“โธ่เว้ย!!!!” กระป๋องเบียร์เปล่ากระแทกลงพื้นตามแรงโมโหของคนขว้าง…น้ำแข็งขมวดคิ้วแน่นหอบหายใจแรงๆ
“มึงทำลายข้าวของแล้วหาน้องๆเจอหรือไง?!!” เบียร์ตะโกนมาจากโซฟาตัวยาวอีกฝั่ง น้ำแข็งขยี้ผมตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด
ทั้งน้ำแข็งและเบียร์ออกตามหาตัวสปายและโซดาตั้งแต่เมื่อคืน แม้ว่าจะสั่งงานลูกน้องไปแล้ว แต่ไม่สามารถทำใจเย็นรอฟังรายงานจากลูกน้องเพียงอย่างเดียวได้
ทั้งวันมานี้ ทั้งน้ำแข็งและเบียร์ออกตามหาน้องๆไม่หยุดพัก ...ความเป็นห่วงพาลให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
น้องจะเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน ใครเอาตัวไป
ตลอดเวลามีเพียงคำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว…
ความโมโห ความโกรธ ความหงุดหงิด ตีรวนอยู่ในร่างกาย ที่ทำได้คือพยายามตั้งสติ…
วันนี้พวกเขาเข้าออกแต่ละที่ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง เพื่อรวบรวมเบาะแส
ที่โรงเรียน…น้ำแข็งพูดคุยกับครูประจำชั้นของสปาย ได้ความว่า วันนี้สปายขาดเรียน
ที่ผับ…ทุกคนในร้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสปายและโซดาไม่ได้มาที่ร้านเกือบเดือน
ที่ห้องเก่าของทั้งสองคน…มีคนมาเช่าต่อ เมื่อถามคนในละแวกนั้นแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นและคงไม่มีทางที่จะเห็นสปายและโซดาในที่แบบนี้อีก
น้ำแข็งและเบียร์พยายามสืบถามผู้คนในแต่ละที่ ว่าสปายและโซดามีเรื่องขัดใจกับใครบ้างไหม…
ที่โรงเรียน… มีนักเรียนบางคนไม่ชอบสปาย…คอยแกล้ง คอยจิกกัด มีปากเสียงกันบ้าง แต่ไม่รุนแรงจนต้องเข้าห้องปกครอง น้ำแข็งวานโชกุน…. ช่วยจับตาดูพฤติกรรมของคนที่ไม่ชอบสปาย …โชกุนไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดของสปาย น้ำแข็งบอกเท่าที่บอกได้
ที่ผับ…มีพนักงานบางคนไม่ถูกชะตากับสปายและโซดา แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องกัน พวกเขาให้ลูกน้องจับตามองผู้ต้องสงสัยอย่างใกล้ชิด
ที่ห้องเก่า….ตั้งแต่เกิดเรื่อง“ไอ้ต้อง” เพื่อนร่วมตึกที่เคยไม่ชอบน้องๆก็มีท่าทีกับน้องๆดีขึ้น อาจเพราะความสงสารหรือสมเพช ไม่สามารถไม่ทราบได้…แต่เท่าที่สังเกต ไม่มีใครมีท่าทีไม่ชอบโซดาและสปายเลย แต่กระนั้นทั้งเบียร์และน้ำแข็งก็ไม่ไว้ใจ สั่งลูกน้องชุดหนึ่งเฝ้ายามที่ตึกแห่งนี้
เดี๋ยวนะ…. ไอ้ต้อง?
น้ำแข็งขมวดคิ้วแน่น
มันคือคนที่ทำร้ายน้องอย่างนั้นเหรอ?...
ในตอนนั้น ทั้งน้ำแข็งและเบียร์รู้แค่สปายและโซดามีเรื่อง… แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เขาไม่บังคับให้น้องๆเล่า เพราะรู้ว่ามันจะทำร้ายความรู้สึกกันเปล่าๆ….
พวกเขาเพิ่งได้ยินชื่อ “ต้อง” จากอดีตเพื่อนร่วมตึกของน้องๆเมื่อเย็น
‘ต้อง’เหรอ? ….
พลันสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงน้ำแข็งสั่นครูด มือหนาควักออกมา เห็นชื่อบนหน้าจอแล้วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“อือ” รับสายได้คำเดียวก็ต้องนิ่งฟังคนในสายบ่นยืดยาว น้ำแข็งนวดหัวคิ้วเบาๆ
“เลื่อนวันพรีเซนต์ได้ไหมวะ?” เสียงน้ำแข็งเหนื่อยอ่อนแทบแหบพร่า กระแอมเบาๆเพื่อสนทนากับคนในสายต่อ
“กูยังไม่พร้อมจริงๆว่ะโอม… กูขอเวลา” น้ำแข็งถอนหายใจแรงๆใส่โทรศัพท์
“ใช่…กูมีปัญหา” เสียงของน้ำแข็งเบาลงเรื่อยๆจนคนในสายใจเสีย
“สปายกับโซดาหายไป....” น้ำเสียงแหบพร่า แม้แต่น้ำแข็งเองยังตกใจ
“กูกำลังตามหาอยู่ กู… เออ กูอยู่บ้าน” น้ำแข็งพูดได้เท่านี้สายก็ตัดไป
น้ำแข็งเงยหน้ามองคนเป็นพี่ที่นั่งกุมขมับอยู่เงียบๆ พลันได้ยินเสียงของคนมาใหม่เดินเข้ามา สองพี่น้องหันมองทันที
“กูไปสืบมาแล้วนะ” คนมาใหม่เอ่ยเข้าเรื่องอย่างไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไกรทิ้งตัวลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่ง วางกระดาษ 2-3 แผ่นลงบนโต๊ะเตี้ย
“ลูกน้องกูที่เป็นตำรวจไปขอดูวิดีโอกล้องวงจรปิดของคอนโดฯ แต่วิดีโอที่คาดว่าจะมีภาพของคนร้ายถูกซื้อไปหมด”
“รู้ตัวคนซื้อไหมวะ?” เบียร์ย่นคิ้ว
“จะว่ารู้ก็รู้ แต่แน่ล่ะ ไอ้ตัวบงการมันคงไม่ซื้อเองหรอก ตอนนี้เรารู้แค่ว่าคนที่ซื้อมันชื่อ “ต้อง””
“ต้อง?” น้ำแข็งทวนชื่อ ไม่ได้ถามอะไรต่อ ขมวดคิ้วแน่นกับชื่อนั้น
“จากคำบอกเล่าของพนักงานคอนโดฯ นี่คือภาพสเก็ตของคนที่ชื่อต้อง” ไกรเลื่อนกระดาษ A4 1 แผ่นออกจากกองกระดาษ น้ำแข็งย่นคิ้ว คว้ากระดาษไปดู เบียร์ปล่อยให้น้องชายดูโดยไม่ขัด หันมาคุยกับไกรต่อ
“แล้วจะสาวไปถึงหัวหน้ามันได้ไหมวะ?”
“กูไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรกับพนักงานคอนโดฯบ้างนะ แต่ไม่มีพนักงานคอนโดฯคนไหนหลุดปากพูดถึงใครที่น่าสงสัยเลย นอกจากไอ้ต้อง”
“เหตุผลที่ไอ้ต้องมันซื้อล่ะ?”
“มันอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ขอซื้อไปประกอบคำให้การคดีห่าเหวอะไรของมันไม่รู้ อ้างว่ามีคนในคอนโดฯไปแจ้งความกับมัน มีสำเนาบันทึกแจ้งความด้วย” ไกรเลื่อนกระดาษ A3 1 แผ่นออกจากกองกระดาษ บักทึกแจ้งความหราบนโต๊ะ
“นี่คือของปลอม…แบบฟอร์มนี้ไม่ใช่ใบรับแจ้งความของจริงแต่ก็ทำได้ใกล้เคียง แต่สำหรับพนักงานคอนโดฯ เขาไม่ต้องรู้เรื่องพวกนี้ แค่รู้ว่าเป็นบันทึกแจ้งความ เขาก็ยอมขายวิดีโอเทปให้ไอ้ต้องแล้ว”
“แล้วไอ้ชื่อ “ต้อง”เนี่ย มันชื่อของมันจริงๆหรือชื่อปลอม?” เบียร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ชื่อจริงหรือปลอมยังไม่รู้ แต่เราได้ภาพสเก็ตมันมาแล้ว ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย”
“พวกมันไม่มีพิรุธอย่างอื่นเลยเหรอวะ? มันก่อคดีลักพาตัวนะเว้ย!” เบียร์โวยลั่น
“ไม่มีใครสงสัยพวกมันไง พวกมันก่อเหตุช่วงที่คนเมืองกำลังวุ่น ห้าโมงเย็น…ไม่มีใครสนใจใครหรอก จากห้องของน้องไปลานจอดรถใช้เวลาน้อยมาก ต่อให้น้องโวยวายก็เรียกความสนใจจากคนอื่นไม่ได้หรอก ตามหลักจิตวิทยานะ เมื่อมีคนถูกทำร้ายท่ามกลางคนหมู่มาก จะไม่ได้รับความสนใจเท่าคนที่ถูกทำร้ายในที่เปลี่ยว เพราะในที่ที่คนเยอะๆ ทุกคนจะมองว่าเดี๋ยวก็มีคงมีคนเข้าไปช่วย เราไม่ต้องช่วยหรอก พอทุกคนคิดแบบนี้ เรื่องของน้องก็จะถูกลดความสนใจไป เขาจะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นด้วยซ้ำ เพราะการทะเลาะกันในที่ที่คนเยอะๆมันเหมือนแค่พี่น้องทะเลาะกัน มึงเข้าใจไหม?”
“แต่พวกมันคงมีมากกว่า 2 มันจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่นบ้างเหรอพี่?” น้ำแข็งย่นคิ้ว
“อาจจะเป็นไปได้ที่พวกมันเข้าไปในห้องมากกว่า 2 แต่ตอนที่พวกมันพาน้องมาขึ้นรถ มันอาจจะแบ่ง 2 คน ประกบน้อง 1 คน อย่างที่บอก จากห้องไปลานจอดรถใช้เวลาไม่นาน แค่พวกมันเดินเร็วๆก็จับน้องขึ้นรถได้แล้ว 1 คน และต่อให้น้องโวยวายก็คงเหมือนแค่พี่น้องทะเลาะกันนั่นล่ะ ห้าโมงเย็น.. ไม่ใช่เวลาที่คอนโดฯเงียบ ลานจอดรถ ทางเดิน ลิฟต์ ทุกที่เป็นแค่ทางผ่าน ทุกคนแค่เดินสวนกัน แค่นั้น”
ไกรนิ่งมองสองพี่น้องถอนหายใจใส่กันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจตาม
“กูช่วยพวกมึงเต็มที่เว้ย ไม่ต้องห่วง ในห้องของน้องมีลายนิ้วมือทั่วห้อง ลูกน้องกูกำลังเก็บลายนิ้วมือพวกนั้นมาแยกแยะว่ามันเป็นของใครบ้าง”
เบียร์สบตาเพื่อน ยื่นมือตบบ่าเพื่อนแรงๆ
“กูขอบใจมึงจริงๆไอ้ไกร” บีบไหล่แรงๆก่อนผละออก ไกรตอบโดยตบบ่าเพื่อนเบาๆ…ให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไรมึง กูเต็มใจ อย่าให้เสียชื่อที่มึงมีเพื่อนเป็นเจ้าพ่ออย่างกู”
เบียร์ยกยิ้มน้อยๆ อยากยิ้มให้มันมากกว่านี้แต่ความเพลียสั่งให้ยิ้มออกไปได้แค่นั้น
“แล้วไอ้อ๋องล่ะวะ?” ไกรถามขึ้น
“มันรู้เรื่องเรื่องแล้ว กูเจอมันที่โรงเรียนของสปายเลยบอกมัน แล้วก็บอกน้องมันให้ช่วยดูให้”
“สปายกับโชกุนอยู่โรงเรียนเดียวกัน?”
เบียร์พยักหน้าตอบ
พลันเสียงพูดคุยโวยวายดังแทรกเข้ามา บุรุษสามคนที่นั่งสนทนากันอยู่หันขวับตามเสียงนั้น กลุ่มคนมาใหม่ยกมือไหว้ทักผู้ที่อายุมากกว่า
“พี่เบียร์ พี่ไกร สวัสดีครับ” โอมและแมนทิ้งตัวประกบซ้ายขวาของน้ำแข็ง เปรมนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว
“เกิดอะไรขึ้นวะ?!”เปรมโวยลั่น จ้องหน้าน้ำแข็ง
“น้องๆหายไป” น้ำแข็งว่าเหนื่อยๆ ไม่ได้สาธยายต่อ
แมนย่นคิ้ว มองแผ่นกระดาษบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า
“ที่ว่าน้องๆหายไป น้องไม่ได้หนีแต่ถูกลักพาตัวใช่ไหม?!” แมนถามเสียงเครียด น้ำแข็งผงกหัวตอบ เปรมและโอมเบิกตากว้าง
“รีบบอกรายละเอียด ด่วนๆ! พวกกูจะได้ช่วย!” โอมว่าเสียงเครียด
น้ำแข็ง เบียร์ และไกร ช่วยกันเล่ารายละเอียดให้อีก 3 คนรับรู้
ห้องนั่งเล่นในบ้านหลังใหญ่เต็มไปด้วยความเครียด แต่กระนั้นก็สัมผัสได้ถึงความเป็นพี่น้องและมิตรภาพอันอบอุ่น
…ทุกคนต่างเป็นห่วงสปายและโซดา…
คนที่ห่วงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น…เบียร์และน้ำแข็ง…
ความห่วงนี้จะส่งถึงโซดาและสปายบ้างไหม..
…ขอให้น้องๆปลอดภัย…
แค่ทำงานกลางคืน
ใจเย็นๆค่ะ! ใจเย็นๆ > < หายใจเข้าลึกๆ ฮึ้บบบบบ หายใจออกยาวๆ ฟู่~~~~~~~
อีกครั้งค่ะ ฮึ้บบบบบบบบบบ ฟู่~~~~~~~~
ยังไม่ดีขึ้นเหรอคะ? > < ฮึ้บบบบบบบบบบบบบบบบบ ฟู่~~~~~~~
ใจเย็นๆค่ะ > < อย่าเพิ่งขว้างรองเท้าใส่แอม > <!
เจอกันตอนต่อไปค่ะ
#วิ่งหลบรองเท้า > <