ก …
@#%$%^^&&*^*%^$%#%&(* ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก #%$%$^%^&%^&%&^$#$$ ผมเอามืออุดหูทันทีที่เสียงเพลงว๊ากฟังไม่รู้เรื่องลั่นรถ อะไรเนี้ยยยยยยย ผมเอื้อมมือจะไปปิดเพลง แต่ก็ถูกกระชากมือออกและเอาไปวางบนหน้าขาของคนใจร้าย ผมกระตุกจะเอามือออก แต่มือหน้านั้นก็ยังกอบกุมผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแถมเจ้าของของมันก็ยังทำท่าขับรถมือเดียวสบายใจ แกล้งผม คนๆนี้กำลังแกล้งผม นี้ผมต้องไปให้แกล้งสามวันสามคืนเลยเหรอ ผมไม่อยากไปแล้ว!!!!
“ปล่อยมือผมนะ”
“$^%^&^&%#@%7” พี่ใหญ่พ่นเสียงร้อนคลอไปกับเพลงที่ดังสนั่นรถจนขี้หูผมสั่นไปหมด ฮึ้ย!
“พี่ใหญ่!!!!!!” ผมตะโกนลั่นก่อนที่เสียงเพลงจะดับลงเพราะพี่ใหญ่กดปิดตรงพวงมาลัยรถ และหันมายิ้มหน้ากวนโอ้ยให้ผม พึมพำเพลงออกมาอีกคำสองคำ และเอี้ยวตัวมาหอมแก้มฟอดใหญ่และหันไปขับรถต่อด้วยมือเดียวซึ่งมันอันตรายมากและตอนนี้ ผมก็ไม่เคลิ้มสักนิด แค่เอาหอมมาเอาใจผม ผมไม่หายโกรธหรอก
“ปล่อยมือผม ขับแบบนี้มันอันตราย”
“ถ้าไม่บอกว่าเป็นอะไรก็ขับแบบนี้ไปจนถึงที่นั้นแหละ”
“…” ผมก้มหน้าอาการไม่กล้าสบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นมีอีกแล้ว ใจแข็งได้ไม่เท่าไหร่เอง
“เรื่องซื้อถุงยาง ?” ยิ่งพูดแบบนั้นผมยิ่งก้มหน้าต่ำลงอีก รู้แล้วทำไมยังทำอีก
“ก็แค่เรื่องล้อเล่นก็รู้นิสัยกันอยู่ว่าไม่มีทางบังคับไอ้หมูตัวนี้หรอก” พี่ใหญ่บีบมือผมนิดๆและปล่อยออกกุมเอาไว้อย่างอ่อนโยน
“ผมรู้เรื่องนั้นดี แต่ … ผมไม่ชอบแบบนี้”
“แบบไหนละ”
“ก็ … ไม่ชอบให้พี่ใหญ่ทำแบบนี้ต่อหน้าใครอีก ผม … ผมเหมือนของเล่นเลย”
“หึหึ ที่หลัง ชอบไม่ชอบอะไรก็บอกให้มันดีๆ ไม่ใช่อยู่ๆก็เงียบไปแบบนี้ ก็รู้นี้ว่าไม่ชอบ”
“แต่เรื่องนี้พี่ใหญ่เป็นคนผิด” ผมพูดเสียงค่อย … ก็จริงๆอ่ะ พี่ใหญ่เป็นคนผิด ทำไมไม่ยอมรับมาโยนข้อหาให้ผมอีกหาว่าผมไม่พูดได้ยังไง ฮืออออออออออ
เอี๊ยด !!! ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆพี่ใหญ่เลี้ยงเข้าข้างทางที่เริ่มเข้าทางลาดยาวที่มีป่ารอบด้าน … ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงซัมเมอร์เลยมีคนไม่เยอะ
มากนัก รถผ่านมานานๆครั้งจะผ่านมาสักที เลยทำให้ผมออกจะเกรงกลัวพี่ใหญ่ในเวลานี้ ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่ใหญ่อารมณ์ดีผิดปกติ … ต้องคิดแผนอะไรไว้แน่ๆ
“อะไร …”ผมถามเมื่อพี่ใหญ่ปลดสายนิรภัยและจับผมกดกับเบาะและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นี้คือคำขอโทษของพี่หรือไงเนี้ยยยยยยยยย! ไม่ใช่เลย ไม่ใช่แบบนี้ อย่ามาจูบผมนะ!!!!!
จุ๊บ … “ขอโทษนะครับคุณแฟน ที่หลังพี่จะไม่ทำอีกแล้ว”
“…”
“นะครับ ให้อภัยพี่ใหญ่นะ จะไม่แกล้งแบบนั้นอีกแล้ว”
“มะ …”
จุ๊บ … “อย่าโกรธพี่เลยนะหมูแดงของพี่ หึหึ”
“พะ พอแล้ว หายโกรธก็ได้ ไม่ต้องจูบแล้ว” ผมเบือนหน้าหนีเพราะแขนทั้งสองข้างโดนจับเอาไว้แน่น … หัดหายฟ้าอายดินบ้างเถอะคนบ้า!!!
“หึหึ … หมดเรื่องแล้วก็กินข้าวสักที หิวจะตายละ ป้อนด้วย ” พี่ใหญ่หันไปขับรถต่อ ทิ้งให้ผมนั่งแหมะอยู่ที่เดิม …
“เร็วๆหิว อยากโดนจูบอีกหรือไง” ผมสะดุ้ง
รีบเอี้ยวตัวไปเบาะหลังหยิบข้าวกล่องมาเปิดป้อนพี่ใหญ่คำนึงและป้อนให้ตัวเองด้วยสลับกัน เพราะพี่ใหญ่บังคับให้ผมกินกับเค้าจนหมดทั้งสามกล่อง พร้อมกับขนมไขมันเยิ้มอีกสองห่อใหญ่ๆ น้ำอัดลมอีก … ไม่มีน้ำเปล่าสักขวด … วางแผนมาหมดแล้วสินะ
.
.
.
ก่อนจะถึงที่พักช่วงบ่ายโมงกว่าๆ พี่ใหญ่พาผมเดินลงมาที่อ่างเก็บน้ำสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากๆ แต่ไม่มีคนมาเที่ยวสักเท่าไหร่ ดูเงียบเหงามากเห็นมีฝรั่งคู่นึงอยู่ไกลลิบๆแล้วก็ร้านขายอาหารส้มตำกับตามสั่งจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก พี่ใหญ่เดินพาผมไปนั่งที่ริมอ่าง โดยเช่าเสื่อมาผืนนึงจากร้านค้าใกล้ๆ ก่อนจะสั่งส้มตำมาเยอะจนผมต้องออกปากบอกว่าให้พอก่อนเดี๋ยวเงินหมดก่อนหรอก ผมอยากเที่ยวนานๆนะ มาหมดซะกับเรื่องกินก็แย่สิ
ผมบอกหรือยังว่าพี่ใหญ่เก็บเงินได้ประมาน 35,000 รวมกับงานจ้างนอกสถานที่ที่พี่ใหญ่รับออกแบบอื่นๆด้วย ผมแอบเอาเงินติดมาด้วยนิดหน่อยกลัวช็อต ไม่มีตังค์เติมน้ำมันกลับบ้าน ฮิฮิ แต่ดูเหมือนพี่ใหญ่จะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนนักเหมือนรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ผมแอบตื่นมากลางดึกเห็นพี่ใหญ่นั่งทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้เกือบทุกคืนไม่ได้ทำงานด้วยเอาแต่เขียนยุกยิกๆ นานไปผมก็ขี้เกียจรู้และลืมมันไปเอง
“พี่ใหญ่อันนี้เค้าเล่นน้ำกันได้หรือเปล่า”
“อยากเล่นหรือไง”
“เปล่าผมแค่อยากรู้ไม่เห็นมีใครเลย” ผมรับจานส้มตำจากแม่ค้าที่เดินมาเสริฟวางลงตรงหน้าจนครบทุกเมนู ก่อนจะทำหน้าที่ปั้นข้าวเหนียวและป้อนใส่ปากคนแกล้งพิการ คำแล้วคำเล่าเงียบๆ นั่งฟังเสียงดนตรีพื้นบ้านที่ดังมาจากลำโพงของร้านขายน้ำ
“เที่ยวเสร็จ ตอนปิดเทอมผมไปทำงานนะครับ” ผมบอกพี่ใหญ่ที่เคี้ยวข้าวเหนียวไก่ตุ้ยๆเขามองผมตาขวางก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมากระดกกินอย่างหงุดหงิด … อะไรอ่ะ
“ทำอะไร”
“ยังไม่รู้ครับ แต่คงแถวๆหอพัก”
“จะไปทำอะไร ทำที่ไหนยังไม่รู้และจะทำได้ยังไง”
“ผม …”
“แล้วจะทำทำไม ไม่มีตังค์หรือไง หรือไม่พอใช้ ”
“ปะ เปล่าครับผมแค่ …”
“ลำบากมากหรือไงอยู่กับฉันเนี้ย”
“ไม่ๆ ไม่ใช่ครับ พี่ใหญ่ฟังผมก่อน” พี่ใหญ่เงียบลง
และดูเหมือนตาที่โกรธเมื่อกี้ก็ผ่อนลงด้วยเมื่อผมวางมือลงบนมือใหญ่ๆของเขา … อยู่กับพี่ใหญ่มีความสุขมมากถึงผมจะโดนแกล้งบ่อยๆ แต่ผมก็รู้สึกมีตัวตน ชีวิตน่าเบื่อจืดชืดของผมมีสีสัน ถึงผมจะกลัวพี่ใหญ่แค่ไหน แต่ผมก็รักพี่ใหญ่ในเวลาเดียวกัน … แต่ที่ผมอยากทำงาน ก็เพราะว่า
“ผมอยากรับผิดชอบอะไรสักอย่างด้วยตัวเอง และทำตัวให้มีประโยชน์มากขึ้น ลำพังพ่อตอนนี้ท่านก็แก่มากแล้ว ผมไม่อยากให้พ่อรับผิดชอบด้านการเงินของผมแค่คนเดียว … อีกอย่างผมอยากมีเงินเก็บด้วย ” ผมพูดเสียงค่อยและอยากให้เค้าเชื่อว่าที่พูดมาทั้งหมด คือความจริง
ผมไม่ใช่ไม่มีความสุข แต่ผมอยากที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของมนุษย์ด้วยตัวเอง จริงอยู่ที่พ่อไม่ได้เคยบ่นเหนื่อยบ่นท้อ แต่ก็นั้นแหละครับ … สักวันผมก็ต้องดูแลท่านในวันที่แก่เฒ่าอยู่ดี คิดซะว่าฝึกงานไปแล้วกัน แล้วผมก็ว่างด้วย กลัวน้ำหนักจะขึ้น พี่ใหญ่ยิ่งขุนผมอยู่
“ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนถ้าฉันเห็นว่างานโอเค อย่าหวังจะได้ทำ”
“โอเคของพี่ใหญ่ นี้ยังไงครับ” ผมเอียงคอถามเหลือบไปมองเจ้าลูกหมาแม่ลูกอ่อนที่เดินเต๊าะแตะๆจากแม่มันที่นอนให้นมลูกตัวอื่นอยู่มุ่งหน้ามาทางผม สีของมันเป็นลายวัวตัวน้อย หึหึ น่ารักจัง
“มองอะไรวะ”
“ อ่ะ กินไม่ได้นะ ยังเด็กอยู่”
ผมรีบคว้าเจ้าพุงป่องออกมาให้ไกลจากไก่ย่าง หมาเด็กห้ามกินเพราะเดี๋ยวติดคอไปทำยังไง ดูดิคอยังไม่แข็งดีเลย มันร้องเสียงหลงเมื่อผมขัดใจมัน ทำให้แม่ของมันที่นอนอยู่ตรงร้านค้าผงกหัวขึ้นมาดู พอเห็นว่าลูกมันไม่เป็นอะไรก็ล้มตัวนอนแผ่ให้ลูกตัวอื่นกินนมต่อไป
“มันชื่อไอ้วัว ป้าตั้งชื่อมันตามลายของมัน ลูกของหมาป้าเองอีนวล” ผมเงยหน้ามองป้าคนขายส้มตำและยิ้มให้ ปล่อยให้เจ้าวัวซุกอยู่ที่ตัก
“เอาไปเลี้ยงก็ได้นะหนู มันน่ะน่ารัก อีนวลคงสบายใจที่เห็นลูกมันอยู่กับคนใจดี”
“แต่ว่า …” ผมเหลือบมองพี่ใหญ่และมองเจ้าวัวที่ทำท่าทางน่ารักอยู่ … นึกถึงเนียร์เลยถึงแม้เจ้าตัวเล็กนี้จะเป็นหมาพันธุ์ทางแต่ดูแล้วโตไปคงหล่อไม่หยอก หึหึ อาจจะเหมือนพี่ใหญ่ก็ได้นะ
“พวกเราไปเที่ยวกันทีท XXX ก่อนน่ะครับ อีกสามวันคงได้ย้อนกลับมาทางนี้อีกรอบ ไว้จะแวะมารับเจ้าวัวแล้วกันนะครับ” พี่ใหญ่พูดแค่นั้นผมก็หูกระดิกทันที ฮิฮิ น่ารักที่สุดเลย
“ดีจริงๆ อย่าลืมมารับมันนะพ่อหนุ่ม อ่อ ป้าเป็นเพื่อนกับแม่บ้านที่รีสอร์ทนั้นเดี๋ยวป้าให้อีแจ๋วมันดูแลพวกหนูอย่างดี ป้าลดค่าส้มตำให้ด้วย 20 %” ผมหัวเราะและขอบคุณป้าแกยกใหญ่สักพักป้าแกก็เดินออกไปขายของเพราะมีลูกค้าจอดรถซื้อ
จากนั้นก็นั่งลูบหัวเด็กน้อยวัวที่อยู่ในตักผม หมาอะไรเอาใจเป็นที่หนึ่ง เหมือนมันไขว่คว้าหาชีวิตที่มันคิดว่าดีกว่ายังไงอย่างงั้น … แต่ผมก็แอบสงสารที่เด็กอีกสองสามตัวที่ซุกกินนมจากเต้าอุ่นๆของแม่นวลอยู่เหมือนกัน …
“ใจคอจะเอาไปเลี้ยงให้หมดเลยหรือไงไอ้หมู” พี่ใหญ่กระเถิบมาใกล้ผมก่อนจะกระซิบข้างหูผม ผมหดคอและกระเถิบออกให้ห่างกลัวพี่ใหญ่จะเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาอีก
“จะไปไหน เอาไอ้วัวมาเล่นบ้าง”
พี่ใหญ่คว้าเจ้าวัวไปนั่งบนตักตัวเองบ้าง อะไรอ่ะ …ยังเล่นไม่พอเลยแย่งผมไปซะแล้ว แต่ดูเจ้าวัวสะอาดนะ สงสัยจะเพิ่งอาบน้ำเอาเห็บออกแน่ๆ เฮ้อ ๆ น่ารักจังเลย เอาไปอยู่กับบ๊อบกับเนียร์คงจะเป็นสามทหารเสือที่น่ารักที่สุดในโลก แล้วเด็กพวกนั้นละ …
“มองอยู่นั้นละ หึ เราไม่สามารถช่วยคนทุกคนหรืออะไรทุกอย่างบนโลกได้หรอกน้า … ทำเท่าที่เราทำได้ก็พอ … เอาไว้คืนนี้จะคิดหนี้ให้หมดเลย หึหึ” ผมก้มหน้านิ่ง … พี่ใหญ่บ้าเกือบจะหล่ออยู่แล้วเชียว ยังไม่วายเจ้าเล่ห์อีกน่ะ
เราสองคนนั่งกันอยู่อีกพักใหญ่ๆ ก็ต้องจำใจบอกลาเจ้าวัวและพอกันขึ้นรถเดินทางต่อ เพื่อไม่ให้ถึงที่หมายเย็นไปนัก เห็นพี่ใหญ่บอกว่าจะพาผมไปกินร้านอาหารเด็ดๆ ซึ่งผมคิดในใจ กินอีกแล้วเหรอ พรุ่งนี้อากาศดีๆตื่นมาออกกำลังกายก็ได้ ตอนนี้ตามใจเสือร้ายไปก่อนดีกว่า เพราะวันนี้พี่ใหญ่ใจดีกับผมมามากแล้ว เฮ้อ … วันนี้เราได้อยู่ด้วยกันทั้งวันได้คุยกันสองคน ถึงผมจะพูดไม่เก่งพี่ใหญ่เองก็พูดไม่เก่ง แต่ก็มีเรื่องสารพัดที่เราคุยกันและสนุกสนาน พี่ใหญ่ยิ้มกว้างกว่าทุกวันผมเองก็มีความสุขมากๆ ต่อจากนี้ปลายทางการเดินทางจะสวยงามเพียงไหน แต่ในระหว่างการเดินทาง ผมพบว่ามันมีคุณค่ามากเช่นกัน ผมจะเก็บทุกความทรงจำเอาไว้ไม่ลืมเลย
“เอ๊ะ คืนนี้จะใช้ถุงยางเลยดีไหมนะ”
ยกเว้นเรื่องนี้ละนะที่ผมจะลืมๆไปให้หมด
===============
มาแล้วจ้า ตอนหน้าคงถึงที่หมาย เอาเป็นว่าในระหว่างทางจะเปรียบเทียบถึง
ในระยะทางที่พี่ใหญ่คบกับหมูปังว่ามันก็มีความสุขเหมือนกัน
พอๆกับการจะประสบความสำเร็จในชีวิต โดยมีหมูปังอยู่ด้วย อิอิ
เจอกันตอนหน้าค่า ขอโทษที่มาช้ามากๆนะคะ ด้วยเหตุผลหมายประการ
ฝากเพจจ้า
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
