46. เสียใจ
‘เสียง เสียงอะไร??’ ต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าเขาจะนึกออกว่าเสียงนั้นคือเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาเอง
‘อยู่ที่ไหน??’ มือเขาควานหาเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมแบนไปทั่วเตียง
เสียงหายไปแล้ว เขานิ่งไปอีก
‘เสียงมาอีกแล้ว มาจากไหนนะ?? ตอนนี้กี่โมง ทำไมถึงได้มืดแบบนี้’ เขาลืมตาขึ้นแทบไม่ไหว ตอนนี้ตาเขาคงบวมแน่ ๆ พีทพยายามยกเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก เห็นแสงสว่างจากมือถืออยู่ห่างไปเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปกดรับ
“พีท นี่พี่เองนะ”
“พี่โดม!! ฮึก ๆ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงพี่โดม พีทก็ร้องไห้หนักทันที พูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป
นานทีเดียวกว่าจะตั้งสติได้ พี่โดมยังคงรออยู่ในสายอย่างใจเย็น
“พีทพี่มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาได้รึเปล่า พี่รออยู่หน้าบ้านนะ” น้ำเสียงพี่โดมอ่อนโยนเหมือนกับรู้ว่าเขากำลังมีปัญหา
‘พี่โดมอยู่หน้าบ้าน?’ เรื่องที่ได้ยินทำให้เขาได้สติขึ้นมา ร่างสูงของพีทพยายามยกตัวขึ้นนั่ง เวลานี้มืดแล้ว ห้องเขามืดไปหมดไม่รู้ว่ากี่โมงกี่ยาม พีทกัดฟันลุกไปห้องน้ำจัดการตัวเองอยู่ครู่แล้วเดินออกจากบ้าน
พี่โดมยืนรออยู่ที่ข้างรถของตัวเอง พีทเดินไปถึงก็โผเข้ากอดพี่โดมทันที พี่โดมไม่ถามอะไรเลย มืออบอุ่นตบที่ไหล่เหมือนให้กำลังใจ ชวนเขาขึ้นรถแล้วขับออกไป
พวกเขาไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟที่ไม่วุ่นวาย พีทนั่งจมอยู่ในเก้าอี้ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่นานก่อนจะรวบรวมสติกลับมา เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่โดมฟังทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจ สิ่งที่เขาต้องการบอกพี่ฮั่นแต่เจ้าตัวไม่ยอมรับฟัง เขาเล่าให้พี่โดมฟังแทนทั้งหมด
พี่โดมไม่แปลกใจอะไรเลย ไม่ได้มองเขาเหมือนตัวประหลาด มีเพียงสายตาแสดงความห่วงใยและคำปลอบใจให้เขา พี่โดมนั่งฟังไปเงียบ ๆ บางครั้งก็ยกมือขึ้นตบไหล่บีบอย่างให้กำลังใจ
หลังจากพีทได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขานั่งเงียบกันไปนานจนในที่สุดโดมก็พูดขึ้น
“พีท พี่ไม่รู้ว่าพี่ฮั่นทำแบบนั้นเพราะอะไร แต่สิ่งที่พี่ยืนยันได้คือพี่ฮั่นก็รักพีทนะ แต่ในรูปแบบไหนพี่ก็ไม่รู้ พีทอย่าเสียใจไปเลย”
โดมนึกถึงวันที่พี่ฮั่นพาพีทออกมาจากโรงแรมที่พวกเขาถูกจับตัวไป ใครที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นรับรู้ได้ทันทีว่าพี่ฮั่นเป็นห่วงน้องชายมากขนาดไหน พี่ฮั่นเดินตามเปลพยาบาลที่เข้าไปรับตัวพีทที่หมดสติไม่ยอมห่างจนถึงโรงพยาบาล แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ในรถพยาบาลคันนั้นด้วยแต่ดูเหมือนพี่ฮั่นไม่เห็นเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะพี่ฮั่นเฝ้าแต่มองไปยังคนที่นอนสลบไม่รู้สึกตัวตลอดเวลา นี่ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นอีกตั้งมากมายที่เขาสังเกตเห็น
แม้กระทั่งเวลานี้ เขาไม่ได้โทรหาพีทโดยบังเอิญ แต่เป็นเพราะมีคนที่ร้อนใจโทรตามให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนน้องชายต่างหาก
โดมมองไปยังเพื่อนรุ่นน้องที่นั่งเงียบ พีทคงกำลังเสียใจอยู่ คงต้องให้เวลาสักหน่อย
พี่โดมขับรถมาส่งพีทที่หน้าบ้าน ให้กำลังใจเขาก่อนจะขับรถจากไป
พีทเหม่อมองตามท้ายรถพี่โดมจนลับตา แม้พี่โดมจะไม่มีทางออกให้เขาแต่พีทก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง หลังจากได้ระบายสิ่งที่อัดแน่นในใจออกมา ได้แต่ขอบคุณพี่โดมที่เสียสละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนยามที่เขาไม่มีใคร ก่อนหน้านี้เขารู้สึกโดดเดี่ยวกว่าครั้งไหนในชีวิต แต่ตอนนี้เขาอุ่นใจมากขึ้นที่รู้ว่า อย่างน้อยยังมีพี่โดมที่เข้าใจและรับฟังเขา
พีทกลับเข้าบ้านริมสระ ภายในบ้านเงียบสงัดในเวลาเกือบตีหนึ่งแบบนี้ มีเพียงแสงไฟจากภายนอกที่ลอดเข้ามาภายในบ้าน
เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพี่ฮั่น คิดอะไรอยู่นานจากนั้นจึงหมุนตัวเข้าห้องตนเองไปเงียบเชียบ
---------------------------------------------
“พี่หายดีแล้วเหรอ มากินเหล้าเนี่ย เดี๋ยวก็หามส่งโรงพยาบาลไม่ทัน”
แคนเอ่ยถามพี่ฮั่นที่คราวนี้เป็นฝ่ายโทรเรียกให้เขามานั่งเป็นเพื่อนกินเหล้า ซึ่งเขาก็เต็มใจทีเดียวเพราะตนเองก็มีเรื่องกลุ้มใจเช่นกัน แต่ดูเหมือนพี่ฮั่นจะมีเรื่องที่หนักหนากว่าเขา ใบหน้าเศร้าหมองของเพื่อนรุ่นพี่เป็นเครื่องยืนยันคำสันนิษฐานได้ดี พี่ฮั่นไม่เคยเศร้าเสียใจมากขนาดนี้มาก่อน
“หายแล้ว” คนตัวใหญ่ว่าแล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่ม
“น้องพี่นี่เก่งนะ เห็นอาการแวบเดียวก็ดูออกเลย ถ้าไปช้ากว่านี้อีกนิดคงแย่ ไม่อยากจะคิดเลย”
แคนที่รู้จักพี่ฮั่นมาตั้งหลายปียังไม่เคยรู้เลยว่าพี่ฮั่นแพ้กุ้งหนักขนาดนี้ เขาเอื้อมมือมาตบไหล่พี่ฮั่นด้วยความรู้สึกโล่งใจที่พี่ฮั่นปลอดภัย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ฮั่น แค่คิดก็ใจหายแล้ว
คนที่นั่งกุมแก้วเหล้าบีบมือแน่นเพียงแค่ได้ยินแคนเอ่ยถึง ‘น้องชาย’
ใช่ พีทรู้ทันทีที่เห็นเขามีอาการทั้งที่เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังเกิดอาการแพ้กุ้ง เขาแค่รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยเท่านั้น แต่พีทกลับสังเกตเห็นและพาเขาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา
เขาคาดคั้นเคนจนรู้ว่าใครเป็นคนลงมือ โกรธแทบทนไม่ได้ที่ถูกลอบทำร้ายอีกครั้งจากไอ้คนใจร้ายนั่น แทบแล่นไปจัดการมันด้วยตัวเองทีเดียว แต่สิ่งที่เคนเล่าต่อมาทำให้เขาถึงกับนิ่งไป พีทยิงเจเจกับลูกน้องเข้าโรงพยาบาลแทนเขาแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองถ้าเคนไม่ยืนยันว่าเห็นกับตาว่าพีทยิงปืนแม่นขนาดไหน
พีท คนที่แม้แต่คำว่า ‘ฆ่า’ ยังไม่กล้าพูด เด็กน้อยจิตใจอ่อนโยนคนนั้นกล้ายิงคนได้ สิ่งนี้ทำให้เขาหยุดความโกรธไว้ได้ อย่างน้อยน้องก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขา
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพีทถึงตามติดเขาตลอดเวลา พีทรู้มาตลอดว่า ‘มัน’ จ้องจะทำร้ายเขาอยู่ น้องเป็นห่วงเขา ยอมให้เขาต่อว่าอย่างไม่พอใจบ่อย ๆ ก่อนหน้านั้นเขากลับไม่สนใจ ไม่พูดคุยกับน้อง ทั้งที่พีททำไปทั้งหมดเพราะกลัวเขาเป็นอันตราย การที่พีทวนเวียนอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา ทำให้คนของมันหาโอกาสลงมือได้ยากขึ้นเพราะกลัวว่าหลานชายตัวเองจะเป็นอันตรายไปด้วย
‘พีท’ เขาเรียกชื่อนี้อยู่ในใจ
‘พี่ขอโทษ’“รักพี่มากๆ นะ” คำพูดเดิมยังก้องอยู่ในหัวไม่เคยจางหาย พีทเคยพูดแบบนี้ เขาดีใจที่รู้ว่าน้องก็รักเขาไม่แพ้กัน ตอนนั้นเขารู้ว่าน้องรักเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
แต่....
“ผมรักพี่ฮั่น”เผลอยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำนั้น....ไม่เคยคิด ความรู้สึกนุ่มนวลนั้นยังติดตรึงอยู่ที่เดิมไม่ยอมจางหาย เขายังจำความรู้สึกนั้นได้ดีแม้จะตกใจแทบสิ้นสติที่จู่ ๆ พีทก็ทำแบบนั้น
มันทั้งซาบซ่าน อ่อนหวาน แต่ขณะเดียวกันเขาก็เจ็บปวดเพราะรู้ว่าทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
เขาย้ำเตือนตัวเองมาตลอด หน้าที่ความรับผิดชอบ หน้าตาทางสังคม และที่สำคัญ บุญคุณของลุงคริสท่วมท้น ทำให้เขาต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้ก่อนจะสายเกินไป
“ฮั่น ลุงฝากน้องด้วยนะ ฮั่นเป็นคนที่ลุงไว้ใจมากที่สุด” ประโยคสั้น ๆ ของลุงคริสที่พูดกับเขาก่อนที่เขาจะย้ายกลับจากอังกฤษ
คำพูดเพียงไม่กี่คำแต่เต็มไปด้วยความหมายมากมายที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา มือที่บีบไหล่เขาไว้ราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมด
เขารู้ว่าลุงคริสเป็นห่วงพีทมากขนาดไหนเมื่อตัดสินใจจะลงเล่นการเมือง รู้ว่าลุงคริสฝากความหวังไว้ที่เขามากมายเพียงใด เขารู้จักลุงคริสดีพอ ๆ กับที่ลุงคริสรู้จักเขา
พีทต้องไปได้ไกลกว่านี้ พีทคือน้องของเขา น้องเล็กที่เขาดูแลมาตั้งแต่เด็ก
ทั้งที่รู้ ทั้งที่ย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลา ยิ่งเขาคอยย้ำกับตัวเองมากเท่าไรเขากลับจดจำความรู้สึกถึงสัมผัสนั้นได้แม่นยำ
ฝังแน่นในหัวใจ
------------------------------------------
พีทไม่อยากจะออกจากห้องไปพบหน้าใครทั้งนั้น แต่เขาต้องไป แม้ว่าเขาจะต้องฝืนใจมากขนาดไหน หน้าที่และความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่เขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่จำความได้
เขารีบออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เคนปล่อยให้เขาขับรถออกจากบ้านโดยไม่มีท่าทีห้ามปรามแต่อย่างใด ทำเพียงแค่ก้าวขึ้นรถโฟร์วิลด์คันใหญ่ขับตามมาห่าง ๆ
‘หึ’ พีททำเสียงประชดกับตัวเองเมื่อมองกระจกหลังเห็นรถของเคน
พี่ฮั่นรู้จักเขาดีเสมอและคงจะเดาได้ว่าเขาต้องทำแบบนี้ มือที่กำพวงมาลัยบีบแน่นขึ้นเพียงแค่นึกถึงพี่ฮั่น ความทรงจำไหลย้อนกลับไปถึงวันก่อน เรื่องราววันนั้นปรากฎแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า
เขามองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากภาพพี่ฮั่นลอยไปมาเต็มไปหมด ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บปวด ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเหยียบคันเร่งจมลงไปมากขึ้น ใบหน้าเคร่งเครียดของพี่ฮั่นที่เอ่ยย้ำว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ความเจ็บปวดแทรกซึมไปทั่วร่าง พีทไม่รับรู้ว่ารถกำลังเร่งความเร็วขึ้น ซูเปอร์คาร์ทะยานไปข้างหน้า เขาเหยียบลงไปจนเข็มบนหน้าปัดบอกความเร็วแตะที่ระดับสูงสุด
320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!
“......” เสียงเปียโนที่คุ้นเคยดังแทรกเข้ามา
พีทสะดุ้งเฮือก ดวงตาที่เหม่อลอยกลับมาโฟกัสภาพข้างหน้าแล้วต้องเบิกตากว้าง ไฟท้ายรถบรรทุกแก๊สสว่างกระแทกตาเขา
รถข้างหน้ากำลังเบรก!!!
“เอี๊ยดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!”
แอสตัน มาร์ติน One-77 คันงามหักซ้ายออกได้ทันชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดก่อนจะแฉลบเข้าจอดข้างทางกะทันหัน เสียงเบรกดังเสียดแก้วหู ทิ้งรอยล้อสีดำบนถนนเป็นทางยาวเกือบร้อยเมตรก่อนที่ซูเปอร์คาร์คันนั้นจะจอดสนิท
คนที่อยู่ภายในรถถอนหายใจพลางทิ้งศีรษะกับเบาะรถอย่างอ่อนแรง
‘เกือบไปแล้ว’ เสียงโทรศัพท์มือถือยังคงดังติดต่อกันไม่ยอมหยุด พีทคว้ามือถือขึ้นมากดไว้กับหน้าอกตัวเอง ปล่อยน้ำตาให้ไหล
‘พี่ฮั่นโทรหาเขา’ เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะสายเรียกของพี่ฮั่นไม่น่าจะดังแทรกเสียงเพลงที่เขาเปิดกระหน่ำในรถได้ แต่เขากลับได้ยิน และเสียงเล็ก ๆ นั่นดึงสติเขาให้กลับมา
เสียงเรียกเข้าที่อัดจากเปียโน ‘Canon in C’
พีทนั่งอยู่ในรถอยู่นาน จนกระทั่งเคนมาเคาะเรียกที่หน้าต่างกระจก
“คุณชาย ผมขอโทษครับ” เคนพูดพร้อมกับดึงตัวเขาออกมาจากรถ เปลี่ยนให้เขาไปนั่งฝั่งผู้โดยสารแล้วตัวเองก็เข้าประจำที่คนขับแทน
“ขออนุญาตนะครับคุณชาย” เคนเอ่ยอีกครั้งก่อนจะดึงมือถือในมือเขาขึ้นกดรับเพื่อบอกปลายสายว่าเขาปลอดภัย
ในที่สุดเขาก็มาถึงโรงแรม เวลาเช้าเช่นนี้มีเพียงพนักงานเดินไปมา พีทเดินไปทรุดตัวนั่งที่ซุ้มกุหลาบขาวในสวน ใจยังเต้นแรงอยู่เมื่อเพิ่งเฉียดความตายมาเมื่อครู่ เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น จมอยู่กับความคิดจนได้เวลาทำงาน
พี่โดมเข้ามากอดเขาไว้แน่นทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาในแผนก
“พีท ดีขึ้นรึยัง”
ใบหน้าเศร้าของเขาคือคำตอบ พี่โดมมองหน้าเขาด้วยแววตาหนักใจ แต่ไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่ตบไหล่ให้กำลังใจแล้วชวนเขาคุยเรื่องงานตามปกติ
------------------------------------------
พีทหลบหน้าพี่ฮั่น หลายวันแล้วที่หลังจากออกจากโรงแรมเขาก็แวะไปที่ผับของเกรซ นั่งอยู่เงียบ ๆ ในมุมหนึ่ง รอจนกระทั่งผับเลิกจึงขับรถกลับบ้าน
ชินร้องเพลงเก่งทีเดียวและก็เต้นเก่งมาก พีทยิ่งมองเขาก็ยิ่งนึกถึงคำพูดของพี่ฮั่นที่บอกให้เขาลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่พร้อมกว่าเขาขึ้นมาทำหน้าที่
พี่ฮั่นพูดถูก ชินเป็นมืออาชีพมาก เขาเอนเตอร์เทนคนดูให้สนุกสนานตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งได้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย
‘พี่ฮั่น’ เขายิ้มเยาะกับตัวเอง แม้จะหลบหน้าพี่ฮั่น แต่ตลอดเวลาเขาไม่เคยไม่นึกถึงพี่ฮั่นเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีเรื่องของพี่ฮั่นเกี่ยวข้องเต็มไปหมด
‘พี่ฮั่น’ แค่คิดถึงก็เจ็บปวด
เขาได้แต่เฝ้ามองไปที่เวทีแต่จิตใจกลับล่องลอยไปที่อื่น ไม่ใช่ผับดังแห่งนี้
“พีท นายเป็นอะไรรึเปล่า”
เกรซทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ เธอเห็นพีทเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและได้แต่เฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง เมื่ออดไม่ได้จึงลองเข้ามาถาม
“อกหัก” เขาตอบตรง ๆ
“เฮ้ย! อะไร นายไปรักใครตอนไหน ทำไมเราไม่เคยรู้เลย”
เกรซทำตาโต เธอแปลกใจอย่างมากที่พีทบอกว่าอกหัก ก็ไม่เคยเห็นพีทมีทีท่ากับใครเลยนี่ แล้วอกหักได้ไง?
พีทกลับพูดไม่ออก แค่นึกถึงน้ำตาก็มารอที่หัวตาแล้ว เขาต้องเงยหน้าพิงศีรษะกับเบาะนุ่มไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เกรซมองอาการนั้นของเพื่อนแล้วก็คิ้วขมวด หัวสมองทำงานเร็วรี่เพื่อทบทวนเรื่องราวตั้งแต่แรกที่เธอกับพีทรู้จักกันมา
ใครที่เข้ามาในชีวิตเขา คนที่เธออาจจะรู้จัก ต้องเป็นคนที่ช่วงนี้พีทสนิทด้วย ต้องเป็นคนที่พีทให้ความสนใจเป็นพิเศษ ต้อง...
“อย่าบอกนะว่า นายรัก เอ่อ...” คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้น เกรซไม่กล้าพูดออกมา
พีทหันมามอง ใบหน้าของเพื่อนเหมือนคนกำลังลำบากใจ
“อย่าว่ากันนะ” เกรซถามเหมือนขออนุญาต สบตาคุณชายแล้วก็รวบรวมความกล้าพูดออกมา
“นายรักพี่ฮั่นใช่...มั้ย?” หางเสียงเบา
คราวนี้พีทเป็นฝ่ายทำตาโตบ้าง
“เกรซ เธอรู้ได้ไง”
เขาแปลกใจอีกครั้ง คราวก่อนริท ล่าสุดก็พี่โดม นี่เกรซอีกคน ทำไมทุกคนเดาถูก ทำไมทุกคนถึงดูออกว่าเขารักใคร นี่เขาออกอาการอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ
“เฮ้อ” สาวสวยถอนหายใจ ใช่จริง ๆ ด้วย
เกรซเงียบไปอย่างตั้งสติ จากนั้นจึงเริ่มต้นพูด
“ตอนแรกเราก็คิดไม่ออกเพราะเรารู้ดีว่านายไม่ได้คบกับสาวที่ไหน นายไม่เคยสนใจใครเลยทั้งที่มีแต่คนชอบนายตั้งเยอะแยะ แต่พอนึกดูดี ๆ คนที่เข้ามาอยู่ในความสนใจของนายน่ะมีแค่คนเดียว แม้ว่าตอนแรกนายจะทำท่าไม่สนใจก็เหอะ”
“พอพี่ฮั่นมา นายก็เปลี่ยนไป รู้ตัวไหม” คราวนี้เกรซยิ้มเมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของเพื่อน
พีทส่ายหน้า มือที่วางพนักเก้าอี้ขยุ้มเบาะนุ่มนั้นไว้แน่น แค่ได้ยินคนพูดถึงพี่ฮั่น นี่เขาเป็นขนาดนี้เชียวหรือ?
“เรารู้ว่าพีทน่ะชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของนายใช่ไหม ไม่ว่าใครก็ตาม แต่กับพี่ฮั่นนายกลับยอมให้พี่ฮั่นตามติดได้ขนาดนั้น แล้วพี่ฮั่นยังสามารถทำให้นายทำตามที่เขาต้องการได้ด้วย เราว่าคนอย่างนายถ้าไม่ยอมซะอย่าง ไม่ว่าใครก็คงเปลี่ยนใจนายไม่ได้แต่พี่ฮั่นทำได้.....”
“....ความจริงต้องบอกว่า พีท ‘ยอม’ ให้คนคนนี้ ถูกไหมล่ะ” สาวสวยว่าพลางยิ้ม
“นายเป็นคนน่ารักนะ กับเรา นายไม่เคยโกรธหรือว่าอะไรเรารุนแรงสักที ขนาดพี่ร็อกกี้แซวแรง ๆ ไม่เห็นนายเคยโกรธเลย แต่กลับโมโหใส่พี่ฮั่นอยู่คนเดียว เราว่าพี่ฮั่นคงจับจุดนายถูกใช่ไหมล่ะว่าทำยังไงถึงจะทำให้คุณชายโมโหได้ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะนายให้ความสำคัญกับเขาไงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนเวลาถูกยั่วโมโหน่ะ ปกติคนเราถ้าไม่สนใจซะอย่าง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย....”
คราวนี้เกรซยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงตอนที่เธอเห็นพีททะเลาะกับผู้ดูแลบ่อย ๆ ในร้าน
“คนมีโลกส่วนตัวอย่างนายกลับต้องการให้มีพี่ฮั่นอยู่ด้วยตลอดเวลา นายน่ะไม่เคยห่างจากพี่ชายเลยนะตั้งแต่พี่ฮั่นกลับมา แสดงว่าคนคนนี้ต้อง ‘พิเศษ’ นายถึงต้องการอยู่ใกล้เขา”
“จำคราวก่อนนั้นได้มั้ย ที่เรานัดไปฟังเพลงที่ร้านพี่โดมกันน่ะ”
เกรซยิ้มเมื่อนึกถึงเดือนก่อนที่เธอโทรไปชวนพีทให้ไปนั่งฟังพี่โดมร้องเพลงที่ร้านอาหารกึ่งผับที่พี่โดมร้องประจำอยู่
“เรามาถึงร้านแล้วหลบไปยืนอยู่แถวเคาน์เตอร์บาร์ แล้วแอบมองนายเอาแต่คุยกับพี่ฮั่น ไม่สนใจใครเลย.....”
เธอเดินเข้ามาในร้านก็สังเกตเห็นทั้งคู่ทันที ภาพสองหนุ่มที่นั่งเคียงกันจนชิดทั้งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่ก็ยังมีที่เหลือเฟือ ทั้งคู่พูดคุยกันสนุกสนาน พีทที่คอยโอบไหล่พี่ชายตลอดเวลา ทำไมไม่รู้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่อยากเข้าไปทำลายบรรยากาศ
'ทำเหมือนโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคนอย่างนั้นแหละ' เกรซมองไปแล้วก็ยิ้มให้ภาพนั้น
พีทดูสดใสขึ้นมากตั้งแต่พี่ฮั่นกลับมา เมื่อก่อนเพื่อนเธอก็เป็นคนร่าเริง เวลาร้องเพลง เวลาเต้น เขามักจะยิ้มอย่างเป็นสุขเสมอเพราะได้ทำในสิ่งที่เขารัก แต่คราวนี้มันแปลกไป เธอรู้สึกว่าพีทดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
เพราะมีพี่ฮั่นใช่ไหมล่ะ
ตอนนั้นเธอคิดว่าพีทอาจจะกำลังมี ‘ความรัก’ เพราะสายตาของพีทนั้นแสดงชัด แต่คนตรงหน้าพีทเป็นพี่ฮั่น ทำให้เธอคิดเพียงว่าพีทคงจะรักพี่ชายคนนี้มาก
“เราว่านายคงไม่รู้ตัวหรอก ตอนนั้นน่ะ เวลาเรารักใครแววตามันปิดไม่มิดหรอก”
สาวสวยทำหน้าตาแก่ประสบการณ์เมื่อกล่าวประโยคนั้น มองหน้าเพื่อนที่นั่งฟังเงียบ
ใบหน้าพีทตอนนี้อมทุกข์ หม่นหมอง ไม่เหมือนที่ผ่านมา
“นี่แล้วเรื่องเป็นยังไงถึงอกหัก พี่ฮั่นเขารักคนอื่นหรือเพราะ เอ่อ..” คราวนี้เกรซกลับพูดไม่ออก
พีทถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะเอ่ย
“มันเป็นไปไม่ได้ ใช่ แบบที่เธอคิดไงล่ะ” เขายอมรับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบัง
“เราเป็นพี่น้องกันแค่นี้มันก็จบแล้ว ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ”
พอมีคนรับฟังความรู้สึกเขา เขากลับพูดถึงมันได้อย่างไม่เจ็บปวดมากนัก อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่คอยรับฟังเขาอยู่ ทั้งริท พี่โดมและเกรซ
'แต่พวกเขาไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ นี่' สาวสวยแย้งอยู่ในใจ
“แล้วพี่ฮั่นเขาคิดยังไงกับนายล่ะ เราหมายถึงความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ฮั่นน่ะ”
เกรซย้อนถามพลางนึกไปถึงพี่ฮั่นที่เธอเคยเห็น
คนที่เป็นห่วงความปลอดภัยของพีทมากถึงกับยอมเป็นคนอื่นเพื่อมาดูแลน้องชาย ทั้งที่เป็นถึงรองประธานบริษัทแต่ก็ยอมมาเป็นคนคอยรับคำสั่งคุณชายยอมให้พีทต่อว่าอย่างไม่พอใจบ่อย ๆ
ตลอดเวลาที่พี่ฮั่นอยู่ เธอเห็นพี่ฮั่นดูแลพีทเป็นอย่างดี จะว่าไปพี่ฮั่นทำอะไรเพื่อพีทมามาก มากกว่าพี่ชายทั่วไปจะทำให้น้องซะอีก
‘เป็นไปได้ไหมว่าพี่ฮั่นอาจจะ...’“เขาไม่ยอมรับความรู้สึกของเราด้วยซ้ำ เขาเอาแต่พูดว่าเราเป็นพี่น้องกัน เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน”
พีทพูดแทรกความคิดของเกรซ ใบหน้าสลดลงเมื่อต้องพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก คำพูดที่ตอกย้ำเขามากขึ้น
'แต่ยังไงมันก็คงแปลกนั้นแหละ ถ้าพี่น้องจะรักกันเอง แล้วลุงคริสกับคุณโรสจะยอมรับได้หรือ อืม เรื่องนี้มันก็จบตั้งแต่ไม่เริ่มจริง ๆ นั่นแหละ'เกรซเงียบไปเมื่อครุ่นคิดถึงปัญหานี้ แววตาที่มองเพื่อนเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เท่าที่เธอรู้พีทไม่เคยรักใครมาก่อน เขาแค่ยิ้มเวลามีสาวสวยมาทำท่าสนอกสนใจแต่ไม่เคยสานต่อกับใคร เกรซยังเคยแซวเพื่อนเธอบ่อย ๆ
“เราเฉย ๆ นะ ไม่รู้สึกอะไรจะให้สานต่อทำไม เอาไว้ไปตกหลุมรักใครแล้วค่อยว่ากัน” พีทเคยตอบเธอแบบนั้น แล้วพอเขามีความรักขึ้นมา ก็กลับเป็นความรักที่ยาก
“เฮ้อ” ที่ปรึกษากลับกลายเป็นฝ่ายถอนหายใจเสียเอง
“พีท เราก็ไม่รู้จะช่วยนายยังไง เอาเป็นว่าขอให้นายดีขึ้นไว ๆ ละกันนะ” เกรซบอกแล้วยิ้มให้เพื่อนอย่างจริงใจ
พีทหันไปยิ้มกับเกรซอย่างขอบคุณ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โดดเดี่ยว
“ขอบใจนะเพื่อน โย่ว” หนุ่มน้อยยกกำปั้นชนกับเกรซ
เธอหัวเราะให้กับท่าทางเด็กฮิปอกหักของคุณชาย
--------------------------------------