รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ & ยูกิ .....ตอน ตกลงยังไง
“ปวดไหล่”
กำปั้นที่ทุบเบา ๆ ที่ไหล่ ทำให้คนที่ทอดปลาท่องโก๋จนแป้งหมดต้องหันไปมอง
ยูกินั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อพักขา น้ำเต้าหู้ขายหมดเกลี้ยงไปแล้ว และเหลือปลาท่องโก๋ชุดสุดท้ายที่เพิ่งจะตักขึ้นมาพักเพื่อสะเด็ดน้ำมัน รอขายต่ออีกซักพัก ขายหมดก็คงกลับบ้านกันแล้ว
“เดี๋ยวพี่ดูให้ ปวดตรงไหนวะกิ”
ตรงไหนเหรอ ก็ตรงไหล่นี่แหละ มันเมื่อยมาพักใหญ่แล้วจนต้องยกกำปั้นทุบ ๆ ลงไปเพื่อจะได้คลายความปวดเมื่อยลงบ้าง
“ตรงนี้เหรอ”
ใช่เลยพี่บาส ตรงนั้นแหละ รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่มีคนนวดให้
คนที่กำลังนวดให้อยู่ดี ๆ สะดุ้ง เมื่อคนที่ควรนั่งอยู่เฉย ๆ เอนหัวไปข้างหลังและมองหน้าของ
สุรชาติด้วยความขอบคุณที่ช่วยนวดให้
“พี่บาส.......เป็นไร ทำหน้าเอ๋อทำไมพี่”
ใครไปทำหน้าเอ๋อตอนไหนวะ หน้ากูเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาทักว่าหน้าเอ๋อ มันไม่ใช่
“ตรงนั้นเลยพี่บาส นวดอีก สบาย ๆ เลย นวด ๆ”
แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมายืนนวดไหล่ให้ไอ้ลูกจ้างนายกวักคนนี้ด้วยวะ
คิดแล้วก็งง งงกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ยังตั้งใจทำต่อไป
“ผมดูโปรแกรมหนังมาแล้วนะ ตกลงวันอาทิตย์นี้ ผมจะต้องไปดูเรื่องนี้ให้ได้”
เรื่องนี้มันเรื่องไหนกันล่ะ ไม่เห็นจะรู้เลยว่าเรื่องไหน
“ก็เห็นไปเลือกก่อนหนังฉายทุกที เพิ่งจะคิดได้เหรอว่าควรจะเลือกหนังที่อยากดูไปตั้งแต่ที่บ้าน”
เปล่าหรอก ไม่ใช่เพิ่งจะคิดได้ คิดได้นานแล้ว แต่ไม่อยากทำมีอะไรป่ะพี่
“ทำไมวะ ไปเลือกตอนหนังจะฉายมันก็ตื่นเต้นดีออก เลือกเรื่องไหนผมก็เห็นพี่สนุกทุกเรื่องแหละ ใช่มั้ย”
พูดบ้าอะไรวะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง
“เพี้ยนนะมึง”
เพี้ยนอะไร ก็มันเรื่องจริง
“พี่คะ เอาปลาท่องโก๋สิบตัว”
ลูกค้ามาแล้ว และคนขายก็เตรียมจะลุกขึ้นไปขายของ แต่ก็ถูกกดไหล่เอาไว้ และคนที่นวดไหล่ให้ก็เป็นคนไปหยิบปลาท่องโก๋ใส่กระดาษรองและใส่ถุงส่งให้ลูกค้า
“สิบบาทครับ”
รับธนบัตรใบละยี่สิบมาแล้วและส่งให้กับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และหยิบเหรียญสิบบาททอนให้ลูกค้า ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“น้องชายเหรอคะ ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
น้องเหรอ ก็..........หันไปมองคนที่ยังทำหน้ามุ่ยและยกกำปั้นขึ้นทุบที่ไหล่ของตัวเองไม่หยุดแล้วสุรชาติก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับลูกค้า
“ครับ....น้องที่ทำงาน มาช่วย”
ลูกค้าหญิงคนนั้นไม่ตอบอะไรแต่ยังคงส่งยิ้มให้น้อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป
น้องชายเหรอ
....................
ของแบบนั้นไม่เห็นจะอยากได้เลย...........ไม่คิดว่าจะอยากได้หรอกนะ
แต่พอโดนทักแบบนี้แล้วมันก็ทำให้คิดขึ้นมา กิมันเป็นน้อง ก็เหมือนน้อง ๆ ที่โรงงาน
ในสายตาทุกคนที่มองเห็น ความสัมพันธ์ของเรามันดูเหมือนเป็นแบบนั้น
“กิ....เดี๋ยวไปหาข้าวกินเลยนะ กิจะกินอะไร ไปซื้อมากินหรือจะไปนั่งกินที่ร้านก็ได้ เดี๋ยวพี่รอ”
ไม่เอา วันนี้ไม่ค่อยหิว
“กินขนมจีนไปตอนที่มาถึงนั่นแล้วไง ที่กินพร้อมพี่บาสอ่ะ แล้วก็กินน้ำส้มไปแล้วหนึ่งขวดด้วย ยังอิ่มอยู่”
เหรอ ก็เผื่อกิจะอยากกินอะไรอย่างอื่นอีก
“แล้วพรุ่งนี้จะมาขายไหวมั้ย ปวดขนาดนี้”
ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไหวก็มา ถ้าไม่ไหวก็คงไม่มา
“ไม่รู้พี่ เดี๋ยวดูก่อน ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมโทรบอก”
เหรอ
จะโทรบอกสินะ ถ้ามาก็ดี แต่ถ้าไม่มา...........ก็..............
สุรชาติเดินกลับมายืนที่เดิม และเริ่มกดปลายนิ้วลงไปเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่ยังใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ที่ไหล่ไม่เลิก นวดคลึงให้เพื่อคลายความเมื่อยล้า ไล่เรื่อยมาจนถึงแผ่นหลังบางและเอว
“แบบนี้ดีขึ้นมั้ยกิ”
แบบนี้เหรอ ก็ดีขึ้นนะพี่ รู้สึกผ่อนคลายลงเยอะเลย สบายมากด้วย
“วันนี้ไปค้างบ้านพี่มั้ย เดี๋ยวพี่นวดให้ดีกว่าว่ะ สภาพแบบนี้กลับบ้านไปก็ไปนอนปวดซะเปล่า ๆ ที่บ้านมียานวดอยู่ เอามั้ย”
ก็เพราะว่าเป็นห่วง เพราะเป็นห่วงถึงได้ชวน สังเกตมาสองสามวันแล้ว กิ ใช้กำปั้นทุบไหล่ตัวเองหลายครั้ง ทั้งที่หน้าก็ยังคงยิ้ม และยังคงพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างสนุกสนาน
แต่.........สภาพร่างกายของคนเรา ถ้าใช้ไปนาน ๆ โดยไม่ถนอม บางทีมันก็กลายเป็นแบบนี้
“นวดให้จริงเหรอ งั้นก็ดีเหมือนกันพี่ ผมว่าไม่ไหวแล้ว ปวดตั้งแต่ต้นคอลงมาจนถึงสะโพกเลย ช่วงนี้ยืนนานแล้วก็นั่งนาน แผนกผมเขาให้ผมเคลียร์บิลซื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นวัน ๆ ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย”
ทำเอกสารก็เป็นแบบนี้แหละ คนทำเอกสารไม่ได้ก็จะเป็นแบบนี้ทุกคน
มาช่วยขายของได้ขยับบ้าง แต่ก็ยืนนาน ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็พากันรวนไปหมด
“เดี๋ยวผมโทรบอกที่บ้านก่อน พรุ่งนี้วันเสาร์ ก็ดีหน่อย พี่มีเสื้อผ้าให้ผมเปลี่ยนมั้ย”
เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก็มีอยู่หรอก ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“เยอะแยะ ไปเลือกเอาเหอะในตู้”
งั้นก็ได้
“ผมไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นนะ เผื่อหิวกลางคืน พี่เอามั้ย”
เกาเหลาเหรอ
“เอามาด้วยก็ได้ จะได้มากินเป็นเพื่อนกันเผื่อกิหิวตอนกลางคืน”
พูดยังไงวะ เผื่อกูหิวตอนกลางคืน แล้วจะหิวตามกูหรือไง พี่บาสพูดจาอะไรแปลก ๆ
“ซื้อขนมปังปิ้งด้วยได้มั้ย”
ได้
สุรชาติหยิบธนบัตรใบร้อยสองใบส่งให้ และคนที่บ่นว่าจะไปซื้อของกินเผื่อหิวก็ยิ้มออกมาจนตาหยี
“อยู่กับพี่บาสนี่สบายเนอะ นึกอยากจะซื้ออะไรกินก็ได้ มีตังค์ให้ซื้อกินได้ตลอด”
เหรอ
“แล้วอยากจะให้ซื้อให้กินตลอดไปมั้ยล่ะ”
ยังไงวะ พูดแล้วอมยิ้มแปลก ๆ แบบนั้นมันยังไงกันล่ะพี่
“จ้างผมเพิ่มเป็น 350 สิ”
ตอบได้กวนมาก และกลายเป็นสุรชาติที่ดึงมือของคนพูดจาไม่รู้เรื่องมาแบออก และตีมือลงไปเบา ๆ
“มะเหงกแน่ะ น้อย ๆ หน่อยเหอะมึง ไอ้กิ”
โห่ ไรว๊า งกอีกแล้ว
“ค่าแรงก็ไม่ขึ้น แล้วยังจะให้อยู่ด้วยกันอยู่ได้ เดี๋ยวก็ชิ่งไปเปิดร้านเองซะเลยนี่”
ได้ยินเสียงบ่นและคนบ่นก็เดินไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นอย่างที่บอกไว้เรียบร้อยแล้ว
.................ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง.................
ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับใครบางคนเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้แค่ว่า เวลากิ อยู่ใกล้ ๆ แค่ได้เห็นหน้ากัน ได้พูดคุยกัน ได้หยอกล้อกัน หรือแม้ต่างคนจะต่างสนใจหน้าที่ของตัวเองแต่พอรู้ว่าหลังเลิกงานแล้ว จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน กลับทำให้รู้สึกมีความสุขมาก
แม้ว่าอยู่ที่โรงงานเราจะต่างคนต่างอยู่ และแค่ทักทายกันผ่าน ๆ เท่านั้น แต่ช่วงเวลานี้กลับเป็นของเรา
เป็นของ.............เรา................
...........ไม่รู้ว่ะพี่ ไม่ได้ตั้งใจชอบหรอก แต่พอชอบเข้าไปเท่านั้นแหละ แม่งชอบเลยยยยยยยย...........
สิ่งที่อำนาจเคยพูดเอาไว้ ยังดังก้องไปก้องมาในหู
เคยคิดว่าสิ่งที่รุ่นน้องพูดมันไร้เหตุผล และบ้าบอสิ้นดี แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคำนั้นมันคงใช้อธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ดี
................ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ.........พี่ก็ไม่ได้ตั้งใจชอบกิหรอกนะ..........แต่พอชอบกิเท่านั้นแหละ.......แม่งชอบเลยยยย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++