กับดักจับ (ใจ)เสือ [ เสือVSสิงห์ : ตอน 8 P.5 update 22/05/14 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กับดักจับ (ใจ)เสือ [ เสือVSสิงห์ : ตอน 8 P.5 update 22/05/14 ]  (อ่าน 32223 ครั้ง)

Pu

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


สารบัญ

Image

วิวัฒนาการของพี่เสือ

000 บทนำ       :   เพลิง(พรหม)ลิขิต
001 ตอน   1    :   ความบังเอิญ
002 ตอน   2    :   ความจงใจ
003 ตอน   3    :   งานใหม่
004 ตอน   4    :   งานใหม่ 2
005 ตอน   5    :   แรงดึงดูด
006 ตอน   6    :   สิ่งที่มันกำลังเกิด
007 ตอน   7    :   แรงดึงดูด 2
008 ตอน   8    :   ชะอำ 1




****************************************************************

เรื่องย่อ


  เมื่อ สิงห์ คิดอยากจับ เสือ มาเลี้ยง..โดยใช้งานเป็นสะพานเชื่อมใจ ..
      แผนจับเสือมือเปล่าจึงถือกำเนิดขึ้น ...ด้วยเล่ห์แพรวพราว มากมาย
      แต่เกมนี้กลับมีอุปสรรคสำคัญคือ พ่อของสิงห์ ไม้เบื่อไม้เมา คู่ปรับตลอดกาลของสิงห์
      เกมชิงไหวชิงพริบ ระหว่างสองพ่อลูกจึงเริ่มต้นขึ้น
      
      “ ไอ้ปีศาจ”  เสียงของพ่อดังขึ้นอย่างเจ็บใจที่พลาดท่าเสียทีให้กับลูกชาย แผนที่สร้างขึ้นเพื่อบีบ
ให้สิงห์หมดหนทาง กลับเป็นกับดักย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง ..

      “ ถ้าหนูเป็นปีศาจ ..คุณป๊าก็พ่อปีศาจล่ะว้า ..” ยิ้มร้ายแย้มยก ไม่ใส่ใจ เหยียดเยาะส่งให้พ่อไปหนึ่งที
 ..ก่อนจะเดินไปควงแขนเจ้าซื่อผู้คว้าหัวใจของตน เดินออกจากห้องไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะของปู่และอา
ที่ชอบอกชอบใจ ที่ นรเทพ กุนซือของเทวะสิงหบดีสิ้นท่าให้กับคนเป็นลูกอย่างหมดรูป

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2014 22:28:02 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #1 เมื่อ25-04-2014 23:52:51 »

บทนำ
เพลิง(พรหม)ลิขิต


ท้องน้ำเจ้าพระยากว้างใหญ่ สะท้อนแสงไฟจากสะพานพระราม 8 ที่สวยงามน่าพิศมอง
ดุจมีมนต์ขลังเรียกให้คนแวะผ่านไปผ่านมา บ้างก็แวะถ่ายรูปเก็บภาพสะพานและท้องน้ำยามราตรี
เก็บบรรยากาศรอบข้าง ..

   ยิ่งเฉพาะวันสิ้นปี ..

   วันแห่งการฉลอง การเปลี่ยนผ่านจากปีเก่าสู่ปีใหม่ การเริ่มต้นที่กำลังรอคอยใครหลายคน ..
   วันนี้จึงมีคนมาเดินชมวิวสะพานพระราม 8 มากมาย ..บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ เดินจับมือ
พูดคุยเกาะกลุ่ม ต่างเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ สนุกสนาน มันคือบรรยากาศของความสุขอย่างแท้จริง

   แต่สำหรับสิงห์ ...มันไม่ใช่เลย

   ร่างสมส่วนยืนมองแผ่นน้ำเบื้องหน้าหน้า ..มือทั้งสองค้ำตรงราวกั้น..มองไปอย่างไร้จุดหมาย ..
    สายลมเย็น พัดผ่าน แตะผิวขาวละเอียดราวผิวเด็ก สะกดให้ใครต่อใครมองภาพนั้นอย่างตะลึงงัน
   ดวงหน้าขาว จมูกโด่งเป็นสัน ปากแดงอิ่มปิดสนิท ..ปล่อยให้สายลมพัดผ่าน ผมดำยาวปะบ่ามันรวบไว้ด้านหลัง
เหลือปอยผมด้านหน้าพัดไหวไปตามแรงลม

   นิ่งจนคล้ายกับรูปสลัก แม้มีความงามเป็นหนึ่ง แต่กลับไร้หัวใจ
   
   ความจริง ณ ตอนนี้เขาควรนอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆ ของโรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองนิวยอร์ก
พักผ่อนช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ด้วยความเป็นนักเรียนอังกฤษโดยแท้
มีช่วงหยุดยาวติดต่อกันเมื่อไหร่

   สิงห์ต้องรีบปลีกตัวออกจากประเทศอังกฤษโดยทันที เพราะตั้งแต่อายุ 13 จวบจนถึงปัจจุบันที่เขาอายุ 20 ปีบริบูรณ์
อังกฤษก็ไม่ต่างจากบ้านตัวเอง .. เขาใช้ชีวิตที่อังกฤษมากกว่าบ้านเกิดอย่างเมืองไทยเสียอีก

   ‘ปีใหม่นี้เราไป countdown กันที่ Time Square นะ เราชวนพวก นารัท วาลิน อารดาไปด้วย พวกนั้นตอบตกลง
เรียบร้อยแล้ว ’ เสียงสดใสของพุฒิชัยยังคงชัดเจนอยู่ในหัว ทั้งยังยกชื่อเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆขึ้นมาเสริม สิงห์จึงตัดสินใจ
ได้ไม่ยาก ยอมตกลงไปนิวยอร์กกับคนชวน

   ด้วยความเป็นคนต่างถิ่น ..คนไทยที่มาเรียนหรืออาศัยในเมืองเดียวกัน ย่อมรู้จักมักคุ้นเป็นธรรมดาโดยเฉพาะ
สมาคมนักเรียนไทย ที่ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่มากขึ้น 

   สิงห์เป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม และร่าเริงเลยเป็นที่รู้จักของใครต่อใคร

   สิงห์เป็นหนุ่มหล่อ ผิวขาวจัด สูง 175 เซ็น ..ดวงหน้าขาวละเอียด ปลั่งเปล่งเป็นสีชมพูยามต้องแดด โดยเฉพาะเวลายิ้ม
..โลกทั้งใบก็คล้ายจะยอมสยบยอบใต้ฝ่าเท้า


    กลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆเลยคลั่งไคล้สิงห์เป็นอย่างมาก แต่สิงห์ก็ดันมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว...
   เพื่อนที่ถือว่าสนิทที่สุดของสิงห์คือ พุฒิชัยและอารดา

   รายแรกเป็นเพื่อนกับเขามาหลายปี หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเก่าแก่ได้สำเร็จพุฒิชัยก็มาสารภาพรักและ
ขอโอกาสคบหาเป็นแฟน    ซึ่งสิงห์ก็ยอมตกลงง่ายๆ เพราะรู้สึกดีกับพุฒิชัยเช่นกัน

   ความรักของทั้งสอง เป็นไปอย่างเรียบง่ายโดยมีอารดาเพื่อนรักคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ...

   นอกจากทั้งสองเพื่อนแล้ว สิงห์ยังมีเพื่อนในกลุ่มที่ค่อนข้างสนิทกัน แม้จะไม่เท่ากับพุฒิชัยและอารดา
แต่ก็ถือว่ารักใคร่กลมเกลียวกันดี ประกอบด้วย
   นารัท วาลิน บุษบารัตน์ และ เอ็มม่า
   
   ด้วยวงสังคมที่ค่อนข้างแคบ ..ข่าวคราวต่างๆของคนไทยในเมืองก็ส่งถึงกันง่ายดาย โดยเฉพาะเมืองที่เขาอยู่
เป็นเมืองแห่งการศึกษาโดยแท้จริง แม้จะมีนักเรียน นักศึกษากว่าพันคน
แต่สมาคมนักเรียนไทยค่อนข้างกลมเกลียวเหนียวแน่น ถึงจะมีพวกแตกแถวไม่เอาใครอยู่บ้าง  แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อย

   ‘ เมื่อเช้ามืดตอนลงมาทิ้งขยะ ฉันเห็นนายพุฒิเดินออกมาจากห้องยายดา’ นั่นคือสารแรกที่ลอยมากระทบหู
หากสิงห์ไม่ได้เชื่อข่าวนั้น ..แต่ไม่นานก็มีสารที่สอง สาม สี่ และ ห้า ต่อมาเรื่อยๆ จนหนาหูขึ้น

   จนสุดท้าย นารัท และวาลิน ..ก็เดินเข้ามาบอกว่า

   ‘ ไอ้ดาท้อง ..’ โลกทั้งใบของสิงห์เหมือนจะถล่มลงมา ..นารัทรู้และค่อนข้างระวังคำพูดของตนเองอย่างมาก
 เพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเพื่อน หากก็ต้องพูดเพื่อให้สิงห์ตาสว่าง

   ‘ กับพุฒิเหรอ ’ สิงห์แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไป

   ‘ ไปพิสูจน์กันไหม ’ วาลินและนารัทไม่กล้าพยักหน้ารับ ได้แต่ออกปากให้เจ้าตัวไปพิสูจน์ความจริง
สิ่งที่ทั้งสองทำได้คือการอยู่ข้างๆเพื่อนก็เท่านั้น หาก บุษบารัตน์และเอ็มม่า ไม่ติดงานที่ต้องรีบสะสาง
ก่อนวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาส คงได้ยกขบวนมาครบองค์ประชุมแน่นอน 

   หอพักรวมที่แสนทันสมัยและโอ่อ่าข้างหน้าคือที่อยู่ของเพื่อนรักคนหนึ่ง  ..เมื่อตอนกลางปีที่ผ่านมาอารดาย้ายมาอยู่ที่นี่
สิงห์เองยังนึกแปลกใจที่เธอย้ายมาอยู่หอนอกมหาวิทยาลัยที่ทั้งไกล และแพงกว่าหอเดิมนัก
แต่วันนี้เหมือนเขาจะได้คำตอบอยู่กลายๆ ถึงเหตุผลของการย้ายมาที่นี่

   ‘ ความสะดวก และ ห่างไกลสายตา’ คงเป็นคำนิยามที่ไม่เกินจากความจริงนัก

   ยิ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเพื่อนรักก็ยิ่งมั่นใจ
เมื่อเสียงทะเลาะ ทุ่มเถียงกัน มันดังมากจนคนที่ยืนอยู่นอกห้องยังได้ยิน

   ก๊อก ๆๆ  สิงห์เคาะประตูเบาๆ หากก็ทำให้เสียงด้านในยุติลง ..

   ‘ ลิน มีธุระอะไรเหรอ...สิงห์’ คนเดินมาเปิดคงส่องตาแมวก่อน เลยทักทาย วาลินที่จงใจยืนอยู่ตรงกับวิสัยของช่องส่องตาแมว

     ..หากเมื่อเปิดประตูออกก็ทำให้เห็นว่านอกจากวาลินแล้ว ก็ยังมี สิงห์และนารัท ยืนอยู่ด้วย ตัวของอารดาแทบทรุดลงกับพื้น ร่างค่อยๆสั่นอย่างเกรงกลัวความผิด

   ‘ สิงห์ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ’ ชื่อที่อารดาเรียก ทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านในห้องตกใจ รีบแสดงตัวออกมา..เพราะหลบไปก็เท่านั้น 

   ‘ ดาท้องกับพุฒิจริงใช่ไหม ’ ร่างสมส่วน ยืดตรง ดวงตากลมที่เคยฉายแววซุกซน สดใส กลายเป็นนิ่งราบ จำใจถามออกไปราวกับว่าตนไม่เป็นอะไรและพร้อมจะรับมือกับทุกสถานการณ์

   ‘ ใครมาพูดอะไรให้สิงห์ฟัง สิงห์อย่าไปเชื่อเขานะ’ ร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม หน้าตาคมคายฉบับหนุ่มไทยแท้ บัดนี้ซีดเผือด ปากก็รีบแก้ตัวพัลวัน ติดๆขัดๆอย่างเป็นพิรุธ

   ‘ ดาท้องกับพุฒิหรือเปล่า’ เมื่อไม่ได้คำตอบจากฝ่ายชาย เลยหันไปถามฝ่ายหญิงที่ยืนตัวสั่นแทน

   ‘ ดา  ดา ...ดาขอโทษสิงห์ ดา’ ดวงตาคู่สวยสั่นระริก น้ำตาไหลพราก
อารดาเอ่ยคำขอโทษทั้งน้ำตา รู้สึกผิดและเสียใจกับการกระทำของตนเอง
เพียงเท่านี้ก็ยืนยันข่าวทั้งหมดที่ลอยลมมาเกือบ 2 สัปดาห์เต็ม

   ‘ ทำไมดาพูดแบบนี้ ดาท้องกับใคร ..แล้วมาโบ้ยให้เรา ’ เหมือนว่าคู่กรณีอีกคนจะไม่ยอมจำนนง่ายๆ
 พร้อมทั้งป้ายความผิดให้เป็นของฝ่ายหญิงเพียงลำพัง ท่าโกรธเกรี้ยวขึงขังช่างน่ารังเกียจเกินกว่าที่สิงห์จะยอมรับได้

   ‘ พูดแบบนี้ได้ยังไงพุฒิ ..’ อารยาฟูมฟายหันไปต่อว่าอย่างโมโห พลางเข้าไปตึงทิ้งร่างของอีกฝ่าย
พุฒิชัยรำคาญผลักร่างของอารดาจนล้มลงกับพื้น .. นารัทเข้าไปพยุงหญิงสาวเข้าไปนั่งพักในห้อง ..
แล้วเดินกลับมาด้านนอก

   ‘ สิงห์ต้องเชื่อพุฒินะ’

   ‘ เลิกพูดสักทีได้ไหม ’ สิงห์ตวาดใส่

   ‘ พุฒิไม่ได้ทำดาท้องจริงๆ สิงห์ต้องเชื่อนะ’ คำปฏิเสธเต็มปากเต็มคำ มาพร้อมกับมือหนาที่จะพยายามมารั้งไม่ให้สิงห์จากไป

   ‘ พุฒิ ..แกมันเลวกว่าที่ฉันคิด’ หน้าของพุฒิชัยสะบัดหันไปตามแรงตบจากมือวาลิน ที่ยืนฟังและรับรู้เรื่องราวมาตลอดตั้งแต่เริ่ม สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับคำพูดเห็นแก่ตัวที่ร้ายกาจที่สุด

   ‘ เราจบกันแค่นี้นะ ถือว่าไม่เคยรู้จักกัน เจอหน้าก็ไม่ทัก ..’ สิงห์พูดเพียงเท่านั้น ก็หมุนตัวเดินออกจากหน้าห้องไปทันที พุฒิชัยพยายามจะวิ่งมารั้งไม่ให้ไป แต่วาลินและนารัทก็ช่วยกันกัน จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ถอดใจไป

   แค่เพียงเดินพ้นจากตัวอาคาร ร่างของสิงห์ก็แทบทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
หัวใจเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ .มันคงไม่เจ็บปวดเจียนตายแบบนี้
ถ้าหัวใจไม่ได้ถูกฉีกด้วยมือของคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด ทั้งพุฒิชัยและอารดาต่างช่วยกันทำลายดวงใจ
ของเขาได้เจ็บแสบ อย่างที่คนรักกันไม่น่าจะทำกันได้ลงคอ ...

         นารัทและวาลิน เข้ามาประคองคนที่ทรุดลง พาไปนั่งพักในรถยนต์ที่จอดไว้ไม่ไกล ...
   โปรแกรมทัวร์นิวยอร์กเป็นอันยุติลงทันที..พร้อมๆกับใจของสิงห์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
สิงห์จองตั๋วเครื่องบินบินกลับมาเมืองไทยหลังเกิดเรื่องได้ 3 วัน     เขาบอกเพื่อนรักของเขาว่าไม่ต้องห่วง
เขาขอกลับไทยเพื่อพักผ่อนหัวใจ และเมื่อกลับอังกฤษเขาจะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคนดังเคย ..
   ช่วงหยุดยาวคริสต์มาส-ปีใหม่ มีวันหยุดติดต่อกัน 15 วันเต็มๆ

   สิงห์ตะลอนใช้วันหยุดไปตามสถานที่ต่างๆของเมืองไทย เริ่มตั้งแต่ภูเก็ต สมุย พังงา พัทยาและมาจบที่สุดท้ายที่กรุงเทพ
หลังปีใหม่เขาก็คงต้องกลับไปเรียนเพราะหมดช่วงหยุดยาว

ระหว่างนี้..สิงห์ใช้ชีวิตโดยไม่มีกรอบของสิ่งใดมากีดกั้น พยายามวางใจให้นิ่ง พยายามตัดทุกอย่างออกไป
แต่ทันทีที่อยู่ลำพังใจของเขาก็มีแต่ภาพของพุฒิชัยและอารดา
   ภาพของสองคนที่ร่วมมือกันทำร้ายเขาได้เจ็บแสบเกินบรรยาย ..
   เขาพยายามโบยบินท่องไปทั่วถิ่นเพื่อลืม แต่มันกลับฝังแน่นในความทรงจำ คอยกรีดดวงใจดวงนั้นซ้ำๆ
..ราวกับไม่มีวันจะเลือนหาย

   “ สนุกกันให้เต็มที่กันครับ ทุกคน” เสียงประกาศผ่านไมโครโฟนดังขึ้น บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป
 แสงไฟสลัว เหลือเพียงแสงที่ส่องสว่างตรงหน้าเวทีซึ่งกำลังมีวงดนตรีเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน
   หลังเดินเตร็ดเตร่ทอดอารมณ์ริมสะพานมานานเกือบสองชั่วโมง ก็ตัดสินใจเรียกมอเตอร์ไซค์ ให้มาส่งที่หน้าผับใหญ่
ไม่ไกลจากสะพานพระราม 8

    ที่นี่ก็เหมือนกับผับอื่นๆทั่วกรุงเทพมหานคร ที่เตรียมพร้อมสำหรับการจัดงาน countdown ก้าวสู่ปีใหม่
ทั่วร้านประดับตกแต่งด้วยข้าวของมากมาย ทั้งกล่องของขวัญขนาดใหญ่ที่วางอยู่ด้านขวาของเวที
ฝ้าเพดานประดับด้วยสายรุ้งและลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยอัดแน่นอยู่มากมายด้านบน

   ดังพรมหลากสี งดงาม ..แต่ก็แฝงอันตราย !!

   “ เพลงต่อไปขอมอบให้คนโสด ..ปีใหม่นี้ขอให้ได้ขอให้โดนกันถ้วนหน้านะครับ ใครโสดขอให้มีคู่
 ใครมีคู่ขอให้มีกิ๊ก แต่ถ้าแฟนจับได้ผ้มมมไม่เกี่ยวนะ คร้าบบบ” ช่วงก่อนเข้าเพลงใหม่นักร้องมาดเซอร์ผู้ยึดไมค์
อยู่กลางเวทีพูดขึ้น พร้อมเสียงดนตรีจังหวะสุดมัน

   แขกเหรื่อที่มีมากกว่า 3 ร้อยคน ต่างลุกขึ้นเต้น วาดลีลาของใครของมัน หากสิงห์ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
 มองดูบรรยากาศรอบตัวด้วยความเฉยเมย ไม่ซึมซับรับรู้ความสนุก ความสุขสักนิดเดียว แม้จะมีใครเข้ามาขอชนแก้วด้วย ..
   แต่สิงห์ก็บอกปัดไปว่า

   ‘ รอแฟนอยู่ครับ’ พวกหนุ่มๆ สาวๆที่เข้ามา เลยยอมผละมือไปโดยง่าย ไม่ตื้อต่อ
   บรรยากาศเริ่มสนุกสนานมากขึ้น อีกเพียงครึ่งชั่วโมง..ก็ถึงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
   “ กลิ่นอะไร” คนที่นั่งกินเหล้าลำพัง เปรยขึ้น เหมือนได้กลิ่นไหม้บางอย่าง

 ..


 :mew2: ต่อด้านล่างไม่พอค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 00:21:51 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #2 เมื่อ26-04-2014 00:27:30 »

ต่อ

..และไม่ทันทีที่เขาจะได้กวาดตาสำรวจมอง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
ระรัวลั่นปานสายฟ้าฟาด ราวอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม

ต้นเหตุมาจากลูกโป่งอัดอากาศที่ลอยอยู่ด้านบนจนแน่นขนัด ..สะเก็ดไฟจากที่ใดที่หนึ่งแล่นระริ้วไปตามสายรุ้ง
ที่แขวนระโยงระยางไปทั่ว แล้วเกิดลุกโหมทำให้ลูกโป่งระเบิด แผดเสียงร้องกึกก้องกัมปนาถ

   เกิดเหตุโกลาหล ผู้คนต่างวิ่งหนีออกจากผับอย่างขวัญเสีย แม้จะมีทางออกทั้งด้านหน้าร้านและด้านหลังร้าน
แต่เพราะแขกไม่รู้เลยวิ่งกรูกันไปทางที่เข้ามา ต่างคนต่างไปออกันหน้าประตูจนการจราจรเบียดเสียด ไม่สามารถออกไปได้

   ไฟภายในผับเปิดสว่าง ไม่ต่างจากเวลาตำรวจลง ..
   ทุกคนต่างรักตัวกลัวตาย ต่างคนต่างฉุดกระชาก ลากถู กำจัดคนที่ขวางทางเพื่อหนีออกจากเหตุเพลิงไหม้ที่
โหมกระหน่ำโลมเลียไปทั่วฝ้าเพดาน..

     ..เสียงเปรี้ยะของไม้หรืออะไรสักอย่างเป็นสัญญาณให้รู้ว่าไฟเริ่มลามส่วนสำคัญของอาคาร
   และไม่นานฝ้าเพดานส่วนหนึ่งก็ถล่มหล่นลงมา พร้อมไฟที่ลุกโหม ทับร่างของคนที่กำลังจะวิ่งหนี
ไฟลุกท่วมร่างของชายโชคร้าย ดิ้นพล่านอย่างเจ็บปวดและไม่นานก็สิ้นแรงลง

   ควันไฟลอยฟุ้งอบอวลไปทั่ว ความร้อนลามโลม แผดเผาดุจไฟจากนรกอเวจี ..ไฟดูจะลุกลามได้เร็วเพราะมีเชื้อเพลิงอย่างดี
ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ แผ่นโฟมประดับเวที หรือจะกล่องของขวัญขนาดยักษ์
   แต่ที่ทำให้ไฟลามเร็วที่สุด ก็คือบาร์เหล้าที่เต็มได้เชื้อเพลิงชั้นยอด ..
เพียงลุกลาม ทะเลเพลิงก็บังเกิดขึ้น ..


              จังหวะหนึ่งในความคิด

   ‘ ตายไปก็ดี จะได้ไม่ต้องเจ็บ’ และนั่นก็ทำให้ขาทั้งสองข้างของสิงห์หยุดเดิน
ปล่อยให้ผู้คนวิ่งกรูกันไป     ด้วยความที่คนเยอะเลยทำให้บางคนล้มลงกับพื้น เมื่อมีคนแรกก็ย่อมมีคนที่สอง
สาม สี่ และลามไปเรื่อย คนด้านหลังที่คิดแต่จะหนีเอาตัวรอดไม่สนใจอย่างอื่นแม้จะต้องเหยียบร่างของคนอื่น
เป็นสะพานไปสู่ทางรอด

   เสียงโอดครวญ เสียงไอเพราะสำลักควัน เสียงแผดร้องเพราะโดนสะเก็ดไฟ จนไปถึงเสียงของร่างผู้โชคร้าย
ที่โดนฝ้าเพดานหล่นลงมาใส่ ทุกเสียงล้วนเต็มไปด้วยความทรมานเจ็บปวดแสนสาหัส ..

   “ คุณ” สติที่ลอยฟุ้งไปไกล แล่นกลับมาเมื่อมือของใครสักคนเอื้อมมาดึงแขนของสิงห์ไว้ มือของชายคนหนึ่งที่ดูใหญ่และแข็งแรง ..สิ่งที่สิงห์จำได้อย่างเดียวคือ แหวนหัวเสือรมดำ ..ที่มีรูปแบบค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์น่าจะเป็นของสั่งทำมากกว่าของโหลที่ทำขายทีละมากๆ

   “ วิ่งครับ” แม้จะออกแรงดึง แต่ขาของสิงห์ก็ไม่ได้ก้าวตาม ชายคนนั้นเลยบอกพร้อมออกแรงที่มากกว่าเดิม
เขาตัวสูงน่าจะสูงกว่าสิงห์มากกว่าสิบเซ็น ชายที่ดึงมือนำทางสวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลแบบเดียวกับพนักงานเสิร์ฟในร้าย
 ..เขาไม่ได้พาสิงห์ไปทางด้านหน้าที่คนกำลังออกันแน่น หากวิ่งพาไปในห้องน้ำของผับ

   ..เปรี้ยะ ตึง
    เสียงของฝ้าที่ติดไฟถล่มลงมาอีกครั้ง ยามเมื่อมันกระแทกกับพื้นด้านล่างก็เกิดสะเก็ดชิ้นส่วน
..กระเด็นกระดอนไปทั่ว

และชิ้นหนึ่งก็กระเด็นผ่านหน้าของสิงห์ฉิวเฉียด พุ่งไปโดนหลังของชายที่กำลังดึงแขนสิงห์ให้ตามไป

   “ คุณ ...” สิงห์ร้องลั่นด้วยความตกใจ    สัมผัสได้ถึงเปลวไฟร้อนที่กำลังลามติดเสื้อของอีกฝ่าย 

    คนที่หลบอยู่ในห้องน้ำ เข้ามาดึงมือทั้งสองให้เข้าไป อีกคนก็ใช้ผ้าเปียกน้ำคลุมร่าง ดับไฟที่ลุกลามอยู่จนสนิท
เมื่อผ้าเปิดออกก็เผยให้เห็นแผลสดตรงปีกไก่ด้านขวา ..เสื้อที่เขาสวมไหม้ขาดเป็นวงขนาดใหญ่มากกว่าฝ่ามือ
..ขนาดมีเสื้อกั๊กสวมทับ ..ยังเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้    ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากไม่มีจะเป็นอย่างไร

“ โห แผลใหญ่แบบนี้น่าจะเจ็บมาก” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ตาของสิงห์เหลือบไปเห็น

 ใจรู้สึกปวดหนึบ..นึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ หากชายคนนี้ไม่ช่วยตนไว้คงไม่ต้องบาดเจ็บอย่างนี้
 หากเขาไม่คิดเรื่องบ้าๆแบบนั้น ..ก็คงดี

“ ไม่เป็นไรครับ ..” คนเจ็บเหมือนจะรู้ความคิดของสิงห์ เลยชิงตอบอย่างแข็งขัน ทุกคนเลยวางใจ

สิงห์เพิ่งสังเกตรอบตัว ก็เห็นว่ามีแขกมากกว่ายี่สิบคนหลบกันอยู่ในห้องน้ำ ต่างคนต่างตัวเปียก
ต่างพยายามหาเสื้อหาผ้ามาชุบน้ำ ปิดจมูกกันไม่ให้หายใจสูดเอาควันเข้าไป

   จู่ๆน้ำตาสิงห์ก็ไหลออกมา

   เริ่มรู้ว่าตนเกือบทำเรื่องที่โง่ที่สุดในชีวิตลงไป ทุกคนต่างรักชีวิตของตนเอง ต่างอยากรอดออกไป
    แต่เขากลับยอมจำนนรับความตายทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ภาพของคนที่ล้มลงกับพื้นถูกเหยียบจนร้องครวญคราง
บางคนที่ถูกไฟคลอกตะเกียกตะกายหาทางดับไฟ พยายามดิ้นเพียงไรก็ไม่สามารถหนีอำนาจพระเพลิงไปได้

 สุดท้ายก็สิ้นแรง ..ไฟไหม้โหมร่างกาย ยามร่างต้องเปลวไฟ ก็ส่งเสียงปะทุลั่น ไม่ต่างจากเวลาน้ำหยดลงในน้ำมันเดือดๆ
ไฟลามค่อยๆย่างสด ส่งกลิ่นหอมหวนยวนใจ
หากเพียงหลับตา ความสะอิดสะเอียนน่าจะสยดสยองก็เข้ามาแทนที่ ครู่ต่อมากลิ่นหอม
เริ่มเปลี่ยนเป็นกลิ่นเนื้อไหม้ๆ แทรกลึกถึงโสตประสาทภายในอย่างอยากจะลืมเลือน
...แค่คิดก็หดหู่เกินบรรยาย
   
มันช่างน่าอเนจอนาถ น่าเวทนา สะท้านลึกลงกลางใจ
    ตัวสิงห์เริ่มสั่น ความกลัวเกาะกินหัวใจ รู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียน จนต้องรีบเปิดน้ำตรงอ่างล้างมือ
 วักใส่หน้าตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเป็นอะไรไป

   “ เป็นอะไรไหมครับ” ชายคนเดิม ซึ่งยืนอยู่ใกล้กับสิงห์ ..กระซิบถามเสียงอ่อนโยน

   “ ไม่..” ดวงหน้าขาวส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็เกิดรู้สึกแข้งขาอ่อน จนแทบทรุด ดีที่คนข้างกายระวังไว้อยู่แล้ว
 เลยเข้ารวบร่างสิงห์มากอดไว้ก่อนจะล้มลง

   “ นั่งพักก่อนดีกว่า ..” เขาบอก แล้วประคองร่างสิงห์ลงนั่งพิงประตูหน้าห้องน้ำโดยมีเขานั่งลงใกล้ๆ  ตอนนี้ไม่มีใครนึกรังเกียจพื้นสกปรกที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำเลยสักคน
   
    เสียงนอกห้องน้ำ ยังคงดังสนั่นหวั่นไหว ฝ้าและหลังคาคงถล่มลงมาจนหมดแล้ว คนที่หลบอยู่ต่างขวัญเสียโดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่นั่งกอดกันร้องไห้ระงม

    ขณะที่พวกผู้ชาย กำลังใช้ขวานจากกล่องนิรภัยฉุกเฉิน มาเจาะช่องผนังที่ก่อขึ้นด้วยบล็อกแก้วสีดำ
  ขวานที่มีอยู่เพียงด้ามเดียวคือความหวังอย่างเดียวที่คนทั้งหมดมี

   พวกผู้ชายสลับกันเจาะบล็อกแก้ว พอคนหนึ่งเหนื่อยหรือเจ็บมือ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคน
 จนท้ายที่สุดความหวังที่เหลืออยู่ก็ส่องประกายวิบวับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงบล็อกแก้วร้าวและแตกออก

หากควันไฟก็พวยพุ่งเข้ามาในห้องน้ำทางหน้าประตู จนหลายคนสำลักควัน ..

   “ ก้มลงต่ำๆครับ พยายามเอาผ้าชุบน้ำปิดจมูกไว้” คนที่ช่วยสิงห์รีบบอกเสียงดัง เขาถอดเสื้อกั๊กและลุกไปรองน้ำที่ซิงค์ล้างมือจนเสื้อเปียก แล้วกลับมานั่งที่เดิม แบ่งเสื้อออกเป็นสองส่วนแล้วส่งมาให้สิงห์ที่เป็นคนเดียวที่ไม่มีผ้าปิดจมูก
   บล็อกแก้วถูกทลายออก จนพอจะสามารถลอดผ่านได้ ..

   “ ขอคนตัวเล็กๆ ลอดออกไปก่อนครับ ..แล้ววิ่งไปตามกู้ภัยให้มาช่วยทางนี้” ชายที่เปิดทาง ถือขวานอยู่ในมือพยายามใช้สันขวานกระแทะเศษ เหลี่ยมคมๆ ออก ไม่ให้คนลอดต้องบาดเจ็บ

ผู้หญิงอาสาสมัครร่างเล็กรับอาสา ลอดผ่านช่องนั้นออกไปอย่างทุลักทุเล จนโดนเศษคมบาดต้นแขนไปหลายแผล

 “ มีคนออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” ชายคนที่ช่วยสิงห์ไว้บอกขึ้นเสียงอุ่น ดูเหมือนจะเป็นคนคนเดียวที่สิงห์วางใจในตอนนี้
 
“ ฝนตกด้วยพี่..เดี๋ยวหนูไปตามคนมาช่วยค่ะ” คนที่ออกไปได้ร้องบอกอย่างดีใจ แล้ววิ่งอ้อมไปด้านหน้าทันที ผู้หญิงคนอื่นค่อยๆทยอยลอดออกไปอย่างลำบาก

พวกเขามีเครื่องมือไม่เพียงพอที่ขยายช่องผนังให้มากกว่านี้ พวกผู้ชายตัวใหญ่คงต้องรอให้กู้ภัยมาช่วยเพียงอย่างเดียว ความหวังส่องประกายมากขึ้น..

แต่ทว่าประตูห้องน้ำเริ่มไหม้ไฟ ควันดำทะลักเข้ามาระลอกใหม่ ตามช่องว่างใต้ประตู และรอยปริของบานประตู ..
ตัวสิงห์สั่นจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้จนคนข้างกายนึกกลัว

ตอนนั้นสิงห์ไม่รู้ว่าคนข้างกายคิดอะไร แต่ทันทีที่สร้อยเงินเย็นๆแตะลำคอ สติบางส่วนของเขาก็ย้อนกลับมา

“ ขอให้พระคุ้มครอง เชื่อสิพวกเราต้องปลอดภัย” เขาคนนั้นถอดสร้อยพระของตนมาสวมให้
..สิงห์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกนี้จะมีคนดีๆแบบนี้อยู่ด้วย หากไม่เจอเหตุการณ์นี้เขาคงไม่รู้เลย ..

ศรัทธาในความดี ความรัก และการมีชีวิตอยู่เหมือนถูกทำลายลงไปพร้อมกับการทรยศของคนสองคนที่เขาวางใจ

แต่นาทีมันกลับถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถกลบเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่กรีดหัวใจเขามานานเกือบครึ่งเดือน

น้ำตาของสิงห์ไหล รู้สึกซึ้งน้ำใจคนตรงหน้า เขาซบหน้าเปื้อนน้ำตากับอกแน่นกำยำราวกับจะหาที่พึ่ง
 ร่างกายเริ่มอ่อนแรง ใจเหนื่อยล้าเกินทานทน และสติก็ดับลงไป
.
.
.
.

สิงห์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ..เพดานสีขาวดูแปลกตา แสงสว่างแสนจ้าทำให้ต้องกะพริบตา
ปรับตัวอยู่พักใหญ่

“ ฟื้นแล้วหรือ หนู” น้ำเสียงนุ่ม อบอุ่นและคุ้นเคยดังขึ้น พร้อมร่างของชายชราวัย 61 ปี เดินเข้ามายืนข้างเตียง

“ ปู่...หนูอยู่ที่ไหน และไฟไหม้ล่ะ” ภาพสุดท้ายในความทรงจำ คือ แผ่นอกของใครสักคนที่เขาไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อ
ผู้ชายร่างสูง ท่าทีใจดีมีน้ำใจ และเป็นคนช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช

   “ มันจบแล้ว ..หนูสิงห์ของปู่ปลอดภัยแล้วลูก” คุณปู่ลูบหัวคนป่วย บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ..ทั้งที่ปกติ ปู่คือพญาสิงห์ผู้น่าเกรงขาม ไม่มีลูกหลานคนไหนกล้าเข้าใกล้ แต่ปู่ก็แพ้ทางสิงห์ ..จนกลายเป็นหลานรักเพียงคนเดียวที่กล้าอ้อนปู่

   เมื่อปู่เป็นพญาสิงห์ เจ้าหลานรักเลยเป็น หนูสิงห์ ..ของตระกูล

   “ แล้วคนที่ช่วยหนูล่ะ”

   “ ปู่ไม่รู้สิ ..ใครช่วยหนูเหรอ”

   “ หนูไม่รู้ แต่เขาช่วยดึงหนูหลบไปในห้องน้ำจนเขาโดนสะเก็ดไฟ” สิงห์รีบบอกเสียงสั่น ภาพแผลสดของชายคนนั้นยังแจ่มชัดอยู่ในหัว เพียงนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆก็ลอยกลับมาปรากฏตรงหน้า

   “ กินข้าวก่อนดีกว่า ..” สิงห์ยอมทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นก็ขอตัวไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และถือโอกาสล้างหน้าล้างตา เรียกความสดชื่นให้กับตัวเอง เขาไม่แน่ใจว่าสลบไปนานเท่าไหร่แต่คงมากกว่า 10 ชั่วโมง เพราะเนื้อตัวรู้สึกเมื่อยมาก
   สิงห์กลับมานั่งอยู่บนเตียง ขอปู่ให้ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล

   หมอมาตรวจเขาอีกครั้งและก็อนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
   “ นี่ของที่พยาบาลเก็บไว้ให้ ตอนกู้ภัยส่งหนูมาโรงพยาบาล” ปู่ยื่นซองพลาสติกที่ใส่ข้าวของส่วนตัวของเขา เช่นโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ แหวน แต่ก็มีของเกินมา 1 อย่าง

   “ สร้อยพระ..” สิงห์หยิบมันออกมาพินิจมองอย่างสงสัย แต่ชั่วครู่ภาพของชายคนนั้นก็ลอยกลับเข้ามาในหัว
 ..เขาจำที่ชายคนนั้นพูดได้ไม่หมด จำได้คร่าวๆว่า คนตัวสูงบอกว่าขอให้พระคุ้มครอง และก็ถอดสร้อยมาสวมให้กับเขา
สติที่หลุดไปก็กลับมาอีกครั้งพร้อมความเย็นของเนื้อโลหะ 

   “ เป็นอะไร ร้องไห้อีกแล้ว” มือนุ่มเหี่ยวตามวัย วางแปะบนศีรษะ  ก่อนถามออกมาอย่างแปลกใจ

   “ หนูเกือบทำเรื่องโง่ๆ ..ตอนนั้นหนูคิดว่าถ้าหนูตายก็คงจบ แต่เพราะเขามาช่วยไว้ หนูถึงได้สำนึกว่าชีวิตหนูควรอยู่ต่อ
 ..หนูไม่ควรตายเพียงเพราะคนเลวๆสองคนในชีวิต”

   “ เรื่องของพุฒิชัยกับอารดาใช่ไหม” ปู่บอกขึ้นเสียงเรียบ

   “ ปู่รู้แล้วเหรอ” ดวงตาพร่าน้ำตาเบิกกว้างมองปู่ใจหวั่นๆ

   “ เพื่อนหนูที่ชื่อบุษบารัตน์กับวาลิน มาเยี่ยมหนูเมื่อวานตอนที่หนูยังสลบอยู่ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนูให้ปู่ฟัง”

   “ ปู่โกรธหนูไหม ..ที่หนูเป็นเกย์”

   “ ปู่จะโกรธหนูทำไม ลูกหลานบ้านเรามีตั้งมากมาย ไอ้เรื่องผู้สืบสกุล ตอนนี้มีล้นเหลือ ปู่สนใจแค่ความรู้สึกของหนูต่างหาก” ปู่ยิ้มบาง มือที่วางบนศีรษะของสิงห์เลื่อนมาลูบใบหน้าเปื้อนน้ำตาอย่างอ่อนโยน

   ในบรรดาลูกหลานทั้งหมด ..ปู่รักสิงห์มากที่สุด ไม่ใช่เฉพาะเรื่องขี้อ้อน กล้าพูด กล้าคุย
 แต่เพราะเจ้าหนูสิงห์คือเด็กน้อยที่น่าสงสารที่สุดของตระกูล
เด็กผู้เกิดมาพร้อมคำทำนายบางอย่าง 

   ตามประเพณีของตระกูล เมื่อเด็กเกิดใหม่นอกจากจะไปรับขวัญ ทำพิธีทางสงฆ์
ยังต้องไปดูดวงกับซินแสชื่อดังที่ดูดวงชะตาให้กับตระกูลมานานหลายสิบปี

   ‘ ดวงเด็กคนนี้มันแรง ถือเป็นโคตรดวง ถ้าดีมันจะทำให้ตระกูลของคุณยิ่งใหญ่จนไม่มีใครเทียบได้ แต่ถ้าร้ายมันจะทำให้ตระกูลของคุณย่อยยับสิ้นชื่อ ..ชะตาของเจ้าหนูคนนี้ มีสองทาง..อยู่ที่คุณว่าจะเลี้ยงมันขึ้นมาแบบไหน ’
นับแต่นั้นคำทำนายนี้ก็ติดตัวสิงห์มาตลอด ..
   และเป็นต้นเหตุรอยร้าวสำคัญระหว่างสิงห์กับพ่อ ..
   ปู่เลยเอ็นดูสิงห์อย่างมาก..มากเหมือนลูกในไส้ก็ไม่ปาน

   “ ปู่ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะ ..นับจากนี้หนูจะไม่คิดเรื่องโง่ๆอีก หนูจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก”

   “ ปู่เชื่อหนู ..แต่หนูควรรู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พ่อหนูจะยอมรับเรื่องนี้ บรรดาลูกหลานทั้งหมด พ่อหนูฉลาดและมีความสามารถมากที่สุด แต่มันก็ดื้อรั้นหัวแข็งที่สุดเช่นกัน” แม้ปู่จะยอมรับเรื่องที่สิงห์เป็นเกย์ได้ แต่สำหรับพ่อ ไม้เบื่อไม้เมาคนสำคัญคงยากยิ่งกว่ายาก .
   “ หนูรู้..”

   สิงห์ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการยอมรับ..

   หากเขาเจอคนที่รักเขาพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่กับคนคนนั้น

   นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญ..
   คือการตามหาผู้ชายคนนั้น คนที่ช่วยฉุดเอาขึ้นมาจากขุมนรกที่เขาสร้างขึ้นมาในใจ

การผ่านความเป็นความตายครั้งสำคัญครั้งนี้ทำให้รู้ ว่าชีวิตของตนยังมีคุณค่ามากมายนัก
   สักวันเขาจะพบผู้ชายคนนั้น เพื่อขอบคุณและตอบแทนให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้
ขอบคุณที่ช่วยสร้างศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ให้เขาอีกครั้ง


-************************************************************
 :mew6:
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


*** เพิ่งหัดโพสนะคะ จัดหน้าไม่เก่ง ชื่อปูค่ะ ฝากเรื่องใหม่ไว้ด้วยค่ะ มาลงให้อย่างน้อยสัปดาห์
ละ 1 ตอนนะคะ *** 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 00:58:59 โดย Pu »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #3 เมื่อ26-04-2014 00:46:59 »

ติดตามจ้าาาา  :hao3: :hao3:

ดอมินิค ซาวีโอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #4 เมื่อ26-04-2014 07:34:57 »

เป้นกำลังใจให้นะครับ^^ o13

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #5 เมื่อ26-04-2014 07:58:45 »

ซึ้ง  :monkeysad:
ขอร่วมด้วยช่วยตามหาเสือให้สิงห์

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #6 เมื่อ26-04-2014 15:27:04 »

น่าติดตามมากๆ สนุกจัง เป็นกำลังใจให้ค่ะ  o13 o13 o13 o13 o13 :3123: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #7 เมื่อ26-04-2014 15:40:05 »

ขอให้สิงห์ตามหาให้เจอนะหวังว่าคนนั้นจะเป็นเสือ

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #8 เมื่อ26-04-2014 17:03:56 »

1
ความบังเอิญ


8 ปีต่อมา ..
   ปัจจุบัน
   
   นรสิงห์ เทวะสิงหบดี ยืนอยู่ริมระเบียงโรงแรมด้านที่หันหน้าสู่ ชายหาดยาวโค้งราวจันทร์เสี้ยว .
ดวงตากลมชั้นเดียวตามประสาลูกจีน ยืนมองกลุ่มคนมากกว่า 50 คน กำลังเล่นเกมอยู่ที่ริมหาดอย่างสนุกสนาน ..
   ต่างล้วนเป็นพนักงานจากบริษัทสิงหบดีกรุ๊ป ..

   วันนี้เขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ..เลยจำต้องทำตัวกลมกลืนกับคนอื่นด้วยการหยิบเสื้อยืดคอกลมสีฟ้าสด พิมพ์ลายโลโก้บริษัทและมีคำว่า ‘สิงหบดี’ สีขาวสกรีนลายประทับด้านหลังชัดเจน ..

   หลังการสัมมนาที่เคร่งเครียดมากว่า 3 วัน วันสุดท้ายเลยเป็นวันสำหรับกิจกรรมสนุกสนานเชื่อม
ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานสองฝ่าย   คือฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายบุคคล
   โดยมีโต้โผใหญ่คือผู้จัดการทั้งสองฝ่าย แต่คนที่ออกหน้าเป็นแม่งาน

คือ ดารณี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ขาใหญ่ ผู้เป็นที่รักของพนักงาน
   นอกจากนี้ ดารณียังรั้งตำแหน่งภรรยาของ นรชาติ ผู้จัดการทั่วไป
ซึ่งเป็นลูกชายคนกลางของประธานสิงหบดีกรุ๊ป ..
      
   พนักงาน 2 คนจากฝ่ายอำนวยการเดินแยกออกมาจากชายหาด  เพราะมีโทรศัพท์ด่วนจากกรุงเทพ
ถามถึงเอกสารสำคัญ ซึ่งร้อยวันพันปี ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการไม่เคยสนใจ แต่จู่ๆ ก็ให้เลขาโทรมาถาม ..
   พนักงานฝ่ายอำนวยการมีอยู่ 6 ชีวิต ไม่รวมผู้จัดการฝ่ายและเลขา งานของแผนกนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการส่งต่อเอกสาร
 ประสานงานเล็กๆน้อยๆ คล้ายเป็นฝ่ายลอยๆที่จัดขึ้นเพื่อให้ ลูกชายคนเล็กของเจ้าของบริษัทอย่าง นรชัย มีตำแหน่ง .
.
   ซึ่ง นรชัย นั่นแตกต่างจากพี่ชายทั้งสองของตนอย่างสิ้นเชิง    

   นรเทพ พี่ชายคนโตเป็นรองประธานรับมอบหมายให้จัดการเรื่องต่างๆของบริษัท มีอำนาจเต็ม

   นรชาติ พี่ชายคนที่สองก็เป็นผู้จัดการทั่วไป ( GM) เป็นคนวิสัยทัศน์กว้าง ไม่อยู่ในกรอบที่สร้างไว้
 และเป็นที่รักของพนักงานเพราะความมีน้ำใจ จิตใจดี ยิ่งภรรยาของนรชาติ คือดารุณี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ซึ่งมีอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นๆได้ง่ายดาย สองสามีภรรยาเลยเป็นระดับผู้บริหารที่ใกล้ชิดกับเหล่าพนักงานที่สุด

   จะมีก็แต่หน่อสุดท้ายอย่างนรชัย ที่ดูเหลาะแหละ ไม่เอาไหน ครั้นจะไม่ให้ตำแหน่งก็กลัวว่า
นรชัยที่อายุอานามปาเข้าไปเกือบ 45 ปีจะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทลูกอื่นๆ ทั้งยังทำให้แบรนด์
สิงหบดีกรุ๊ปต้องพลอยเสื่อมเสียลงไปด้วย สุดท้ายประธานบริษัทเลยตั้ง ฝ่ายอำนวยการขึ้นมา
   ให้ลูกชายคนเล็กได้มีชื่อว่าเป็นผู้จัดการฝ่าย ..

   อาจเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งในนาม แม้จะมีออฟฟิศ แต่ผู้จัดการฝ่ายก็ไม่ค่อยเข้ามาเท่าไหร่ ปล่อยให้ลูกน้องทำงานกันไปวันต่อวัน ...

   พอบริษัทจัดสัมมนา ฝ่ายอำนวยการที่มีพนักงานอยู่แค่ 6 คนเลยได้ติดสอยห้อยตามมาด้วย
..ด้วยความยินยอมของผู้จัดการทั่วไป ..แม้ครั้งนี้จะเป็นการสัมมนาของฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายบุคคลก็ตามที

   “ นึกว่าเอกสารอะไรสำคัญ ที่แท้ก็หาใบเสนอโครงการไม่เจอ ทั้งที่พี่ส่งไปให้ถึงบนโต๊ะผู้จัดการแล้ว ”

   “ โธ่ อย่าคิดมากสิครับเจ๊พร” คนพูดเป็นชายร่างสูงใหญ่ ความสูงคงเฉียด 190 ร่างกายกำยำ ดูหนาหนั่น
ผิวของเขาเข้ม ..หน้าเรียว     ใบหน้าคมคาย แว่นตากลมกรอบดำทำให้ตาเรียวเล็กดูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
แม้รูปร่างจะดี แต่ก็จัดว่าไม่โดดเด่นเพราะบุคลิกและการแต่งตัวดูธรรมดา ไม่ใช่คนพิถีพิถันในการดูแลตัวเองนัก


   “ งั้นเรากลับไปที่ชายหาดกันดีกว่า” สมาพรรีบบอก หลังจัดการเรื่องที่ทางกรุงเทพว่าด่วนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองเดินมาจนถึงด้านข้างโรงแรมก็เห็น ชายร่างสูงสมส่วนสวมเสื้อพนักงานสีฟ้ายืนอยู่ตรงระเบียง

   “ อ้าวน้อง ไม่ลงไปชายหาดด้วยกันเหรอ ..” สมาพรเดินไปทักอย่างเป็นกันเอง ตามประสาเจ๊ใหญ่ผู้กว้างขวางในบริษัท..คำทักทายทำให้สิงห์ที่ทอดสายตามองกิจกรรมมานานหลายนาที หันกลับมามอง ..

   เห็นชายหญิงสองคน ..

   ผู้หญิงน่าจะอายุมากกว่าเขาหลายปี ใบหน้าสวยแต่งแต้มสีสันงดงาม ผมยาวหยักศกเกล้าเป็นมวย
เผยให้เห็นลำคอระหง และอกแสนสะบึม ..

   ส่วนผู้ชายเป็นคนตัวสูง ร่างกายบึกบึน ..สวมแว่นกรอบดำกลมราวกับโนบิตะ หากหน้าตากลับคมคาย มีไรหนวดอ่อนๆ
ผมสั้นรองทรง ..

   ทั้งสองสวมเสื้อคอกลมสีฟ้าแบบเดียวกับตน

   “ ครับ ?”

   “ พี่ไม่เคยเห็นหน้า น้องอยู่ฝ่ายไหนเหรอจ๊ะ”

   “ น้องเขาทำงานที่เดียวกับเราเหรอ ผมไม่เห็นหน้า” คนตัวสูงชักไม่แน่ใจ เพราะไม่คุ้นหน้าผู้ชายตรงหน้าเอาเสียเลย
ยิ่งคนตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาที่เข้าขั้นหล่อเหลา มีเสน่ห์น่ามอง ย่อมไม่พลาดที่จะตกเป็นเป้าให้สาวๆในบริษัท
เมาท์มอยกันแน่

   “ ก็เสื้อที่น้องเขาใส่แบบเดียวกับพวกเราเป๊ะ มีแต่พวกที่มาสัมมนาของบริษัทเท่านั้นแหละที่มีใส่ ว่าแต่น้องทำงานฝ่ายไหนเหรอ ” สมาพรบอกอย่างมั่นใจ

   “ ฝ่ายพิเศษครับ” ปากอิ่มแดงคลี่ตอบด้วยรอยยิ้มเริ่มเข้าใจว่าทำไม ผู้หญิงตรงหน้าถึงเข้ามาทักตน
ดวงตาสุกใส ส่องสกาวยิ้มๆ ราวจะสะกดคนทั้งโลกลงไว้แทบเท้า ทันทีที่รอยยิ้มนั้นผลิขึ้น

   “ ฝ่ายพิเศษ อ๋อ..ก็ที่มาจัดออฟฟิศชั้นเดียวกับเรายังไงล่ะ..เห็นว่าตั้งขึ้นรับหลานชายของประธาน
 น้องหน้าใสขนาดนี้สงสัยเพิ่งจบใหม่มาแน่ๆเลยใช่ไหม” สมาพรรีบบอกอย่างนึกขึ้นได้ 

   “ คือว่า..”

   “ ถ้าอย่างนั้นลงไปเล่นเกมที่ชายหาดด้วยกันนะ..” คนตัวสูงเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร เมื่อรู้ว่าเป็นพนักงานบริษัทเดียวกันจริงๆ เลยกล้าพูดมากขึ้น

   “ เอ่อ ผมว่า...” สิงห์ตั้งท่าจะปฏิเสธ  ..แต่ทันทีที่ดวงตาของเขาเหลือบเห็นของบางอย่างความคิดของเปลี่ยนไป

   มือหนาของคนตัวสูงยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมหน้าผาก จนหยดลงใส่แว่น พาให้นึกรำคาญ ต้องถอดแว่นออกมาเช็ดกับเสื้ออยู่พักหนึ่ง สายตากลมนิ่งราบจับจ้องมือขวาของชายตรงหน้าด้วยใจเต้นสั่น

   แหวนหัวเสือรมดำ...

   เขาจำได้ดี

   แหวนที่เป็นเบาะแสชิ้นเดียวที่เขาจำได้ขึ้นใจ  ..

   “ เป็นอะไรรึเปล่า น้องหน้าซีดๆนะ” สมาพรทักขึ้น เมื่อเห็นคนผิวขาวมีท่าทีผิดปกติไป

   “ ไม่สบายเหรอครับ ..งั้นไม่ต้องลงไปชายหาดหรอก เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะลำบาก” และยิ่งตอกย้ำความคิด ความมั่นใจ
   เสียงนุ่ม ทุ้ม และอ่อนโยน    เสียงที่ยังประทับตรึงในใจของสิงห์มายาวนานกว่า 8 ปี    

   “ ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้” สิงห์จำต้องรวบรวมสติ สลัดความคิดบางส่วนออกไปเสียก่อน เมื่อสิ่งที่เขาตามหามานานปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาไม่มีวันจะละทิ้งมันไปอย่างง่ายดาย

   “ ไหวแน่เหรอคะ ..”

   “ ครับ” ยิ้มบางประทับแต้มดวงหน้า ..สมาพรเลยวางใจ จูงมืออีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง เดินตรงไปที่ชายหาดอย่างไม่รีบร้อน ระหว่างเดินก็แนะนำตัวเองให้กับเพื่อนใหม่ได้รู้จัก

   “ พี่ชื่อพรนะจ๊ะ เรียกเจ๊พรก็ได้ ส่วนยักษ์ปักหลั่นข้างๆพี่ชื่อ เสือ ..เราสองคนทำงานอยู่ฝ่ายอำนวยการของคุณนรชัย
แล้วน้องละจ๊ะ ชื่ออะไร ..”

   ‘ เสือ งั้นเหรอ ’ ใจนึกขันกับความบังเอิญที่ไม่น่าจะเกิด ..เขายิ้มกว้างก่อนตอบเจ๊พรไปว่า
    “ สิงห์ครับ ..”
   “ ว้าว นี่ก็เสือ นั่นก็สิงห์ อันที่จริงไม่มีอะไร ...นัดกันมาหรือเปล่าสองคนนี้ ชื่อเก๋มากค่ะคุณน้อง” สมาพรยิ้มร่า
ร้องเพลงดังของพี่เบิร์ดออกมาอย่างอารมณ์ดีหันไปมองชายสองคนที่ยืนใกล้กันอย่างพิจารณา

   สิงห์ เป็นลูกครึ่งไทย-จีน ผิวขาวจัด ใบหน้ารูปไข่ ผมสีน้ำตาลประกายทองผมยาวรับศีรษะทุย มีหน้าม้ายุ่งๆปรก
 รับกับแก้มใส และริมฝีปากอิ่มแดง ..

   “ สิงห์อายุเท่าไหร่แล้ว” เสือยักษ์ถามขึ้นบ้าง

   “ 28 ปีครับ”

   “ หา” สองเสียงร้องพร้อมกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของสิงห์ ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเด็กฝึกงาน หรือเด็กจบใหม่

   “ อุ๊ยตาย ..หน้าหล่อใสปิ้งสุดๆ ไม่บอกอายุพี่นึกว่าน้องสิงห์ต้องเพิ่งเรียนจบแน่ ..ส่วนพี่ปีนี้อายุเลย 35 มานิดหน่อย” ไม่ได้บอกอายุที่แท้จริง ใครถามก็บอกว่าเลย 35 มานิดหน่อย นี่ก็จะเข้าปีที่ 4 แล้วที่สมาพรตอบเช่นนี้

   “ แล้วพี่เสือล่ะ” ตากลมช้อนมองคนตัวสูง อยากพูดอยากถามเสือใจจะขาด แต่ประสบการณ์ในแวดวงที่ผ่านมาก็สอนให้สิงห์รู้จักรอคอย ..

   “ 31 ครับ ..”

   ทั้งสามเดินมาจนถึงริมหาด กิจกรรมต่างๆเหมือนจะหยุดลงชั่วขณะ สิงห์มองไปด้านหน้าซึ่งเป็นเวทีเตี้ย
ก็เห็นอาสะใภ้ของตนเองรับหน้าที่เป็นพิธีกรถือโทรโข่งกันเล็ก

   เขารีบขยิบตาบอกทันที ..และดารณีก็สามารถเข้าใจได้ง่ายดาย โดยไม่ต้องพูดจากัน

   “ อุ๊ยตาย นั่นหนุ่มน้อยจากที่ไหนกันจ๊ะ..มาเดินแถวนี้ระวัง หัวใจพี่ณีจะตกหลุมนะ” ผู้จัดการวัย 45 ปีก็นึกสนุก แซวหลานของสามีอย่างสนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะ เป่าปากจากบรรดาพวกผู้หญิงและพนักงานชายได้ดีเลยทีเดียว

   “ น้องเขาชื่อน้องสิงห์ค่ะคุณณี อยู่ฝ่ายพิเศษ” เจ๊พรรีบรายงานตามประสาผู้กว้างขวางของบริษัท

   “ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญน้องสิงห์มากหน้าเวทีหน่อยค่ะ ..พี่ณีขออาสาสมัครอีก 6 คน ใครพร้อมก็ออกมาเลยค่ะ” สิงห์จำต้องเดินออกไปด้านหน้า โดยมีพนักงานชายหญิงอีก 6 คนเดินออกมาด้วย

   “ ถือว่าต้อนรับน้องใหม่ ขอไก่ย่างสัก 3 รอบนะคะ ..วัน ทู ทรี” ร่างอวบสวมเสื้อลายดอกสีชมพูทั้งตัว พูดขึ้นผ่านโทรโข่ง สิงห์หันไปมองด้วยสายตาสงสัยอยากจะถามว่าดารณีจะเล่นอะไร แต่เสียงกลองก็ดังขึ้นกลบเสียงอื่นๆ พวกพนักงาน
และคนอื่นต่างช่วยกันร้องเพลง

   ทั้งหมดเต้นเพลงไก่ย่างอย่างสนุกสนาน สิงห์ที่เรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กย่อมไม่รู้จักเป็นธรรมดา     แต่คนอย่างสิงห์ก็ไม่เคยยั้น จับจังหวะและเลียนท่าทางของคนที่ร่วมกันเต้นได้ไม่ยาก ไม่นานก็เต้นใส่จังหวะเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้ดีทีเดียว
   นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่สิงห์รู้สึกผ่อนคลายและซึมซับความสนุกสนานไปกับบรรยากาศ
เสียงหัวเราะใสๆดังเสียงระฆังแก้ว จับตาจับใจใครต่อใคร

   ภาพของคนตัวขาว ร่างสูงราว 175  ร่างนั้นสมส่วน ไม่บางไม่หนา กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน ผมม้าที่ปรกไหววับตามแรงขยับ ดวงหน้าขาวมีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามไรผม ทั้งมวลทั้งมวลไม่อาจเทียบได้กับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ

ภาพของความประทับใจที่สะกดใจใครมากมาย
   ‘ น่ารัก’ เป็นคำที่ใครต่อใครต่างรู้สึก...แม้กระทั่งเสือยักษ์ที่ดูจะตบะแข็งกล้ากว่าคนทั่วไป ตอนนี้ก็รู้สึกไม่ต่าง ..ใจสั่นไหวประหลาด แต่ต้องรีบสลัดความรู้สึกไปทันที


ต่อด้านล่างค่ะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 00:23:38 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์
«ตอบ #9 เมื่อ26-04-2014 17:11:32 »

 :katai5: ต่อ

หลังจากเสร็จการเต้น ..ก็เป็นเกมอื่นๆ และดูเหมือนน้องสิงห์ผู้มีออร่ากระแทกตากระแทกใจจะเป็นดาวเด่น
จนพวกสาวๆฝ่ายบุคคลชักเขม่นไม่ชอบใจ ที่โดนแย่งซีนไปเต็มๆ

   “ น้องสิงห์อะไรนี่ เป็นพนักงานของเราจริงเหรอพี่เกด..” หนึ่งในสาวจากฝ่ายบุคคลเริ่มเปิดประเด็น เนื่องจากอยู่แผนกสรรหา ..ต้องจัดการเรื่องสมัครงาน รับคน ตลอดจนจัดสรรคนสู่แผนกและฝ่ายต่างๆ ของบริษัท

   “ ถ้าเป็นพนักงานยังไงต้องผ่านตาแผนกเราอยู่แล้ว ..ต่อให้พนักงานใหม่ก็เถอะ นี่ใบสมัคร ใบรับ ใบประวัติ
 พี่ไม่เคยผ่านตาไอ้น้องสิงห์คนนี้เลยสักนิด เดียว” การะเกด หัวหน้าแผนกสรรหาฝ่ายบุคคล
ลีดเดอร์เกิร์ลแก๊งตั้งประเด็นสงสัย

   “ แย่งซีน ทำตัวเด่น ท่าทางไอ้น้องสิงห์จะไม่ธรรมดา ดูพวกผู้ชายสิ ..ทันทีที่ไอ้น้องสิงห์มา แก๊งนางฟ้าฝ่ายบุคคลของเราหมองลงทันที” สุดา ลูกน้อง มือขวาคนสนิทรีบยุยง อย่างไม่ชอบใจ

   “ รอดูไปก่อน ..ถ้ายังหว่านเสน่ห์ แย่งซีนแก๊งเรา ได้เจอดีแน่ ” ลีดเดอร์สาววัย 30 ยกมือปราม บอกให้สมาชิกรอดูสถานการณ์ไปก่อน

   ตะวันเริ่มคล้อย ..แสงแดดเริ่มอ่อน จับมุมฟ้าด้านหนึ่ง ..

   “ ต่อจากนี้เป็นช่วงฟรีนะคะ ใครจะเดินเล่น เล่นน้ำ หรือจะกลับไป พักผ่อนก็ตามสบายเลยค่ะ แต่ตอน 6 โมง
 เจอกันที่ห้องจัดเลี้ยง Hall 2 ที่เดียวกับที่เราใช้สัมมนานั่นแหละ  รบกวนไปตรงเวลาสักนิดนะคะ อ๋อ..พี่ณีลืมบอกไปว่างานนี้มี
แจกรางวัล ธีมขาวฟ้านะจ๊ะ ” ดารณีประกาศผ่านโทรโข่งสีขาวในมือ พูดจบก็เดินกลับโรงแรม ส่วนพวกพนักงานต่างแยกย้ายกันไปตามแต่ใจตนเอง

   “ สวัสดีครับน้องสิงห์ พี่ชื่อวรุณ อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ครับ” หนุ่มใหญ่วัยสัก 35 เดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานชายอีกสามสี่คน ..หัวโจกทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าเท่ที่สุด

   “ สวัสดีครับ ..สิงห์ครับ อยู่ฝ่ายพิเศษ”

   “ นี่พวกนาย ..อย่ามาทำก้อร่อก้อติกกับน้องสิงห์ของเจ๊นะ” สมาพรรีบปรี่เข้ามาควงแขนสิงห์ทันควัน ก่อนจะโดนสายตาของพวกพนักงานแทะโลมไปมากกว่านี้

   “ โธ่เจ๊ พวกผมแค่อยากรู้จักน้องเขาเท่านั้นเอง ..” เป็นชายอีกคนในกลุ่มอายุน่าจะไม่เกิน 25 ปี

   “ นี่นายนนท์ ..รู้ไหมจ๊ะว่าน้องสิงห์ของเจ๊ 28 ปีแล้วนะ ปีนเกลียวเหรอ ถึงไปเรียกน้องสิงห์ว่าน้อง”

   “ หน้าใสยังกับเด็กม.ปลาย ..ไม่น่าเชื่อว่า 28 แล้ว ..ถึง 28 นนท์ก็ไม่ถอยนะครับ ..” เสียงโห่ฮิ้ว ตบท้ายหลังนนท์พูดจบ

   “ ไปพักกันดีกว่าสิงห์ อย่าอยู่กับพวกห่ามนี้เลย ” ว่าแล้วเจ๊พรก็ลากสิงห์ออกมาจากริมหาด พวกหนุ่มๆเลยบ่นเสียดายหงุดหงิดกันเป็นแถว



   “ ดูมัน ดูมัน ..มันร้ายกว่าที่เราคิดนะคะ พี่เกด” รุจา มือซ้ายคนสนิท รีบบอกอย่างหมั่นไส้คนมาใหม่ ที่ท้ายที่สุดก็โดนสิงห์แย่งซีนไปหมด ราศีของแก๊งนางฟ้าดาวเด่นของงานถูกบดบัง หมดรัศมีเพียงเพราะใครคนนั้น

   “ เห็นทีต้องจัดการแล้ว ..พวกเธอ ตามฉันมา” การะเกดเห็นดีเห็นงาม เดินตามหลัง สมาพรกับสิงห์ไปห่างๆ
.
.
.

   
   “ อ้าวเสือ จะกลับห้องพักใช่ไหม..เดี๋ยวพาน้องสิงห์ไปส่งห้องหน่อย” ขณะเดินมาจนถึงลานหน้าโรงแรม ก็เห็นเสือเดินอยู่ไม่ไกล สมาพรรีบกวักมือเรียก ทันที ..

   “ แล้วเจ๊พรละครับ” สิงห์หันไปถามอย่างแปลกใจ

   “ คุณน้องขา  ห้องพักของผู้หญิงอยู่อีกฝั่งหนึ่งค่ะ บริษัทแยกเรือนพักไว้คนละฝั่ง คุณน้องพูดเหมือนไม่รู้เลย ..”

   “ เหรอครับ ..ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ”  สิงห์รีบเออออ ..พร้อมโบกมือลาสาวใหญ่ที่เดินแยกไปอีกทาง เขาหันกลับไปมองเสือเต็มตา..เดินตามร่างสูงใหญ่ไปช้าๆ เรื่อยๆ  จนเสือหยุดเดิน สิงห์ก็ชนแผ่นหลังนั้นเข้าอย่างจัง..

   “ โอ๊ย ..หยุดเดินก็ไม่บอก” เพราะหน้าหล่อๆทิ่มเข้ากับหลังอีกฝ่ายอย่างแรง เลยบ่นกระปอดกระแปด

   “ เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหม”  เสือหนุ่มถามด้วยเสียงอ่อนโยน พร้อมหันร่างสูงกลับมาก็เห็นอีกฝ่ายกำลังจับจมูกที่แดงขึ้นเพราะแรงชน      เสียงอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยทั้งที่เป็นคนแปลกหน้า มันช่างคล้ายตอนนั้นจริงๆ

   “ เจ็บจมูกนิดหน่อย ทำไมพี่หยุดเดินละ” เขาพยายามรวมสติ เงยหน้าสบตาคนถามเล็กน้อย 

    “ ถึงห้องพี่แล้ว..แล้วห้องสิงห์ละ ห้องไหน” เพราะอย่างนี้นี่เองอีกฝ่ายถึงหยุด

   “ เอ่อ ..”

   “ ไปล้างหน้าล้างตาในห้องก่อนไหม ..” เสือไม่ได้ซักไซ้ต่อ เปิดประตูห้องพัก โดยมีอีกฝ่ายเดินตามเข้ามา ..ห้องพักของเสือเป็นห้องธรรมดา เตียงคู่ขนาด 3 ฟุต ด้านขวาเป็นระเบียงรับลม ..หันหน้าเข้าหาทะเล ..

   “ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะครับ” เสือรีบพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ ร่างโปร่งเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวของตน ขณะที่เสือกำลังจัดข้าวของอยู่บนเตียงของตนเอง เพราะพรุ่งนี้ต้องออกจากที่นี่แต่เช้า

   “ อ้าวเสือ ..จะกลับห้องก็ไม่ชวน เหนียวตัวชะมัดพี่ขออาบน้ำก่อนนะ” คนที่เปิดประตูห้องเข้ามาคือ พนักงานฝ่ายอำนวยการ ชื่อว่าวิบูลย์ นอนพักห้องเดียวกับเสือตลอดช่วงสัมมนาของบริษัท ว่าแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกจากตู้เสื้อผ้า

   “ น้องสิงห์..ว้าว น้องสิงห์จริงๆด้วย” หันกลับมาจะเดินไปอาบน้ำ ก็เห็น สิงห์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าพราวหยดน้ำ ผมม้าถูกเสยขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นดวงหน้าขาว สดใส ผิวละเอียดราวกับผิวเด็ก

   “ เอ่อ..”

   “ ผมชื่อวิบูลย์ครับ อายุ32 ปี อยู่ฝ่ายอำนวยการเรียกพี่บูลย์ก็ได้ครับ”

   “ ครับ ..สิงห์ครับ จะใช้ห้องน้ำเหรอครับ” สิงห์ยิ้มรับ บอกด้วยน้ำเสียงนุ่ม ..

   “ อ้อครับ” แม้จะอยากอยู่คุยต่อ แต่ก็รู้สึกเขินๆ ยอมเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเสียไม่ได้ ..สิงห์เดินออกมานั่งลงที่ปลายเตียงอีกเตียง มองดูเสือที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางกลับกรุงเทพ

   เขามั่นใจเกิน 60 % ว่าคนตรงหน้าคือคนคนเดียวกับที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ยังมีอีกอย่างที่เขาต้องดูให้แน่ใจเพื่อยืนยัน..

   “ มองอะไรครับ” เสียงนุ่มถามขึ้น รู้สึกว่าถูกจ้องมานานหลายนาทีจนต้องถามออกมา

   “ ถอดเสื้อให้ดูหน่อยสิ” สิงห์พูดออกมาตรงๆ จนคนฟังชะงักเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อหู

   “ หา”

   “ ช่างเถอะครับ ถือซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” สิงห์ส่ายหน้า ยอมถอดใจ ..ไหนๆเขาก็หาเสือเจอแล้ว ค่อยหาทางพิสูจน์คราวหลังก็ยังทัน ตอนนี้ไม่ควรทำอะไรให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด

     ..เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็เลยลุกจากเตียงขอตัวกลับห้องของตนเอง

   เสือมองตามร่างนั้นอย่างไม่เข้าใจ ..จำต้องปล่อยให้สิงห์เดินจากไป ทั้งที่ยังคาใจกับคำขอของสิงห์เมื่อครู่นี้

------
   
   สิงห์เดินออกจากเรือนพัก เดินผ่านทางเดินเล็กๆ ซึ่งมีซุ้มไม้เลื้อยบังแสง พันเกี่ยวโครงไม้ที่ต่อขึ้นเป็นซุ้ม
..ไปตลอดเส้นทางเดินเชื่อมต่อสู่ตัวโรงแรมขนาดใหญ่สูงกว่าสิบห้าชั้น

   “ นี่นาย..” เท้าของสิงห์ชะงักลง ทันทีที่พ้นซุ้มไม้เลื้อยออกมา

   “ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาหยุด มองไปยังผู้หญิงสี่คนสวมเสื้อพนักงานสีฟ้าแบบเดียวกับที่เขาสวมอยู่ ถ้าจำไม่ผิดพวกเธอเหล่านี้ก็อยู่เล่นเกมที่ริมหาดด้วย

   “ ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ที่ทำงานเก่าเธอเป็นยังไง แต่ที่นี่เน้นอาวุโส และอายุงาน อย่าคิดจะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา..ฉันไม่ชอบ” ผู้หญิงที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกขึ้นเสียงแข็ง ดวงตาเรียวที่กรีดอายไลน์เนอร์จนเฉี่ยว จ้องมาที่สิงห์ราวกับจะกรีดให้เนื้อตัวขาวออกเป็นริ้วๆ

   “ ครับ” ดวงตากลมชั้นเดียว มองสี่สาวตรงหน้า กระตุกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย แล้วรับคำอย่างไม่ใส่ใจ

   “ อยู่ที่นี่อย่าทำตัวเด่น ..ให้หัดรู้เสียบ้าง ที่นายแย่งซีนวันนี้ พวกฉันถือว่าเสียมารยาท..” เป็นหญิงสาวอีกคนที่พูดออกมา ..

   “ ครับ..ผมขอโทษละกัน” คนตัวขาวก้มหัวรับเล็กน้อย เดินตรงเข้าโรงแรมอย่างไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีก
   กลับรู้สึกขบขัน ไม่ถือเป็นสาระใหญ่ให้ต้องเก็บมาคิด ..

   สิงห์กลับเข้าห้องพักของตนเอง ..ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำชำระไอเกลือจากทะเลที่เหนียวเหนอะเกาะผิวมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา อาบน้ำเสร็จก็มายืนสำรวจตัวเองหน้ากระจกเล็กน้อย

   “ โชคดีที่ลงกันแดดไว้..ไม่งั้นกลายเป็นถ่านแน่” เขาดึงเสื้อคลุมที่แขวนไว้มาสวม ..เดินทอดน่องออกมาจากห้องน้ำ ใจเริ่มคิดไปถึงเรื่องของเสืออีกครั้ง

   “ หามาตั้งหลายปี  บทจะเจอก็เจอเฉยเลย” นี่คงเป็นความตลกอย่างหนึ่งของโชคชะตา ..

   ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เขาตามหาผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนเองไว้ หลังเรียนจบบริหารจากอังกฤษก็กลับมาทำงาน
ที่บริษัทลูกของสิงหบดี     ใช้เวลาตามหาชายคนนั้นมานาน แต่เบาะแสของเขามีเพียงอย่างเดียวคือแหวนหัวเสือรมดำ
..แหวนที่เขาจำรูปแบบได้ดี จนให้ช่างสเก็ตซ์ขึ้นมา จากนั้นก็จ้างนักสืบตามหาชายคนดังกล่าว

   ชายที่เขารู้เพียงว่า  ตัวสูงกว่าเขา ร่างกายกำยำสมส่วน และน่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟของผับ

    หากเขากลับไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนคนนั้นได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

   ข้อมูลที่มีน้อยเกินไป ..แม้แต่เหล่านักสืบก็ยังส่ายหัว

   แต่สิงห์ก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ ...แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม มาถึงวันนี้อยู่ๆก็ได้พบสิ่งที่ตามหามาตลอด 8 ปี ..แหวนหัวเสือรมดำ สัมผัส กลิ่นและน้ำเสียงที่คุ้นเคย    สิ่งต่างๆเหล่านั้นคือเครื่องยืนยันชั้นดี
   หากก็มีอีกอย่างที่เขาต้องพิสูจน์...นั่นคือ รอยแผลเป็นตรงปีกด้านขวา

   ตอนนี้ก็แค่รอเวลา ..ก็เท่านั้น

   ก๊อกๆๆ
   เสียงเคาะหน้าประตูดึงสิงห์กลับมาจากสิ่งที่กำลังคิด..เขาลุกจากเตียงไปหน้าประตู มองผ่านจออินเตอร์โฟน
 ก็เห็นดารณียืนอยู่หน้าห้อง ..จึงกดปุ่มปลดล็อกอัตโนมัติให้ดารณีเข้ามา

   “ ตกลงเรื่องเป็นมายังไง ทำไมน้องสิงห์..ถึงลงไปเล่นเกมกับพวกพนักงานจ๊ะ ” ผู้จัดการวัย 45 ก้าวเข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคย ..

   “ สิงห์ไปยืนอยู่ตรงแถวระเบียงทางเดิน ดูเขาเล่นเกมกันที่หาด ..อยู่ๆเจ๊พรก็เข้ามาทัก สิงห์ใส่เสื้อพนักงานที่มาสัมมนา ..แกเลยเข้าใจว่าสิงห์เป็น พนักงาน ก็เลยปล่อยเลยตามเลยก็เท่านั้น” สิงห์ยิ้มแย้ม ตอบคำถามอาสะใภ้ไปอย่างอารมณ์ดียามนึกถึงหน้าของเจ๊สมาพร ความจริงเขามาพักผ่อน

   “ อ๋อ สมาพร ..รายนั้นน่ะอัธยาศัยดี เป็นมิตร กว้างขวาง ขนาดอยู่ฝ่ายอำนวยการ ปลีกวิเวกเดี่ยวดายอยู่ชั้น 11 คนยังรู้จักกันทั้งบริษัท”

   “ เห็นเจ๊พรบอกว่า  ออฟฟิศฝ่ายพิเศษอยู่ตรงข้ามฝ่ายอำนวยการเหรอครับอาณี”

   “ ใช่จ้ะ ชั้นนั้นว่าง ..เมื่อก่อนเป็นชั้นเก็บของ พอคุณปู่ของสิงห์ตั้งฝ่ายอำนวยการให้อาชัยมารับตำแหน่งเลยมีการรีโนเวทยกใหญ่ ตอนนี้ออฟฟิศฝ่ายพิเศษก็เรียบร้อยแล้วล่ะ อยู่ตรงข้ามกัน ..ใหญ่ไม่ใหญ่ก็ดูสิ ทั้งชั้นมีอยู่แค่สองฝ่าย ชั้นอื่นต้องแชร์กันอย่างน้อย 3 ฝ่ายพนักงานหนึ่งร้อยอัพเชียวนะจ๊ะ หลานรัก”

   “ อาณี ..อาณีรู้จักผู้ชายที่อยู่กับพี่พรไหมครับ เขาชื่อว่าพี่เสือ อยู่ฝ่ายอำนวยการ ”

   “ สนใจเขาหรือ..” เรื่องที่สิงห์เป็นเกย์ ตอนนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ..หลังจากเรื่องเมื่อ 8 ปีก่อน สิงห์ก็ชัดเจนกับตัวเอง ..แม้จะโดนพ่อค่อนขอดบ่อยๆ แต่สิงห์ก็ไม่ได้แคร์อะไร

   “ ถ้าสิงห์สนล่ะ..” ยิ้มหวานปะเหลาะเข้าใส่ รับอย่างไม่ปิดบัง

   “ เดี๋ยวอาณีคนนี้จัดการหาประวัติให้ ..ไม่เกิน 3 วัน รับรองได้ข้อมูลทุกอย่าง”

   “ หนูรักอาณีที่สุดเลย” ร่างขาวโผเข้ากอด ..อ้อนอาสะใภ้เสียงหวานแถมยังใช้คำแทนตัวอย่างน่ารักน่าชัง ..เช่นเวลาพูดกับผู้ใหญ่คนอื่นๆในครอบครัว
 
    ไม่ว่าจะกี่ปีต่อกี่ปี สิงห์ยังเป็นหนูสิงห์ของบ้านเทวะสิงหบดีเช่นเคย หากจะมีใครสักคนไม่ชอบใจก็คงมีเพียงพ่อของเขา
นายนรเทพ เทวะสิงหบดี คนเดียวเท่านั้น..

   “ เย็นนี้ลงไปร่วมงานที่ Hall 2 ด้วยนะ ธีมงานขาวฟ้า ..”

   “ ครับ..” สิงห์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ..จากนั้นก็นั่งคุยกับอาสะใภ้ต่อ

   “ ตอนจะจบงานมีจับฉลากรางวัลด้วยนะ ..รับรองพนักงานกรี๊ดกร๊าดถูกใจของรางวัลแน่นอน”

   “ คงสนุกใหญ่ บอกหน่อยสิครับว่ารางวัลเป็นอะไร”

   “ รางวัลใหญ่สุดเป็นเงินสด 1 แสนบาท ..”

   “ โฮ้โห บริษัทลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ...” สิงห์อุทานอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่างานสัมมนาของฝ่ายจะมีงบมากมายขนาดนี้

   “ ปีหนึ่งจัดสัมมนานอกสถานที่แค่ 1 ครั้ง พอจบงานก็ถือว่าตอบแทนกันหน่อย ..นอกจากนี้ก็มี สร้อยทอง ไอแพด ไอโฟน ตั๋วเครื่องบิน”

   สองอาหลานยังคุยกันต่ออีกพักใหญ่ ดารณีก็ขอตัวกลับ สิงห์เดินไปส่งหน้าประตูแล้วหันหลังเดินไปรื้อเสื้อผ้าจากกระเป๋า หาชุดที่พอจะเข้ากับธีมขาวฟ้าของงาน ..

   ความจริงสิงห์ตั้งใจมาพักผ่อน ก่อนการเริ่มงานใหม่ที่บริษัทใหญ่ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในอีก 7 วันข้างหน้า
 ..พอดีบริษัทมาจัดสัมมนาสิงห์เลยถือโอกาสสังเกตการณ์ไปในตัว ..และเพราะไม่อยากแปลกแยกเลยหยิบชุดพนักงาน
พิมพ์ลายพิเศษมาสวม หวังจะเนียนๆไปกับพนักงาน ..   แต่ก็ผิดแผนเสียก่อน ..เมื่อสมาพรลากเขาไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ชายหาด


xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

 :mew4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 00:58:12 โดย Pu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือ VS สิงห์
« ตอบ #9 เมื่อ: 26-04-2014 17:11:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #10 เมื่อ26-04-2014 17:19:00 »

2
ความจงใจ



สิงห์สวมเสื้อยืดคอวีสีขาว กับกางเกงลายทหารเขียวฟ้า เดินเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็ว แล้วจึงกดไปยังชั้นจัดเลี้ยง
..ชายหนุ่มสังเกตเงาตัวเองในกระจกสำรวจความเรียบร้อย ..ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออก

   “ อ้าวน้องสิงห์..แต่งตัวหล่อเฟี้ยวเตะตาเตะใจเจ๊พรมาก ปลาบปลื้มมากค่ะสุดหล่อของเจ๊ ” เสียงหวานทักทายอย่างเป็นกันเอง ทันทีที่เดินออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นร่างของสาวใหญ่ทรงโต ที่สวมเสื้อขาวกับกระโปรงผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนยาวเลยหัวเข่า
ผมยาวถักเป็นเปียเดี่ยว เผยดวงหน้าแต้มแต่งเครื่องสำอางอย่างพอเหมาะพอเจาะ
     แต่ก็แอบเปรี้ยวนิดหน่อยตรงปากสีแดงสดอวบอิ่ม ..

   “ เข้าไปในงานด้วยกันนะคะ..” คนชวนไม่รอให้อีกฝ่ายตกลง ก็เข้ามาคล้องแขนพาสิงห์เดินเข้างานไปอย่างรวดเร็ว สมาพรพาสิงห์มานั่งที่โต๊ะของฝ่ายอำนวยการ ซึ่งเป็นโต๊ะกลมมีเก้าอี้ล้อมรอบ แบ่งเป็นหลายสิบโต๊ะ ..ซึ่งเป็นของฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายบุคคล 

   “ เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า” เมื่ออีกฝ่ายชวน สิงห์ก็ลุกจากเก้าอี้ เดินไปตักอาหารตรงซุ้มอาหารทันที เขาเลือกข้าวผัดกับไข่ดาว และน้ำผลไม้ จากนั้นก็เดินกลับมาที่โต๊ะ

   ไม่นานสมาพรก็เดินกลับมาพร้อมจานสปาเก็ตตี้และไส้กรอก ..คนอื่นๆตามมาสมทบเรื่อยๆจนบรรยากาศเริ่มสนุกสนาน ..อาหารในจานพร่องลงกว่าครึ่ง

เสือก็เดินเข้ามาพร้อมกับวิบูลย์ สวมเสื้อราวเหมือนกับราวกับแฝด คือเสื้อคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสั้นลอยดอกสีฟ้า ..

   “ อ้าวเสือ บูลย์ มานั่งด้วยกันสิ” เจ๊ใหญ่รีบกวักมือเรียกอย่างไม่รอช้า กันท่าผู้ชายคนอื่นสุดฤทธิ์เพราะไม่อยากให้น้องสิงห์โดนแทะโลม

   “ ไปตักอาหารมาก่อนไป งานจะเริ่มแล้ว” แล้วสองหนุ่มก็เดินแยกไปซุ้มอาหาร ไม่นานก็เดินกลับมา เสือนั่งลงถัดจากเจ๊พรเล็กน้อย ส่วนวิบูลย์นั่งลงข้างสิงห์

   “ น้องสิงห์แต่งตัวน่ารักจังเลยครับ ..”

   “ น่ารักมันน่าจะใช้กับผู้หญิงรึเปล่าครับ พี่บูลย์”

   “ น้องสิงห์อยู่ในกรณียกเว้นครับ” วิบูลย์ยิ้มหวาน ส่งตาเชื่อมๆไปให้ราวกับหลงเสน่ห์อีกฝ่ายเต็มประดา

   “ นี่บูลย์ ถ้ายังไม่เลิกจีบน้องสิงห์ เจ๊จะอัญเชิญคุณน้องลุกจากเก้าอี้แล้วให้ลงไปนั่งที่พื้นนะจ๊ะ” เจ๊ใหญ่แห่งฝ่ายอำนวยการพูดขึ้น ส่งสายดุๆมายังคนอายุน้อยกว่า

   “ แหมเจ๊ก็...” วิบูลย์ยอมรามือ หันไปสนใจอาหารในจาน ..สมาพรพยักหน้ารับอย่างพอใจ หันไปทางเสือที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ต้น

   “ เป็นอะไรหรือเปล่าเสือ..คิดถึงลูกเหรอ” คำถามทั่วไปจากปากสาวใหญ่ ทำให้ช้อนในมือของสิงห์ร่วงกระทบจานจนเกิดเสียงดัง รู้สึกปวดหนึบ อย่างไม่สามารถหาคำอธิบายได้

   “ ขอโทษครับ” สิงห์รีบบอก ไม่เข้าใจความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในใจ ..

   “ ว่ายังไง มาต่างจังหวัดหลายวันแบบนี้ ลูกอยู่กับใครเหรอ”

   “ อยู่กับแม่ครับ” เสือตอบสั้นๆ คล้ายไม่อยากพูดเรื่องครอบครัวของตนเองกับคนอื่นนัก .
.
   “ อืม ..เป็นอะไรไปน้องสิงห์ เงียบไปเลย” เมื่อเสร็จเรื่องของเสือ ก็หันมาทางสิงห์ต่อและเริ่มสังเกตเห็นว่าสิงห์เงียบไป

   “ เปล่าครับ ..” สิงห์ฝืนยิ้ม ตอบเบาๆ

   “ น้องสิงห์ไม่ได้อยู่ที่เรือนพักพนักงานชายเหรอครับ ..พี่ไม่เห็นน้องสิงห์เลย ถามพวกพนักงานชายก็ไม่มีใครรู้”  วิบูลย์พยายามหาเรื่องคุย เลยเอ่ยถามเรื่องแรกที่เขาคาใจ

   “ เปล่าครับ ผมอยู่ห้องพักข้างบน”

   “ เอ๊ะ ..พวกพนักงานต้องอยู่เรือนพักกันทั้งนั้นนะ” สมาพรเริ่มเอะใจ

   “ ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็นพนักงาน”

   “ แต่พี่จำได้ว่าสิงห์บอกว่าทำงานฝ่ายพิเศษ” คราวนี้คนที่เงียบที่สุด เป็นคนถามทั้งยังส่งสายตาตั้งคำถามจ้องตรงมาโดยเฉพาะ

   “ ครับ ทำงานฝ่ายพิเศษแต่ไม่ใช่พนักงานครับ” รู้สึกขัดตาเสือขึ้นมาเฉย ๆ เลยแกล้งยิ้มอ่อน ตอบเหมือนไม่ได้ตอบ ยียวนกลับ แล้วก็หันหน้าไปทางเวทีตัดบทสนทนา

    สามคนที่เหลือมองด้วยความแปลกใจ แต่เพราะเสียงจากเวทีทำให้ต้องหยุดเรื่องที่สงสัยไว้

   “ สวัสดีค่ะ น้องหนุงหนิง กับ โตโต้ จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ วันนี้พวกเรารับหน้าที่พิธีกรเจ้าค่ะ” พิธีกรสาวร่างอวบอิ่มสวมชุดเดรสสีฟ้า กับชายร่างเล็กใบหน้าผุดผาดด้วยเครื่องสำอาง ทั้งสองวาดลวดลายอย่างมีจริตจะก้าน เรียกเสียงหัวเราะให้กับพนักงานคนอื่นๆได้ดีนัก

   “ ดูท่าคุณพี่คุณน้องคงอิ่มหนำสำราญกันแล้ว เรามาเล่นเกมเล็กๆน้อยๆย่อยอาหารกันดีกว่านะคะ” โตโต้ยิ้มอย่างมีจริต ดัดเสียงแหลมผ่านไมโครโฟน ชักชวนเข้าสู่ช่วงกิจกรรม ..

   โดยเรียกตัวแทนขึ้นมาทั้งหมด 4 คู่

   เป็นเกมใบ้คำ ..ให้แสดงท่าทางห้ามออกเสียง ภายใน 1นาทีให้ทายคำให้มากที่สุด ...โดยคำจะปรากฏขึ้นบนจอ LED ด้านหลัง มีเพียงคนทายคนเดียวเท่านั้นที่มองไม่เห็นคำ ..

   เหล่าแก๊งนางฟ้าฝ่ายบุคคล รับอาสาเล่นเกม  4 สาว ปรากฏตัวขึ้นราวกับดาวเด่น ดูเครื่องแต่งกายก็บอกชัดว่าจงใจเด่นกลบรัศมีคนอื่น

   แม้จะเด่นเพียงไหน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับคู่ชายหญิงจากฝ่ายประชาสัมพันธ์

   “ ขอเชิญคุณดารณี เป็นผู้มอบรางวัลค่ะ ถึงเกมจะดูกะโหลกกะลาไปหน่อย แต่รางวัลไม่น้อยใช่ไหมคะโตโต้”

   “ ถูกต้องค่ะหนุงหนิง เพราะรางวัลของเกมนี้คือสร้อยทอง 1 สลึงสองเส้นเจ้าค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานก็ปรบมือ เฮอย่างถูกอกถูกใจ ..ดารณีก้าวขึ้นเวที พร้อมสวมสร้อยทอง 1 สลึงให้กับพนักงานทั้งสอง

   จากนั้นก็หยุดถ่ายภาพกลางเวทีเล็กน้อย สองสาวพิธีกรรีบเข้ามาประกบอย่างไม่ยอมพลาด ..พวกสี่สาวแก๊งนางฟ้าหน้าหงิก กระทืบเท้าเดินลงจากเวทีไปอย่างหงุดหงิด

----
   
   “ เกมต่อไปเราขึ้นไปเล่นกันดีกว่าน้องสิงห์  สร้อยทองตั้ง 1 สลึง ..ตีเป็นเงินก็ 5 พันกว่าบาท” สมาพรเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นรางวัล

   “ ท้ายงานมีจับฉลากด้วยนี่ครับ ..เห็นว่ารางวัลใหญ่ เป็นเช็คเงินสด 1 แสนบาทนะ”

   “ น้องสิงห์พูดจริงเหรอคะ ...งานนี้รวยแล้วนังพร ”

   “ ครับ เดี๋ยวก็รู้ครับ”

   “ ว่าแต่น้องสิงห์รู้ได้ยังไงครับ” วิบูลย์พลอยจะตื่นเต้นไปกับสิ่งที่ได้รู้ ..พลางถามอย่างสงสัย

   “ ความลับครับ” ปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม ..แล้วหันกลับไปสนใจเกมใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น ..



   งานดำเนินต่อไปจนมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนการจับรางวัล เมื่อนายนรชาติ ผู้จัดการทั่วไปขึ้นมากล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆกับพนักงาน

   “ ก่อนจะจับรางวัลพิเศษตอบแทนพนักงานทุกคน ..ผมอยากให้ทุกคนได้รู้จักกับ ผู้จัดการฝ่ายพิเศษ
..คุณนรสิงห์ เทวะสิงหบดี ขอเชิญขึ้นมาบนเวที หน่อยครับ” และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ดารณีคงเล่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายให้ อานรชาติฟังหมดแล้ว อีกฝ่ายเลยเชิญเขาขึ้นเวทีเพื่อเปิดตัว ..

   “ ขอเชิญครับ” นรชาติเรียกย้ำอีกครั้ง ..ร่างสูงสมส่วนจำต้องลุกจากเก้าอี้ ท่ามกลางความแปลกใจของพนักงานในงาน ..

   “ คิดว่าทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว ..คุณนรสิงห์ หรือน้องสิงห์ ขนาดผมเพิ่งมาถึงยังได้ยินเสียงอื้ออึงในออร่าของน้องสิงห์ ที่กระแทกตากระแทกใจใครๆหลายคน ..” ก่อนนรสิงห์จะเดินมาถึงเวที ก็โดนนรชาติผู้เป็นอาแซวต่อเรื่อยๆ ตามประสาคนเฮฮา
 เรียกเสียงหัวเราะจากพนักงานคนอื่นๆ จะมีก็แต่แก๊งนางฟ้าที่หน้าซีดไปตามๆกัน ..

   “ พูดอะไรกับพนักงานหน่อยสิครับ น้องสิงห์เจ้าเสน่ห์”

   “ อาชาติ..” หลานชายมองอาตาเขียว แต่ก็ยอมรับไมโครโฟนไปถือไว้ ..สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง

   “ สวัสดีครับ ..หวังว่าทุกคนคงไม่ตกใจไปเสียก่อน จริงๆ ก็ไม่ได้อยากแกล้งอะไรหรอกครับ แต่พอดีเจ๊พรเขาเข้าใจผิดเลยลากลงไปเล่นเกม ..สุดท้ายเลยปล่อยเลยตามเลย ..”

   “ ใครที่หมายตาคุณสิงห์ออร่า ไว้มีอันต้องแห้วนะคะ...” พิธีกรอย่างโตโต้ที่ยืนอยู่อีกด้านของเวทีเอ่ยแทรกขึ้น เรียกเสียงโห่ร้องจากพวกพนักงานชายที่ผิดหวังกันตามระเบียบ ขณะที่พนักงานสาวกรี๊ดกร๊าดถูกใจโพรไฟล์ชายหนุ่มเข้าเต็มตาเต็มใจ

   “ อยากจะจีบก็ไม่ว่า อยู่ที่...จะกล้าจีบรึเปล่าก็เท่านั้น ” ยิ้มร้ายแย้มยก ..ก่อนจบประโยคด้วยการขยิบตาซ้ายวิ้งๆหนึ่งที พวกพนักงานชายตบมือ เป่าปากอย่างถูกใจที่ความหวังไม่ดับมอดเสียทีเดียว

   นรสิงห์เดินลงจากเวทีและกลับไปนั่งที่เดิม หลายคนยังคงมองด้วยความสนใจ แต่คนที่ดูจะเกร็งที่สุดไม่พ้น สมาพร ..

   “ แหม คุณสิงห์จะกระซิบบอกพี่บ้างก็ไม่มี..”

   “ เอ้า กลายเป็นคุณสิงห์เสียแล้ว” สิงห์ยิ้มกว้าง ล้ออีกฝ่ายเบาๆ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาสิงห์

   “ สายจากคุณท่านครับ คุณหนู” สิงห์พยักหน้ารับ รับโทรศัพท์มือถือจากมือชายคนนั้นและขอตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง ..จากนั้นสิงห์ก็หายไปเลย ไม่ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ...

   สมาพรนั่งคุยเรื่องสิงห์ต่อกับ วิบูลย์และเสือ ..จากเรื่องเครียดๆ สุดท้ายก็กลายเป็นความขบขัน งานจบลงด้วยการจับรางวัล


ต่อด้านล่าง  :z10:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 00:24:17 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #11 เมื่อ26-04-2014 17:25:14 »

ต่อค่ะ  :ling3:

“ ต่อไปนี้ขอเชิญ พรีเซนเตอร์ โครงการใหม่ที่ชะอำของบริษัทสิงหบดีกรุ๊ป คุณแนนนี่ นารา ซุป’ตาร์
ที่มาแรงที่สุดของ พ.ศ.ขึ้นมาบนเวทีด้วยค่ะ” 

นรชาติและดารณีลงจากเวทีไปแล้ว โตโต้พิธีกรหนุ่มสวยจึงเริ่มอ่านสคริปต์ต่อไป
   ร่างสูงระหงของดาราสาวเจ้าบทบาท ที่โด่งดังที่สุดของปี เดินขึ้นมาบนเวทีอย่างเฉิดฉาย ชุดสีแดงเพลิง
..แต่งมาฉีกธีมงานอย่างจงใจ

   “ สวัสดีค่ะ ..แนนนี่ขอร่วมสนุกเป็นคนจับรางวัลให้ค่ะ งานนี้แนนนี่ทุ่มทุนมาจากกรุงเทพโดยเฉพาะ” เสียงหวานพูดผ่านไมโครโฟน ตามด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หนุ่มหลงใหลได้ไม่ยาก

   “ ตอแหล ..” หนุงหนิงกระซิบเสียงแผ่ว หมั่นไส้ ..เพราะหน้าฉากกับหลังฉากต่างกันสิ้นเชิง พวกพิธีกรอย่างหนุงหนิงกับโตโต้ต้องไปบรีฟงานซักซ้อมกันก่อน

   โดยเซอร์ไพรส์ใหญ่คือการให้ นางเอกซุปตาร์ พรีเซนเตอร์โครงการคอนโดหรูที่ชะอำมาจับรางวัลในงาน ..
   แต่แม่เจ้าพระคุณไม่ลงมาซ้อม บอกให้ผู้จัดการส่วนตัวมาบอกว่า ตนเป็นมืออาชีพพอ ไม่ต้องซ้อม
   แถมผู้จัดการยังเรื่องเยอะต้องการโน่นนี่มากมาย ..หนิงกับโตโต้ที่อยู่หลังเวทีได้ยินทุกอย่าง ..

     ส่วนนรชาติกับดารณีก็หน่ายใจ เพราะขนาดยอมให้แม่ซุปตาร์มาพักห้องหรูที่สุดของโรงแรม ทั้งยังต้องมีห้องให้กับผู้จัดการส่วนตัว แถมยังมีสื่อบันเทิง 1 เจ้ามาถ่ายระหว่างที่ซุปตาร์สาวจับรางวัลอีกด้วย เพื่อแลกกับการมาร่วมงานแค่ 10 นาที ..
   การจับรางวัลเริ่มขึ้น จนมาถึงรางวัลรองสุดท้าย ..

   “ สาวๆต้องชอบรางวัลนี้แน่นอนค่ะ เพราะเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับเกาหลีสองที่นั่ง มูลค่า 6 หมื่นบาทที่สำคัญยังมีบัตรคอนเสิร์ตใหญ่ของเจ้าชายแห่งเอเชีย ปาร์ค วอน อีก 2 ใบ” หนิงอ่านรายละเอียดรางวัลจบ พวกสาวใหญ่สาวเล็ก ต่างกรี๊ดดีใจราวกับถูกหวย ..เมื่อได้ยินชื่อดารานักร้องชาวเกาหลีที่ไปโด่งดังเล่นหนังฟอร์มยักษ์ที่ฮอลลีวูด

   รางวัลตกไปเป็นของ พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์คนหนึ่ง พวกที่ลุ้นแอบเสียดายตามๆกัน

   ส่วนรางวัลสุดท้าย เช็คเงินสด 1 แสน ..นั้นเรียกเสียงฮือฮาจากพนักงานทุกคนได้ดีทีเดียว ต่างคนต่างลุ้นใจจดใจจ่อ ...

   “ ว่าแล้วเชียว ..เกิดเป็นนังพร กรรมมันหนักชวดทุกรางวัล” สุดท้ายรางวัลใหญ่ก็ตกไปเป็นของคนอื่น เจ๊พรเดินกลับบ้านตัวเปล่าไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไป ส่วนเสือกับวิบูลย์ นั้นได้รางวัลเล็กเป็นสร้อยทองคำ 1 สลึง คนละ 1 เส้น ..
   การสัมมนาฝ่ายจบลงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

   “ เดี๋ยวขอแรงพวกผู้ชายช่วยเก็บของหน่อยนะจ๊ะ..” เนื่องจากเป็นโรงแรมของบริษัท หลายอย่างก็ต้องช่วยๆกันไป
   พวกผู้ชายถูกเกณฑ์มาเก็บกวาดสถานที่ เก็บอุปกรณ์ ข้าวของต่างๆ ..

   ซึ่งทุกคนก็เต็มใจ ..

   “ น้องช่วยพี่ยกลังเอกสารนี้หน่อยได้ไหมคะ ..” พนักงานสาวใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นกับเสือ..

   “ ได้ครับพี่” เขารับอย่างแข็งขัน ก้มลงยกลังเอกสารที่มีเอกสารอยู่หลายฉบับ ทั้งยังมีโปสเตอร์อยู่หลายม้วน เสือเดินตาม พนักงานคนนั้นมาเรื่อยจนเข้ามาในลิฟต์

   ทั้งสองขึ้นมาถึงชั้น 16 ..

   “ ขอบใจมากจ้ะ ..พี่รบกวนอีกอย่าง ช่วยเอาเอกสารซองนี้ไปให้คุณดารณีที่สระว่ายน้ำชั้น ดาดฟ้าหน่อย..” เมื่อมาถึงหน้าห้อง ก็ไขประตูรับลังเข้าไปวางในห้อง แล้วหยิบซองเอกสารสีเหลืองอ่อนส่งให้

   “ ได้ครับ” ชายหนุ่มวัย 31 ปีรับมา นึกแปลกใจ แต่ก็ยอมรับปากตามประสาคนชอบช่วยเหลือคนอื่น เสือกลับเข้ามาในลิฟต์กดชั้นบนสุด ..รออยู่พักใหญ่ลิฟต์ก็มาจอดที่ชั้นดาดฟ้า ..

   ซึ่งแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นส่วนอาคาร อีกครึ่งเป็นส่วนสระว่ายน้ำ มีบาร์บริการเครื่องดื่ม อาหาร .. และมีที่นั่งสำหรับชมวิวทะเล ..
   เขาเดินเข้ามาบริเวณสระน้ำที่เปิดโล่ง มีฟ้ามืดเป็นหลังคา มีดวงดาราเป็นแสงไฟ ผู้คนบางตา กระจายกันเป็นคู่ๆ
กวาดตามองคงมีไม่ถึงสิบคน

พนักงานประจำอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มและอาหารสองคน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ มีเสียงลม และเสียงคลื่นจากทะเลเป็นระยะๆ ..
   “ คุณดารณีอยู่ไหนนะ ..” ชายหนุ่มเดินหาอย่างอดทน ไม่เข้าใจว่าดารณีจะมาทำอะไรที่สระว่ายน้ำเวลา 2 ทุ่มกว่าแบบนี้

..เขาเดินหาจนเกือบรอบ ก็พบร่างของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นม้านั่งยาวแบบมีพนัก หันหน้าเข้าสู่ท้องทะเลยามค่ำคืน ..เพียงเสี้ยวหน้า

   ก็จำได้ดีว่าเป็นใคร

   “ คุณสิงห์” 

   “ พี่เสือ..มาทำอะไรที่นี่ครับ” สิงห์ดึงตัวเองออกจากความคิด หันไปทางคนเรียก ก็เห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ นึกแปลกใจ

   “ ผมมาหาคุณดารณีครับ มีพนักงานคนหนึ่งฝากให้เอาเอกสารมาให้คุณดารณีที่สระว่ายน้ำ”

   “ อาณีนี่นะ...เอ๋ ??? ...อ๋อ !!! ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ..แต่เพียงชั่วครู่สมองก็ประมวลผลทุกอย่าง ภาพเมื่อ 10 นาทีก่อนย้อนกลับมา หลังเขาวางสายจากคุณปู่ดารณีก็โทรเข้ามา

   ‘ อาเห็นหน้าพี่เสือของสิงห์แล้วนะ ..ดูธรรมดาๆ แต่หุ่นดี ตัวสูงเชียว แถมยังดูซื่อๆดี ’

   ‘ ไม่ใช่ของสิงห์สักหน่อย’

   ‘ น้องสิงห์อยู่ที่ไหนจ๊ะ’

   ‘ สระว่ายน้ำ ดาดฟ้าครับ ว่าจะนั่งชมวิวต่อสักพัก’

   ‘ อ๋อ ...แค่นี้นะหลานรัก ’ พราวเสียงหวานก่อนกดตัดสายไป ..สิงห์เพิ่งเข้าใจว่าอาสะใภ้กำลังจะทำอะไรอยู่

   แต่มันก็ดันติดปัญหาใหม่ที่ดารณียังไม่รู้
   เสือมีลูกมีเมียแล้ว ...
   คิดแล้วก็หงุดหงิด ปวดหนึบในใจอย่างบอกไม่ถูก

   “ เอกสารฝากไว้ที่ผมก็ได้ ..นั่งก่อนไหมครับ” สิงห์บอกเสียงเรียบ มองอีกฝ่ายเล็กน้อย
   เสือเองก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ยอมนั่งลงใกล้ๆ ทิ้งระยะห่างเพียงเล็กน้อย

   ลมเย็นยามค่ำพัดคลายร้อน พัดมาเป็นระยะๆ มองดูไปข้างหน้าก็เห็นทะเลกว้างใหญ่

   “ อยู่ฝ่ายอำนวยการเป็นยังไงบ้างครับ”

   “ ก็ดี ..เอ่อ ผมพูดได้เหรอครับ” เขาไม่แน่ใจที่จะพูดนัก หากสิงห์ยังคงเป็นน้องสิงห์ พนักงานที่มีฐานะเท่าเทียมกันคงกล้าพูด

   “ พูดสิครับ”

   “ งานก็เหมือนมีไปวันต่อวัน ส่งเอกสาร พิมพ์เอกสาร บางวันก็นั่งรอให้ครบชั่วโมง ไปพักกินข้าว กลับมาทำต่อนิดหน่อยก็เลิกงาน วนเวียนไปแบบนี้” นั่นคืองานของฝ่ายอำนวยการที่มีพนักงานมากเกินความจำเป็น ..

   งานหลักของพนักงานบางคนในฝ่ายคือ การส่องอินสตราแกรมดารา ส่องเฟซบุ๊ค เล่นคุกกี้รัน ปลูกผัก เลี้ยงหมู ตามแต่สารพัน..


   “ พี่ทำงานที่บริษัทมากี่ปีแล้วครับ”

   “ 7 ปีครับ ประมาณ 7  ปี” ยักษ์หนุ่มยกมือนับนิ้วเล็กน้อย แล้วตอบ

   “ แล้วอยากทำฝ่ายอื่นไหมครับ”

   “ มันก็อยากทำนะครับ แต่ไฟเหมือนจะมอดลงจนใกล้หมด ..ทีแรกผมเริ่มงานที่ฝ่ายการเงิน แต่ทำไปไม่นานก็ถูกย้ายไปฝ่ายอื่น ปีต่อมาก็ย้ายอีก และถูกย้ายอีกครั้งเมื่อสองปีก่อน ตอนคุณนรชัยมารับตำแหน่ง..แล้วคุณสิงห์ละครับ”  ความสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นเกิดขึ้น จนเสืออยากพูด อยากเล่า
   ทั้งยังอยากรู้เรื่องของคนข้างกาย ..   สิงห์ยื่นมือข้างขวาส่งมาให้ ..เสือมองมือนั้นอย่างแปลกใจ

   “ จับดูสิครับ” เสือไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยอมจับ ..และพบว่ามันไม่ได้นุ่มนวล น่าจับเหมือนมือผู้หญิง ดูผิดจากรูปลักษณ์ของสิงห์เป็นไหนๆ

เพราะมือของสิงห์ค่อนข้างหยาบ สันมือมีร่องรอยแผลเป็น ตามข้อนิ้วก็แข็งๆ ด้วยเฉพาะส้นมือแข็งหยาบอย่าง
คนทำงานแบกหาม

   “ หลังจากเรียนจบ ..หากจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร มีธรรมเนียมอยู่หนึ่งอย่างคือต้องผ่านการฝึกงานทุกฝ่าย ใช้เวลาฝึกงานไม่เกิน 3 เดือน พี่รู้ไหมว่างานแรกของผมคืออะไร..”

   “ ไม่ทราบครับ”

   “ งานแรกของผมคือทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง ..ต้องแบกปูน ตัดเหล็ก ขุดหลุม ก่ออิฐ ฉาบปูน ..พอผ่านไซต์ก่อสร้าง ก็ต้องไปฝึกต่อที่ฝ่ายแม่บ้าน ห้องน้ำของบริษัทชั้นหนึ่งยันชั้นบนสุด ผมต้องลงมือขัดไม่เว้นแม้กระทั่งชักโครก หรือโถฉี่”

   “ หา จะเป็นผู้บริหารต้องทำขนาดนี้เลยเหรอครับ” เสือไม่ยักจะเชื่อ แต่ร่องรอยบนมือของสิงห์ ก็ดูไม่ใช่เรื่องโกหก

   “ สำหรับคนอื่นคงไม่ใช่ แต่สำหรับผม..มีทางเลือกเดียวคือต้องทำ  ผมฝึกแม่บ้านอีก 1 เดือน ..จากนั้นถึงได้เริ่มฝึกฝ่ายอื่นๆของออฟฟิศ กว่าจะครบก็ใช้เวลาทั้งหมด 1ปี เต็ม”

   “ คุณสิงห์บอกว่าฝึกหลังเรียนจบ ..ทำไมคุณสิงห์พึ่งมาทำงานที่บริษัทล่ะครับ”

   “ ผมทำงานที่บริษัทลูกครับ ..เริ่มจากบริษัทวัสดุภัณฑ์ จากนั้นก็บริษัทซัพพลาย ตามด้วย คอนสตรัคชั่น จนสุดท้ายก็มาทำงานที่บริษัทใหญ่นี่แหละครับ”

   “ ผมนึกว่าตัวเองเปลี่ยนงานบ่อยคนเดียวเสียอีก”  อดจะนึกไม่ได้ว่าสิงห์น่าจะเหยาะแหยะ ตามประสาลูกคุณหนู ..ก็เล่นเปลี่ยนงานบ่อยขนาดนั้น

   “ ครับ พ่อชอบทำให้ผมดูเหมือนเป็นคนไม่เอาไหน ..และใครๆก็คิดแบบนั้น”


   “ ขอโทษครับ ผมแค่..” เสือรู้ตัวว่าพลาด ยิ่งเห็นรอยหม่นในดวงตากลมที่ทอดมองท้องทะเล ใจเขาเริ่มสั่น ..หวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธ

   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ต้องคิดมาก..ผมว่าจะกลับไปนอนแล้วล่ะ” สิงห์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มแกนๆ ที่ดูยังไงก็ดูออกว่ามันฝืนทน ...จากนั้นก็ลุกพาร่างสูงโปร่งเดินออกไปพร้อมซองเอกสาร

   เสือยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ..รู้สึกว่าพูดมากไป .. แต่ก็จำต้องปล่อยมันไปไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ...

   ช่วงเวลาของการสัมมนาจบลง แต่หัวข้อที่โจษจัณฑ์กันมากที่สุด มีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือรางวัลใหญ่ 1 แสนบาท ส่วนอีกเรื่องคือ เรื่องของน้องสิงห์ออร่ากระแทกตากระแทกใจ ..อื้ออึงไปทั่วบริษัท    จนลอยลมไปถึงหูประธาน



ต่ออีกนิดข้างล่าง  :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 00:57:34 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #12 เมื่อ26-04-2014 17:34:36 »

 :katai5: ต่อ

ก่อนอ่าน : ตัวละคร มีมาก ไม่ต้องสนใจนัก จำชื่อ เสือ สิงห์ ..ก็พอค่ะ คนอื่น เวลาออกจะมีคำห้อยท้าย แนะนำไว้ตลอด
ไม่ต้อง เครียดที่จะจำ




วันอาทิตย์ ( ก่อนเริ่มงาน 1 วัน )

   ณ คฤหาสน์สิงหบดินทร์ 


   สมาชิกครอบครัวเทวะสิงหบดี สายตรงทั้งหมดของเจ้าของคฤหาสน์มารวมตัวกัน ..เมื่อเป็นคำสั่งของ คุณปู่นรบดินทร์
 ประมุขผู้นำตระกูล ทุกคนย่อมต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้
   รู้กันดีว่าคุณปู่นรบดินทร์เป็นคนเข้มงวด และค่อนข้างเจ้าระเบียบ ลูกหลานล้วนให้ความเคารพนับถือ
และพร้อมเชื่อฟังคำของคุณปู่อย่างไม่มีข้อแม้

   คุณปู่เป็นลูกชายคนโตมีน้องทั้งหมด 10 คน แต่มีชีวิตเหลืออยู่แค่เพียง 3 คน ทั้งสามเป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายต่าง ๆ
ของสิงหบดีกรุ๊ป ต่างก็มีลูกหลานของตนเอง 

   ถ้านับรวมคนรุ่นลูกทั้งหมดของตระกูลก็มีอยู่ประมาณเกือบ 10 คน
   ส่วนรุ่นหลานก็มีอยู่ประมาณ 20 คน และปัจจุบันก็มีรุ่นเหลนแล้วถึง 2 คน

    เทวะสิงหบดี ถือเป็นครอบครัวใหญ่ และมีโครงสร้างของตระกูลที่ค่อนข้างแข็งแรง ..
   ทั้งยังเป็นพญาสิงห์แห่งวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

   วันนี้ปู่นัดเฉพาะพวกลูกหลานสายตรงของตน ..เลยมีคนมาร่วมโต๊ะกินข้าวแค่ 10 คนเท่านั้น
หากยกมาทั้งหมดคงต้องใช้ห้องกินข้าวหลักที่มีไว้สำหรับรับแขกคนสำคัญ..

   ปู่นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ขวามือเป็นนายนรเทพลูกชายคนโต ถัดมาเป็นนรชาติ ดารณี นรชัย และภรรยา

 ส่วนด้านซ้ายมือ เป็นนรสิงห์ หลานรัก ..ต่อด้วย นรชีพ นรณัฐ ลูกชายแฝดของนรชาติ
   ต่อจากนั้นคือ นรชโย และนรชเยนทร์ ลูกชายของนรชัย

   บรรดาหลานชายทั้งหมด ..มีแต่คนนั่งข้างปู่เท่านั้นที่กล้าพูด กล้าคุย คนอื่นถ้าปู่ไม่ถามก็ไม่พูด ไม่ตอบ
รู้สึกกลัวทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้คนเป็นปู่ แม้ว่าแต่ละคนจะอายุมากกว่า 20 แล้วก็ตาม

   “ สัมมนาสัปดาห์ก่อนไปทำอะไรมา ทำไมพวกหนุ่มๆบริษัทปู่ถึงได้หลงเสน่ห์เก็บเอาไปเพ้อขนาดหนัก” เมื่อกินอาหารไปได้ครึ่งทาง ปู่ก็เปรยถามขึ้นกับหลานชายคนโต

   “ เปล่าทำสักหน่อย ..อาณีไม่ได้รายงานปู่เหรอ ว่าหนูถูกเข้าใจผิด สุดท้ายก็เลยตามเลย เนียนๆไปกับพวกพนักงาน”

   “ ไร้สาระ ..วันๆดีแต่หว่านเสน่ห์ พวกเกย์ก็เป็นแบบนี้แหละ ” คงไม่มีใครอื่นกล้าพูดขัดขึ้นมากลางวง นอกจาก ลูกชายคนโตของปู่...ไม้เบื่อไม้เมาของสิงห์.. แม้จะได้ชื่อว่าเป็นพ่อลูกกันก็ตามที

   “ ก็หนูมีเสน่ห์จะหว่านสักหน่อยจะเป็นอะไร ..ถึงหนูจะเป็นเกย์ หนูก็ภูมิใจ ไม่ได้ขอตังค์ใครใช้ จะแคร์อะไร ” คิดว่าจะยอมเหรอ ..สิงห์ก็เป็นแบบนี้แหละ กับคนอื่นเขาอาจยอมลงให้แต่กับพ่อไม่มีทาง

..รอยร้าวระหว่างพ่อลูกที่เกิดขึ้นมายาวนานไม่มีวันประสานรอยกลับเป็นเนื้อเดียวกันได้ ..

   “ ไอ้หนู” คนเป็นพ่อกัดฟันกรอดๆ ช้อนในมือแทบจะหักไปตามแรงที่กำไว้ จนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือชัดเจน

   “ พรุ่งนี้ก็เข้าไปทำงานแล้ว ..หนูเลือกพนักงานที่จะมาทำงานเป็นผู้ช่วยได้หรือยัง”

   “ ได้แล้ว..มาจากฝ่ายของอาชัย .. หนูเลือกมาสองคน ให้อาณีจัดการส่งเรื่องไปที่ฝ่ายบุคคลเรียบร้อยแล้วครับ”

   “ เอ๋ เจ้าชัยรู้เรื่องหรือยัง มีปัญหาอะไรไหม” แม้ฝ่ายอำนวยการจะเป็นฝ่ายที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรักษาหน้าลูกชายคนเล็ก แต่การจะดึงคนจากฝ่ายนี้มา

อย่างน้อยๆก็ต้องถามความสมัครใจจากผู้จัดการฝ่ายเสียก่อน

   “ โอเคครับคุณพ่อ..ผมโอเค” ชายวัยกลางคนที่นั่งเกือบท้ายสุดของแถวด้านขวารีบยกมือส่งสัญญาณ ปู่พยักหน้ารับแล้วหันมาคุยกับหลานรักต่อ

   “ พรุ่งนี้เริ่มงานแล้ว...ตอนนี้บริษัทมีปัญหาเรื่องมิสเตอร์คาโน่ ปู่ว่าจะให้หนูรับงานนี้ไปจัดการ ถือเป็นการประเดิมงานแรกในฐานะผู้จัดการฝ่ายพิเศษ” งานใหญ่และเป็นหายืดเยื้อมายาวนาน แต่เพราะผลงานที่ผ่านมาตลอดหลายปีของสิงห์ทำให้คนเป็นปู่วางใจ ..

   “ โอเคครับ หนูทำได้อยู่แล้ว” สิงห์พยักหน้ารับอย่างไม่หนักใจนัก

   “ อย่าดีแต่ปากล่ะ งานใหญ่ขนาดนี้แค่โชคมันไม่ช่วยให้งานสำเร็จหรอก” และก็เป็นเจ้าเดิมที่ต้องขัดทุกครั้งที่สบช่อง

   “ คุณป๊า ..” สิงห์มองหน้าพ่อ เรียกเขาเสียงเขียว ตาจ้องมองอย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนพ่อดูถูกตลอดเวลา

   “ ทำไม ..”

   “ อย่าไปสนใจไอ้เทพมันเลย ..หนู” ปู่ต้องรีบไกล่เกลี่ย กลัวสองพ่อลูกจะทะเลาะกันกลางวงกินข้าว

   “ หนูไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงกาหรอกโดยเฉพาะกาแก่ๆ ขี้อิจฉา หนูไม่เอามาเป็นธุระให้หนักสมอง ก็แค่อีกาขี้อิจฉาได้ข่าวว่าตามตื้อมิสเตอร์คาโน่มาสองเดือนเต็มๆ สุดท้ายก็แห้ว ...สงสัยจะกลัวว่าหนูทำสำเร็จ อีกาแก่เลยกันท่า ...” เจ้าหนูสิงห์ตอบกลับอย่างแสบสันต์ ดารณีกับนรชาติแทบสำลักข้าว คนอื่นๆกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ

   เมื่อมวยคู่เอกชกกันเมื่อใด ..กองเชียร์ก็มักลุ้นอยู่ขอบสนามใจจดใจจ่อ รอคอยว่าฝ่ายไหนจะชนะ

   “ ไอ้กาแก่ๆตัวนี้ นี่แหละจะคอยจับตามองแก ไอ้หนู ...งานนี้คำว่าฟลุคไม่พอหรอกนะ”

   “ ฟลุคงั้นเหรอ..หนูเรียนจบมาก่อนจะเข้าทำงาน คุณป๊าให้ไปฝึกงานฝ่ายต่างๆของบริษัทลูก หนูก็ยอมทำแม้ต้องไปแบกถังปูน แบกเหล็กที่ไซต์ก่อสร้าง 2 เดือนเต็ม ๆ หรือจะให้ไปอยู่แผนกแม่บ้านขัดห้องน้ำอีกเดือนกว่า งานฝ่ายไหนแผนกไหนหนูก็ฝึกผ่านมาตลอด หนูใช้เวลาฝึกถึง 1 ปีทั้งที่ปกติฝึกไม่เกิน 3 เดือน พอหนูผ่านคุณป๊าก็บอกว่าฟลุค ..

   บริษัทวัสดุภัณฑ์ที่ใกล้จะเจ๊งเต็มที แต่หนูก็ช่วยให้มันฟื้นตัวขึ้นมาขยายสาขาได้มากกว่า 10 สาขาทั่วประเทศ
พอมันรุ่งสุดๆ ก็ถีบหนูไปอยู่บริษัทซัพพลาย     พองานบริษัทซัพพลายรุ่งก็ถีบหนูไปบริษัทคอนสตรัคชั่นต่อ
..นี่หนูเพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทุนสำเร็จไปหยกๆ ก็ถีบหนูมาบริษัทใหญ่อีก ...

   ถ้าทั้งหมดคือความฟลุค คุณป๊าก็ควรรู้นะว่า หนูนะมันเกิดมาพร้อมดวง
และเป็นโคตรของโคตรดวงด้วย

ดั่งคำทำนายที่ติดตัวเขามาแต่เกิด    ยิ่งผ่านเวลามานานเท่าไหร่ก็ยิ่งพิสูจน์ให้คนในตระกูลรู้
   ว่าสิงห์เกิดมาเพื่อเป็นใหญ่ ..เพื่อนำพาตระกูลไปสู่ความสำเร็จยิ่งใหญ่ 
   หากนรเทพกลับ..ไม่เชื่อเช่นนั้น  พยายามทุกวิถีทางเพื่อข่ม เจ้าสิงห์น้อยไม่ให้ กล้าแข็งเป็นพญาสิงห์รุ่นต่อไป


   “ คราวนี้ถ้าคุณป๊าถีบหนูออกจากบริษัทใหญ่อีก ..หนูจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก..” มือขาวตบโต๊ะจนดังลั่น ลุกขึ้นยืนมองหน้าพ่อพร้อมระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมา แม้แต่ปู่ก็ไม่กล้าขัดเวลาหนูสิงห์อาละวาด

   “ จะหนีไปเมืองนอกงั้นเหรอ แกจะไปได้สักกี่น้ำ”

   “ หนูจะไปฮ่องกง..อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรดี หนูจะไปอยู่กับคุณก๋ง คุณม๊า ไม่กลับมาให้คนขี้อิจฉาค่อนขอดแบบนี้หรอก ” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากบ้านไปด้วยความโมโห โต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบนานเกือบนาที พวกหลานๆแทบจะชะงักค้างกลางอากาศ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ ...

   “ แกนะแก ไอ้เทพ..หาเรื่องกวนประสาทลูกอยู่ได้ ..” เสียงรถคันหรูของหลานชายแล่นออกไปจากบริเวณหน้าบ้าน ประมุขสิงหบดินทร์จึงหันมาตำหนิลูกชายคนโตอย่างเบื่อหน่าย

   แม้นรเทพจะเป็นคนฉลาด หลักแหลม เป็นว่าที่หัวเรือใหญ่ที่จะนำพาสิงหบดีกรุ๊ปก้าวต่อไป ..แต่นรเทพก็มีข้อเสียคือหัวแข็ง รั้น และดื้อด้าน โดยเฉพาะเรื่องของลูกชายเพียงคนเดียว

   ลูกชายผู้เกิดมาข่มดวงนรเทพ..
   แน่นอนว่าตอนเกิด นรเทพย่อมได้รับคำทำนายไม่ต่างจากลูกของตนเอง และนั่นคือสาเหตุที่นรเทพพยายามทำ
ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้คำทำนายนั้นเป็นจริง จนเผลอทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต

   รอยร้าวที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน นอกจากจะเป็นเหตุให้สองพ่อลูกกินแหนงแคลงใจกัน ยังทำให้ ลิลลี่ แม่ของสิงห์ขอหย่าร้างและหนีกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดอย่างฮ่องกง ..

   “ ช่างมันมันอยากไปอยู่กับแม่มันก็ช่าง”

   “ ถ้าหนูสิงห์ไปอยู่ฮ่องกง มึงเตรียมหัวไสหัวออกจากตำแหน่งรองประธานสิงหบดีกรุ๊ปได้เลย คณะผู้นำตระกูลไม่มีใครเอามึงไว้หรอกไอ้ลูกเวร” ประมุขใหญ่ตบโต๊ะดังลั่น ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินกระทืบเท้าหนักหน่วงออกไป

   มื้ออาหารเย็นที่ควรเป็นมื้อแสนสุข ยุติลงต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับ แม้จะมีปลายทางเดียวกันคือ คฤหาสน์สิงหเทพชาติชัย  คฤหาสน์สิงหบดินทร์ไม่ถึงกิโล

สิงหเทพชาติชัย ตั้งตามชื่อของลูกชายทั้งสาม เป็นบ้านที่ประมุขตระกูลสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของลูกชายทั้งสามคนและครอบครัว ..

   เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่กว้างขวางบนเนื้อที่กว่าห้าไร่    ตัวบ้านแบ่งเป็นสี่ชั้นใหญ่ โอ่โถง กว้างขวาง ภายในมีลิฟต์โดยสารสองตัวไม่แตกต่างจากโรงแรมดังๆ

ด้วยความที่สิงหบดีกรุ๊ปทำธุรกิจด้านอสังริมทรัพย์อย่างเต็มตัว คฤหาสน์จึงค่อนข้างทันสมัยและล้ำยุคกว่าบ้านปกติไปมาก
   สิงห์กลับมาที่บ้านก่อนใคร มาถึงก็กลับขึ้นห้องนอนที่ชั้น 3 เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า อารมณ์ค่อนข้างหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด
 ..หลังเก็บของเสร็จ ก็แผ่ตัวลงนอนพักผ่อนเอาแรง     เบื่อที่จะคิดเรื่องผู้ให้กำเนิดตนเต็มที

   สิงห์นอนหลับไปได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็มีเสียงเคาะเรียกหน้าห้องของตน เขาเหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้เวลาทุ่มกว่าๆแล้ว

   “ มีอะไรครับอาณี”

   “ อาขอเข้าไปหน่อย ..” ดารณีพูดขึ้น ในมือถือซองเอกสารสีน้ำตาลติดมือเข้ามาด้วย

   “ เอ๊ะ ..จัดกระเป๋าไปไหนหรือน้องสิงห์” เมื่อเดินมาถึงกลางห้อง ก็เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางเด่นอยู่บนเตียงนอน

   “ สิงห์จะไปอยู่คอนโด เบื่อหน้าคุณป๊า ถ้ายังอยู่กันแบบนี้เรื่อยๆสักวันสิงห์คงเกลียดคุณป๊าเข้าสักวัน”

   “ สิงห์ก็รู้ว่า พ่อเขานิสัยยังไง” อาสะใภ้ที่แต่งงานเข้ามากว่า 20 ปี เปรยขึ้นเพื่อเตือนสติ ค่อนข้างชินชากับภาพของสองพ่อลูกที่มีปากเสียงกัน แต่น้อยครั้งนักที่จะรุนแรงเท่ากับครั้งนี้

   “ สิงห์เบื่อ..ว่าแต่อาณีมีอะไรหรือเปล่า”

   “ นี่จ้ะ ..โทษที พอดีสายสืบของอาขอต่อเวลาเลยเอามาให้ช้ากว่าที่นัดไว้” อาสะใภ้ส่งซองเอกสารที่มีความหนาพอสมควรมาให้สิงห์

   “ อะไรครับ”

   “ ประวัติ นายอัฐมะ พิมพ์ดียังไงล่ะ..” ดารณียิ้มกว้างแล้วขอตัวกลับไปพักผ่อนห้องตนเอง ..สิงห์ถือซองเอกสารมานั่งที่โต๊ะทำงานที่ติดผนังด้านหนึ่งของห้อง ค่อยๆดึงเอกสารในซองออกมาดูอย่างสนอกสนใจ ภาพถ่ายติดมุมขวาของประวัติพนักงานเผยให้เห็น ภาพครึ่งตัวของชายตัวสูงใบหน้าคม สวมแว่นกลมกรอบดำแสนเชย ..

   “ พี่เสือ..” สิงห์ค่อยๆพลิกอ่านไปเรื่อยๆ เอกสารชุดแรกเป็นประวัติจากฝ่ายบุคคล ซึ่งไม่น่าสนใจเท่ากับ ประวัติอีกส่วนที่ค่อนข้างเจาะลึกลงไปถึงเรื่องส่วนตัว

   หลังเรียนจบตกงานอยู่พักใหญ่ เลยสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับ ..แต่ผับเกิดไฟไหม้เลยกลับมาตกงานอีกครั้ง .

   “ นักสืบสำนักไหนวะนี่  รู้ละเอียดจัง” คนอ่านนึกทึ่งความสามารถที่นักสืบลงรายละเอียดได้ลึกขนาดนั้น
     ภาพในหัวเริ่มปะติดปะต่อร้อยเรียงกัน ..และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

   สถานะ พ่อหม้ายลูกติด ..เมียหนีไปเป็นดารา ตามหาฝันในวงการบันเทิง ปัจจุบันเป็น ดาราตัวประกอบ มักรับบทสาวเซ็กซี่

   ข้อมูลแผ่นสุดท้ายมันยิ่งละเอียดใหญ่ แต่มันก็ไม่เท่ากับตัวอักษรที่เขียนด้วยปากกาสีแดงท้ายกระดาษ

   โสด จีบได้ เลิกกับเมียไปนานเกือบ 6 ปี อาณีคอนเฟิร์ม

   สิงห์ถึงกับหัวเราะกับข้อความตัวโตๆที่อาสะใภ้เขียนไว้

   อย่างน้อยสิ่งที่เขาได้รู้ก็ช่วยคลายบ่วงบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ นับตั้งแต่รู้ว่าเสือมีลูกแล้ว ..
   ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ภาพของเสือมักลอยเข้ามาในความคิดเสมอๆ
แต่ก็ต้องยั้งใจ คอยเตือนตัวเองว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว ..แต่พอได้รู้ ไอ้อาการยับยั้งชั่งใจเลยเตลิด ตัดสินใจแน่วแน่..

   สิงห์ ..อยากเลี้ยงเสือ ขึ้นมาแล้วสิ

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

โปรดติดตามตอนต่อไป

Note : มาต่ออีกครั้งสัปดาห์หน้านะคะ ฝากไว้ด้วย ..บะบายค่ะ  o22

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 00:57:05 โดย Pu »

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #13 เมื่อ26-04-2014 17:41:19 »

ลงเยอะได้ใจมากค่ะ

เรื่องนี้เคะรุก?

แอร๊ยยยยขยยยยย

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #14 เมื่อ26-04-2014 17:45:06 »

ยาวดี ชอบบบบ
คุณพ่อกลัวคุณลูกจะนำหน้าาา สงสัยต้องหาคนมาปราบความดื้อนะค่ะะะ  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #15 เมื่อ26-04-2014 17:47:40 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #16 เมื่อ26-04-2014 19:45:32 »

เสือกับสิงห์มาเจอกัน ชักสนุกแล้วสิ รอติดตามค่า

ออฟไลน์ beamintron

  • บีมๆ BMs / l3eamRessT
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #17 เมื่อ26-04-2014 21:14:23 »

อ่าาาาาาห์ เสือ สิงสุดยอดดดดดดดดด

สู้เค้านะพี่สิงห์ ถ้าอิเจ๊(เมียเก่าพี่เสือ)มาทวงต่อยแมร่งเลย เผื่อพี่เสือรวยแล้วมันมาเอาคืน #ลูกของเสืออยู่กับเสือใช่มะ พี่สิงห์ดูแลลูกเสือดีๆนะ(ลูกเสือเสื้อน้ำตาลๆอะหรอ )

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #18 เมื่อ26-04-2014 22:00:20 »

ยาวมากครับ ปลื้ม  :L2:
น้องสิงห์อยากเลี้ยงพ่อเสือลูกติด  :-[
ติดตามครับ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #19 เมื่อ27-04-2014 01:53:54 »

แอร๊ย   :hao7: :hao7:
ชอบบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกก ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หนูสิงห์ก็น่ารัก พ่อเสือก็น่าหยิก
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียน พร้อมขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นแฟนคลับด้วยนะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-04-2014 01:53:54 »





ออฟไลน์ fANSC.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #20 เมื่อ27-04-2014 10:00:45 »

สิงห์อยากเลี้ยงเสือ  :-[

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #21 เมื่อ27-04-2014 15:31:31 »

 :mew3: :mew3: :mew3:

จะเป็นไงต่อน้าาา

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: เสือ VS สิงห์ [ตอนที่ 1-2 P.1]
«ตอบ #22 เมื่อ27-04-2014 19:42:20 »

มาต่อเร็วๆเด้อ น่าสนุกและน่าติดตามมากๆ  :katai4: :katai5: :ling1: :hao6: :pig4: :pig4:

 o13 o13 o13 o13

Pu

  • บุคคลทั่วไป
3
งานใหม่


 :mew3:



   บ้านไม้สองชั้นสีขาว ..เป็นบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ บนเนื้อที่ 250 ตารางวา หน้าบ้านมีสนามเล็กๆ
ปลูกไม้ดอกลงกระถางมากมาย ตั้งเป็นแถวชิดขอบรั้วและกำแพงบ้าน ..
   หญิงวัยกลางคนร่างเล็ก ผมซอยสั้นสวมเสื้อป่านกับซิ่นสีน้ำตาล เดินถือถาดกลับเข้ามาในบ้านหลัง
ตักบาตรเสร็จ

   “ ตื่นเช้าจังเสือ ..ปกติลงมาตอน 7 โมง แต่ทำไมวันนี้ลงมาเร็วขนาดนี้ละ” อรุณีทักทายลูกชายวัย 31 ปี
ด้วยความแปลกใจ ดูจากชุดทำงานที่เป็นเชิ้ตฟ้าอ่อนติดกระดุมเรียบร้อยกับกางเกงทำงานสีดำ ทั้งยังมีกระเป๋าเป้สะพายเตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน เลยสงสัย

   “ พอดีวันนี้ผมต้องไปรายงานตัวกับเจ้านายใหม่ครับ ..เมื่อคืนพี่พรโทรมาบอกว่า ฝ่ายบุคคลจะย้ายผมกับพี่พรไปทำงานฝ่ายใหม่” จะว่าไปเจ้าตัวก็แปลกใจเหมือนกัน ความจริงเขาได้ข่าวมาตั้งแต่เย็นวันพฤหัสที่ผ่านมาแล้วว่า ตนกับสมาพรต้องเปลี่ยนไปทำงานฝ่ายอื่น

   แต่ก็ไม่คิดว่าจะกะทันหันขนาดนี้ เพราะปกติฝ่ายบุคคลจะแจ้งให้ทราบก่อนอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อเคลียร์งานฝ่ายเดิมให้เสร็จ

   หรืออย่างร้ายที่สุดคือ 1 สัปดาห์ในการเตรียมตัวเตรียมใจ
   แต่นี่อะไร .. เช้าแรกของสัปดาห์ก็ต้องเริ่มงานใหม่ แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องย้ายไปฝ่ายไหน ทำงานแผนกอะไร

   “ อ้อ กินข้าวต้มสักหน่อยนะก่อนออกไปทำงาน”

   “ ครับแม่ ..” เสือพยักหน้ารับ เดินไปวางกระเป๋าที่โต๊ะ เดินไปตักข้าวต้มในครัว

   “ ขายของที่ตลาดเป็นไงบ้างครับ” เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ ก็ถามไถ่ตามประสาแม่ลูก

   “ ก็ดีนะ ..แต่อาจต้องหาที่ใหม่” เสียงของแม่บอกอย่างปลงๆ

   “ ทำไมละครับ”

   “ ตลาดติดแม่น้ำขนาดนั้น ..ใครๆก็อยากได้กันทั้งนั้นแหละ ตอนนี้มีคนมาขอซื้อต่อ คุณนายน้อมแกรายหลาย แต่แกก็ไม่ขายเพราะถือว่ามีเงิน แต่แม่ได้ยินมาว่าลูกชายคนเล็กคุณนาย ไปสร้างหนี้สร้างสินมากมาย ถึงคุณนายแกจะมีเงินมาก แต่สักวันก็ต้องหมดสุดท้ายก็คงต้องขายที่”

   “ ชุมชนท่าน้ำใหญ่ก็โดนกว๊านซื้อไปทำคอนโดแล้ว อีกไม่กี่ปีแถวบ้านเราก็คงไม่พ้น ..”  วิถีชีวิตล้วนเปลี่ยนไป ชุมชนริมแม่น้ำที่ห่างออกไปราว 5 กิโลเมตรบัดนี้ สภาพของชุมชนที่มีบ้านเรือนนับร้อยหลังคาเรือน

   อันตรธานหายไป ..กลายเป็นโครงการคอนโดหรูขนาดใหญ่ ราคาต่อห้องเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท
..และเหมือนว่าชุมชนถัดจากท่าน้ำใหญ่ ก็จะถูกกว๊านซื้อที่เพื่อสร้างคอนโดอีก   ทั้งที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด
เม็ดเงินจับจ่ายน้อยลง แต่คนกระเป๋าหนักไม่ยี่หระกับสภาพเศรษฐกิจหรอก ..

   “ แม่ดูที่ทางไว้แล้ว ..เรายังมีสวนทุเรียนของพ่อที่นนท์อยู่อีก 5 ไร่ ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ก็คงต้องย้ายไปที่นนท์กัน ..แต่เสือคงต้องลำบากเรื่องการเดินทาง” แม่บอกอย่างคนเข้าใจโลก ..

   “ อย่าเพิ่งคิดเลยครับ”

   “ แล้วแม่สินี ติดต่อมาบ้างไหม” คนเป็นแม่เลยเปลี่ยนประเด็น ..เอ่ยถามอดีตภรรยา ที่ทิ้งลูกชายไปเพื่อตามหาฝันในวงการบันเทิง ขณะที่ น้องอุ่น ลูกสาวของทั้งสองอายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้นเอง

   “ ไม่ครับ ..”

   “ วันก่อนแม่เจอเขาที่แถวสี่แยก เห็นถ่ายละครอยู่ ...แม่สินีเขาเห็นแม่ แต่ก็ไม่ทัก ทำเหมือนไม่รู้จักกัน ..” อรุณีบอกเสียงเคืองๆ แม้อีกฝ่ายกับลูกชายของนางจะเลิกรากันไปหลายปีก็ตาม

   “ ดีแล้วล่ะครับ ผมรีบไปก่อนดีกว่า..”

   “ ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา ..เราน่ะไปเรือ แป๊บๆก็ถึงที่ทำงาน ไม่ต้องผจญรถติดเสียหน่อย” คนเป็นแม่ส่ายหน้ายิ้มๆ มองดูร่างลูกชายที่เดินไปเก็บชามข้าวต้ม และเดินออกมาหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาแม่

-
-
-
-
   
   เสือ เดินมาตามตรอกเล็กๆ ..ห่างจากบ้านไปสักร้อยเมตร ก็ถึงบริเวณทางเดินที่เลียบกับแม่น้ำใหญ่ ราวเหล็กที่ก่อขึ้นกันคนตก ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ใหญ่ถูกปลูกเรียงรายชิดขอบด้านในทางเดิน เป็นรั้วร่มแผ่เงา บังไอร้อนจากแสงตะวัน

เช้าๆแบบนี้แดดยังอ่อน เขาเดินทอดน่องไม่เร่งรีบ ..แค่เพียงห้านาทีก็มาถึงท่าเรือใหญ่ ซึ่งเป็นชุมทางที่จะนำเขาไปที่ต่างๆได้ง่ายดาย

สายที่เขานั่งนั้น เรือจะออกทุก 15 นาที ..ทันทีที่เข็มนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังบอกเวลา คนเรือก็ส่งสัญญาณบอก ..จากนั้นก็ปลดเชือกพันหลัก แล่นเรือทะยานไปยังท้องน้ำกว้างใหญ่

   ด้วยกฎหมายใหม่ของการคมนาคมทางน้ำ ทำให้อัตราความเร็วถูกกำหนด ..อย่างไรก็ดี มันก็ยังเร็วกว่าการนั่งรถเป็นไหนๆ
   ปกติเสือจะออกจากบ้านไม่เกิน 7 โมงครึ่ง แล้วเดินมาท่าเรือที่ห่างจากบ้านเพียง 5 นาที นั่งเรือต่อไปอีก 15 นาทีก็มาถึงท่าเรือแห่งหนึ่ง

   จากนั้นก็นั่งรถมอเตอร์ไซค์ต่อไปยังบริษัทอีก 5 นาที
รวมเวลาที่ใช้ ตั้งแต่เดินออกมาจากบ้าน ต่อเรือ ต่อมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่เกิน 25 นาที
   8 โมงนิดๆ เขาก็มาถึงที่ทำงาน ..ยังเหลือเวลาเกือบ 50 นาทีกว่าจะเข้างาน ..ถ้าบ้านไม่ได้ติดแม่น้ำ .. การเข้างานตอน 9 โมงเช้า นั่นหมายถึงเขาต้องออกจากบ้านไม่เกิน 6 โมงเช้า และติดแหง็กอยู่กับการเดินทางอีกเป็นชั่วโมงๆ 


   แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหมู่บ้านของเขาจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ..
   ความเจริญก้าวหน้าที่เริ่มรุกคืบ ..อำนาจของเงิน และนายทุน ที่เข้ามากว๊านซื้อที่ดินริมแม่น้ำเพื่อนำไปสร้างโรงแรม คอนโด

อย่างชุมชนท่าน้ำใหญ่ บัดนี้แปรสภาพเป็นคอนโดสุดหรูและตึกให้เช่าหลายหลัง เป็นอภิมหาโครงการร่วมทุนหลายพันล้าน...

   และบริษัทที่เป็นเจ้าของก็ไม่ใช่ใครอื่น ..ก็บริษัทที่เขาทำงานอยู่ตอนนี้นี่แหละ

   บรรดาสำนักเศรษฐกิจ ต่างให้ความเห็นตรงกันถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่อาจเข้าขั้นวิกฤตเพราะปัญหาความยืดเยื้อทางการเมือง ที่ระอุร้อนมาตั้งแต่กลางปีก่อน ตลอดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่ลดต่ำลงจนน่าใจหาย..

   หากสิงหบดีกรุ๊ปก็ยังสามารถผงาดอยู่ได้ในวงการอสังหาริมทรัพย์
   แต่ใช่ว่าพญาสิงห์จะผงาดกล้าเพียงลำพัง ..ในวงการต่างรู้กันว่า ยังมี ยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจ บารมี และเงิน ทัดเทียมกัน นั่นคือ 
   พญาอาชา อัศวเมธากรุ๊ป ..



ต่อด้านล่างเคอะ  :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 00:17:54 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
ต่ออีกหน่อย


เสือ และสมาพร พบกันที่ล็อบบี้ของบริษัท ต่างฝ่ายต่างตื่นเต้นกันงานใหม่ ..
แต่ดูเวลายังเหลืออีกมากเลยชวนกันไปกินกาแฟที่ร้าน 24 ชม.ตรงข้ามบริษัท    พอ 8 โมงครึ่งก็ข้ามสะพานลอยกลับมา ..
   เตรียมพร้อมไปยังฝ่ายบุคคลทันที

   “ นี่ใบส่งตัวนะ ..” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยื่นซองสีน้ำตาลสองซองส่งมาให้

   “ ว่าแต่เราสองคนต้องไปแผนกไหนครับ” ดูจะเป็นเรื่องน่าแปลก ประหลาดที่สุดในชีวิตการทำงาน เพราะปกติการจะถูกย้ายไปแผนกใหม่ ทางฝ่ายบุคคลจะแจ้งมาก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์
   ซึ่งผิดกับครั้งนี้มาก

   “ ชั้น 11 ..ฝ่ายพิเศษ”

   “ หา ?” สองเสียงร้องรับพร้อมกัน จากนั้นก็เดินออกมาจากฝ่ายบุคคล ตรงไปขึ้นลิฟต์กลับชั้น 11 ชั้นเดิมที่ทั้งสองทำงานอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ต้องย้ายมาอยู่ออฟฟิศตรงข้ามกัน ..

   แม้จะเห็นตอนช่างมาต่อเติม ปรับปรุงสถานที่เพื่อเป็นออฟฟิศให้แก่ฝ่ายพิเศษ แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเดินเข้ามาเลยสักครั้ง แม้จะอยู่ชั้นเดียวกันแต่ก็อยู่ตึกคนละฝั่ง ..ระยะทางค่อนข้างห่างพอสมควร


   ประตูกระจกใสที่กั้นด้านหน้า ..ทำให้เห็นพื้นที่กว้างขวางภายใน สมาพรผลักประตูกระจกเข้าไป และเดินตรงไปหา พนักงานสาววัย 30 กว่า ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และกองเอกสารบนชั้นเป็นฉากหลัง

   ด้านหลังจากหญิงสาวคนนั้นเป็นห้องกระจกที่กั้นขึ้นมา ..มีม่านมู่ลี่บังสายตาทำให้มองไม่เห็นด้านไหน
..ถัดจากห้องนั้นไม่ไกล ก็มีห้องอีกห้องซึ่งดับไฟมืดสนิท..ถัดมาอีกหน่อยก็เป็นมุมพักผ่อน มีเคาน์เตอร์ ตู้เย็น
ไมโครเวฟ และโต๊ะนั่งเล่น เข้าชุดกับโซฟาที่วางเป็นรูปตัว C ทุกอย่างดูสดใสมีชีวิตชีวา


   แม้จะมีเพียงหญิงสาวผู้นั้นลำพัง แต่บรรยากาศกลับไม่ได้เงียบเหงา เสียงเพลงสากล จังหวะเบาๆ ส่งเสียงคลอมาจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องนั้น จนเมื่อทั้งสองมาหยุดอยู่ด้านหน้า เจ้าของโต๊ะจึงได้รู้สึกตัว เงยหน้าขึ้นมอง

   “ สวัสดีค่ะ ..ดิฉันนุสรา เลขาผู้จัดการฝ่ายพิเศษ มีอะไรหรือเปล่าคะ เอ๊ะ เจ๊พรใช่ไหมคะ” นุสราแนะนำตัว และนึกขึ้นได้เมื่อเห็นหน้าสาวใหญ่ทรงสะบึม แม้จะตะลอนๆตามไปเป็นเลขาของนรสิงห์มาหลายที่  แต่ก็มีโอกาสเข้ามาที่บริษัทใหญ่หลายครั้ง เลยได้ยินชื่อเสียงของเจ๊สมาพรผู้กว้างขวางดี

   “ ค่ะ ..เจ๊กับน้องเสือ ย้ายมาประจำฝ่ายพิเศษค่ะ”

   “ อ๋อ คุณสมาพร กับคุณอัฐมะ ใช่ไหมคะ” นุสรารู้จักแต่ชื่อ เจ๊พร ..พออีกฝ่ายบอกมาเลยรู้ว่า ทั้งสองคือพนักงานที่เจ้านายขอตัวมาทำงานกับฝ่ายพิเศษ

   “ ใช่ครับ”

   “ รอสักครู่นะคะ ...คุณสิงห์คะ คุณสมาพรกับคุณอัฐมะมาแล้วค่ะ” เลขาสาว ยกโทรศัพท์ต่อสายถึงคนในห้องทันที

   “ คุณสิงห์เชิญเข้าไปพบข้างในค่ะ” จากนั้นก็ลุกจากที่นั่ง เดินไปเคาะประตูแล้วเปิดให้ทั้งสองเดินเข้าไปทันที ..เสือและเจ๊พรก้าวเข้าไปช้าๆ สายตากวาดมองรอบห้องอย่างตื่นตา

    เพราะห้องตกแต่งอย่างทันสมัย มีลูกเล่นสะดุดตา ทั้งโซฟา ภาพประดับ ที่นั่ง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือผนังน้ำตกด้านขวามือที่มี ไม้ประดับตกแต่งคลอด้วยเสียงน้ำตกที่สม่ำเสมอเป็นท่วงทำนองน่าฟัง

   “ เชิญนั่งครับ” สิงห์ที่นั่งประจำเก้าอี้ ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก แล้วเอ่ยขึ้นกับคนทั้งสอง

   นรสิงห์สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกรอมศอกสีชมพูอ่อน กับกางเกงขายาวสีแดงเลือดหมู ดูทันสมัยแปลกตา ไม่เป็นทางการมากจนเกินไป หากก็ดูสุภาพ..

   “ ใบส่งตัวค่ะ คุณสิงห์” เจ๊พรส่งซองเอกสารของตนและเสือให้กับเจ้านายใหม่ สิงห์รับมาแล้วหยิบเอกสารภายในออกมาอ่านดูคร่าวๆ ..

   “ พี่สองคนน่าจะทราบแล้วนะครับว่า ฝ่ายเราเป็นฝ่ายพิเศษ งานหลักๆของฝ่ายเราคือ  สนองความต้องการของประธานบริษัท ถ้าอธิบายสั้นๆ ฝ่ายของเราทำงานเป็นนักแก้ปัญหา  นักจัดการ เรียกง่ายๆคือฝ่ายเอนกประสงค์ ผมเรียกพวกพี่สองคนมารับตำแหน่งผู้ช่วย ..”

   “ ผู้ช่วยเหรอคะ” สมาพรดูจะแปลกใจระคนดีใจ เพราะตำแหน่งงานเดิมคือบุคลากรทั่วไปของฝ่ายอำนวยการ

   “ ครับ แต่พวกพี่สองคนต้องผ่านโปรผู้ช่วย 1 เดือน และต้องเข้าอบรบจากฝ่ายบุคคล  พี่นุสเลขาของผมจะแจ้งรายละเอียดวันเวลาและระเบียบต่างๆให้ทราบ ผมจะให้เจ๊พรอยู่ฝ่ายเอกสาร จัดการเคลียร์ปัญหาประจำออฟฟิศ ส่วนพี่เสืออยู่ฝ่ายประสานงาน ต้องออกไปข้างนอกกับผม”

   คนเจ้าเล่ห์ อุตส่าห์คิดมาดิบดีว่าจะเข้าไปสู่วงโคจรของเสืออย่างไรไม่ให้เสือตื่น ในเมื่อเข้าไม่ได้ ก็แค่เปลี่ยนมุมมอง ..ดึงเสือเข้ามาสู่วงโคจรของตนก็สิ้นเรื่อง    แผนการจับเสือของหนูสิงห์จึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีงานเป็นสะพานเชื่อมไป 

   “ เมื่อผ่านโปรและการอบรม ..พี่สองคนจะอยู่ในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่าย เงินเดือนสตาร์ทที่ 23,450  บาท ไม่รวมโอที และเงินพิเศษ ตามระเบียบของบริษัทฐานเงินเดือนจะปรับขึ้น 6-8 % ต่อปีจนถึงเพดาน ” สองพนักงานจากฝ่ายอำนวยการ
 ย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะหากได้รับตำแหน่งผู้ช่วย เงินเดือนก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตำแหน่งเดิมถึง 6 พันบาท
และมีโอกาสขยับขยายได้ไกลกว่าตำแหน่งเดิมมาก

   “ การทำงานกับผมมีข้อตกลงง่ายๆ 3 ข้อ คือ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และปฏิบัติตาม” คนอายุน้อยที่สุดในห้อง เงยหน้าขึ้นสบตาทั้งสอง ก่อนบอกเงื่อนไขสามข้อที่ทั้งสองต้องรู้

   “ ครับ /ค่ะ”

   “ เดี๋ยวพี่สองคนไปรับเอกสารจาก พี่นุสหน้าห้องนะครับ พี่นุสจะแจกแจงรายละเอียดคร่าวๆ ”  จากนั้นพนักงานใหม่ทั้งสองก็เดินออกมานอกห้อง ก็เจอนุสรายืนถือซองเอกสารอยู่แล้ว

   “ นี่เป็นเอกสาร รายละเอียดต่างๆที่จำเป็นต้องทราบนะคะ ..เวลาทำงานของฝ่ายเราเหมือนกับฝ่ายอื่นๆคือ เข้างาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น ..ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ..

   คุณสมาพรรับหน้าที่ผู้ช่วยฝ่ายเอกสารประจำออฟฟิศ และปฏิบัติงานในฐานะตัวแทนของคุณสิงห์ ส่วนคุณอัฐมะรับหน้าที่ผู้ช่วยฝ่ายประสานงาน เพราะฉะนั้น คุณทั้งสองต้องผ่านโปรผู้ช่วย และการอบรมที่ฝ่ายบุคคลจะจัดขึ้น ..โดยมีอบรมทุกวันอังคารและวันพฤหัส วันละ 2 ชม. จบครบกำหนด.”

   “ ครับ/ค่ะ..”

    “ไม่ทราบว่ามีพาสปอร์ตหรือยังคะ”

   “ ไม่มีครับ / มีค่ะ” สองพนักงานตอบพร้อมกัน หากคำตอบก็ต่างกันไป นุสราจึงหันมาพูดกับเสือโดยเฉพาะ

   “ ยังไงรบกวนคุณอัฐมะช่วยไปทำพาสปอร์ตด้วยนะคะ ..งานของฝ่ายเรา โดยเฉพาะคุณอัฐมะที่ต้องตามคุณสิงห์ไปตลอด จำเป็นต้องเตรียมพาสปอร์ตไว้ เพราะบางครั้งอาจต้องเดินทางไปต่างประเทศ” มันคืองาน ..สิงห์บอกไว้เท่านั้น ตอนให้รายละเอียดกับเลขาสาวที่ทำงานกับตนมาหลายปี

   ไม่ว่าสิงห์จะถูกถีบไปที่ไหน นุสราก็ตามไปเป็นเลขา คอยช่วยงานเขาเสมอ มีหรือที่นุสราจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
   และด้วยความที่รู้จักนายของตนเองดี นุสราเลยเลือกจะเงียบและปฏิบัติตาม หล่อนยึดถือข้อตกลง 3 ข้อมาตลอด ..เลยทำงานกับสิงห์ได้ราบลื่น

   “ เหรอครับ ผมไม่คิดว่างานฝ่ายพิเศษจะต้องเดินทางด้วย”

   “ ทำงานไป คุณทั้งสองคนก็จะทราบลักษณะงานเองค่ะ ..อีกอย่าง หลังพักเที่ยงเสร็จมีงานแรกรออยู่ค่ะ”

   “ งานแรก ..?”

   “ ค่ะ ตอนนี้ลองอ่านรายละเอียดที่ให้ไปก่อนนะคะ โต๊ะทำงานของคุณทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นค่ะ” ..นุสรายิ้มหวาน ชี้ไปยังคอกกั้นสองที่ที่ดูใหญ่โต อลังการกว่า คอกกั้นพนักงานฝ่ายอำนวยการหรือฝ่ายอื่นเป็นไหนๆ เรียกได้เต็มปากว่ามันเป็นห้องทำงานส่วนตัว ถึงแม้จะมีแค่ฉากกั้นก็ตามที

    ภายในห้องมี โต๊ะทำงานตัวใหญ่  มีลิ้นชักตั้งพื้นเก็บเอกสาร บนโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ไว้ 1 เครื่อง..รวมทั้งเครื่องเขียน ไม้บรรทัด 

    มีเก้าอี้ทำงาน 1 ตัว ตรงกันข้ามก็เก้าอี้สำหรับแขกอีก 1

ความกว้างคงสัก 2x2 เมตร ห้องทั้งสองตั้งอยู่ติดกันโดยมีฉากสูงเมตรครึ่งกั้นอยู่ 

ทางเข้าเว้นที่ว่างไว้ เสมือนประตูรับแขก ..

   “ เสือว่ามันแปลกๆไหม” ระยะห่างจากห้องที่กั้นขึ้นของทั้งสอง กับโต๊ะของนุสราที่อยู่หน้าห้องผู้จัดการค่อนข้างห่างกันหลายเมตร เจ๊พรเลยเข้ามานั่งที่เก้าอี้แขกตรงข้ามกับเจ้าของห้อง

   “ ยังไงครับ”

   “ ก็งานฝ่ายพิเศษนะสิ ..ทีแรกพี่เข้าใจว่าต้องมาทำงานเอกสารเหมือนตอนอยู่ฝ่ายอำนวยการเสียอีก แต่ดูสิ..งานฝ่ายนี้น่าจะมีอะไรสำคัญมาก”

   “ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ..แต่คิดๆดูก็น่าจะสนุกดีนะครับ เบื่อกับงานเดิมๆเต็มที” งานที่ทำส่งๆไป ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น มันช่างจืดชืดและน่าเบื่อ แต่ก็ต้องทำเพื่อปากท้อง

   แม้ที่บ้านจะมีรายได้จากสวนผลไม้ที่เมืองนนท์  ..ทุเรียนพันธ์ดีที่ลูกหนึ่งขายได้เกือบ 1 หมื่นบาท จากมหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อสองสามปีก่อน ทำให้สวนทุเรียนล้มตายไปมาก

   โชคยังดีที่สวนของพ่อเสียหายไม่มากนัก
   ผ่านน้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้นมา ราคาทุเรียนก็ถีบตัวขึ้นสูง ..

   เป็นรายได้สำคัญของครอบครัว.. เขาแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ให้แม่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน อีกส่วนก็เก็บสะสมไว้..
   แต่สิ้นปีที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาโรคระบาด ต้นทุเรียนเสียหายจำนวนมากเงินเก็บที่สะสมไว้เลยต้องเอาออกมาใช้เพื่อฟื้นฟูสวน
 ซึ่งทำให้เงินในบัญชีทั้งหมดติดลบ กว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ใหม่ก็ต้องรอกลางปี
   การได้งานใหม่ นอกจากจะเพิ่มรายได้ของตนแล้ว ก็เหมือนยังปลุกไฟที่ใกล้มอดให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง
 


โปรดติดตามตอนต่อไป


เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่ำๆมาต่อให้อีกตอนค่ะ
* ตอนหน้าน้องสิงห์เริ่มแผลงฤทธิ์ล่ะ ..

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 00:56:13 โดย Pu »

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อิอิ เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยนะะะะ ยังไงก็เป็นสิงห์นี่เนอะ
คุณเสือเตรียมใจไว้เลยยสิงห์รุกหนักแน่

Pu

  • บุคคลทั่วไป

งานใหม่ 2

* ไม่มีคนตอบเลย เรื่องไม่สนุกเหรอคะ ..
ยังไงบอกได้นะ
...




   สิงห์ออกจากออฟฟิศไปตั้งแต่ตอน 11 โมง .. พอถึงเวลาพักเที่ยงตอน 11 โมงครึ่ง นุสราก็มาชวนทั้งสองลงไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัท จากนั้นก็ขึ้นมารอเวลา ..ก่อนจะบ่ายโมงราว 5 นาที ผู้จัดการฝ่ายก็เดินกลับเข้ามา

   “ เตรียมประชุม” สิงห์บอกกับนุสราเล็กน้อย แล้วก็เดินเข้าห้องของตนเองไป นุสราหยิบเอกสารและข้อมูลที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้ จากนั้นก็เดินไปเรียกทั้งสองพนักงานใหม่

   “ เดี๋ยวเชิญที่ห้องประชุมฝ่ายนะคะ”

   “ ห้องประชุม??” สองเสียงถามอย่างพร้อมเพรียง

   “ ห้องกระจกที่ติดกับห้องคุณสิงห์ค่ะ ..คุณสองคนเตรียมกระดาษกับปากกาไปจดละกันนะคะ ..อีกห้านาทีเจอกันนะคะ คุณสิงห์ไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา” ว่าจบร่างเปรียว กระฉับกระเฉง ก็ถือข้าวของมากมายเดินไปยังห้องกระจกที่ปิดไฟมืด ..

   “ ประชุมเหรอ” สมาพรเปรยขึ้น แต่ก็หยิบสมุดโน้ตของตนพร้อมปากกาและโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงไว้เรียบร้อยลุกจากที่ เสือไม่รอช้าหยิบข้าวของ และทั้งสองก็เดินไปยังห้องประชุมที่เปิดไว้สว่างไสว ..

   ภายในมีโต๊ะขาวตัวยาว มีเก้าอี้ทำงานล้อมรอบเกือบสิบตัว ..จอ LED ขนาดใหญ่ที่ติดผนัง กำลังฉายภาพหน้าจอที่ต่อสายเชื่อมมาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสีขาว ซึ่งนุสรากำลังนั่งประจำอยู่

   พอบ่ายโมงตรง ประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง สิงห์ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีปกติ หากก็มีมาดของคนที่เจนสนามธุรกิจ จนพนักงานใหม่อดแปลกใจไม่ได้

   “ เริ่มได้เลยพี่นุส” ไฟในห้องหรี่แสงลง ..ภาพบนจอ LED ปรากฏชัดเจน บัดนี้กำลังฉายภาพ ชายวัยกลางคนอายุไม่เกิน 50 ปีสวมสูท ผูกไท มีมาดนักธุรกิจเต็มตัว ใบหน้าบอกชัดว่าน่าจะไม่ใช่คนไทย

   “  งานแรกของฝ่ายเราคือการล่าผู้ชายคนนี้ ให้มาเซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัทให้จงได้ ..มิสเตอร์คาโน่  เป้าหมายแรกของเรา” เสียงของสิงห์บอกขึ้นอย่างมุ่งมั่น

   “ เอ่อ ..เซ็นสัญญาเหรอคะ แต่นี่มันงานฝ่ายบริหารนะคะ..” สมาพรถามขึ้นไม่เต็มเสียง

   “ ครับมันเคยเป็นงานฝ่ายบริหาร แต่คนที่รับผิดชอบดันไม่มี ความสามารถเพียงพอ แถมอดีตเจ้านายของพี่สองคน ก็ยังไปก่อเรื่องใหญ่ ชนิดที่ว่า คุณคาโนคงไม่มาเผาผี” สิงห์ยกยิ้มร้าย เอ่ยปรามาสชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อและอาของตนเอง

   “ ขอโทษนะคะคุณสิงห์ ฝ่ายบริหารมีทีมที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังทำไม่ได้ แล้ว ฝ่ายเรามีกันแค่ 4 คน..”

   “ เจ๊พรไม่ต้องกังวลครับ ..จริงๆ ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ผมถือคติง่ายๆ สั้นๆ ว่า .. ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นงานนี้ต้องสำเร็จ ..”

   “ ค่ะ”

   “ แต่จริงๆงานของฝ่ายเราจะจบลงแค่ ...การทำให้คุณคาโน่ยอมมาร่วมงานเลี้ยงบริษัทปลายเดือนนี้ เรื่องเซ็นสัญญาฝ่ายบริหารจะรับหน้าที่ต่อไปครับ ” สิงห์เหยียดยิ้ม รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพ่อไม่มีวันยอมให้เขาได้หน้า

   แม้พ่อจะยอมให้เขารับงานดูแลเรื่องนายคาโน่..แต่ก็กำหนดขอบเขตไว้เพียงการส่งบัตรเชิญ และต้องทำให้นายคาโน่ยอมตอบรับไปร่วมงานเลี้ยงใหญ่ของบริษัท

   มื้อเช้าสิงห์เลยอารมณ์เสีย กินข้าวไม่ลง ..เดินกลับขึ้นห้องไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้ ลงมาใส่หลังรถทันที ..แล้วก็มุ่งหน้าไปคอนโด ..ก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ามาทำงาน เพราะสะดวกกว่าเอารถออกเป็นไหนๆ



   
   “ งานแรกของเจ๊พร ..ผมอยากได้ข้อมูลทุกอย่างของคุณคาโน่ ตารางงาน การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ ความชอบ งานอดิเรก กีฬา อาหาร ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ..”

   “ แต่เจ๊เพิ่งเริ่มงาน ..เจ๊เพิ่งรู้จักคุณคาโน่ก็ตอนนี้แหละ”

   “ ฝ่ายจัดซื้อเคยทำงานร่วมกับคุณคาโน่ เมื่อสัก 5 ปีก่อน ตอนงาน Expo อสังหาที่เมืองทอง  นอกจากนี้ผมได้ข่าวว่าเลขาของคุณคาโน่ ..เป็นน้องสาว คุณกมล รองผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนะครับ ..” สิงห์ใบ้บอกทาง เพียงเท่านี้รอยยิ้มหวานก็ประทับดวงหน้าของเจ๊ใหญ่อย่างไม่รอช้า เข้าใจความหมายทุกอย่างทันที

“ โอเคค่ะ เจ๊พรเอาหัวเป็นประกัน ไม่เกินสองวัน...เจ๊จะล้วงข้อมูลทั้งหมดมาให้ค่ะ  :laugh:

   ‘ เจ้าเล่ห์ ’ เสือนึกขึ้นในใจ ..เพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงได้ดึงตัวสมาพรมาทำงาน .. อย่างที่รู้ว่าเจ๊พรขาใหญ่ เป็นผู้กว้างขวางในบริษัท แม้จะโดดเดี่ยวปลีกวิเวกอยู่ชั้น 11 แต่ก็เป็นที่รู้จักของทุกคนในบริษัท

   ใครต่อใครต่างรู้จักชื่อเจ๊พรดี

   ขาใหญ่ผู้มีอัธยาศัยดี เข้าได้กับพนักงานทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหาร ความช่างพูดช่างจา มีอารมณ์ขัน คือสะพานเชื่อมสำคัญ
   และงานแรกนี้ จะพิสูจน์ความกว้างขวางของเจ๊ใหญ่ได้ดี ..




   “ แล้วผมละครับ” เจ๊พรก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ไปแล้ว ชายอีกคนในห้องเลยถามขึ้น

   “ หน้าที่แรกของพี่คือรอ ..รอปฏิบัติการ ทันทีที่เราได้ข้อมูลทุกอย่างของคุณคาโน่มา แผนการล่าเหยื่อก็จะเริ่มต้นขึ้น” ดวงหน้ารูปไข่ หันมามองคนตัวสูง สายตากลมมุ่งมั่นจริงจัง ..แต่กลับแฝงความรุ่มร้อนประหลาด

   เสือสัมผัสได้ แต่เพียงชั่วครู่ และก็บอกกับตัวเองว่าตาฝาดไป ..

   “ ก่อนจะเริ่มงาน ..เดี๋ยวบ่ายสี่โมง เราต้องออกไปเตรียมตัวก่อนครับ”

   “ เตรียมตัว ? ”

   “ ถึงเวลาก็รู้เองครับ ที่สำคัญโทรบอกที่บ้านสักหน่อยว่ากลับดึก” สิงห์ยิ้มพราว นัยน์ตาระยับ แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ถามอะไรต่อ

   นุสราจัดการปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของทุกอย่าง ...

   “ คุณนุสคะ ..เจ๊ขอถามอะไรหน่อยสิคะ” ก่อนที่นุสราจะลุกออกจากห้องไป สมาพรก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวที่ใกล้กับนุสราที่สุด

   “ มีอะไรคะ”

   “ เรื่องที่เจ้านายเก่าเจ๊ไปก่อไว้ มันเป็นยังไงมายังไงคะ”

   “ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คุณนรเทพรองประธาน ..ตามตื้อคุณคาโน่มานานเกือบ 2 เดือนจนหมดหนทาง ..คุณนรชัยเลยรับอาสาไปจัดการ แต่เพราะความใจร้อน แกเลยโมโหอัดคุณคาโน่จนฟันหน้าหัก ..เป็นเรื่องเป็นราวถึงตำรวจเลยล่ะค่ะ แต่ท่านประธาน..พ่อของคุณนรเทพ คุณนรชัย ก็ออกหน้าไปขอโทษคุณคาโน่ด้วยตัวเอง คุณคาโน่เลยยอมความแต่ก็ประกาศไม่ขอทำงานร่วมกับบริษัทเราอีก

   “ ดูท่าจะเป็นปัญหาใหญ่มากๆเลยนะครับ ..” เสือชักหวั่นใจ แม้สิงห์จะดูมีความมั่นใจ สายตามุ่งมั่น แต่งานนี้ชักจะยากตั้งแต่ไม่เริ่มลงมือทำเสียแล้ว

   “ ค่ะปัญหาใหญ่มาก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณสิงห์จะจัดการได้” ยิ้มหวานปรายโปรย แล้วขอตัวเดินออกจากห้องไป .. พนักงานใหม่ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


 :z10:

   ระหว่างรอให้ถึงเวลานัด ..เจ๊พรก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
โดยไม่รอช้ามุ่งหน้าสู่ชั้นฝ่ายจัดซื้อทันที

   “ อ้าวเจ๊พร สวัสดีคะ ..มีอะไรให้น้องแก้วรับใช้คะ” หญิงสาวสวมชุดทำงานสีฟ้าอ่อน กระโปรงดำ เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส ..

   “ คุณกมลอยู่ไหมจ๊ะ”

   “ อยู่ที่ห้องค่ะ”

   “ ขอบใจจ้ะ น้องแก้ว” เพียงครู่ร่างระหง ส่วนสัดน่ามอง อกเป็นอก สะโพกเป็นสะโพกก็เฉิดฉาย ผ่านทางเดินระหว่างคอกกั้นที่มีพนักงาน นั่งติดๆกันเกือบ 50 ชีวิต ผ่านไปทางไหนก็มีแต่คนทักทาย โดยเฉพาะพนักงานชาย

   แม้จะรู้กิตติศัพท์ความเป็นเจ๊ใหญ่ดี แต่รูปร่างหน้าตาอย่างเจ๊พร แม้วัยจะใกล้ 40 แต่ก็เซี้ยะน่าขย้ำเป็นไหนๆ


   “ สวัสดีครับ เจ๊พร” ชายที่นั่งอยู่ในห้องที่กั้นขึ้นด้วยฉากแบบเดียวกับ ของเสือและเจ๊พร เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ทักทายหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มหวาน

   “ ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ คุณกมล” เสียงหวานทักทายรองผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ปากอิ่มแย้มยก..

   “ ว่างครับ ..”

   “ พรอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณกมลสักหน่อย” สรรพนามแทนตนเปลี่ยนไป

   “ เอ๊ะ.??? ฝ่ายอำนวยการมีปัญหาอะไรหรือครับ” หนุ่มวัย 35 รูปร่างอวบ ผิวขาว สวมแว่นกรอบทอง หากก็ดูภูมิฐาน ดูดี มองสบตา สาวใหญ่เจ้าเสน่ห์อย่างสงสัย

   “ พรย้ายมาฝ่ายพิเศษแล้วค่ะ..แต่งานแรกของพรนี่สิคะ หนักอึ้ง..พรไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ..” ดวงหน้าสวย แสร้งเศร้า ทอดสายตาอย่างขื่นขม

   “ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

   “ ก็เรื่องคุณคาโน่สิคะ ..ตอนนี้ฝ่ายพรรับผิดชอบ พรก็จนปัญญามืดแปดด้าน ได้ยินมาว่าฝ่ายจัดซื้อเคยดีลกับ คุณคาโน่ ไม่ทราบว่ายังมีข้อมูลไหมคะ” สมาพรเจนสนามพอที่จะไม่เข้าประเด็นตรงๆ ..หล่อนยกเรื่องที่ฟังมาจากสิงห์เป็นข้ออ้าง

   “ ข้อมูลเก่าเก็บหลายปีจะมีประโยชน์เหรอครับ”

   “ ก็พรมีเบาะแสแค่อย่างเดียว ตอนนี้จะโทรไปถามคนในบริษัทคุณคาโน่คงได้หรอกนะคะ ..ตอนนี้เขาไม่เผาผีกับเราแล้ว ..” ยิ่งพูดก็ยิ่งถอนหายใจ หน้าอกใหญ่กระเพื่อมขึ้นลง จนกมลใจสั่นๆ ไม่คิดว่าสมาพรจะมาอ่อยอะไรหรอก

   เพราะรู้จักนิสัยใจคออีกฝ่ายมานานหลายปี
   เขาเลยเชื่อว่าสมาพรกำลังทุกข์ใจจริงๆ


   “ ถ้าอย่างนั้น ให้ผมช่วยไหมครับ น้องสาวคนเล็กของผมทำงานให้กับคุณคาโน่ ”  เหยื่อติดเบ็ดง่ายดาย ไม่ยากเกินความสามารถ ..

   นี่แหละเจ๊ใหญ่แห่งสิงหบดีกรุ๊ป นอกจากจะกว้างขวาง อัธยาศัยดี
ยังมีอีกอย่างที่เป็นไม้ตาย นั่นคือ ..จบเอกการละคร มหาวิทยาลัยมโนแจ่ม
   แอ็คติ้งชั้นครู เสน่ห์ชั้นยอด ที่สำคัญหุ่นยังแพรวพราว วาจาพลิ้วพรายดั่งมีสาลิกาลิ้นทอง ..

   ไม้ตายเด็ดที่สิงห์คว้าไว้มาเป็นหนึ่งในทีม ..



ต่อข้างล่างอีกหน่อยค่ะ  :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 00:25:19 โดย Pu »

Pu

  • บุคคลทั่วไป
 :katai5: ต่อค่ะ

บ่าย 3 โมงกว่าๆ ..สิงห์ต่อสายออกมาด้านนอก บอกให้นุสราเรียกเสือเข้าไปพบในห้อง
..ชายตัวสูงเคาะประตูขออนุญาตแล้วเดินเข้าไป  :ling2:

“ นั่งก่อนสิครับ” กลีบปากอิ่มยกขึ้น ตายังสบกับจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ..เสือมองดูเล็กน้อย
 นั่งลงตรงข้ามเจ้านายใหม่พยายามอดทนไม่ปริปากอะไร แม้ว่าสิงห์จะปล่อยให้เขารอเกือบ 5 นาทีเต็มๆ
   
   เสือลอบมองอีกฝ่ายเป็นระยะ ..มองดูคนหน้าตาหล่อเหลา มีเสน่ห์ ยิ่งท่าทางที่ดูมุ่งมั่นสนใจกับสิ่งตรงหน้า
ยิ่งทำให้สิงห์ดูมีเสน่ห์น่ามองขึ้นเป็นร้อยเท่า เสือไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาหลายนาทีที่ผ่านมา

   “ ขอโทษนะครับ ..” เมื่อครบ 10 นาที ..เสือก็ตัดสินใจทำลายความเงียบลงเพราะอีกฝ่ายไม่พูดไม่จา เอาแต่มองจอคอมฯ  :katai4:

   “ 10 นาที ..ถือว่าไม่เลวนักนะครับ” ดวงตาคู่สวยยอมละจากจอด้านหน้า ขยับกายพิงหลังกับพนักเก้าอี้ แล้วเงยหน้าสบตาเสืออย่างตรงไปตรงมา

“ อะไรหรือครับ ..10 นาที อะไร”เสือยังคงงงๆ

    “ ผมกำลังทดสอบความอดทนของพี่อยู่ ...และพี่ก็ทำได้ดีอย่างที่คิดไว้” ยิ้มสวยแย้มขึ้น บอกความจริงกับเสืออย่างไม่ปิดบัง

   “ ทดสอบเหรอครับ”

   “ ครับ ..แต่จริงๆผมไม่ได้เรียกพี่เข้ามาเรื่องนี้หรอก” ร่างโปร่ง หมุนตัวไปหยิบโน้ตบุ๊กสีขาวยี่ห้อดังมาเปิดฝาออกแล้วกดเปิดเครื่อง เสียงดนตรีบรรเลงจังหวะสั้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเครื่องพร้อมทำงาน ..


   “ พี่ช่วยจัดการเปิดอีเมล แล้วเซฟรูปภาพทั้งหมดให้หน่อยได้ไหมครับ และจัดโฟลเดอร์ตามวันเวลาของอีเมล”

   “ ครับ ..ไม่มีปัญหา” เสือพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร โน้ตบุ๊กเครื่องนั้นจึงหันหน้าจอซึ่งเปิดหน้าอีเมลไว้แล้ว ...

   “ เริ่มตั้งแต่เดือนไหนครับ”

   “ เริ่มตั้งแต่ปีใหม่ครับ ..” สิงห์ตอบเบา ๆ หยิบแฟ้มออกมาเปิดอ่านผ่านๆ ทั้งที่จริงๆอยากมองหน้าเสือมากกว่า ..

   “ งานของเราต้องมีการเดินทางบ่อย ทำงานไม่เป็นเวลา ที่บ้านพี่จะว่าหรือเปล่าครับ” ผ่านไปนานหลายนาที สิงห์เริ่มเปิดประเด็น

   “ ถ้าไม่กลับดึกจนเกินไปคงไม่มีปัญหาอะไรครับ”

   “ แล้วถ้าต้องกลับดึกหรือค้างล่ะ

   “ แม่ผมคงเข้าใจครับ ผมเพิ่งบอกแม่ไปว่าเปลี่ยนงานใหม่..” มือหนายังคงกดเปิดอีเมล และเซฟรูปภาพทั้งหมดอย่างใจเย็น ส่วนปากก็ตอบคำถามอีกฝ่ายไปด้วย

   “ อ่าครับ ...ขอถามอะไรหน่อยสิครับ”

   “ ครับ ..” จังหวะนั้น เสือละจากหน้าจอ สบตาคนที่จ้องมองเขาพานจะรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ดวงตาสิงห์กลมใส น่ามอง มีมนต์เสน่ห์อย่างน่าประหลาด แต่ทันทีที่รู้ตัวก็รีบหันกลับไปสนใจงานต่อ
   ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน



....
....
....

   “ พี่สายตาสั้นเท่าไหร่ครับ”

   “ 100-150 ครับ ..”

   “ ปกติสั้นแค่นี้ ถอดแว่นก็พอมองเห็นสบายๆ”

   “ ครับ แต่ผมชินเสียแล้ว ถ้าไม่มีแว่นจะรู้สึกหน้าโล่งแปลกๆ” ทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อเรื่อยๆ บรรยากาศสบายๆ
ผ่อนคลายด้วยเสียงน้ำตกที่ดังสม่ำเสมอ จนเมื่อสิงห์เห็นทีแปลกของเสือเหมือนพิมพ์อะไรบางอย่างติดๆกัน
   เขาชักแปลกใจ เพราะที่เขามอบหมายให้คือการดาวน์โหลดรูปจากอีเมล จัดเป็นหมวดตามวันที่ ..

   “ ทำอะไรครับ..”

   “ จัดโฟลเดอร์ครับ”

   “ แต่ผมเห็นพี่พิมพ์ต่อๆกันมานานแล้วนะ” สิงห์บอกเสียงอ่อน นอกจากนั้นยังสไลด์เก้าอี้ทำงานของตนราวกับเด็กๆ
แล้วเลื่อนมานั่งใกล้กับเสือที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงาน พนักงานหนุ่มร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแรงจากเก้าอี้ตัวใหม่
มาชนจนเก้าอี้ของเขาเลื่อนจากที่

   “ โห ..นี่นั่งเปลี่ยนชื่อเรียงกันทีละภาพเลยเหรอ” เมื่อมาถึงก็เห็นหน้าจอก็พอจะเข้าใจทันที รูปภาพในโฟลเดอร์เกือบ 20 รูปด้านบนมีชื่อเรียงกันเป็นระเบียบ รูปล่าสุดแถบบาร์กำลังกะพริบและมีคำที่พิมพ์ค้างอยู่ สิงห์เลยเข้าใจทันที

   “ ดูนี่ครับ..” สิงห์ถือวิสาสะวางมือบนมืออีกฝ่ายที่กำลังจับเมาส์ควบคุมอย่างรวดเร็ว แล้วบังคับให้เข้าโปรแกรมแต่งรูปโปรแกรมหนึ่งสัญชาติเกาหลี ..

   ร่างของสิงห์อยู่ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กลิ่นผลไม้
   ไอร้อนของร่างที่อยู่ใกล้ ซ่านแผ่จนขนลุกเกรียว... ความรู้สึกสับสนปนเป มีมากมายจนเสือเริ่มไม่เข้าใจตนเอง
แม้ตาของตนจะจ้องหน้าจอ ..แต่ใจกลับกำลังร้อนรุ่มไปกับสัมผัสบนหลังมือ
มือหยาบหนาที่เขาเคยสัมผัส มือของคนทำงานหนัก..มีร่องรอยทิ้งไว้มากมายเป็นหลักฐานของการทำงาน
..ความหยาบแข็งย้ำให้เขารู้ว่าคนที่อยู่ข้างเขาเป็นใคร

   “ พี่เสือ..” เสียงเรียกทำให้เขาหลุดจากภวังค์คิด หันตามต้นเสียงทันที ..
ตัวของเขาชาวาบดั่งโดนสาป เมื่อรู้ว่าริมฝีปากของตนชนแนบเข้ากับแก้มนุ่มเนียนต่างจากฝ่ามือเป็นไหนๆ

   “ ขอโทษครับ.. :sad11:” เสือผงะออกอย่างตระหนก ขณะที่สิงห์เจ้าเล่ห์ยกยิ้มอยู่ในใจ ส่งเสียงหัวเราะใสๆราวถูกใจนักหนา

   “ ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ..อยู่เมืองนอกสิงห์โดนหอมทักทายอออกบ่อย” ว่าแล้วยิ้มกว้าง สไลด์เก้าอี้กลับไปยังที่เดิมของตนเองราวกับเป็นเรื่องเล็กๆตามปากว่า
   
   หากเสือกลับรู้สึกปั่นป่วนในอก ยิ่งสรรพนามที่อีกฝ่ายแทนตนเองว่า ‘สิงห์’ มันยิ่งทำให้ความร้อนลุกลามโลมเลียใจที่ด้านชาเพราะความรัก นับตั้งแต่โดนอดีตภรรยาทิ้งไป ..เสือคิดว่าเจ้านายคงเผลอ



   “ พี่เสือ..”

   “ ว่าไงครับ” เสียงสั่นๆ ข่มอาการสุดฤทธิ์

   “ ขอดูแหวนหน่อยสิ ..แปลกดี” สิงห์คิดไม่ออกว่าจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ลงอย่างไร
แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่อีกฝ่ายก็ยังดูกระอักกระอ่วน ชายหนุ่มหน้าใสเลยเปลี่ยนเรื่อง

   “ นี่เหรอครับ ..” เสือยกมือขวา มองดูแหวนเล็กน้อยก่อนถอดออกจากนิ้วแล้วส่งให้เจ้านายอย่างไม่อิดออด

   “ หัวเสือ..รมดำ ตาสีเหลืองดูเหมือนยางไม้”

   “ อำพันครับ ..เป็นแหวนเก่าของพ่อ” ภาพเก่าๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัวเสือเต็มไปหมด ยามเอ่ยถึงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ ความรู้สึกตื้อๆก็แทรกแซงอย่างช่วยไม่ได้



   “ ดูสวยดี เวลาจ้องตาเสือ อย่างกับมีมนต์สะกด” ดวงตากลมจ้องมองแหวนในมืออย่างพินิจ ..

   “ ครับเหมือนมีมนต์สะกด..” ไม่ใช่ตาเสือบนแหวนหรอก ..หากเป็นตาของคนที่เสือกำลังลอบมองต่างหาก ตากลมชั้นเดียวแบบลูกจีน ...ตาที่ฉายแววมากมาย ทั้งซุกซน สดใส ร่าเริง หรือแม้แต่เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น ไม่เว้นแม้กระทั่งแววตารุ่มร้อน

   “ อ่านี่ครับ ..” สิงห์ยื่นแหวนกลับมา..เสือแบมือของตนเองไปรับ แต่ทันทีที่ดวงตาของสิงห์พบรอยบางอย่างบนนิ้วของเสือ ใจคนมองก็กระตุกสั่นชะงักมือที่ส่งแหวนกลับมา แล้วเปลี่ยนมาดึงมือเสือข้างที่มีรอยเข้ามาดูใกล้ๆทันที

   “ รอยอะไรครับ ..” รอยแผลเป็น บนนิ้วนางด้านขวาตำแหน่งที่ใส่แหวน ..มันไม่ใช่รอยซีดขาวแบบคนใส่แหวนประจำเพียงอย่างเดียว หากเนื้อบนหลังนิ้วนางยังยับย่น ราวกับโดนความร้อนรุนแรง ..แถมนิ้วกลางและก้อยที่ติดกันก็มีรอยคาดเล็กๆแบบเดียวกันด้วย

   “ ไฟลวกครับ ..” คนถูกดึงมือแม้แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับ

   “ นานหรือยัง”

   “ 7-8 ปีแล้วล่ะครับ” คนถูกถาม ตอบอย่างไม่คิดมากอะไร ..เพราะเป็นเหตุการณ์ฝังใจ จำได้ไม่ลืมเลือน ..
   “ คุณสิงห์ ..เป็นอะไรครับ” ใจของเสือกระตุกประหลาด เมื่อสังเกตท่าทีของคนที่ยังคงจับมือของเขาอยู่ สายตาคู่นั้นยังมองรอยแผลเล็กๆ ปลายนิ้วแข็งลูบรอยนั้นเบามือ

   แต่ทว่า

   น้ำตาของสิงห์กลับไหลออกมา ..โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ภาพความทรงจำที่นับได้ว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิตย้อนกลับเข้ามาในหัว ..

   “ ไม่มีอะไรครับ..” พอถูกทัก สิงห์ก็เหมือนจะได้สติปล่อยมืออีกฝ่ายแล้วส่งแหวนคืนให้ มืออีกข้างยกขึ้นปาดน้ำตาที่อาบสองแก้มใส ..หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นซับอย่างรวดเร็ว แม้เสือจะแปลกใจ สงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม
   พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น นิ้วเรียวกดรับ..



*
*
*

   “ คุณสมาพรขอพบค่ะ” ปลายสายคือเสียงของเลขาคนสนิท

   “ เข้ามาได้ครับ ...” สิงห์ตอบเสียงเรียบ ปรับสีหน้าราวกับไม่มีอะไร ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมร่างของ ว่าที่ผู้ช่วยฝ่ายออฟฟิศ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ เสือก็อยู่ด้วยเหรอ” คนเข้ามามองอย่างแปลกใจ

   “ ผมให้พี่เสือมาช่วยจัดการเรื่องอีเมล..ไฟล์รูปครับ ว่าแต่เจ๊พรมีอะไรหรือเปล่า” เจ้านายเป็นคนตอบเล็กน้อย แล้วถามต่อ

   “ เจ๊นัดกินข้าวเย็นกับน้องสาวคุณกมลพรุ่งนี้ค่ะ..”

   “ จริงเหรอเจ๊ สุดยอด!!” หน้าสิงห์แสดงออกถึงความดีใจอย่างไม่ปิดบัง ยิ้มกว้างโปรยปราย ดวงตาที่มีน้ำใสไหลก่อนหน้าไม่ถึงสองนาที บัดนี้ฉายแววแห่งความสุขอย่างมากมาย

   “ เจ๊พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดค่ะ”

   “ ขอบคุณมากครับ” เจ้านายหนุ่มยิ้มอีกครั้ง เสือพลอยรู้สบายใจไปกับรอยยิ้มนั้นจนเผลอมองไปพักใหญ่
 แต่ก็รีบก้มลงทำงานของตนเองต่อ เพราะไม่อยากให้สิงห์หรือสมาพรผิดสังเกต
   หลังรายงานเรื่องความคืบหน้าสำคัญเสร็จ ..สมาพรก็ขอตัวออกจากห้อง ..เสือทำงานของตนเองต่อไปจนเกือบ 4 โมง
สิงห์ก็บอกให้เขาหยุดมือและเตรียมตัวออกจากบริษัท ..




 :L1:
   
   4 โมงตรง
   ฝ่ายพิเศษทั้ง 4 คนก็ออกจากออฟฟิศฝ่ายพิเศษ พร้อมกระเป๋า..หลังเสร็จงานของสิงห์ก็คงกลับบ้านกันเลยไม่ย้อนกลับมาที่บริษัทอีก ..ตอนนี้สิงห์อารมณ์ดีมากๆ หลังจากได้ยินข่าวดี

    ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้ง 4 เดินออกมาพร้อมกัน แต่ฝีเท้าทั้งหมดก็ต้องชะงักไป เมื่อลิฟต์ผู้บริหารเปิดออก พร้อมกับผู้กุมอำนาจสูงสุดของบริษัทในขณะนี้

   นายนรเทพ เทวะสิงหบดี เดินออกมาพร้อมกับเลขา และลูกน้องผู้ชายสวมสูทดำ แว่นดำสองคน .. นรเทพเห็นลูกชายก็ก้าวขายาวมาขวาง ..

   นุสรา สมาพร และเสือ รู้งานถอยหลังห่างออกมาราวสองก้าว ..ทั้งหมดก้มหน้า ไม่พูดอะไร ..เช่นเดียวกับเลขาและลูกน้องของนรเทพ เป็นมารยาทที่รู้กันโดยไม่ต้องมีใครเอ่ยบอก

   “ นี่เพิ่งจะ 4 โมงจะยกโขยงกันไปไหน” เสียงที่ถามค่อนข้างแข็งและกระด้าง จนพนักงานใหม่ทั้งสองของสิงห์แปลกใจ
..รู้กันแล้วว่า สิงห์เป็นลูกชายคนเดียวของนรเทพ และเป็นหลานของประธานสิงหบดีกรุ๊ป ..

   “ ไปซื้อของ..” คำตอบเย็นชา แข็งกระด้างไม่ต่างกัน

   “ ดีนี่ ...เวลาเลิกงาน 5 โมงเย็น แต่กลับออกจากบริษัทตั้งแต่ตอนนี้” เสียงเยาะเย้ย เหยียดตาคมวาวมองมาที่ลูกชาย ซึ่งสูงพอๆกับคนพูด ..

   “ ฝ่ายพิเศษ ชื่อก็บอกแล้วว่าพิเศษ ..หนูยอมมาทำงานที่นี่ ก็เพราะปู่ยอมรับเงื่อนไขที่ว่าให้หนูจัดการงานทุกอย่างโดยไม่ต้องขึ้นกับใคร ฉะนั้นหนูจะเลิกงานตอนไหนมันก็สิทธิ์ของหนู ..ขอแค่งานหนูเสร็จเป็นพอ” ร่างโปร่งยืดหลังตรง ตากลมจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างท้าทาย ไม่ยอมลดราวาศอก

   จนสมาพรและเสือแอบสบตากันด้วยความประหลาดใจ
   คำที่สิงห์ใช้แทนตนเองดูน่ารัก ...ประหนึ่งเด็กน้อยๆ
   แต่ถ้อยคำที่ออกมากลับเชือดเฉือน เย่อหยิ่ง และเต็มไปด้วยความคุกรุ่นอย่างชนิดที่คนนอกสัมผัสได้เต็มๆ


   “ ฉันจะคอยดู ..” นรเทพตัดบท เชิดหน้าเดินกระทืบเท้าออกไป พวกลูกน้องรีบเดินตามอย่างไม่รอช้า จนเมื่อร่างของกลุ่มนรเทพลับออกจากบริษัท

สิงห์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่    ก้าวขาเดินออกไปบ้าง ..

   สมาพรและเสือได้แต่เก็บความสงสัยไม่กล้าถาม ทั้ง 4 เดินมาถึงหน้าบริษัท และสองพนักงานใหม่ก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง

เมื่อรู้ว่าสิงห์เรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร


********************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป



เดี๋ยวจะมาต่อตอนต่อไปให้นะคะ

ปล.     จะทยอยลงต่อจนถึงตอนที่ 10 แล้วคงหายไปพักใหญ่ ..บะบายค่ะ
ปล.2   มีอะไรติชม บอกได้นะคะ ชอบไม่ชอบตรงไหน ...


 :mew6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2014 22:30:29 โดย Pu »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping

เรื่องสนุกน่าลุ้นดีค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ
ตัวละครแต่ละตัวดูมีมิติดีค่ะ ชอบๆ

ปล. อาจจะเป็นเพราะเป็นตอนแรกๆมั้งคะ หลายๆคนเลยยังรอดูทิศทางของเรื่องก่อนว่าเป็นแนวที่ใช่รึเปล่า แล้วค่อยมาแสดงตัวว่าติดตามอ่านอยู่ 


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด