ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) อยากรู้เหมือนกัน
ตกลงกันว่าจะไปดูหนังแล้วทำไมโปรแกรมมันพลิกผันได้ขนาดนี้
“อาครับ แล้วเอาหมูเสียบไม้ได้เลยใช่มั้ยครับ”
ไอ้เหี้ยนั่นก็อีก มึงจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนเกินไปหน่อยแล้ว ทำคะแนนใหญ่เลยนะมึง
“ก็เสียบไม้เลยจ่ะ แล้วก็เอามาเรียงกัน แล้วค่อยย่าง”
อากำลังอธิบายบางอย่างและนิวก็ใช้ไม้เสียบหมูสะเต๊ะและวางเรียงใส่ถาด
อากำลังทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ โดยมีลูกมือเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งตั้งใจเสียบหมูสะเต๊ะใส่ไม้เป็นอย่างดี
ผิดกับอีกคนที่........พัดจนมือจะหงิกแล้ว แต่ยังติดเตาถ่านไม่ได้ เตาถ่านนี่มันทำไมติดยากติดเย็นจริงวะ
เหี้ยยยยยยยยยยย
โจ้กำลังหงุดหงิด และใช้กระดาษพัดเตาถ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย
แม่ง
ลำบากจริงโว้ยยย กว่าจะได้กิน
“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม เอ็งพัดแบบนั้นไม่ได้ เอ็งต้องเอาถ่านสุมก่อนแล้วค่อยจุดไฟ เอ็งเล่นเอาแต่กระดาษใส่ลงไปแล้วไฟมันจะติดตอนไหนวะ”
อ่าครับ
คุณพ่อ
กลายเป็นลูกมือที่น่ารักเรียบร้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว อันที่จริงไม่ได้ช่วยติดเตาถ่าน แต่เป็นการมาสร้างภาระให้ซะมากกว่า
และโจ้ก็ยิ้มแหย ๆ มองวิธีติดเตาถ่านที่พ่อของกัสสอน แล้วถึงได้ทำตาม
“เอ้า ไอ้เจ้าของวันเกิด เสริฟน้ำซิเอ็ง”
พ่อเรียกเด็กเสริฟน้ำท่าทางเฉื่อยชา แต่เต็มใจบริการเป็นอย่างดีให้เสริฟน้ำ
และกัสก็คีบน้ำแข็งใส่แก้วอย่างเชื่องช้า กว่าจะเล็งลงแก้วได้ก็ใช้เวลานาน โดยมีทั้งคนติดเตาถ่าน และคนเสียบหมูสะเต๊ะช่วยลุ้นอยู่เงียบ ๆ
“พ่อ....เอา...น้ำอะไร...คร้าบบบ”
“แล้วแต่เจ้าของวันเกิดสิวะ กัสเอาแก้วไหนให้พ่อล่ะ”
ยืนมองน้ำอัดลมหลากสี และกัสก็ครุ่นคิด
สีอะไร พ่อ....ให้พ่ออันไหนดี
“พ่อ.........อันนี้ของพ่อ”
กัสเทน้ำส้มใส่แก้ว และประคองแก้วอย่างดีเพราะกลัวแก้วหลุดจากมือ ค่อย ๆ ยื่นส่งให้พ่อ และพ่อก็มองภาพที่กัสค่อยๆ ประคองแก้วมาส่งให้
แม้จะต้องใช้มือสองมือช่วยกันประคอง แต่ก็เสริฟน้ำได้แล้ว พัฒนาขึ้นแล้ว ร่างกายของกัสดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
“เอ้อเว้ย ขอบใจ ขอบใจ เอาให้อากับเพื่อนเอ็งด้วย”
พ่อรับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ และรู้สึกใจชื้นขึ้น ดีใจที่ร่างกายของลูกชายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ความหวังที่ลูกจะกลับมามีร่างกายเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป คงอีกไม่นาน
“อาเอาเหมือนพ่อเอ็งนะกัส”
เด็กเสริฟน้ำ แม้จะเชื่องช้า ไม่ทันใจ แต่ผู้ร่วมงานวันเกิดทุกคนไม่มีใครว่า มีแต่ช่วยลุ้น และเอาใจช่วย ทุกครั้งที่กัสคีบน้ำแข็งใส่แก้ว
โจ้ขออนุญาตพ่อของกัสในเย็นวันหนึ่งเรื่องจะชวนกันไปดูหนัง แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นพ่อที่คิดจะจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ให้กับลูกชาย และชวนเพื่อนของกัสทั้งสองคนที่มานั่งคอยส่งกัสกลับบ้านตอนเย็น ทุกวันให้มาร่วมงานด้วย
วันนี้จึงเป็นงานวันเกิดเล็ก ๆ ที่ทำอาหารง่าย ๆ กินกันแบบครอบครัว หมูสะเต๊ะย่างและอาหารที่ทำกินกันที่พื้นที่เล็ก ๆ บริเวณหน้าบ้าน
“แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้เหรอครับอา”
โหหหหหห ไอ้พ่อครัวคนเก่ง ไอ้คนดีศรีห้องครัว มึงจะเกินไปหน่อยแล้ว ไหนว่าเป็นผู้พิทักษ์อย่างเดียวไง แบบนี้เรียกว่ามาทำคะแนนชัด ๆ แม่งใครเชื่อเรื่องที่มันบอกว่ารับฝากของโดยไม่หวังผลตอบแทนก็โง่เต็มทีแล้ว
“เดี๋ยวนิว หั่นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ใส่จานไว้ก็ได้ อาจะผสมน้ำจิ้ม”
แม่ง
ยิ้มแย้มแจ่มใสเชียวนะมึง แต่กูเห็นหรอก บางครั้งที่เผลอมึงก็มองเด็กเสริฟน้ำเหมือนกูแหละวะ มึงแอบมองเด็กเสริฟน้ำบ่อย ๆ นึกว่ากูไม่รู้หรือไง
“เอาเหมือนโจ้ โจ้เอาน้ำอะไร นิวเอาแบบนั้นแหละ”
แล้วมึงจะมาอยากกินแบบกูทำห่าอะไร สรรพนามมึงเปลี่ยนเลยนะ ปกติ เห็นมีแต่แทนตัวเองว่ากูตลอด พ่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับอาไอ้กัส เรียกตัวเองว่านิวอย่างนั้นนิวอย่างนี้ขึ้นมาทันทีเลยนะ
สันดาน
“ตะแกรงย่างมันอยู่ไหน เมื่อกี้ก็ว่าเห็นแว่บ ๆ”
อ๋อครับ ตะแกรงย่างเหรอครับ ไม่ต้องห่วงครับพ่อ
“เดี๋ยวโจ้ดูให้ครับพ่อ”
โจ้ลุกขึ้นและมองหาตะแกรงสำหรับย่างหมูสะเต๊ะ และคนที่กำลังหั่นแตงกวาอยู่ห่าง ๆ ก็ถึงกับหลุดขำออกมาเพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปไกลสุดกู่ของใครบางคน
เหี้ยโจ้แม่งก็ตามน้ำชิบหาย
เออว่ะ
แบบนี้มันก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ถึงจะทำอะไรตามอารมณ์ไปบ้าง แต่บางครั้งมันก็ทำตามสถานการณ์ได้ดี
แม้จะฟังขัด ๆ หูไปหน่อยก็เถอะ แต่แบบนี้ก็......
“ขำเหี้ยอะไรมึง สัดนิว”
อ้าว
เมื่อกี้ยังพูดจาไพเราะอยู่เลย พอมาอยู่ใกล้กูนี่ปากหาเรื่องทันทีเลยนะมึง
“ขำโจ้ครับพ่อ.....มั้ง”
เอ่ยบอกเสียงเบา และโจ้ที่กำลังมองหาตะแกรงสำหรับย่างหมูสะเต๊ะ ก็นึกอยากจะเอาตระแกรงฟาดหัวไอ้คนกวนประสาทที่พูดไปยิ้มไปขึ้นมาทันที
ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานวันเกิดไอ้กัสนะ กูฟาดไม่ยั้งแล้ว แม่ง
“ก็ยังดีกว่านิวนะครับ นิวอย่างนั้น นิวอย่างนี้”
เหรอ ดีกว่าตรงไหนวะ ก็เหมือนกันชัด ๆ
“ปากแบบนี้น่าดูดปากกันอีกที”
พูดลอย ๆ และโจ้ที่กำลังค้นหาตะแกรงก็ถึงกับชะงักมือนิ่งค้าง ก่อนจะมองหน้าคนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาหั่นแตงกวาไปเรื่อย
สัดนิว นี่มึงจะเอาให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย ไอ้เหี้ยนี่แม่ง ปากสมควรตายมาก ระดับความเฮี้ยนดูเหมือนจะไต่อันดับขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วนะมึง
“กูต่อให้นะรอบนี้ เดี๋ยวกูเปิดก่อนเลย มึงจะได้ไม่ต้องอาย แต่แบบมึงไม่น่าอายนะ ได้ข่าวว่ารู้ว่าเขามีคนของเขาแล้วก็ยังจะเอา”
ไอ้นิว
“เสือก”
ด่าใส่หน้า เป็นการด่าที่เบาที่สุด และต่างฝ่ายต่างก็จ้องหน้ากันเงียบ ๆ โดยไม่มีใครยอมใคร
“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง”
ก็ฝากมาสิ กูเป็นคนใจดี เต็มใจรับฝากอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
นิวไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ก้มหน้าก้มตาหั่นแตงกวาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โจ้หาตะแกรงเจอแล้ว และเดินหนีไปวุ่นอยู่กับการติดเตาถ่าน ยังคงรอและใช้กระดาษ พัดไปเรื่อย ๆ
และไม่นานเด็กเสริฟน้ำก็ประคองแก้วน้ำมาส่งให้
“โจ้...กินน้ำ”
อ่า
เงยหน้าขึ้นและก็มองคนที่พยายามยื่นแก้วน้ำส่งให้
มองแล้วก็ยิ้ม
ก็เพราะแบบนี้แหละวะ ที่กูรีบมาตั้งแต่สี่โมงเย็น มาก่อนเวลาตั้งนานสองนานก็เพราะสิ่งนี้สิ่งเดียวนี่แหละวะ
รับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ แต่สายตายังมองไปที่ใบหน้าของกัสไม่เลิก แม้ว่าดวงตาจะหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ แต่อาการโดยรวมตอนนี้ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนมาก
กัสรู้สึกว่าดวงตาไม่ได้หรี่บ่อย ๆเหมือนช่วงแรก ๆ บางทีกล้ามเนื้อและระบบประสาทอาจกำลังเริ่มทำงานประสานกันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นได้
“ขอบใจว่ะ”
น้ำที่กินก็น้ำอัดลมธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะมีรสชาติที่ดีกว่าปกติเท่าไหร่ แต่เพราะคนที่ชอบเอามาเสริฟให้ โจ้เลยรู้สึกว่าน้ำแก้วนี้อร่อยยิ่งกว่าน้ำแก้วไหนที่เคยกินมา
“โจ้....หน้าเปื้อน....โจ้”
รอยดำจากการที่เผลอเอามือจับถ่านติดเตาป้ายหน้าโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของโจ้มีรอยดำเป็นขีดยาว และโจ้ก็ใช้หลังมือเช็ดไปที่หน้าของตัวเอง ตามจุดที่กัสชี้ให้
เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ถูก เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ถูกจุด สุดท้ายกัสก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือเตรียมจะเช็ดรอยดำออกให้
แต่ช้ากว่าใครบางคนที่มาเร็วมาไวโดยมิได้รอให้ใครเชื้อเชิญ
“เปื้อนตรงนี้ มันต้องเช็ดตรงนี้”
สังเกตทุกกิริยาอาการของโจ้อยู่ตลอด จึงไม่ควรที่นิวจะปล่อยช็อตเด็ดช็อตนี้ข้ามผ่านไปได้
“สัดนิว”
ได้แต่บ่นพึมพำเสียงเบาในลำคอ แต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคนที่ไม่ได้ต้องการให้มาช่วย โดยไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด
“ใจเย็นครับโจ้ เดี๋ยวนิวจะเช็ดให้ครับ”
ไอ้..........
โมโห แต่ออกอาการไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่กันแค่นี้ แต่ะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
นิวแตะปลายนิ้วเบา ๆ ไปที่ข้างแก้มของโจ้ แต่แทนที่จะเช็ดเบา ๆ กลายเป็นขัดถูเต็มแรง จนโจ้ต้องสะบัดหน้าหนี
“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ”
อยากจะชี้หน้าด่า แต่เพราะสายตาของทั้งอาและพ่อของกัสกำลังมองมา
โจ้จึงได้แต่สบถเสียงเบา กัดฟันพูดเสียงรอดไรฟัน และพยายามทำให้อารมณ์เป็นปกติมากที่สุด
“ขอบใจมากนะ........นิว....”
กัดฟันพูดและนิวก็ทำหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลอยหน้าลอยตาพูด น่าหมั่นไส้ที่สุดในสายตาของโจ้
“ไม่เป็นไร เกรงใจอะไรวะ เราเพื่อนกัน”
เพื่อนกันบ้านมึงสิ ใครเพื่อนมึง เหี้ย กูไปเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ โธ่โว้ยยยย กูแม่งอยากฆ่าไอ้นิวให้ตายห่าไปจริง ๆ เลยวะ
“จีบกัน....ไปก่อน....นะ เดี๋ยว...มา”
ไปไหนล่ะ
ไปไหนแล้ว จีบกันที่ว่าคือ
จีบกันที่ว่า จีบ..............
เฮ้ยยยยยยยยยย เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่ใช่นะเฮ้ยกัส เดี๋ยวก่อนสิ มึงฟังกูอธิบายก่อน คือว่านะ........
กำลังจะอ้าปากพูด โดยปกติกัสจะเดินช้าแต่ทำไมในเวลานี้โจ้รู้สึกว่ากัสเดินเร็วเกินไป จนแค่จะอาปากพูดอะไรยังพูดไม่ทัน
“อ่า กัส....คือ มึง เข้าใจผิดแล้ว เฮ้ยยยย”
หมดเวลาอธิบายและเป็นนิวที่แกล้งตีหน้าเฉยและพูดบางอย่างให้โจ้ได้ยิน พูดกันพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“กูดูมึงอยู่.....อย่าคิดว่ากูจะพลาด”
เหรอ
เหี้ยเหอะ มึงก็จับตาดูต่อไปแล้วกัน ยังไงมึงก็ต้องพลาดเข้าสักวันแหละวะ
กูมั่นใจว่ามึงต้องพลาดสักวัน
นิวเดินออกมาแล้ว และทำทีเหมือนสนใจอยู่กับการเสียบหมูสะเต๊ะใส่ถาดไปเรื่อย ๆ
ทั้งที่ในใจเริ่มเจ็บแปลบ เพราะรู้ว่าความคิดของตัวเองมักทำร้ายตัวเองเสมอ
ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ
ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวยิ่งใกล้ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้มันทรมานเกินไป
ไม่คิดว่าจะต้องมาเสี่ยงแบบนี้ ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้ตลอด
และก็เหมือนคราวนี้ที่รู้อยู่แล้วว่าสุดสายปลายทางจะเป็นยังไง
แต่เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรมาหลีกเลี่ยงได้ นิวแอบลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ก่อนจะเงยหน้าไปมองเด็กเสริฟจำเป็นที่กำลังพยายามตักน้ำแข็งใส่แก้วอีกแก้ว และคงเอามาเสริฟให้นิวแน่ ๆ
เจ็บว่ะ
ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ ขืนต้องอยู่ใกล้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ คงมีสักวันที่ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
โชคดีที่ยังมีไอ้โจ้อยู่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าโชคดีที่มีไอ้โจ้คอยดึงความสนใจไปได้บ้าง
อย่างน้อยการห้ามไอ้โจ้ก็เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองอยู่กลาย ๆ เตือนเรื่อยๆ แม้จะเตือนไปเจ็บไปเรื่อยๆ ก็ไม่ควรให้สติขาดลงในวันใดวันหนึ่ง
กูไม่ต้องการแย่งของ ของใคร
แม้จะมีอะไรเกิดขึ้น คุณธรรมในจิตใจต้องมาก่อนเสมอ
กูจะไม่มีวันหักหลังเพื่อน และแย่งของรักของเพื่อนมาเป็นของตัวเองเด็ดขาด
นิวกำลังบอกตัวเอง บอกอย่างนี้ทุกวัน บอกไปเรื่อย ๆ ให้หัวใจพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้ได้
ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ และคิดว่าคงไม่มีใครรู้ใครเห็น
แต่นิวก็พลาดให้คนที่ไม่ควรเห็น ได้เห็น
โจ้ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปที่คนที่กำลังเสียบหมูสะเต๊ะและก็เห็นว่านิวถอนหายใจยาว
ถอนหายใจ.... ทำไมวะ
ทำไมถึงได้...........
นิ่งมองอยู่อย่างนั้น และนิวก็เงยหน้าขึ้นทันทีที่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องมองจากคนที่ไม่ปรารถนาจะให้มองมากที่สุด
โจ้รีบหลบตาและทำเป็นสนใจอยู่กับการวางตะแกรงให้พอดีกับเตา
มันอาจเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไปเห็นใจคู่อริเข้า
กูไม่ใช่เพิ่งรู้จักมึงวันนี้หรือเมื่อวาน แต่กูรู้จักมึงมานานหลายปี พฤติกรรมบางอย่างและวิธีคิดบางอย่างของมึง มีหรือกูจะไม่รู้
สิ่งที่เห็นคงไม่ต้องเดาอะไรกันมาก
บางทีมึง.....ก็กำลังคิดไม่ตกเรื่องของคนๆ หนึ่งอยู่เหมือนกันใช่มั้ยวะ
และคน ๆ นั้นก็คงเป็นคนเดียวกับที่กูคิดซะด้วย
มึงอาจแสดงท่าทางนิ่งเฉยได้เนียนจนใครหลายคนจับความรู้สึกที่แท้จริงของมึงไม่ได้
แต่ไม่ใช่กับกูแน่ๆ เพราะในเวลานี้ไม่ว่ามึงหรือกู ก็คงคิดเรื่องเดียวกัน
มึงเองก็คง......กำลังคิดเรื่องของ ไอ้กัส....เหมือนกูใช่มั้ยวะ มึงเองก็คิดเรื่องเดียวกับที่กูคิดอยู่เหมือนกัน นิว
มึงเองคงพยายามตัดใจจากไอ้กัสอยู่
แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนก่อน ที่มึงใช้วิธีเลี่ยงได้ เพราะครั้งนี้ มึงต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดบ้าง
กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามึงจะรับได้ขนาดไหน ถ้าไม่หนีเหมือนคราวก่อน ๆ
มึงจะทำยังไงต่อไปวะ
กูก็อยากรู้ว่ามึงจะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน.....นิว......
TBC.