นัทเงยหน้ามองแสงระยับระยับที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ รู้สึกถึงความผ่อนคลาย เย็นสบาย จนอยากจะยิ้มออกมา
“สวยมั้ยครับ”
สวยสิ
สวย….
นัทชอบนะ มันดูสวยงาม แม้ไม่ตระการตา แต่อากาศเย็น ๆ และเรือที่ค่อยๆ เทียบที่ต้นลำพูแต่ละต้น มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตช้าลง
ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องรีบร้อนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
ฟ้าแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เงยหน้ามองแสงระยิบระยับจากหิ่งห้อย ครั้งหนึ่งคนที่เคยนั่งตรงนี้คืออีกคน แต่วันนี้เปลี่ยนเป็นใครบางคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะมาอยู่ในสถานที่แห่งความทรงจำแบบนี้ได้
ครั้งหนึ่งคนที่หันมา และส่งยิ้มให้ คือ นุชา แต่ครั้งนี้ สายตาของฟ้ากำลังมองไล่ตามไปที่ใบหน้าด้านข้างของใครบางคน
คุณนัท
คนที่อยู่ในเกือบจะทุกช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดจากความรัก คนที่ฟ้าไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งจะได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน
“หนาวมั้ยครับ”
ไม่หรอก อากาศกำลังเย็นสบายเลย นัทชอบนะ ที่บอกว่าไม่ชอบ เพราะว่านัทยังไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ แต่ตอนนี้บอกว่าชอบก็ได้ เพราะนัทได้เห็นแล้ว พี่นุชาก็คงชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกัน พี่นุชาก็คงชอบ พี่นุชาคงชอบที่นี่มาก พี่ฟ้าถึงได้อยากมา อยากมาระลึกความหลัง แต่พานัทมาเป็นเพื่อนด้วยเท่านั้น
คิดไปทำไม คิดไปก็เศร้า แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้มีใครบางคนอยู่ในหัวใจของพี่ฟ้าตลอดเวลา แล้วนัทจะไปทำอะไรได้ ก็แค่เฉย เพราะก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ฟ้าไม่มีทางญาติดีด้วยแบบจริง ๆ จัง ๆ
“ตรงโน้นเป็นบ้านพัก สวยมากนะ ติดแม่น้ำ นัทสนใจก็มาพักได้นะครับ”
ก็คงมา ถ้ามีโอกาสได้มาก็คงจะมาเที่ยวเล่นอยู่หรอก แต่ต้องหมายความว่ามีโอกาสจริง ๆ นะ
“เรือจะวนกลับที่เดิมนะครับ”
เอ่ยบอกและนัทก็พยักหน้ารับ พยักหน้าตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไรเลย ไม่ยอมพูด และซึมเศร้าลงไปเรื่อย ๆ
จนฟ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคนที่นิ่งเงียบผิดปกติในเวลานี้เป็นอะไร
“คุณนัทครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
สบายดี
นัทสบายดี
ทำไมถึงคิดว่านัทจะไม่สบายล่ะ นัทสบายดีอยู่ตลอดแหละพี่ฟ้า
“อาจจะเหนื่อยมั้งครับ ก็เลยเพลีย”
ตอบกลับแบบง่าย ๆ แต่ฟ้าก็รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันอาจไม่ใช่ คิดว่าจะไม่ถามให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่สีหน้าแววตาที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่าแม้จะฝืนทำเหมือนไม่มีอะไร แต่มองยังไงก็รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ในใจ
ไม่รู้จะพูดยังไง
ไม่รู้ต้องทำยังไง
ขึ้นจากเรือเรียบร้อย และมองผู้คนที่ขึ้นตามมา ท้องฟ้ามืดมิด เงยหน้าแล้วก็มองเห็นดาว ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า และดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลตา
นัทไม่รู้ว่าทำไมถึงยืนมองท้องฟ้าและดวงจันทร์แบบนั้น อยากจะนั่งอยู่ใต้ต้นลำพูข้างแม่น้ำ รับลมเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ
ไม่อยากกลับไป รู้สึกว่าไม่อยากกลับไปเลย บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อย และไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ไม่เข้าใจ
“กลับถึงคงเกือบตีหนึ่ง ไหวมั้ยครับ”
ไหวมั้ยเหรอ ก็ไม่รู้ว่าไหวหรือเปล่า
“ถ้าไม่ไหวค้างมั้ยครับ แล้วตอนเช้าค่อยกลับ”
ค้างเหรอ บางทีก็ดีเหมือนกันนะ ค้างที่นี่หนึ่งคืน แล้วตอนเช้าค่อยกลับ
“ครับ”
พยักหน้ารับ แต่มันดูเฉื่อยชามากเหลือเกิน เดินด้วยกันมาเรื่อย ๆ เดินมาด้วยกันจนถึงรถ และนัทก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“พี่ฟ้า....พี่นุชาเขาเป็นยังไงบ้าง”
ไม่เคยพูดกัน ไม่เคยคุยกัน แต่ไม่อยากค้างคาใจ ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด แต่ก็กล้าจะถาม ถ้าถามแล้วอีกฝ่ายไม่ชอบ ก็แค่เกลียดกันเพิ่มขึ้น หรือถ้าดีกว่านั้นหน่อย ก็อาจจะได้รับคำตอบกลับมา
ฟ้ายืนนิ่งเงียบและไม่พูดไม่จา ครุ่นคิดบางอย่าง ทำไมถึงอยากรู้เรื่องของชา จะอยากรู้ไปทำไม
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”
เป็นคำตอบที่ยิ่งกว่าทำร้ายจิตใจ และนัทที่ยืนอยู่ก็ยิ้มออกมาคนเดียวเงียบ ๆ คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แต่ก็ยังจะถาม
เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายคงกำลังไม่พอใจ ที่ไปละลาบละล้วงอยากรู้เรื่องส่วนตัว
“เมื่อก่อนคงจะตอบแบบนั้น แต่ถ้าเป็นตอนนี้ จะไม่ตอบแบบที่เคยตอบแล้วล่ะครับ”
จะไม่ตอบแบบที่เคยตอบ
คุณรัชชานนท์มองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และมองไปที่ท้องฟ้าเหมือนที่นัทเคยมอง มองแล้วก็นิ่งเงียบ เหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา
“ชาคงสบายดีแล้ว เคยเห็นครั้งล่าสุดตอนที่ไปชลบุรี เจอเขาโดยบังเอิญ เขาไปเดินซื้อของในตลาดอะไรสักอย่างเกือบค่ำ ๆ แล้ว ชามีคนอยู่ข้าง ๆ แล้วตอนนี้ ชายิ้มได้แล้ว ชาคงสบายดีแล้ว คนบางคนไม่ใช่ของเรา ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางใช่ พี่ก็เจ็บนะ เสียใจเยอะมาก เสียใจไปเรื่อยๆ จะมีประโยชน์อะไร อย่างน้อยเราก็เคยได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับคนที่เรารัก มีความทรงจำดี ๆ ให้นึกถึงเมื่อมองกลับไป พี่มีอะไรจะเสียใจอีกล่ะ ยังจะมีอะไร....ให้ต้องเสียใจอีก”
เป็นครั้งแรกที่นัทได้ฟังบางอย่างจากคนที่นัทไม่เคยคิดว่าจะมาพูดเรื่องแบบนี้ให้นัทฟัง
พี่ฟ้ารักพี่นุชา
ถึงวันนี้ก็ยังรัก
ไม่มีวันที่ใครจะไปแทนที่พี่นุชาได้ ยิ่งนัทด้วยแล้ว ให้ตายก็ไม่มีวัน ไม่มีวันที่จะเป็นจริง
“เคยรักใครหรือเปล่าล่ะครับ ความรู้สึกที่ได้รักมันดีมากนะ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ครอบครอง แต่มันก็ยังมีแง่มุมดี ๆ ให้เรานึกถึง เราจะได้เรียนรู้ เพื่อจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”
นัทมีคนที่ชอบนะ คนที่นัทรัก
อย่างที่พี่ฟ้าบอกนั่นแหละ
มันก็เจ็บปวดนะ ที่เป็นแค่รักข้างเดียวมาตลอด เจ็บปวด และยากจะตัดใจ แต่มันก็เท่านั้น มันก็อาจยังมีแง่มุมดีๆ ให้นัทนึกถึงบ้าง ไม่อย่างนั้น คงไม่ทนเจ็บปวดมาได้จนถึงป่านนี้
“คนที่นัทชอบ เขาไม่เคยมองมาที่นัทหรอก”
บอกออกไป และฟ้าก็นิ่งมองคนที่พูดเรื่องบางอย่างให้ฟัง
“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ”
ทำไมเหรอ ทำไมกันล่ะพี่ฟ้า
“ก็เขาไม่รักนัท จะให้นัททำยังไง ไม่รู้ครับ ดี ๆ ร้าย ๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้มาสี่ปีแล้ว”
สี่ปีเลยเหรอ
นานอยู่เหมือนกันนะ
“แล้วตอนนี้ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า”
รักสิ ก็ยังรักอยู่
นิ่งมองไปที่ใบหน้าของคุณรัชชานนท์ที่แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นป่านนี้ ก็ยังเห็นว่าดูดีได้ตลอด
ดูดีมาก แต่นัทสิ เหมือนอะไรไปแล้วก็ไม่รู้
สี่ปีก่อน ที่เราเจอกัน พี่ฟ้าไม่รู้หรอก ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนัทเลย แต่หลังจากนั้นเป็นนัทที่รู้เรื่องของพี่ฟ้าทั้งหมด และนัทก็ได้แต่อยู่ในที่ของตัวเอง
มองจากที่ไกลๆ และรับรู้อยู่ตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดึงดันที่จะรักอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มาตลอด
รักไปเจ็บไป ไม่มีใครรับรู้ด้วย มีก็แค่ตัวเองที่บ้าบอและงี่เง่าเจ็บปวดอยู่คนเดียว
“นัท.....รัก....พ...พี...”
อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไปให้หมด แต่ก็ต้องรีบหุบปากเงียบ และก้มหน้าลง
อย่าบ้าน่า จะมีประโยชน์อะไร อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะนัท ถ้าทำอะไรบางอย่างลงไป ทุกอย่างที่เป็นมาจนถึงตอนนี้อาจจะพังทลายลงไปเลยก็ได้ แม้แต่หน้า คราวนี้พี่ฟ้าก็คงไม่มอง
“ช่างมันเถอะครับ”
มันก็เท่านั้นแหละไอ้นัท มันก็เท่านั้น อย่าไปคิดอะไรกับมันมาก อยู่ในที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว
“พี่นึกว่านัทจะบอกว่า รักพี่ฟ้าซะอีก”
ห๊ะ
รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนที่พูดบางอย่างก็ยังทำหน้านิ่งเฉย
“เตรียมดีใจไว้แท้ ๆ ทำไมถึงได้ผิดแผนแบบนี้ล่ะ”
ยังไง ล้อกันเล่นใช่มั้ย
“ทำไมผมต้อง.....”
ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ และฟ้าที่ทำหน้าเฉยก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
“แล้วทำไมถึงจะไม่ต้องล่ะ”
ก็ไม่ทำไม ก็แล้วทำไมต้อง...ด้วยล่ะ ไม่เข้าใจ
กลายเป็นฟ้าที่ตีรวน เหมือนแกล้งพูด และนัทก็ยิ่งไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“สมมติว่าคนบางคน รอความกล้าจากคนบางคนอยู่ ไม่งั้นจะกล้าเข้าหาได้ยังไงถ้าคนบางคนไม่ต่อให้ก่อน คนบางคนก็เปิดเผยอะไรให้เห็นเยอะแยะแล้วมั้ง คนบางคนก็น่าจะเห็นบ้าง แต่คนบางคนก็ยังไม่เห็น แล้วคนบางคนจะกล้าทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ได้ยังไง”
อะไรของพี่ฟ้า
คนบางคนอะไรตั้งหลายคน แล้วนัทจะไปเข้าใจได้ยังไง ว่าตกลงคนบางคนที่ว่าคือใคร
พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง
“ช่างมันเถอะครับนัท ก็ถือซะว่าพี่ไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
ช่างมันได้ยังไงล่ะ
ช่างมันอะไร
“แล้วคนบางคนที่ว่ามันคือใครล่ะครับ”
ถามกลับไปด้วยความสงสัย และฟ้าก็ไม่ยอมตอบ เปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งที่คนขับเรียบร้อย
ไม่รู้นะว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่มันก็อึดอัดใจถ้าไม่พูดอะไรออกไป
ก็รู้สึกดีด้วย อยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกดี แล้วก็ไม่คิดว่าจะปิดใจเรื่องความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเกิดจะรู้สึกดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะผิดตรงไหนกันล่ะ
แต่นัทมาบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว
แบบนี้จะให้ทำยังไง
แบบนี้จะไปทำอะไรได้ ก็คงต้องถอยออกมา เพราะมันเหมือนเป็นการตีกรอบให้เรียบร้อยแล้วว่าทางนั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว จะเข้าหาหรือเข้าไปวุ่นวายไม่ได้
นัทกันตัวเองซะขนาดนั้น แล้วทางนี้จะมีปัญญาทำอะไร นอกจากทำเป็นเฉย ๆ ไปซะ
“คุณรัชชานนท์”
ครับ คุณนัธพันธ์
“คนบางคนคือใคร”
ยังจะมาถามย้ำอีก จะใครล่ะก็มีกันอยู่แค่สองคน ไม่ใช่ผมก็คงเป็นคุณนัทล่ะมั้ง หรือถ้าไม่ใช่คุณนัทก็คงเป็นผมนี่แหละ
“ไม่มีหรอกครับ มีแต่คนบ้า”
อะไรล่ะพี่ฟ้า ทำไมถึงได้ทำเหมือนโกรธกันแบบนั้น นัททำอะไรผิดไปหรือไง ทำไมถึงได้....
“นัท”
ได้ยินเสียงเรียกและนัทก็นิ่งมองคนที่เรียก ไม่เข้าใจหรอกว่าพี่ฟ้าเป็นอะไร นัทรู้แค่ว่าเหมือนพี่ฟ้าหงุดหงิดและไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“คนที่นัทแอบชอบนั่นน่ะ เลิกชอบไปซะได้ก็ดีเหมือนกันนะ แล้วลองมองไปรอบๆ ตัวบ้าง ไม่แน่ว่าในบรรดาคนที่นัทไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร หนี่งในนั้นอาจมีคนที่เริ่มชอบ หรือหลงรักนัทมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นได้ ส่วนนัทจะเปิดใจให้เขาหรือเปล่า นัทก็ลอง ๆ คิดดูไปเรื่อย ๆ แล้วกัน”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง