ตอนที่ 21โจวพอล“พอล แกรีบจัดการเรื่องโอนที่เรื่องเงินกับทางนั้นให้เร็วที่สุด ขืนช้าคงโดนตัดหน้า ฉันได้ข่าวมาว่าพวกซินจางพยายามหาช่องทางเจรจากับเจ้าของที่อยู่” ประธานใหญ่แห่ง Joe F.H. Estate ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะประชุมเจาะจงพูดกับผมโดยตรง โดยมีคณะกรรมการบริษัทและบุคคลระดับหัวหน้านั่งขนาบซ้ายขวา
“ได้ครับปาปา ผมจะจัดการให้เรียบร้อย” ผมปิดแฟ้มรายละเอียดของพื้นที่ที่ผมได้รับมอบหมายให้จัดการ ก่อนจะรับปากปาปาผู้ที่ควบตำแหน่งใหญ่ที่สุดในบริษัท
ส่วนบรรดาคณะกรรมการหรือเรียกง่ายๆว่าหุ้นส่วนของบริษัทนั้น ก็เป็นเครือญาติในตระกูลโจวแทบทั้งสิ้น จะมีก็แต่พนักงานระดับหัวหน้าบางคนเท่านั้น ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติ แต่ก็อยู่มานานด้วยความสามารถและสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น จึงไว้ใจได้ไม่ต่างครอบครัวเดียวกัน
ด้วยวงการอสังหาฯนั้น บริษัทจะมั่นคงได้นอกจากประธานยันพนักงานต้องเป็นผู้กว้างขวาง และมีเงินทุนสำรองของบริษัทมากพอแล้ว เรื่องอิทธิพลและอำนาจหนุนหลังก็มีความสำคัญไม่ต่างกัน ซึ่ง Joe F.H. Estate ของเราดีที่มีตระกูลหวางหย่งกังเกื้อหนุนด้วยดีมาตลอด ทำให้บริษัทอื่นๆไม่กล้าต่อกรด้วยมากนัก เพราะรู้กันอยู่ว่าไม่คุ้มหากคิดจะมีเรื่องกับคนตระกูลหวาง
ที่สำคัญบริษัทเรามั่นคงและยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ เป็นเพราะพนักงานทุกระดับมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดเอาความลับบริษัทไปแพร่งพราย ด้วยผืนแผ่นดินในฮ่องกงมีมูลค่ามากกว่าทองคำ การเจรจาซื้อขายแต่ละครั้งจึงต้องอาศัยจังหวะที่เหมาะสมและความรวดเร็ว เพื่อเป็นเจ้าของแผ่นดินทองนั้นๆ และหากใครสักคนในบริษัทคิดไม่ซื่อไปบอกบริษัทคู่แข่ง ที่ผืนนั้นๆคงหลุดมือ เม็ดเงินที่จะเข้าบริษัทคงหายวับไปกับตา ดังนั้นสายสัมพันธ์ที่ดีของคนในบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่ง Joe F.H. Estate มีแต่คนของตระกูลโจวด้วยแล้ว ปัญหาที่ว่าจึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่กรณีของที่ดินในมือผม ปาปาคงได้กลิ่นไม่ดีนัก ถึงมอบหมายมันให้ผมได้จัดการด้วยตัวเอง ซึ่งหากเป็นกรณีปกติในส่วนการโอนที่และจ่ายเงินนั้น บริษัทเราจะมีคนที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว
หลังจากนั้นฝ่ายสำรวจหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นฝ่ายที่คอยเสาะหาผืนแผ่นดินทองคำ ได้นำเสนอที่ทางผืนใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ด้วยเจ้าของเตรียมปล่อยขาย และถูกตัดสินใจโดยปาปาไว้แล้วขั้นหนึ่ง ซึ่งในคณะกรรมการทั้งหมดต้องร่วมตัดสินใจอีกที แต่มติส่วนใหญ่ย่อมไม่เห็นต่างจากผู้ที่เป็นประธานควบตำแหน่งพี่ใหญ่ของตระกูล ก่อนฝ่ายบัญชีจะแจ้งเรื่องงบต่างๆไม่ว่าจะเป็นงบลงทุนของบริษัท งบทุนสำรอง หรือแม้แต่รายได้และเงินปันผลประจำปี รวมถึงโบนัสที่พนักงานจะได้รับด้วย ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ทุกคนพอใจมากแค่ไหน สุดท้ายจึงปิดประชุมใหญ่ประจำเดือนของบริษัท Joe F.H. Estate
“ว่าไงเรา ได้ข่าวว่าลูกสาวอาไปทำเรื่องไว้ซะใหญ่โต อาต้องขอโทษแทนยัยจินนี่ด้วยนะจ๊ะ” ทันทีที่ในห้องเหลือเพียงบรรดาญาติๆ เสียงนุ่มติดหวานของผู้หญิงหนึ่งเดียวในห้องก็ดังขึ้น ซึ่งเจ้าของเสียงนี้คืออาหญิงของผมเอง
อาหญิงหมิงอี้ซานน้องสาวของปาปาฟู่สือ และเป็นมามาของยัยจินนี่ญาติสาวตัวแสบของผมเอง ซึ่งหากตีความในสิ่งที่ท่านพูด ท่านคงจะรู้เรื่องที่ลูกสาวคนเดียวทำไว้กับผมเมื่อห้าปีก่อนเข้าแล้ว
“อาหญิงไม่ต้องขอโทษแทนจินนี่หรอกครับ เพราะยัยนั่นขอโทษผมด้วยตัวเองแล้ว แถมตอนนี้ผมกับฝูหรงก็เข้าใจกันดีแล้วด้วย” อาหญิงพยักหน้าช้าๆพร้อมคลี่ยิ้มหวานพาให้ห้องทั้งห้องสว่างสดใส จนบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่อย่างปาปาและอาเจ็กทั้งสองผู้เป็นน้องชายท่านนั้นจุดรอยยิ้มมุมปากไม่ต่างกัน
“คงไม่ใช่แค่เข้าใจมั้ง ได้ข่าวว่าพาเข้าไปอยู่ในบ้านด้วยแล้วนี่ ใช่มั้ยพอล” ส่วนคนนี้น่ะญาติสนิทผมเอง โจวฉิงซูลูกชายคนเดียวของอาโจวฉิงซือ อาเจ็กผู้เป็นน้องคนที่สามของปาปา ฉิงซูอายุน้อยกว่าผมไม่กี่เดือน ทำให้เราสนิทกันยิ่งกว่าเครือญาติ เปรียบเป็นทั้งพี่น้องและเพื่อนสนิทอีกคนของผมก็ว่าได้
ผมกระตุกยิ้มพร้อมยักคิ้วใส่ฉิงซูอย่างกวนๆแทนการตอบรับ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็อ่านท่าทีตอบรับกลายๆ ที่ไม่มีแม้แต่การปฏิเสธของผมออก ถึงกลับชี้หน้าแสยะยิ้มส่งมาให้ด้วยความอิจฉา แถมยังหันไปบ่นพึมพำเรื่องที่ผมมีอะไรแล้วไม่ยอมบอก กับญาติสนิทอีกคนของเรา อย่างโจวหมินไท่ที่อายุน้อยกว่าเราร่วมปี ซึ่งหมินไท่เองดันเออออโวยวายใส่ผมเช่นกัน ทำเอาปาปาและอาทั้งสามส่ายหน้าระอาในท่าทางเป็นเด็กไม่รู้จักโตของพวกเรา
“พี่ใหญ่ พวกเรานัดรวมครอบครัวกันสักวันดีมั้ย ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันครบนานแล้วนะครับ และถือโอกาสเปิดตัวลูกสะใภ้ของพี่ใหญ่ให้พวกเรารู้จักด้วยเลย เหม่ยซินเองเปรยๆว่าอยากเจอหลานสะใภ้คนโตของตระกูลอยู่เหมือนกัน” ข้อเสนอของอาเจ็กโจวฝานไท่ผู้เป็นปาปาของหมินไท่ และเป็นน้องชายคนเล็กของปาปาผม ได้รับการสนับสนุนทันที
“ฮึๆ ดีเหมือนกัน จัดซะเสาร์นี้เลย จะได้รู้จักหน้าค่าตากันไว้” เสาร์นี้ก็อีกสองวันน่ะสิครับ ดูท่าปาปาเองก็คงอยากอวดสะใภ้คนแรกของตระกูลอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
“ยิ้มไม่หุบเชียวนะไอ้หลานชาย ดีใจที่จะได้เปิดตัวคนรักล่ะสิ” ผมได้แต่กลั้วหัวเราะให้กับคำหยอกเย้าของอาฉิงซือ ด้วยสิ่งที่อาเจ็กพูดไม่ต่างจากสิ่งที่ผมรู้สึกสักนิด
“ตกลงคนนี้ผ่านหนูจินนี่แล้วใช่มั้ย” ความแสบซ่าเอาเรื่องของยัยจินนี่เป็นที่รู้ดีของบรรดาผู้ใหญ่ครับ ว่ายัยเด็กนั่นหวงญาติผู้ชายของตัวเองทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ฉิงซูและหมินไท่ก็เจอฤทธิ์ยัยจินนี่มาแล้วถ้วนหน้า ซึ่งพอผมรับคำอาเจ็กฝานไท่แล้ว สองญาติสนิทถึงกลับอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหูเลยทีเดียว
“จริงดิ! เป็นไปได้ไง” เสียงนี้ของฉิงซือที่มาพร้อมสีหน้าแตกตื่น
“เฮ้ย! ยัยจินนี่การ์ดตกแล้วเหรอ” ส่วนนี่เป็นของหมินไท่ที่มีสีหน้าแปลกใจปนไม่เชื่อถือ
“ฮึๆ ถ้าไม่เชื่อ เสาร์นี้พวกนายก็มาดูกับตาเองแล้วกัน” ผมกลั้วหัวเราะอย่างอวดๆ พร้อมส่งคำท้าทายให้ญาติสนิททั้งคู่ ทำเอามันสองคนกลอกตาส่ายหน้าหวือ ก่อนพร้อมใจกันกระแทกเสียงใส่ด้วยความหมั่นไส้
“เออ!!”
ในสายตาของผมช่วงนี้จินนี่และฝูหรงไม่ต่างจากเพื่อนสนิท มีโทรหาและไปมาหาสู่กัน แม้ตอนอยู่ด้วยกันกระต่ายน้อยของผมจะเป็นฝ่ายเงียบที่จะฟังมากกว่าพูด ไม่เหมือนยัยแม่มดตัวแสบที่คอยเจื้อยแจ้ว แกมบงการให้ทำนู่นนี่ แต่พอย้อนกลับมาสังเกตคนของตัวเองก็ให้รู้ว่าฝูหรงไม่ได้มีอาการอึดอัดลำบากใจอะไร ออกจะสนุกและมีความสุขด้วยซ้ำ กับกิจกรรมหรือบทสนทนาที่จินนี่เป็นคนเริ่ม แต่คราวที่กระต่ายน้อยได้พูดได้ขัดสักที ก็ทำเอายัยตัวแสบอึ้งและได้แต่นิ่งฟัง ที่น่าแปลกใจคือยัยจินนี่ดันยอมรับคำแนะนำ หรือการตัดสินใจของฝูหรงอย่างง่ายดาย ในแบบฉบับที่คนข้างตัวและคนที่รู้จักจินนี่มานานยังทึ่งกับความสามารถนี้ของฝูหรง
หากให้ผมวิเคราะห์คงเกิดจากคนสองคนที่มีความต่างสุดขั้ว ตั้งแต่การเลี้ยงดู วิถีชีวิต หรือแม้แต่มุมมองความคิด จนทั้งคู่ได้มาเจอกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนทั้งคู่มีเหมือนกัน คือการโหยหามิตรภาพของเพื่อนสนิท จึงไม่น่าแปลกใจที่ฝูหรงและจินนี่ จะกลายมาเป็นเพื่อนซี้ต่างขั้วเหมือนในปัจจุบัน
........................................
“ตื่นเต้นเหรอครับฝูหรง” ผมเข้าไปจับไหล่บอบบางภายใต้เสื้อสเว็ตเตอร์สีชมพูอ่อนของบุคคลที่ลุกลี้ลุกลน เดินกลับไปกลับมาภายในห้องนอนของเรา และมีแววตาว้าวุ่นภายในดวงตากลมโตที่ไม่มีแว่นบดบังดังเดิม ได้เฉลยให้ผมรู้ว่าคนน่ารักของผมไม่เป็นตัวของตัวเองนัก
ไม่ใช่แค่ท่าทางในยามนี้เท่านั้น แต่รูปกายภายนอกของฝูหรงก็ดูแปลกตาไปไม่น้อย ไม่ใช่ไปในทางเลวร้าย เรียกว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างจากซินเดอเรลล่าที่ถูกแม่มดตัวแสบแปลงกายให้สักนิด ฟังไม่ผิดหรอกครับที่ผมใช้คำว่าแม่มดแทนคำว่านางฟ้า และแม่มดคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ยัยจินนี่ตัวแสบ ที่ขโมยคนรักของผมไปปรับลุคมาใหม่ทันที ยามที่ยัยนั่นรู้ข่าวเรื่องนัดรวมพลคนครอบครัวโจว
เริ่มตั้งแต่ทรงผมที่เคยยาวระต้นคอของฝูหรงถูกตัดแต่งให้สั้นขึ้น พร้อมเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอมทอง ทำให้ใบหน้าที่ใสอยู่แล้วดูสว่างน่ามองยิ่งขึ้น และแลดูเด็กลงไปอีก ไม่เท่านั้นแว่นหนากรอบดำคู่กายของเจ้าตัวก็ถูกยึด และถูกบังคับให้ใส่คอนแทคเลนส์แทน เพื่อโชว์ดวงตากลมโตที่ล้อมกรอบด้วยขนตางอนหนาชัดตา และสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลฝูหรงตั้งแต่แรกเจอด้วย พร้อมกับมหกรรมช้อปกระหน่ำที่หนักไปทางเสื้อผ้ารองเท้า
คงไม่ต้องบอกว่าใครจ่ายถ้าไม่ใช่ผม เพราะทันทีที่ผมหายตกตะลึงกับลุคใหม่แสนดูดีของกระต่ายน้อย บิลค่าใช้จ่ายที่ยาวเหยียดก็ถูกยื่นมาให้ ไม่เท่านั้นท้ายบิลยังมีค่าเซอร์วิสชาร์ตที่ถูกเขียนด้วยลายมือ ในมูลค่าที่สูงลิ่วไม่ต่างจากการปล้นกันต่อหน้า แต่นาทีนั้นจนถึงเดี๋ยวนี้ผมไม่นึกเสียดายกับเม็ดเงิน ที่โดนยัยแม่มดตัวแสบปล้นไปสักนิด ด้วยมันช่างคุ้มแสนคุ้มกับความน่ารักน่าใคร่ของคนตรงหน้าผมในขณะนี้
ผมระบายยิ้มใส่ดวงตาไม่มั่นใจคู่ตรงหน้า พร้อมไล้หลังมือไปยังข้างแก้มใส ก่อนจะโอบร่างบอบบางแสนนุ่มนิ่มเข้าหาอกช้าๆ และโยกตัวร่างน้อยไปมาเบาๆ เหมือนการกล่อมเด็กน้อยเสียขวัญให้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“มั่นใจในตัวเองนะครับ กระต่ายน้อยของพอลออกจะน่ารัก เชื่อได้เลยว่าทุกคนต้องเอ็นดูไม่ต่างจากมามาปาปาหรอก เราลงไปข้างล่างกันเถอะ สะใภ้ใหญ่ต้องลงไปช่วยกันรับแขกน้า” ผลของการหยอกเย้าทำเอากระต่ายน้อยในอ้อมกอดผมดิ้นเบาๆ มีลงมือทำร้ายกันนิดหน่อย
เมื่อผมคลายอ้อมกอด กระต่ายน้อยก็เงยหน้าขึ้น แม้ดวงหน้าสดใสจะดูบูดบึ้ง แต่แววตาที่เคยว้าวุ่นกลับทอประกายสดใส จนผมยกยิ้มมุมปากได้มากกว่าเดิม แต่ก่อนที่ผมจะหมุนตัวพาเจ้าของข้อมือน้อยในอุ้งมือออกจากห้อง ชายเสื้อด้านหน้าผมก็ถูกรั้งไว้ ยามหันกลับมาก็เห็นสีหน้าขัดเขินแกมไม่แน่ใจของกระต่ายน้อย จนผมนึกแปลกในอาการที่เห็น แต่ผมยังคงระบายยิ้มและส่งคำถามผ่านแววตา
“ก่อนลงไป เอ่อ...ขอกำลังใจหน่อยได้มั้ยพอล” จบประโยคดังกล่าว แก้มใสขึ้นสีคาตา ก่อนเปลือกตาบางใสที่ประดับไปด้วยขนตาหนา จะกระพือปิดแววตาขัดเขินลง พร้อมกับที่ผมรู้สึกถึงแรงขยุ้มจากฝ่ามือน้อยที่ชายเสื้อ
คำพูดและท่าทางของกระต่ายน้อยแสนรักตรงหน้า ชวนให้ผมตีความเข้าข้างตัวเอง จนหัวใจกระแทกแผ่นอกดังตูมตามก่อนจะเต้นถี่รัวชนิดที่ว่า ผมกลัวว่าหัวใจจะกระดอนออกมาด้านนอกเสียให้ได้ ฝูหรงไม่เคยแสดงออกแบบนี้มาก่อน เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าทำเอาผมแทบคลั่งใจตาย
ผมกลั้นลมหายใจไว้อย่างไม่รู้ตัว ก่อนโน้มใบหน้าเข้าหาดวงหน้าแดงซ่านอย่างช้าๆ และต้องอมยิ้มให้กับเปลือกตาบางใสที่ขยับไปมา หัวคิ้วที่มุ่นเข้าหากันน้อยๆ และริมฝีปากนุ่มสีสดที่เผยอเปิดรออย่างจงใจ ผมตัดสินใจประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่ม และสอดลิ้นเข้าหาเรียวลิ้นหวาน เกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าอย่างนุ่มนวล ปล่อยใจไปกับสัมผัสอ่อนหวาน ก่อนรีบตัดใจด้วยความเสียดายจับใจ ด้วยกลัวว่าจะเลยเถิดจนคุมตัวเองไม่อยู่ และประทับจูบลงบนหน้าผากนวลเนียนเนิ่นนาน จบด้วยการกระซิบแผ่วเบาข้างแก้มใสกลิ่นรัญจวน
“ชื่นใจจังกระต่ายน้อย...ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฝูหรงมีพอลอยู่แล้วทั้งคน พอลพร้อมจะเป็นทุกอย่างที่ฝูหรงต้องการ กับแค่กำลังใจทำไมจะให้ไม่ได้ เอาไปทั้งใจเลยดีกว่า....ฮึๆ ไปครับ” ผมยืดตัวขึ้น ตัดใจผละห่างจากกลิ่นกายหอมๆ
ขืนอยู่นานกว่านั้น เรื่องงานข้างล่างคงลืมไปได้เลย เพราะผมคงได้หลงมึนเมามัวแต่มอบกำลังใจให้คนน่ารักอยู่บนนี้อย่างแน่นอน
“เข้าใจเลือกนะเรา...อีลิน่า ได้เห็นฝูหรงแบบนี้ ทำเอาฉันชักอยากมีลูกชายน่ารักๆแบบนี้อีกสักคนเลย” ผมก้มหน้าส่งยิ้มใส่ตาคนน่ารักที่เงยขึ้นมาส่งยิ้มให้กันด้วยตายิบหยี เมื่อเห็นมามาอีลิน่าระบายยิ้มภูมิใจให้เรา ก่อนท่านจะหันไปทางคู่สะใภ้อย่างอาผู้หญิงเหม่ยซิน ผู้มีสีหน้าชื่นชมแกมอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด
“โธ่มามาครับ ผมน่ารักสู้ฝูหรงไม่ได้ตรงไหน หรือจะให้ผมหาสะใภ้เข้าบ้านแบบนี้สักคนดีมั้ย” หมินไท่เย้าอาผู้หญิงเหม่ยซินผู้เป็นมามายิ้มๆ จนคนเป็นมามาถึงกลับสะบัดค้อนเข้าใส่ และหยิกหมับเข้าที่เอว ทำเอาเจ้าตัวถึงกับแกล้งร้องซะลั่น แต่ไม่มีใครออกอาการสงสารสักคน มีแต่หัวเราะเยาะให้เท่านั้น
“ฮ่าๆ นายก็กล้าพูดนะว่าตัวเองน่ารัก แต่ถ้าเป็นประเด็นหลัง อย่างการหาแฟนน่ารักๆแบบฝูหรง ยังพอเข้าท่าให้อาเหม่ยซินยินดีได้หน่อย จริงมั้ยพอล” ผมแสยะยิ้มใส่ตาฉิงซูที่กระทุ้งศอกเข้าข้างเอว แต่ดันส่งสายตาเจ้าชู้ให้คนข้างกายผม
ฝูหรงเองถึงกลับแก้มแดงก้มหน้างุด และขยับตัวเข้าหาผมยิ่งขึ้น ผมจึงได้โอกาสโอบไหล่บอบบาง และลงมือลูบหัวไหล่เนียนเป็นการปลอบกระต่ายน้อยขี้ตื่น แม้จะถูกใจในอาการของฝูหรง แต่จะไม่ให้เอ่ยปรามญาติสนิทก็ใช่ที่ ผมจึงขึงตาเข้าใส่ฉิงซูและหมินไท่ ที่นาทีนี้พวกมันกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนของผมไม่ต่างกัน
“ฉิงซูจริงของนาย สงสัยฉันต้องรีบหาคนน่ารักๆแบบนี้สักคนแล้วล่ะ อยากมีแฟนให้คนอื่นอิจฉาแบบนายบ้างว่ะพอล” ยังครับยังไม่จบ หมินไท่แซวกระต่ายน้อยของผม เสียจนเจ้าตัวขยับตัวแทบจะเข้ามาสิงร่างผมแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะจัดการอะไร กลับมีนางฟ้าประจำตัวของกระต่ายน้อยเข้ามาช่วยซะก่อน และดูท่าการมาของจินนี่จะกลายเป็นการปรากฏกายของแม่มดตัวแสบของสองญาติสนิทแทนเสียได้
“หืม หมินไท่ ฉิงซู จะมีแฟนเหรอ ทำไมจินนี่ไม่รู้เรื่อง” ถึงคราวที่ผมจะได้เป็นฝ่ายยิ้มเยาะบ้างแล้ว และไม่ได้มีเพียงผมเท่านั้น แต่บรรดามามาของพวกเราทั้งหมดที่แต่แรกจับกลุ่มคุยกันเบาๆอยู่ไม่ห่าง ยังหันมาให้ความสนใจ ก่อนจะกลั้วหัวเราะน้อยๆ ยามอาหญิงหมิงอี้ซานที่เดินตามหลังลูกสาวมากระซิบบอก
สองหนุ่มญาติสนิทถึงกลับทำหน้าไม่ถูก จะยอมรับก็ไม่กล้า ครั้นจะปฏิเสธก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในใจจริงๆ จึงกลายเป็นอาการอิหลักอิเหลื่อวางตัวไม่ถูก พาเอาคนอื่นๆหยุดยิ้มไม่ได้ จะมีก็แต่กระต่ายตากลมของผมนี่แหละ ที่เพิ่งได้โอกาสเงยหน้าขึ้นมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเงยหน้ามาขอคำตอบจากผม ด้วยตาโตๆและมีอาการเอียงคอนิดหน่อย ท่าทางน่ารักจับใจจนผมอยากจะฟัดกอดซะตรงนี้ แต่สิ่งที่ผมทำคือก้มหน้ากระซิบคำตอบให้ได้ยินกันสองคน
“อาการของแม่มดน้อยหวงพี่ชายน่ะครับ” สิ้นเสียงผม กระต่ายน้อยเบิกตากว้างแววตาระยับ และลากเสียงยาวตอบรับ พร้อมหัวเราะน้อยๆอย่างน่าฟัง
“อ๋อๆๆ คิกๆ...เอ่อ พอลเอาหน้าออกห่างๆหน่อย” พอได้อยู่ใกล้ชิดคนน่ารัก ผมก็ลืมตัวอยู่เรื่อยเผลอสร้างโลกส่วนตัวตลอด
เมื่อคนน่ารักทักซะขนาดนี้ จึงจำใจต้องผละออก ก่อนจะส่งยิ้มแจกจ่ายให้เจ้าของสายตาทุกคู่ที่มองมา จะมีชะงักบ้างก็ต่อเมื่อมีสายตาบางคู่มองมาอย่างขัดใจ ยัยจินนี่สะบัดค้อนใส่ผมนิด ก่อนจะเข้ามาฉกตัวคนของผม ที่ได้กลายร่างจากกระต่ายน้อยขนปุยไปเป็นกุ้งต้มตัวแดงเถือก
“หึ! ช่วยกันดีนักนะ...ฝูหรงไปกับจินนี่เถอะ” หลังจากต่อว่าผมอย่างรู้ทันแล้ว แม่มดตัวร้ายก็ลากฝูหรงออกไป พร้อมหันไปเอ่ยขอตัวจากบรรดามามาของพวกเรา
“ยินดีด้วยนะพอล แฟนนายน่ารักจริงๆว่ะ มีแบบนี้เหลืออีกสักคนให้ฉันมั้ย” ผมที่มองตามหลังสองร่างที่เดินเข้าหากลุ่มปาปาและอาเขยด้วยความสุขใจนั้น ต้องหันมาตอบรับประโยคยินดีเปิดเผยของฉิงซู ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของมัน
“ขอบใจ...คนน่ารักแบบนั้นน่ะมีแค่คนเดียว อยากได้ก็ต้องเสาะหาเอาเองสิวะ ที่สำคัญหามาได้แล้ว ต้องหาให้ผ่านยัยจินนี่ตัวแสบด้วยล่ะ ฮึๆ” ฉิงซูถึงกลับถอนใจพรืด แต่ใบหน้าก็ยังคงอมยิ้ม และมองไปทางเดียวกับจุดปลายสายตาของผมตอนนี้
ผม ฉิงซู และหมินไท่คงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน ด้วยไม่ว่ายัยจินนี่จะแสบซ่าสร้างความวุ่นวายให้พวกเรามากแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงเป็นทั้งญาติและน้องสาว ที่พวกเรารักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน
“ฉันเชื่อแล้ว ว่ายัยจินนี่ยอมรับแฟนนายได้แล้วจริงๆ เคล็ดลับคืออะไรวะ บอกกันมั่งสิ” ผมได้แต่ตบไหล่และกลั้วหัวเราะใส่หมินไท่ แกล้งอมพะนำให้มันยิ่งอยากรู้
แต่จริงๆคือผมไม่มีอะไรจะบอก เพราะกว่าที่ความรักของเราจะมาถึงจุดนี้ ยัยตัวแสบของตระกูลโจวก็เข้ามาปั่นป่วน จนรักของเราสะบักสะบอมไปไม่น้อย ด้วยเกิดความเข้าใจผิดและต้องห่างกันไปถึงห้าปี
เมื่ออาหารขึ้นโต๊ะพร้อมแล้ว มามาอีลิน่าจึงชวนพวกเราเข้าห้องอาหาร ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ปาปาฟู่สือจะนั่งหัวโต๊ะ โดยมีมามานั่งฝั่งซ้ายของท่าน ตามมาด้วยผมกับฝูหรง คู่ของอาฉิงซือกับอาสะใภ้และปิดท้ายที่ฉิงซู ส่วนฝั่งขวาของปาปาคืออาหญิงหมิงอี้ซานที่มีจินนี่นั่งคั่นระหว่างปาปากับมามาของตัวเอง ตามมาด้วยครอบครัวของอาฝานไท่ซึ่งมีหมินไท่นั่งปิดท้าย
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของวันรวมครอบครัวตระกูลโจวเป็นไปอย่างอบอุ่นและชื่นมื่น ไม่ต่างจากทุกครั้งที่เคยมีมา แต่วันนี้พิเศษตรงสมาชิกใหม่ผู้น่ารักที่ได้รับความเอ็นดูจากทุกคน ทำให้คนที่ขาดความมั่นใจในการวางตัวแต่แรก ถึงกับระบายยิ้มเต็มหน้าตลอดเวลา และมีบางช่วงเวลาที่นั่งก้มหน้าแก้มแดงเป็นกระต่ายน้อยขี้อาย ยามโดนสองตัวป่วนญาติสนิทของผมแซวเล่น
เมื่อจบมื้ออาหารที่ยาวนานเป็นพิเศษ เพราะมีคนพิเศษของผมร่วมโต๊ะนั้น เป็นธรรมเนียมอีกเหมือนกันที่พวกเราจะเข้ามาจิบไวน์ในห้องรับรอง ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้มีพื้นที่กว้างกลางห้อง เพื่อทำกิจกรรมบางอย่างที่ช่วยในการย่อยมื้อค่ำได้เป็นอย่างดี เมื่อทุกอย่างพร้อมและเครื่องดื่มสีสวยไหลเวียนไปทั่วร่าง ปาปาฟู่สือที่เปรียบเสมือนประมุขตระกูลโจว จึงเป็นผู้นำเปิดฟลอร์
“อีลิน่า ให้เกียรติฉันได้มั้ย” ปาปายื่นมือไปตรงหน้ามามา พร้อมรอยยิ้มละมุนที่นานๆผมจะได้เห็นสักครั้ง ก่อนมามาจะตอบรับเสียงหวาน และวางมือลงบนฝ่ามือของท่าน พร้อมกับเสียงปรบมือของทุกคนที่เหลือดังขึ้น ไม่เว้นแม้แต่กระต่ายน้อยที่มีทีท่าสงสัยใคร่รู้ แต่ไม่ได้เอ่ยปากถาม และได้แต่ทอดมองบุพการีของผมเดินเคียงคู่กัน
เมื่อท่านทั้งคู่เดินไปอยู่กลางห้องและจัดวางท่าพร้อมในการเต้นรำ เพลงวอลซ์ช่วงจังหวะเนิบนาบสบายหูก็ดังขึ้น ปาปามามาสืบเท้าตามจังหวะอย่างสวยงาม ก่อนบรรดาคู่อาๆของผมจะทยอยเดินเข้าฟลอร์ และเต้นรำไปกับคู่ของตัวเองอย่างชื่นมื่น
หากเป็นครั้งก่อนๆช่วงนาทีนี้ผมจะนั่งจิบไวน์ซะมากกว่า โดยที่หมินไท่และฉิงซูจะสลับกันไปเป็นคู่เต้นรำให้กับสาวน้อยหนึ่งเดียวของเรา ซึ่งตอนนี้ฉิงซูและจินนี่ก็ไปอยู่กลางฟลอร์พร้อมคู่ใหญ่ทั้งสี่คู่แล้ว
ณ วันนี้ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อผมมีคนรักอยู่ข้างกาย ผมจะนั่งเดียวดายอยู่ทำไมจริงมั้ยครับ ซึ่งทันทีที่ผมโค้งเชิญคนน่ารักของตัวเองที่มีทีท่าขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด และทำท่าเหมือนจะปฏิเสธอยู่นั้น หมินไท่ที่นั่งจิบไวน์อยู่ข้างๆก็เปิดปากแซวขึ้นมา
“วันนี้นึกว่านายจะนั่งจิบไวน์เหมือนเคยซะอีก ฉันก็ว่าจะโค้งฝูหรงเต้นรำแทนนายแล้วนะเนี่ย ฮึๆ”
“ฝันไปเถอะ คนนี้น่ะสิทธิ์ขาดของฉันคนเดียว...ให้เกียรติเต้นรำกับพอลหน่อยนะครับฝูหรง”
สุดท้ายคนน่ารักก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผมจนได้ แต่ก่อนที่เราจะเริ่มเต้นรำด้วยกัน ฝูหรงเขย่งปลายเท้าและยื่นใบหน้ามากระซิบข้างหูผม ว่าเจ้าตัวเต้นรำไม่เป็น หากไม่ใช่เพราะน้ำเสียงแผ่วเบาและสีหน้าขัดเขิน ผมคงหลุดหัวเราะออกไปให้คนน่ารักได้โมโหแล้ว แต่สิ่งที่ผมทำคือการก้มหน้าไปกระซิบข้างใบหูหอมๆ และใช้สองมือประคองข้างเอวบาง
“เต้นไม่เป็นไม่ใช่ปัญหา แค่ฝูหรงกอดพอลไว้ก็พอแล้ว” สิ้นเสียงผมยกเอวบางขึ้นนิด เพื่อให้ฝ่าเท้าทั้งคู่ของฝูหรงวางอยู่บนหลังเท้าของตัวเอง และเป็นจังหวะพอเหมาะที่วงแขนน้อยคล้องเข้ารอบคอด้วยความตกใจ
“ปล่อยตัวให้สบาย ปล่อยใจไปกับพอลนะครับ”
ผมใช้หูจับจังหวะเสียงเพลง และโอบประครองร่างบางไว้กับอก ก่อนสาวเท้าพาเราทั้งคู่เต้นรำไปพร้อมกัน ยามก้มมองดวงหน้าสว่างใสก็ให้คลี่ยิ้มตาม เมื่อริมฝีปากจิ้มลิ้มระบายยิ้มสดใสส่งตรงมาให้ผม พร้อมกับแววตาตื่นเต้นกับการเต้นรำครั้งแรกของเรา
ผมเชื่อว่าอีกไม่นานกระต่ายน้อยขี้อายของผม คงได้กระโดดโลดแล่นไปมาอยู่บนฟลอร์ และเต้นรำเคียงข้างผมด้วยตัวเองได้ แต่หากไม่เป็นอย่างที่คิด ผมก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายโอบประคองร่างน้อย และพาเราเต้นรำไปพร้อมกันแบบนี้ตลอดไป
..............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะงื้อออ หวานฉ่ำแทบละลายกันถ้วนหน้ามั้ยเอ่ย

ตอนนี้เปิดตัวสะใภ้ใหญ่กันไปด้วยความชื่นมื่น สุขถ้วนหน้า
โดยเฉพาะกับสองหนุ่มคู่หวานของเรา และคงมีใครอีกหลายคน
อยากมีโมเม้นท์แบบในช่วงท้ายของตอนบ้างล่ะน้า

ตอนหน้ามีตัวยุ่งตัวป่วนมาอีกละ จะเป็นใครนั้นต้องติดตาม
เจอกันวันศุกร์ค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตาม
ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#newใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้ ติดต่อเข้ามานะคะ
ปล.2 ส่วนนิยายชุด Lover ทั้ง 3 เรื่องจะเปิดจองเร็วๆนี้ค่ะ
