รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน งอน
“เค้าไม่ชอบเลย บัวชอบทำให้โกรธ”
มึงป่วยใช่มั้ยเนี่ย สรุปว่ามึงป่วยใช่มั้ย พูดแบบจริงจังนะนั่น น้ำเสียงจริงจังโคตร ๆ แต่ประโยคคำพูดของแม่งโคตรจะแบ๊ว ไม่รู้ว่าจะแบ๊วไปไหนมากมาย
“ผ่าเฝือกแล้วไง ก็อยู่เองได้แล้วสิ หายแล้วนี่ จะให้อยู่ทำไมอีกวะ”
ก็ไม่อยู่ทำไม ก็อยู่แบบนี้ไปก่อนเรื่อย ๆ โยธินไม่ยอมตอบ และคนที่ไม่ยอมตอบก็ยังคงเมินหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่างรถ
กูขับรถให้มึงนั่งก็ดีถมเถเท่าไหร่แล้ว อุตส่าห์พามาผ่าเฝือก แม่งยังเสือกเรื่องมากอีกเนอะ
“พี่โย อย่าเรื่องมากได้ป่ะ”
ได้
“ไม่อยากอยู่ด้วยกันก็บอกตรงๆ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังทำเป็นเมินเฉยใส่ด้วย
มึงคิดว่ามึงน่ารักแล้วใช่มั้ย ถามจริง ๆ เหอะ ก่อนจะทำหน้าตาท่าทางปัญญาอ่อนแบบนี้ ได้ปรึกษาใครหรือยัง
“มันใช่เรื่องเหรอ ที่ต้องมาตัวติดกันตลอดเวลา แต่ก่อนก็อยู่แบบนี้ได้ไม่ใช่เหรอ ก็ต่างคนต่างอยู่ไป”
อ่อ เหรออออออออออ งั้นเหรอ
“ตามใจ แล้วแต่บัว”
เออ แล้วแต่กูก็แล้วแต่กูไง แล้วแต่กูแล้วทำไมต้องทำหน้างี่เง่าแบบนั้นด้วย
ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะพูดไปก็เท่านั้น คนไม่ฟังเหตุผลพูดไปก็เสียเวลาเปล่า
รถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถในคอนโดเรียบร้อยแล้ว และทั้งคนที่เป็นสารถีกับคนที่ได้รับการดูแลมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มก็เดินไปขึ้นลิฟท์ด้วยกัน
ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างไม่พูดอะไรอีก
ฮัทเข้ามายืนในลิฟท์และกดชั้นที่ต้องขึ้นไป และคนที่มายืนข้าง ๆ ก็ทำหน้าเฉยใส่แบบไร้อารมณ์
เออดี ตกลงนี่กูทะเลาะกับโยธินแล้วว่างั้น ทะเลาะด้วยเรื่องอะไร แม่งยังงง อยู่เลยเนี่ย
ลิฟท์เปิดออกแล้ว และคนสองคนก็เดินมาที่หน้าห้องพร้อมกัน ฮัทเป็นคนไขประตูห้องโดยมีโยธินเดินตามเข้ามาในห้อง
นิลพัทมานอนเหยียดยาวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงเท้าและพยายามจะใช้หัวคลอเคลียพันแข้งพันขาของคนที่เพิ่งกลับมา
“เมี้ยวววว”
ไม่ใช่เสียงแมว แต่เป็นเสียงคน และคนที่ทำเสียงแมวก็ก้มลงไปอุ้มนิลพัทมาพาดไว้ที่บ่าและพาเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว
เยี่ยมครับ สภาพนี้ไม่ต้องคุย งอนสมบูรณ์แบบ
งอนก็งอนไป แล้วมันใช่เหตุที่กูควรจะต้องง้อหรือไงวะ แล้วนี่มันใช่เรื่องมั้ยที่กูต้องเป็นฝ่ายไปง้อมันเนี่ย
“พี่โย”
เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงประตูและใช้แขนท้าวขอบประตูเอาไว้ แต่คนงอนก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ ถือไม้เล็ก ๆ ที่ตรงปลายมีขนนกและกระดิ่งติดเอาไว้ และกำลังหยอกล้อเล่นกันนิลพัทอยู่บนเตียง
“กระโดดเลย เออนั่น ขยับมั่งดิวะ นอนอยู่นั่น อย่านอนอืด ลุกขึ้นมาเร็ว ๆ”
คุยกับแมว แต่ไม่คุยกับคน
รู้ว่าถูกงอน และคนที่ถูกงอนก็เดินเข้ามาหาคนที่นั่งเล่นกับแมวอยู่บนเตียง และทำเป็นไม่สนใจคนที่มานั่งอยู่ข้าง ๆ
มองหน้าก็แล้ว ขยับมาใกล้ก็แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังทำเป็นเฉย
เฮ่อออออออออ กูเบื่อจะง้อแล้วนะโว้ยยยยยย
ไม่ได้พูดแต่คนที่เข้ามาง้อ เอนหลังลงนอนตะแคงบนเตียงและใช้แขนท้าวหัวเอาไว้
นอนดูโยธินเล่นกับแมว แล้วก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อนิลพัททำท่าประหลาด
“อืด ลุกขึ้นมาเล่นดิ๊ นอนอยู่นั่น ลุกขึ้นมา”
ยื่นมือเข้าไปหาและแกล้งขยี้มือไปที่พุงนิ่ม ๆ ของนิลพัทและเจ้าแมวขี้รำคาญก็พยายามใช้ทั้งมือและเท้าเล็ก ๆ คู่นั้นถีบแขนและตะกุยมือของฮัททันที
“โอ้ยยยยยยย เจ็บบบบบบ ไอ้แมวผี เจ็บนะเฮ้ย”
ด่าแมว ด่าเหมือนทุกวันไม่ใช่เพิ่งมาด่าตอนนี้แต่ด่ามานานแล้ว นิสัยเสียตรงที่ด่าแล้วก็ยังคลุกข้าวให้แมวกิน แล้วก็ยังขยันแหย่ขยันแกล้งแมวได้ตลอด
“ไปด่ามันอีก ไปแกล้งมันเอง สมควรโดน เจ็บมั้ยนั่น เดี๋ยวแขนก็เป็นรอยอีก”
โยธินยังคงใช้ไม้เล็ก ๆ ที่มีขนไก่ติดอยู่ที่ปลายของไม้ ตีเบา ๆ ที่เตียงนอนเพื่อให้นิลพัทอยากจะเล่นกับของเล่นที่โยธินหามาเล่นด้วย
“มันเอ๋อ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดขยับเข้ามาใกล้ และเอาคางมาเกยอยู่ที่หน้าขาของโยธินเรียบร้อย
ตอนแรกไม่กล้าทำ แต่ไม่รู้ไปไงมาไง อยู่ดี ๆ ก็กล้าทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ อาจเป็นเพราะใครหลาย ๆ คนเข้าใจว่าเราอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบคลุมเครือ แต่อธิบายได้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอาเป็นว่าตอนนี้เราสนิทกัน สนิทกันมากกกกกกกกกก มาก ๆ กว่าเมื่อก่อน
มากกว่าตอนที่เรายังไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอและไม่ได้ศึกษาตัวตนของกันและกัน
ฮัทคิดว่าสบายใจที่จะอยู่แบบนี้ การอยู่ด้วยกันแบบไม่ระบุความสัมพันธ์ โดนพี่ ๆ แซว โดนใคร ๆ แซวและหยอกล้อ แต่ก็เท่านั้นในเมื่อความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ มันมีที่มาที่ไปและไม่ได้ย่ำแย่หรือน่าเกลียด เมื่อเทียบกับช่วงแรก ๆ ที่ฮัทมาอยู่กับโยธินแบบจำใจ และจำยอม
แต่พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ทำไมถึงกลายเป็นความเคยชินไปได้ก็ไม่รู้
เคยชินจนถึงขนาด เอาคางมาหนุนตักโยธินได้แบบไม่เคอะเขิน และโยธินก็ไม่เคยล่วงเกินหรือทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย อาจมีเพียงที่แตะตัวกัน มีการกอดกันบ้าง แต่น่าแปลกที่มันเป็นการกอดแบบหยอกล้อมากกว่าจะให้อารมณ์ความรู้สึกไปในเรื่องอย่างว่า
แรก ๆ ถอยหนีแต่หลัง ๆ รู้สึกชิน และเฉย ๆ
ในสายตาของคนอื่น โยธินเป็นผู้ชายมากสเน่ห์และดูมีเล่ห์เหลี่ยมน่าค้นหา คล้ายคนที่มีความสามารถในการวางแผนอย่างสุดยอด และมีมันสมองที่ชาญฉลาด แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้
โยธินเป็นคนแบบนี้ เรื่อย ๆ เรียบ ๆ ติดจะเอ๋อและเหมือนเด็กด้วยซ้ำ
ใครเคยเห็นโยธินในแบบไหน ก็ยังเป็นแบบนั้น เฉพาะกับฮัทเท่านั้นที่ได้รู้ว่า ตัวจริงของโยธินเวลาอยู่ด้วยกันเป็นยังไง
“เค้าชอบทำหน้ามึน บางทีตื่นเช้ามาเค้าจะเอ๋อ ต้องเรียกตั้งนานกว่าจะได้สติ”
ครั้งหนึ่งแม่ของน้องหนูดี เคยบอกเอาไว้ และก็หัวเราะชอบใจที่ได้พูดให้โยธินเสียหายได้
และคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการช่วยน้องหนูดีทำเค้กเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าโดนเผาซะเละไม่มีชิ้นดี
“จริงมาก หน้ามึนตลอด นี่ถ้าผมไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเขาเป็นคนแบบนี้”
ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่ายกับคนที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว แต่ฮัทอยู่คุยกับคุณแม่ของน้องหนูดีแทน
แรก ๆ ทำตัวไม่ถูก อยู่ในสภาวะที่เกิดอาการเก้อเขินต่อกัน แต่พอเจอกันบ่อย ๆ เข้าทุกสัปดาห์ตอนที่เธอมาส่งหนูดีให้ค้างกับโยธินวันเสาร์ ก็เลยเริ่มจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน
เธอเป็นเพื่อนเก่าของโยธิน และเป็นแม่ของหนูดีลูกสาวของโยธินด้วย ความสัมพันธ์ในแบบซับซ้อนยากแก่การเข้าใจแต่ไม่ได้ทำให้ฮัทรู้สึกหงุดหงิดโมโห เพราะไม่เคยคิดจะสนใจหรือใส่ใจหาคำตอบ เรื่องบางเรื่องรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ อยู่เฉย ๆ บ้างดีกว่า
อยู่แบบไม่รู้ไม่เห็นไม่ใส่ใจแบบนี้มันดีกว่ารู้ลึกรู้จริงไปหมดทุกเรื่อง แต่ปล่อยวางไม่ได้
“พรุ่งนี้หนูดีจะมาค้างป่ะ ไปเรียนว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยมาค้างที่คอนโดใช่มั้ย”
ไม่แน่ใจนะ บางทีก็จะจำสลับกันว่าไปเรียนว่ายน้ำก่อน หรือไปเรียนเปียโนก่อนกันแน่
“มาแหละ ถ้าไม่ไปเข้าค่ายนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนก่อนนะ ลูกสาวเค้าเอง เก่งป่ะล่ะ ไปเข้าค่ายดั๊วะ”
เหรออออออออ
“โม้ตลอดเลยว่ะ”
แกล้งพูดจาหยอกล้อและฮัทก็เปลี่ยนจากเอาคางเกยขาโยธินมาเป็นใช้หน้าขาของโยธินหนุนหัวแบบเต็ม ๆ
นอนหนุนตักโยธินอย่างสบายใจและหลับตาลงอย่างช้า ๆ เพราะนอนไปนอนมาเริ่มง่วงขึ้นมาจริง ๆ
“ไม่นอนให้ดี ๆ ฮึ่ยยยยยยย ลุกไปนอนให้ดี ๆ ซิ เกะกะ”
อย่ามาเรื่องมากนักเลยน่า หมอนมันไม่ได้อุ่นเท่ากับขานี่หว่าแล้วจะไปนอนหมอนทำไมให้ลำบาก
“อย่าเรื่องมาก”
แกล้งเอ็ดและบ่นเสียงพึมพำในลำคอทั้งที่หลับตาและโยธินก็ละมือจากการเล่นกับนิลพัทมายืดขาออกให้คนที่ใช้หน้าขาของโยธินหนุนนอน ได้นอนสบาย ๆ ขึ้น
เอนกายไปข้างหลัง ใช้แขนสองข้างท้าวไปด้านหลัง และค่อย ๆ เอนกายลงนอน และคนที่ใช้หน้าขาของโยธินหนุนนอนแทนหมอนก็ขยับตัวลุกขึ้น และขยับมานอนข้าง ๆ โยธินแล้ว
“เอาหมอนป่ะ”
ไม่เอาล่ะ นอนแบบนี้แหละ ขี้เกียจใช้หมอน
“เดี๋ยวปลุกด้วย ยังไม่ได้อาบน้ำ”
ยังไม่ได้อาบน้ำแล้วทำไมไม่ไปอาบ
“เน่า”
เน่าบ้าอะไร ก็เน่าเหมือนกันนั่นแหละวะ ได้ข่าวว่ามึงก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
“พ่อสะอาด ไม่เน่าเลยยยยยยยย ได้ข่าวว่าก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันไม่ใช่เรอะ”
ไม่เห็นเกี่ยว
“ยังไม่ได้อาบ แต่หอม ไม่เชื่อพิสูจน์ป่ะล่ะ”
ไม่พิสูจน์อะไรทั้งนั้นแหละ จะนอน
“ปลุกด้วยนะ ห้านาที ห้ามเกินเวลา ถ้าเกินเวลามีเรื่องแน่”
“ชอบ อยากมีเรื่อง เอาเรื่องแบบว่ามันส์ ๆ หนุก ๆ นะ ชอบ”
มึงบ้าแระ พูดอย่างหนึ่งเสือกแถไปอีกอย่างหนึ่ง
“ไม่ขำ”
ทำเสียงดุใส่ และคนที่โดนดุก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะโดนทำเสียงเข้มใส่
โยธินนอนเหม่อมองไปที่คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ มองแล้วก็ยิ้ม
ยิ้มไปเรื่อยๆ และยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่นอนหลับตาอยู่ข้าง ๆ และฝ่ายนั้นก็ปัดมือของโยธินออกทันที
“ห้ามแตะ จำไม่ได้แล้วหรือไง”
จำได้สิ จำได้ กฎที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มที่เราอยู่ด้วยกันแรก ๆ ทำไมจะจำไม่ได้
พี่ห้ามแตะบัว แต่บัวแตะพี่ได้ แล้วพี่ก็ยอม ยอมอ่อนข้อให้ เพื่อไม่ให้บัวอึดอัดใจ ก็เลยทำให้ลากเวลาในการอยู่ร่วมกันได้นานกว่าที่คิด
“บัวไปสงขลาพรุ่งนี้เช้าเลยหรือเปล่า”
ใช่ ไปพรุ่งนี้เช้า
“อือ”
จำได้ด้วยเหรอ นึกว่าลืมซะอีก
“ไปแล้วตีรถกลับมาเลยใช่ป่ะ แล้วก็จะกลับมานอนที่นี่ใช่ป่ะ”
ไม่ใช่หรอก
“ตีรถกลับมาแล้ว ก็ต้องกลับไปนอนห้องตัวเองสิ หายแล้วไม่ใช่เหรอ จะมาอยู่แบบนี้เรื่อยๆ ได้ยังไง”
ทำไมจะไม่ได้ ก็อยู่มาเป็นเดือนแล้ว มาอยู่อีกก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่หรือไง
“เหรอ”
โยธินพูดแค่นั้นแล้วก็หลับตาลงนอนหลับไปเงียบ ๆ ฮัทรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ
สำหรับคนอื่น สิ่งที่โยธินทำอาจเรียกว่าการเสแสร้ง แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันทุกวัน
จะรู้ว่าอันไหนแกล้งทำ และอันไหนคือความรู้สึกจริง ๆ ถ้าเริ่มเซ้าซี้ นั่นแหละโยธินแกล้งแล้ว
แต่ถ้าหยุดเซ้าซี้และยอมรับง่าย ๆ นั่นแปลว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ และในเวลานี้โยธินก็ไม่ได้เซ้าซี้หรืองี่เง่า แต่ยอมรับง่าย ๆ แบบไม่มีข้อโต้แย้ง
“พี่โย”
เรียกให้คนที่นอนหลับตาได้ยิน และโยธินก็ขานรับ
“หือ”
จะพูดอะไรดีวะ จะพูดดีหรือไม่พูดดี ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจ
“บางทีนะ.....ผมว่าผม.....เหมือนๆ จะรู้สึกชอบพี่โยขึ้นมาแล้วล่ะว่ะ พี่โยคิดว่างั้นมั้ย”
ไม่รู้สิ แล้วบัวคิดว่าไงล่ะ
“ชอบก็ดีแล้ว แล้วก็รีบเปลี่ยนเป็นรักได้แล้ว รอนานขนาดนี้ จะเฉาตายอยู่แล้วครับ”
เหรอ ก็เฉาตายไป
“รอไม่ได้เหรอ”
รอด้ายยยยยยยยยย ทำไมจะรอไม่ได้ล่ะ ไม่ได้รีบอยู่แล้ว ยังไงก็รอได้
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ไม่รอก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
เออนั่นสิ จริงด้วยว่ะ
“งั้นจะไม่รอแล้วว่างั้น”
ใครไปพูดแบบนั้นล่ะบัว
เฮ่อออออออออ ไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว ยิ่งงอน ๆ อยู่ อย่ามาหาเรื่องชวนคุยให้หายงอนเร็วขึ้นหน่อยเลย
“พี่โย”
เรียกอีกครั้งและคนที่หลับตาก็ไม่ยอมขานรับอีกแล้ว และก็เป็นฮัทที่ขยับมาให้ตรงกับคนที่นอนหลับตา
“ตักทรายให้นิลพัทยัง”
แกล้งพูด และคนที่นอนอยู่ก็รีบพลิกกายหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะถูกแกล้งให้นอนไม่ได้
“ตักทรายให้นิลพัทยังอ่ะ”
ไม่รู้ ไม่ได้ตักมั้ง ไปดูเอาเอง
“พี่โยตักทรายยัง”
ไม่รู้ไงล่ะ แกล้งอยู่นั่นแหละ
“ถ้าให้ไปตักทรายตอนนี้จริง ๆ จะงอนจริงจังแล้วนะ”
เหรอออออออออออ
มีงอนจริงจังด้วยเหรอ แล้วนี่ไม่เรียกว่างอนจริงจังเหรอ
“นอนก็ได้วะ แม่ง.....แล้วสรุปว่าตักทรายให้นิลพัทหรือยังพี่โย”
ยังไม่เลิก และโยธินก็แกล้งทำเสียงฮึดฮัดในลำคอให้คนแกล้งได้ยิน และก็ยิ่งทำให้ฮัท หัวเราะออกมาเสียงเบาเพราะชอบใจที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายหงุดหงิดโมโหได้
“ถามอยู่นั่น ถามอยู่ได้ ถามอีกครั้ง บัวรีบลงจากเตียงแล้วไปตักทรายนิลพัทเองเลยบัว”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่งงอนว่ะ งอนจริงจังซะด้วย โยธินงอนได้ฮามาก
กูแม่งชอบตอนที่พี่โย มันงอนจริง ๆ
TBC.