เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน สิ่งที่อยู่ในใจจุมพล
มันเป็นเพราะอารมณ์พาไป ไม่มีคำอธิบายอะไรอีกนอกจากอารมณ์พาไป ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็ว
จุมพลนอนมองนาฬิกาที่เข็มยาวกำลังขยับอย่างช้า ๆ จากหนึ่งนาทีเป็นสองนาที เป็นสามนาที สี่และห้านาทีในเวลาต่อมา
มองนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้น และคนที่นอนหันหลังอยู่อีกฝั่งก็กำลังขมวดคิ้วมุ่น ทุกอย่างดูเงียบงัน ความสัมพันธ์ทางกายจบลงแล้ว
และต่างฝ่ายต่างเพิ่งมาคิดทบทวนกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบ
และคนที่คล้ายจะทนไม่ไหวก็คือคุณไอศูรย์ที่ขยับกายลุกขึ้นนั่งและมองไปที่คนที่นอนหันหลังให้
แผ่นหลังขาวปรากฏให้เห็นชัด จุมพลไม่ได้ห่มผ้า ร่างกายเปลือยเปล่าที่ปรากฏให้เห็นชัด มองยังไงก็คือร่างกายของผู้ชาย
แต่สิ่งที่มีมากกว่าที่เห็น คือร่องรอยตามตัวที่มีทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ รอยขีดข่วนจำนวนมาก รอยช้ำ และรอยอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่มีที่มาที่ไป คุณไอศูรย์มั่นใจ ร่องรอยเหล่านั้นไม่ใช่ฝีมือของตัวเองแน่ ๆ แต่น่าจะเกิดจากผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้น
“คุณชอบความรุนแรงหรือไงคุณจุมพล”
คำถามเรียบเรื่อยจากปากของคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น ทำให้จุมพลต้องหันมามอง ดวงตายังคงเลื่อนลอย และก็หันกลับไป ไม่ได้ตอบคำถามอะไรอีก
“....................”
สิ่งที่เห็นมันยิ่งทำให้คุณไอศูรย์รู้สึกโมโห หยดเลือดที่เริ่มซึมออกมาจากผ้าก๊อซสีขาวที่พันอยู่ที่ไหล่ของจุมพล ทำให้คนที่มองยิ่งเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายทำ
“คุณถนัดที่จะปั่นหัวคนอื่นแบบนี้ตลอดหรือไง”
ไม่ได้ถนัด บางครั้งไม่ได้คิดจะทำ แต่มันเป็นของมันเอง พี่เกรทแล้วก็พี่ตาลบอกอยู่บ่อย ๆ สงสัยเรื่องที่พวกพี่ ๆ พูดคงจะเป็นเรื่องจริง ก็ขนาดคุณไอศูรย์ยังคิดแบบนั้นเลย
“.......เปล่า.........”
คำตอบที่เหมือนไม่อยากตอบนั่นมันยิ่งสร้างความหงุดหงิดโมโหให้กับคนฟังไม่น้อย นี่คิดจะกวนประสาทกันไปถึงไหน
คิดจะทำอะไรกันแน่
“คุณชอบผู้ชายด้วยกันใช่มั้ย”
คำถามง่าย ๆ ที่อยากจะรู้ รู้เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าที่ถูกชักจูงให้ทำเรื่องโง่ ๆ เป็นเพราะอีกฝ่ายมีความชื่นชอบในเพศเดียวกัน ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกผิด และจะได้บอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่อารมณ์พาไปของผู้ชายที่ห่างเรื่องแบบนี้มานาน
“........ผมไม่ได้ชอบ........”
ไม่ได้ชอบ ตอบมาได้ยังไงว่าไม่ได้ชอบ แล้วไอ้ที่เพิ่งทำลงไปด้วยกันนั่นเรียกว่าอะไร
“คุณจุมพล”
ขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห และนึกอยากกระชากไหล่ของคนที่ทำเป็นเมินเฉยให้หันมาคุยกันตรงๆ
“คุณทำอะไรของคุณอยู่ คุณเล่นอะไร คุณเป็นอะไร”
เปล่า ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้เล่น ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น
“ผมแค่อยากรู้.........ถ้าผมทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นยังไง”
เป็นยังไง เป็นยังไงที่ว่า มันหมายความว่ายังไง
“คุณลุกขึ้นมาคุยกับผมเดี๋ยวนี้”
ทำไมต้องคุย มีอะไรต้องคุย ไม่อยากคุย จุมพลหลับตาลงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก้อนอะไรแข็ง ๆ คล้ายติดอยู่ที่ลำคอ ไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น อยากจะตะคอกอยากจะตะโกนอะไรก็เอาเถอะ
ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ท่าทีนิ่งเฉยแบบนั้นมันยิ่งกว่าน่าโมโห คนที่กำลังจะเป็นบ้าคือคุณไอศูรย์ที่ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้ใส่ แบบนี้มันเกินไป แบบนี้มันยิ่งกว่าเกินไป
ยื่นมือเข้าไปหา และกำลังจะกระชากไหล่ของคนที่นอนอยู่ให้หันมาหาและคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ไม่ทันได้ทำ จุมพลก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ และก้าวขาลงจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ที่พื้นห้อง
ลุกขึ้นแต่งตัวต่อหน้าคุณไอศูรย์ที่กำลังนิ่งมองด้วยความ งงงัน
“คุณจะไปไหน”
คำถามคล้ายไม่ได้เข้าไปในหูของคนที่ถูกถาม
จุมพลเพียงแค่หันมามองหน้าของคุณไอศูรย์แว่บเดียวและก็กำลังจะก้าวขาออกจากห้องในสภาพทุลักทุเลเต็มทน
น่าโมโห แบบนี้มันยิ่งกว่าน่าโมโห ใครจะไปทนได้ ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้ใส่ ไม่เคยมีใครมาทำให้รู้สึกหงุดหงิดและโมโหได้ขนาดนี้ ความอดทนมีอันสิ้นสุด พอกันทีกับการถูกปั่นหัว ลุกขึ้นกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องให้ล้มลงมาบนเตียง กดข้อมือทั้งสองข้างของคนที่ดิ้นรนหนีเอาไว้
“ตอบ”
บังคับให้พูด และจุมพลก็หยุดการขัดขืนทันที จ้องมองไปที่ดวงตาของคุณไอศูรย์อย่างไม่กลัวเกรง
และคนที่เป็นฝ่ายต้องยอมคลายมือกลับกลายเป็นคนที่กระชากให้ล้มลงมาซะเอง
“ตอบอะไร”
ตอบอะไรก็ได้ อย่างที่ผมถาม
“คุณชอบผู้ชายด้วยกันหรือไง ไม่อย่างนั้นคุณทำเรื่องแบบนี้ง่าย ๆ ได้ยังไง”
แล้วทำไมต้องทำให้ยากด้วย
“ก็แฟนผม มันชอบหาว่าผมมั่วไม่เลือก กับรุ่นน้องยังตามด่าจนมันเตลิด แทบไม่กล้าคบกับผมแล้วมั้ง”
นี่มันไม่ใช่เหตุผล
“ประชด.........นี่คุณทำแบบนี้ เพราะอยากประชดแฟนคุณเหรอ คุณนี่มัน.........ฮึ่ยยยยย”
นึกอยากบีบคอคนที่พูดอะไรบางอย่างออกมาได้หน้าตาเฉย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกระหน่ำกำปั้นไปที่หมอน
“ถ้าผมกลับไปใช่ป่ะ คราวนี้แหละที่เธอด่าไว้ก็เป็นจริงแล้ว ถ้าเธอฆ่าผมตาย เพราะผมแม่งเลว นอกกายนอกใจเธอ มันก็สมเหตุสมผล คุณว่างั้นมั้ย”
ไม่
“นี่ยังจะกลับไปอีกจริง ๆ หรือไง”
ตะคอกถาม และจุมพลก็อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่คล้ายเยาะหยันตัวเอง รอยยิ้มที่คล้ายจะสะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผมไม่นึกนะว่าแฟนผมเขาจะแค้นผมขนาดนี้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว เขาคงอยากฆ่าผมมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส วันนี้แค่ผมบอกว่า........ถ้าเกลียดกันขนาดนี้ งั้นไปลงนรกพร้อมกันเลยมั้ย หญิงก็วิ่งไปเอามีดมาแทงผมเลย........โคตรสะใจ”
สะใจ สะใจเนี่ยนะ บ้า ใครกันแน่ที่บ้า ใครกันแน่ที่ประสาท ผู้หญิงคนนั้นหรือคนที่นอนยิ้มอยู่ตรงนี้
“คุณจุมพล”
อยากจะเป็นบ้า ตะคอกอีกฝ่ายเสียงดังลั่นและจุมพลก็ลุกขึ้นนั่งและผลักให้คนที่คร่อมทับออกห่าง
สะบัดหนี ไม่ว่าจะถูกดึงหรือรั้งไว้กี่ครั้งก็สะบัดร่างกายหนี
ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน แรงถึงขนาดที่คุณไอศูรย์ต้องล็อคแขนของจุมพลเอาไว้และกดให้ใบหน้าแนบลงกับหมอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขนาดไหน ก็ไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยผม ปล่อยยยยยยยยย แม่งเอ้ยยยยยยยยย ผมแม่งเหี้ย ปล่อยเหอะ เรื่องนี้จะได้จบ ๆ ไปซะ ปล่อยโว้ยยยย”
ใครจะปล่อย ปล่อยไปก็ไปให้โดนฆ่าทิ้ง
“อยากตายขนาดนั้นเลยหรือไง ถ้าอยากตายขนาดนั้น หน้าต่างชั้นยี่สิบก็กระโดดลงไปตายได้ ไม่ต้องไปให้ผู้หญิงคนนั้นฆ่าทิ้งหรอก เป็นบาปเป็นกรรมกับคนอื่นซะเปล่า ๆ เข้าใจมั้ยวะ”
เข้าใจ........มั้ย...........วะ
ใช่........
หน้าต่างชั้นยี่สิบก็ทำให้ตายได้ งั้นก็ตายแม่งเลยเป็นไง
“เออ งั้นปล่อยสิโว้ยยยยยยย จะตายให้ดูตอนนี้แหละ ปล่อยโว้ยยยยย แม่ง ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย กูไม่ไหวแล้วนะโว้ยยย สัดเอ้ยยยย”
จุมพลยังร้องโวยวายและดิ้นรนไม่เลิก ส่วนคนที่กดเอาไว้ ก็รู้สึกว่ากำลังโมโหกับคนที่คิดและกำลังจะทำอะไรโง่ ๆ
“แต่อย่ามาตายที่นี่เข้าใจมั้ย อย่ามาทำให้ผมเดือดร้อน”
แล้วจุมพลที่โดนตะคอกก็หยุดนิ่งทันที หยุดนิ่ง ไม่ได้ดิ้นรนอะไรต่อไปอีก
เหตุการณ์ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง คุณไอศูรย์หอบหายใจหนัก และจุมพลที่ดิ้นรนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็หอบไม่แพ้กัน
“ผมเคยนอนกับพี่สาวแฟนผม”
คุณไอศูรย์ปล่อยคนที่ดิ้นรนให้เป็นอิสระแล้ว จุมพลนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง และใบหน้าก็ซุกอยู่ที่หมอน
ถ้อยคำบางอย่างที่พูดออกมา แทบจับใจความไม่ได้ แต่มันคือสิ่งที่ทำให้คนฟัง ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง และนิ่งงันกับคำพูดนั้น
นอน.........กับพี่สาว....ของแฟน
“แล้วไง”
“ตอนที่แฟนผมท้องได้สามเดือน”
....................
“แล้วยังไงอีก”
.....................
“ผมไม่ได้เพิ่งทำ ผมทำมาหลายครั้งแล้ว”
......................
“แล้ว.........”
“แฟนผมจับได้ เราก็เลยทะเลาะกันบ้านแตก”
ก็เป็นธรรมดา
“เขาโมโหผม เขาโกรธผม เขากับพี่สาวเขาเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย .......... “
ก็สมควรแล้ว
“เรื่องแค่นี้เองเหรอ หึ แค่นี้เหรอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้”
ไม่ใช่แค่นี้หรอก
“แฟนผมเขาแท้ง ตอนที่ผมสะบัดเขาตอนที่เขาตบผม หมอบอกว่า............เขาคงมีลูกอีกไม่ได้”
แค่นี้.........เอง.........เหรอ แค่นี้.......เรื่องแค่นี้ ที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งทั้งกับบ้าคลั่งสติแตกได้ขนาดนั้น
“ทุกคนคิดว่าเขาอยู่กับผมเพราะหวังเงิน แต่ที่จริงเขาอยู่เพราะเขาแค้นผม เขาคงแค้นผมมาก เขาไม่ปล่อยผมไปตลอดชีวิตนี้ เขาพูดเอาไว้แล้ว.......และทุกครั้งที่ผมเลิกกับเขา เขาจะอาละวาดและจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมเจ็บ”
เพราะแบบนี้เหรอ เพราะแบบนี้สินะ
“ก็เลยจะยอมตายให้เรื่องมันจบ ๆ ไปซะ”
มันอาจจะดีก็ได้นะ
“ผมไม่ใช่คนที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ของคุณนะ........”
ผมรู้
“เขาไม่ให้ใครเข้าใกล้ผมทั้งนั้นแหละ ผู้หญิงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผมแล้ว เหลือก็แต่ผู้ชาย........ เขาอยากคิดว่าผมมั่วไม่เลือกเองทำไมล่ะ ผมก็นอนกับผู้ชายแม่งเลย สมใจอย่างที่เขาว่าแล้วไง.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า โคตรสะใจ”
เลว
สิ่งที่คุณไอศูรย์ทำก็คือกัดฟัน และมองคนที่คว่ำหน้าหัวเราะร่วน
สนุกมากมั้ย สะใจมากมั้ย ปั่นหัวคนทั้งโลกแบบนี้คงมีความสุขมากใช่มั้ย ก็สมกันดีแล้ว ผู้หญิงบ้า กับผู้ชายโรคจิต ก็คู่ควรกันแล้วไม่ใช่หรือไง
ก็.......สมควรแล้ว ก็คู่ควรเหมาะสมกันแล้ว.....ก็.......
“แล้วผมกลับไปแก้ไขอะไรได้มั้ยล่ะ แล้วผมกลับไปแก้ไขอะไรได้มั้ย อยากให้เป็นอะไร อยากให้ทำอะไรก็เป็นให้แล้วนี่ไง ทำไมยังไม่พอใจอีกวะ ให้กูตายแม่งตอนนี้เลยใช่มั้ย ถึงจะได้สาสมใจ สัดเอ้ยยยยยยยย”
จุมพลไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการกร่นด่าตัวเองเสียงดังลั่น และในวินาทีถัดมา สิ่งที่คุณไอศูรย์เห็นก็คือการที่ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นได้แค่คนรู้จักกำลังซุกหน้าลงกับหมอน
และร่างกายก็สั่นสะท้าน เสียงสะอื้นในลำคอ ดังมากพอที่จะทำให้คนฟังรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก
“ผมไม่ได้อยากตายนะโว้ย แล้วผมก็ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ด้วย ผมไม่ได้อยากนอนกับพี่สาวเธอนะโว้ยยย ผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้น แต่เพราะเขามอมผม หลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมให้ผมเลิกกับเขา ผมจะรู้มั้ยว่าเขาจะอยากได้ผม ผมจะรู้มั้ยว่าเขามีปัญหากับน้องสาวเขา แล้วมันผิดหรือไง มันผิดที่ผมหรือไงวะ.......เหี้ยเอ้ยยยยยยยย ฮืออออออออออ”
คุณไอศูรย์ไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ ปัญหาครอบครัวที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
หลายสิ่งหลายอย่างที่ยากเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขได้
ได้แต่มองได้แต่นั่งมองคนที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ได้แต่มองและก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะแตะฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของคนที่เหมือนปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้มันระเบิดออกมาจนหมด
“.....................”
ไร้คำพูดปลอบใจ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาซักคำ
สิ่งที่คุณไอศูรย์ทำได้ในเวลานี้ ก็ได้แต่มองและลูบหลังลูบไหล่คนที่ตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่ยอมหยุดเท่านั้น
“ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก มันเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้เอาเอง.........แต่ผมไม่ปล่อยให้คุณไปให้ใครฆ่าทิ้งหรอกนะ ดี ๆ ร้าย ๆ ......... เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว...ผมคงปล่อยให้คุณไปโดนผู้หญิงคนนั้นฆ่าทิ้งไม่ได้จริง ๆ ”
TBC.