ตอนที่ 23โจวพอล“ยังไงก็พาญาติเรามาที่นี่ด้วย มาทำความรู้จักกันไว้ ให้เห็นหน้าค่าตากันหน่อย ไหนๆเราก็ได้ชื่อว่าเป็นคนของตระกูลโจวแล้ว” สิ้นเสียงประมุขของบ้านอย่างปาปาฟู่สือ สมาชิกใหม่คนล่าสุดของตระกูลโจวก็รับปากด้วยท่าทีแข็งขัน ทั้งๆที่ผิวแก้มระเรื่อกับข้อความสุดท้ายของท่าน
ผมกับมามาได้แต่ส่งยิ้มให้กัน และปล่อยให้ปาปาได้ซักถามลูกสะใภ้อย่างเต็มที่ พร้อมคอยคีบอาหารให้คนข้างตัวของเรา เพราะดูท่าปาปากับลูกสะใภ้จะติดลมคุยกันไม่เลิก จบเรื่องนั้นเปลี่ยนมาเรื่องนี้ ซึ่งส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฝูหรงแทบทั้งสิ้น ทำเอาผมยิ้มไม่หุบที่ได้รู้ว่าปาปาเอ็นดู และมอบความรักให้คนรักของผมไม่น้อย
ส่วนจุดเริ่มต้นของประเด็นสนทนาที่ได้ยินก่อนหน้านั้น เกิดมาจากการที่ผมกับฝูหรงมาไม่ทันมื้อเย็นของบ้าน เพราะต้องไปส่งนายแพทริคนั่นที่คอนโด ไหนจะเสียเวลาไปกับการต่อปากต่อคำ และกว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงบ้านได้อีก ทำให้ปาปามามาต้องหิ้วท้องรอ
ฝูหรงรู้สึกผิดมากที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องลำบาก ก่อนคนน่ารักจะรีบเข้าไปขอโทษพวกท่านเสียเป็นทางการ ทำเอาปาปามามาตกใจใหญ่ จึงเป็นที่มาของบทสนทนาดังกล่าว ด้วยฝูหรงเริ่มบอกเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เรามาช้า แต่ยังดีที่ได้มามาชักชวนให้เริ่มมื้อเย็น แบบทานไปด้วยคุยไปด้วย ซึ่งหาได้น้อยครั้งที่มื้ออาหารของบ้านเราจะครื้นเครง ไปด้วยเสียงพูดคุยแทรกเสียงหัวเราะเป็นบางช่วงเช่นนี้ คงเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รับสะใภ้ใหม่เข้าบ้านนี่แหละ จนถึงนาทีนี้มื้อเย็นเพิ่งจบลง
“พอลตามฉันมา” ปาปาไม่เพียงใช้น้ำเสียงจริงจังกับผมเท่านั้น แต่แววตาที่ท่านมองมายังผมก็จริงจังไม่ต่างกัน ท่าทีแบบนี้ของท่านคงไม่พ้นต้องการรู้ความคืบหน้าของ ‘เรื่องนั้น’
ผมรับคำท่าน แต่ระหว่างที่ผมจะหมุนตัวเดินตามหลังปาปาไปนั้น มือเล็กๆก็คว้าเข้ามาที่ข้อมือ ยามหันไปมองก็พบว่าฝูหรงเงยหน้ารอผมอยู่ก่อนแล้ว แถมดวงตาที่ได้สบก็ฉายชัดถึงความกังวล กระต่ายน้อยคงกลัวว่าผมจะโดนปาปาต่อว่าเรื่องที่เรามาสาย ผมจึงส่งยิ้มบางเบาใส่ตากลมๆคู่นั้น พร้อมลูบผมนุ่มไปด้วย
“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวพอลมา” เจ้าของหัวกลมๆภายใต้ฝ่ามือยอมพยักหน้าให้ผมช้าๆ แม้แววตายังไม่คลายกังวลไปมากนักก็ตาม แถมฝูหรงยังไม่ยอมปล่อยข้อมือผมให้เป็นอิสระง่ายๆ จนมามาที่นั่งอยู่ด้วยต้องเอ่ยปากว่าไม่มีอะไรต้องกังวลนั่นแหละ กระต่ายน้อยขี้กังวลถึงยอมทิ้งมือลงข้างตัว
ผมจึงตัดสินใจก้มหน้ากดจมูกแช่เข้าที่หน้าผากเนียน ท่ามกลางสายตาของมามาอีลิน่าที่มองมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ พร้อมกระซิบบางเบาขยายความว่า การที่ปาปาเรียกผมไปนั้นเป็นเรื่องงาน และได้แต่บอกเจ้าตัวว่าไม่ต้องเป็นห่วง จนผมได้ยินเสียงอือออตอบรับนั่นแหละ ถึงจะปลีกตัวเดินตามปาปาเข้าไปยังห้องหนังสือ
จากหางตาผมเห็นว่าฝูหรงมองตาม ด้วยทีท่าเป็นห่วงเป็นใยแบบไม่วางตา ผมพอเข้าใจอาการเหล่านั้นของกระต่ายน้อยได้ ในเมื่อท่าทางของปาปาที่มีต่อเจ้าตัวนั้น แตกต่างจากท่าทางที่มีต่อผมผู้เป็นลูกชายมากนัก เปรียบดั่งการพลิกฝ่ามือในเสี้ยววินาทีก็ว่าได้
ผมรู้ว่ายามใดที่ปาปาฟู่สือมีท่าทางเงียบขรึมจริงจัง ยามนั้นมักจะมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เพราะหากเป็นเวลาทั่วไปโจวฟู่สือเจ้าพ่ออสังหาฯมือหนึ่ง ก็เป็นเพียงหัวหน้าครอบครัวธรรมดาคนหนึ่ง หรือแม้แต่การเป็นผู้ชายพูดน้อยแสนอบอุ่นและรักจริงสำหรับคู่ชีวิต และเป็นพ่อที่ใส่ใจพร้อมให้ความรักแก่ลูกอย่างเต็มเปี่ยมเสมอ แต่ท่านก็มักแสดงออกถึงความรักทางภาษากายมากกว่าคำพูด บวกกับท่านไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว
การที่ปาปาจะมาต่อว่าผมด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่ฝูหรงกังวลนั้น ย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และผมก็คิดถูก ด้วยพอผมปิดประตูห้องสนิทดีแล้ว ปาปาก็เปิดประเด็นเรื่องงานที่มอบหมายไว้ให้แก่ผมขึ้นมาทันที
“ฉันเห็นสัญญาโอนแล้ว แต่เหมือนจะมีเรื่องใช่มั้ย ตกลงเป็นฝีมือใคร” ปาปาหมุนตัวกลับมามองผมและจ้องเอาคำตอบ
“ครับ ผมให้คนตามเรื่องมาแล้ว เป็นบริษัทซินจางกรุ๊ปอยู่เบื้องหลังเรื่องวุ่นๆทั้งหมด” สิ้นเสียงของผม ปาปาเงียบไปเลย ก่อนจะเดินไปนั่งยังโซฟาเดี่ยวข้างหน้าต่าง และถอนใจเฮือกใหญ่
“ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ ขอให้ได้ขัดขาก็ยังดีสินะ แต่คนของเรานี่สิ ไม่น่าเลย...แกเองก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน วงการนี้ประมาทไม่ได้ รู้หน้าไม่รู้ใจ...โจวพอล ถือว่าครั้งนี้แกทำได้ดีมาก” ผมยิ้มรับคำชมของปาปา ก่อนจะก้มหัวให้ท่านด้วยความดีใจ ด้วยน้อยครั้งที่ปาปาจะเอ่ยชมผมตรงๆเช่นนี้ จากอุปนิสัยที่เป็นคนปากหนัก ถึงขั้นแข็งกร้าวในบางครั้งนั่นเอง
หลังจากนั้นปาปาให้ผมเล่ารายละเอียดของเรื่องทั้งหมด หากยังจำกันได้ว่าปาปาได้มอบหมายให้ผมจัดการผืนดินทองคำผืนหนึ่ง ด้วยท่านเห็นถึงความไม่ปกติของขั้นตอนการติดต่อซื้อขายที่ดินผืนนี้ ซึ่งหลังจากที่ผมได้รับมอบหมายมา ผมศึกษารายละเอียด ก่อนลงพื้นที่เข้าเจรจากับเจ้าของที่ดินด้วยตัวเอง ซึ่งผมก็พบความผิดปกติทันที ด้วยซินจางกรุ๊ปตัดหน้าเข้าเจรจาและอัพราคาที่ดิน ก่อนผมจะไปถึงไม่เกินหนึ่งชั่วโมง โดยทางนั้นให้ราคามากกว่าที่ทางเราเตรียมเสนอไว้ ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ควรเล็ดลอดออกไป เดาได้ไม่ยากว่าต้องมีคนในของบริษัทเป็นหนอน
บริษัทเรายังโชคดีที่ทางเจ้าของที่ดินยังไม่ได้รับเงิน หรือยังไม่แม้แต่เซ็นโอนที่ให้กับทางซินจาง เพียงแค่รับข้อเสนอไว้พิจารณาเท่านั้น ทำให้ผมมีเวลาที่จะโน้มน้าวให้เจ้าของที่ดินขายให้กับ Joe F.H. Estate และถือว่าโชคเข้าข้างผม เมื่อเจ้าของที่ดินผู้เป็นหญิงชราม่ายที่เพิ่งสูญเสียลูกชายคนเดียวไป ซึ่งลูกของเธอมีอายุใกล้เคียงกับผม ดังนั้นเธอจึงเอ็นดูผมเป็นพิเศษ ยามที่ผมเทียวไปหาและซื้อบรรดาอาหารกับของบำรุงไปให้ ด้วยเล็งเห็นแล้วว่ากรณีเช่นนี้เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ความรักและความใส่ใจอย่างลูกหลานมากกว่าคือสิ่งที่หญิงชราม่ายต้องการ
ไม่นานหลังจากนั้นเธอตัดสินใจจะขายที่ดินติดทะเลที่เธออาศัยมาทั้งชีวิตให้แก่ผม แต่การตัดสินใจครั้งนี้กลับส่งผลร้ายกับเธอ เมื่อทางซินจางกรุ๊ปส่งคนมาข่มขู่ แต่ดีที่มีคนของตระกูลหวางเข้าช่วยไว้ทัน ด้วยก่อนหน้าผมได้ขอร้องหลี่ผิงให้ช่วยส่งลูกน้องไปช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้เธอ เมื่อผมรู้เรื่องผมรีบไปหาเธอทันที ก่อนหญิงชราจะตัดสินใจเซ็นโอนที่ดินผืนนั้นให้แก่เรา
ถึงแม้งานที่ผมได้รับมอบหมายจะบรรลุเป้าหมายอย่างสวยงาม แต่ผมก็ไม่คิดทิ้งหญิงม่ายผู้น่าสงสาร ด้วยผมนั้นติดต่อบ้านพักคนชราที่ดีที่สุดไว้ ดูเหมือนผมเป็นคนใจร้าย แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าสถานที่ที่ผมเลือกนั้น เหมาะสมกับหญิงชราผู้ว้าเหว่แล้ว เพราะมีคนดูแลที่มีความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุ และเป็นสถานที่ที่กว้างขวางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ แถมยังมีเพื่อนในวัยเดียวกันคอยเป็นเพื่อนคุยคลายเหงาได้อีกด้วย
ดีกว่าที่เธอจะมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่กับคนรับใช้เพียงลำพัง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นไปตามความต้องการของเธอด้วย อย่างช่วงเช้าวันนี้ยามผมไปเยี่ยมเธอ ผมได้พบกับหญิงชราคนใหม่ ผู้มีรอยยิ้มสดใสพร้อมแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
การทำงานครั้งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ที่นอกเหนือคำว่าธุรกิจและผลประโยชน์
“พอล แกทำได้ดีไอ้ลูกชาย” คราวนี้ไม่เพียงปาปาจะเอ่ยปากชมผมเท่านั้น แววตาท่านก็ฉายชัดว่าภูมิใจในตัวลูกชายอย่างผมไม่น้อย แต่ผมคงตาฝาดที่ได้เห็นแววหม่นเศร้าจางๆในดวงตาของท่าน เพราะมันฉายอยู่ชั่วแวบก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนหนอนที่ชอนไชอยู่ในบริษัทนั้น เป็นพนักงานฝ่ายบัญชีที่มีความสามารถระดับแถวหน้าของบริษัท แต่ด้วยความโลภเห็นแก่ยอดเงินในบัญชี และตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นที่ซินจางกรุ๊ปเสนอให้ ทำให้เธอคิดหักหลังบริษัทเราที่อุ้มชูสอนงานและให้รายได้ ตั้งแต่เป็นนักศึกษาจบใหม่เมื่อห้าปีก่อน ด้วยการเอาความลับไปบอกกับพวกซินจาง ซึ่งงานนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอลงมือ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นงานใหญ่มีผลตอบแทนสูง หากซินจางได้เป็นเจ้าของที่ดินแถวชายทะเล
เธอจึงกล้าเสี่ยงเอายอดเงินที่ผมเตรียมเสนอให้เจ้าของที่ดินไปเปิดเผย จึงไม่แปลกที่ผมจะสาวถึงตัวคนทำ ด้วยมีไม่กี่คนที่ทราบยอดตัวเลขที่ผมเตรียมเสนอซื้อ และฝ่ายบัญชีย่อมถูกเพ่งเล็งก่อนใคร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสาวหาตัวการ และคงไม่ต้องบอกว่า Joe F.H. Estate จะปล่อยให้คนผิดลอยนวล เพียงแต่บทลงโทษอย่างการไล่ออก ไม่ได้ทำให้ผู้ที่มีงานรองรับอยู่แล้ว คิดจะแยแสในบทลงโทษนี้
“ปล่อยเธอไปเถอะ เพราะเราไม่ได้เสียหายมากมายอะไร ถือว่าเป็นการลงทุนกำจัดหนอนบ่อนไส้ที่แฝงตัวอยู่ในบริษัท...ส่วนทางซินจาง ฉันอยากให้แกจับตาดูทางนั้นไว้ เราไว้ใจพวกมันไม่ได้”
“ครับปาปา”
“เอาล่ะ นี่ก็ได้เวลาพักผ่อนแล้ว รีบไปดูแฟนแกไป ป่านนี้ไม่กังวลแย่แล้วรึ...เด็กอะไร ขี้กังวลเกินเหตุ” ปาปาพูดแบบนี้แสดงว่า อาการของกระต่ายน้อยอยู่ในสายตาท่านตลอด ดูท่าปาปาฟู่สือจะเอ็นดูฝูหรงไม่น้อยเลยทีเดียว
งานนี้ผมยอมเป็นลูกชายที่ตกกระป๋อง และปล่อยให้เมียรักขึ้นแท่นเป็นลูกรักคนใหม่แต่โดยดี
“หืม เป็นอะไรครับ ทำไมมองพอลแบบนั้น” ผมสังเกตมาพักหนึ่งแล้ว ด้วยเห็นว่าฝูหรงเหลือบมองมาที่ผมเป็นระยะ ตั้งแต่ผมไปรับเจ้าตัวที่ห้องนั่งเล่น กระทั่งเราสองคนเดินจนเกือบถึงห้องส่วนตัว
“ปาปาเรียกไปคุยเรื่องอะไร ทำไมสีหน้าท่านตอนเรียกพอลไป กับตอนออกมา แตกต่างกันขนาดนั้นล่ะ” ใบหน้าเล็กๆที่แสดงออกถึงความกังวล และแววตาที่ฉายแววแห่งความสงสัยใคร่รู้ของฝูหรงนั้น แม้ไม่ได้มีเพื่อผม แต่เชื่อมั้ยว่าผมกลับรู้สึกดีและมีความสุขชะมัด
เมื่อได้รับรู้ว่าช่วงระยะเวลาไม่นาน สามารถก่อเกิดสายใยและความรู้สึกผูกพันเหนียวแน่น ระหว่างปาปาและฝูหรงผู้เป็นพ่อสามีกับลูกสะใภ้ได้เร็วเช่นนี้ ยังไม่รวมถึงความรักความเอ็นดูเต็มเปี่ยมแต่แรกเจอของมามาที่มีให้ลูกสะใภ้นะครับ
ดังนั้นนาทีนี้ผมจึงได้แต่ฉีกยิ้มกว้างใส่ตากลมๆ แทนที่จะเป็นการอมยิ้มน้อยๆตามที่เป็นมาตลอดทาง จนคนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มที่จะมีสีหน้าบูดบึ้งไม่ได้ดังใจบ้างแล้ว ด้วยคงคิดว่าผมตั้งใจกวนอารมณ์ซะมากกว่า จนผมอดใจไม่ไหวจึงรวบกอดร่างน้อยเต็มแรง ก่อนจะฟัดแก้มใสด้วยความมันเขี้ยว และคงไม่ต้องบอกว่ากระต่ายน้อยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้าไม่ใช่ออกอาการโวยวาย แต่ก็เป็นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อผมแกล้งงับเข้าที่ผิวอ่อนตรงซอกคอ
“หึ้ย! ไรเล่า อ่ะ!...ฮึๆ ฮ่าๆ พอล ไม่เล่น ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะสดใสกับรอยยิ้มกว้างขวางของฝูหรง ทำเอาผมเคลิ้มและหยุดหยอกเย้าคนน่ารักอย่างไม่รู้ตัว
ยิ่งตากลมๆที่ทอประกายสดใสด้วยแล้ว ยิ่งดึงดูดให้ผมหลงใหล จนคนโดนมองเริ่มรู้ตัว กระต่ายน้อยค่อยๆหยุดเสียงหัวเราะลง เปลี่ยนมามองผมด้วยความระแวงกึ่งขัดเขิน มีเอนตัวหนีอ้อมกอดผมพร้อมอาการหลบตา ทั้งๆที่แก้มใสขึ้นสีระเรื่อน้อยๆอย่างน่ามอง
“คิกๆ หือ...อ่า จะจ้องอะไรนักหนาเล่า พอลน่ะชอบแกล้งฝูหรงอยู่เรื่อยเลย...ก็รู้ว่าเขิน อ๊ะ! ก้มมาใกล้กันเกินไปแล้ว” เสียงเล็กๆที่ดังขึ้นเบาๆกับอกมาตลอด แทบจะสลายหายไปกับอากาศในช่วงประโยคสุดท้าย
ผมเองที่อยู่ใกล้แสนใกล้ยังแทบไม่ได้ยิน จึงจงใจโน้มตัวก้มหน้าเข้าหาแหล่งกำเนิดเสียง ทำให้ริมฝีปากแดงฉ่ำขยับปัดป่ายไปมาแถวข้างแก้ม ทำเอากระต่ายน้อยขี้เขินถึงกับสะดุ้ง และเอ่ยต่อว่ากันแบบไม่จริงจังนัก แต่ก็เป็นไปในแบบที่คนต่อว่าไม่กล้าสบตากัน
ผมจึงตัดสินใจคลายอ้อมกอด และจับจูงมือน้อยเพื่อพาเจ้าของให้ออกเดินอีกครั้ง ตั้งใจทอดเวลาให้ฝูหรงได้มีเวลาหายใจพักแก้มร้อนๆลงบ้าง แต่เมื่อเราได้มาอยู่ในห้องด้วยกันแล้ว ผมก็หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับกระต่ายน้อยตาแป๋ว ที่ก็เหมือนเจ้าตัวรอผมอยู่ก่อนแล้ว ด้วยฝูหรงเงยหน้ามองผมตาไม่กระพริบ ผมจึงเชยคางมนขึ้นอีกนิด และโน้มตัวเข้าหาดวงหน้าสว่างใสอย่างช้าๆ
“ช่างใส่ร้ายพอลนะกระต่ายน้อย พอลไม่ได้แกล้ง แต่พอลไม่เถียงว่าพอลชอบ...ชอบตากลมๆคู่นี้ที่สะท้อนให้เห็นเพียงแค่ใบหน้าพอล” ผมประทับจูบลงบนเปลือกตาบางใสทั้งคู่ ก่อนผละห่างและรอจนขนตาหนากระพือเปิดให้เห็นตากลมๆที่ผมหลงใหลอีกครั้ง
“พอลชอบจมูกแหลมๆนี้ ที่บ่งบอกนิสัยดื้อรั้นของกระต่ายน้อยขี้งอนของพอล...เพราะชอบที่จะตามง้อตามเอาใจ แต่ที่ชอบกว่านั้นคือชอบช่วงเวลาที่ฝูหรงยอมใจอ่อนให้กับพอล เหมือนอย่างตอนนี้ไงครับ” นอกจากที่ผมจะจงใจส่งยิ้มบาดตาใส่ดวงตากลมๆที่จ้องผมไม่กระพริบแล้ว
ผมยังยื่นมือไปคีบปลายจมูกแหลมๆเป็นการยืนยันคำพูด จนคนที่ชักจะขี้งอนบ่อยครั้ง ถึงกับแสยะยิ้มมีสะบัดค้อนน้อยๆให้ผมที่รู้ทัน ตามมาด้วยพยายามปัดมือผมออกจากจมูกตัวเอง ผมจึงเลือกที่จะคว้าฝ่ามือนุ่มข้างนั้นไว้ ก่อนนำมาวางไว้แนบอกซ้าย โดยมีมือผมวางประกบบนหลังมืออีกที พร้อมใช้มือข้างที่ว่างจิ้มลงบนแก้มใสที่เริ่มพองลม เพราะเจ้าของเริ่มมีอาการฮึดฮัดขัดใจที่ทำอะไรผมไม่ได้
“แก้มป่องๆนี่อีก รู้มั้ยว่าพอลก็ชอบมันมาก เพราะเวลาที่พอลทำแบบนี้...[ฟอดดดด]...ทีไร กำลังใจที่เคยหดหาย มันกลับมาจนเกือบเต็มทุกครั้งเลย” ไม่ใช่แค่พูดว่าชอบอย่างไร แต่ผมเลือกที่จะทำให้ฝูหรงรู้ด้วย ว่าการที่กำลังใจคืนกลับมาได้นั้นผมทำแบบไหน จนเจ้าของแก้มแดงยู่หน้ายื่นปากเข้าใส่
“ตลอด หึ!...ขนาดฝูหรงเสียแก้มให้พอล กำลังใจที่ว่าแค่เกือบเต็มแค่นั้นเองเหรอ” ผมล่ะเกือบหลุดขำให้กับกระต่ายน้อยแก้มแดง ที่แกล้งประชดกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง จึงจัดให้อีกข้างเสียฟอดใหญ่ เสียงดังได้ไม่แพ้ก่อนหน้าเลยทีเดียว ก่อนจะจับปลายคางแหลมๆเขย่าให้พอหายมันเขี้ยว
“ฮึๆ เดี๋ยวนี้ประชดเป็นแล้วน้า แค่แก้มกำลังใจก็แค่เกือบเต็มสิครับ แต่ปากแดงๆคู่นี้ต่างหาก ที่พอลชอบที่สุด เพราะมันสามารถเติมกำลังใจกลับมาให้พอลจนเต็ม” คงไม่ต้องบอกว่าผมเต็มใจสาธิตการเติมแรงใจด้วยวิธีนี้แค่ไหน เรียกได้ว่าในเวลาไม่นาน ร่างน้อยในอ้อมกอดผมอ่อนระทวยจนยืนไม่ไหวเชียวล่ะ
ผมจึงได้โอกาสอุ้มกระต่ายน้อยตาเยิ้มปากฉ่ำวาวไว้กับอก และตรงไปยังเตียงนอนของเรา แต่แรงดิ้นน้อยๆของฝูหรง ทำให้ผมรู้ว่ามนต์จุมพิตที่ร่ายไว้ได้คลายมนต์สะกดเร็วกว่าทุกที
“ไหนว่ามีรางวัลให้พอลไงครับ” แน่ะ! กระต่ายน้อยทำงง จ้องกลับผมตาแป๋ว
ผมจึงขยายความและทวงสัญญาที่ฝูหรงให้ผมไว้ เล่นเอาคนที่ผมผ่อนร่างลงบนเตียงถึงกลับตาโตที่นึกขึ้นได้ และมีอาการเลิ่กลั่กไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“เออ อ่า ตอนนั้นมัน”
“ฝูหรงจะเบี้ยวพอลเหรอครับ น่าน้อยใจชะมัด เรารึอุตส่าห์ยอมให้นายนั่นโขกสับ คนของเราไม่เห็นใจไม่พอ ยังคิดจะผิดสัญญาอีก” แสร้งน้อยใจเข้าไว้ครับ อย่างไรซะคืนนี้ผมต้องได้รางวัลชิ้นโตให้จงได้
“หึ! ปากก็บอกว่าน้อยใจ แต่การกระทำนี่สวนทางชัดๆเลยนะพอล อื้อออ พอลจะเลียทำไมเล่า” อ้าวนี่ผมเผลอตัวชิมผิวสวยๆแถวซอกคอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ผมจึงได้แต่ส่งยิ้มอ้อนๆใส่ตาวาวๆที่มองมา และผมก็แทบเฮเมื่อฝูหรงเอ่ยปากว่าจะให้รางวัลแก่ผม
“ก็ได้ แต่พอลขยับตัวออกไปหน่อยสิ ทับกันไว้แบบนี้ ฝูหรงจะให้รางวัลถนัดได้ไง” ผมหรี่ตามองกระต่ายน้อยที่เปลี่ยนท่าทีรวดเร็วชนิดที่ทำผมสงสัย แต่รอยยิ้มหวานๆ แววตาหวานฉ่ำ และสัมผัสนุ่มๆที่แก้มจากฝ่ามือน้อย ทำให้ผมเลิกใส่ใจกับความสงสัยชั่วแวบ
ผมยอมที่จะลุกออกมาจากร่างน้อย และผมก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อฝูหรงลุกตามขึ้นมานั่งคร่อมตักประจันหน้ากัน พร้อมคล้องแขนไว้รอบลำคอผม
“หลับตาก่อนสิ จ้องกันขนาดนี้ ใครจะกล้า...หึ! ไม่ต้องกลัวหรอกน่าว่าจะเบี้ยว” กระต่ายน้อยฮึดฮัดเชียว แค่ผมส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมทำตาม
เดี๋ยวนี้ดีกรีความเจ้าเล่ห์ของฝูหรงมีน้อยซะที่ไหนกัน ผมกลัวว่าพอหลับตาแล้ว กระต่ายน้อยเจ้าเล่ห์จะกระโดดหนี เบี้ยวรางวัลที่สัญญาไว้น่ะสิครับ แต่คนน่ารักก็รู้เท่าทันความคิดของผมเข้าจนได้
“ฮึๆ ครับๆ ไม่เบี้ยวก็ไม่เบี้ยว...อ่ะ พอลหลับตาแล้ว ยอมขนาดนี้ขอแบบจัดหนักเลยน้า...เร็วสิครับกระต่ายน้อย~” เห็นผมปากดีหยอกเย้าคนน่ารักเล่นแบบนี้ แต่รู้มั้ยว่าหัวใจในอกผมนี่เต้นแรงแค่ไหน ด้วยอดลุ้นรางวัลใหญ่แบบจัดหนักที่ฝูหรงจะเป็นคนมอบให้ไม่ได้จริงๆ
รางวัลที่ว่าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วด้วย จากลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดแถวปลายจมูก จนผมเองถึงกลับกลั้นลมหายใจแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่ง...
“...ฟอดดด!...ฟอดดด!!...จุ๊บ!!!...จุ๊บ!!!!.....พรึ่บ!.....จัดให้แล้วนะรางวัลแบบจัดหนัก คิกๆๆ...ปึง!”
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันครับเนี่ย!!’ ตอนนี้ผมได้แต่นั่งอึ้งกับรางวัลแบบจัดหนักของกระต่ายน้อยแสนรัก ผู้ที่มอบรางวัลคอมโบเซตให้ผมเสร็จ ก็กระโดดลงจากตักและวิ่งฉิวหนีไป แถมมีเสียงลอยมาให้ได้ยิน พร้อมเสียงหัวเราะร่วนตอกย้ำให้ผมช้ำใจเล่นอีก จนเสี้ยววินาทีถัดมาผมจึงได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดลง มันน่ามันเขี้ยวชะมัด
ส่วนรางวัลแบบจัดหนักที่ฝูหรงให้ผมคือ การหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะจูบที่กลางหน้าผาก และจบด้วยการจูบเข้าที่ปลายคาง ไอ้ที่ผมหวังไว้มันไม่ใช่แบบนี้ ผมไม่น่าหลงกลกระต่ายน้อยเจ้าเล่ห์เลยให้ตายสิ ไม่เช่นนั้นป่านนี้ผมคง...
“พอล!!”
“เฮ้ยยยย!!!” ผมสะดุ้งสุดตัวและร้องสุดเสียง จากเสียงชื่อผมที่ดังขึ้น พร้อมมีฝ่ามือเย็นๆประกบเข้าที่ข้างแก้ม
“ฮ่าๆ ทำหน้าตลกอ่ะ ฮ่าๆ” กระต่ายน้อยเดี๋ยวนี้ร้ายนัก มีกลับมาแกล้งให้ผมตกใจเล่นอีก กลับมาแบบนี้ก็เข้าทางสิ จับกินซะให้หมดเรื่อง
คิดได้ดังนั้น ผมก็รวบกอดร่างน้อย และกดลงกับเตียงอีกครั้ง พร้อมตรึงข้อมือทั้งคู่ไว้เหนือหัว
“ใครน้าที่ว่าพอลชอบแกล้ง ฝูหรงเองต่างหากที่ชอบแกล้งพอล...ตกใจหมดเลยรู้มั้ย แล้วเมื่อครู่อะไรครับ รางวัลแบบจัดหนัก!?” ผมเลิกคิ้วใส่ตาคู่กลมที่ยังมีแววระยิบระยับไม่เปลี่ยน และเริ่มแปลกใจกับท่าทางไม่หวั่นของกระต่ายน้อยใต้ร่าง ทั้งๆที่อยู่ในท่วงท่าที่แสนเสียเปรียบ
“อืม รางวัลแบบจัดหนักไง...แต่ก็เป็นแค่ออเดิร์ฟ” ‘หืม! คุณได้ยินเหมือนผมใช่มั้ย’
สิงห์เจ้าป่าแสนเจ้าเล่ห์อย่างผมตกหลุมกระต่ายน้อยเข้าแล้ว เริ่มจากยั่วให้อยากก่อนจากไปพร้อมความหวัง และกลับมาทำให้ตกใจด้วยการหยิบยื่นสิ่งที่ผมคิดว่าหลุดมือไปแล้วให้อีกครั้ง
“หมายความว่าไงครับ” ผมยอมกลายเป็นสิงห์เจ้าป่าที่แสนโง่เขลาในสายตากระต่ายน้อยช่างยั่ว เพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่คิด
“อะไรกัน มาถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ” แม้ฝูหรงจะทำใจกล้ายั่วยวนผมด้วยท่าทาง และเปิดโอกาสให้ผมด้วยคำพูด แต่ไม่สามารถกลบเกลื่อนความเขินภายในใจได้มิด
เมื่อดวงตาคู่กลมเริ่มหลบตากัน ยามผมมองอย่างรู้เท่าทัน แถมด้วยแก้มใสที่เริ่มแต่งแต้มไปด้วยสีแดงจางๆ ก่อนจะลามไปทั้งหน้ายามที่เจ้าตัวยื่นหน้าเข้าหาผม
“วันนี้ขอบคุณพอลนะที่เข้าใจฝูหรง ยอมไม่มีเรื่องกับแพทริค และไม่สร้างความลำบากใจให้...รักพอลนะ”
“ฮึๆ รักฝูหรงเหมือนกันครับ ถ้างั้น...ขอรับรางวัลเลยน้ากระต่ายน้อย”
“อืม.....พอล~”
คงไม่ต้องบรรยายคุณก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และบอกได้คำเดียวว่าสมกับเป็นรางวัลแบบจัดหนัก หนักชนิดที่ว่าหากกระต่ายน้อยไม่หลับไปซะก่อน คงมีต่อยันเช้า ฮึๆ
..............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะรางวัลแบบจัดหนักครั้งนี้คงทำให้พอลเปรมปรีดิ์ไปเลยล่ะน้า

เหตุการณ์วุ่นๆระหว่างงานที่พอลเจอ บอกเลยว่าอาจจะมีลูกติดพันตามมา
แต่จะมาแบบไหนอย่างไรอดใจรอกันก่อนค่ะ
ตอนหน้าเรามาติดตามกันดีกว่า ว่าระหว่างญาติตัวป่วนกับญาติตัวแสบ
ใครจะแน่กว่ากัน ในจินนี่ปะทะแพทริค!?
ติดตามได้ในวันจันทร์ค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#newใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้ ติดต่อเข้ามานะคะ
