DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 671127 ครั้ง)

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
R.E.V.E.N.G.E

TWO





        ผมมองชายต่างชาติกับข้าวของของเขา กระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ และกล่องไม้แกะสลักอย่างดีอีกหนึ่งกล่อง ผมที่กำลังจะออกไปไร่เจอเข้าแบบนี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก

        “อะไร” ผมชี้นิ้วไปที่ข้าวของของเอเดนที่วางกองอยู่หน้าบ้าน

        “ผมจะมาอยู่ที่นี่” เขาตอบอย่างมั่นใจว่าเขาจะทำได้อย่างที่ต้องการโดยที่ผมจะยินดี 

        “ใครอนุญาตคุณไม่ทราบครับ” ผมถามกลับ ยืนเท้าเอวตีหน้ายียวน

        “พ่อเอง เอเดนเขามีความรู้เรื่องไวน์เยอะมาก พ่อเลยให้เขามาทำงานกับเราเลย” พ่อผมในชุดพร้อมเข้าไร่บอกพร้อมกับเรียกคนงานที่อยู่ใกล้ให้มาช่วยขนกระเป๋าของเอเดนไปไว้ที่ห้องพัก

        “เดี๋ยวนะ” ผมหยุดพ่อและลูกน้อง

        “เราคุยกันแล้วนะพ่อ” ผมหันไปหาพ่อ เริ่มจะหงุดหงิดตั้งแต่เช้า เดินเลี่ยงเพื่อคุยกับพ่อสองคนอีกทาง

        “ก็ใช่ แต่ลูกบอกว่าจะให้โอกาสเขา” พ่อพูด เหลือบตามองเอเดน ผมก็มองด้วย เขามองผมกับพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น สีหน้าเขาไม่ได้แสดงออก แต่ผมอ่านได้จากแววตา เวลาเอเดนสนใจอะไร ดวงตาสีเขียวมรกตของเขาจะแวววาวสีอ่อนลง ดูสดใสเปร่งประกาย ผมหันหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองสนใจเขามากเกินไป

        “ให้โอกาส นั่นหมายถึงผมจะจัดการเขาเอง”

        “อ่อ ลูกจะบอกว่าพ่อยุ่งว่างั้น” สีหน้าของผมเครียดขึ้ง

        “เปล่า แต่พ่อ เรื่องเอเดนขอผมจัดการเองได้ไหม”

        ผมอยากต่อท้ายเหลือเกินว่า พ่อตามเล่ห์เหลี่ยมเอเดนไม่ทันหรอก เขามันเจ้าวางแผน

        “แต่เรื่องที่จะให้เขามาช่วยงานที่โรงบ่มไวน์ พ่อจริงจังนะ เขาน่าจะช่วยพลักดันเราเรื่องนี้ได้ พ่ออยากให้ลูกรับเขาไว้ เพราะเขาจะเป็นประโยชน์ต่อเราเรื่องการพัฒนาไร่และสินค้า”

        ผมคิดหนัก ที่พ่อพูดมามันก็จริง เอเดนมีความรู้เรื่องการผลิตไวน์มามากกว่าผม เขาเจนจัดเรื่องนี้ แถมยังมีเครือข่ายทั่วโลก ถ้าได้เข้ามาช่วยอนาคตไร่และไวน์ของเราจะต้องก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ติดอย่างเดียวเท่านั้น

        “ถ้าอย่างนั้นผมขอคุยกับเขาก่อน” ผมเดินกลับไปหาเอเดนที่ยืนนิ่งมองผมไม่วางตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว พ่อยืนเท้าเอวหย่อนขาข้างหนึ่งอย่างสบายๆ ส่งยิ้มให้เอเดนอย่างเป็นมิตรต่างจากผมที่หน้าบึ้ง

        “ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่ทำงานที่นี่ ผมจะต้องเป็นคนสัมภาษณ์คุณก่อน ต่อให้พ่อผมจะอยากได้คุณมาช่วยงานแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่ผ่านการสัมภาษณ์งานกับผม คุณก็เก็บของกลับไปในที่ของคุณซะ ว่ายังไง” ผมเลิกคิ้วสูงถามเอเดน เขาทำหน้านิ่งก่อนจะยกยิ้มบางๆ

        “ก็เอาสิ ยังไงผมก็ผ่านอยู่แล้ว”

        ผมเกลียดความมั่นใจของเขาเหลือเกิน

        “ถ้าคิดว่าเจ๋งก็ลองดู ตามผมมา”

        ผมเดินนำเอเดนไปที่ห้องสำนักงานที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเดินไปไร่ ฝีเท้าของเอเดนดังอยู่ด้านหลังและใกล้ๆเข้ามาเรื่อยๆ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเขาก็เดินทันผม เราเดินเคียงข้างกัน ผมหันไปมองก็เห็นของมองผมอยู่ก่อนแล้ว

        “คุณเคยใจดี” เขาพูด

        “ผมใจดีกับคนที่ควรได้รับ” ผมตอบ หันหน้ามองตรง

        “ผมก็คนเดิม อันที่จริง ก็ไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ ผมเปลี่ยนไปแล้ว” เสียงของเขาแผ่วในตอนท้าย

        “ผมไม่เห็นคุณจะเปลี่ยนไปตรงไหน” ผมแย้งเสียงแข็ง

        “ผมรู้ว่าคุณรู้”

        ผมไม่พูดอะไรต่อ เดินมาจนถึงห้องสำนักงาน ผมจะแวะมาที่นี่ในตอนเช้าบ้างหรือเย็นบ้างถ้ามีงานเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งที่นี่จะมีคนทำอยู่แล้ว คุณกันยาเลขาของผมจะเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดกับพนักงานบัญชีอีกคนชื่อคุณขวัญพร พนักงานในไร่ไม่เยอะ เพราะส่วนมากผมจะทำเองเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเงิน ผมไม่รับพนักงานเข้ามาทำเพราะอยากดูแลเรื่องนี้เอง ไว้กิจการขยายมากขึ้นกว่านี้ค่อยคิดเรื่องหาคนมาดูแทน

        “สวัสดีค่ะคุณยอร์ช” คุณกัญญาเอ่ยทักผม แม้จะอายุสี่สิบแล้วแต่เธอก็ยังสวยอยู่ บางครั้งเธอจะพาลูกสาวมาเล่นที่นี่ด้วย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอม น้องลูกแก้วจึงไปเรียนไม่ค่อยได้มาเที่ยวเล่นที่ไร่บ่อยนัก

        “สวัสดีครับ วันนี้มีงานอะไรเพิ่มเติมไหมครับ” ผมถาม

        “มีออเดอร์ใหม่เข้ามาค่ะ เดี๋ยวพี่จะส่งรายละเอียดให้อีกทีนะคะ”

        “ขอบคุณครับ” คุณกันยาจะคัดกรองลูกค้าให้ผมก่อนหนึ่งรอบเพื่อพิจารณาว่าควรรับหรือไม่ก่อนจะส่งให้ผมดูและอนุมัติอีกที

        “อ่อ วันนี้ขวัญพรลาป่วยนะคะ เห็นว่าไม่สบาย”

        “ได้ครับ” ผมรับเรื่อง คุณกัญญายิ้มให้เอเดนนิดๆ แต่คิดว่าคนอย่างเอเดนจะสนใจคนอื่นรอบตัวไหม บอกเลยว่าไม่ ผมถึงบอกไงว่าเขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

        ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง กดเปิดแอร์ให้เพิ่มความเย็น ผมนั่งลงที่ก้าอี้ประจำตำแหน่ง ผายมือให้เอเดนนั่งฝั่งตรงข้าม ระหว่างผมกับเขามีแค่โต๊ะทำงานตัวเดียวขวางกั้น บรรยากาศเก่าๆย้อนเข้าเล่นงานผมอีกครั้ง ยามที่เราเคยปรึกษากันเรื่องงาน ผมชื่นชอบยามที่เอเดนจริงจัง ผมเคยรู้สึกอย่างนั้น แต่ปัจจุบันความโกรธบดบังทุกเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นแม้จะเป็นช่วงสั้นๆก็ตาม สุดท้ายผมก็หลอกตัวเอง ที่ผมทำใจแข็งก็เพราะว่าผมกลัวว่าเขาจะทำให้ผมหวั่นไหวและทำร้ายจิตใจกันซ้ำสอง

        “ผมไม่มีเอกสารนะ คุณอยากรู้อะไรถามมาได้เลย” เขาพูดเมื่อเวลาผ่านไปห้านาทีตั้งแต่เข้ามาในห้องทำงาน

        “ไม่จำเป็นหรอก ข้อมูลพื้นฐานแค่นั้นผมไม่ต้องการ” ในความคิดผม เรซูเม่ก็เหมือนหน้ากากนั่นแหละ อยากให้ตัวเองดูดีขนาดไหนก็ปั้นแต่งได้ตามใจชอบ แต่ก็นะ ระบบการรับคนเข้าทำงานมันจำเป็นต้องรู้สิ่งเหล่านั้น เพราะตอนผมรับพนักงานผมก็ยังต้องขอดู แต่กับเอเดนผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ หนึ่งเลยผมไม่ได้อยากให้เขามาทำงานที่นี่ และสอง ระดับเอเดนถ้าคิดจะทำงานที่นี่จริงๆ ผมต่างหากที่ต้องเชิญเขามาเขาเก่งกว่าผมหลายเท่าตั้ว จะดูเอกสารเหล่านั้นไปทำไมให้เสียเวลา

        “แล้วคุณต้องการให้ผมทำอะไร ผมต้องแนะนำตัวไหม” เขาดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก แต่ผมมองว่าเขากำลังกวนประสาท

        “จะกวนผมเหรอ”

        “เปล่า ก็คุณบอกจะสัมภาษณ์” เขายิ้มยิงฟันในขณะที่ผมไม่คิดว่าบรรยากาศในห้องน่ารื่นรมย์ที่ตรงไหน

        “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมควรจะต้องรับคุณเข้าทำงาน” ผมยิงคำถามแรก เอเดนอึ้งไปนิด เขามองสบตาผมยามที่ใช้ความคิดกลั่นกรองคำตอบ

        “ผมมีความรู้เรื่ององุ่น วิธีทำไวน์เป็นอย่างดี หลายเรื่องที่คุณไม่รู้และไร่ของคุณยังขาด ผมสามารถเติมให้เต็มได้ด้วยสิ่งที่ผมมี รวมไปถึงผมสามารถพลักดันผลิตภัณฑ์ทุกอย่างในไร่คุณไปสู่ตลาดในอเมริกาและยุโรป” เขาพูดอย่างคล่องแคล่ว และเมื่อใดก็ตามที่เขามั่นใจน้ำเสียงของเขาจะไพเราะน่าฟัง

        “น่าสนใจมาก ดูเหมือนว่าความสามารถของคุณจะมีมากเกินไปกับไร่เล็กๆของผม ผมไม่มีเงินจะจ้างคนเก่งระดับคุณหรอกนะ” แต่น้ำเสียงของเขาใช้หลอกล่อผมไม่ได้ มันยังไม่เพียงพอที่จะทำผมยินยอม

        “ผมไม่ต้องการเงิน” เขาเขม้นตาต่อว่า

        “แล้วคุณจะได้อะไรตอบแทน ไม่มีใครในโลกนี้ทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผล โดยเฉพาะคุณ” ผมจ้องตาเขาชนิดไม่มีใครยอมใคร

        “คุณเห็นผมเป็นคนยังไง” ดวงตาสีเขียวที่หม่นแสงกระพริบพร่า

        “ไม่รู้สิ ผมไม่รู้จักคุณ” ผมเบือนหน้าหนีเพราะมันจะทำให้ผมเขวจนใจอ่อน

        “ยอร์ช” เขาถอนหายใจ ส่ายหน้าราวกับเบื่อหน่าย “ผมยอมรับนะ ว่าผมหวังผล แต่สิ่งที่ผมหวังก็แค่...คุณ”

        ผมไปต่อไม่ถูก จึงเลือกที่จะเงียบ

        “คุณก็รู้ว่าผมไม่ค่อยชอบพูด และคิดว่าคุณคงไม่เชื่อแค่ลมปาก ผมขอโทษไปแล้วไง แต่ผมก็อยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกของผมบ้าง ผมไม่ต้องการให้คุณเข้าใจอดีตของผม ผมทำผิดผมรู้ แต่ผมไม่เคยทำผิดต่อคุณ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้และคุณควรตระหนักรู้ด้วย เพราฉะนั้นผมจึงคิดว่าคุณไม่ควรโกรธผม” เอเดนพูดลอดไรฟัน เสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่ความโกรธมาเต็มยิ่งกว่าถูกตะโกนใส่หน้า

        “อ่อ งั้นผมจะไปฆ่าใครตายก็ได้ คุณก็จะไม่รู้สึกอะไรงั้นสิ ไม่รู้สึกผิดหวังในตัวผม ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี และปล่อยให้ผมทำเรื่องเลวๆโดยไม่คิดจะห้ามจะเตือน อย่างนั้นสินะ” ผมย้อนตามอารมณ์ที่เดือดพล่าน

        “มันไม่เหมือนกันนะยอร์ช นั่นมันเรื่องของผมกับอาซา!” เอเดนไม่ระงับความโกรธอีกต่อไป เขาบันดาลโทสะดังลั่นห้อง ป่านนี้คุณกัญญาที่อยู่ข้างนอกคงสะดุ้งตัวโยน เสียงของเอเดนหน้ากลัวจนขนลุก

        “แต่เขาเป็นคนในครอบครัวของผม และผมก็เตือนคุณแล้วว่าไม่ให้คุณทำ ทำไมคุณยังทำร้ายเขา” ผมพูดให้เขานึกย้อน ถ้าเขาคว้าโอกาสไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ระหว่างเราคงไม่แย่จนมองหน้ากันไม่ติด

        “คุณไม่เข้าใจผมเลยสักนิดยอร์ช” เขากัดฟันกรอด

        “ทำไม คุณบอกว่าผมควรจะต้องสงสารคุณสินะ”

        “ผมไม่เคยอยากให้คุณมาสงสาร ผมไม่เคยต้องการ!” เขาตะวาดใส่ผม สาดความโกรธมาเต็มๆทางน้ำเสียง “คุณไม่เป็นผมคุณจะเข้าใจอะไร”

        “ต่อให้ผมเป็นคุณผมก็จะไม่ทำแบบนั้น” ผมส่ายหน้ากัดฟันแน่น

        เอเดนยกมือลูบหน้าลูบหัว “ผมว่าเรากำลังเถียงในเรื่องที่งี่เง่าที่สุด”

        “สำหรับผมมันไม่ได้งี่เง่าเลยสักนิด ทุกวันนี้ผมก็ยังคงเอาแต่คิดว่าคุณทำลงไปได้ยังไง เอเดน...คุณฆ่าผู้หญิงคนนั้น คุณฆ่าใครต่อใครเพื่ออำนาจ คุณคิดจะฆ่าน้องชายตัวเองเพียงเพราะอยากได้หัวใจของเขา คุณทำลงไปได้ยังไง! ชีวิตทุกคนมีค่า และคุณกลับทำร้ายพวกเขาเพียงเพื่อความต้องการบ้าๆของตัวเอง รู้ไหมว่าการฆ่าคนตายมันผิดบาปขนาดไหน!”

        ปึก!

        มือใหญ่ของเอเดนกำแน่นทุบลงบนโต๊ะทำงานจนจนแผ่นไม้หนาแตกเป็นรอย ไม้ที่แยกตัวออกจากกันทิ่มเข้าไปในมือของเขา เลือดสีแดงไหลนองเต็มโต๊ะและหยดลงบนพื้น สีหน้าเขาโกรธจัด ฟันขบกันแน่นขึ้นเป็นแนวสันกราม เส้นเลือดปูดนูนตามไรขมับและท่อนแขน ผมยั่วจนเขาโมโหจัดเสียแล้ว

        “คนที่เกิดมาในครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างคุณจะเข้าใจผมได้ยังไง ผมไม่เคยต้องการให้คุณมาเข้าใจ แต่ช่วยมองข้ามมันไปหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องให้ผมชุบชีวิตคนพวกนั้นขึ้นมาไหมคุณถึงจะพอใจจะให้อภัยผมได้”

        “แต่คุณเลือกได้ เพียงแค่คุณไม่เลือก”

        ชั่วขณะสั้นๆ ใบหน้าชวนให้หลงใหลของเอเดนฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่คาดฝัน

        “ก็ผมทำผิดไปแล้ว ผมย้อนเวลาไม่ได้ โอเคไหมโอเคไหม” เอเดนพูดเสียงแผ่ว

        “...”

        “ผมจะมาเอาคำตอบของคุณในวันพรุ่งนี้” อยู่ๆเขาก็ตัดบทแล้วหันหลังเดินจากไป

        “เอเดน เดี๋ยวก่อน!” ผมตะโกนเรียกเขา แต่เขาไม่กลับมา ประตูปิดตัวลงเองอัตโนมัติ ปิดกั้นผมกับเอเดนเหมือนแยกเราออกจากคนละโลก ความเจ็บปวดทางแววตาของเขาเพิ่งจะมีฤทธิ์ทำร้ายผม เขาเจ็บปวดแสนสาหัส ผมรู้ และผมก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

        ผมทำงานไม่รู้เรื่องเลยทั้งวัน เพราะเอาแต่เป็นห่วงเอเดน ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี ถึงจะไม่คิดว่าตัวเองผิดอะไรที่พูดไปแบบนั้นก็เถอะ ผมโล่งอกขึ้นเมื่อได้ระบายความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องของเขาให้เจ้าตัวได้รับรู้ ว่าผมเสียใจ ผิดหวังและโกรธการกระทำของเขามากเพียงใด ผมโล่งใจและผมถึงได้รู้ว่า ที่ผ่านมาที่ผมอึดอัดก็เพราะว่าผมอยากให้เขารับรู้บ้างว่าสิ่งที่เขาได้ทำนั้นส่งผลต่อความรู้สึกของผมอย่างไร มันไม่ต่างจากหินที่ถูกโยนลงน้ำแล้วเกิดคลื่นสะท้อนเป็นวงกว้าง

        คำตอบของคำถามที่ผมไม่คิดจะยอมรับมันมาตลอด ว่าเขาไม่คิดถึงความรู้สึกของผมบ้างเหรอ ผมไม่สำคัญพอที่เขาจะเชื่อเลยใช่ไหม ความหวังดีของผมทำไมถึงเข้าไปไม่ถึงใจของเขา ทั้งหมดกลายเป็นว่าผมให้ความสำคัญกับเขามากมายโดยที่เขาไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ผมจึงหลอกตัวเองว่าผมแค่โกรธที่เขาทำเลว ไม่เกี่ยวกับเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อเขาเลยสักนิด

        และในตอนเย็นผมก็โดนพ่อจับความผิดปกติได้ ผมเล่าเรื่องที่ผมทะเลาะกับเอเดนให้พ่อฟัง และแน่นอน ผมโดนพ่อดุเหมือนตอนเด็กไม่ผิดเพี้ยน จนผมอดน้อยใจไม่ได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นลูกพ่อ

        “พ่ออยากได้เอเดนมาเป็นลูกแทนผมไหมละ” ผมพูดแดกดันพ่ออย่างที่ไม่เคยทำ บางทีผมก็ไม่ใช่ลูกที่ดีเท่าไหร่ อย่างเช่นตอนนี้ที่ความน้อยใจเข้าครอบงำ

        “รู้สึกยังไงล่ะ ที่พ่อเข้าข้างเอเดน” พ่อไม่โกรธ แต่กลับถามอย่างใจเย็น

        “พ่อจะให้ผมรู้สึกยังไง  ทำไมพ่อต้องไปเข้าข้างเขาด้วยล่ะ” ผมยังคงไม่ยอม

        “โกรธพ่อเหรอ”

        “เปล่า”

        “น้อยใจ” พ่อถามอีก

        “...” ผมเงียบ ผมน้อยใจแต่จะให้พูดเหรอ

        “พ่อทำแค่นี้ลูกยังน้อยใจ กับเอเดนลูกคิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงที่พ่อตัวเองเห็นน้องต่างแม่ดีกว่า”

        ผมตวัดตาขึ้นมองพ่ออย่างตกใจ อึ้งไปชั่วขณะ“พ่อรู้ได้ยังไง”

        “เอเดนเล่าให้พ่อฟัง ก่อนหน้านี้เขาสารภาพผิดกับพ่อพร้อมกับขอโอกาสให้เขาพิสูจน์ตัวเองกับเรา พ่อถึงยอมให้เขาเข้าไปหาลูกยังไงล่ะ”

        “เขาเล่าอะไรให้พ่อฟังบ้าง”

        คงไม่ได้บอกใช่ไหมว่าตัวเองเป็นอะไร ถ้าบอกพ่อไม่นั่งนิ่งไร้อาการตกใจเช่นนี้

        “เขาบอกว่าเขาทะเลาะต่อยตีกับน้องชายต่างแม่เพราะเหตุผลที่ว่าพ่อรักน้องชายมากกว่า เขาโกรธและเกลียดน้องตัวเอง และยังบอกว่าลูกโกรธเขาเพราะเขาไม่ยอมเชื่อฟังสิ่งที่ยอร์ชบอกสิ่งที่ยอร์ชเตือน เขาก็บอกพ่อแค่นี้แหละ ซึ่งรายละเอียดอาจจะมากกว่านี้ที่พ่อไม่รู้ และแน่นอนว่าลูกต้องรู้มากกว่าพ่อ เพราะฉะนั้นลูกน่าจะเข้าใจเขาดีกว่าที่พ่อเข้าใจ”

        “พ่อเชื่อสิ่งที่เขาเล่าเหรอ” ผมถามแม้พ่อจะพูดถูก ผมรับรู้ทุกอย่างมากกว่าพ่อ และตอนนี้ผมเกลียดตัวเองที่เกิดความรู้สึกสงสารเขาในจิตใจ

        “พ่อเปล่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ พ่อรับรู้แต่ไม่ขอออกความเห็นว่าสิ่งที่เอเดนทำต่อน้องชายเขาว่าถูกหรือผิด พ่อรักยอร์ชกับโยชิมาก พ่อรักลูกเท่ากันไม่มีรักใครมากกว่าหรือน้อยกว่า แต่รู้ต้องรู้ว่าโลกนี้พ่อแม่ทุกคนไม่ได้เหมือนพ่อไปหมดทุกคน ไม่อย่างนั้นจะมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์พ่อข่มขืนลูก หรือเหตุการณ์จากคนรอบตัวที่เราต่างก็เคยเห็นไอ้ประเภทรักลูกไม่เท่ากัน พ่อถึงบอกไง เราไม่ได้เป็นเขา ไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่เขาเจ็บปวด เราไม่มีทางรู้ว่ามันเลวร้ายต่อความรู้สึกและจิตใจเขามากขนาดไหนถึงทำให้เขาลงมือกระทำสิ่งที่ผิดได้”

        “ผมทำผิดใช่ไหมพ่อที่ผมว่าเขาไปแบบนั้น” ผมคอตกอย่างรู้สึกผิด เสียงโทรทัศน์ยังคงดังแต่ไม่สามารถแทรกเข้ามาในโสตความคิดที่ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ

        “ก็ไม่ได้เรียกว่าผิดหรอก เรียกว่าระบายอารมณ์มากกว่า ลูกไม่พอใจเขาลูกก็ทำร้ายเขาทางคำพูด เขาเคยไม่พอใจน้องชายเพราะคิดว่าแย่งความรักไปจากพ่อก็ทะเลาะโกรธแค้นกันเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ เห็นไหม ใครๆก็ทำ ขึ้นอยู่กับแค่วิธีเท่านั้นที่ว่าร้ายแรงกว่ากันแค่ไหน แต่ถึงยังไงสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คนทำผิดนั้นสำนึกผิดหรือเปล่า ตอนนี้พ่อรู้ว่าลูกรู้สึกผิดและลูกอยากให้เขาให้อภัยใช่หรือไม่”

        ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน พ่อโอบมือรอบบ่าตบไหล่ผมปลอบใจ

        “นั่นแหละ เขาก็กำลังสำนึกผิดและรอคอยการให้อภัยจากลูกอยู่เช่นกัน”

        ถึงเวลาจริงๆแล้วใช่ไหมที่ผมจะเปิดใจให้อภัยเขา เกิดความเงียบยาวนานพยายามต่อสู้กับข้อขัดแย้งทั้งหลาย ฝ่ามือที่ประกบกันบีบแน่นก่อนจะค่อยๆผ่อนคลาย ความโล่งบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมก็แค่ต้องทิ้งทิฐิลง ไม่มีอะไรยาก ผมทำได้ สิ่งที่พ่อเพิ่งจะพร่ำสอน ผมต้องทำได้แน่ๆ

        “ผมจะให้อภัยเขา” ผมตัดสินใจได้ในที่สุด “แต่ผมคิดว่าผมยังคงต้องสอนเขาในบ้างเรื่อง”

        “บอกพ่อได้ไหมว่าลูกจะสอนอะไรเขา” พ่อยิ้มอย่างอ่อนโยน

        “ผมอยากสอนให้เขารู้จักการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น สอนให้เขายอมรับความคิดเห็นของคนอื่นนอกเหนือความต้องการของตัวเองเป็นหลัก อยากให้เขามีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์” ผมหมายมั่นจะทำตามที่พูด

        “ก็ลองดูสิ ถ้าเขาเกเรเพราะโหยหาความรัก ลูกก็ต้องเยียวยาเขาด้วยสิ่งที่เขาขาด พ่อว่ายอร์ชทำได้ กับยอร์ชเอเดนเหมือนลูกหมาตัวโตที่มีดีแค่ตัวใหญ่ แต่พอเจอเจ้าของดุเข้าไปก็หงอยซ่าไม่ออก ฮ่าๆๆ เหมือนนะ ว่าไหม” พ่อหัวเราะอารมณ์ดี ผมยิ้มตาม

        “ขอบคุณนะครับพ่อที่คอยสั่งสอนผม” ผมพนมมือกราบกับไหล่พ่อ พ่อกอดผมไว้เหมือนตอนที่ผมยังเล็กๆ กอดของพ่ออบอุ่นเสมอ แวบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่า เอเดนเคยถูกโอบกอดแบบนี้บ้างไหม

        “พ่อทำเพื่อลูกด้วยความรัก”

        ผมโชคดีที่เกิดเป็นลูกของพ่อศิลา ผมเลือกเกิดไม่ได้แต่ผมก็ยังโชคดี และผมจะยอมแบ่งปันความโชคดีให้เอเดนสักหน่อยก็ได้ถ้าหากว่าเขาสำนึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ

        สี่ทุ่มตรงผมกับพ่อแยกย้ายเข้าห้องนอนใครห้องนอนมัน ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน กดตัวเลขสิบหลักคาทิ้งไว้ ชั่งใจอยู่ว่าจะพูดอะไรเมื่อเจ้าของเบอร์รับสาย จนเวลาเคลื่อนผ่านเข็มยาวชี้เลขหก และก่อนที่จะวนกลับไปหาเลขสิบสองอีกครั้ง ผมควรจะกดโทรออกได้เสียที ผมยอมโทรหาเอเดนก่อนเพื่อแทนคำขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่เขาเมื่อเช้า ผมนอนฟังเสียงสัญญาณไม่ถึงสามครั้งเขาก็รับสาย

        “ฮัลโหล”

        “...” เขาน่าจะรับช้ากว่านี้ ผมว่าผมตั้งตัวไม่ทัน

        “มีอะไรหรือเปล่ายอร์ช ดึกแล้วคุณยังไม่นอนเหรอ”

        ผมไม่แปลกใจที่เขารู้ว่าเป็นเบอร์ผม ไม่รู้สิน่าตกใจยิ่งกว่า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆและผ่อนออกเชื่องช้าก่อนกรอกเสียงบอกกับอีกฝ่าย

        “พรุ่งนี้อย่าลืมมาเริ่มงาน ที่ไร่ของผมเริ่มงานแปดโมงตรง ถ้ามาสายคุณจะอดข้าวกลางวัน” ผมพูดจบก็ตัดสายทันที

        บ้าเอ้ย หัวใจเต้นแรงชะมัด

       

        .............................................
        มาลงช้าเพราะนั่งรีไรต์ใหม่เพราะที่แต่งไว้ไม่โดนใจ เลยยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ พี่ยอร์ชอ่ะใจอ่อนจะตาย แต่ต้องทำเป็นใจแข็งเพื่อที่จะปราบพ่องูดื้อ มาดูสิว่าเขาจะสอนกันอย่างไร อิอิ :hao6:
        ริริอัพตอนแรกเรื่องพี่เสือคาร์เตอร์แล้วนะคะ ใครยังไมไ่ด้อ่านตามไปอ่านได้เลยน้าาาา  :katai2-1: DG.Series|CATCH ME TIGER! เล่ห์ลวงพยัคฆ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2015 01:03:43 โดย RiRi »

ออฟไลน์ junpa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อยากอ่านต่อเร็วๆ จังเลย พี่ยอร์ชจะเปิดใจให้เอเดนแล้ว
ถึงเวลาน่ารักฟรุ้งฟริ้งที่รอคอย  :mew1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เอเดนเหมือนลูกหมาตัวโตๆสินะคะ พี่ยอร์ชต้องดูแล อบรม เลี้ยงดูด้วยความรักด้วยล่ะ
รอตอนต่อไปน้าาาาาา

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
กรี๊ดดด   เอเดนรอโทรศัพท์อยู่ล่ะสิ รับไวเลย 5555
 ทีมเอเดนนน

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่ยอร์ชใจอ่อนซะแล้ว รอๆ

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
แหมะ แอบสงสารเอเดนอ่ะ เงือดออกเยอะนะนั่น

เอาล่ะ พี่ยอร์ชเปิดทางแล้ว ลุยเลย!!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พี่ยอร์ชใจอ่อนเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย
เห็นเอเดนเจ็บละทนไม่ได้ล่ะสิ อิอิ

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
อยากรู้ว่าพี่ยอร์ชจะทำให้เอเดนกลายเป็นงูเชื่องๆได้ยังไง

ออฟไลน์ ice.sp0211

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอออออออออออ

จะรอดูเขาสองคนน่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เย้ เอเดนต้องขอบคุณพ่อศิลาเลยนะงานเนี่ย ไม่งั้นพี่ยอร์ชยังโมโหต่อแน่ๆ
รอตอนต่อไปนะฮะ อยากให้เอเดนมีกำลังใจบ้าง อิอิ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
พี่บอร์ชจะคาแรคเตอร์ อบอุ่น+ซึน+บราค่อนใช่มั้ย 555 :hao7:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจ

และมาตามอ่าน

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ดีใจกับเอเดนด้วยนะ

ที่พี่ยอร์ชเปิดใจและให้อภัยเอเดนแล้ว

ขออีกๆ ขอตอนหวานๆ NC ด้วยก็ดี

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
พี่ยอร์ช พร้อมจะให้อภัย เอเดน แล้ว

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เอเดนห้ามมาสายนะ ไม่งั้นอดข้าวไม่มีแรงง้อพี่ยอร์ชไม่รู้ด้วย :katai2-1:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
พ่อศิลาน่ารักจัง  :katai2-1: เราก้อคิดเหมือนพ่อศิลาน่ะ เราไม่ได้เป็นเขาเราไม่รู้หรอก แต่ละคนแต่ละสถานะมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ เราอย่าไปคิดหรืออย่าไปพูดเลยว่าถ้าเราเป็นเขาเราจะไม่ทำหยั่งงี้หรือจะไม่ทำอย่างนั้น ตอนนี้ในเมื่อเขายอมรับผิดเราก้อควรจะให้อภัย และช่วยให้เขาได้ก้าวเดินไปในหนทางที่ถูกต้องน่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
พ่อตาเชียร์ลูกเขยฝุดๆ  :m4:
แล้วอย่างนี้ยอร์ชจะเหลือเร้อออ
ใจอ่อนยวบ  :o8:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
พี่ยอร์ชเริ่มใจอ่อนแล้วสิ เอเดนรุกเต็มที่เลย เข้าทางพ่อด้วย

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อย่างงี้มันต้องรุกเนอะ เอเดนเนอะ ยอมรับผิดแล้ว เชียร์ได้เต็มที่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เรื่องนี้สนุกจนหยุดอ่านไม่ได้รู้ตัวอีกทีก็ตี 4 ...  :ruready
อาซาหล่อมาก ชอบในจิตใจที่มั่นคง อิจฉาโยชิสุดๆ ><

ตอนนี้กำลังลุ้นไปกับเอเดน ตื่นเต้นๆ มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ kitwiphat

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-7
อีกไม่นานต้องสมหวังอย่างแน่....แต่งได้ดีดีมากๆๆๆ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
R.E.V.E.N.G.E

THREE






        เสียงไก่ขันในยามเช้าบอกเวลาว่าควรตื่นนอน นาฬิกาธรรมชาติไม่เคยผิดพลาดเวลาตอนนี้ก็คงจะตีห้า แต่ที่ผิดปกติก็คือผมง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น พยายามอยู่สองสามครั้งก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็เลิกฝืนแล้วปล่อยลมหายใจทิ้งตัวสม่ำเสมออีกครั้ง ตื่นช้ากว่าเดิมสักชั่วโมงคงไม่เป็นอะไร

        แต่เอาเข้าจริงผมไม่ได้หลับต่อเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงอย่างที่ตัวเองคาดหวังไว้ ผมสะดุ้งตื่นตอนที่แสงแดดสาดจ้าเข้ามาในห้อง โผลงลืมตามองนาฬิการ่างก็ลุกพรวดอย่างรวดเร็วจนเกิดอาการหน้ามืด สิบโมงกว่าแล้วหรือนี่

        “ผมคงไม่อดข้าวกลางวันแน่ เพราะผมมาก่อนที่คุณจะตื่น”

        “...!” ผมหันศีรษะมองเจ้าของเสียงอีกด้านหนึ่งทันที ผมปวดหัวจี๊ดเมื่อเห็นหน้าคนบุกรุก

        “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องผมไม่ทราบ!” ผมกระแทกเสียงโมโห ลุกจากที่นอนจ้องหน้าเอเดนเอาเรื่อง ถึงผมจะยอมให้โอกาสเขาได้แก้ตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้เขาทำตามอำเภอใจถึงขนาดลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผม

        "ผมแค่จะมาปลุก คุณไม่ตื่นสักที พ่อคุณบอกว่าผมจะต้องรับงานจากคุณคนเดียวเท่านั้น”

        ผมยืนเท้าเอวเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา ข่มความฉุนเฉียวในอกให้สงบลง และลืมตามองสบกันเอเดนอีกครั้งด้วยความจริงจัง

        “ผมขอบอกคุณเอาไว้เป็นอย่างแรก หากคุณต้องการจะอยู่ที่นี่ พื้นที่ห้องนอนของผมเป็นเขตหวงห้าม ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น”

        “แม้ว่าคุณอาจเกิดอันตรายในห้องของตัวเองงั้นเหรอ” เขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อถามคำถามนั้น

        “มันจะเกิดก็เมื่อคุณนั่นที่เข้ามา” ผมสวนกลับแบบที่ใจคิด

        เอเดนหน้าตึงฉับพลัน “ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณ”

        “ใครจะไปรู้” เขาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจได้ง่ายๆ ในตอนนี้ผมรู้เพียงเท่านี้

        “ยอร์ช!”

        ผมไม่สนใจเสียงดุดันที่กดต่ำจากพายุอารมณ์ เพราะตอนนี้ผมเองก็ไม่พอใจเช่นกัน

        “เอาละ ออกไปจากห้องผมได้แล้ว เมื่อผมจัดการตัวเองเสร็จผมถึงจะบอกว่าคุณต้องทำอะไรบ้างหากจะอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นการชดใช้ความผิด”

        “ก็ไหนคุณบอกว่าให้อภัยแล้วไง”

        “ผมบอกว่าให้โอกาสต่างหาก จะทำไม่ทำครับ”

        “...” เขาเงียบใช้ความคิด หัวคิ้วเข้มรกไม่เป็นทรงแต่ก็ดูเข้ากับใบหน้าของเขาขมวดจนยุ่งเหยิง

        “กลัวเหรอไง ถ้ากลัวจะกลับไปก็ได้นะ ผมไม่มีอะไรต้องแคร์อยู่แล้ว”

        “โอเค ตกลงผมจะทำ”

        “หึหึ ก็ดี ออกไปได้แล้ว ผมต้องการ ค ว า ม เ ป็ น ส่ ว น ตั ว !” ผมเน้นเสียงทีละคำ เดินก้าวไปเปิดประตูกว้างให้เอเดน เขาหมุนตัวมองผมก่อนจะยอมออกไปจากห้องนอนแต่โดยดี

        คล้อยหลังเขาผมลอบถอนหายใจแผ่วเบาอย่างโล่งอก คิดจะรุกก็รุกจนน่ากลัว ถ้าผมยังไม่เห็นว่าเขากลับตัวกลับใจดีแล้วจริงๆ ดีทั้งจิตใจและกาย อย่าหวังว่าผมจะยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น แล้วเขาจะสำนึกที่ไม่ฟังคำเตือนของผมตั้งแต่ทีแรก

        ผมจัดการทำความสะอาดร่างกายจนสดชื่นพร้อมที่จะออกไปทำงาน อาการเวียรหัวมีวูบๆขึ้นมาบ้างเพราะนอนไม่พอ ต่อให้มานอนหลับสนิทเอาช่วงเช้าก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นกว่าที่ควรเป็น

        เอเดนทำให้ผมทึ่งเล็กน้อยเมื่อเห็นเขานั่งรอผมนิ่งๆที่ห้องนั่งเล่น ไร้แววหงุดหงิดที่ต้องรอนาน นับว่าเป็นสิ่งที่ผมก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะปรับปรุงตัวดีขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าปรับปรุงนิสัยได้ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว ขอเพียงอย่าดีแตกก่อนก็พอ

        ผมคิดว่าจะเริ่มทำข้อตกลงกับเขาเลยเกี่ยวกับการเข้ามาทำงานที่นี่ แต่เสียงท้องร้องก็ดังประท้วง ผมจึงเลือกที่จะเดินเข้าครัวแทนเพื่ออาหารเช้าลงท้อง

        ผมนั่งจัดการข้าวต้มที่พ่อน่าจะเป็นคนเตรียมไว้ให้อย่างใจเย็น กางหนังสือพิมพ์อ่านไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนตามกิจวัตรประจำวันที่ทำเป็นปกติสม่ำเสมอ

        สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ไม่ใช่พ่อแน่นอน ผมจดจำน้ำหนักฝีเท้าของพ่อได้ตั้งแต่ยังเล็ก ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ในบ้าน

        “ผมบอกให้คุณนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นไม่ใช่เหรอ” ผมพูด แต่ตายังคงกวาดอ่านข่าวสารบ้านเมือง นอกจากข่าวดีก็ยังมีข่าวร้ายเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะข่าวคนตายอย่างเป็นปริศนาที่ยังมีอยู่เนืองๆให้ผู้คนได้อกสั่นขวัญแขวน ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ไม่สามารถบอกอะไรใครได้ เรื่องมนุษย์กลายร่างอยู่นอกเหนือจินตนาการของมนุษย์ ขืนพูดออกไปนอกจากคนจะหาว่าผมเป็นบ้า พวกโยชิกับอาซาก็จะอยู่กันลำบาก

        อ่อ เดี๋ยวก่อนนะ คนที่เคยทำให้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ก็ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วยนี่น่า คิดได้ก็รู้สึกโกรธขึ้นโดยไม่อาจห้ามความรู้สึก

        “ผมรอนานแล้ว” เขาพูดเหมือนเด็กๆที่ไร้ความอดทน

        “ถ้ารอไม่ได้ก็กลับไปสิครับคุณ ใครรั้งขาไว้ล่ะ” และผมก็ยังคพูดโต้ตอบกับเขาโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายแม้เพียงเสี้ยว

        เอเดนเงียบ ผมได้ยินเสียงลมหายใจฟึดฟัด ผมรอว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะสติแตก แต่เขาก็ไม่ทำ กดข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมา ทั้งที่ผมรู้ดีว่าความกวนประสาทของผมเป็นสายลมที่ช่วยให้เปลวไฟในอกของเขาพัดโหมกระพือรุนแรง

        “ผมจะออกไปรอข้างนอก” เขากดน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

        ผมปล่อยให้เขารอต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้เดินออกไปหา เขานั่งเอนหลังพิงโซฟาหลับตานิ่งๆ และทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งลงเขาก็ลืมตาหันมามองผม ใบหน้าเขาเรีบยเฉยไม่มีแววขุ่นมั่วเหมือนก่อนหน้านี้

        “เรามาเริ่มทำข้อตกลงกันเลยแล้วกัน”

        “เดี๋ยว ก่อนคุณจะพูด ผมขอพูดอะไรสักอย่าง” เขาหยุดก่อนจะทำสีหน้าคล้ายจะเก้อเขินเมื่อพูดประโยคถัดมา “ขอ...ให้ผมพูดสักนิด...นะ”

        อย่าบอกนะว่าเขากำลังขอร้องผม คนอย่างเอเดนเนี่ยนะ เหลือเชื่อ

        “ว่ามาสิ”

        “เอ่อ” เขากลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ หันเหสายตาหลบไม่สบจ้อง ผมไม่ได้เร่งเร้าให้เวลาเขาทำใจตามแต่สะดวก

        ผมก็พอจะเข้าใจว่านิสัยหรือสันดานคนเราเปลี่ยนได้ยากและคนโดยส่วนมากมักเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ เอเดนก็คงไม่ต่างกันนัก เอาตรงๆผมไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ด้วยซ้ำไม่ว่าจะเพื่อใคร นิสัยไม่ใช่ของที่นึกอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ ความเป็นผมบางอย่างที่เติบโตมาอายุยี่สิบหกผมยังแก้ไขไม่ได้ นับประสาอะไรกับเอเดนที่มีอายุอยู่มายาวนานขนาดนี้ นั่นแหละผมถึงได้กังวลยังไงล่ะว่าเขาจะทำได้จริงเหรอ

        “ผมมาที่นี่ไม่ได้มีอะไรไม่ดีแอบแฝง วางใจได้” เขาพูด แต่ทำไมผมรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ความจริงที่เขาต้องการสื่อในที่แรก

        “แล้วคุณมาทำไม” ผมถาม

        “...” เขาเงียบอีกแล้ว แต่ไม่ได้หลบตา แต่เมื่อถูกเขาจ้องเอาๆไม่วางตาพร้อมทั้งประกายแวววาวบางอย่างที่ชวนให้ใจเซรวน ภาพสะท้อนในดวงตาสีเขียมมรกตของเขาในขณะนี้มีเพียงใบหน้าของผมปรากฏ และผมก็ป็นฝ่ายหลบตาหนีเสียเองเพราะไม่อยากมองเห็นความนัย

        “ผมว่าคุณรู้นะยอร์ช ว่าผมมาทำไม” เขาพูด เสียงของเขาเรียบนิ่งแต่ทุ้มชวนฟัง

        ผมส่ายหน้า  “คุณอาจคิดผิด ผมไม่รู้เหตุผลที่คุณไม่คิดจะพูดมันออกมาหรอก”

        เอเดนถอนหายใจใส่ผม เขาไม่พูดอะไรต่อ เป็นการบอกกลายว่าเขาจะไม่พูดมันออกมา และต่อให้ผมอยากรู้แต่ผมก็จะไม่มีวันถาม และต่อให้ถามคิดเหรอว่าเขาจะพูด

        “เอาละ ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูด ผมก็ขอเริ่มสิ่งที่ผมจะพูดเลยแล้วกัน”  ผมเปลี่ยนเรื่อง เขาขยับนั่งใหม่ หันข้างมาทางผม ขายกขึ้นไขว้ห้างและสองมือกอดอก ลำคอตั้งตรงวางมาดจนน่าหมั่นไส้

        “คุณบอกว่าอยากจะมาทำงานที่นี่ใช่ไหม” ผมถามทวนความต้องการของเขา เป็นการเริ่มการสัมภาษณ์งานอย่างจริงจังหลังจากที่เมื่อวานล่มไม่เป็นท่า

        “ใช่” เอเดนตอบเสียงแข็งขัน

        ผมพยักหน้า “ช่วยบอกหน่อยสิว่าเพราะอะไรคุณถึงอยากทำงานกับเรา”

        เอเดนกระพริบตาหนึ่งทีใช้เวลาราวสิบวินาทีก่อนตอบ “เพราะคุณ”

        และคำตอบของเขาทำผมไปไม่เป็น

        “เอ่อ...” ผมไม่ควรจะหน้าร้อนวูบวาบเพราะความเขิน ไม่ควรเลยจริงๆ และผมจะไม่ถามประเด็กนั่นต่อ จึงเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องอื่นแทน

        “พ่ออยากให้คุณมาเป็นผู้ช่วยในเรื่องการผลิตไวน์ แต่ผมจะยังไม่ให้คุณทำในส่วนนั้น”

        “แล้วคุณจะให้ผมทำในตำแหน่งไหน”

        “คนสวน” ผมพูด

        “ห๊ะ อะไรนะ” เขาถามคิ้วย่น “คุณพูดผิดหรือเปล่า”

        “เปล่า ผมพูดถูกต้องแล้ว ถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ เพราะผม...” ผมกระดากปากเล็กน้อยที่จะต้องเอ่ยชื่อตัวเอง “คุณก็ต้องทำตามที่ผมต้องการ”

         ผมคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ตำแหน่งนี้เหมาะที่สุดสำหรับด่านแรก มีหลายอย่างทีเอเดนควรจะเรียนรู้และบทเรียนแรกก็คือ เขาจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากความเย่อหยิ่งจองหอง

        “ทำไมผมต้องไปเป็นคนสวนด้วย”

        “เพราะผมอยากให้คุณเป็น”

        “เป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”

        “ทำไม คุณจะบอกว่าคุณทำไม่ได้ คนที่เขาไม่เก่งกาจแข็งแรงเช่นคุณยังทำได้เลย แค่นี้ก็จะยอมแพ้งั้นเหรอ”

        “โธ่ยอร์ช มันเกี่ยวกันตรงไหน” เขาพึมพำประท้วง

        “และตรงไหนที่ไม่เกี่ยว คุณอยากอยู่ที่นี่ ผมเสนอให้คุณอยู่ในฐานะคนสวน ที่เหลือก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณแล้วว่าจะรับข้อตกลงนี้หรือไม่ ถ้ารับ คุณก็จะได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่ถ้าไม่ ก็เชิญครับ ผมจะไปส่งที่ทางออก”

        ข้อตกลงที่ผมกำหนดขึ้นผมเองก็ไม่มั่นใจว่าเอเดนจะรับหรือไม่ แต่ก็อย่างที่บอก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเขาทั้งนั้น ผมมีทางเลือกให้เขาเพียงเท่านี้ เขาจะหวังให้ผมเปิดใจรับเขาอีกครั้งหลังจากผ่านความทรงจำที่เลวร้ายในทันทีก็เป็นไปไม่ได้ ทางเลือกที่ผมเลือกให้เอเดน ผมคิดดีแล้วว่ามันจะดีต่อเราทั้งสองคนในภายหน้า แต่หากเขาจะยุติผมก็คงต้องทำใจยอมรับ

        “ผมจะเป็นคนสวนก็ได้ แต่ผมต้องได้นอนที่บ้านของคุณ”

        “ผมให้คนงานจัดห้องพักให้คุณแล้ว ห้องที่คุณเลยอยู่”

        “ไม่เอา ผมจะนอนกับคุณที่นี่”

        “เฮ้ย!” ผมตกใจอุทานเสียงดัง

        เอเดนยิ้มขำ “ผมหมายถึงไม่ต้องห้องเดียวกันก็ได้ แต่ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ”

        “ผมก็ไม่มีทางให้คุณนอนห้องเดียวกับผมอยู่แล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น

        “หึ ทำเป็นไม่เคยไปได้”

        “เอเดน อย่าพูดแบบนี้อีกผมไม่ชอบ”

        “โอเคๆ ตามนั้นแหละ ผมจะทำงานเป็นคนสวน” เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “และผมจะต้องได้อยู่ในบ้านหลังนี้ กับคุณ”

        ผมหันหน้าหนีเขาพลางถอดถอนหายใจทันที ปวดหัวขึ้นมาทันทีกับความดื้อด้านเอาแต่ใจของผู้ชายต่างชาติตรงหน้า ผมจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้หรือไม่ก็ยังเป็นเรื่องที่ผมต้องคิดหนัก

        “ก็ได้” ผมยอมตกลงในที่สุด ขี้เกียจต่อปากต่อคำให้ยืดยาว

        “ดีล”  เอเดนยื่นมาออกมาตรงหน้าผม ผมมองอย่างชั่งใจก่อนจะเชคแฮนด์ตอบ หลังจากนี้ชีวิตผมคงจะวุ่นวายจนหาความสงบไม่ได้

        “ส่วนค่าจ้าง...”

        “ผมไม่ต้องการ” เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ผมรวยมากอยู่แล้วคุณก็รู้”

        “ก็ดี ไม่เสียเงินผมออกจะชอบ” เขามันทำตัวน่าหมั่นไส้เกินใคร

        ผมให้เอเดนพักที่ห้องรับรองแขก เขาอยากจะนอนที่ห้องของโยชิเพราะเป็นห้องที่ติดกับห้องผม แต่ผมยืนยันเสียงแข็งว่าเขาอยู่ห้องนี้ไม่ได้ โยชิยังใช้ห้องทุกครั้งที่กลับมาพักผ่อนที่บ้านพร้อมกับอาซา นี่ก็ใกล้จะถึงวันที่โยชิจะปิดเทอม เขาบอกกับผมแล้วว่าจะมาพักที่นี่พร้อมกับเพื่อนคนอื่นนอกจากอาซา ผมยังไม่ได้บอกน้องชายเลยว่าเอเดนมาที่นี่ ถาเกิดรู้เรื่องไม่รู้ว่าโยชิจะโมโหมากแค่ไหน ถึงผมจะไม่ได้กลัวงู แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่พร้อมที่จะเห็นน้องชายกลายร่างเป็นอสรพิษตัวใหญ่ยักษ์

        เอเดนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะที่จะทำงานตากแดดในไร่ จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอเดนกวาดสายตามองรอบๆตัว พื้นที่ของไร่ที่ผมพาเขามาเป็นแปลงดินว่างเปล่าที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน

        “คุณจะให้ผมทำอะไร” เอเดนยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผม ตากแดดแค่ครึ่งชั่วโมงผิวของเขาก็แดงเพราะโดนแดดลามเลีย

        ผมชี้นิ้วไปนี่พื้นก่อนสั่ง “ปรับพื้นดินตรงนี้ให้เรียบ ผมจะให้คุณใชพื้นที่ตรงนี้ใรการสร้างโรงเพาะผักไฮโดรโปนิกส์”

        ผมว่าทำเป็นแปลงปลูกผักก็ไม่เลว ที่ท้ายไร่ก็มีแปลงผักสวนครัวจำพวกข่า พริก โหระพา กระเพรา ผักที่ใชในครัวเล็กๆน้องๆ แต่แปลงนี้ผมจะทดลองทำการเกษตรแบบอื่นดูบ้าง

        “ให้ผมทำเนี่ยนะ” เอเดนชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมพยักหน้าว่าใช่ ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร

        “เครื่องมืออยู่ที่โรงเก็บอุปกรณ์ตรงนู้น มีทุกอย่างที่คุณต้องการแน่นอน วันนี้ก็ปรับหน้าดินไปก่อนแล้วกัน ส่วนพวกโครงเหล็กและของที่จะใช้สร้างโรงเพาะพรุ่งนี้ค่อยไปซื้อ” ผมบอกสรุปรวบรัด

        “เริ่มงานได้” ผมเตรียมจะเดินแยกไปทำงานของตัวเอง แต่มือหนาเย็นคว้าแขนผมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

        “ผมทำไม่เป็น” ใบหน้าของเอเดนเคร่งเครียด หยาดเหงื่อไหลจากใบหน้าสู่ลำคอ ผมเลือกที่จะเผิกเฉย เขาเป็นผู้ชายตัวโตๆ เรื่องแค่นี้คงทนได้

        “ไม่ยากหรอก คุณสงสัยตรงไหนถามคนงานที่นี่ได้ทุกเมื่อ แต่เขาพูดอังกฤษไม่ได้นะผมบอกไว้ก่อน อ่อ แล้วก็ โทรศัพท์มือถือของคุณก็คงเข้าอินเตอร์เนตได้ ลองหาวิธีด้วยตัวเองสิ ไม่ว่าจะทำอะไรเราทุกคนต้องใช้ความพยายามของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น” ผมสอนเขาทันที

        เอเดนคงเคยชินกับการที่เอ่ยปากสั่งทุกอย่างที่ตนเองต้องการโดยที่ไม่ต้องลงมือ เขาเคยอยู่จุดที่สูงที่สุด และผมกำลังจะดึงเขาลงมาเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เริ่มทุกอย่างจากตัวเอง

        “แต่ผมเจ็บมือ” เขาชูมือตัวเองที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันเอาไว้ บาดแผลจากเมื่อวานอย่างน้อยเขาก็รักตัวเองมากพอดูที่จะรักษามัน

        “ผมรู้ว่าคุณทนได้” แผลแค่นี้ทำเอาเขาไม่ได้หรอก อย่างมากก็แค่เลือดซึมหรือไม่แผลก็ปริแตก

        “ผมทำกก็ได้” เขาพูดหน้าตึง ดูก็รู้ว่าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เขาเลือกเองก็ไม่มีสิทธิ์อิดออด

        “ขอให้สนุกกับการทำงาน” ผมอวยพร เดินไปทำหน้าที่ของตัวเองไม่ไกลจากจุดที่เอเดนยืนอยู่นัก

        ผมทำงานไปคอยมองเขาไปด้วยความเป็นห่วง ให้โกหกตัวเองยังไงว่าไม่อยากจะสนใจคนอย่างเขา แต่เมื่อเผลอตัวสายตาก็เอาแต่จะคอยมอง

        “สักวันคุณจะต้องขอบคุณผม”

        ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเอเดนยังไม่สามารถจับงานได้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาเดินไปที่โรงเก็บอุปกรณ์แล้วหยิบจอบอออกมา นับว่ายังฉลาดที่หยิบเครื่องมือได้เหมาะกับงาน เขาทำท่าฟันจอบลงไปในดินอยู่สองสามทีแต่ไม่สามารถงัดดินขึ้นมาได้ มีคนงานเดินผ่านไปใกล้ๆเขา เอเดนถึงเรียกคนงานผมให้เข้าไปช่วย มองจากตรงนี้ก็พอจะรู้ได้ว่าเขากับคนงานคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงเลือกใช้ภาษามือแทนและในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจกันและกัน คนงานคนนั้นจึงสาธิตการฟันดินให้เอเดนดู เอเดนเรียนรู้อยู่นานกว่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง

        ผ้าพันแผลที่เคยเป็นสีขาวบัดนี้เปื้อนสีเลือดเป็นหย่อมๆ ผมอยากเข้าไปห้ามให้เขาหยุดทำ แต่ขากลับถูกอะไรบางอย่างตรึงไว้ ทำได้แค่มองอย่างร้อนรน

        “เป็นห่วงเขาก็เข้าไปดูสิครับคุณยอร์ช” ผู้ช่วยของผมเดินมายืนอยู่ข้างๆกันเมื่อไหร่ก็ไม่ทันรู้ตัว

        “เงียบไปเลยไอ้ใหญ่ งานที่ให้ทำเสร็จแล้วเหรอไง” ผมพูดดุๆ แต่มันไม่เคยกลัวผมเลยสักครั้ง

        “งานผมน่ะเสร็จแล้วครับ แต่งานของคุณยอร์ชน่ะดูจะไม่คืบหน้าเลยนะ ค้างแถวนี้เมื่อไหร่จะเสร็จครับ พรุ่งนี้ต้องลงองุ่นรอบใหม่แล้วนะ” ใหญ่ทำหน้าทำตาล้อเลียนที่งานผมไม่เดินเพราะมัวแต่มองไปทางคนตรงนู้น ผมเลยไล่เตะมันไปที่ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานอย่างจริงจัง สลัดเอเดนออกจากหัวช่วยคราว บอกกับตัวเองว่าแค่นี้ไม่ทำให้เขาตายหรอก เพราะขนาดที่โดนโยชิเล่นงานไปอย่างหนักหน่วงเขายังรอดกลับมากวนประสาทผมได้ นับประสาอะไรกับอีแค่แผลเล็กน้อยที่มือ

        แต่พอลงมือทำงานได้ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์มือถือของผมก็แผดเสียงร้องจนตองหยิบออกมารับสาย เห็นชื่อคนที่โทรมาคอก็แห้งผากเอาเสียดื้อๆ

        “ว่าไงครับตัวเล็ก โทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่า” ผมกดรับสายโยชิ ตอนนี้เองที่ผมหันสายตามองเอเดนอีกครั้งด้วยความกังวล

        “พี่ยอร์ช! สายของอาซาบอกว่าเอเดนไปที่ไร่ เขาทำอะไรพี่ยอร์ชหรือเปล่า ทำไมพี่ยอร์ชไม่บอกโยล่ะ” เสียงโวยวายของโยชิดังลอดโทรศัพท์จนแม้แต่ผู้ช่วยที่ยืนห่างกันไปสองก้าวยังได้ยิน แต่ผมยังไม่ได้ได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายสุดที่รักก็ดังมาอีกระลอก

        “พี่ยอร์ชระวังตัวด้วยนะ ผมกับอาซากำลังจะไปที่นั่น พี่ยอร์ชต้องอยู่ให้ห่างเอเดนนะครับ โยชิจะกลับไปจัดกสนเขาให้พี่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง”

        ใช่ โยชิน่าไม่น่าเป็นห่วงหรอก คนที่น่าเป็นห่วงคือคนที่กำลังทำงานกลางแดดอย่างตั้งอกตั้งใจต่างหาก ผมเดินก้าวเข้าไปหาเอเดนทันที อย่างน้อยก็ต้องขอให้เขาออกไปจากไร่ก่อนชั่วคราวก่อนที่โยชิจะมาถึง ไม่รู้ทำไมผมต้องปกป้องเขาด้วย ผมไม่เข้าใจตัวเองแม้แต่น้อย





......................

        มาแล้วค่า ตอนหน้าจะเป็นความในใจฝั่งเอเดนบ้างนะ ขอโทษที่ให้รอนาน
        อ่านแล้วคอมเม้นให้เค้าหน่อยนะ ขอกำลังใจปั่นต่อนิดหนึ่ง
        ขอแจ้งข่าวการจัดทำหนังสือนิดหนึ่ง ตอนนี้ริริได้เปิดให้ลงชื่อจองคร่าวๆสำหรับการจัดทำเล่มนิยายเรื่องพี่งูนี้ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ตามลิ้งค์ในเพจที่แนบมานะคะ หากใครต้องการก็ลงชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้พร้อมอีเมล ริริจะรวบรวมจำนวนคร่าวๆค่า
        ลิ้งค์ https://www.facebook.com/RiRiWorld143/posts/874501319302083?comment_id=876576732427875
        ขอบคุณทุกคนที่ยังแวะเวียนมาอ่านนะคะ

       

ออฟไลน์ aikawa_k

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอเดนต้องไม่หนีนะ อยู่ปรับความเข้าใจกับอาซาให้รู้เรื่อง
ไม่งั้นเรื่องจะเลบเถิดไปใหญ่ ไม่จบไม่สิ้นสักที
ส่วนเรื่องของยอร์ชนะค่อยว่ากัน ยังไงรายนั้นเค้าก็อ่อนให้ตั้งนานแล้ว
 o22

ออฟไลน์ ioohja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เอาใจช่วยเอเดน ถึงแม้จะหมั่นไส้ก็เหอะ ฮาาาาาาาาา  :mew3:

ออฟไลน์ junpa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คิดไปเองรึเปล่านาาาา รู้สึกว่ามันสั้นยังไงไม่รู้...

เอเดนสู้ๆๆๆๆ :3123:

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เอาแล้ว น้องจะมาหาแล้ว. พี่ชายจะห้ามยังไงอ่ะ ระหว่างน้องกับคนสวนรูปหล่อ อิอิ :mew4:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ร๔้สึกสงสารเอเดน ... #ทีมเอเดน

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
มาจุ๊บพี่ยอร์ชที น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดด
ใจแข็งให้ได้ตลอดเถอะนะพ่อคุณ
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาา

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจจ้า

ติดตามเสมอนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด