ตอนที่ 14
เติมตื่นเต้นมากเมื่อมาถึงรีสอร์ทหรู เขาเคยเห็นในอินเตอร์เนตหลายครั้ง ที่นี่เป็นที่พักที่ถูกพูดถึงพอสมควร บ้านพักแต่ละหลังที่ตั้งอยู่ตามเนินเขาริมเกาะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ราคาไม่ต้องพูดถึง เขาคงเก็บเงินทั้งปีเพื่อพักที่นี่ได้แค่ครึ่งคืน แต่ตอนนี้เขาอาจต้องมาอาศัยอยู่เกือบครึ่งเดือนเป็นอย่างต่ำ
“ตอนเย็นหรอ ได้สิ ทำไมจะรอไม่ได้ โอเค เจอกัน” ชายหนุ่มยิ้มกับปลายสาย
“ใครหรอ?” ร่างบางแอบเงี่ยหูฟังได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงก็เกิดอยากรู้อยากเห็น
“แฟนเก่า” ร่างสูงหันมายิ้มกริ่ม
“อิโถ่เอ๊ย ขี้อวด ทำเป็น จะเจอแฟนเก่างี้ระริกระรี้” ร่างบางเบะปาก กอดอก กระดิกเท้าตบพื้นดังแตะๆ ออกอาการฉุน
แต่ไม่รู้ตัว
ร่างสูงมองยิ้ม หัวใจพองขึ้นเล็กๆ
“หึงหรอ?”
ร่างบางหันขวับ สบเข้ากับสายตาพราวระยับ เพิ่งรู้ตัวว่าออกอาการอะไรไป เขินสะบัดหน้าก้าวเท้าหนีออกไประเบียงกว้าง
“ประสาท” เสียงค่อนขอดทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง ที่ไม่เห็นว่าแก้มเนียนขึ้นสีเข้มไปไหนต่อไหน
แสร้งยกมือถือขึ้นมากดหาเบอร์เพื่อนสนิท
“เออ ว่าไงพวกมึง ถึงไหนแล้ว ประจวบฯแล้วหรอ งี้เย็นๆก็น่าจะถึงนี่แล้วดิ บอกทิปไม่ต้องรีบ เอาปลอดภัยไว้ก่อน” ร่างเล็กยังขยาดอุบัติเหตุคืนก่อน
“เออ กุล่ะอยากให้พวกมึงเห็นที่พักซะจริงๆเลย เป๊ปแม่งต้องดีใจหอนเสียงขรมแน่ ฮ่าๆๆ” คนตัวเล็กตื่นเต้นที่จะได้ปล่อยผีกับก๊วนเกลอที่นี่
ทิปเป็นคนเสนอว่าจะขับรถมาที่นี่เอง เนื่องจากว่าขากลับจะแวะเยี่ยมย่าที่ชุมพรก่อนกลับกรุงเทพ อีกสองคนที่เหลือยังไงก็ได้ เพราะได้เที่ยวเพิ่มก็ไม่มีปัญหา
“เออ เหวย บ้านพักเขามีแค่สองห้องนอน แต่ว่าอีกหลังติดกันเนี่ย เขายกให้อีกห้องนะ เผื่อไว้ พวกมึงสามคนจะนอนห้องเดียวกันหมดหรือใครจะไปนอนอีกห้องที่บ้านหลังข้างๆก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินแล้ว เพื่อนแว่นก็หันไปบอกเพื่อนในรถ
“เฮ้ย กุกลัวผี กุไม่ไปอะชัวร์ๆ แว่น มึงอะต้องนอนกับกุ” เสียงหมาเป๊ปซี่โหวกเหวก
“เออๆ กุนี่แหละไปนอนเอง นอนกะมึงนี่ กุไม่ได้หลับแน่ ห่าเป๊ป เหวย มึงหาตะกร้อครอบปากมันด้วยล่ะ” เสียงทิปดังเข้ามาในโทรศัพท์
“เออ กุได้ยินไอ่ทิปแล้ว เอาตามนี้นะ กุจะได้ไม่ต้องขอเตียงเสริม เดี๋ยวให้เขาเตรียมห้องหลังนู้นไว้” เรียบร้อยก็กดวางสาย
“หิวแล้วอะ” คนตัวเล็กเดินไปหยุดยืนหน้าร่างสูงที่นั่งพ่นควันบุหรี่ตรงขอบระเบียง
“เหมือนกัน” ชายหนุ่มขยี้บุหรี่ลงบนจานเขี่ยบุหรี่ ก้าวเท้าเดินนำตัวยุ่งไปหาอะไรกิน
เสียงโหวกเหวกดังขึ้นตามคาดเมื่อสามหนุ่มมาถึงที่พักในเวลาเย็น เติมเดินพาทิปไปส่งที่หลังข้างๆ ส่วนเพื่อนอีกสองก็เอากระเป๋าเก็บเข้าที่พักเดียวกัน
“ทั้งหลังนี่กุนอนคนเดียวหรอวะ” ทิปหันมาถามเพื่อนร่างเล็ก
“ป่าวว่ะ กุลืมบอกมึงว่า อีกห้องนี่น้องชายเจ้าของรีสอร์ทเขาจะมากับแฟน เขาใช้ห้องเดียว เลยแบ่งให้ห้องนึง กุลืมว่ะ โทษที”
“เออ ไม่เป็นไรหรอกมึง ของฟรีดีถมไป”
“กุว่าเป็นมึงน่ะเหมาะแล้ว ถ้าเป็นไอ่ห่าเป๊ปคงทำเขารำคาญ มึงเรียบร้อย ไม่มีปัญหา” สองคนหัวเราะพร้อมกันเมื่อพูดถึงเพื่อนตัวดี
“เดี๋ยวสักพักเขาคงมาถึงกันแล้วล่ะ เห็นว่ามาถึงตอนเย็นๆเหมือนกัน”
เมื่อเด็กหนุ่มช่วยเพื่อนเก็บข้าวของเสร็จ ก็พอดีเห็นพนักงานถือกระเป๋าเดินทางใบหรูของใครคนหนึ่งเข้าไปไว้อีกห้องหนึ่ง และเสียงหัวเราะครึกครื้นก็ดังมาจากฝั่งห้องหลังของร่างบาง สองคนมองหน้ากันเป็นอันรู้ว่าแขกอีกคนคงมาถึงแล้ว สองคนจึงรีบเดินกลับไปทักทายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
ภาพแรกที่ร่างบางเห็นทำหัวใจชะงักไปแว๊บหนึ่ง ร่างขาวผ่องในชุดเกาะอกจัมพ์สูทตรงหน้ากำลังสอดแขนเกาะเกี่ยวเอวของชายหนุ่มลูกครึ่ง หัวร่อต่อกระซิกกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้หญิงตรงหน้ามีรูปสมบัติเพียบพร้อมอย่างกับดาราระดับนางเอกในทีวี
ไม่รู้ทำไม ร่างบางรู้สึกไม่ดีลึกๆ
“อ้าว เติม” ชายหนุ่มหันมาทัก
“อุ๊ย! ขาว ตี๋ เกาหลี น่ารักอ้ะ ลูกเธอเหรอเจ”
ไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวไฮโซปรี่เข้ามาจับแก้มเขาพลิกซ้ายขวา ทำท่าถูกอกถูกใจ น้ำหอมบางๆลอยแตะจมูก เติมรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“จะบ้าหรอ ผมจะไปมีลูกตัวขนาดนี้ได้ยังไง นี่เด็กมหาลัยปีสามนะ” ชายหนุ่มประท้วง
“โอ๊ะ ไม่ใช่ลูกชาย งั้น......ชั้นกินด้ายย”
ร่างบางหันมาควงแขนเด็กหนุ่มแทน ทำเอาปั้นหน้าไม่ถูก เกิดมาชาตินี้เขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงสวยขนาดนี้เลย ทำเอาเริ่มๆจะเคลิ้ม
“น้อยๆหน่อยเจ๊ เด็กมันกลัวหัวหดแล้ว”
ไม่ทันสังเกต ชายหนุ่มอีกคนเค้าหน้าคล้ายสาวไฮโซข้างๆเขาเอ่ยปราม จริงๆแล้วเติมก็ไม่ได้อยากโดนขัดคอเท่าไหร่
“แหม ทำเป็นพูดไปนะพ่อเพลย์บอย” หญิงสาวเอ่ยสวนคนน้อง
“มานี่มา” มือใหญ่รีบดึงตัวเด็กหนุ่มออกมาจากการเกาะกุมของสาวแรงสูง
“ฮั่นแน่ แตะไม่ได้เลยนะจ๊ะพ่อจงอาง” หญิงสาวเลิกคิ้วเชิงรู้ทัน
เติมเห็นเป๊ปซี่กระซิบอะไรกับเพื่อนแว่นที่หางตา
“เออน่ะ” ร่างสูงตอบตัดบท “เติมกับทิปหวัดดีคุณเคทซะ เจ้าของรีสอร์ทนี้แหละ แล้วนั่นก็คุณคิม น้องชายคุณเคท”
เด้กหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้
“เรียกพี่ก็พอจ้ะ คนกันเอง” หญิงสาวขยิบตาให้ เสน่ห์ล้นเหลือ
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังมาจากหนุ่มหน้าใสอีกคนที่ยืนข้างคุณคิม แล้วหันหลังเดินลงไปอย่างรวดเร็ว
“แฟนแกผีเข้าหรอคิม นี่แขกชั้นนะยะ” พี่สาวแกล้งเม้งใสน้องชายเบาๆ แต่ไม่ได้ถือสาอะไร
คนเป็นน้องยักไหล่ ไม่ได้ใส่ใจอาการของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเท่าไหร่ และไม่ได้สนใจคิดจะเดินตามลงไปด้วย
“แฟนหรอครับ ผู้ชายหล่อๆนั่นเป็นแฟนคุณคิมหรอครับ” เสียงเป๊ปซี่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่กล้าๆกลัวๆ
“ครับ” ชายหนุ่มผู้ถูกถามตอบเปิดเผย พร้อมยิ้มให้คนถาม
“ดูแลเพื่อนๆกันให้ดีๆ ระวังหมาป่าแถวนี้คาบไปกินนะคะหนุ่มๆ” หญิงสาวกระเซ้าแหย่
ชายหนุ่มมาดผู้ดีหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอ หันยิ้มให้ทิป แต่เจ้าตัวเสหันมองออกไปทางอื่น
เติมคิดว่าพอจะรู้สาเหตุผีเข้าของหนุ่มหล่อคนเมื่อกี้แล้ว
“เห็นมั้ยแว่น ไม่เห็นแปลกเลยมึง”
เติมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเถียงกันของเหวยกับเป๊ปซี่ แต่จับใจความไม่ได้ คู่นี้ก็กัดกันตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ก็ตัวติดกันตลอดเวลาเช่นกัน
“เอาล่ะ ได้เวลาดินเนอร์แล้ว เจ้ามือขอเรียนเชิญทุกท่านนะคะ”
พูดถึงของกิน เหมือนเสียงสวรรค์ของหนุ่มน้อยทั้งหลาย ทุกคนจึงเคลื่อนพลไปยังห้องดินเนอร์หรู
“คุณเคทพักที่นี่ด้วยรึเปล่าครับ” เสียงทิปถามหญิงสาว
“เปล่าจ้ะ พี่มีบ้านอยู่ที่ภูเก็ตนี่แหละ เรียกพี่เถอะ เรียกคุณแล้วแก่ตายเลย” หญิงสาวยิ้มอารมณ์ดี
“แต่คิมเขาพาแฟนมาเที่ยว รายนั้นไปๆมาจากกรุงเทพจ้ะ”
ทิปพยักหน้ารับรู้ หญิงสาวซักถามต่อ คุยกันถูกคอ เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มเรียนมัณฑณศิลป์อยู่ และกำลังสนใจสไตล์การตกแต่งของรีสอร์ทแห่งนี้ พร้อมแนะนำว่าน้องชายของตัวเองจบสถาปัตย์และมีส่วนในการร่วมออกแบบที่นี่ คนเป็นน้องชายจึงร่วมเข้าวงสนทนาอย่างออกรสชาติ
“แฟนเก่าคุณสวยอย่างกับดารา” เติมหันไปพูดกับชายหนุ่ม ไม่รู้ทำไมตัวเองต้องเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา
“อย่าเคลิ้มล่ะ นี่แหละ ยัยตัวร้ายของจริง” ร่างสูงหันมาเตือนร่างบางเชิงเย้าแหย่
“คุณน่ะแหละ เห็นเกาะเอวกันกลม ถ่านไฟเก่าจะคุรึเปล่าไม่รู้” เติมแกล้งประชด
“ไม่คุหรอก สัญญา” ชายหนุ่มยิ้มสบตาร่างบาง
คนตัวเล็กเม้มปากซ่อนยิ้ม ไม่รู้ทำไมต้องอารมณ์ดีกับคำพูดของคนตัวโตด้วย
การกระทำของคนทั้งสองอยู่ในสายตาของเหวยและเป๊ปซี่
“เหวย มึงแพ้พนันกุแน่ เห็นมั้ย” เป๊ปซี่หันไปข่มคนข้างๆ
“ยังเว่ย แค่นี้ยังยืนยันไม่ได้หรอกน่ะ มึงอย่าเพิ่งดีใจไป” เหวยหนุ่มแว่นเถียงสู้
“เดี๋ยวมึงดูคืนนี้นะแว่น” คนหัวฟูยักคิ้วใส่
“คืนนี้มีไรดูวะเป๊ป บอลหรอ” เติมหันไปถามเมื่อได้ยินแว่วๆว่าเพื่อนสองคนชวนกันดูอะไรบางอย่าง
“เปล๊า มึงชิมอันนี้ยัง ทีเด็ด” เพื่อนตัวดีเสเปลี่ยนเรื่อง เอาของกินเข้าล่อมักเบี่ยงเบนความสนใจอย่างได้ผล
*************************************************************************************
กลับมาจากทำงานแล้วจ้าา อัพต่อเลยเนอะ
ส่วนที่เขียนไว้ล่วงหน้าก็เอามาโพสต์จนเกือบหมดแล้วล่ะ ไว้จะรีบๆแต่งต่อนะจ๊ะ
รักคนอ่านเหมือนเดิม