Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559  (อ่าน 69926 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ทำได้แค่หึงเท่านั้นแหละฟารัน

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ปล่อยให้ค้างอีกแล้ว รักกับหมอโอก็ดีนะ ดูแล้วมีคงวามสุขมากกว่าเยอะเลย รอต่อไป

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ชอบการบรรยายมากสนุกจังเลย มาต่อเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

“โรเรเนส!!!!” หมอหนุ่มผู้ตระหนกหน้าแดงซ่านไปถึงหู เขานิ่งแข็งอยู่แบบนั้นเพราะตกใจและทำอะไรไม่ถูก
เด็กหนุ่มกอดเขาอยู่ซักพักก่อนจะถอยออกมาแล้วจ้องมองเขาตรงๆ โฮรันซึ่งยังหน้าแดงไม่หายพูดขึ้นอย่างหนักใจ

“ทำแบบนี้ข้าคิดมากนะ”

“ท่านหน้าแดง---ท่านอึดอัดหรือไม่ที่ข้าทำแบบนั้น”

“เอิ่มไม่หรอก ข้ายินดีหากเจ้าอยากจะกอดข้าอีกและข้ายินดีหากเจ้าจะทำมากกว่านั้น”
 
โรเรเนสเข้าใจความรู้สึกของท่านหมอรวมถึงความต้องการของอีกฝ่าย แต่เขากลับรู้สึกสับสนในอกตนเอง เขานั้นสามารถกอดโฮรันได้โดยไม่รู้สึกลำบากอะไร ออกจะอบอุ่นสบายใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่ใกล้กัน ตรงข้ามกับองค์ราห์โอที่เมื่อก่อนนี้แม้เพียงมองตาตนก็ขวยจนทำอะไรไม่ถูก

 แล้วแบบไหนล่ะที่ควรจะเป็นความรู้สึกที่เขามีให้ท่านหมอนั้นตรงกับที่เขาได้รับหรือเปล่า และถึงแม้ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคย ไม่เคยหยุดคิดถึงฟารันได้เลยซักวันถึงแม้จะพยายามมากแค่ไหน

“อย่าใส่ใจสิ่งที่ข้าทำเลย---ต้องขออภัยที่ข้าละลาบละลวงท่าน”

“ไม่เป็นไรสหายกันกอดกันได้” ท่านหมอโฮยิ้มอย่างอ่อนโยนให้

“ข้ายังไม่ชินกับความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์จึงสับสนอยู่มากว่าข้าควรรู้สึกอย่างไร แต่ที่เป็นตอนนี้การเป็นสหายกับท่านข้ามีความสุขมากเลยนะ เวลาที่ข้ากอดท่าน ท่านทำให้ข้านึกถึงซาลาเปา อา ข้าคิดถึงซาลาเปาจัง”

“ซาลาเปา?”

“องค์ลาวิเลี่ยนแมวพาหนะของข้าบนสวรรค์ ตัวใหญ่อย่างนี้เลย”  เทพหนุ่มกางแขนออกกว้างแล้วยิ้ม

“นี่เจ้าเห็นข้าเป็นแมวหรือ”

“เปล่าแค่รู้สึกอุ่นใจเวลาอยู่ด้วย”

“ดีจัง---กอดกันอีกไหม?”

“ไม่เป็นไร” แล้วพวกเขาก็หัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดี

                          
           ยามค่ำนั้นเย็นสบาย บุรุษหนุ่มทั้งสองเดินคุยเรื่อยเปื่อยกันมาจนถึงห้องพักของโรเรนส ที่ตอนนี้ได้ย้ายออกมาอยู่ในส่วนที่ไม่ใช่ห้องบรรทมชั้นในแล้วแต่ก็อยู่ละแวกใกล้กัน เมื่อถึงที่หมายเด็กหนุ่มได้ผลุบหายเข้าไปในห้องครู่หนึ่งแล้วกลับออกมาพร้อมไม้ดอกสีขาวที่เพาะใว้ในกระถางใบจิ๋ว

“นี่คือเลล่าที่ข้าเล่าให้ท่านฟัง เจ้าตัวจิ๋วนี้ต้องดูและเป็นพิเศษข้าจึงยังเอาลงดินไม่ได้ถ้าไม่รังเกียจและไม่เป็นภาระจนเกินไปข้าอยากให้ท่านรับไว้แล้วช่วยดูแลมันด้วย” หมอหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจขณะเอื้อมมือไปรับเจ้าดอกไม้สีขาวดอกน้อยนั้นมาเพ่งพิศดู

“ไม่รบกวนหรอกของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าให้ข้า ข้าต้องดูและมันอย่างดีอยู่แล้วเพียงแต่ว่าข้าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพืชหรอกนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกข้าให้เลเล่กับท่านเพราะข้าคิดดีแล้ว ห้องของท่านมีระเบียงที่ผินหน้าออกสู่ทะเลสาบ ไอระเหยของน้ำจะดีมากๆ หากท่านวางมันไว้ที่ระเบียบ ห้องข้านั้นมองออกไปก็เจอแต่ตึกอีกฝั่ง ดูจะแห้งแล้งไปเสียหน่อย”

“โธ่ ข้าก็นึกว่าให้โดยเสน่หาที่แท้แค่อยากจะใช้ประโยชน์จากห้องข้ารึ” องค์ชายแสร้งพูดเหมือนดุแต่ก็รู้กันว่าเป็นเพียงการหยอก เด็กหนุ่มนั้นยิ้มตอบให้ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

“เอ้อจริงสิ ท่านต้องใช้ลูกแก้ววางไว้ในกระถางด้วยนะเดี๋ยวข้าเข้าไปหยิบมาให้” เขาหายเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วรื้อค้นสิ่งของในกล่องไม้ที่ตนวางไว้บนระเบียง ระเบียงหินอ่อนที่ควรจะกว้างขวางแต่กลับเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้หลากขนาดเรียงกันอยู่  เจ้าของห้องกอบลูกแก้วใสขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วห่อไว้ด้วยผ้าก่อนจะเดินกลับมาที่หน้าห้องตน

แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสหายรูปงามนั้นหายไปจากจุดเดิมที่เคยอยู่ ทว่าเสียงพูดเจื้อยแจ้วร่าเริงของท่านหมอโฮกลับดังขึ้นในส่วนที่เป็นโถงทางเดินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนอนของเขานัก ฟังดูก็รู้ได้ว่ากำลังสนทนากับใครบางคนอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเพราะไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา

โรเรเนสเดินออกจากทางเดินเล็กๆ เพื่อออกไปสู่โถงใหญ่ เมื่อพ้นออกมาเล็กน้อยเขาก็เห็นท่านหมอโฮยืนอยู่จึงรี่เข้าไปหาด้วยดีใจ แต่แล้วฝีเท้าก็ต้องชะลอช้าลงเมื่อคู่สนทนาคนนั้นเป็นองค์ราห์โอที่กำลังเดินผ่านโถงหลักนี้เพื่อไปพักที่ห้องบรรทมซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีก เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่เสียกลางทางไม่ได้ถอยหนีและไม่ได้ขยับเข้ามาหา เขากระชับห่อผ้านั้นไว้แนบอกเหมือนต้องการสร้างเกราะให้หัวใจตัวเอง ใบหน้าสดใสเจื่อลงไปเล็กน้อยเมื่อสบตาตรงๆ กับคู่สนทนาของสหายเขา

“อ่าวโรเรเนสมาแล้วหรอ นี่บังเอิญมากเลยข้าเห็นท่านพี่เดินผ่านโถงพอดีจึงได้รั้งไว้ มานี่สิ” หมอหนุ่มเชื้อเชิญแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่ก็เห็นได้ชัดว่าโรเรเนสนั้นอึดอัดใจแต่ก็ยังเรียกอย่างขันแข็ง เขาเดินเข้าไปหาสองพี่น้องที่มีสีหน้าผิดกันลิบลับ เขาไม่รู้หรอกว่าฟารันคิดอะไรใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น

“สวัสดี”

“สวัสดี”

คำทักทายตามมารยาทอันจืดชืดถูกเอ่ยขึ้นเหมือนในทุกๆ ครั้งที่ได้เจอกัน แล้วก็ไม่ได้สานต่ออันใดเพราะเด็กหนุ่มเมินไปไม่กล้ามอง องค์ชายผู้เป็นน้องเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นก็ยกยิ้มอย่างย่ามใจแล้วหันไปเอ่ยกับพี่ชายตน

“พอดีข้ามาส่งโรเรเนสที่ห้องเลยได้เจ้าดอกเลล่ามา โรเรเนสบอกว่ามันยังเด็กเกินกว่าจะลงดินและห้องของข้าเหมาะที่จะเพาะมันมากที่สุด ท่านพี่ว่ามันน่ารักไหม”

“อืม” กษัตริย์หนุ่มจ้องมองกระถางใบน้อยในมือน้องชาย

“น่ารักเหมือนเจ้าของนั่นแหละ” ประโยคนี้องค์ชายหันไปหยอกกับคนข้างตัวแต่ฝ่ายนั้นกลับอึดอัดเสียมากกว่าเลยเปลี่ยนเรื่อง

“หมอโฮข้าเอาสิ่งนี้มาให้” เขารับมาแล้วแกะดู “มันเป็นลูกแก้วที่เก็บความเย็นได้ดีหากนำไปแช่น้ำก่อนจะไปวางไว้ที่โคนต้นก็จะช่วยให้ต้นเลล่าเย็นและโตได้ดี” 

“ดีจังเลย ข้าดีใจมากเลยนะที่เจ้าให้เกียรติข้าดูแลต้นไม้ของเจ้าบ้าง” สายตาอ่อนโยนหวานละมุนจ้องมองไปที่วงหน้างาม แต่เด็กหนุ่มกลับหลุบตาหนีแล้วเหลือบไปมองบุรุษอีกคน

โรเรเนสก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนเองถึงทำเช่นนั้น แต่จู่ๆ เขาก็เกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าฟารันจะมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาเช่นไร แล้วเด็กหนุ่มก็ได้สบตาอย่างจริงจังกับอีกฝ่ายแบบที่ไม่ได้มองกันมานานแล้ว ไม่ได้รับรู้มานานแล้วว่าแววตากร้าวของฟารันเป็นอย่างไร

ทว่ามันกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดฟารันไม่ได้ดูโกรธหรือเย็นชาเลย

 มันดูเศร้าและเต็มไปด้วยคำถาม

นี่คือที่เจ้าต้องการใช่ไหม

นั่นสิ เด็กหนุ่มประหวั่นใจเขาไม่รู้ ความหวาดระแวงแต่แรกที่มีต่อฟารันหายวับไปแทนที่ด้วยความรู้สึกประหลาดกระชากเขาให้ตื่น เขาหันกลับไปมองอีกคนที่ยังคงยิ้มละไมอุ่นหัวใจให้เขา

“มีอะไรรึสีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย” หมอหนุ่มเอ่ยถาม เขาไม่เอ่ยตอบแต่กลับมีท่าทางสับสนพะว้าพะวงกว่าเดิมก่อนจะตัดสินใจจากไป

“ข้าขอตัวก่อน” แล้วก็สาวเท้าเดินไป ความคิดและความรู้สึกมากมายผุดขึ้นจนไล่นตามไม่ทัน ทั้งคำถามและคำตอบที่ย้อนแย้งปนเปกันไปหมดในหัว นี่เขากำลังทำอะไรอยู่

รอจนเมื่อหายลับสายตาโฮรันจึงหันมากล่าวกับพี่ชาย “ลืมไปเลยว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าท่าน”

ฟารันยังมองไปยังจุดที่เด็กหนุ่มเดินลับตาไปทั้งที่เขาไม่อยูตรงนั้นแล้ว “หากเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเย้ยหยันข้าก็ทำไปเถอะ แต่อย่าทำให้เขาลำบากใจ”

“นั่นสินะ คนรักที่ดีไม่ควรทำแบบนั้นหรอก” คราวนี้ตาคมกริบอันว่างเปล่าของราห์โอก็เลื่อนมามองตอบกับใบหน้ายียวน

“ตกลงกันแล้วหรอ”

“ก็ไม่เชิง”

“ก็ดีแล้ว” ฟารันตอบไปแบบส่งๆ เหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่กิริยานั้นสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่อีกฝ่ายที่ยั่วโมโหไม่สำเร็จ

“คืนพรุ่งข้าจะพาโรเรเนสไปเที่ยวเทศกาลในเมือง”

“เทศกาล?”

โฮรันแค่นขำแล้วถอนใจ “จริงๆท่านพี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับโรเรเนสเลยใช่ไหม”

“มาสอดรู้อะไรกับความรู้สึกข้า” ฟารันฉุนเฉียวขึ้นมาง่ายผิดคาด

“ก็พรุ่งนี้มันเป็นวันฉลองแห่งพืชพันธุ์ไงเล่าท่านพี่ เป็นงานประจำปีที่ชาวเมืองจัดขึ้นเพื่อสรรเสริญโรเรเนสท่านลืมได้ยังไงกัน”

ใบหน้าครุ่นคิดปรากฎขึ้นก่อนนำเสียงเรียบแต่จริงจังจะลอดออกมา “ข้าไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่ได้คิดว่าเจ้าจะกล้าพาเขาไปในช่วงที่
อันตรายแบบนี้”

“คิดมากน่าท่านพี่ คนเยอะแยะใครจะไปกล้าทำอะไร”

“ก็คนเยอะนั่นแหละมันถึงไม่มีใครใส่ใจใครไง”

“งั้นข้าขององค์รักษ์สองคนสบายใจขึ้นไหม”

“จะทำให้สะดุดตาไปทำไม”

“แต่งเป็นสามัญชนกันให้หมดและข้าก็จะไม่ยอมให้เขาห่างตัวเลยข้าสัญญา”

องค์ราห์โอถอนใจระอา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้า แต่เจ้าก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้อยู่”

“โธ่ ท่านพี่นี่มันเป็นงานที่จัดสำหรับโรเรเนสโดยเฉพาะเลยนะจะไม่ให้เขาไปดูหน่อยหรอ ข้ามั่นใจว่าเขาต้องชอบมากแน่ๆ มองดูจากสวรรค์กับลงมาเดินเล่นในงานเองไม่เหมือนกันหรอกนะ”

 ราห์โอลังเลแต่แล้วเขาก็ยอม “ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนโง่ อย่าทำให้ข้าคิดผิดในเรื่องนั้นล่ะ”

“แน่นอนท่านพี่ ข้าฉลาดกว่าท่านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไปก่อนล่ะข้ายังมีนัดอีกยาวในค่ำคืนนี้”  แล้วองค์ชายก็เดินจากไปด้วยอารมณ์สบายใจเฉิบ ซึ่งทางที่เดินมันไม่ใช่ทางไปห้องนอนของเขา

“หัดเอาเวลาเที่ยวเล่นมาทำงานบ้างนะ”

---- -------------   ---------

   ตอนแรกท่านพี่ก็แปลกใจ เขาคงลืมไปแล้วว่ามันเป็นวันสำคัญของเจ้า แต่เขาก็อนุญาติแล้วและก็ดูยินดี ดูท่าเรื่องของเราจะง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้นะโรเรเนส

นั่นคือสิ่งที่เขาได้ยินจากองค์ชายเมื่อเช้านี้ ตอนที่ฝ่ายนั้นเดินมาบอกว่าคืนนี้จะได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนกัน เรื่องดีใจก็ดีใจอยู่แต่การแสดงออกของเขาดูไม่ค่อยร่าเริงอย่างที่ถูกคาดหมาย ด้วยบางส่วนของสิ่งที่เขาได้ยินมันทำให้เขาปั่นป่วน

ฟารันไม่ได้สนใจจริงๆ ไม่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนหรือทำอะไร อันที่จริงฟารันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้มันวันอะไร

เด็กหนุ่มว้าวุ่นอยู่เป็นวัน ขัดอกขัดใจและก็ไม่เข้าใจด้วยมันน่าจะเป็นเรื่องดีแล้วที่ฟารันจะไม่มายุ่มย่ามกับเขาอีก แต่เป็นเช่นนั้นไปแล้วจริงหรือ ฟารันหมดใจกับเขาไปแล้วและที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่ยอมแพ้นั่นคือเรื่องโกหกหรือไร

“คนงี่เง่า” เขาพึมพำพลางใช้บัวรดน้ำเทราดลงใส่พุ่มไม้ที่อยู่ในสวนกลางโถงทางเดิน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดลงมาได้จางๆ  ให้เห็นแก้มระเรือและปากบางเชิดขึ้นเหมือนเด็กโดนขัดใจ

“ข้าจะไปไหนกับใครมันก็ไม่สำคัญหรอก”  ตามต่อมาอีกด้วยเสียงงุบงิบอุบอิบระยะหนึ่งก่อนตนจะทรุดลงนั่งพร้อมวางของในมือ
เขาพยายามนึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่น่าจะได้ทำวันนี้ ทั้งของกินของเล่นและงานแสดงตามท้องถนน ผู้คนจะประดับบ้านอย่างสวยงาม มีแต่คนร่าเริงพลุกพล่าน มีแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเขา นี่เป็นวันดีของเขาแท้ๆ

 ภายในหัวน้อยๆ ท่องจำกับตนเองด้วยประโยคซ้ำเดิม แล้วก็เริ่มลุกขึ้นทำการงานของตนต่ออย่างตั้งใจก่อนจะเดินละจากสวนนี้ที่เสร็จสิ้นแล้วนี้ไปยังสวนถัดไป

ย่างกายข้ามผ่านอาคารและแมกไม้ลำธารภายในตึกไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คาดหมายว่าจะพบสิ่งใดแลลืมเผลอใจลอยไปชั่วครู่ว่าตนจะไปที่ไหน จู่ๆ เขาก็ต้องชะงักกลางครันเมื่อพบตัวเองมาอยู่ท่ามกลางห้องหับชั้นในที่คุ้นเคย บริเวณห้องที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้และแน่นอน จุดที่ยืนนั้นใกล้กับต้องทรงงานของราห์โอยิ่งกว่าอะไร

เขาตกใจสับสนอยู่ครู่หนึ่งแล้วตั้งท่าจะเดินออกมาแต่เสียงเปิดประตูในห้องที่อยู่ใกล้กันก็ดังขึ้นก่อน ตามด้วยเจ้าของห้องที่เดินออกมาพร้อมกระถางดอกไม้ในมือ

ฟารันเดินออกมาเหมือนว่ากำลังจะไปไหนซักที แต่ทั้งสองก็ต้องตกใจเมื่อได้เจออีกฝ่ายแบบไม่คาดหมาย

“โรเรเนส?”  เขาประหลาดใจกึ่งไม่เชื่อสายตาว่าบุรุษหน้าหวานจะมาโผล่อยู่ในบริเวณนี้ หนุ่มน้อยอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรจึงหลบตาหนีแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหม ฟารันเห็นท่าแล้วเกรงว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวจึงไม่เข้าใกล้แล้วเอ่ยถามด้วยซุ่มเสียงอ่อนโยน

“มีธุระกับข้างั้นหรือ?” เด็กหนุ่มส่ายหัวช้าแล้วตั้งใจว่าจะขอตัวแต่ราห์โอก็พูดเข้าประเด็นเสียก่อน

“อันที่จริงข้ากำลังจะเอาสิ่งนี้ไปคืนให้เจ้า” เขาก้มลงมองกระถางดอกไม้ในมือ “และหากเจ้าไม่รังเกียจก็โปรดรับมันคือไปเสียเถิด”

คราวนี้โรเรเนสมองกลับอย่างประหลาดใจ ครูหนึ่งใบหน้าจึงแปรเป็นหม่นเศร้าแล้วริมฝีปากน้อยๆก็เผยอขึ้น

“ท่านโกรธข้าที่ข้าให้ดอกไม้องค์ชายเมื่อวานงั้นหรือ ท่านถึงไม่ต้องการมันแล้ว”

“ไม่ใช่นะ แต่เจ้าเคยบอกข้าไว้ว่าฝากให้ข้าดูแลจนตอนนี้มันโตเกินกว่าจะอยู่ในกระถางแล้วข้าจึงต้องการคืนแก่เจ้าเพื่อนำมันไปลงดิน” 

ฟารันนิ่วหน้ายามมองกิริยาน้อยอกน้อยใจของเด็กหนุ่ม เขาไม่เข้าใจว่าโรเรเนสจะสนใจอะไรกับสิ่งที่เขาทำ

“อีกอย่าง---เจ้ากับโฮรันเป็นสหายที่ดีต่อกัน การที่เจ้ามอบของให้แก่เขาก็เป็นน้ำใจอันปรกติแล้ว ข้าไม่มีสิทธิจะไม่พอใจในส่วนนั้น”

โรเรเนสรู้สึกได้ถึงความสับสนปั่นป่วนในใจ เขายายามสลัดทุกอย่างทิ้งแล้วเดินเข้าไปคว้ากระถางดอกไม้อย่างเร็ว แล้วถอยกลับมายืนที่เดิมยังไม่ตัดสินใจทำอะไร ต่างฝ่ายต่างเงียบฟารันนั้นเดาทางไม่ถูกเพราะเห็นว่าโรเรเนสไม่หนีและไม่ทำท่าว่าจะร้องไห้เมื่อเจอหน้ากันแบบแต่ก่อน หากแต่ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่พูด เขาจึงยังไม่หนีไปไหนเฝ้ารอจนกว่าเด็กน้อยจะมีปฏิกิริยากลับมา

เจ้าของแก้มแดงที่ก้มหน้ากอดกระถางเหลือบตาหวานเศร้าขึ้นมามองอีกฝ่าย เลื่อนไล่ขึ้นไปตั้งแต่ปลายเท้า ฉลองพระองค์ตัวยาวทำจากไหมสีม่วงอ่อนปักดิ้นเหลือบเงิน ร่างกายสูงสง่าผึ่งผายกำยำ ลำคอที่เชิดตรงจนถึงสันกรามที่พอดีได้รูป ปากนั่น จมูกโด่ง ไรผมดำขลับหยักศกเล็กน้อยและตาคมดุจเหยี่ยว กลับลงมาจ้องอีกครั้งที่ดอกไม้ในกระถางใต้คางตน
ความรู้สึกแบบเก่าๆ กลับมาแล้ว ทั้งความตื่นเต้นวาบหวานผสานกับความเศร้าใจ

“เย็นนี้ข้าจะออกไปข้างนอก”  เสียงใสเอ่ยแผ่วเพื่อหยั่งเชิง

“อืม โฮรันบอกข้าแล้ว---ระวังตัวเองดีๆ นะ”

“ท่านอนุญาติจริงๆ หรือ”

ตาหวานยังมองอ้อยอิ่ง ผู้ถูกถามต้องข่มอารมณ์นิ่งกับใบหน้าน่ารักเช่นนั้นแล้วยิ้มตอบให้เป็นมิตรที่สุดแล้วพยักหน้าให้ แต่โรเรเนสพอเห็นท่าว่าฟารันไม่ห่วงหวงอะไรเขาก็ออกกระสับกระส่ายแล้วถามต่อ

“ท่านยอมให้ข้าไปกับหมอโฮแน่นะ”

ฟารันเลิกคิ้วแปลกใจ ครั้งนี้หนุ่มหน้าสวยสนใจขึ้นมาด้วยว่าเขาจะคิดอย่างไร
“แน่สิ เขาเป็นสหายกับเจ้านี่เจ้าไม่ได้ต้องการเช่นนี้หรอกหรือ”

โรเรเนสพยักหน้ารับแบบถี่ๆ “ข้ายินดี เพราะข้าชอบเขามาก”

ฟารันแค่นขำแล้วยิ้มให้กับประโยคนั้น ใช่เจ้าชอบเขามาก
“งั้นดีแล้ว เที่ยวให้สนุกเถอะ ฝากที่ยวเผื่อข้าด้วยแล้วกันคืนนี้ข้าคงต้องอยู่เป็นประธานในพิธีบวงสรวง”

เด็กหนุ่มเข้าใจดีราห์โอต้องมีหน้าที่สำคัญในวันบวงสรวงอยู่แล้ว....บวงสรวง?  ความคิดบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจเขา
“บวงสรวงกับอะไรล่ะ”

เขาเอ่ยถามขึ้นมาน้ำเสียงและแววตาทำให้ฟารันนิ่งอึ้งและฉุกคิดได้ว่าตนเผลอพูดอะไรพลาดไป แต่ไม่ทันแก้ไขเด็กหนุ่มก็เดินหนีออกมาไม่โดยลา เสียงเรียกหาไล่หลังทำให้เขาเริ่มออกวิ่ง

“โรเรเนส!”

เทพเกศม่วงกอดของในมือขณะพุ่งตัวไป เขาไม่น่าสำนึกตนผิดไปได้เลย เทพของฟารันเป็นอิฐเป็นปูนอยู่ในวิหารนั่นหาใช่เขาที่เป็นคนเสียจริตที่ทรงเมตตาให้อยู่ในวัง จะมาน้อยใจหาแสงอะไรเล่า!

ราห์โอพยายามเร่งตาม แต่ไปได้ไม่กี่ก้าวก็ชะงักเท้ากลางครัน เขาขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจและลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมหันกลับ วันนี้เป็นวันแรกเลยทีเดียวที่โรเรเนสยืนคุยกับเขาดีๆ ถึงแม้จะไม่กี่คำและไม่นาน แต่ก็ดูท่าทีอยากจะสนทนามากกว่าแต่ก่อน อาจเพราะส่วนลึกในใจเด็กหนุ่มยังมีเขาเหลืออยู่กระมัง ถึงได้ใคร่สนว่าเขาจะมีท่าทีแบบไหนกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองหรือเพียงแค่งุนงงสับสนกับอาการเฉยเมยของเขา .....อาการเฉยเมยที่เขาแสร้งทำเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยากให้ทำ

 ความไร้เดียงสาทั้งในเรื่องความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของคนรอบตัวนี้ทำให้ฟารันเป็นห่วงเทพหนุ่มน้อยเสียเหลือเกิน เพราะหากบุรุษหน้าสวยผู้นี้ยอมกลับมาคุยดีกับเขาในอนาคต ทั้งเขาและน้องชายจะได้อยู่ในสถานะอะไรกับโรเรเนสเมื่อเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนต้องการอะไร

อะไรที่เจ้าทำแล้วมีความสุขข้ายอมได้ทุกอย่าง เพียงเปิดปากบอกเท่านั้นตัวข้าจะเป็นอย่างไรโปรดอย่าได้สนเลย โปรดอย่าได้สนเลย

 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
วันนี้รอคอย...... กรี๊ดดดด อย่าน้อยใจไปเลยหน่าาาา

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
เฮ้อ  หน่วง

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม ไม่เข้าใจกับตัวละครเลยจริงๆ ลดฑิฐิลงบ้างก็ดีนะเพื่ออะไรมันจะดีขึ้น

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
 :เฮ้อ: เหนื่อยใจ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มาต่อแล้วดีใจจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เป็นพระเอกที่ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหัวใจตัวเองจริงๆ - -"

โอ๊ยยยยย อ่านล่ะเหนื่อยแทน

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เพิ่งตามอ่านจบทัน เราพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร 5555 :hao7:

จะบอกว่าช่วงตอนที่1-10สนุกและมันส์มากกกกกก
ลุ้นระทึกอยู่บ่อยๆ
แต่หลังจากคำตัดสิน ที่ให้โรเรเนสัป็นคนบ้า เราว่าเนื้อเรื่องมันเริ่มอืดๆ
ปนกับอารมณ์รำคาญพระเอก  :hao7:
นี่ถ้าคนเขียนมาต่อบ่อยกว่านี้รับรองคนอ่านเพิ่มขึ้นแน่ๆ

สู้ๆนะจ๊ะ :mew1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แล้วแบบนี้เมื่อไรจะสมหวังล่ะหาาา

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ในที่สุดเรื่องนี้ก็มาต่อ ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เด็กน้อยยังสับสนกับตัวเองอยู่เลย ยังไม่โตสินะ เอาเถอะ พยายามเข้าจะฟารัน ขอให้ได้ความรักกลับคืนมาไวๆ แต่ทำแบบนี้ก็ดีแล้ว ให้คนสับสนได้รู้ใจตัวเองไวๆ

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

       เสียงเครื่องดนตรีดังแว่วมาเป็นระยะจากหลายทิศทาง บ้างเด่นด้วยเสียงกลอง บ้างเด่ยด้วยเสียงพิณแต่ไม่ว่ามาจากทางไหนก็มักแทรกสนุกด้วยเสียงคนเฮฮากันไปทุกที ค่ำคืนครานี้แปลกหูแปลกตาถนนที่ปูด้วยหินทุกสายถูกประดับด้วยซุ้มโคมไฟหลากสียาวไปจนตลอด เช่นกันกับหน้าบ้านของผู้คนทั้งสองฟากที่แขวนโคมไว้ให้สว่างกับตบแต่งที่อาศัยตนด้วยดอกไม้ ร้านรวงต่างๆ มีคนคึกคักกลิ่นอาหารหลากชนิดอบอวลไปทั่ว

ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุด หนุ่มสาวหลายคู่เดินเคียงกันเป็นดังเช่นคู่รัก บ้างก็เฮโลกันมาเป็นกลุ่มก้อนตามประสาวัยคะนอง เด็กหนุ่มที่ร่าเริงตื่นเต้นกับเทศกาลไม่ได้มีแต่ประชาชนคนทั่วไปเท่านั้น หนึ่งในนั้นเป็นเทพรูปงามที่ลงมาเที่ยวเล่นในแดนมนุษย์ด้วยตาวาวใสแป๋ว รี่เดินไปทั่วจนคนที่มาด้วยตามไม่ทัน

               โรเรเนสถูกจับแต่งตัวด้วยชุดของเด็กหนุ่มธรรมดา เป็นผ้าฝ้ายทอลายย้อมสีฟ้าใสตัดเย็บพอดีตัวไปจนถึงเข่า กางเกงนั้นเป็นสีขาวผ้าเนื้อเดียวกันแลดูสบายคล่องเมื่อยามที่เขาออกวิ่ง ส่วนผมยาวนั้นถักเป็นเปียเดียวอยู่ด้านหลังทำให้เมื่อยามเอี้ยวคอจะเห็นท้ายทอยขาวของเขาเป็นครั้งคราว เขายิ้มอย่างน่ารักเมื่อวิ่งนำองค์ชายที่อยู่ในเสื้อผ้าคลายกัน ต่างแต่ท่านหมอโฮมีเสื้อคลุมผ้าดิบสีเลือดหมูคลุมอยู่

เหมือนดั่งภาพฝันของใครหลายๆ คน ผู้คนมากมายต้องหยุดชะงักตะลึงมองหนุ่มรูปงามเกศม่วงผู้นี้ บางก็กระซิบกระซาบถามกันว่าเป็นต่างชาติมาจากไหน บ้างที่กรึ่มฤทธิ์สุราไปแล้วก็เพ้อว่าวันนี้โชคดีได้เจอเทพบุตร แต่หนุ่มผู้นั้นไม่ได้รับรู้ถึงผู้คนอื่นๆ หรอกเพราะเขากำลังสนใจอยู่กับแสงสีของงานต่างหาก 

เทพหนุมน้อยนั้นกระตือรือร้นกับทุกออย่างที่แปลกตา พวกเขาพบว่าตัวเองไปอยู่หน้าร้านหลายร้าน ทั้งร้านของของที่ระลึก ร้านขนม ร้านดอกไม้ แม้กระทั่งซุ้มสุรา เด็กหนุ่มชวนให้หยุดดูการแสดงในจตุรัสหลายจุด การประกวดประขันสาวงามและแข่งมวยปล้ำ แต่ไม่ทันคลาดสายตาโรเรเนสก็ลากองค์ชายไปที่ถนนอีกสายแล้ว นอกจากนี้เขายังส่งเสียงเจื้อแจ้วไปตลอดทางไม่ว่าตัวเองจะทำอะไร

“ท่านหมอโฮดูนี่สิ” เด็กหนุ่มยื่นรูปสลักแมวขาวทำจากไม้ชิ้นจ้อยให้อีฝ่ายดู

“ท่านหมอโฮดูโน่นสิ” เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปที่การแสดงปาหี่

“นี่มันอร่อยมากเลย” เขาพูดทั้งเสียงอู้อี้และจ้องมองขนมในมือด้วยตากลมโต

เป็นเช่นนี้ไปตลอดทาง สร้างความประหลาดใจให้หมอหนุ่มเป็นอย่างมากกับความซุกซนที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งผ่านไปเป็นชั่วโมงเท้าคู่นั้นก็เริ่มชะลอช้าลง ไม่แน่ใจว่าสิ้นฤทธิ์เพราะเริ่มเหนื่อยหรือเพราะผลจากเหล้ากลั่นที่เด็กหนุ่มรั้นจะลองดื่มให้ได้

ท้ายแล้วองค์เทพผู้คึกคะนองก็ลดระดับจากความคึกเป็นความเคลิ้ม

 “ไม่เมาแน่นะ” องค์ชายยิ้มหยอกขณะดึงแขนอีกฝ่ายมาคล้องควงเพื่อกันล้ม โรเรเนสนั้นยังมีทีท่าปรกติอาการต่างไปไม่มากเพียงแค่หน้าที่แดงขึ้นและตาหวานที่เยิ้มกว่าเคย โชคดีเขาดื่มแค่เล็กน้อย

“ข้าว่าข้าชอบเหล้ามากกว่าไวน์นะ”

“ฮ่าๆๆ ขอให้จริงเถิด หวังว่าเจ้าจะมีแรงไปจนถึงสถานที่ที่ข้าอยากให้ไปนะ”

“ท่านจะพาข้าไปไหนอะ ถ้าคิดไม่ดีข้าสู้ขาดใจเลยนะจะบอกให้”

โฮรันหัวเราะรับกับหน้าตาเอาเรื่องนั่นและพร่ำพูดว่าอีกฝ่ายนั้นเมาแล้ว 

พวกเขาเดินคล้องแขนกันไปตามตรอกแคบ มีองค์รักษ์ที่แต่งตัวกลมกลืนกับคนอื่นตามหลังอยู่อีกสองคน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเหลวหรือไม่เพราะทหารหาญทั้งสองเริ่มกรึ่มกันแล้ว เนื่องด้วยองค์ชายไม่ทรงเข้มงวดเห็นว่าเป็นเทศกาลจึงปล่อยให้องค์รักษ์พอสนุกได้บ้างตามสมควร (อันที่จริงมากกว่าสมควรเล็กน้อย)

ตรอกนั้นต่างจากจุดอื่นตรงที่คนไม่พลุกพล่านและร้านรวงก็ขายแต่ดอกไม้ เครื่องหอมและของเกี่ยวกับพิธีกรรม ตะเกียงดวงน้อยแขวนห้อยอยู่เป็นระยะที่หน้าอาคารสองฟาก คนที่เดินไปมาถือถาดขนมและผลไม้ จนเมื่อเดินไปไม่ไกลพวกเขาก็ขึ้นเนินสูงขึ้นแล้วไปโผล่ในลานกว้างแห่งหนึ่งบนยอดเนิน ตรงหน้าที่เห็นเป็นอาคารสูงตระหง่านสีขาวสะอาดตั้งอยู่โดดเดี่ยวจากตึกแถวบ้านเรือนรอบๆ ผู้คนจำนวนหนึ่งเดินถือถาดใส่ดอกไม้และอาหารเข้าไปในตึกหลังนั้น บรรยากาศสงบเงียบเย็นสบาย

โรเรเนสตาโตมองแหงนขึ้นไปจนคอแทบหักและแม้จะจำความไม่ค่อยได้แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่อื่นใดนอกจากจะเป็น วิหารเทพเจ้าของเขาเอง

“นี่คือวิหารองค์เทพโรเรเนส สร้างขึ้นมา 500ปีแล้วหากเจ้าพอจะระลึกได้ที่สำคัญคือเป็นวิหารแห่งแรกของสปันเทีย...เจ้าอยากเข้าไปดูไหม”

โรเรเนสตื่นเต้นตาโตจนสติสร่าง เขาวิ่งจี๋เข้าไปในวิหารนั่นพร้อมกับสหายที่ร้องห้ามตาม กว่าโฮรันจะเข้าไปถึงตัวเด็กหนุ่มก็มาหยุดยืนอยู่หน้ารูปสลักใหญ่โตขององค์เทพรูปงามที่ต่างจากเขาลิบลับ

ทั้งสองยืนจ้องเทวรูปที่สูงหลายสิบเมตรด้วยอารมณ์ที่ปนเปกันไป เทวรูปนั้นดูหล่อเหลาล่ำสันน่าเกรงขาม สมกับเป็นเทพองค์สำคัญ สลักจากงาช้างบริสุทธิ์อยู่ในท่าประทับยืนมองตรงไปข้างหน้า ร่ายกายถูกห่อด้วยแผ่นทองและเถาว์ไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพืชพันธุ์อันอุดม

“เจ้าคิดว่ายังไง” หมอหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าของวิหารตัวจริงยืนมองรูปจำลองนั้นอยู่นาน

“ดูดีกว่าข้าเยอะเลย”

“ไม่จริงหรอกน่า” เขาแค่นขำแต่เด็กหนุ่มไม่ขำด้วยและพูดต่อย่างจริงจัง

“จริงสิ สมเป็นเทพมากกว่าข้าอีก พอมองจากมุมนี้ข้ารู้สึกเหมือนเป็นเด็กอมมือเลย” หมอหนุ่มค่อยๆ หุบยิ้มตนลงแล้วพิศหน้างามข้างตนที่ยังแหงนมองเทวรูปอยู่

“เจ้าจำต้องให้อภัยพวกมนุษย์ที่ทำรูปสลักออกมาได้ไม่เหมือนเจ้า นั่นเพราะพวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่งดงามขนาดนี้ได้โรเรเนส” ผู้พูดเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่หลุดมาปรกหน้าอีกฝ่าย เด็กหนุ่มยิ้มรับเล็กน้อยแล้วหันมามองตอบ

“ท่านเป็นคนปากหวานเสมอ”

“ข้าพูดความจริงต่างหาก แม้แต่คนปากเสียที่สุดก็ปฏิเสธความงามของเจ้าไม่ได้”

แพขนตาหนาหลุบลงต่ำ ใบหน้าที่สร่างฤทธิ์สุรากลับคืนขาวผ่องแต่ยังแต้มด้วยพวงแก้มแดงน้อยๆ เขาไม่ได้มีทีท่าเอียงอายแต่อย่างใด แต่กลับยังดูจริงจังกับสิ่งที่จะพูดต่อไป ดวงเนตรคู่งามช้อนขึ้นมาอีก

“มันไม่เกี่ยวกับความงาม แต่นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เหล่ามนุษย์ศรัทธาและคาดหวัง พวกเขาสร้างรูปสลักให้ออกมาน่าเกรงขามเพราะเชื่อว่าเทพของพวกเขาจะเป็นเช่นนี้ องค์ชายท่านคิดว่าจะเป็นอย่างไรหากชาวสปันเทียรู้ว่าแท้แล้วเทพของพวกเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มไร้วุฒิภาวะเช่นข้า”

โฮรันนิ่งไปแล้วยิ้มอ่อน “ไม่ว่าจะอย่างไรก็เปลี่ยนความจริงที่เจ้าเป็นเทพไม่ได้หรอก” เขายังคงสุภาพและใจดี เด็กหนุ่มยิ้มรับแต่ออกเจื่อน คิดอะไรอยู่ไม่นานแล้วก็ตัดพ้อ

 “แต่พี่ชายท่านไม่คิดเช่นนั้นหรอก”

 “ทำไมต้องพูดถึงเขาอีก”

คราวนี้หมอหนุ่มมีปฎิกิริยาขึ้นมา เสียงถอนใจดังขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เด็กหนุ่มประหลาดใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยน เขาจึงเอ่ยถามแบบหวั่นๆ

“ท่านโกรธข้ารึ”

“เปล่า ไม่เลยเพียงแต่---ข้าไม่เข้าใจ เจ้าบอกว่าไม่ชอบเขาแต่เหมือนเจ้าจะนึกถึงเขาอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งตอนนี้เจ้าก็ยังดึงเรื่องที่เราคุยไปโยงกับเขาได้”

“ข้าขอโทษ” เจ้าของตาเศร้าโผเข้าจับแขนอีกฝ่ายพร้อมกับหน้าสำนึกผิด คิ้วที่ขมวดปมขององค์ชายจึงต้องคลายลงเมื่อใจอ่อนกับแววตาแบบนั้น
 
กระนั้นก็เถิดจู่ๆ เขาก็คิดเรื่องชั่วร้ายขึ้นมา

“ข้าน้อยใจจริงๆ นะ ทั้งที่ข้าทำขนาดนี้เจ้ายังนึกถึงแต่เขา หรือเจ้าอยากให้ข้าลงโทษเจ้าเหมือนเขาทำล่ะ”  โรเรเนสได้ยินก็บุ้ยปากใส่กระเง้ากระงอน

“ท่านจะปล้ำข้าใช่ไหม”

 “พะ..พี่ข้าทำแบบนั้นประจำเลยหรอ” โฮรันอึ้งกับคำตอบ

“ใช่...ท่านไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอกเหรอ”

“ไม่หรอก ข้าไม่ใช่คนเถื่อนแบบนั้น ข้าแค่...” 

หมอหนุ่มรูปงามโน้มตัวลงต่ำก่อนจะจุมพิตเบาๆ ลงที่ข้างแก้มใส เจ้าตัวผู้ถูกแกล้งตกใจผงะเล็กน้อยแต่ก็มิพ้น ส่วนอาการขวยนั้นมีปรากฎอยู่พริบตาแล้วจางไป

องค์ชายกลับมายืนในท่าเดิมแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เคืองอะไรมากจึงยังยิ้มให้แล้วกล่าวต่อ

“หวังว่าเจ้าจะไม่โกรธข้านะ ถ้าขอถือว่าทดแทนกับความน้อยใจของข้าที่เจ้าคิดถึงคนอื่นขณะเราอยู่ด้วยกัน”

“ข้าท่านถือเป็นเช่นนั้นข้าก็คงจะโกรธอะไรไม่ได้ หากแต่ข้าต้องบอกนะว่ามันเป็นสิทธิ์ของข้าว่าจะคิดถึงใครก็ได้”

“โถถังเสียใจจัง อยู่คุยแบบนี้เดี๋ยวข้าต้องเศร้าไปกว่านี้แน่ๆ ออกไปข้างนอกกันเถอะ”  เขาคว้ามือเด็กหนุ่มมากุมไว้แล้วจูงออกไปจากวิหาร อีกฝ่ายก็ว่าง่ายไม่ขัดขืนแต่ในใจก็ยังคิดเคืองอยู่เล็กน้อย

วันหลังต้องบอกเขาว่าอย่าทำอีก แต่ครั้งนี้คงต้องช่างมัน
 
อันที่จริงโรเรเนสรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะเขินอายแบบที่เคยเป็นกับอีกคน เขาคิดสะระตะนึกย้อนเปรียบเทียบกับสิ่งที่โดนฟารันทำกับสิ่งที่โฮรันทำไปเมื่อครู่ แลไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกต่างกันเช่นนี้ ยามเมื่อมีเวลาดีๆ กับองค์ราห์โอเขาจะขวยเขินซ่านประหลาดในหัวใจแม้เพียงสัมผัสกันแผ่วเบา แต่พอเป็นชายผู้ที่เขาอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจเช่นองค์ชาย พอถูกจุมพิตเล็กน้อยที่ข้างแก้มเขากลับไม่รู้สึกวามหวามอันใด มีแต่จะหงุดหงิดขัดใจด้วยรู้สึกบางอย่างว่ามันไม่ใช่

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบสิ่งที่โฮรันทำ แต่ก็ไม่ต้องการให้เสียบรรยากาศเขาจึงไม่ว่าอะไรขณะเดียวกันก็แอบประท้วงเล็กๆ ด้วยการเงียบอยู่นานไม่หือไม่อือ จนโฮรันเริ่มรู้สึกได้ว่าถูกงอนจึงง้อด้วยขนมจำนวนมากและไม่นานเด็กหนุ่มก็เริ่มคลายอาการมึนตึงลง

พวกเขาเดินจูงมือบ้าง ควงแขนกันบ้างดูนั่นนี่ไปตลอดทางกระทั่งยามดึกล่วงมาก็ถึงเวลาอันควรที่องค์ชายหมอรอมานานเขาจึงเอ่ยชักชวนสหาย

“นี่โรเรเนส เดี๋ยวจะมีการแสดงที่จตุรัสตรงโน่นข้าอยากให้เราได้ดูด้วยกัน”

“อะไรรึ”

“จะมีการร่ายรำของนางระบำชื่อดังคนหนึ่ง ได้ยินมาว่างามมากแถมยังช่ำชองข้าล่ะอยากเห็นเป็นบุญตา” โฮรันพูดด้วยตาเป็นประกายปิดไม่มิด เทพหนุ่มหลุดขำออกมาเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายใจดีตื่นเต้นกับผู้หญิงสวยขนาดนั้น

“ท่านหมอโฮ ข้าสงสัยจริงเทียวว่าท่านเที่ยวชมคนว่างามไปทั่วหรือเปล่า”

“ก็แค่ได้ยินคนเขาพูดมา”   

“อะไรที่ก็ย่อมน่าสนใจเป็นธรรมดา”

“ใช่ๆ เจ้าเข้าใจใช่ไหมไปกันเถอะ” พวกเขาเดินจูงมือกันเหมือนคู่รัก ฝ่าฝูงชนแออัดที่ขวางทางและเหล่าอาคาร จนเมื่อมาหยุดยืนร่วมกับฝูงชนกลางจัตุรัส โฮรันก็เริ่มพูดบรรยายสิ่งที่รู้มาเรื่อยๆ

 “การระบำแบบนี้เป็นวัฒนธรรมเดิมของสปันเทีย ปรกตินางระบำจะมีการประชันกันด้วยว่าใครนั้นทำได้ดีกว่า แม่นางผู้นี้ข้าเคยได้ยินมาว่านางเก่งที่สุดที่เคยมี ตัวข้าไปอยู่ชายแดนมาเป็นปีจึงยังไม่เคยได้ยลโฉมนางเสียที” โรเรเนสพยักหน้ารับช้าๆ แต่ก็ยังแอบอมยิ้มกับความกระตือรือร้นที่ยลโฉมสาวงามของอีกฝ่าย

ทว่าเขาก็รู้สึกขันอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเสียงเพลงดังขึ้นตามด้วยเสียงเชียร์โห่ร้อง แม่นางผู้นั้นก็ปรากฎกายขึ้นด้วยชุดสีแดงเพลิง ตัวเสื้อท่อนบนนั้นลอยโชว์เอวคอด กระโปรงผ้าบางถ่วงชายด้วยลูกปัดสะบัดไปมาตามแรงขยับแลเสียงกระพรวนที่ข้อเท้าของนางก็ดังรับเป็นจังหวะกับกลองตอนนางร่ายรำย่ำเท้าไปมา

นางนั้นงามสมคำร่ำลือ ผมดับขลับเงาเป็นกระกาย ผิวขาวผ่องเน้นให้ปากอิ่มแดงเด่นอยู่บนวงหน้า ม่านตาสีเขียวชวนสะกดใจให้ทั้งหมู่ทั้งมวลนิ่งงันไร้สติ แม้นจะมีความยั่วยวนอยู่ในทีแต่รอยยิ้มนั้นกลับดูหวานล้ำบริสุทธิ์ ดูออกได้ไม่ยากว่าถึงจะมีอาชีพให้ความบันเทิงแก่เหล่าบุรุษนางก็มิได้มีวิสัยดังสตรีร้อนเร่าเช่นสีชุดของนาง

ด้วยเหตุนี้กระมังองค์ชายถึงกับนิ่วหน้าขณะพิศเพ่งดูแล้วเปรยซ้ำกับตนเอง ว่า “หญิงงามเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้หากินอยู่ข้างทาง ควรพาเข้าวังเสียจะเหมาะกว่า” 

เด็กหนุ่มที่ยืนข้างกันได้ยินก็ยกยิ้ม พลันก็พบว่าแท้แล้วสหายที่รู้จักกันมาไม่นานผู้นี้น่าจะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง คงต้องรอกดูกันต่อไปว่าในอนาคตขณะที่หมอหนุ่มป้อนคำหวานแก่ตน เขาจะพาสาวงามเข้าวังซักกี่คน

การแสดงดำเนินไปผ้าสีแดงสะบัดพริ้วไหวตามเสียงเพลง แดงฉานไปทั้งหมดทั้งปากทั้งชุดของนาง จนเมื่อแวบหนึ่งที่นางสลัดชายกระโปรงให้สยายออกโรเรเนสก็เหมือนจะเห็น...เลือด

เด็กหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ รอยเลือดนั้นก็หายไปเห็นเป็นผ้าแดงเช่นเดิมแต่เมื่อจ้องไปอีกซักพัก เขาก็เหมือนผ่านตาเห็นภาพเป็นเด็กหัวอาบเลือดอยู่อีกฝั่งของกลุ่มคนดู คราวนี้เขาเพ่งหนักกว่าเดิมจึงชัดแจ้งแก่ตาว่ามีเด็กหญิงเลือดท่วมตัวยืนอยู่ เขาตกใจร้องอุทานแล้วกระตุกเสื้อองค์ชายให้หันมาดู

“หมอโฮเด็กนั่น!”  ผู้ถูกเรียกหันมองตามแต่ตอนนั้นก็พบว่าเด็กนั่นหายไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นโรเรเนส ทำไมหน้าเจ้าซีดเช่นนั้น” หมอหนุ่มหันมาถามด้วยความกังวลแต่โรเรเนสยังนิ่งอึ้งกับการหายไปอย่างกระทันหันนั้น เขาไม่เชื่อว่าคนเราจะหายไปได้เฉยๆ แต่ทำอะไรไม่ได้จึงเงียบไปและพยายามกล่อมว่าคิดไปเอง

ทว่า อยู่ดีๆ กลิ่นเลือดก็คลุ้งขึ้นมา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
คนเขียนกลับมาแล้ว ดีใจจุง
อ่านทั้งของธัญวลัยแล้วก็ที่นี่เลย ><!!!

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มาต่อเร็วๆ หมอโฮเราเป็นกำลังใจให้นะนายคือพระเอก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คค้าางงงงงงง :katai4:
เชียร์ฟารันคนโง่ เอื่อยเฉื่อยยจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไอ่ย่ะ จะมีเรื่องไม่ดีขึ้นอีกเหรอ?! :ling3:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เด็กคนนั้นทำไหมถึงโผ่มานะ

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจเลยอ่ะ  :katai1: มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
ฟารันทำอะไรอยู่!!!  :hao7:
ไม่ชอบหมอโฮเลย จ้องจะฉวยโอกาสอยู่ตลอด  :z6:
โรเรเนสคืนดีกับฟารันเร็วๆ นะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lovely tham

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
อยากอ่านต่อแล้ววว

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

           เสียงเพลงยังดำเนินไปพร้อมจังหวะร่ายรำของสาวงาม แต่ถึงแม้จะข่มใจไม่ให้คิดอะไรแต่กลิ่นเลือดหาที่มาไม่ได้ก็ดึงสมาธิทั้งหมดของเขาไป โรเรเนสสอดส่ายสายตามองไปทั่วเพื่อหาต้นตอไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยกับการแสดงตรงหน้า เช่นกันกับคนอื่นๆ ที่โห่ร้องส่งเสียงเชียร์แก่นางรำ พวกเขาก็ไม่ได้ดูว่าจะรู้สึกถึงความผิดปรกติอันใด เด็กหนุ่มมองไปยังใบหน้าร่าเริงของผู้คนทั้งหลายที่เหมือนไม่ได้อยู่ร่วมเหตุการณ์เดียวกับเขา ก่อนจะหันไปมององค์ชายที่ข้างกาย

โฮรันไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจออะไรเลยกับกลิ่นเหม็นคลุ้งที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าละมุนนั้นยังยิ้มอ่อนให้กับการแสดง เทพหนุ่มเริ่มรู้สึกเอะใจจึงออกปากเรียก

“หมอโฮ” ไม่มีการตอบโต้ใดเกิดขึ้น แม้เขาจะย้ำเรียกอีกกี่ครั้งและด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างไรโฮรันก็ไม่ได้ยิน

พลันแล้วทุกเสียงก็หายไปพร้อมการมาของภาพที่ยืดช้า โรเรเนสไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วเขาแตกตื่นเหลียวมองรอบตัวก็เห็นผู้คนเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า เหมือนการเวลาถูกหยุดยืดให้หนืดหนาดออกไป

รู้ได้ทันทีว่ามีเวทย์มนต์บางอย่างครอบคลุมพื้นที่ไว้และไม่ว่าใครจะทำหรือมีเป้าประสงค์อะไรผู้นั้นก็หมายเล่นงานมาที่เขา เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับผลจากพลังเวทย์นี้

อะไรกัน!” เด็กหนุ่มร้อนใจและรู้ว่าไม่อาจให้ใครช่วยได้เพราะทุกคนรอบตัวตกอยู่ใต้พลังเวทย์กันหมดแล้ว ความรู้สึกหนักอึ้งประหลาดก่อตัวขึ้นแล้วในขณะที่ยังพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปกลิ่นเลือดก็ชัดขึ้นอีกเหมือนอยู่ที่ปลายจมูก

เด็กหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูกก่อนจะเริ่มออกวิ่งเพื่อหวังให้ตนพ้นจากกลิ่นนั้น แต่ขณะที่วิ่งหาทางออกเขาก็เห็นเด็กคนนั้นผู้มีเลือดโชกยืนมองเขามาจากอีกฟากถนนก่อนจะวิ่งหนีไป

นี่เดี๋ยวสิ!” โรเรเนสตะโกนเรียกแล้ววิ่งตามสิ่งมีชีวิตเดียวที่เคลือนที่ได้ปรกตินั้นไป

นี่ฝีมือเธอใช่ไหม!” ไร้เสียงตอบรับแต่ขาเล็กๆ ยังวิ่งออกไป เทพหนุ่มยังไล่ตามเด็กนั่นด้วยความคิดประหลาด เขายังหวังว่าตนเองสามารถเจรจากับคนที่ทำแบบนี้ได้

 “ทำแบบนี้ทำไมน่ะ!” เขายังตะโกนไล่แผ่นหลังเล็กๆนั้นที่วิ่งเลี้ยวเข้ามุมไป โรเรเนสสาวเท้าตามไปแล้วพบว่าตนได้วิ่งเลี้ยวเข้ามาในตรอกแห่งหนึ่ง พลันเขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศแถวนี้นั้นต่างไป

           กลิ่นเหม็นและอากาศหนักๆหายไป เขาหายใจลึกหอบเหนื่อยขณะชะลอช้าฝีก้าวลง ตรอกที่เขาได้เข้ามาปูด้วยหินหยาบๆ มีขนาดเล็กมากกว่าทางสัญจรทั่วไปอีกทั้งยังไม่มีการตบแต่งใดเหมือนทางเดินสายอื่น สังเกตดีๆจึงทรายได้ว่านี้เป็นทางเดินด้านหลังของอาคารที่เรียงขนาบสองข้างทาง ตามปรกติคงไม่มีคนใช้เส้นทางนี้เว้นแต่ผู้อาศัยในตึกรามที่ตั้งเรียงอยู่

เขาเดินเข้าไปแล้วรับรู้ได้ว่าบริเวณนี้คงพ้นเขตอาคมมาแล้วเพราะกระแสลมนั้นพัดฉิวเป็นปรกติและไฟสว่างจากอาคารรอบๆ ก็ยังโบกไหวตามจังหวะลม

สิ่งที่เขาคิดได้รับการยืนยันให้ชัดขึ้นเมื่อเสียงครื้นเครงของผู้คนมากมายดังขึ้นทั้งเสียงโห่เฮของผู้ชายดังแทรกปนกับเสียงกรี๊ดกร๊าดหัวเราะต่อกระซิกของผู้หญิงจากอาคารนั้นอาคารนี้เรื่อยไปตามทาง กลิ่นหอมเอียนของเครื่องหอมนานาชนิดลอยมาตามลมพร้อมบทสนทนาสัปดนที่แว่วมาคู่กัน โรเรเนสจึงรู้ได้ว่าจุดที่เขาอยู่เป็นด้านหลังของย่านนางโลม

ผู้คนในอาคารเหล่านี้ยังคงสนุกสนานและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก เขามองไปรอบตัวเหมือนจะใจชื้นขึ้นเล็กน้อยแต่เมื่อกลับมามองที่ทางเดินก็ตกต้องใจที่เห็นเด็กคนนั้นมายืนอยู่เบื้องหน้า แต่ไม่ได้มีสภาพอาบเลือดหากแต่สวมเสื้อคลุมตัวยาวใบหน้าสะอาดสวยงามจิ้มลิ้มยืนยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจมองเขาอยู่

“ท่านเด็กกว่าที่ข้าคาดไว้มากและดูไม่ประสีประสาจนน่าผิดหวัง” เด็กน้อยคนนั้นกล่าว เทพหนุ่มระแวดระวังแล้วเอ่ยถาม

“เจ้าเป็นใคร เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึ” ปากบางเล็กนั้นเหยียดยิ้มก่อนตอบ “ถ้าเป็นตอนนี้ท่านคงจำอะไรไม่ได้หรอก แต่เมื่อกลับสวรรค์ไปแล้วท่านก็คงจะระลึกได้ว่าเคยทำอะไรไว้”

โรเรเนสตาเบิกโพลงกับคำพูดชวนฉงนนั้นหากไม่ทันตอบโต้เข้าก็ต้องหันหลังกลับเมื่อรู้สึกเย็นวาบด้วยจิตสังหาร ชายชุดดำที่โพกผ้ามิดชิดเหลือแต่ตาเดินย่างเข้ามาพร้อมดาบมันเงาในมือ!

“อยู่ไปก็รกโลกกลับสวรรค์อันสูงส่งของท่านไปเหอะองค์เทพ!” เสียงใสของเด็กน้อยดังสาปแช่งอย่างสะใจก่อนจะตามด้วยการหัวเราะ โรเรเนสออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตความกลัวตายผุดขึ้นตามธรรมชาติมนุษย์ขัดแย้งกับอารมณ์อยากตายที่เคยมีเมื่อก่อนอย่างลิบลับ

ไม่!” เขาแผดร้องออกเมื่อคมดาบตวัดผ่านศีรษะไปเล็กน้อยขณะเอี้ยวตัวหลบเป็นผลให้ดาบนั้นพลาดไปฟาดปักอยู่กับเสาไม้ ยื้อเวลาอีกเล็กน้อยให้เขาตะเกียดตะกายหนี

พวงแก้มแดงซ่าน เหงื่อแตกกาฬและลมหายใจหอบหนัก ในหัวนั้นว่าเปล่าปากนั้นยังคงพยายามเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่ามีคนได้ยินแต่เหล่าบุรุษทั้งหลายในห้องหอรอบด้านก็เมามายไร้สติกันเกินกว่าจะรับรู้ มีเพียงนางโลมบางคนที่แอบลอบมองเหตุสยองผ่านม่านแดงแล้วส่งเสียงกรีดร้องในจังหวะที่เทพหนุ่มสะดุดล้มลงไปกับพื้น

ใต้เงาจันทร์อันเย็นเหยียบครานี้องค์เทพคงสิ้นบารมีอย่างเดียวดายในการจับจ้องของหญิงคณิกาและแสงดาวระยับ ไร้เรี่ยวแรงจะหนีต่อ เพชรฆาตเลือดเย็นย่างเข้ามาแล้วง้างดาบขึ้นสูง แพขนตาหนาหลุบปิดลงอย่างยอมแพ้เตรียมพร้อมรับกับความเจ็บปวดอันสาหัส เสียงแผดกรีดร้องของหญิงคณิกากลุ่มนึงดังขึ้นใกล้ๆ ตามด้วยเสียงหวืดหวือแหวกอากาศของด้ามดาบ

ชิ้งงงงง

.....   

ไร้หยดเลือด?

ไร้ความเจ็บปวด?

......

เสียงคมดาบกระทบกันแทนที่จะเป็นเสียงฟันเนื้อหนังดังขึ้น แล้วทุกสรรพเสียงรอบด้านก็พลันเงียบไปเหมือนเวลาหยุดนิ่งเช่นก่อนหน้า เด็กหนุ่มที่ยังหลับตาปี๋รู้สึกได้ว่าความตายยังไม่มาถึง ตนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างแปลกใจ

ทว่ากลับต้องประหลาดใจเป็นเท่าทวียิ่งไปกว่าเดิมกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นบุรุษในชุดผ้าไหมสีขาวยืนต้านคมดาบของนักฆ่าด้วยดาบอีกเล่มในมือตน โรเรเนสละล่ำละลักก่อนจะโพล่งขึ้น

“ฟะฟารัน! ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“ข้าอยู่แถวนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว เจ้านั่นแหละทำไมมาอยู่ที่นี่”

บทสนทนาถูกขัดจังหวะเมื่อนักฆ่าตวัดดาบอีกครั้ง กษัตริย์หนุ่มเยื้ออาวุธในมือขึ้นต่อกรกับอีกฝ่ายพลางตะโกนไล่ให้เด็กหนุ่มหนีไป

วิ่ง!” โรเรเนสผุดลุกยืนอย่างทุลักทุเลพลางมองรอบตัวด้วยสงสัยว่าฟารันนั้นโผล่มาจากไหน ก่อนจะเห็นได้ว่าชั้นสองของตึกที่อยู่ข้างๆนั้นมีหน้าต่างเปิดอ้าอยู่

เขาโดดออกมาจากหอนางโลม!!
เด็กหนุ่มขบกรามแน่นด้วยโมโหแต่ก็ข่มไว้แล้วออกวิ่งตามคำบอก

ทางด้านราห์โอนั้นยังต่อสู้อยู่กับนักฆ่าอย่างช่ำชองจนเมื่ออีกฝ่ายพลั้งเผลอเขาก็ไม่ลังเลที่จะฟาดคมดาบลงใส่ร่างตรงหน้า ทว่าแทนที่จะมีเลือดแดงฉาน ร่างนั้นกลับสลายไปเป็นควันเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าที่สู้ไปนั้นเป็นเพียงร่างเงา

ฟารันไล่ตามเด็กหนุ่มไปจนถึงตัวแล้วคว้าข้อแขนของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะฉุดดึงและเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นไปอีก
“เจ้านั่นเป็นแค่ร่างอาคมฆ่าไม่ตาย มันอาจโผล่มาอีกได้เป็นสิบเราต้องรีบหนีให้พ้นแล้ว” กษัตริย์หนุ่มเอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียดแต่โรเรเนสกลับมุ่ยหน้าใส่แล้วโหวกเหวกขึ้นถึงเรื่องอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

ท่านมาเที่ยวผู้หญิง!!” หนุ่มน้อยนิ่วหน้าแก้มป่องจนแดงจ้องมองหน้าหล่อนั้นอย่างเอาเรื่อง
นี่มันไม่ใช่เวลามาหึงนะ!” ผู้พูดยังมีน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง แต่แววตานั้นกลับวาวโรจน์เหมือนเริงร่าอยู่แวบหนึ่ง
ข้าไม่ได้หึง แต่ท่านโกหก!ไหนว่าไปทำพิธีไง!”
“ไม่ได้โกหกแต่พิธีมันจบไปนานแล้ว อีกอย่างถึงข้าจะอยู่กับนางคณิกาข้าก็ไม่ได้มาเที่ยวอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”

ทั้งสองชะงักฝีเท้าลงเมื่อข้อสันนิษฐานก่อนหน้าเป็นจริง ชายชุดดำที่สลายไปยืนดักหน้าพวกเขาด้วยจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสิบ! พวกเขาหันกลับจะวิ่งไปอีกทางแต่ก็มีนักฆ่าในชุดเดียวกันโผล่มาล้อมไว้ ฟารันดึงโรเรเนสให้ไปหลบด้านหลังพร้อมตั้งดาบขึ้นเตรียมพร้อม

“ข้าบอกแล้วไงนี่ไม่ใช่เวลาจะมาหึง”

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

เดี๋ยวมาต่อครัช




ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
รอนะคะ ดีใจมาก รีเฟรชมาแล้วเจอเรืองนี้
ฟารันมาทำอะไรที่หอคณิกาน่าสงสัยจริงๆ แถมองค์เทพยังหึงด้วยนี่สิ!!! ฟารันได้ใจใหญ่แล้ว ฮ่าๆ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดด เด็กน้อยขี้หึง น่าร้ากกกก : :m3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด