วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14  (อ่าน 40668 ครั้ง)

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
กัน เท่านั้น

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
มันหน่วงๆแฮะ สงสารหมดเลยทุกคน
เอนไปทางกันมากกว่า คำว่าซื่อสัตย์
นี่เจ็บจี๊ดดดดเลยนะ แล้วตอนที่ถามว่า
ยุงกัดหรอนี่สุดๆอั สงสารกันจริงๆ


รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ ๑๒ : สงสัย

                อากาศตอนเช้าเย็นจริงๆ หมอกลงเยอะมากจนเห็นทะเลหมอก ผมภาพตรงหนาด้วยความตื่นเต้นเล็กๆ ข้างกายมีชายร่างสูงจิบกาแฟร้อนๆ

                ตั้งแต่ตื่นเช้ามา ในหัวคิดแต่คำพูดของกันตลอด ทุกการกระทำของกัน...มันเป็นความจริงที่ว่า เขาย้ำเตือนถึง ‘สถานะ’ ของผมบ่อยเพียงใด

                ผมแต่งงานกับเขา ถึงแม้ใจไร้รัก ความจริงคือผมเป็นของๆ กัน ตามที่กฎหมายระบุ การที่ผมมีความสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากสามีตนเอง ไม่ต่างกับการมีชู้ แม้ผมไม่อยากยอมรับ...แต่ความจริงคือความจริง

                ถ้าหากผมสามารถกลับไปแก้ไขอดีต ในวันนั้น...ผมคงจำยอมโกหกเรื่องผมกับพี่อาร์ม

                อย่างน้อย...การแอบคบกัน ก็ยังดีกว่าการทำร้ายใครคนอื่น

                ทั้งที่ใจไม่รัก แต่ต้องพันผูก

                “ไปตลาดกัน” คำชวนเรียบง่ายจากชายร่างสูง ผมพยักหน้าตกลง

                เดินถัดออกจากรีสอร์ทจะมีตลาดอยู่ ที่นั่นขายอาหารเช้าหลายๆ อย่าง โจ๊ก ขนมปังปิ้ง ของฝากต่างๆ นาๆ อาจเป็นเพราะดอยแห่งนี้มีชื่อเสียงพอสมควร ร้านรวงถึงได้มากมาย

                กันพาผมมากินร้านข้าวต้มกุ้ย ผมคิดว่ากันคงเคยมา เพราะท่าทางเขาดูคุ้นเคยกับพื้นทีแถบนี้ กันเข้าไปนั่งในร้าน ผมจำใจเดินตาม...ถ้าหากผมมากับพี่อาร์ม ร้านข้าวต้มกุ้ย คงเป็นร้านสุดท้ายทีเราจะมา เพราะผมเกลียดข้าวแหยะๆ มากที่สุด

                กันสั่งข้าวมาสองจาน กับพวกปลาหมึกทอด ผักผักบุ้ง ผมมองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าแหยงๆ ถ้าหากเป็นข้าวเปล่า คงพอกินได้ แต่นี้มันข้าวเปล่าใส่น้ำร้อน แค่เห็นมันก็...

                “ไม่ชอบข้าวต้ม?” เหมือนกันจะรู้ ผมพยักหน้าเบาๆ เขาคงเห็นผมนั่งเขี่ยข้าวต้มไปมาไม่กินสักที    “โทษที ผมไม่ชอบข้าวแหยะๆ” ผมบอกพลางมองไปที่ ‘ข้าวแหยะๆ’

                ฟุ่บ...ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ ขณะจะเอ่ยถาม ร่างกายใหญ่โตก็เดินไปจนลับสายตา ผมนั่งมองอาหารบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือก หยิบปลาหมึกรสชาติเค็มๆ ขึ้นกัดคำเล็กๆ

               นั่งรอไม่นานคนที่หายไปกลับมาพร้อมกับจานข้าวสวยร้อนๆ ผมมองไปที่กันอย่างงุนงง เขาคลี่ยิ้มบางๆ วางจานข้าวให้ ทรุดตัวลงนั่ง

               “ขอบคุณ” ผมพูดเสียงแผ่วในลำคอ

               กัน...เขาอาจไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผม แต่เขาทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่า ห่วงใย เขาพร้อมมอบให้เสมอ และมันมักมาพร้อมกับความว่า ดูแล และ เอาใจใส่

               อาจฟังดูว่าผมมันน่ารังเกียจ แต่ส่วนลึกในใจปฎิเสธไม่ได้ว่า กันเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหาก ผมไม่รักพี่อาร์มมาก่อน กันอาจเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมหลงรัก

              ผู้ชายคนนี้ดีเกินไปสำหรับผม เราไม่เหมาะสมกัน ใช่...ผมย้ำกับตัวเองแบบนั้น

               “คุณกิตติรัตน์! ไม่เจอกันนานนะครับ” เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง ผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวสวยร้อนๆเข้าปาก

               ชายสูงอายุในชุดเสื้อแจกเกตตัวใหญ่ รอบคอทาบทับด้วยทองเส้นเท่านิ้ว ท่าทางดูเป็น ป๋า เต็มตัว ข้างหลังของ ป๋า มีชายหนุ่มร่างสูงเพียวตามติด
 
              “สวัสดีครับ คุณพร้อมไท” กันทักตอบ ผมเห็นมุมปากเขากระตุกขึ้นนิดหนึ่ง แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ตาแก่ใส่ทองเส้นใหญ่ก็ถือวิสาสะนั่งโต๊ะตัวเดียวกับพวกเขา
 
             “ไม่คิดว่าจะเจอคุณกันที่นี่นะครับ คราวที่แล้วแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเองก็ยังกลัวว่าคุณกันจะโกรธอะไรซะอีก ที่แท้มานั่งกินลมชมวิวกับหนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้สบายใจเฉิ่ม” ผมตากระตุกกับคำพูดของคุณพร้อมไท

             “ภรรยาผมครับ คุณนิ่ม” กันแนะนำผม ผมพยักหน้ากล่าวสวัสดี แต่ไม่ยกมือไหว้

             “สวัสดีครับ”

            “ฮ่าๆ งั้นข่าวที่คุณกันแต่งงานกับผู้ชายเพื่อกระชับมิตรทางธุรกิจก็จริงนะสิ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคุณนิ่มตัวเป็นๆ” ผมมองคนพูดด้วยสายตาดุดันขึ้นมานิดหน่อย

                ตาแก่ไร้มารยาท!

                “คุณพร้อมไทมาเที่ยวหรือครับ” คำชวนสนทนาจากชายร่างสูง

                “มาทำงานนะครับคุณกัน พอดีลูกค้า...คุณวิสิทธิ์นะครับ แต่ก่อนเขาก็ติดต่องานมาที่บริษัทเก่าผมบ่อยๆ พอดีแกอยากได้ธีมงานแนวป่าแนวดอย ให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ผมเลยมาดอยเพื่อปิ๊งไอเดียใหม่ๆ คุณกันก็รู้นิครับ วงการของเรา มันขายความคิดใหม่ๆ ซ้ำๆ จำเจ ลูกค้าหนีหายหมด”

                “ครับ” กันตอบรับในลำคอ

                “ยังไงผมขอตัวก่อน เปรม...ไป” คุณพร้อมไทหันไปบอกเด็กหนุ่มข้างกาย ผมมองเด็กหนุ่มที่ติดตามคุณพร้อมไทมาด้วยสายตาชวนสงสัย

                ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเจอที่ไหน...?

                เด็กหนุ่มที่ชื่อเปรมหันไปบอกลากัน ขณะหนึ่ง ผมได้สบตาสีดำสนิทของเขา รอยยิ้มมุมปากของ เปรม กระดกขึ้นนิดหนึ่ง...มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน

                เปรม...ทำไมชื่อนี้ถึงไม่มีอยู่ในความทรงจำผมกันนะ?

                “คุณพร้อมไทเคยเป็นพนักงานในบริษัท แต่แยกตัวออกไปตั้งบริษัทเอง ดึงลูกค้าจากเราไปด้วย” คำบอกเล่าจากคนตัวสูง

                “แล้วคนที่มากับเขา...” กันสบตาพบนิดหน่อย ก่อนก้มลงไปกินข้าวต้มกุ้ยต่อ แล้วอธิบายให้ฟัง

                “รู้แค่ว่าชื่อเปรม เป็นคนสนิทของคุณพร้อมไท”

                ผมผงกหัว ไล่ความคิดฝุ่งซ่านออกไป กินข้าวเสร็จ พวกเราจิบกาแฟร้อนๆต่อที่ร้านริมเขา จากนั้นกันก็พาผมไปเดินดูตลาดชาวดอย มีเด็กใส่ชุดกระเหรี่ยงมาบริการถ่ายรูป ถือกล่องรับบริจาค ผมกับกันเราได้รูปมาใบหนึ่ง เด็กชายหญิงชาวกระเหรี่ยงยืนอยู่ตรงหน้า โดยมีผมกับกันยืนซ้อนข้างหลัง

                ทริปมาเที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างสนุก เพราะผมไม่เคยเที่ยวแบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เวลามาเที่ยวจะนอนโรงแรมมากกว่ากางเตนท์ และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยืนชิดกับเด็กดอยตัวเป็นๆ

                “ผมซื้อของไปฝากพี่ที่ทำงานหน่อยนะ” ผมบอกร่างสูงที่กำลังจะเดินเลยไป เขาพยักหน้ารับ ผมซื้อที่วางดินสอมา ทำจากไม้ มีรูปปั้นเด็กกระเหรี่ยงหน้าตาน่ารัก แล้วก็ซื้อพวกขนมแพคมาสามสี่ถุง กะจะเอาไปฝากพี่แทนสักหน่อย

                “...อ๊ะ เดียวผมถือเอง” กันแย่งของที่ผมถือไปหมด เขาคลี่ยิ้มบางๆ มือหนาสองข้างพะรุงพะรังด้วยของใช้ ของกินนานาชนิด จะว่าไป มันก็มีแต่ของๆ ผมทั้งนั้น

                “ถือให้” คำตอบพร้อมรอยยิ้มของคนร่างสูง ที่ช่วงนี้ดูจะขยันยิ้มบ่อยเสียเหลือเกิน

                เราเดินมาสักพักเกือบสุดตลาด ผมเจอร้านขายพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น ตาเลยมาจนเห็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงดินเผาตัวขนาดกลางๆ และถ้าผมจำไม่ผิด มันคล้ายๆ กับตัวที่ตั้งอยู่ที่บ้านเปี๊ยบ แค่ต่างกันที่บ้านเป็นตุ๊กตาเด็กชาย

                “กัน ซื้อไปเข้าคู่กับตัวที่บ้านได้ไหม” ผมถามความเห็นเขาด้วยเสียงตื่นเต้นนิดๆ

                “อืม” กันตอบรับ เขาเข้าไปคุยกับคนขาย และออกมาพร้อมกับตุ๊กตาที่ผมเล็งไว้

                “ขอบคุณ” ผมบอก พลางจะแย่งของมาถือเอง แต่กันไม่ยอม

                “ตุ๊กตาที่อยู่ที่บ้าน แม่ผมเป็นคนซื้อมาฝาก นิ่มซื้ออีกตัว เอาไปวางไว้ที่บ้านของเรา มันจะได้มีคู่เสียที”

                คำพูดเน้นย้ำ...หากเป็นปกติผมคงโกรธ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เหมือนจะอาย...

                “อะ อืม”

                “ไปไหว้พ่อ แม่ แล้วกลับกันเถอะ” คำชวนจากคนร่างสูง ผมพยักหน้า ตอบกลับไปงงๆ เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนข้างกายระหว่างทางกลับรถ

                เวลาประมาณเที่ยง พวกเรามาถึงบ้านของกัน แม่กันเรียกผมไปคุยในห้อง ส่วนกันถูกพ่อเรียกไปคุยปรึกษาเรื่องงานที่บริษัท

                ผมเดินตามแม่ของกันจนมาถึงห้องนอนของท่าน แม่กันนั่งบนเตียง ผมที่ยืนค่ำหัวผู้ใหญ่ก็ดูไม่ดี เลยคุกเข่าอยู่กับพื้น แม่ของกันยิ้มให้อย่างเมตตา

                บรรยากาศดูแปลกๆ

                “นิ่ม ยืนมือมานี่สิลูก” เสียงเบาๆ เอ่ยเรียก ผมยื่นมือไปตามคำสั่ง

                กำไรทองวงเล็กๆ ถูกสวมเข้ากับข้อมือ ตรงกลางเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ ถูกห้อยประดับ ผมมองการกระทำของแม่กันอย่างงุนงง

                “เอ่อ...”

                “กำไรวงนี้ ปู่ของกันมอบให้ย่า คุณย่าก็มอบให้แม่ที่เป็นลูกสะใภ้อีกที ถึงมันจะราคาไม่แพงมาก แต่มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรง เงินก้อนแรกของคุณปู่ เป็นสมบัติชิ้นแรกของธำรงค์คุณ แม่ยกให้นิ่มดูแลต่อนะจ๊ะ”

                “คุณแม่...” ผมเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก

                “ถึงนิ่มจะเป็นผู้ชาย แต่แม่ก็ยอมรับเราในฐานะลูกสะใภ้ แม่ไม่มีอะไรจะมอบให้มากกว่านี้แล้ว นอกจากคำสอนเล็กๆ น้อยๆ นิ่มต้องเป็นภรรยาที่ดีรู้ไหมลูก ป้าบัวเคยโทรมาคุยกับแม่ ต่อไปนี้แม่จะให้นิ่มเป็นคนเก็บเงินตากันไว้ทั้งหมด เวลาใช้จ่าย เรื่องในบ้าน หนูนิ่มต้องเป็นคนจัดการ ควบคุมเงิน ทำรายรับรายจ่าย ทำให้แม่ได้ไหม” คำขอ...จากหญิงสูงวัย

                “นิ่มกลัวทำไม่ได้”

                “หน้าที่ของเมีย นิ่มเข้าใจไหมจ๊ะ แม่จะให้ป้าบัวสอนหนูเอง ได้ไหมจ๊ะ”

                “เอ่อ...ครับ” อดตอบรับเสียไม่ได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มแสดงความคาดหวัง ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย มองกำไรข้อมือที่คนสูงวัยกว่ามอบให้มา

                เหมือนภาระที่ถูกผลักมาให้โดยไม่เต็มใจจะรับมัน

                “เวลาทะเลาะกันต้องพยายามใจเย็นๆ ถ้าเขาร้อนเราต้องเย็นไว้ การที่ชีวิตคู่จะไปรอดต้องอาศัยความเข้าใจกันและกัน และความซื่อสัตย์ แม่รู้ว่ากันกับนิ่มแต่งงานกันค่อนข้างเร็ว แต่แม่เชื่อว่าเราต้องผ่านจุดนี้ไปได้แน่ๆ ตากันอาจเป็นคนพูดน้อย แต่เขาสามารถเป็นสามีที่ดีได้แน่นอน” คำสอนจากหญิงสูงวัย ผมนั่งฟังเงียบๆ

                “...”

                “ต่อไปนิ่มต้องเรียกกันว่าพี่ ได้ไหมจ๊ะ ตากันอายุมากกว่าหนูนิ่มตั้งหลายปี”

                “คือ คือว่านิ่มไม่ชิน”

                “มันอาจฝืนบ้าง แต่แม่เชื่อว่าหนูทำได้” คำสั่ง...มันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ผมว่าสิ่งที่แม่กันพยายามจะทำคือการสอนให้ผมรู้จักหน้าที่ของภรรยาที่ดี

                คิดแบบนั้น ในหัวมันพาลสมเพชตัวเอง

                ผมไม่ใช่ภรรยาที่ดี...รู้อยู่แก่ใจ

                “ครับ นิ่มจะพยายาม”

                แต่ถ้าหาก...ความพยายามเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้ใครคนอื่นดีใจ ก็จะทำ

                สักเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี...ก่อนที่จะจากกันไป โดยไม่เหลือเยื่อใยต่อกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2014 14:10:27 โดย tensoplata »

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี



                หลังจากผ่านเหตุการณ์รับขวัญลูกสะใภ้ เกือบทุกอย่างในชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงขึ้นมาก ทุกตอนเย็นต้องจ่ายเงินค่าอาหาร ตรวจดูความเรียบร้อยความสะอาดของบ้าน จะไม่ทำก็เกรงใจแม่ของกัน และป้าบัวที่ทำหน้าตาดีใจเมื่อเห็นผมสนใจงานบ้านงานเรือน

                วันนี้ก็เช่นกัน ผมกำลังนับเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ป้าบัว เป็นเงินเดือน กับค่าซื้อวัตถุดิบทำอาหารสำหรับอาทิตย์นี้ ส่วนเงินที่ผมให้ป้าบัวกันก็เอามาให้ผมอีกที และสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ กันเริ่มให้เงินผมใช้...

                นอกจากค่าจ้างแรงงาน ค่าอาหาร ค่าซื้อข้าวของเครื่องใช้ ค่าไฟค่าน้ำ กันก็ให้เงินผมมาอีกจำนวนหนึ่ง เขาบอกสั้นๆ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวขอองผม

                เราทำเหมือนเป็นครอบครัวกันจริงๆ...

                บางครั้งก็เริ่มอึดอัด เพราะผมก็มีงานทำ มีเงินเดือน พอกินพออยู่พอใช้ ถ้าพูดตามตรง...ผมไม่จำเป็นต้องแบมือขอเงินสามี จะไม่รับ กันก็ยิ้มบางๆ และส่งมาให้ พร้อมกับพูดคำว่า ‘มันเป็นหน้าที่’

                คำสั้นๆ และการกระทำที่แสดงออกอย่างชัดเจน

                “กันค่ะ จะทำยังไงดี งานนี้เราโดนแย่งอีกแล้วนะ” เสียงสนทนาจากห้องรับแขก

                ไอรยามาบ้านหลังนี้ เธอบอกว่าจะมาคุยงานด้วยนิดหน่อย แต่ก็นั่นล่ะ เลยเวลาจนถึงมื้อเย็นทุกที ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอดี การที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ

                “ทำเหมือนเดิม แค่ทำงานในส่วนของเราให้ดีที่สุดก็พอ” เสียงทุ้มตอบกลับ

                “กันทนได้ยังไง! ตาคุณพร้อมไทมันแย่งงานไปหน้าด้านๆ แบบนี้ เอาลูกค้าเก่าเราไปหมดเลยนะ ถึงมันจะเป็นธุรกิจเล็กๆ ในเครือธำรงค์คุณ แต่มันเสียศักษิ์ศรี!” ไอรยาขึ้นเสียงใส่

                “ไอ...ลูกค้าเก่าไปก็หาลูกค้าใหม่ งานของเราไม่ใช้งานเกรดต่ำ มั่นใจในฝีมือตัวเองสิ” คำแนะนำจากคนตัวสูง ไอรยานิ่งเงียบไม่นานก็คลี่ยิ้มกว้าง ร่างบางเดินเข้าไปเบียดกับคนตัวโตที่โต๊ะทำงาน หน้าอกอวบอิ่มแทบแนบชิดกับไหล่กว้าง

                ผมมองคนสองคน ในใจเริ่มร้อนผ่าว ความรู้สึกแปลกๆ หวนกลับมาอีกครั้ง...

                ไม่ใช่ไม่พอใจ...พวกเขาเหมาะสมกัน

                ผมก็แค่...

                “คุณนิ่ม” เสียงเบาๆ ปลุกผมจากภวังค์ ป้าบัวถือทานขนมคุ้กกี้เนยสดเข้ามา

                “เดียวนิ่มไปจดค่าใช้จ่ายของอาทิตย์นี้ก่อนนะ” ผมบอก กลัวว่าคนสองคนที่นั่งคุยกันจะหันมาเห็น

                มือจดรายการของที่ซื้อไป แต่ใจกลับคิดถึงเรื่องของใครคนอื่น...มันซ้ำซาก จำเจ ไม่อยากคิด แต่ก็ต้องคิด ทั้งๆ ที่รู้คำตอบของคำถาม แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้...

                ผมรู้ใจตัวเองดี

                ทุกครั้งที่ใกล้ชิด พยายามย้ำเตือนตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับความอ่อนโยนของคนๆ นั้น ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนใจโลเล แต่ใจไม่เข็มแข้งพอที่จะตัดขาดอย่างจริงจัง ทั้งที่รักใครอีกคน แต่ความใกล้ชิดกลับทำให้หัวใจเปิดรับผู้ชายคนนั้นเข้ามา ทั้งที่ย้ำเตือนตัวเองตลอดแท้ๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

                เห็นเขาสนิทกับผู้หญิงคนอื่นก็รู้สึกแย่จนแทบบ้า แต่ก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้ เพราะชื่อของใครอีกคนที่ติดอยู่ในหัว...

                ผมรักพี่อาร์ม เกือบห้าปีที่เราคบกัน ผมไม่เคยนอกใจพี่อาร์ม แต่ตอนนี้ ผมกลับทำตัวเหมือนคนหน้าไม่อาย แต่งงานกับกันแต่ลอบพลอดรักกับใครอีกคน สัญญากับคนรักว่าจะไม่นอกใจ แต่ก็เผลอไปกับสัมผัสที่อ่อนโยน

                ผมมันทำตัวน่ารังเกียจ

                ครืน...

                ผมมองหน้าจอโทรศัพท์กำลังส่องแสงสว่างวาบ หน้าจอแสดงชื่อของคนที่โทรเข้ามา เหมือนน้ำแข็งที่ทุบหัวจนมึนงง

                พี่อาร์ม

                (นิ่มครับ พี่ขอโทษ) เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นมาแทบจะทันที

                “พี่อาร์ม นิ่มขอโทษ” พูดออกไปแทบจะพร้อมกัน เสียงที่เอ่ยออกดูแผ่วเบา คนปลายสายดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

                (พี่ต่างหากที่งี่เง่า ดีกันนะ คนดี) คำง้องอนจากพี่ชายในสายเลือด มือกำโทรศัพท์แน่น คำขอโทษที่เอ่ยออกไป ขอโทษเหมือนกัน แต่ความนัยของมัน ช่างต่างกันสิ้นเชิง

                ยอมแพ้ใจตัวเอง ผู้ชายคนนั้นเข้ามาข้างในได้แล้ว

                เขาเข้ามาแทรก ในโลกที่มีแต่ผมกับพี่อาร์ม

                “อื้อ” ตอบกลับไปเบาๆ

                (รู้ไหมวันนั้นพี่โมโหตัวเองมากแค่ไหน เมื่อวานเนี่ยคิดถึงนิ่มจนเดินตกบันไดเลยรู้หรือเปล่า) คำบอกเล่าจากคนปลายสาย ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาเบิกโพล่ง ถามกลับอย่างรวดเร็ว

                เป็นห่วง...

                “พี่อาร์มเป็นอะไรมากหรือเปล่า! เจ็บตรงไหน”

                (ตกบันไดสามขั้นสุดท้ายนะ หน้าทิ่มไปกับพื้นเลย ฮ่าๆ) คนปลายสายหัวเราะร่าเริง

                “พี่อาร์ม!” ขึ้นเสียงใส่อย่างหงุดหงิด

                (...)

                “เอ่อ...นิ่มขอโทษ” เพิ่งรู้ว่าตัวเองใส่อารมณ์ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่เดาก็รู้ว่าพี่อาร์มคงกำลังทำหน้านิ่งๆ อยู่แน่

                (เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ที่รัก) คำถามแสนจริงจัง

                “...พี่อาร์ม นิ่มไม่อยากทนแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงที่พูดออกไปอ่อนระโหยเพียงใด รู้แค่ว่า มันเป็นความรู้สึกจากใจล้วนๆ

                ไม่อยากทน กับสภาพแบบนี้

                (...ครึ่งปี มันคงนานเกินไป)

                ใช่...แค่สองเดือน กันก็ทำให้ผมเป็นแบบนี้แล้ว

                “นิ่ม...”

                (พี่ขอโทษที่ทำให้นิ่มลำบาก พี่ขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว งานกำลังไปได้สวย...ถ้าหากพี่ทำงานชิ้นนี้เสร็จ เราก็พอมีเงินไปอยู่ออสเตรเลีย พอที่จะสร้างครอบครัวเล็กๆ กันได้แบบสบาย)

                “นิ่มขอโทษที่เร่งพี่อาร์ม นิ่ม...” ลมหายใจเหมือนขาดห้วง เมื่ออยู่ๆ น้ำตามันพาลไหลลงมาดื้อๆ

                กลั้นเสียงสะอื้นไว้ในอก ไม่อยากให้คนปลายสายวิตกกังวล

                (พี่รักนิ่มนะครับ) คำบอกรัก และตอกย้ำ ผมพยักหน้ารับแรงๆ

                “นิ่มรักพี่อาร์ม”

                (ชื่นใจจริง พี่ทำงานต่อนะครับ พรุ่งนี้พี่จะโทรมาหาใหม่)

                “อือ...นิ่มจะรอ” บอกไป กดตัดสาย

                มือกุมศีรษะ อยากหาทางออกของปัญหา รู้สึกเหมือนถูกกดดันจากคนรอบข้าง อยากหลีกหนีปัญหาบ้าๆ ไปให้พ้น ไม่อยากยอมรับ ความจริงในตอนนี้

                ขยี้ตา เช็ดคราบน้ำตาก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ สายตาก็ปะทะกับร่างสูงโปร่งของใครอีกคน...ไอรยา

                “อะ ไอ ทำงานเสร็จแล้วหรอ” ร่างกายเย็นวูบ ไอรยามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอได้ยินบทสนทนาของผมกับพี่อาร์มหรือเปล่า?

                “อือ ไอจะกลับแล้ว” เสียงที่ตอบกลับยังฟังดูสดใส

                “วันนี้ไม่รอกินข้าวเย็นด้วยกันล่ะ” ผมถาม

                “ฮือ อยากอยู่ แต่พอดีว่าที่บ้านเรียกตัวกลับด่วน ไอไปล่ะ” เธอบอกเสียงใส

                “กลับบ้านดีๆ นะ” ไอรยาพยักหน้ารับ ผมมองแผ่นหลังของเธอที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก

                “ป้าบัว นิ่มทำบัญชีเสร็จแล้ว ป้าบัวช่วยเอาไปดูทีนะ” ผมใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั่งจมปลักกับตัวเลขรายรับ รายจ่าย มันก็ไม่ยากมากนัก แต่คงทำเสร็จเร็วกว่านี้ หากหัวไม่คิดมากเรื่องอื่น

                “คุณนิ่มค่ะ เมื่อครู่เห็นคุณกันเธอเรียกหาอยู่” ป้าบัวรับสมุดบัญชีไปดู แล้วบอกผม

                “อะ อืม” ตอบรับ ก่อนเดินไปทางห้องทำงานของกัน

                ห้องนอน กับห้องทำงานอยู่ใกล้กัน ผมมองประตูไม้ ก่อนตัดสินใจเคาะ

                “ครับ” เสียงขานตอบรับจากคนด้านใน เปิดประตูเข้าไป กันนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ยุ่งกับเอกสารกองโตเป็นภาพที่เห็นจนชินตา

                “เรียกหานิ่มมีอะไรหรือเปล่า...พี่กัน” คำสรรพนามเรียกขานที่แปลกออกไป ทำให้รู้สึกกระดากอายกว่าเดิม แทนชื่อคนตัวโตด้วยคำว่าพี่ แทนตัวเองด้วยชื่อ แค่คิดริ้วแดงๆ ก็ปรากฏตามใบหน้า

                “พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงผู้ถือหุ้นครับ นิ่มไปกับพี่นะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยน ประโยคยาวๆ ที่นานๆ จะถูกส่งผ่านริมฝีปากหนาสักครั้ง

                “คือ...”

                “พี่จะมารับที่บ้าน” คำย้ำจากกัน ริมฝีปากหนาเม้มยิ้ม สายตาที่มองมาทอดต่ำ อ่อนโยนและเต็มเปรี่ยมจนทำให้ต้องหลบเลี่ยงนัยน์ตาคู่นั้น

                “ฮื่อ” ตอบรับก่อนหันหลังรีบเดินหนีออกจากห้อง

                “อ๊ะ” แรงรัดรอบเอวจากด้านหลัง หัวใจกระตุกวูบ มือหนาเกี่ยวพันส่วนโค้งรอบเอวแน่น ร่างกายใหญ่โตแนบชิดด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนลุ่ม

                ริมฝีปากหนาเฉี่ยวผ่านแก้ม ก่อนซุกตรงที่ไหล่ ผมตัวสั่นกับสัมผัสที่ได้รับ

                “รักนะครับ” คำพูดจากคนตัวโต สมองมึนงง รีบผละตัวเองจากอ้อมกอด เปิดประตู วิ่งออกไปแทบทันที

                หลบเข้ามาในห้องนอน กลิ่นน้ำหอมของกันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือกุมหน้าอกแน่น ทุบแรงๆ เหมือนระบายอารมณ์

                หัวใจไม่รักดี

















ขอบคุณทุกคนนะค่ะที่ติดตาม  :กอด1:
เปรี่ยม เปี่ยม ...สองคำนี้ใช้ต่างกันยังไงหว่า   :katai1:   :katai4:  :ling1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2014 14:54:15 โดย tensoplata »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอยยยยย มันบีบบบหัวใจเหลือเกิน
สงสารพี่กันนนนนน

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สงสารพี่กันอ่ะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ zizits

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านแล้วหน่วงๆ
เชียร์พี่กันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao5:
ปล.อยากอ่านดวงใจทรราช เอามาลงในเล้าด้วยจิ :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2014 17:08:48 โดย zizits »

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฮึกๆๆๆ ฮืออออ  :sad4:  :sad4:  :sad4:
มันหน่วงอ่า (แต่ก็ยังอ่านนะ)
ตอนแรกสงสารพี่กัน มาตอนนี้สงสารพี่อาร์ม

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
พี่อาร์มชักมีกลิ่นไม่ค่อยดีแล้วสิ

พี่กันรุกฆาตไปเลย ตอนนี้น้องหวั่นไหวแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ ๑๕ : คาตา

            เคยคิดว่าใจตัวเองมันแข็งพอ ไม่อ่อนแอ พูดกับคนอื่นเสมอว่าหากเรารักจริงจะต้องไม่นอกใจคนที่รัก แต่พอเจอเหตุการณ์จริงกับชีวิตตัวเอง สิ่งที่เคยพูด เคยย้ำเตือนตัวเองตลอดที่ผ่านมามันก็ไม่ต่างกับพูดลอยลม

            คำว่ารักที่บอกผ่าน หากเป็นเมื่อก่อน คงไม่รู้สึกรู้สา แต่ตอนนี้กลับทำให้ใจเต้นระรัวไหวหวั่น เพียงสัมผัสที่ชิดใกล้ เร่งให้ร่างกายร้อนผ่าว ไม่ต่างจากอ้อมกอดของคนที่รักเพียงสักนิด

            รู้สึกสมเพชตัวเองเป็นบ้า ตีอกชกหัว หวังให้หัวใจไม่รักดีกลับมาเป็นเหมือน แต่ก็ทำไม่ได้ หวังเพียงหลีกหนีสัมผัสจากคนๆ นั้น กลับไปอิงแอบแนบกายกับความรักเดิม

            หนีไม่พ้น...เจอทุกวัน ต่างกับอีกคน ที่ทั้งรัก ทั้งห่วง ก็ทำได้เพียงแค่ฟังเสียงผ่านโทรศัพท์

            ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิท เนคไทด์ที่ติดตรงทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าเจ้าระเบียบมากแค่ไหน ผมมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกคู่กับเขา กันตัวสูงมาก สูงจนหัวผมอยู่เพียงไหล่เขา

            กันยังเป็นคนที่พูดน้อย ตั้งแต่รู้จักเขามาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำหรับเขามีไม่กี่อย่าง เห็นได้ชัดก็คือดวงตาคมโตที่อ่อนโยนจนคนมองรู้สึกอ่อนไหว เขาจับมือผมแผ่วเบา จูงผมมายังข้างล่างของบ้าน ไม่มีการขืนใจ ผมเดินตามเขาอย่างว่าง่าย

            BMW Z4 สีดำแล่นผ่านบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงค่ำคืน คนขับเป็นกัน ผมนั่งข้างเขา ปกติเวลาผมไปไหนมาไหนกับพี่อาร์ม ถ้าเป็นงานแบบทางการ พี่อาร์มมักจะใช้คนขับรถส่วนตัว ต่างกับกัน เขาชอบขับไปไหนมาไหนเอง วันนี้ก็เช่นกัน เขากำลังพาผมไปงานเลี้ยงผู้ถือหุ้น ในฐานะภรรยาประธานบริษัท

            “มากันเร็วจัง กันค่ะ ผู้ถือหุ้นคนอื่นอยากคุยกับคุณ” เสียงใสเอ่ยทัก ไอรยาอยู่ในชุดเดรสสีดำ สร้อยเพชรเม็ดโตยิ่งขับเน้นความขาวของเธอมากจนน่าหลงใหล

            “อืม” ร่างสูงพยักหน้าตอบรับ กันจับมือผมแน่น ขณะกำลังเดินตามไป มือก็ถูกฉุดโดยข้อมือเรียวบางของไอรยา

            “กันไปคนเดียวได้ไหม ไอขอยืมตัวนิ่มสักพักนะ” ผมมองเธออย่างงงๆ กันมองมาผมปราดหนึ่ง บีบข้อมือผมแน่น ก่อนเดินไปทางชายใส่สูทสูงวัย

            “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามเธอ ไอรยาฉีกยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่แปลกจากปกติ รอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจากเธอ

            “มีคนอยากเจอนิ่มนะ” ร่างบางดันหลังผมให้พ้นจากโซนงานเลี้ยง ไอรยาพาผมเดินออกห่างจากงานมาพอสมควร เป็นซอกเล็กๆ ที่ไม่มีใครเข้ามาเพ่นพ่าน ไม่นานสายตาผมก็ปะทะกับชายร่างสูงที่เคยคุ้น

            พี่อาร์ม

            ถ้าการเจอกันโดยบังเอิญระหว่างเราผมคงไม่แปลกใจเท่าใดนัก เพราะพี่อาร์มเป็นผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งในเครือธำรงค์คุณ แต่การถูกชักชวนให้มาพบโดยหญิงสาวร่างบอบบางข้างกาย ทำให้สมองสับสนงุนงง

            พี่อาร์มกับไอรยา รู้จักกัน?

            “ไอได้ยินนะ วันนี้ที่นิ่มคุยโทรศัพท์ ไอช่วยนิ่มแล้วนะ” เธอกระซิบที่ข้างหู ก่อนเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอย่างงุนงง

            “คิดถึงนะครับ” เสียงที่เคยคุ้น สัมผัสที่อบอุ่น แทบจะทันที มือทั้งสองข้างโอบกอดอีกฝ่าย เหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย

            แรงกอดรัดแน่นๆ จากคนที่รัก ไม่มีอะไรอุ่นใจเท่านี้อีกแล้ว ผมซุกหน้าลงกับอกแกร่ง สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย...พี่อาร์มของนิ่ม

            “อือ” ตอบรับเสียงอู้อี้

            “ไปเที่ยวดอย สนุกไหม” เสียงถามหวานหู คงเป็นเพราะอยากเอาใจจากเรื่องผิดพลาดเมื่อหลายวันก่อน ผมฉีกยิ้มเล็กน้อย ก่อนขมวดคิ้วงงๆ พี่อาร์มรู้ได้ยังไงว่าผมไปเที่ยวดอย?

            “เอ๊ะ พี่อาร์มรู้ได้ไงว่านิ่มขึ้นดอย” ผมถามหลังจากผละใบหน้าออกจากหน้าอกแข็งแรง

            “พี่มีสายสืบ” คนตัวสูงบอกพลางยิ้มกว้าง ผมหัวเราะ มือบีบจมูกโตๆ นั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว

            “ใคร? นิ่มรู้จักหรือเปล่า” ผมถาม

            “อือ เด็กคนนั้นที่พี่เคยส่งเงินให้อยู่ช่วงหนึ่ง จำได้ไหม” คำพูดจากร่างสูง

            ผมย้อนนึกไปถึงช่วงที่เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน จำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง พี่อาร์มมาปรึกษาว่าจะให้เงินเด็กคนหนึ่งเรียน เขาเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่ครอบครัวมีหนี้สินติดตัวล้มละลาย ความจริงเด็กคนนั้นต้องถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พี่อาร์มไปเจอเข้าพอดี เพราะพ่อแม่เด็กคนนั้นติดหนี้เครือสิยะวงศ์อยู่ และนับแต่นั่นพี่อาร์มจะส่งเงินให้เป็นค่ากิน ค่าเรียน โดยมีข้อแม้ว่าเรียนจบต้องมาทำงานให้กับสิยะวงศ์

            ผมจำอะไรไม่ได้มากนัก ชื่อก็จำไม่ได้ จำได้แค่เพียงเป็นเด็กร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเท่านั้น

            “นิ่มจำชื่อไม่ได้”

            “ชื่อเปรม เปรมปรีย์ ติณณานันท์” คำตอบจากพี่อาร์มทำให้หัวผมสว่างวาบ

            ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ตามติดคุณพร้อมไท คนที่หันมายิ้มให้ผมบางๆ คนนั้น

            “อ๋อ...อ” ลากเสียงยาว

            พี่อาร์มหัวเราะเบาๆ จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อคนตัวสูงดันหลังผมติดกำแพง ใบหน้าที่ตอนนี้อยู่ใกล้แค่คืบ สายตาที่มองมาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ และวาววับ

            “คิดถึงพี่ไหมครับ” คำถามพร้อมกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ตรงจมูกจนรู้สึกจักกะจี้

            “ไม่มั้ง...ง” ยิ้มอย่างหยอกล้อ เหมือนเรื่องทุกข์ใจทั้งหมดจะหายไปเมื่อกลับมาอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย

            “แต่พี่คิดถึงแทบขาดใจตาย” สิ้นเสียงพูด ก็ตามมาด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวที่ทาบทับลงมา

            เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็ฉุดหัวใจให้เต้นตุบตับ ความร้อนผ่าวของริมฝีปากที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังร้อนแรงไม่เปลี่ยนแปลง ผมเปิดปากให้เรียวลิ้นหนาแทรกเข้ามาตวัดเกี่ยว พี่อาร์มใช้มือโอบรอบเอว รั้งเอวให้เข้ามาแนบชิด ริมฝีปากของเราแนบสนิทกัน

            “ฮื้อ” ปะท้วงออกมาเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศ

            “อีกแค่เดือนเดียว เราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ” คนพูดใช้ริมฝีปากคลอเคลียที่ใบหู ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มดีใจ ทว่าส่วนลึกในใจปฎิเสธไม่ได้ ผมกำลังเสียใจต่อการกระทำของตัวเอง

            “นิ่มรักพี่อาร์มนะ” พูดย้ำอย่างที่ตัวเองชอบพูดบ่อยๆ พี่อาร์มยิ้มหวาน จูบผมแผ่วเบา ใช้ริมฝีปากงับเล่นปากของผม ก่อนเลื่อนลงมายังซอกคอ

            ผมจับบ่าคนตัวสูงแน่น แม้ตรงนี้จะเป็นมุมอับ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะไม่มีใครผ่านมา

            “อ...อื้อ...” ผมครางเสียงแผ่ว อยากผลักไสคนตัวสูงที่กำลังใช้ลิ้นลากเลียตรงลำคอให้ออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะสัมผัสรัญจวนใจที่เคยคุ้น

            “พี่อยากกอดนิ่ม” คำพูดเสียงสั่นพร่า พร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ ลูบไล้แขนมาจนถึงไหล่ ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ

            “พี่อาร์ม อย่าดูด!” ผมเอ่ยเตือนเสียงเข้ม แต่ร่างสูงคงไม่สนใจหรอก ผมส่ายหัวอย่างระอาใจ พี่อาร์มเอาแต่ใจที่สุด! แต่ผมก็ยอมทุกครั้ง...

            ผลัก!

            “เฮ้ย!”

             แรงกระชากอย่างรุนแรงเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว กว่าจะได้สติก็เห็นเพียงร่างของชายคนรักล้มลงไปนอนกองกับพื้น สายตาที่มองพี่อาร์มอยู่เบิกกว้าง ตื่นตระหนก ทันทีที่มีสติ ผมรีบถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นแล้ว...มือข้างหนึ่งถูกดึงอย่างแรง ผมเซไปซบกับหาคนที่ดึงแขนไว้ ดวงตายิ่งเบิกกว้างยิ่งกว่า

             กัน

             ใบหน้ายิ่งซีดเผือด กัดริมฝีปากแน่นเมื่อสายตาบังเอิญมองเห็นใครอีกคนที่อยู่ด้านหลัง... พ่อ!

              ผมเลิกลั่ก มองพี่อาร์มที่ลงไปนอนกองกับพื้น ยิ่งหวาดหวั่นขึ้นไปอีกกับสายตาแข็งกร้าวจากกัน

              ถ้าหากใช้สายตาเป็นอาวุธ ผมแน่ใจว่า สายตาของกันที่มองมา มันสามารถฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น

              “ไอ้อาร์ม” เสียงคำรามลั่นจากคนเป็นพ่อ

              พ่อเข้าไปหาพี่อาร์ม กระชากคนที่ล้มตัวลงอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น พ่อตบหน้าพี่อาร์มจนเห็นรอยแดงเถือก พ่อไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว พ่อตบพี่อาร์มหลายครั้ง ผมยืนตะลึงเมื่อเห็นคนเป็นพ่อทำร้ายลูกชายตัวเอง

              “พ่ออย่าทำพี่อาร์ม!” กรีดร้องเสียงดัง อยากเข้าไปคว้าร่างสูงที่ปล่อยให้โดนตบอยู่ฝ่ายเดียวใจแทบขาด แต่ไม่อาจผละจากมือหนาที่ล็อคแขนตนเองไว้ราวคีบเหล็ก

               ผมสะบัดแขนแรงๆ หลายครั้ง ไม่สนใจกันที่ยืนนิ่งในบรรยากาศมาคุ หัวใจยิ่งบีบคั้นเมื่อเห็นเลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากริมฝีปากที่ช้ำเจ่อ

               “ปล่อยผมสิกัน ปล่อยผม!” ผมดึงแขนตัวเองแรงๆ อย่างคนไร้สติ มองคนตัวโตที่ยืนนิ่งจนน่าประหลาด

               “...” มีเพียงแรงดึงจากร่างสูง ผมขืนตัว ไม่ยอมไปตามแรงกระชาก

                “ผมจะไปหาพี่อาร์ม! ปล่อยผมสิกัน ปล่อย!” ตะโกนบอกเสียงดัง ห่วงคนที่โดนทำร้ายใจแทบขาด

                “หุบปาก!!!” กันตวาดเสียงดัง ผมสะดุ้งกับใบหน้าแข็งกร้าวและสายตาน่ากลัว แรงบีบที่มือแรงเสียจนปวดไปหมด
 
                “มึงปล่อยเมียกู!” พี่อาร์มที่ผลักพ่อลงไปนอนกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เข้ามาคว้ามือผมไว้อีกข้าง

                “พี่อาร์ม...” ผมครางเสียงแผ่ว สายตามองพ่อที่ล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะแรงผลัก สลับกับใบหน้าแดงกร่ำและเลือดตรงริมฝีปากของคนรัก หยดน้ำตาร่วงลงมาเพาะ

                  ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้

                   “ไอ้สารเลว!” คำด่าของคนที่เงียบขรึมมาตลอด พร้อมกับหมัดลุ้นๆ ที่ปล่อยออกไป ผมร้องเรียกชื่อพี่อาร์มเสียงหลง

                   “ทำบ้าอะไรของคุณ” ตะโกนด่าคนที่ลงมือรุนแรง

                   “หน้าด้าน”

                    อะไรกัน...

                     ผมกำลังโดนกันด่าใช่ไหม

                    “ค คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้น! คุณ...คุณไม่รู้อะไรเลย!”

                    “แค่นี้ก็เกินพอ...” ผมสะอึกนิ่งกับคำพูดของเขา

                     “ไม่! ผมจะไปหาพี่อาร์ม” ออกแรงสะบัดตัวเองจากคนตัวโตอย่างรุนแรง ทิฐิในหัวทำให้ผมไม่ยอมโอ่นอ่อนให้เขาง่ายๆ

                     เพียะ!

                     อารมณ์โมโหฉุดรั้งสติไว้ ผมเผลอตัวใช้มือฝาดใบที่ใบหน้าของกัน ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงกระแทก ผิวสีแทนแดงขึ้นเป็นรอยฝ่ามือ ผมรั้งมือตัวเองกลับ ป้องปากไว้อย่างตกใจ

                     ขอโทษ...อยากพูดคำนี้ใจแทบขาด เมื่อเห็นตนตัวโตแค่นยิ้มอย่างเย็นชา

                     “...” กันลากผมออกมาากบริเวณนั้น ผมไม่ขัดขืนปล่อยให้ตัวเองถูกลากไป สายตามองพี่อาร์มที่โดนพ่อระดมหมัดใส่ใบหน้าด้วยสายตาเว้าวอน

                     ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้

                     ทำไมถึงเป็นแบบนี้

                     ทำไม... 



















ดวงใจทรราชยังไม่มีไอเดียแต่งต่อเลยค่ะ กำลังไล่แต่งนิยายที่แต่งค้างๆเอาไว้  :hao5:   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2014 14:11:14 โดย tensoplata »

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ ๑๖ : เหตุการณ์เลวร้าย

            รอยแดงบนใบหน้าของกันเด่นชัดในสายตาผม มันย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องจริง ผมมองคนที่ลากตัวเองกลับบ้าน ใบหน้าคมสันที่ช่วงนี้ยิ้มบ่อยขึ้นกลับกลายเป็นบึ้งตึงและเมินเฉย

            อยากเอ่ยปากขอโทษ แต่ทิฐิที่มีอยู่ทำให้กัดปากไม่เปล่งเสียงอะไรออกไป ยิ่งมือหนาที่บีบแขนแทบแหลกคามือแล้วด้วย คนตัวโตไม่มีท่าทีจะหยุดเดิน เขาลากผมขึ้นห้อง ผ่านสายตาของป้าบัวที่จ้องมองอย่างห่วงใย แต่ไม่กล้าเข้ามายุ่ง

            “จะทำอะไรนะกัน!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อคนตัวโตขึ้นมาถึงห้องแล้วเหวี่ยงผมลงเตียงทันที

            “ทำร้ายกันเกินไปแล้ว” คำพูดแผ่วเบาอ่อนระโหง ต่างกับกิริยารุนแรงสิ้นเชิง กันค่อมตัวผมไว้ ขาสองข้างเบียดเข้ามาตรงกึ่งกลาง มือหนาล็อกมือผมแน่นกับเตียง

            “ปล่อยผมนะกัน! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”

            แทนคำตอบ คนตัวโตกลับบดเบียดริมฝีปากลงมาทาบทับ ผมดิ้นหนี จูบที่รุนแรงและก้าวร้าว ที่ผ่านมากันไม่เคยเป็นแบบนี้ เขากดใบหน้าผมไว้ด้วยจูบดุดัน มือหนาที่ล็อคแขนผมไว้เลื่อนมาปลดกระดุมที่ละเม็ดๆ พร้อมๆ กับเรียวลิ้นที่ตวัดเล่นในปากอย่างดุดัน

            ผมทุบไหล่กันปึกๆ แต่มันไม่ได้ผล กันยังคุกรุกล้ำอย่างอุกอาจ มือหนาถอดเสื้อผมออกไปได้สำเร็จ ผมกลัว...กับสิ่งที่กันกำลังจะทำ ความรู้สึกหวาดผวา และกลัวผู้ชายที่กำลังบ้าคลั่งคนนี้ ผมเฝ้าถามคำถามกับตัวเองในใจ

            กันที่ดูแลผมมาตลอดหายไปไหน...

            กันที่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนอยู่ที่ไหน...

            กันที่เคยบอกรักผมอย่างอ่อนโยน เขาอยู่ส่วนไหนของจิตใจชายคนนี้...

            เมื่อความอดทนและอดกลั้นหมดสิ้น ผมร้องไห้โฮ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินผ่านร่องแก้ม มองคนตัวโตที่กำลังจูบผมอย่างรุนแรงผ่านม่านน้ำตา

            ...กันผงะไปเมื่อเห็นน้ำตาผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า...แววตาสีดำเข้มนั้นเจือแววเจ็บปวด

            กันผละไปแล้ว แต่ร่างกายเขายังทาบทับตัวผมอยู่ ผมไม่อยากจะดิ้นหนี ความรู้สึกในตอนนี้มันเจ็บปวดมากจริงๆ คนที่ผมคิดว่าเขา เป็นคนดี กำลังจะข่มขืนผมอยู่

            ถึงผมจะเป็นเมียเขาตามกฎหมาย แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับผมแบบนี้! เขาไม่มีสิทธิ์ทำกับผม

            “ขอร้อง อย่าร้องไห้เลยนะ” คำพูดแผ่วๆ จากคนที่แสดงกิริยาป่าเถื่อน กันเอานิ้วมาถูตรงร่องตาผมเบาๆ น้ำเสียงของเขาเหมือนคนอัดอั้นอะไรสักอย่าง

            “ผมจะร้อง! ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม เอาซี้ อยากได้ร่างกายนี้ก็ตามสบาย ใช้กำลังบังคับผม เอาสิ!” คำพูดเหมือนคนสำนึกผิดจุดชนวนความโมโหของผม ผมรวบรวมความกล้า ท้ายคนตัวโตที่แน่นิ่งไป

            ถ้ากันจะทำจริงๆ ...ผมคงหนีไม่รอด

            แต่ผมจะประกาศกร้าว สิ่งที่เขาได้ไป มันก็เพียงแค่ร่างกาย...

            ซึ่งผมไม่เต็มใจ!

            ...กันทำในสิ่งตรงข้ามกับความคิดผม เขาผละตัวออกไป ทรุดลงนั่งข้างเตียง มือข้างหนึ่งกุมขมับ นั่งกับพื้นด้วยท่ายันเข่าข้างหนึ่งไว้ เมื่อคนตัวโตผละไป ผมก็ก้มหน้า ปล่อยให้น้ำตาไหลผ่านร่องแก้มเรื่อยๆ คิดถึงพี่อาร์ม...ที่ป่านนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้ นึกสมเพชตัวเอง ที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา

            ผมร้องไห้ สำนึกในของจิตใจทำให้ผมร้องออกมาอย่างสุดกลั้น ผมทำผิดกับกันไว้ทุกๆ อย่าง ผมเห็นแก่ตัว ผมเอาเปรียบเขา ผมแหกหน้าเขาด้วยการคลอเคลียกับพี่อาร์มต่อหน้าต่อตาเขา

            ผมทำผิดกับกันอย่างไม่น่าให้อภัย...

            ทว่าสิ่งเล่านั้นมันก็ไม่อาจลบล้างการกระทำของกันที่มีต่อผมในวันนี้ได้! บังคับ และยังทำร้ายพี่อาร์มอีก...

            ผมเกลียดกัน! ...ประกาศกร้าวกับตัวเองในหัว แต่กลับซบหน้าตัวเองลงฝ่ามือ ร้องไห้ออกมาสุดเสียง

            ผมต่างหากที่เป็นคนผิดต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

            “ฮึก...มันเจ็บจนจะช้ำใจตายอยู่แล้ว” เสียงแผ่วที่มาพร้อมเสียงสะอื้น ...ไม่ใช่ผม

            กันก้มหน้าซบเข่า ผมเห็นไหล่เขาสั่นสะท้านขึ้นน้อยๆ เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้ผมรู้ว่าเขาร้องไห้อยู่

            “ทั้งๆ ที่รักมาก ข ขนาดนี้ ทำไม ทำแบบนี้...ฮึ...ยอมมาตลอด ข ขอแค่ไม่เห็นกับตาตัวเอง...ทำไมถึงทำแบบนี้” คำพูดแทบไม่ได้สรรพ เพราะเสียงสะอื้นกลบไว้ ผมที่ร้องไห้อยู่แล้วยิ่งร้องหนักกว่าเก่า

            ต่างคนต่างร้องไห้...หัวใจหนักอึ้งเหมือนถูกหินทับ

            หาทางออกไม่เจอ...สักที

 

                                                                     >W e d d I n g<

 

            คืนนั้น ความอึดอัดระหว่างผมกับกันจบลงด้วยการที่ป้าบัวเคาะประตูเรียก และแจ้งข่าวน่าตื่นตระหนกให้ผมได้รับฟัง

            พ่อของผม...ล้มหัวกระแทกพื้น...อาการตอนนี้ คาดว่าจะเป็นเจ้าชายนิทรา...

            “ฮ่ะ ฮ่ะ” ผมหัวเราะออกเหมือนคนสติหลุด มองพ่อตัวเองผ่านกระจก ท่านนอนหลับอยู่บนเตียง

            ผมแค่นหัวเราะ ข้างๆ ผมเป็นพี่ชายในสายเลือด พี่อาร์มร้องไห้อย่างหนัก ตาบวมช้ำ เมื่อมาถึง พี่อาร์มกอดผมแน่นและพร่ำคำขอโทษ ส่วนกัน เขายืนอยู่ด้านหลังผม นัยน์ตาที่แดงช้ำเหมือนกันแต่สาเหตุการร้องไห้แตกต่างสิ้นเชิง

            พี่อาร์มบอกผมด้วยเสียงสะอื้น พี่อาร์มกับพ่อทะเลาะกันเรื่องผม พ่อเข้ามายกมือจะตบพี่อาร์ม แต่อยู่ๆ ท่านก็มีอาการเหมือนเข่าทรุด ล้มลงไป และที่ร้ายแรงกว่านั้น พ่อหัวกระแทกขอบซีเมนท์ ที่เขาโบกขึ้นเพื่อไว้วางของ ตอนนี้พ่อนอนสลบ ไม่ได้สติ

            ผมรับฟังพร้อมน้ำตาที่วันนี้มันไหนออกมาไม่หยุด

            ผมทำกรรมอะไรไว้ ทำไมชีวิตผมมันถึงได้เป็นแบบนี้

            ผมทรุดลงกับพนังเก้าอี้ ร่างกายเหมือนหมดแรงยืน

            วูบ...อ้อมกอดแผ่วๆ จากคนที่เงียบมาตลอด กันกอดผมแน่นต่อหน้าพี่อาร์ม เหตุการณ์ที่ประดังประเดเข้ามาทำให้ผมร้องไห้โฮไม่สนใจใคร กันกอดผมไว้อย่างอบอุ่นและปลอบประโลม อย่างน้อยเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมก็ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง บีบมือและให้กำลังใจ

            เขาไม่ใช้คนรักของผม เกือบทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย และ...กันไม่ใช่พี่อาร์มที่คุกเข่านั่งร้องไห้ตรงหน้า...สภาพไม่ต่างจากผมสักนิดเดียว

 

                                                                 >W e d d I n g<

 

            ผมมาทำงาน สอนหนังสือ เป็นวัฎจักรเดิมๆ แต่ที่เปลี่ยนคือผมต้องไปหาพ่อทุกเย็น...นี้ผ่านมากี่เดือนแล้ว ผมไม่ได้นับสักนิด

            เวลาไหลผ่าน เชื่องช้า คนที่รัก คนที่ห่วงมาตลอดก็หายหน้าหายตาไป ทั้งๆ ที่เวลานี้ผมควรจะอยู่กับเขามากที่สุด...พี่อาร์มหายไปไหนไม่รู้ งานที่บริษัทเครือสิยะสงศ์กันก็รับไปดูแล

            จากที่ผมห่วงมาก จนแทบสติแตก ก็กลายเป็นเฉยๆ กลับกัน ตอนนี้ข้างกายเป็นผู้ชายอีกคนที่คอยห่วงใยเสมอมา

            “อาทิตย์นี้พี่ไปเฝ้าคุณนิรุธเป็นเพื่อน” คำบอกจากคนตัวโต ผมพยักหน้ารับเบาๆ

            “แวะกินข้าวที่แคนทีนโรงพยาบาลเลยแล้วกัน” ผมบอกกัน

            กันพยักหน้ารับ เขาเดินไปบอกป้าบัวไม่ต้องทำอาหารเย็น ทุกอาทิตย์ผมต้องไปเฝ้าพ่อ นอนกับท่านคืนหนึ่ง แม้งานสอนเด็กจะลำบาก และเหนื่อย แต่ผมก็สามารถปลีกเวลามาดูแลพ่อได้ พ่อซูบลงไปมาก ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้ซูบผอมจนน่าเวทนา

            อาหารที่ได้รับก็ต้องให้ผ่านสายยาง...

            “นิ่ม...คุณนิรุธต้องฟื้น พี่เชื่อ”

            ผมยิ้มให้กัน อย่างขอบคุณ ลืมอดีตที่ผ่านมา ลืมความบาดหมางทั้งหมด เพราะผมเหนื่อยเกินจะแบกรับทุกสิ่ง เหตุการณ์ในชีวิตผมมันหนักหนาจนไม่อยากแบกรับมันไว้ทั้งหมดคนเดียว

สถานะของผมกับกัน มันคืออะไรผมไม่ทราบ

            แต่เหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตที่ผ่านมา

            ทำให้ผมรู้ว่า...เขาไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 ตอนที่ ๑๗ : รักที่ถูกกีดกัน

                เวลาผ่านไปเรื่อย ผมในสภาพที่ปล่อยวางเรื่องเกือบทุกอย่างได้แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มสนิทกับกันมากขึ้น ผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไง ในเมื่อเข้าดีกับผมทุกอย่าง คนนิ่งๆ ที่ไม่ค่อยแสดงความห่วงใยออกมาแต่ทุกการกระทำที่ทำบ่งบอกชัดว่าเขารักผมมากเพียงไร

                ...หากเป็นเมื่อก่อน ผมคงปฏิเสธความคิดนี้ และไม่ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กันทำให้ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไรอีกแล้ว ผมรู้แค่ว่า ผมอยู่กับกัน ผมมีความสุข

                ผมอาจจะล้าเกินไปที่จะไล่ตามความรักของตัวเอง

                แต่มันคงไม่ยากอะไรกับการยอมรับความรักที่อยู่ข้างกาย...

                “ซื้อเสื้อยืดไหม ในตู้พี่มีแต่สูทกับเสื้อเชิร์ตเองนะ” ผมเปิดประเด็น วันนี้ผมกับกันมาเดินซื้อของใช้ส่วนตัวกันครับ หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล

                “อืม” คำตอบสั้นห้วนตามสไตล์

                “เอาตัวนี้นะ” ผมหยิบเสื้อยืดที่สกรีนลายหนุมานมาทับตัวกัน

                “พี่ใส่ได้หมด ถ้านิ่มชอบ” พนักงานเริ่มหันมามองพวกเราแปลกๆ ผมหน้าแดงนิดๆ

                ผมเลือกซื้อของให้กันตามใจชอบ เหมือนเป็นวันผ่อนคลาย กันเคียร์งานยุ่งๆ และหาเวลามาเดินซื้อของเข้าบ้าน ผมก็ซื้อพวกของใช้ ยาสระผม สบู่เอ่ย แป้งอะไรพวกนี้ ความจริงอันนี้เป็นหน้าที่ของป้าบัว แต่ผมอยากชวนกันมาเที่ยวบ้าง อย่างน้อย เขาจะได้หายเครียดจากงาน

                หลายๆคนคงคิดว่าการที่เรามีเงิน มีงานทำเยอะๆ มันมีความสุข แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เลย ทุกวันนี้การที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันทำให้รับรู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน เขาทำงานหนัก ไหนก็มาห่วงเรื่องผมอีก

                และวันนี้ก็พิเศษอยู่นิดหน่อยคือแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ๆก็โพล่มาตอนเรากำลังนั่นทานโออิชิ ราเมน

                ครืด...เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังจากฟังตรงข้าม ผมที่ตาจ้องเมนูที่อยู่ในมือกันรีบเงยหน้าขึ้นทันที

                “พิช? คุณเปรม?” ผมเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ เห็นพิชว่าตกใจแล้ว แต่เห็นคนที่มาด้วยยิ่งตกใจยิ่งกว่า

                เปรม...เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เคยเจอในคราวนั้นกับคุณพร้อมไทนั่งหน้าซีดอยู่ตรงหน้าผม ที่น่าสงสัยยิ่งกว่าคือข้อมือหนากำยำของพิชจับมือเล็กๆนั่นแน่น

                “โลกมันแคบจริงๆ เอ้า ไอ้หนูบอกเรื่องนั่นให้ไอ้กันกับนิ่มฟังสิ” เปรมอึกอัก ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเผือด

                “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามขึ้น

                “เอ่อ คือ...” เมื่อเห็นคนร่างโปร่งไม่พูดขึ้นมาสักที พิชที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้วก็ตบโต๊ะดังปัง คนทั้งร้านหันมามองเป็นจุดเดียว ผมตกใจ แต่นั่นยังไม่เท่าคำพูดที่ออกมาจากปากคนตัวโต

                “พี่ชายนิ่มรถคว่ำ สปอร์ตคันหรูสีแดงเละไม่เป็นท่า เมื่อเดือนก่อน”

                อะไร

                “อะไร” เสียงที่เปร่งออกไปมันไม่ดังเลย แต่มันแหบแห้ง และจุกอยู่ที่คอ ใจผมเริ่มเต้นรัว มือที่วางอยู่ข้างกายจิกแน่น

                “พี่อาร์มเป็นอะไร เขาอยู่ที่ไหน” จำได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันทรมานมาก รู้สึกกระวนกระวายกับคำตอบที่ได้รับ

                “เขาแค่ความจำเสื่อม” คำตอบเบาๆ ออกมาจากปากคุณเปรม

                “...” ความรู้สึกเครียดในตอนแรงจางหายไป

                ผมห่วงพี่อาร์ม...ถึงยังไง เขาก็เป็นคนรัก...

                คนรัก...ผมยังจะใช้คำนี้ระหว่างเราได้อยู่ไหมนะ...

                มันเหมือนบทละคร เหมือนชีวิตเล่นตลก คำพูดของของคุณเปรมยิ่งตอกย้ำว่าการที่พี่อาร์มหายตัวไปนั่นเพราะเขาประสบอุบัติเหตุ ความจำเสื่อม ผมอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ปรับความเข้าใจกับกันดูแลพ่อไปพลาง ในขณะที่พี่อาร์มไม่เหลือใคร

                ผมควรจะทำยังไงดีนะ...

                แรงบีบหนักๆที่ข้อมือฉุดรั้งสติที่กำลังตะเลิด ผมหันมามองกัน เขามีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้ผม แต่ทว่าในความตึงเครียดมือหนาที่บีบแน่นไม่ยอมปล่อย...กันให้กำลังใจผม

                “ทำไมคุณไม่มาบอกผม” ผมถามชายหนุ่มสูงเพียวตรงหน้า อยากกระชากคอเสื้อมาและตะโกนถามดังๆด้วยซ้ำ

                “คุณมีท่านประธานกิตติรันต์เป็นสามีอยู่แล้วนี้ อีกอย่างผมดูแลพี่อาร์มได้” ร่างสูงเพียวตอบอย่างเชิดๆ

                “นายเป็นอะไรกับพี่อาร์ม!” ผมถามสะบัดมือกัน กระชากคอเสื้อของคนตรงหน้า

                “ผมหวังดีกับพี่อาร์ม อย่าคิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องของคุณ...หึ จับปลาสองมือ น่ารังเกียจ”

                คำพูดตอกย้ำ เหมือนโดนต่อยด้วยหมัดหนักๆ 

                  “นายไม่เข้าใจ!”

                 “ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งวุ่นวายกับพี่อาร์มอีก เขาแค่ความจำเสื่อม ไม่ได้พิการ พี่อาร์มดูแลตัวเองได้...บอกตรงๆนะคุณนิ่ม พี่อาร์มคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ถ้าไม่มีคุณ”

                ผมไม่อยากจะทน!

                 คนตรงหน้าพูดอะไรออกมากัน...ผมนะน่ะ ผมน่ะ ไม่ใช้ตัวถ่วงพี่อาร์มนะ ผมนะเป็น...

                “ฉันเป็น...!” คำพูดที่จะประกาศกร้าวแสดงความเป็นเจ้าของคนรักถูกหยุดไว้กะทันหันเมื่อผมยังไม่ลืมว่าข้างหลังผมมีใครที่ยืนอยู่

                 “จะพูดอะไรเกรงใจคนข้างหลังคุณเถอะ” คนตัวสูงกว่าโต้กลับอย่างไม่ลดละ

                เปรม...คนที่พี่อาร์มเคยช่วยเหลือเรื่องการเงินเมื่อคราวนั้น เขากำลังทำให้ผมรู้สึกหึง ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำแผลเป็นข้างในหัวใจ

                กัน...ผมสบสายตานิ่งเรียบของเขาที่ตอนนี้มันออกจะไร้ความรู้สึก

                “เปรม! พูดอะไรเกรงใจนิ่มบ้าง” พิชพูดเสียงดุ ชายตัวโตร่างยักษ์คงเห็นผมหน้าซีดอยากร้องไห้เลยออกโรงปกป้อง แต่นอกจากคำพูดเชือดเฉือนของเปรมที่ทำร้ายผมอย่างสาหัสแล้ว มันคงเป็นความจริงในคำพูดนั้นที่เป็นสิ่งย้ำเตือนการกระทำเลวทรามของผม

                “ทบทวนสิ่งที่คุณทำให้ดีเถอะคุณนิ่ม คุณรักพี่อาร์มจริงก็ควรให้เขามีความสุขที่แท้จริง…สักที”

                “โว้ย...เปรม ทำไม...แมร่ง” พิชสบถดังลั่นก่อนขอตัวกลับโดยลากชายร่างสูงไปด้วย

                ผมเห็น...สายตาของเปรม เขามองมาที่ผมอย่างตำหนิ ดูแคลน

                “กลับบ้านเถอะ” คำพูดห้วนสั้น

                ผมพะวักพะวนอยากไล่ตามเปรมไปเพื่อถามที่อยู่ของพี่อาร์ม เป็นห่วงจนอยากจะบ้า แต่กัน...ผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้

                ทั้งที่คิดแบบนั้นขากลับก้าวตามแผ่นหลังกว้าง แต่หัวใจมันเจ็บปวดจนแทบจะทานทน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2014 00:23:19 โดย tensoplata »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ดราม่าโคตร :sad4:

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส

                ผมอยากหย่า

                ถ้าหากผมกล้าพูดคำนั้น มันคงทำร้ายจิตใจของกัน ผมพิงใบหน้ากับกระจกรถ หลับตาลง คำสัญญาของคนรักลอยเข้ามาในหัว

                ‘หย่ากับผู้ชายคนนั้นให้ได้ภายในครึ่งปีนี้ ส่วนพี่จะทำงานเก็บเงินให้มากที่สุด เราจะหนีไปต่างประเทศด้วยกัน’

                อุปสรรคมันมากมายเหลือเกิน ผมไม่ต้องการทำให้ใครเจ็บปวด แต่ทำไมผมต้องทนด้วย ทำไมผมต้องแคร์ความรู้สึกกัน ทำไมการที่ผมมั่นคงกับคนรักมันถึงทำให้ผมรู้สึกผิด

                นั้นคงเป็นเพราะ ‘ทะเบียนสมรส ’

                กระดาษแผ่นเล็กๆที่ตีตราร่างกายนี้ พันธนาการรักไว้ด้วยคำว่าศีลธรรม

                “เลิกรักมัน...ได้ไหม”

                เสียงเครื่องยนต์รถดับสนิท ผมได้ยินชัดเจน กันจับมือผมที่วางบนที่พิง มือของกันเย็นชืด ผมมองหน้าเขา ไม่ได้หลบตา

                “คุณเลิกรักผมได้ไหมล่ะ...ปล่อยผมไปหาคนที่ผมรัก คนที่ผมรักจริงๆ” ถามกลับเสียงแข็งพร้อมย้ำเตือนตัวเองด้วยคำพูด

                “เราแต่งงานกันแล้วนะนิ่ม” คนตัวโตกว่าพูดเสียงเว้าวอน

                “...ผมไม่รู้” ...ไม่รู้จะตอบเขายังไง

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะกระจกรถ เป็นไอรยา ผมเปิดประตูออกจากรถยิ้มทักทายไอรยาเล็กน้อย รีบเดินเข้าบ้าน...ผมลืมไปได้ยังไง กันมีไอรยา หญิงสาวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง

                กึก

                ขาที่ก้าวเดินหยุดชะงัก กันวิ่งมากอดผมแน่น

                “รักนิ่ม...รัก” คำพูดแผ่วเบาข้างหูกับสัมผัสอบอุ่น ผมน้ำตาไหลทะลัก

                “ทำอะไรนะกัน!” เสียงหวานของไอรยากรีดร้องดังไล่หลัง ผมแกะข้อมือหนาที่รัดเอวแน่น ผลักร่างสูงด้วยแรงทั้งหมดที่มี

                ไอรยาวิ่งมาหาพวกเราด้วยใบหน้าซีดเผือด

                “หย่ากับผมนะกัน ผมขอโทษทุกอย่างที่ผ่านมา” ตัดสินใจพูดคำนั้นออกมาจนได้ ผมยกมือปิดปาก สะอื้นฮึกฮัก หันหลังวิ่งเข้าบ้าน

                ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้น

                อยากวิ่งหนีจากปัญหา 

                “ไปกับไอนะกัน” ไอรยาพูดกับเพื่อนชายที่ยืนนิ่ง สายตากันว่างเปล่า หญิงสาวรู้ดี กันกำลังเจ็บ ไอรยาก็เจ็บ แต่เจ็บใจที่คนที่กันรักไม่ใช่เธอ!

                “อย่ามายุ่ง” กันเค้นเสียงตอบ เขาจะไปตามนิ่ม อ้อนวอนนิ่ม ขอความรักจากคนที่รัก

                “ไม่! เลิกบ้าสักทีกัน นายจะยื้อความรักบ้าๆนี้ไปทำไม! นายเคยหันมาสนใจไอบ้างไหม ไอคนที่รักนายมาตลอด!” ไอรยาตะโกนใส่หน้ากัน หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแน่น

                “ฉันรักนิ่ม ฉันไม่เคยรักเธอ ไอรยา” กันตอบไอรยา ผลักร่างบางจนเซ

                “รัก...คำนี้มันต้องใช้ใจของคนสองคนมันถึงจะเรียกรักได้ มีแค่ใจดวงเดียว ความหมายมันก็ไม่สมบูรณ์...กันจะทนอยู่กับความเจ็บปวดไปทำไม...ทั้งๆ ที่...ทั้งๆที่นิ่มไม่เคยรักคุณ...กัน...คุณมันโง่!”

                “งั้นเธอก็ออกไปจากชีวิตฉันซะไอรยา เธอจะได้เลิกโง่สักที!” กันตวาดใส่ไอรยา

                เพียะ!

                “ศักดิ์ศรีคุณมันหายไปหมดแล้วกัน! คุณมันน่าสมเพชไม่ต่างกับฉัน คุณจะไม่มีวันได้รับความรักจากนิ่ม” ใบหน้าคมหันตามแรงตบ

                ไอรยาพละจากไปพร้อมความโกรธ กันคว้าตุ๊กตาดินเผาหน้าบ้าน ปามันลงพื้นอย่างแรง

                “โธ่โว๊ยย!!!”

 

                                                                    >W e d d I n g<

                สวบ

                เตียงนอนอีกข้างยุบลงตามน้ำหนักคนทิ้งตัวนอน ผมนอนหันหลังเหมือนเดิม กันใช้มือหนาโอบเอวผมผ่านผ้าห่มหนา ใบหน้าเขาเกือบแนบชิดใบหู

                “พี่ไม่มีวันหย่ากับนิ่ม” คนตัวโตกว่าพูดเสียงหนักแน่น มือหนากอดรัดรอบเอวผมแน่นกว่าเดิม

                “จะยื้อไว้ทำไม...วิวาห์ที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เต็มใจ พี่ไม่ควรยึดติดกับมัน”

                “นิ่มไม่สงสารพ่อของนิ่มบ้างหรอ” คำพูดของกันเหมือเข็มทิ่มแทงกลางใจ

                พ่อ...ที่นอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล

                ผมทำสิ่งที่ผิดกับพ่อมากจนเกินให้อภัย

                “ฮึ...แล้วจะให้นิ่มทำยังไง...พี่กันคิดว่านิ่มมีความสุขนักหรือไงที่เป็นแบบนี้ มันเจ็บจนแทบบ้า ตรงนี้...” ผมจับมือหนาแนบหน้าอก รู้สึกจุกที่อก

                “ลืมมัน และเปิดใจรับพี่เข้าไปข้างใน” กันพูดอย่างเห็นแก่ตัว

                “พี่จะทนได้หรอ...ในเมื่อผมไม่เคยรักพี่” ผมถามคำถามแย่ๆ

                “พี่สัญญา..พี่จะทำให้นิ่มรักพี่”

                อ้อมกอดแสนอบอุ่นกับคำสัญญาที่หนักแน่น...จะผิดไหม...หากความเจ็บปวดที่ผมกำลังแบบรับตอนนี้ทำให้ผมอยากลืม...อยากโยนปัญหาต่างๆนั้นทิ้งและวิ่งเข้าหาที่พักพิงแสนอบอุ่นและมั่นคง

                                                                    >W e d d I n g<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2014 01:32:37 โดย tensoplata »

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ถึงจะหมั่นไส้เปรมนิดหน่อย

แต่เป็นอย่างนี้คงดีกับทุกฝ่าย

คิดว่านะ :mew2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เปรมทำไมมันน่าหมั่นไส้นักว่ะ :z6:

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ปล่อยให้พี่อาร์มเขาความจำเสื่อมไปเถอะนะจ๊ะนิ่ม  :mew4:
ทั้งนิ่ม พี่อาร์ม กันเองจะได้ไม่มีใครทุกข์ใจอีก รวมพ่อของนิ่มด้วย ไอก็ปล่อยไปตามทางของเธอละกันนะจ๊ะ  :laugh:
ห้ามหย่ากับกันนะ พ่อพระเอกขรึมของเดี้ยนน่าสงสาร  :ling3:


ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
อึนมากค่ะ เรื่องนี้ แต่ชอบค่ะ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สงสารทุกคนเลย   :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ตัดใจจากพี่อาร์มเถอะนะนิ่ม รักพี่กันดีกว่า พี่กันเค้าน่าสงสารนะ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :o12: :o12: โอยยยย....ทำไมมันเศร้าอย่างนี้  :m15:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อาจจะดีจริงๆน่ะให้เปรมดูแลอาร์มเถอะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Feporchz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เปิดใจให้พี่กันเถอะนิ่ม  :hao5:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ตอนแรกที่พี่อาร์มหายไป แอบดีใจ หวังว่าคงจะไปอยู่กับเปรม
พอรู้ความจริงว่าเกิดอุบัติเหตุ เริ่มสงสารขึ้นมา
อ่านไปก็ลุ้นให้พี่อาร์มทำผิดกับนิ่มสักเรื่อง จะได้เชียร์กันได้อย่างสนิทใจ
แต่ถ้าทำผิดเพราะความจำเสื่อม คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงเป็นอาร์ม

ข้อแก้ไขคำศัพท์ค่ะ
ปฎิเศษ > ปฏิเสธ

ออฟไลน์ tensoplata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ข้อแก้ไขคำศัพท์ค่ะ
ปฎิเศษ > ปฏิเสธ
บอกพิกัดได้ไหมค่ะ = = คำนี้แก้ไปหลายบทแล้ว แต่อาจมีอันที่หาไม่เจอ
 :sad4:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
โอ้ จริงด้วย  ว่าแล้วคุ้นๆ  เพราะลงเด็กดี

นิ่มตัดใจจากอาร์มเถอะ  รักกันดีกว่า

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
บอกพิกัดได้ไหมค่ะ = = คำนี้แก้ไปหลายบทแล้ว แต่อาจมีอันที่หาไม่เจอ
 :sad4:

ตอนที่ 17 บรรทัดแรกสุดท้าย กับบรรทัดที่ 3

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถอนหายใจไปหลายเฮือก และเฮ้อไปอีกหลายครั้ง แต่สนุกมากเลยคะ

และนั้นคือทางออกของเรื่องนี้ใช่รึเปล่า  ลุ้นจริงๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด