รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน การเจรจาเป็นผล
เราเป็นอะไรกันล่ะ ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้หรอกว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน
รู้แค่.........เรา...อยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบอ้ำอึ้ง ไร้คำตอบ ทั้งที่มีคำถามจากคนรอบข้างมากมาย
โยธินคิดอะไรไปเรื่อย ระหว่างฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด ไม่ได้อยากจะคิดเรื่องส่วนตัวหรอกนะ
แต่เวลาที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โยธินก็อดคิดไม่ได้
“รอบแรกมึงผ่าน แต่รอบสองนี่กูว่าแม่งของจริง จงใจให้เราวิ่งงานต่างจังหวัด มึงจะสู้หรือไม่สู้บัวลอย มึงเลือกเอาได้เลยกูแล้วแต่มึง กูให้มึงเลือก”
หัวหน้าแผนกขนส่งขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเจอการพลิกลิ้นจากลูกค้าที่จงใจทดสอบความสามารถกันแบบไม่ไว้หน้า
ถ้าทำให้เห็นว่าผ่านแบบไร้ข้อสงสัย ทุกอย่างจะจบเพียงแค่นี้
รู้ว่าทางนั้นต้องการวัดศักยภาพกันแบบเห็น ๆ แล้วทางเราล่ะ จะไหวมั้ย จะสู้มั้ย ถ้าอยากได้งานนี้ก็ต้องสู้ต่อ
และคำตอบของการสู้ มันอาจไม่ได้แปลว่าจะชนะ คำถามคือมันคุ้มกับการสู้มั้ย
หัวหน้าแผนกขนส่งตอบไม่ได้ เพราะดูจากผู้ว่าจ้างแล้ว ท่าทางจะไม่จบแค่นี้ เพราะว่าผ่านด่านแรกมาได้แบบสวยงามเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งแง่มากขึ้น อย่าลืมว่าบริษัทเดิมที่เขาเคยจ้าง ก็คงไม่มีทางปล่อยให้งานหลุดมือไปได้ เขาก็หวังต่อสัญญาเหมือนกัน
ในแง่ของธุรกิจ ไม่มีใครยอมใคร มันคือเกมส์การแข่งขัน
มาก่อนหรือหลัง ไม่สำคัญ มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ว่าจ้างอยากจะเลือกใคร
ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้จ้างและผู้รับการจ้าง ว่าเห็นพ้องกับผลประโยชน์ที่ลงตัวและตรงกันหรือไม่
“คุ้มหรือเปล่าหัวหน้า ถ้าเราได้งานนี้ มันคุ้มใช่มั้ยหัวหน้า”
ฮัทขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของหัวหน้าแผนกแบบตั้งคำถาม และบุ้งก็พยักหน้ารับ
“คุ้ม ถ้าเขายุติเรื่องนี้ด้วยการเซ็นต์สัญญากับเราซะ ไม่จ้างงานเราเป็นจ็อบให้เราเสียเวลา เพราะถ้าเขาจ้างเป็นจ็อบ เราจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย และจะยิ่งเสียเวลาเรามากกว่าคุ้ม”
ฮัทพยักหน้ารับกับสิ่งที่หัวหน้าพูด
แต่โยธินกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยบอกออกไป แม้ไม่มั่นใจนัก แต่โยธินคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรพยายามให้มากยิ่งขึ้นอีก
“ผมจะปิดงานนี้ให้เอง ครั้งนี้ต้องจบ ส่งต่างจังหวัดแล้วต้องให้มันจบด้วยการล็อคให้เขาเซ็นต์สัญญาให้ได้ ถ้าไม่ได้ผมคิดว่าเขาจงใจถ่วงเวลาไม่ได้จริงใจกับเราในแง่ของการจ้างงาน และผมไม่เห็นเหตุผลที่เราต้องเสียเวลาต่อไปอีก ผมคิดว่าเป็นเพราะเขาพูดเอาไว้แล้ว เลยจำเป็นต้องแถไปให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า”
นั่นล่ะใช่เลย
ทางนั้นกำลังตั้งแง่ และหาทางเลี่ยงการเซ็นสัญญา แต่ถ้าทำให้เลิกลังเล และมุ่งตรงมาที่เราได้ ทุกอย่างก็จบ
“งั้นผมสู้ต่อพี่ เป็นไงเป็นกัน ต้องสู้ต่อให้ได้ กำหนดเมื่อไหร่ที่ผมต้องออกโซนต่างจังหวัด”
ฮัทเอ่ยถามรายละเอียดกับหัวหน้าแผนกขนส่งและบุ้งก็เปิดข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทลูกค้าส่งมาให้
“เชียงใหม่ อีกสองวัน ถ้าหลุดไปได้ แม่งจะเล่นเราอีกรอบชุดใหญ่ด้วย โคราช อุดร ขอนแก่น อยุธยา หัวหิน และหาดใหญ่จุดสุดท้าย”
ถือว่าหนักหนาสาหัสเลย
“ถ้าหลุดไปได้มึงไม่ต้องกลัว นายเตรียมซัพพอร์ทไว้แล้ว เราอาจไม่ต้องไปเอง นายจะหาเครือให้เรา วิ่งจริงแค่ในนามเท่านั้น เพื่อลดต้นทุน แต่เราต้องหลุดไปให้ได้ก่อน งานนี้นายลงมาสั่งเอง ถ้าเราไหว นายรอเปิดเส้นทางให้เราแล้ว”
ไม่ใช่แค่เรื่องภายในแผนก แต่อาจหมายรวมถึงธุรกิจตัวใหม่ที่บริษัทจำเป็นต้องขยับขยายเพราะเห็นช่องทางในการเติบโตอีกหนึ่งแนวทาง นอกจากการเป็นแหล่งกระจายสินค้า ธุรกิจขนส่งอาจต้องขยับขยายแยกตัวออกไปต่างหาก และนั่นหมายถึงการเติบโตของแผนกขนส่งที่จะเกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว
“ผมเอาพี่ ผมจะทำให้หลุดไปให้ได้”
มันคือสิ่งท้าทายที่สุด เงินทองยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ แต่นั่นอาจไม่สำคัญเท่ากับการได้สร้างชื่อในเส้นทางการทำงานสายที่ตัวเองกำลังทำ
ถ้ามุ่งมั่นที่จะทำ ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด ให้เป็นที่จดจำ
“สู้ ๆ นะครับ”
โยธินที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มมาให้ และฮัทที่หันไปมองก็ชะงักนิ่งค้าง
มองหน้าของโยธินนิ่ง ๆ และต้องรีบเบือนหน้าหนี และแกล้งทำเป็นหยิบเอกสารระบุเส้นทางการเดินรถขึ้นมาอ่าน
เพราะ.........กำลังทำหน้าไม่ถูก
มันรู้สึกแปลก ๆ
คล้าย ๆ กับหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ คล้าย ๆ กับว่ามือมันเริ่มเย็นและเหมือนกำลังจะทำตัวไม่ถูก
เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เริ่มคิดว่าพักนี้ บ่อยครั้งที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน
...........เพราะอะไรวะ...........ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้....
รู้สึกว่าไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดอะไรให้มากกว่านี้
ไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มตั้งคำถามกับความรู้สึกที่เริ่มเติบโตขึ้นภายในใจทีละเล็กทีละน้อย
“โอเค งั้นตกลงตามนี้ แสตนบายไว้เลย แล้วก็...บัวลอย..เส้นทางแรก โยธินต้องไปด้วยนะ เพราะว่าโยธินต้องรายงานแล้วก็เอาข้อมูลและปัญหาไปคุยกับทางนั้น มึง....กล้าไปด้วยกันหรือเปล่า เรื่องนี้มึงจำเป็นต้องรู้ กูไม่อยากให้มึงไปรู้อีกทีวันเดินทาง กูรู้ปัญหาเรื่องส่วนตัวของพวกมึงดี แต่ว่านี่มันเรื่องงาน...........มึง...ตัดเรื่องส่วนตัว...ออกไปก่อนไหวหรือเปล่า”
หมายถึงอะไรวะ โยธินต้องไปด้วย ไปด้วยกัน.... ก็หมายความว่า…….
มองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งเหมือนเป็นการตั้งคำถาม และบุ้งก็พยักหน้ารับในสิ่งที่ฮัทอยากจะถาม
“ค้าง.....ด้วยกันสองคน...เหรอพี่”
เออ ตามนั้นเลย
“เราไม่มีนโยบายให้มึงนอนแยกห้องกันหรอก มันคงแปลกถ้าไปด้วยกันแล้วนอนแยกห้องกัน”
เรื่องนั้น......มัน....
“ผมแยกห้องเอง ไม่ต้องห่วง แค่ไปด้วยกันเฉย ๆ เพื่อความสบายใจของบัวด้วย”
มันใช่เหรอแบบนั้น
มันใช่แน่เหรอแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้น มันก็ไม่ต่างจากแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้
แค่นอนห้องเดียวกัน มัน...........จะไปมีอะไร.......ถ้าแม่งคิดจะทำเหี้ยอะไรกับกู
กูจะฆ่าแม่งซะ จะฆ่าแม่งแล้วหมกศพทิ้งไว้ที่โรงแรมนั่นแหละ สัส
“ผมนอนได้ ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้ว”
พยายามไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป
หวั่นใจ ทำไมจะไม่หวั่น แต่การไปครั้งนี้ไปด้วยเรื่องของงาน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาคิดเล็กคิดน้อย
ไอ้เรื่องอย่างว่าหรืออะไรนั่นไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองเลยด้วยซ้ำ
ไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย ไม่เคย.......คิด......
“ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว....พี่แค่ไม่อยากให้บัวไม่สบายใจ”
ประโยคแรกพูดกับหัวหน้าแผนกขนส่ง แต่ประโยคถัดมาโยธินหันมาพูดกับคนที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่ข้าง ๆ
ทำหน้าไม่ถูกขนาดนั้นแล้วนะน้องบัว แน่ใจแล้วเร้ออออ
“ทำไมผมต้องไม่สบายใจด้วยวะ คุณโยธิน งานก็ส่วนงานผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว “หรือคุณมึง คิด”
พี่จะไปคิดอะไรล่ะ พี่ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว.... คนที่คิดนั่นมันอาจเป็นน้องบัวไม่ใช่เหรอ
สิ่งที่โยธินพยายามทำให้ได้มากที่สุดในเวลานี้คือการพยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
ทั้งที่ความจริงแล้ว โคตรอยากจะยิ้ม และอยากจะจ้องหน้าของคนเก่งที่อยู่ข้าง ๆ และอยากจะดึงมากอดซะให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้เลย ติดอยู่ก็แค่ว่าหัวหน้าแผนกขนส่งยืนอยู่ด้วย ถ้าทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไปมันจะไม่ดี
เอาน่า โอกาสยังมีอีกเยอะ
เดี๋ยวโอกาสก็มาถึงเองล่ะ อยากจะทำอะไรก็คงได้ทำกันล่ะคราวนี้
“คุณกล้าณรงค์จะให้ผมคิดอะไรล่ะครับ ผมว่าผมโปรพอ”
ตอบออกไปแบบนั้น และฮัทที่ทำหน้านิ่งเฉย ก็เกิดอาการหน้าตึงขึ้นมาทันที
อึ้งกับคำตอบ และนึกอยากชกหน้าคนตอบ เพราะตอบได้กวนตีนมาก
เออดี มึงไม่คิดแบบนี้แหละดี จะได้จบไป ถ้ามึงบอกว่ามึงโปรพอ กูก็โปรพอเหมือนกัน
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ ผมต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอกวันนี้ นัดไว้สี่ราย คงจะได้วิ่งรอกกันให้วุ่น”
เหรอ ก็ไปสิ ทำไมต้องบอกด้วย
“ที่บอกเอาไว้ว่าจะเข้ามากินข้าวเที่ยงกับบัว พี่คงมาไม่ได้นะครับ บัวกินข้าวไปก่อนได้เลย ปลาราดพริกพี่แยกน้ำจิ้มสำหรับราดปลาเอาไว้แล้ว กินตอนเที่ยงรสชาติก็ยังได้อยู่
แล้วชาดอกมะลิรอบนี้หอมมาก จิบบ่อย ๆ ตอนที่บัวไปขึ้นรถจะช่วยเพิ่มความสดชื่นเวลาต้องขับรถนาน ๆ”
บอกออกไปยืดยาว บอกออกไปต่อหน้าหัวหน้าแผนกขนส่งให้ได้รับรู้ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เริ่มขยับขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อย และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ทำหน้าเฉย ทั้งที่หูกำลังฟังสิ่งที่โยธินพูด
เข้าท่านี่ รายงานกูทุกช็อตแบบนี้ก็โอเค กูจะได้เอาไว้บลัฟไอ้วิเชียร คงได้มีรายการอกแตกตายห่าเพราะความอยากเสือกแต่เสือกได้ไม่ทะลุทุกรูขุมขนของเป้าหมายกันแน่ล่ะมึง งานนี้
“.............”
รับรู้ แต่ไม่ตอบ และแม้ไม่ได้ตอบ ก็แสดงปฏิกิริยาบางอย่างให้โยธินได้รับรู้แบบกลาย ๆ ว่ากำลังไม่พอใจ
“ผมไปแล้วนะหัวหน้าบุ้ง ผมให้พี่โรจน์ดูของให้ เดี๋ยวผมขึ้นรถแล้วก็ออกรถเลยแล้วกัน เดี๋ยวมันจะเลท”
บอกเพียงแค่นั้น แล้วฮัทก็เดินหนีเข้าโซนในไปแล้วโดยไม่มีการหันกลับมามองอีกเลย
และโยธินที่พยายามบังคับหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้ม ในเวลานี้ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมใบหน้าของตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว
“เดินเกมส์รุกเต็มรูปแบบหรือไง ใจเย็นหน่อยเฮ้ย มึงคิดว่าบัวลอยมันตั้งตัวทันหรือไง อย่าทำให้มันประสาทแดกให้มากนัก สงสารมันหน่อย แค่นั้นมันก็ทำหน้าไม่ถูกแย่แล้ว”
หัวหน้าบุ้งก็พูดไป
ผมจะไปกล้าทำอะไรเด็กแผนกขนส่งได้ล่ะ แค่กระตุ้นให้รู้สึกบ้าง ว่ามีคนทางนี้อยู่อีกคนที่ควรจะนึกถึงกันบ้างแค่นั้น
ก็แค่ทำให้น้องบัวมันมีเรื่องของผมเข้าไปในหัวทีละเล็กทีละน้อยแค่นั้น
เพื่อความสัมพันธ์ในระยะยาว
ผมไม่ได้อยากคบแบบฉาบฉวย แต่คนนี้ผมจริงจัง ไม่งั้นผมไม่ทั้งพยายาม และใช้ความอดทนมากขนาดนี้หรอก
“ผมชอบไปแล้ว และผมก็อยากให้น้องบัวตอบกลับความรู้สึกของผมด้วยการชอบผมกลับคืนด้วย”
ไม่ได้ปิดบัง และก็ตอบไปแบบตรง ๆ
โยธินพูดแค่นั้นและเดินออกจากแผนกขนส่งไปแล้ว และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยิ้มออกมา
..............ท่าทางคงจะต้องเสียดุลให้กับแผนกขายแล้วล่ะวะ หลังจากที่เกินดุลมานาน ต้องยอมรับว่าแผนกขายนี่ เขาก็มีตัวเก๋า ตัวดี ๆ ของเขาอยู่เหมือนกัน....มึงอย่าให้เสียชื่อแผนกขนส่งเชียวนะบัวลอย....ถ้ายังไงก็....เอาให้คนแผนกขายหลงมึงจนหัวปักหัวปำจนไปไหนไม่รอดเลยก็ท่าจะดี กูจะคอยดูอยู่แบบนี้แหละ.....มึงสองคนนี้ แม่ง... ลุ้นเพลินดีจริง ๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++