
คำเตือน....นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากมโนครับผม
ฉันมาทำอะไรที่นี่(วะ)ครับ
ย้อนกลับไปช่วงที่ผมไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้เรียนเป็นชิ้นเป็นอัน
นั่งๆนอนๆอยู่ที่คอนโดเจ๊นิดเสียมากกว่า
เฮียก็เรียนหนักไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร โทรมาคุยห้าถึงสิบนาทีต่อวัน
โดยโทรเข้าที่ห้องในคอนโด ตอนนั้นเฮียมีมือถือแต่ผมไม่มี
กำลังเซ็งๆคิดว่าอยู่ไปก็ไร้สาระ
ไปช่วยแม่ขายของ ไปกวนไอ้นิวที่บ้านยังจะดูมีประโยชน์เสียกว่า
“เฮีย...อีกวันสองวันผมจะกลับบ้านแล้วนะครับ”
ผมรีบบอกเฮียทันทีที่รับโทรศัพท์ที่ผมรอมาทั้งวัน
แค่กริ๊งแรกผมก็ยกหูแล้วครับ
มันไม่มีอะไรทำจริงๆ คอร์สติวอะไรก็ไม่ได้ลงกับเขา
อ่านเองอยู่ที่คอนโดมันก็ไม่มีแรงบันดาลใจ เหงาๆเฉาๆเบื่อๆเซ็งๆไปวันๆ
อีกอาทิตย์กว่าก็จะเปิดเทอมแล้ว กลับบ้านไปอ้อนแม่ดีกว่าครับ
“อย่าเพิ่งกลับสิครับ ยังไม่หายคิดถึงเลย”
เฮียทำให้ความตั้งใจของผมลดลงไปกว่าครึ่ง
“ก็ผมเบื่อ ไม่มีอะไรทำนี่นา เฮียโทรไปคุยกับผมที่บ้านก็ได้นี่นา”
จริงๆก็ลำบากอยู่ต้องโทรหลังสามทุ่มรอให้แม่ขึ้นนอนก่อนครับ เกรงใจแม่
“งั้นอยู่เที่ยวกับเฮียสักวันก่อนนะครับ จะแลกเวรให้ติดกันแล้วไปเที่ยวกัน”
ผมก็เออออแล้วแต่เฮีย ไอ้อยากเจอมันก็อยากเจอ
แต่ก็รู้สึกว่า ผมป็นตัวถ่วงรึเปล่าเนี่ย
นัดกันวันมะรืนจะไปเที่ยวทะเลกันครับ ก็คงบางแสนพัทยาแถบๆนั้น
นัดกันว่าเฮียจะมารับผมหกโมงเช้าที่คอนโด
ผมก็กลัวจะตื่นไม่ทัน ต่อรองแกเป็นเจ็ดโมงเช้าแทน
เฮียไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็คุยเล่นกันอีกนิดหน่อย
วางหูเสร็จผมก็รื้อเสื้อผ้าของตัวเองเอาออกมาจากตู้เสื้อผ้าของเจ๊นิด
เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นที่เอามามันก็เก่าๆ สีมอๆ เสื้อกีฬาสี กางเกงวอร์ม ดูจะสภาพดีที่สุด
เฮ้อ....อนาถาเสียเหลือเกิน
ล้วงกระเป๋าตังค์มาดู เอทีเอ็ม อะไรก็ไม่มีหรอกครับ
อยู่แต่ที่บ้านกับโรงเรียน พกเงินสดไม่กี่สิบบาทแค่นั้นในแต่ละวัน
เหลือตังค์ไม่ถึงสามร้อย หมดก็ขอเจ๊นิด
เงินที่แม่ให้มาฝากเจ๊แกไว้หมดกลัวหาย เอาติดตัวแค่สามสี่ร้อย เผื่อซื้อขนมกิน
อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่สักชุด
ทั้งๆที่แต่ก่อนมีแบบไหนก็ใส่แบบนั้น ไม่ได้ห่วงหล่อสักเท่าไร
แต่ตอนนี้เฮียแกอยู่ในสังคมนักศึกษาที่มีแต่คนหน้าตาดี แต่งตัวดี
ไอ้หน่อยมันเลยเหมือนเด็กบ้านนอกเชยๆเฉิ่มๆซีดๆจ๋องๆ
นอนกลิ้งไปกลิ้งมา หิวก็หาขนมกับนมในตู้เย็นที่เจ๊นิดซื้อมาตุนเอาไว้ให้
จนเย็นเจ๊นิดเลิกเรียนมา ตอนนี้แกพักเบรคงานที่โรงแรมก่อนเพราะใกล้สอบแล้ว
“ลุกขึ้นมาเลย...นอนอยู่ได้ทั้งวันไม่ร่าเริงเลยนะแก”
เจ๊นิดยืนเท้าเอวค้ำหัวผม เจ๊ใส่กระโปรงอยู่น้า ไอ้หน่อยไม่อยากดูใต้ร่มผ้าของใคร
ผมรีบลุกขึ้นนั่งจากที่เลี้อยลงมานอนเล่นที่พื้นห้องที่เป็นกระเบื้องมันเย็นดี
ฝุ่นก็ไม่มี เห็นแบบนี้...เจ๊นิดแกสะอาดมาก ห้องแกไม่มีแม้แต่เส้นผมที่พื้นสักเส้น
ข้าวของเป็นระเบียบ
เสื้อผ้าในตู้ที่แขวนก็เรียงไปทางเดียวกัน แยกประเภทชัดเจน
ส่วนที่พับวางเป็นตั้งก็เรียงเป็นแถวไม่มีโย้หรือเหลื่อมกัน
ยิ่งห้องน้ำแกใช้เสร็จแล้วจะเช็ดอ่างเช็ดเคาน์เตอร์ ไม่มีน้ำกระเซ็นหลงเหลือสักหยด
แต่แกก็ไม่ได้มาจ้ำจี้จ้ำไชให้ผมทำให้ได้เท่าแก แค่ไม่เละเทะเกินไปก็พอแล้ว
ผมถอนหายใจแล้วเล่าให้เจ๊ฟังว่าจะไปเที่ยวกับเฮียมี่สักวันก่อนกลับบ้าน
เจ๊นิดแกก็ยกข้อมือดูเวลา แล้วตัดสินใจ
“ไปจตุจักรกัน”
วันนั้นเป็นวันเสาร์เย็นมากแล้วเหมือนกันแต่จากคอนโดมันใกล้
สองพี่น้องพากันเดินลัดเลาะตามแผงเสื้อผ้าราคาถูก แรกๆผมก็กระตือรือร้นในการหา
แต่เจ๊นิดแกก็ชอบพูดว่า
“เห่ย...รสนิยมบ้านนอกมากนะหน่อย”
หลังๆผมเดินหน้างอตามหลังแก
เวลาเดินอยู่ด้วยกัน เจ๊นิดทั้งสูงทั้งตัวใหญ่กว่าผม
ความรู้สึกของผมตอนนั้นไม่มีหรอกที่จะมั่นใจในตัวเองหรือตัดสินใจอะไรได้
เจ๊แกเผด็จการรวบอำนาจเด็ดขาด
เจ๊นิดรำคาญที่ผมทำหน้าเบื่อๆ แกเลยจูงมือผมไปทิ้งไว้ที่ร้านไอติมโบราณ
ทีนี้ไอ้หน่อยก็เลยยิ้มได้ กินไอติมกะทิราดท๊อปปิ้งวุ้นมะพร้าวไปสองถ้วยจนเริ่มเสียวฟัน
สายตาก็มองคนที่เดินผ่านไปมา ทุกคนหิ้วถุงพะรุงพะรัง หน้ามันเหงื่อชุ่ม
แต่สีหน้าก็ยิ้มแย้มเพราะได้ของที่ต้องการ
ผมรอจนร้านไอติมจะปิด ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดหน่อยๆ
เจ๊นิดเดินยิ้มร่ามาแต่ไกล แล้วลูบหัวผม
“ผลัวะ”
นี่มันโบกนี่นา ไม่ใช่ลูบแล้ว
“ชั้นเหนื่อยกว่าแกนะยะ อย่ามาทำหน้างอ”

ตอนนี้ไอ้หน่อยมีเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเที่ยวทะเลกับเฮียแล้วครับ
เสื้อยืดคอกลมลายขวางสีฟ้าสลับขาว กลางเก่ากลางใหม่ แน่นอน...มือสอง
กางเกงสีขาวเข้มเหนือเข่าเล็กน้อย...ขาวเข้ม....มือสองเช่นกัน
ทั้งชุดสองร้อยห้าสิบจากฝีมือการต่อรองขั้นเทพของพี่สาวคนเดียวของผม
รองเท้าพละสีขาวคู่เดิมเยินๆแต่เจ๊ซักจนสะอาด
เชือกผูกรองเท้าสีฟ้าทำให้ดูดีมีสกุลขึ้นมาได้ แถมเจ๊แกเอาเข็มกลัดมากลัดตรงโน้นตรงนี้จนเก๋ไก๋
ทั้งหมดก็สามร้อยบาทพอดีครับ
สำหรับการเนรมิตไอ้เด็กบ้านๆจืดๆคนหนึ่ง
ให้กลายมาเป็นวัยรุ่นเด็กน้อยที่มีสีสันพอจะควงไปไหนได้
เจ๊สอนผมใส่เจลให้ผมตั้งขึ้นเล็กน้อยจากที่มันเส้นเล็กนิ่มเรียบแปล้ไปกับหัว
“ชอบมั๊ย”
เจ๊นิดเอียงคอดูผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจ
“ไม่ใส่เจลเหนียวๆนี่ไม่ได้เหรอเจ๊ เดี๋ยวเหงื่อออกมันย้อยมาที่หน้าเป็นสิวกันพอดี”
“รองเท้าพละเป็นรูเลยอ่ะ...ฮึ”
“เสื้อกางเกงมันตุ๊ดแหววไปมั๊ยเจ๊ ผมไม่อยาก....”
“อั่ก”

เจ๊นิดตบหลังให้กำลังใจผมอย่างแรงจนเจ็บไม่น้อย
“แกเลือกเอา จะใส่ชุดกีฬาสี หรือชุดที่เจ๊เตรียมไว้ให้ คิดเอาเอง”
เจ๊นิดชี้หน้าผมแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
“ง่ะ”
ความที่เป็นน้องที่อยู่ในโอวาทเจ๊มาตลอด
พอเจ๊แกออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อกล้ามตัวโคร่งกางเกงขาสั้น ดูเอาเถอะเจ๊แกแมนกว่าผมอีก
“เจ๊....ผมขอโทษ...แล้วก็...ขอบคุณ...ครับ”
ผมยกมือไหว้แก
น้ำตาซึมนิดๆ เมื่อคิดได้ว่าพ้นจากแม่ ผมก็มีแค่แกกับไอ้นิว เท่านั้นเอง

แกไม่พูดอะไรดึงผมไปกอดชั่วอึดใจเล็กๆแล้วผลักออกอย่างกับรังเกียจแน่ะ
“เจ๊เลือกสิ่งที่ดีที่สุด....ให้แกเสมอ...จำไว้”

กลับมาแล้วครับ ฮันนีมูน....แปะไว้ก่อนนะครับ
พอดีเรื่องนี้มันแวบขึ้นมาในหัวเสียก่อน
