ตอนพิเศษ หลิน+เล้งความอยากรู้อยากเห็นมักจะเป็นภัยกับตัวเองเห็นจะจริง เพราะการล็อคอินเฟซบุ๊คของหลินแล้วเข้าดูรูปในอัลบั้มของเขา มันทำให้หัวใจของผมปวดแปลบอย่างห้ามไม่อยู่ รูปคู่ของเขากับคนที่เขารัก บทสนทนาที่ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งเจ็บใจ
ผมยกมือขึ้นลูบหน้า ระงับอารมณ์อิจฉาที่กำลังท่วมท้นอยู่ในอก ไม่เคยนึกอิจฉาและนึกเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน
แมว...เป็นสัตว์ที่ผมไม่เคยชอบอยู่แล้ว พอมาเป็นคนกลับยิ่งอยากให้หายไปจากโลกนี้ หลินจะได้ตัดใจจากคนโลเลแบบนั้นได้สักที
ครืดดดดดด ครืดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดด
“สวัสดีครับ” ผมพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น ไม่ได้มองว่าใครโทรมาด้วยซ้ำ
(มาเที่ยวไหม ผมโทรหาบิ้วแล้ว เดี๋ยวก็คงตามมา)
เสียงคุ้นหูจากปลายสายทำให้ผมตกยกมือถือออกห่างเพื่อมองชื่อผู้โทรตรงหน้าจอ
“แปลกที่มึงชวนเที่ยว”
(จะมาไหมล่ะ ถ้ามาก็เจอกันที่ร้านพี่หมอ ผมกับเพื่อนกินข้าวเสร็จพอดี กำลังจะไปที่นั่น)
“ไป”
แม้จะรู้เหตุผลว่าทำไมชงโคมันโทรมาชวน แต่ผมก็เต็มใจจะไปอยู่ดี การรอให้หลินกลับมาหาคงจะเป็นอะไรที่น่าทรมานใจเกินไปสักหน่อยสำหรับผม เพราะผมไม่เคยทำตัวเชื่องๆ กับใครได้นาน การยอมทำตามคำสั่งก็เหมือนกับผมยอมแพ้ให้กับความเย็นชาของหลิน...
(โอเค งั้นโทรบอกเฮียให้ด้วยนะว่าคืนนี้ผมกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเล้ง)
“เออๆ มึงนี่ชอบหาเรื่องให้เฮียทองด่ากูซะจริง”
(เฮียไม่ด่าหรอก เฮียอยากให้ผมสนิทกับเล้งนะ ก็เราครอบครัวเดียวกันนี่นา)
ผมหลุดยิ้มออกมา ชงโคมันเป็นคนอย่างนี้ไง ทั้งอาม่าทั้งเฮียถึงได้หลงมัน ผมเคยไม่ชอบขี้หน้ามัน เห็นครั้งแรกก็ไม่รู้สึกถูกชะตาแล้ว แต่ชงโคมันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมแรงไปมันก็แรงกลับ ไม่ได้ทำตัวเหมือนคนถูกรังแกที่น่าสงสารเลยสักนิด แถมมันยังเคยช่วยผมไว้ด้วย ตอนนี้ผมก็เลยโอเคกับมันมากกว่าคนอื่นๆ ในครอบครัว
“เอาตัวรอดเก่งตลอดนะมึง เดี๋ยวกูโทรบอกเฮียให้”
(แต้งกิ้ว)
ชงโควางสายไปแล้ว ผมเลยโทรบอกเฮียว่าคืนนี้จะไปเที่ยวกับชงโค เฮียทองก็เออๆ ออๆ ไม่ได้ว่าไร คงเพราะรู้ว่าไปร้านเพื่อนของเขาด้วย
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ขับรถมาที่ร้านของพี่หมอตามที่ชงโคมันเรียก แต่ความจริงแล้วคนวงในเขาเรียกเสี่ยกันทั้งนั้น ผมเคยเจอแค่ไม่กี่ครั้งนะ ความหล่อไม่ต้องให้บรรยาย กระเป๋าหนักแบบไม่ต้องสืบนามสกุล แต่ก็ไม่เห็นผู้หญิงหรือเกย์คนไหนกล้าเข้าไปทำความรู้จักด้วยสักคน คงเพราะหน้านิ่งๆ ตอนไม่ยิ้มนี่ทั้งหยิ่งทั้งเย็นชา ถูกใจผมอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่กล้าเล่นของแรงขนาดนั้น แล้วเขาก็คงไม่ใช่ผู้ชายที่ถ้าผมเข้าไปทำความรู้จักก็จะสานต่อหรอกครับ ในเมื่อเขามีคนของเขาคอยนั่งอยู่ข้างๆ ตลอด
ผมโทรหาชงโคเพื่อถามว่านั่งโต๊ะไหน พอได้คำตอบก็บอกพนักงานให้พาเดินไป
“นังแมวผี ลุกสิลุก ให้แฟนเขานั่งด้วยกัน” บิ้วพูดขึ้นทันทีที่เห็นผม
โซฟาที่หลินนั่งมีแมวนั่งด้วยอยู่ก่อนแล้ว ส่วนชงโคกับบิ้วต่างก็นั่งบนโซฟาคนละตัว ผมมองหน้าหลินก่อนจะมองแมวที่รีบลุกขึ้น หัวเราะเจื่อนๆ แต่ก็ยังน่ารัก ในขณะที่หลินยื่นมือไปจับแขนของแมวไว้
“จะไปไหน”
“ไปนั่งกับชงโค”
“ไม่เห็นจำเป็น”
“แต่...”
“นั่งตรงนั้นเถอะครับ มันเป็นที่ของคุณ แล้วผมกับหลินก็ไม่ใช่แฟนกัน บิ้วมันพูดไปอย่างนั้นเอง อย่าไปถือสาเลยครับ” ผมบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆ บิ้วที่เหลือบตามองผมอย่างไม่ชอบใจ
“แต่ว่า...”
ผมไม่สนใจสีหน้าของแมวที่ทั้งเจื่อนทั้งดูเกรงๆ มาเที่ยวก็ไม่อยากทำให้เหล้ามันกร่อยไปมากกว่านี้ อะไรที่ไม่ใช่ของผม ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปแสดงความเป็นเจ้าของทั้งนั้น ผมมีที่ของผม และผมจะไปจากมันเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาไล่ให้เสียเวลา
“มึงทำกูหน้าแหก” บิ้วกระซิบเบาๆ
“โทษที”
“เออ ช่างเถอะ” บิ้วทำหน้าปลงๆ ก่อนจะหันไปทางพี่ชายของมันที่กำลังสูบบุหรี่อย่างสบายใจ ไม่ได้สนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เลยสักนิด “พี่ เฮียบอกให้เลิกสูบบุหรี่แล้วไม่ใช่รึไง”
“บอก แต่ไม่ได้ทำตาม”
“เดี๋ยวก็โดนดีหรอก”
“ชอบโดนดีอ่ะ”
“ชงโคดื้อตลอดเลย แมวก็ไม่อยากให้สูบน้า เดี๋ยวปากจะไม่สวย”
“นานๆ ทีน่า”
ชงโคคงเอ็นดูเพื่อนตัวเล็กของเขามาก ในขณะที่ผมยิ่งมองท่าทางแอ๊บแบ๊วนั่นแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้ มันคงเป็นความรู้สึกบ้าๆ ที่แค่เห็นคนที่ตัวเองไม่ชอบกำลังยิ้มกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ผมก็อยากเข้าไปทำให้รอยยิ้มน่ารักๆ นั่นหายไป เพราะไม่อยากให้หลินมอง...ไม่อยากให้คนที่ผมชอบ...ได้เห็นความน่ารักนั่น
“คุณครับ ผู้ชายโต๊ะนั้นฝากมาให้”
ผมเงยหน้าขึ้นมองพนักงานที่กำลังถือถาดวางแก้วทรงสวยมีเชอร์รี่ประดับปากขอบยื่นมาให้ พร้อมกับเบอร์โทรติดต่อในแผ่นกระดาษเล็กๆ ผมหันมองตามมือพนักงานที่ชี้ไป เห็นแฟนเก่าที่เคยเลิกกันไปเมื่อนานมาแล้วส่งยิ้มมา
ไม่คิด...ว่าจะได้เจอกันอีก หลังจากที่อาม่าบอกให้ผมเลิกคบกับมัน ผมก็ตัดขาดการติดต่อทั้งหมดที่มันจะติดต่อผมได้ รักแรกที่ทำให้โง่งมอยู่นาน กลับมาอยู่ตรงหน้า...ทำเอาพูดไม่ออกไปฉับพลัน
“ใครอ่ะ หล่อซะด้วย” บิ้วถามพลางยื่นหน้าเข้ามาดูกระดาษแผ่นเล็กๆ ในมือผม
“แฟนเก่า” ผมตอบพลางเก็บเบอร์โทรไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะรับแก้วจากพนักงานมาดื่ม
“เก่าแค่ไหน”
“มัธยม”
“รักแรกที่มึงเคยพูดถึงป่ะ?”
“อืม”
“ไหนบอกว่ามันหายสาบสูญไปแล้ว”
“ก็ไม่รู้ว่าโผล่มาได้ไง”
“รีเทิร์นไหม” เห็นรอยยิ้มของบิ้วแล้วผมก็ไม่รู้จะตอบอะไร เลยเงียบแล้วผลักหน้ามันให้ออกห่าง
เพล้ง!
เสียงแก้วที่ตกแตกทำให้ทั้งผมทั้งบิ้วหยุดชะงัก ชงโครีบยกเท้าขึ้นบนโซฟา ในขณะที่คนทำได้แค่นั่งนิ่งแล้วบอกเสียงเรียบๆ ว่า “โทษที มือลื่น”
“หลินเป็นอะไรรึเปล่า ระวังเศษแก้วบาดเท้านะ ยกเท้าขึ้นก่อน” แมวบอกในขณะที่พนักงานรีบเข้ามาทำความสะอาด ผมมองสบตากับหลินก่อนจะเบือนหนี เพราะไม่เข้าใจว่าสายตาที่หลินมองมาคืออะไร
“กูไปเข้าห้องน้ำนะ มึงไปด้วยไหม” ผมหันไปถามบิ้ว
“เออๆ ไปๆ พี่ เดี๋ยวบิ้วมานะ สั่งบลูฮาวายมาให้อีกเหยือกหนึ่งด้วย” บิ้วบอกก่อนจะเดินตามผมมาเมื่อเห็นว่าชงโคพยักหน้าเรียบร้อยแล้ว
เราแยกกันเข้าห้องน้ำคนละห้อง เพราะปกติแล้วผมไม่ชอบใช้โถฉี่เท่าไหร่ นอกจากห้องน้ำจะไม่ว่างแล้วก็ปวดมากจริงๆ เท่านั้น ผมทำธุระเสร็จ ออกมาก็เจอกับคนที่ไม่อยากเจอเท่าไหร่
“สบายดีไหมเล้ง” เขาถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ผมเคยชอบมาให้ “ไม่เจอกันนานเลยนะ เกือบสี่ปีได้มั้ง”
“แปลกนะที่พี่ยังจำได้ว่าเราเลิกกันไปตอนไหน” ผมแปลกใจจริงๆ ไม่คิดว่าเขาจะยังมีสติคิดเรื่องของผม ในเมื่อตอนนั้นสิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่ยาเสพติด หลงและมัวเมาไปกับมันจนลืมว่ามีผมอยู่ข้างๆ
“อืม...ก็ไม่คิดว่าจะจำได้หรอก แต่พอเห็นหน้าก็คิดขึ้นมาได้ว่าเราจบกันด้วยไม่ดีเท่าไหร่”
“เราคงจบกันด้วยดีได้ถ้าพี่ไม่บังเอิญทำให้วัวของเฮียทองตาย”
“ฮ่าๆ นั่นสินะ แต่เล้งไม่คิดว่าเราจะยังคบกันมาจนถึงวันนี้เหรอ”
“...” ผมไม่ตอบ แต่ถึงตอบไปยังไงมันก็มีแต่ความเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
“พี่เลิกหมดแล้วนะ...กับของไม่ดีพวกนั้น”
“ก็ดีแล้วครับ”
“เล้ง”
“ว่า?”
“ตอนนี้มีใครแล้วรึยัง...”
คำถามของเขาทำให้หัวใจของผมปวดแปลบขึ้นมา พอนึกไปถึงคนที่ผมคิดว่ามี...ก็เจอแต่ภาพที่เขาอยู่กับคนที่เขารัก...ไม่ได้มีช่วงเวลาดีๆ ระหว่างผมกับหลินเลย
“ยังครับ”
“งั้น...ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม”
“...”
“มันเจ็บมากนะตอนที่เราเลิกกัน เจ็บมากจริงๆ”
“พี่มิว...ผม...”
“ยังไม่ต้องให้คำตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ เล้งอาจจะยังไม่มั่นใจ แต่แค่ให้โอกาสพี่ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งนะครับ พี่จะไม่ทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว”
ผมไม่สามารถให้คำตอบเขาได้ ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง พี่มิวไม่เคยนอกใจผมเลย ก่อนที่เขาจะติดยาเขาดูแลผมดีมาตลอด เราคบกันตั้งแต่ผมจบมัธยมต้น พี่มิวแก่กว่าผมสองปี แล้วตอนที่ผมอยู่มอห้า ก็เป็นช่วงที่เขาเข้ามหาลัย เขาติดเหล้า เล่นยา ติดเพื่อน หลายๆ อย่างทำให้เขาแย่ลง รวมทั้งความรักของผมกับเขาด้วย แต่ผมก็ยังไม่เลิกกับเขา แม้เขาจะเอาเงินผมไปซื้อยา ไปพนันบอล ผมก็ยังรักเขา ผมถึงได้บอกว่าผมมันโง่ ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองโง่ ผมก็ยังไม่ยอมตื่นสักที จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น...
“พี่เพิ่งกลับมาเมื่ออาทิตย์ก่อน โทรหาเล้งก็ติดต่อไม่ได้แล้ว แต่เพื่อนเก่าพี่มันบอกว่าเห็นเล้งที่นี่บ่อยๆ พี่ก็เลยลองมาดู ไม่คิดว่าจะได้เจอ”
“ว่าแต่พี่ไปอยู่ที่ไหนมา”
“หลังจากที่พี่เข้าบำบัด หายดีแล้วพ่อก็ส่งพี่ไปอยู่กับน้าที่ต่างประเทศ เรียนจบแล้วถึงได้โดนเรียกกลับมา”
“ครับ”
“พี่อยากเจอเฮียทองนะ อยากขอโทษเขา ไว้ว่างๆ พี่ไปหาที่บ้านได้ไหม”
“ผม...”
“คงเร็วเกินไป ไว้เล้งพร้อมเมื่อไหร่ ก็บอกพี่นะ พี่แค่อยากไปขอโทษครอบครัวของเล้งจริงๆ”
“อืม”
“พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า ถ้าให้โอกาสพี่...ก็โทรมานะ”
พี่มิวเดินออกไปแล้ว แต่ผมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม เสียงเปิดประตูทำให้ผมต้องหันไปมอง เห็นบิ้วเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้ยินหมดแล้ววววว”
“แอบฟังเหรอ”
“ไม่ได้แอบ ก็เล่นพูดกันดังขนาดนั้น”
“อืม”
“แล้วจะให้โอกาสเขาไหม...”
“ไม่รู้”
“แต่กูบอกไว้อย่างนะว่า ถ้าที่ที่มึงอยู่ตอนนี้มันทำให้เจ็บมากนัก จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็แล้วแต่มึง แค่อย่าทำให้ตัวเองเจ็บไปมากกว่าเดิมอีกเป็นพอ”
“อืม”
“ไปเว้ย! ไปเมากัน! เอาให้มันสุดๆ ไปเลย!”
คงดีถ้าผมรู้คำตอบของตัวเองได้ เพราะผมก็ทนอยู่ในที่ของผมตอนนี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน
.
.
.
“หลิน! มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย! ปล่อยกูนะ! อื้ออออออ ไอ้เหี้ย!”
ไม่เข้าใจเลย...หลินมันเป็นบ้าอะไรของมัน มันจูบปากผมจนระบมไปหมดแล้ว แถมที่นี่ยังเป็นลานจอดรถด้วย เวลาที่ผับใกล้จะปิดอย่างนี้คนมันพลุกพล่านจะตาย ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง
“กูไม่รู้”
ผมตบหน้ามันเรียกสติไปหนึ่งที แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันยังคงก้มหน้าลงมาไซ้ซอกคอผม ทั้งดูดทั้งกัดจนรู้สึกเจ็บไปหมด
“เหี้ยหลิน มึงปล่อยได้แล้ว มีคนมา”
“มึงกลัวผัวเก่าจะมาเห็นรึไง! มึงไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไรกับมันกันแน่! บอกกูมา!”
“แค่คุยกัน”
“คุยเหี้ยไรนานเป็นชาติ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง! อีกอย่างกูก็ไม่น่าด้านเอากับใครในห้องน้ำที่มีคนเข้าๆ ออกๆ หรอกนะ บิ้วมันก็อยู่ กูจะไปทำอะไรได้ ไอ้บ้านี่”
“จริงนะ”
“เออ”
“ดีแล้ว”
“เหี้ยหลินมึงเมาป่ะเนี่ย”
“เปล่า”
“เมาแน่ๆ”
ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ กับท่าทีของมัน ก็เห็นซดเอาซดเอาอย่างกับน้ำเปล่า ไม่เมาก็ต้องเรียกว่าคอทองแดงสุดๆ
“เล้ง กูเมาอ่ะ”
“เมื่อกี้มึงยังบอกว่าไม่เมา”
“อือ ไม่เมา”
“กวนตีนกูอีก แล้วนี่แมวเหมียวของมึงไปไหน ไม่ไปส่งที่บ้านล่ะ”
“ชงโคไปส่งแล้ว ส่วนมึงต้องไปส่งกู กูเมา ขับไม่ไหว”
“แล้วรถกูล่ะไอ้ห่า”
“กูหายเมาจะมาเอาให้”
“พูดได้เป็นวรรคเป็นเวรอย่างนี้มึงเมาแน่ป่ะวะ”
“อือ”
เวลาเมาแล้วมันน่ารัก ผมเคยบอกแล้วว่าผมมักจะอยู่กับมันเกือบตลอดเวลาในช่วงที่มันอกหัก มันอ้วกมันเมาผมก็อยู่กับมัน และเพราะอย่างนั้นถึงได้เห็นตอนมันอ้อนอย่างนี้บ่อยๆ หัวใจของผมก็เลยไม่ยอมเชื่อฟังเจ้าของตั้งแต่นั้นมา
“นอนไหน” ผมถามพร้อมกับจูงมือหลินไปขึ้นรถ เปิดประตูให้แล้วยัดมันเข้าไปนั่ง แววตาที่เป็นประกายของมันมองมาที่ผมตลอดเวลา
“กับมึง”
“กูไม่ได้ถามว่านอนกับใคร”
“จะนอนกับมึง”
“แน่ใจนะว่ากับกู” ผมถามพลางก้มลงไปใกล้ใบหน้าที่ขึ้นสีจางๆ ของหลิน “มองดีๆ ว่ากูเป็นใคร”
“...”
“กูชื่ออะไรหลิน”
“เล้ง มึงชื่อเล้ง”
“แน่ใจ”
“อือ”
“อย่าเรียกชื่อคนอื่นตอนเอากับกู...ถ้าคืนนี้มึงทำอย่างนั้นอีก กูจะหยุดใจร้ายกับตัวเองแล้ว”
“...”
ผมไม่รู้ว่าหลินในตอนนี้รู้สึกยังไงกับผม แต่ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ทางกายที่เรามีกันมาตลอดหลายเดือนมันคงทำให้หลินรู้สึกหวงผมอยู่บ้าง และเพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะพัฒนาขึ้นมาได้บ้างไหม ถึงยังต้องเสี่ยงวางหัวใจตัวเองไว้บนปากเหวอย่างนี้
ขับรถออกมาจากลานจอดรถได้ไม่ทันไร หลินก็ยื่นมือมาจับมือผมที่กุมอยู่ที่พวงมาลัยไว้ เขาไม่ได้หันมามอง แต่กลับเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
“มึงจะคืนดีกับเขาไหม”
“...”
“รักแรกที่ว่า...รักมากแค่ไหน”
“...”
“มากพอจะให้โอกาสเขารึเปล่า”
“...”
“เล้ง”
“กูไม่รู้”
“มึงต้องรู้...หัวใจมึง มึงต้องรู้ดีกว่าคนอื่น”
ผมเคยคิดว่าผมหมดรักพี่มิวไปแล้ว แต่ตอนนี้...ในวันที่ผมอ่อนแอ ในวันที่หัวใจของผมไม่ได้เป็นที่ต้องการของคนที่ผมรัก แล้วจู่ๆ พี่มิวก็มาอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่ผมเคยรักเคยคบกับเขามาเกือบสามปี ผู้ชายที่ตอนเลิกคบกันทำให้ผมทุรนทุรายจนแทบบ้า เขากลับมาขอโอกาสจากผม แล้วผมจะตอบคำถามของหลินได้ยังไง...
“แล้วกูถามได้ไหมว่ามึงรักกูบ้างรึเปล่า”
“...”
“หัวใจมึง มึงก็ต้องรู้ดีกว่าคนอื่นเหมือนกัน คำตอบของกูมี คำตอบของมึงก็มี กูต้องการคนที่รักกู แล้วถ้ามึงไม่ใช่คนๆ นั้น กูอาจจะกลับไป”
ความเงียบแม้จะทำให้อึดอัดใจ แต่ผมก็คิดว่าดีแล้วที่หลินยังคงไม่พูดมันออกมา เพราะผมก็ยังไม่พร้อมจะจบความสัมพันธ์นี้เหมือนกัน ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะรู้ดีว่าต่อให้ร่างกายของหลินจะอยู่กับผม แต่หัวใจของหลินไม่เคยเอนเอียงมาหาผมบ้างเลย
ทว่าในคืนนั้น...ที่หลินกอดผมไว้แน่น ทั้งจูบทั้งเติมเต็มให้ผมอย่างที่ผมต้องการ มันกลับทำให้ผมสับสนจนไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้ คงเพราะผมยังคงหวังอยู่ลึกๆ ว่าหลินจะมีใจให้ผมบ้าง มันเป็นความหวังที่แม้เพียงน้อยนิดก็ยังทำให้ผมไม่ยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของพี่มิว
.
.
.
“หลิน เช้าแล้วนะ มึงมีเรียนไม่ใช่เหรอวันนี้” ผมไล้มือไปตามแผงอกของหลิน เขาจับมือผมไว้แล้วขมวดคิ้วใส่
“กูง่วง อย่ากวนดิวะ”
“มึงกวนกูทั้งคืนกูยังไม่เห็นบ่น”
“มึงจะบ่นได้ไง มัวแต่คราง”
ผมทุบอกเขาไปหนึ่งที “ไอ้บ้านี่ ลุกเลยนะมึง ไปเรียนไม่ทันไม่ต้องมาโทษกู”
“กูมีเรียนบ่ายสอง”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เลยปล่อยให้หลินนอนต่อ สองสามวันมานี้ก็ไม่ค่อยได้นอนกันจริงๆ หลินปิดมือถือตามความต้องการของผม เขายอมตามใจทั้งๆ ที่ไม่เคยทำ มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมากในเรื่องนี้ เขาแค่กลัวจะเสียผมไป หรือว่าเพราะอะไรกันแน่
“เล้ง”
“หืม”
“มึงโทรหาไอ้เหี้ยนั่นรึยัง”
ผมหยุดนิ้วที่กำลังบี้ลงบนยอดอกของหลินแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“ใคร”
“แฟนเก่ามึง”
“เขาชื่อมิว”
“กูไม่ได้ถามชื่อ”
“เขาแก่กว่ามึงด้วย”
“กูไม่ได้อยากรู้ว่ามันจะตายก่อนกูเมื่อไหร่”
“มึงหงุดหงิดอะไร”
“เปล่า”
“หึงกูเหรอ”
“...”
“หรือแค่หวง”
“...”
“กูยังไม่ได้โทร ก็อยู่แต่กับมึง จะเอาเวลาที่ไหนโทร”
“มึงคิดจะให้โอกาสมัน? ทั้งๆ ที่นอนกับกูทุกคืนนี่นะ”
“ได้ยินที่กูกับพี่มิวคุยกันใช่ไหม”
“ถ้ากูบอกว่าใช่”
“มึงแอบตามกูไปห้องน้ำ”
“...”
“ทำไมล่ะหลิน สนใจกูขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ...ลืมแมวเหมียวของมึงได้แล้วรึไง”
“มึงจะพูดถึงคนอื่นทำไม กูไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของมึงจริงๆ”
“เขาไม่ได้เป็นคนอื่นสำหรับมึงนี่ กูต่างหากที่เป็นคนอื่น”
ผมเบือนหน้าหลบสายตาของหลินที่กำลังจ้องมองมา ไม่อยากให้ได้เห็นว่าผมกำลังน้อยใจ ผมกำลังเสียใจกับสิ่งที่ได้พูดมันออกไปเอง
“กูไม่ใช่ผู้ชายที่จะนอนกับคนที่ไม่คิดอะไรด้วยมาตลอดหลายเดือนหรอกนะ”
คำพูดของหลินทำให้หัวใจของผมเต้นโครมครามขึ้นมา...นั่นมัน...หมายความว่ายังไง
“แล้วกูก็ไม่ชอบที่มึงตั้งแง่กับแมว ถ้ากูบอกว่ากูไม่เคยมีอะไรกับแมว มึงจะเลิกเรียกแมวว่าเป็นเมียเก่าของกูไหม มันแย่นะที่มึงคิดอย่างนั้นทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้เลยว่าแมวเป็นคนยังไง”
ผมพูดอะไรไม่ออก จะบอกว่าดีใจมันก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเสียใจมันก็ไม่เชิง มันดีใจนะที่หลินบอกว่าไม่เคยมีอะไร แต่ก็เสียใจอยู่ดีที่ในน้ำเสียงนั้นยังคงมีความรู้สึกดีๆ อยู่เต็มเปี่ยม แล้วหลิน...คิดอะไรกับผมล่ะ ในเมื่อหัวใจของเขาไม่ได้มีผมอยู่ในนั้นเลย
“แมวเป็นเพื่อนกู และตอนนี้คนที่อยู่กับกูก็คือมึง”
“...”
อยู่กับผม...แล้วหัวใจล่ะอยู่ไหน ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการแค่เพียงร่างกายของเขา แต่ผมก็แค่คนมาทีหลัง หลินรักคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว มีแต่ผมเองที่พยายามอย่างไร้ความหมาย แล้วถ้าผมยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ชีวิตที่เหลือของผมจะทำยังไง...ผมไม่อยากสุขอมขมกลืนอย่างนี้ไปตลอดชีวิต... ผม...
“หลิน”
“ว่า”
“ถ้ามึงยังลืมเขาไม่ได้...กูขอไม่อยู่กับมึงแล้วได้ไหม”
“...”
ผมเห็นสีหน้าของหลิน ความตกใจนั่นทำให้ผมเพียงแค่แค่นยิ้มออกมา
“มึงจะคืนดีกับแฟนเก่าเหรอ”
“กูไม่รู้ มันก็ไม่ใช่ว่าอยากคืนก็คืนง่ายๆ นี่ ความรู้สึกที่กูเสียไปก็มากอยู่เหมือนกัน กูอาจจะเจอคนใหม่ หรือกลับไปคบกับคนเก่า หรือ...จะไม่มีใครไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้...กูขอไปนะ”
“...”
“กูชอบที่มึงมั่นคงกับความรักของมึงอย่างนี้...แต่มันคงจะดีถ้าคนที่มึงรัก...เป็นกู ไม่ใช่คนอื่น”
มันยากที่จะเปลี่ยนหัวใจของใครสักคนเหมือนๆ กับที่ความรู้สึกตกหลุมรักก็ห้ามกันไม่ได้...
“มึง...รักกูเหรอเล้ง”
คำถามของหลินทำให้ผมอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก มันทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่เคยรู้ความรู้สึกของผมเลย ไม่ว่าผมจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน ทำอะไรให้ไปยังไง...มันก็ส่งไปไม่ถึง
“อืม กูคงไม่นอนกับคนที่กูไม่รักมาตลอดหลายเดือนหรอกนะ”
มันคงเป็นคำสารภาพก่อนที่ผมจะยอมแพ้ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้พูดมันออกไป หลินนิ่งเงียบไป คงคิดว่าผมกวนตีนแน่ๆ ที่เอาคำพูดของเขามาพูดต่ออย่างนี้ แต่มันก็ดีแล้ว...ดีกว่าเขาปฏิเสธออกมาตรงๆ ว่าเขา...ไม่ได้รักผมอย่างที่ผมรักเลย
...............................................End Special..........................................................
ยังมีคนตามอ่านอยู่แฮะ ดีใจค่าาา

เชิญมอบเพลงให้น้องเล้ง กับสามคำให้น้องหลิน -..-
http://ask.fm/TCHONG_K << ask.fm