Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559  (อ่าน 69715 ครั้ง)

ออฟไลน์ HamsteR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ทำไมมันปวดตับปวดไต ปวดกระเพาะ หอคอยยันไหปลาร้า(เกี่่ยวกับมั๊ย ??)ได้ขนาดนี้  :ling1:

สะใจกับคำพูดของโรเรเนสมากกกก.... พวกขุนนางหน้าโง่ที่ยึดติดกับอำนาจจนมิสนสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก

องค์ราห์โอก็พอกัน เป็นถึงกษัตริย์(วรรณะมนุษย์) อยากได้มเหสีที่สูงกว่าตน ซึ่งก็มีแต่เทพเท่านั้น พอทำพิธีอัญเชิญมาแล้ว กลับทำแบบนี้เนี่ยนะ... มันน่านัก

อ่านตอนนี้จบแล้ว อยากให้โรเรเนสได้กลับไปอยู่สวรรค์จังเลย สงสารนางมาก (แต่คนเขียนบอกว่าไม่มีใครตาย)

รออ่านตอนต่อไป... ขอความหน่วง ความปวดตับปวดไตจงมาเยื่อนองค์ราห์โอบ้าง ให้เทพอย่างโรเรเนสได้เอาคืนพวกเศษธุลีดินด้วยนะ (ขอแบบ อ่านแล้วสะใจนะคนเขียน)

ปล. กะจะมาให้กำลังใจคนเขียน แต่อ่านตอนนี้แล้วขอบ่นนิสนุงเถอะ (ไม่นิดแล้วมั้ง) เอาเป็นว่า... สู้ๆ น้าาา

ออฟไลน์ ผู้น่ารัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นกำลังใจให้น่า รออ่านอยู่นะค่ะ สู้สู้

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ที่จริงน่าจะฆ่าโรโรเนสไปเลยนะนี่ อยากให้กลับไปเป็นเทพเหมือนเดิมล่ะ

ทิ้งไอ้คนงี่เง่าไว้ที่นี่ซะ  :m16:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ค้างเหลือเกินนนนนนน

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ท่านหมอ กันนักบวชเป็นคนดีมาก ซึ้งใจ

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

           เหมือนมันจะเย็นหากแต่ก็ไร้ลมเป็นเพียงอุณหภูมิต่ำๆที่แขวนลอยอยู่รอบตัว เย็นเยียบยะเยือกจับขั้วหัวใจ ไม่อาจบอกว่าหนาวเพราะมันไม่ทำอะไรกับผิวกาย แต่ความเย็นนิ่งนั้นกลับแผ่ซ่านเข้าสู่แกนใจ มันเหมือนบาดแยกร่างทั้งร่างก่อนความเย็นนั้นจะแปรเป็นเหมือนมวลอะไรซักอย่างที่หนักอยู่รอบๆตัว

มันมืด มืดสนิดยิ่งกว่าคืนไร้ดาว

ทั้งตัวก็เริ่มหนักอึ้ง หนักจนแม้นกระทั่งอวัยวะภายในก็ไม่อาจทานรับน้ำหนักกดทับของร่างกายที่ห่อมันเองไว้ได้

กดลง กดลง จนเริ่มหายใจไม่ออกแลเหมือนรัดแน่นจนกายทั้งมวลหดยู่ รับรู้ได้ถึงกระดูกที่เกือบจะหักลั่น แล้วเขาก็ถูกดูดลงไป ดูดลงไปด้วยความหน่วงหนักเบื้องล่าง แรงดึงดูดสูบหายไปทั้งกาลเวลาและลมหายใจเมื่อพยายามดิ้นรนแล้วหันไปมอง เขาก็พบว่าหลุมดำที่ตนกำลังจมลงไปนั้นเป็นเพียงดวงตาเศร้าดวงหนึ่ง

มันว่างเปล่า ไร้ทุกอย่างเท่าทีรู้จักในชีวิตไร้ชีวาดั่งตอตะโกมอดไหม้  ไม่อาจควานหาความหมายใดๆ หรือแม้จะจับจ้องหาตัวตนที่อยู่ในนั้น มันเคว้งคว้างอย่างไม่อาจจะคิดถึงกระทั่งดวงตาของคนตายก็ไม่แม้นเหมือนเหือดหายดั่งที่เป็นอยู่ตอนนี้

และตอนนั้นเขาก็ได้รู้ว่าไม่ใช่เพียงดวงตาเท่านั้นที่ไร้สิ้น ทั้งหมดในตัวเขาทั้งชีวิตจิตใจและวิญญาณก็เหมือนจะหายไปพร้อมๆกับตาคู่นั้น ยิ่งมันสำแดงความดำมืดของมันมากเท่าใดตัวตนทั้งหมดของเขาก็ยิ่งจมหายเข้าไปมากเท่านั้น

เขาสูญเสียหมดทุกอย่างที่ระบุความเป็นคนในตัวเขาไปกับตานั่น  สูญเสียหัวใจและลมหายใจทั้งหมดไปกับตานั่น เหนืออื่นใด อื่นใดอันไกลโพ้น อื่นใดที่นานแสนนานจะได้พานพบ คนบางคนก็ได้หายไปกับตานั่นด้วยเช่นกัน….


          แล้วตาคมเข้มก็ลืมตื่นพบตัวเองนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ณ โต๊ะทรงงานตัวเขื่อง กองเอกสารมากมายยังรอการสะสางเปลวไฟโชติช่วงนิ่งสงบอยู่บนโคมสูง ไร้ลมในคืนนี้ สงัดเงียบเย็นมืดดั่งถูกสาป

ฟารันไม่รู้ตัวหรอกว่าเขางีบไปนานแค่ไหน เขาเพียงแค่นั่งพิงพนักเก้าอี้ไปเท่านั้นเท่าที่จำได้ภาพสุดท้ายแค่รู้สึกอ่อนล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแล้วจึงหลับตาลงไป ซึ่งก็สมเหตุสมผลพอตัวอยู่เมื่หลายวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่โหมงานเอกสารอย่างหนัก อะไรที่เคยผลัดออกไปก็ได้มาปัดฝุ่นตรวจทานก็คราวนี้

เขาเหมือนตัวตนหลุดหายไปในหลายวันนี้ จิตใจก็จมจ่อมอยู่กับบางสิ่งที่ไม่ใช่ตรงหน้า บางสิ่งที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้หลอกหลอนย้ำเตือนและคั่งค้างอยู่ในความทรงจำ ประทับแน่นจนเด่นชันเหมือนพบเห็นอยู่ทุกชั่วขณะ

แววตาว่างเปล่านั่น ก่อนที่คอระหงจะไสตัวเข้ากับคมดาบ

ตานั่น ไม่อาจมีได้เลย ในชีวิตใครซักคนที่จะมีดวงตาเช่นนั่น ดวงตาที่ไม่สนใจใดๆอีกแล้วในโลกนี้หรือแม้นกระทั่งโลกหน้า มันเหมือนเคยมีบางสิ่งอยู่ในนั้นแล้วพลันแตกสลายไป

ปวดร้าวลึกเข้าไป หลอกหลอนกรีดใจแม้นกระทั่งตอนนี้เมื่อนึดถึงตาคู่นั้นก็ยังปวดหนึบอยู่ในอก ไม่เลย ไม่เคยต้องการเห็นเป็นแบบนี้เลย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะพาทุกสิ่งพังทลายย่อยยับไปได้ขนาดนี้ ด้วยตัวเขาเองแท้ๆ ด้วยบ้าคลั่ง ด้วยโง่เง่า
จนตอนนี้ทั้งหมดนั่นเสียไปหมดแล้ว สิ่งสำคัญของเขา ยามนี้รู้สึกเหมือนตนเป็นคนตัวเปล่า หาใช่ราห์โอไม่ หามีทรัพย์สินหรือตัวตนใด ไม่แม้นกระทั่งเป็นตัวเองที่เขารู้จัก 

โดยไม่ได้ใช้เหตุผล เขาตะหนักรู้ได้ในวันนั้นนั่นแหละ วันที่ไม่อาจทานทน วันนั้นที่ความกดดันและเจ็บปวดทั้งมวลถาโถมท่วมท้นไปทั้งห้องพิจารณาคดี ไม่สามารถเป็นไปได้เลยที่จะไม่ปวดใจในสถาณะการณ์ที่เกิดขึ้น

มันทุเรศ ทุเรศตัวเองเสียเหลือทนที่มารู้ตัวเอาตอนที่รู้ว่าเขาจากไปแล้ว...ในตอนนั้นที่เขาคิดว่าเขาจากไปแล้ว ว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาตนเองมีตัวตนอยู่ได้อย่างไร อยู่มาเพื่ออะไรและต่อไปในชีวิตนี้เพื่อสิ่งใด เขาเพิ่งรู้ในตอนนั้นแหละ ชั่วแว่บแล่นที่ดวงตาอันดูดกลืนทั้งชีวิตนั่นเข้าไป

อันที่จริงแล้ว อย่างไร้คำอธิบายแต่ชัดเจนเหมือนไม่รู้ว่าดวงดาวคืออะไรแต่ก็เห็นมันอยู่ในทุกๆคืนนั่นแหละ เขาเข้าใจในตอนนั้นเลยว่าอันที่จริงเขาอยู่มาเพื่อรอคนๆนี้ ที่โผล่มาอย่างไร้เหตุไร้ผลคำเตือน เขาไม่รู้ว่าเขารู้สึกแบบไหนกับเด็กหนุ่มคนนั้นกันแน่ เขาไม่ได้เห็นเป็นเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องกราบไหว้ อีกใจหนึ่งในขณะที่รู้สึกว่าอยากครอบครองมันก็มีบางอย่างที่มากกว่าความต้องการนั้น มันประหลาดและไม่รู้ว่าทำไม

จนเมื่อเด็กหนุ่มเกศม่วงคนนั้นพังทลายลงไป โดยเขาทำลายลงไป กับมือเขานี่แหละที่ทำลายทุกสิ่งให้พินาศ กับสองมือและทิฐิ ด้วยความโง่งมและดื้อดึง ด้วยฤทธิ์โทสะและสารพัดอารมณ์พลุ่มพล่านที่เมื่อมองย้อนกลับไปก็ไม่เข้าใจได้ว่าทั้งหมดนั่นมันบ้าอะไรแล้วทำไมเขาถึงทำแบบนั้น

จนเมื่อโรเรเนสส่งตาไร้แววคู่นั้นมานั่นแหละ จนเมื่อเห็นชัดถึงคนที่แตกสลายไปแล้วต่อหน้าเขา  นั่นแหละที่ตอนนั้น...


มันหายไปทั้งหมดเลย


หล่นหายไปอย่างไม่มีคำอธิบาย


ทุกอย่าง ทุกความรู้สึก ความระลึกตัว หัวใจ ความฝัน ความหวัง ความเชื่อและชีวิต เหมือนเขาตายไปแล้ว


ณ เวลานั้น ชั่วขณะนั้นที่โรเรเนสล้มลงไปกับพื้นพร้อมทั้งกองเลือดที่ไหลนอง

เขากลายเป็นแก้วเปล่าๆที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น มองเห็นได้จับต้องได้แต่ใสกลวงไร้ชีวิตใดๆ เขาไม่เข้าใจหรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร เขาไม่สามารถจะคิดพิจราณาถึงมันได้หรอก คนหัวใจตายแบบเขาจะไปคิดอะไรที่ซับซ้อนแบบนั้นได้อย่างไร เขาไม่รู้หรอกว่าคิดอย่างไรกับความรู้สึกโหวงเหวงอันแสนทรมาณนี้ ไม่อาจรู้ได้ด้วยตรรกะเหตุผลใดๆ มันทั้งหมดล้วนเกิดจากหัวใจและการกระหนักรู้แบบแว่บแล่นไร้คำอธิบายทั้งนั้น

ไม่รู้ว่ายังทำอะไรได้ไหมหรือยังเหลือเศษส่วนใดให้เขาเก็บรักษาหรือไม่ สิ่งที่แตกสลายไปทั้งหมดนั่นยังจะกลับมาประกอบกันได้ไหม? ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าตอนนี้ต้องเริ่มทำเท่าที่ทำได้

ผ่านมาแล้วหลายวัน สภาวะว่างไร้อย่างที่เขาเป็นในวันแรกได้บรรเทาลงไปบ้างแล้ว สัปชัญญะค่อยกลับมาแม้นทุกอย่างจะยังหลอกหลอนให้หวนไห้ แต่เขาก็ไหวตัวทัน พอจะตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง

องค์ราห์โอ ก้มดูเอกสารที่รอเขาลงนาม คำพิพากษา

  คำพิพากษาจากศาลและเหล่าคณะลูกขุน ที่ยามนี้พิจราณาได้เลยว่าไร้เหตุผลและจงใจอย่างชัดเจนที่จะให้คนทั้งหมดผิดอย่างร้ายแรง เขายังไม่ได้ทำอะไรกับสิ่งนี้ มีคนที่เขาต้องพูดคุยเสียก่อนให้กระจ่างในคืนนี้

--

คุกใต้ดินให้ความรู้สึกอับชื้นในทุกๆครั้งที่ไปเยือน ทางเดินนั้นคับแคบและทึบตันด้วยสองฝั่งเป็นหินหนา คบเพลิงเรียงรายแขวนข้างฝาเว้นระยะกันอย่างพอดี ห้องคุมขังในส่วนนี้เป็นส่วนที่อยู่บนสุดมักเป็นห้องขังชั่วคราวมากกว่าจะใช้คุมขังใครจริง ตอนนี้ก็แทบร้างนักโทษด้วยวังหลวงแห่งนี้ไม่มีนักโทษภายในเอาไว้คุมขังมานานแล้ว

ร่างสูงเดินย่างอย่างเงียบเชียบไปตามพื้นหินเย็น พร้อมกับทหารเวรคนหนึ่งที่หอบหิ้วตะกร้าหวายใส่บางสิ่งเดินตามมาด้วย เครื่องทรงของเขาดูเรียบร้อยกว่ายามปรติที่เคยด้วยครานี้ชุดของเขานั้นเป็นขุดตัดพอดีตัวทอจากไหมสีทองชั้นดี คอตั้งกลัดกระดุม เช่นเดียวกับแขนเสื้อที่ยาวพอดีไปถึงข้อมือ มันดูดีและสง่าสมฐานะผู้สวมใส่ หากประหลาดพิกลก็ตรงเขาเลือกจะสวมชุดนี้มาที่คุกใต้ดินมากกว่าจะใส่ไปงานเลี้ยง ด้วยเพราะสิ่งที่สำคัญต้องกระทำต่อไปมันมีมากกว่าแต่การพูดคุย

เขาเดินมาจนถึงหน้าห้องขังห้องหนึ่งแล้วหยุดยืน ผู้ที่อยู่ในนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และกำลังเท้าแขนข้างหนึ่งพลางอ่านหนังสือเล่มเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ ถือเป็นห้องขังที่สะอาดและดูดีมีเครื่องใช้พอประมาณมีแม้กระทั่งเตียงนอนผู้ถูกคุมขังก็เหมือนแค่ผู้พักอาศัยเขาไม่ได้ถูกล่ามหรือทำอะไรให้เสียเกียรติแบบนั้น

ผู้ที่อยู่หลังลูกกรงรู้สึกได้เมื่อมีสีเท้าย่างเข้ามาและเขาก็ได้หันไปส่งยิ้มให้ผู้มาเยือนเมื่อฝ่ายนั้นมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง
 
“โอ้ ถวายบังคมฝ่าบาททรงมีธุระอะไรกับนักโทษอย่างข้ายามดึกดื่นหรือ”  ท่านหมดหลวงชัคบายืนขึ้นขณะพูด สีหน้าของเขาไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรเลย ต่างจากคนอีกฝากที่ทำหน้าสลดดั่งตัวเองเป็นผู้ถูกคุมขังเสียเอง

ราห์โอสั่งให้ทหารเวรคนนั้นไขประตูเปิดออก ทหารชั้นผู้น้อยคนนี้สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักหรอกที่ต้องทำแบบนี้ด้วยรู้ว่ามันผิดคำสั่งที่หัวหน้าเขากำชับไว้ แต่กระนั้น ราห์โอก็ใหญ่กว่าหัวหน้าเขาแน่นอน

 ประตูลูกกรงเปิดออกบุรุษร่างสูงคว้าตะกร้าหวายนั่นมาจากทหารก่อนจะบอกให้เขากลับไปยืนเฝ้าทางเข้าไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวาย  เมื่อจบคำสั่งนั้นตนก็ย่างเขามาแล้วจัดแจงหยิบของในตะกร้ามาจัดวางอย่างดีบนโต๊ะไม้เล็กๆตัวเดียวนั่น

จาน ชาม ส้อม มีด ขนมปังและเค้กอบใหม่ ซุปข้าวโพดและที่น่ายินดีที่สุดคือไวน์สีเลือดชั้นดีที่ยังไม่ได้เปิดขวด เขาขัดแจงทำตนเหมือนพนักงานบริกรจัดวางอาหารให้ชายวัยกลางคนโดยไม่เคอะเขิน   ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูไม่ตื่นตระหนกที่ตัวเองได้รับการปฏิบัติแบบกลับข้างจากราห์โอผู้สูงส่งแต่กลับเหยียดยิ้มอย่างเศร้าประหลาดให้ชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้า

ท่านหมอหลวงลงนั่งที่เก้าอี้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย อีกฝ่ายยังรั้งรอจนเขาขอให้นั่งชายหนุ่มถึงยอมทำ

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศกระอักกระอ่วนน่าขันนี้ ฟารันก้มหน้านิ่งแล้วครุนคิดอย่างเคร่งขรึมก่อนเขาจะเอ่ยออกมา
“อ่าม...ข้า...หลังจากทั้งหมดนั้นข้าเชื่อว่า ....ข้าตัดสินใจหลายสิ่งผิดไป...ข้าอยากจะขอขมา”

 ท่านหมอไม่ตอบกระไรเขาเอื้อมมือไปคว้าก้อนขนมปังมาฉีกกินอย่างสบายใจ
“ท่านอาจจะแปลกใจอยู่เสียหน่อยว่าทำไมข้าถึงมาในวันนี้”

“โอ้ข้าไม่แปลกใจหรอก”  เขาเอ่ยขณะยังเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ  “มีคนมาเยี่ยมข้าอยู่เยอะมาก ข้าก็ได้ยินอะไรมามาก หลายคนโกรธแค้นแทนข้า ทั้งคนรู้จักบ้าง ลูกศิษย์บ้าง คุ้นๆเหมือนว่าข้างนอกนั่นมีคนถึงขั้นวางแผนลอบปลงพระชนเลยทีเดียว โอ้ทรงอย่าทำหน้าตกใจแบบนั้น เขาอาจจะพูดเล่นไม่ต้องคิดไปตามหาพวกเขาหรอกนะ”

ฟารันหลุบตาลงแล้วเอ่ยต่อ “ข้าก็คงสมควรจะโดนแบบนั้น แต่ข้าไม่ได้มาขอขมาท่านเพราะกลัวใครมาฆ่าหรอก”

“อืมคราวนี้ข้าเริ่มประหลาดใจแล้ว ทำไมราห์โอผู้สูงส่งต้องมาขออภัยจากข้าด้วยเล่า มันควรจะเป็นข้าไม่ใช่รึที่ต้องขอความเมตตาจากท่าน”

ชายหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยสำนึกผิดเมื่อยินคำประชด แต่เขายังยืนยันที่จะเอ่ยคำขอโทษต่อไป “ท่านไม่ต้องยกโทษให้ข้าหรอก ข้าแค่อยากจะทำสิ่งนี้เท่านั้น....ข้าขออภัยในการกระทำอันเนรคุณและความโง่เง่าของข้าด้วย”

“ไปเจออะไรมาล่ะทีนี้ ทำไมถึงยอมเปลี่ยนท่าทีไปขนาดนี้”

ฟารันนิ่งนึก เขาไม่ได้เจออะไรหรอกมันเหมือนปรกติอย่างทุกวันแต่สิ่งที่ประสบผ่านมาทำให้ควันที่บังตามันเกิดสลายแล้วพลันก็ได้คืนสติพอที่จะคิดได้ อีกทั้งความรู้สึกโหวงเหวงอย่างประหลาดไร้คำอธิบายนั่นอีก

“ข้าไม่ได้เจออะไรเริ่ม แต่เหมือนหลังจากที่โรเรเนสทำแบบนั้น...หลังจากนั้นข้าก็รู้สึกเหมือนตายไปแล้วมันชาไปหมดทั้งตัว แล้วแม้กระทั่งผ่านไปแล้วหลายวันอาการที่ทุเลาลงก็ยังไม่ทำให้ข้าหายจากความรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าทรมาณนี้ได้ ท่านหมอข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นอะไรหรืออะไรจริงหรือไม่จริงและอะไรควรเป็นอะไร แต่ความรู้สึกนี้มันทำให้ทุกอย่างในชีวิตข้านั้นเหมือน...ไร้ความหมาย...ข้าไร้ตัวตน ...ข้า...”

“เหมือนเป็นศพเดินได้สินะ”

“ใช่ ความรู้สึกข้าหายไปทั้งหมด ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของข้า ข้าไม่อาจยินดีกับสิ่งใดได้ ไม่อาจลิ้มรสแล้วเกิดความอร่อยได้ มันเหมือนทั้งหมดไม่มีอยู่จริงแม้กระทั่งตัวข้า  ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้   ใช่ตอนแรกที่ข้าเข้าใจวว่าเขาตายไปแล้วตอนนั้นข้าก็ตายไปด้วย แต่หลังจากที่รู้ว่าเขายังไม่ตาย...มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรข้ามากเลย”
 เขาคว้าแก้วไวน์ของตนขึ้นมาจิบแก้กระหาย
“มันเป็นเพราะตาคู่นั้นท่านหมอ ตาที่ว่างเปล่านั่นทำให้ข้ารู้ว่าข้าเสียเขาไปแล้วไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย เขาก็ไปจากข้าเสียแล้ว และข้าเป็นคนทำทั้งหมดข้าทำเขาหลุดมือไปเพราะตัวข้าเอง แล้วความรู้สึกทั้งหมดนั่นมันเหมือนทำให้ภาพลวงตาและความสับสนคิดผิดของข้าสลายไป มันสิ้นไปแล้วทั้งความโกรธทั้งทุกอย่าง มันเหลือแต่ความรู้สึกว่างๆแล้วมันก็คงทำให้ข้าได้เริ่มคิดทบทวน ว่ามันมีจุดบอดมากมายในการกระทำของข้า เมื่อมองย้อนกลับไปข้าก็เริ่มเห็นได้ทีละน้อยว่าข้ามองข้ามอะไรไป”

“เช่นอะไร”

ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างประหม่า เรื่องที่เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับตัวเองมันทำให้เขารู้สึกเสียความนับถือในตัวเองอย่างมาก

“เช่น...ข้าน่าจะคุยกับท่านแบบนี้ตั้งแต่แรก” เสียงที่เอ่ยเหมือนเค้นออกมาด้วยรู้สึกเจ็บใจ “ข้าน่าจะฟังท่าน ทั้งที่ข้าก็ทำแบบนั้นมาทั้งชีวิต ข้าเชื่อท่านมาตลอดและไม่เคยตัดสินใจพลาดเลยซักครั้งแต่ครั้งนี้ข้ากลับฟังแต่อารมณ์โกรธของตัวเองอยู่ถ่ายเดียว ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรแล้วมันเริ่มยังไง แต่ข้ามาคิดๆดูก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาข้าโกรธบ่อยมากแล้วก็หงุดหงิดคนไปทั่ว”

“ข้ารู้ว่าเพราะอะไร” ท่านหมอมองนิ่งอย่างจริงจังไปที่ชายหนุ่ม ฝ่ายนั้นก็สบตาตอบด้วยใคร่รู้

“ท่านเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อยตั้งแต่ขึ้นครองราชย์”

“ท่านจะบอกว่าข้าหลงอำนาจ?”

ชายผมสีดอกเลาชูแก้วไวน์ขึ้นและพยักหน้าน้อยเหมือนยินดีกับความสำเร็จของอีกฝ่าย
“ขอยินดีกับการเชิดหัวขึ้นจากโคลนตมที่พระองค์ทรงฝังตัวมานาน ใช่แล้วฝ่าบาท”

“แต่ข้ามิได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น”

“ไม่มีใครอยากจะเป็นแบบนั้น แต่ท่านก็คงไม่รู้ตัว”

ใช่ฟารันไม่รู้ตัวหรอก ด้วยทุกอย่างมันเป็นไปอย่างแนบเนียนด้วยพื้นฐานเขาก็เป็นคนมั่นใจในตัวเองอยู่สูงมากๆอยู่แล้ว และยิ่งได้ขึ้นเป็นราห์โอความรู้สึกมันก็เปลี่ยน 

อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นคนเลวร้ายที่จะหลงระเริงกับอำนาจหรอกนะ
 แต่โดยไม่รู้ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนนั้นรู้ดีกว่าใคร ฉลาดกว่าใคร

อันที่จริงเขาไม่ได้หลงใหลความสุขสบายและคำเยินยอหรอกนะ
แต่เมื่อโครงการพัฒนาประเทศเริ่มไปได้ดี อะไรที่ไม่เคยมีใครทำเขาก็ได้ทำเป็นคนแรกและมันก็สำเร็จ นั่นเป็นเครื่องยืนยันให้กับเขาว่าความคิดของเขานั้นถูกความรู้ของเขานั้นมาก ไม่เคยมีใครทำให้ผืนดินแห้งแล้งแบบดินปนทรายของสปันเทียมีผลผลิตได้มากขนาดนี้

เขาไม่ใช่คนถ่อมตัว อะไรที่ตัวเองรู้สึกว่าเก่งก็ยอมรับได้โดยไม่กระดากว่าตัวเองเก่ง 
แต่นั่นมันเรื่องกายภาพ นั่นมันผืนดินผืนทรายไม่ใช่ใจมนุษย์ เมื่อเขาเอาความมั่นใจในตัวเองมาใช้ในบริบทที่ผิด ทุกอย่างมันก็พังลงเสียแบบนี้

องค์ราห์โอผู้ทนงซุกหน้าลงกับมือข้างหนึ่งตอนนี้เขาเหมือนเด็กผู้ชายที่หดหู่จากการกระทำผิดของตนมากกว่าจะเป็นกษัตริย์ ความคิดที่ว่าตนนั้นถูกเสมอนั้นโง่เง่ามาก ตอนนี้เขาต้องมาทำให้ผู้มีพระคุณมานั่งเสียเวลาชีวิตอยู่ในคุกพร้อมกับคดีติดตัวที่ไม่มีทางที่เขาจะเป็นผู้กระทำ

 ผู้บังเกิดเกล้า ผู้ใหญ่คนเดียวที่พึ่งได้หลังจากพระบิดาจากไป คนนี้

“โธ่ ท่านหมอ ข้าผิดไปแล้วอันที่จริง...ข้าน่าจะลงไปคุกเข่าขอขมา” พูดจบเขาก็ทำท่าว่าจะลงไปที่พื้นแต่ท่านหมอห้ามไว้ด้วยเสียงดุ

“ทำอะไรเป็นเด็กๆไปได้! ข้าไม่ได้ต้องการแบบนี้ไม่ต้องลงไปที่พื้น” ชายสูงวัยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วมองชายหนุ่มอย่างเมตตาและเจ็บปวด

“อันที่จริงมันก็เป็นความผิดของข้า ที่ตั้งแต่ท่านโตมาก็ไม่ได้ห้ามปรามท่านเพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท้ายแล้วท่านก็เคยชินครานี้พอข้ากลับมาเตือนท่านก็ไม่ฟังเสียแล้ว”

“.......”
-----------------

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
“ข้านึกอยากโกรธท่านเสียหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งที่ท่านนั้นก็ทั้งโง่ ทั้งทึ่ม ท่านต้องยอมรัยนะว่าท่านไม่ได้ฉลาดไปเสียทุกเรื่องในเรื่องที่ผ่านมาถือว่าท่านพลาดอย่างมหันต์และดักดานยิ่งกว่าควายที่ไถนาให้ท่านอยู่นอกเมือง”

ราห์โอบีบขมับตัวเองแน่นแล้วพูดอย่างเอื่อยๆ “เอาที่สบายใจเลยท่านหมอ ข้าสมควรแล้ว”

“ท่านขาดสติมากไปในหลายเรื่องที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นที่ตัวท่านเองและส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านไม่สามารถมีสติดีได้เมื่อเป็นเรื่องโรเรเนส ยอมรับเสียเถิดความปรารถนาที่ท่านมีต่อโรเรเนสนั้นรบกวนจิตใจท่านมากใช่ไหม”

“อืม ข้าก็พบว่าเป็นเช่นนั้น”

“โรเรเนสนั่นไม่ได้ทำอะไรท่านไม่ได้มีเล่ห์กระเท่อะไรกับท่าน เป็นท่านเองต่างหากที่หลงเขา คาดหวังเอากับเขาจนแล้วเมื่อโกรธที่เขาไม่ได้เป็นดั่งใจก็โกรธมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะท่านคิดไปเอง คาดหวังไปเองฝ่ายเดียว เช่นนี้ข้าพูดถูกไหม”

“คงเป็นเช่นนั้น ด้วยใจหนึ่งข้าก็อยากได้เขา อีกใจข้าก็อยากผลักไสเขาด้วยข้าเองไม่ไว้ใจตัวเอง ว่าอาจสูญเสียสัมปชัญญะที่มีไปกับความงามที่ทำให้ข้าคลั่ง....คราวนี้ข้าก็เสียเขาไปจริงๆ....เวรเอ้ย!”
 
ครานี้ราห์โอก็ถึงกับกุมขมบอีกครั้งแลซัดไวน์เพื่มไปอีกแก้ว
“ข้าเข้าใจได้ว่าทำไมท่านถึงได้ทำพลาด แต่ก็คงไม่อาจบอกได้ว่าท่านไม่ผิด ท่านผิด ซื่อบื้อดักดานเสียยิ่งกว่าใคร นี่ถ้าท่านไม่ใช่ราห์โอข้าคงตีท่านไปแล้ว”

“ลากลอสก็พูดแบบนั้น”

“ข้าแปลกใจนักที่เขายังไม่ทำ เขาว่ายังไงบ้าง”

“ข้าจำไม่แม่นเขาไม่ยอมคุยกับข้าดีๆมาหลายวันแล้ว”

“เขาเคยเตือนท่านเรื่องนี้บ้างไหม”

“พูดเรื่อยๆแต่ข้าไม่ฟัง”

“อืม  ข้าแปลกใจจริงๆที่เขายังไม่ชกท่าน”

“ข้าก็อยากให้เขาทำเหมือนกัน ดีกว่าเย็นชากันแบบนี้”

“ก็ยังดีที่ท่านคิดได้ ไม่ได้เลยเถิดไปกว่านี้”

“ข้าก็เกือบแล้วล่ะมาคิดได้เอาตอนที่คิดว่าโรเรเนสตายไปแล้ว...”

“ว่าแต่โรเรเนสเป็นอย่างไรบ้าง”

“พ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ เห็นว่าตื่นมากินอะไรๆได้แล้วกินเสร็จก็นอนต่อ อันที่จริงเหมือนว่าเขากินแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ข้ารับใช้ที่ดูแลบอกว่าเหมือนเขาละเมอ แล้วก็พูดจาแปลกๆแบบไม่รู้เรื่อง.....ฟังเหมือนคนสติไม่ดีเลยจริงๆ”

ท่านหมอนิ่งไปซักพักก่อนจะเริ่มขยับตัว
 “ท่านพร้อมจะฟังเรื่องจริงแล้วหรือยัง”

“ท่านไม่ใช่คนที่จะโกหกข้าอยู่แล้วและครั้งเดียวที่ท่านโกหกคือเรื่องปั้นแต่งตอนอยู่ในห้องพิจารณาคดี ใช่เมื่อทบทวนดูในยามนี้ คนอย่างท่านไม่น่าจะพูดจาเหลวไหลไปได้”

“อืม เรื่องที่ข้าเล่าว่าข้าลบความจำโรเรเนสเพื่อส่งมาหลอกล่าท่านนั้นมันไม่มีความจริงแม้นแต่น้อย รวมทั้งนักบวชที่โดนคดีด้วยกันพวกเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์”

“แล้วท่านและพวกเขาทำไมต้องยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อเด็กหนุ่มคนนั้นด้วย”

“เพราะข้าเชื่อในความรู้ของข้าและเหล่านักบวชเชื่อในศรัทธาของเขา ว่าโรเรเนสเป็นเทพจริง”

ฟารันเคร่งขรึมเขาขบกราบน้อยๆแล้วพยักหน้าช้าๆ
“ข้าจะยอมเชื่อท่านอีกซักครั้ง”

“แน่ใจแล้วรึว่าคราวนี้จะเลือกเชื่อใคร”

“ตั้งแต่เด็กข้าเชื่อท่านมาตลอดและข้าก็ทำถูกมาตลอด มาคราวหลังข้าเลือกไม่เชื่อท่าน....แล้วโรเรเนสก็เกือบตาย คราวนี้ข้าก็คงต้องกลับไปเชื่อท่านตามเดิมล่ะถูกแล้ว”

“ทั้งที่ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหลักฐานพอที่จะเชื่อไหมว่าโรเรเนสเป็นเทพ?”

ฟารันขบริมฝีปากตัวเอง
“ในยามนี้สิ่งที่ข้าเชื่อ คือเชื่อใจไม่ใช่เหตุผลแบบนั้น ยามนี้เหตุผลและหลักฐานใครมันจะปั้นยังไงก็ได้ ข้าไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไรหรือใครจะพูดจริงหรือไม่จริง ข้าอยากเชื่อในตัวบุคคลที่ข้าไว้ใจอย่างเช่นท่านเสียมากกว่า ข้าไม่อยากสับสนกับหลักฐานมากมายเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว”

“ถูกแล้วเรื่องหลักฐานพวกนั้นมันเหมือนจะจริงและน่าเชื่อถือแต่ก็ภาพลวงตา เช่นความคิดที่ว่าถ้าโรเรเนสเป็นเทพแล้วต้องมีน้ำวิสุทธิ์สีใสนั่น ฝ่าบาทก็ทรงเดาไปเองทั้งนั้น จริงอยู่ว่ามนุษย์ครึ่งเทพและเทวดาจำแลงต้องมีangle syrup แต่ไม่เคยมีตำราไหนเขียนไว้ว่าเทพที่มาจากการอันเชิญแบบในกรณีของโรเรเนสจ้องต้องเหมือนกรณีอื่นๆด้วย”

ยิ่งฟังยิ่งเจ็บใจ ยิ่งนึกก็ยิ่งผิด พอมีสติมาฟังเหตุผลแบบนี้เขาก็จุกจนพูดไม่ออก  แต่ท่านหมอหลวงก็นึกคิดบางอย่างขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้นเหมือนพึมพำ

 “อันที่จริงข้าก็พลาดเองก่อนหน้าเขาก็เคยมี...ฝันเปียกมาบ้าง”

“หา!”

“แต่ตอนนั้นข้าก้ไม่ได้ตรวจว่าสีมันใสหรือเปล่าเพราะ เจ้าตัวเขาอายมากเลยทำลายหลักฐานทิ้งไปเสียก่อน”

“โธ่ ท่านหมอ”

“แต่เอาเถอะ หลักฐานอย่างเดียวที่พิสูจน์ได้จริงๆและข้ายืนยันได้คือรางกายของเขาเหมือนคนไม่เคยผ่านการเติบโตมาก่อนนั่นก็พอแล้วที่จะบอกว่าเขาเป็นเทพ เพราะเทพสามารถลงมาเป็นผู้ใหญ่ได้เลยไม่ต้องโตมาจากเด็ก อีกอย่างที่เห็นได้ด้วยตาและฝ่าบาทไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวคือดอกไม้ในสวนท่านก็เกิดงอกงามมาได้อย่างประหลาดเรื่องนี้ก็พอจะเชื่อถือได้”

 “อืม...ทั้งที่ชัดเจนขนาดนี้ที่ผ่านมาข้ากลับไม่ได้ใส่ใจคำพูดท่านได้อย่างไรกัน”

ราห์โอหนุ่มคิดทบทวนหลายสิ่งแล้วก็หงุดหงิดในหัวใจ เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ข้าไม่น่าบอกเลยว่าจะเอาชายาเป็นเทพ ไม่งั้นไอ้เรื่องอันเชิญเทพนี่จะได้ไม่ต้องเกิดขึ้นให้ทรมาณใจกันเสียแต่แรก”

“แล้วคิดอย่างไรถึงรับสั่งไปเช่นนั้น อยากได้มากนักหรือเทวีน่ะ”

“ข้าไม่ได้อยากได้เมียเป็นเทเพ! แต่ตอนนั้นข้ารำคาญที่สุดคนมาเซ้าซี้ให้ข้าแต่งเมียเลยพูดจาส่งๆไป เพราะคิดว่าถ้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จะได้จบๆกัน  ที่ไหนได้ เฮ้อ!”

“มองในแง่ดีก็เป็นบุญแผ่นดินที่อุตส่าห์มีเทพลงมาดูแลบ้านเมืองเรานะฝ่าบาท นี่อาจถูกกำหนดไว้แล้ว”

“เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องทำให้ข้าคิดหนักอีกเรื่อง นอกเหนือจากเรื่องที่โรเรเนสเป็นเทพหรือไม่และนอกเหนือไปจากว่าพวกท่านจะต้องโดนอะไร"

 “ท่านพบอะไรแปลกไปอีกงั้นรึ”

“ข้าแปลกใจกับการกระทำต่อการพิจารณาคดีโรเรเนสของท่านโยเฮนมาก”

“โอ้ เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจลากลอสเคยพูดกับข้าอยู่บ้างนะฝ่าบาทว่าท่านโยเฮนไม่ได้ดีอย่างที่พวกเรารับรู้ แต่เท่าที่ข้ารู้ก็เห็นว่าท่านโยเฮนไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลยฉไนถึงเอะใจเช่นนั้น”

“ใช่ก่อนหน้าข้าคิดว่าเขาเป็นคนจริงจังและตรงไปตรงมามาก เขาเป็นคนที่ประวัติดีมาโดยตลอดไม่เคยถูกร้องเรียน ตรวจสอบได้ เขาเป็นเพียงขุนนางไม่กี่คนที่กล้าคัดค้านความคิดของข้าเมื่อเขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง เขาไม่ใช่คนประจบสอพลอยามที่อยู่กับข้าก็ยังดูทนงในความคิดตนเองเสียด้วยซ้ำ”

หมอหลวงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหรี่ตาลงด้วยครุ่นคิด เขาพยายามคิดทบทวนอยู่หลายสิ่งแต่แล้วก็ส่งสายตาลังเลออกมา
“เท่าที่ข้ารู้จักเขามาค่อนชีวิต ข้าก็เห็นเหมือนกันท่านเขาไม่เคยมีประวัติเสียและไม่คิดว่าจะมีวี่แววร้ายกาจแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ว่า....”

“อะไร”

“ตั้งแต่พระบิดาของพระองค์สวรรณคต เขาก็ดูกระด้างไปและระแวดระวังเป็นพิเศษหลายครั้งเหมือนเกรงว่าจะมีคนคิดร้าย เขากลายเป็นผู้ปกครองที่เข้มงวดมากขึ้นกับเขตการปกครองที่เขาดูแล แต่นั่นก็อาจเป็นเพราะเขาแค่เป็นห่วงราชวงค์ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็ได้ เรื่องนี้ดูเหมือนเขาแปลกไปก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเขาคิดร้าย”

“คือแบบนี้ท่านหมอ ท่านยังไม่ทราบผลพิจารณาคดีใช่หรือไม่”

“ไม่อยู่แล้วฝ่าบาทและจะเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นถ้าจะทรงบอกกัน”

สีหน้าชายหนุ่มแลดูจริงจังและตึงเครียดมาขึ้น
“พวกเขาตัดสินให้ประหารท่านและนักบวชส่วนโรเรเนสก็ให้เอาไปทิ้งไว้นอกสปันเทียด้วยพวกเขาลงมติกันว่าเขาเสียสติและไม่ควรให้อยู่ภาระแผ่นดิน”

“โอ้ ฟังดูใจดำจริงๆ ว่าแต่จะประหารข้าวันไหนล่ะ”

“มันจะไม่มีการประหาร! ข้าเปลี่ยนคำตัดสินไม่ได้ว่าท่านผิดหรือไม่ผิดแต่ข้าเปลี่ยนวิธีลงโทษได้ ข้าจะเขียนลดโทษแล้วจัดการท่านด้วยวิธีอื่นแทน ว่าแต่ที่ข้าจะบอกคือมันผิดปรกติ”

“อะไรที่ผิดปรกติ”

“โทษประหารมันรุนแรงเกินไปสำหรับกรณีของท่าน ตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ก็แค่จำคุกที่นอกเมืองหรือส่งไปใช้แรงงานในเหมืองเท่านั้น ส่วนโรเรเนสพวกศาลก็ตัดสินออกมาแล้วว่าเขาบริสุทธิ์เป็นเพียงผู้ชายเสียจริตแต่ก็ยังกระทำโหดเหี้ยมส่งเขาให้ไปตายกลางทะเลทรายแบบนั้นอีก ซึ่งตามปรกติในกรณีอื่นๆหากศาลตัดสินว่าผู้ใดกระทำลงไปด้วยสติไม่ดีเขาคนนั้นจะต้องไม่โดนโทษและกลับไปใช้ชีวิตได้ ไม่ใช่เอาไปทิ้งให้ตายแล้วอ้างว่าเป็นภาระ นี่มันเป็นการตัดสินที่ประหลาดอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยผลตัดสินมันเกินเหตุไปเสียขนาดนี้

เมื่อสืบสาวกันมาก็ได้รู้ว่าคณะลูกขุนส่วนใหญ่เป็นคนสนิทของท่านโยเฮนและไปได้ยินอะไรแปลกๆผิดๆมาสุดท้ายก็เชื่อตามข้อมูลที่ได้จากท่านโยเฮนแล้วจึงตัดสินออกมาเช่นนี้ นี่คือที่พวกเขาบอกแก่ข้า แต่ว่าข้าคิดว่าอันที่จริง คณะลูกขุนพวกนั้นอาจได้สินบนบางอย่างจากท่านโยเฮนก็เป็นได้ถึงพวกเขาไม่สารภาพมากับข้าก็เถอะ”

“เช่นนี้ท่านเลยเริ่มสงสัยท่านโยเฮน”

“ใช่ ข้าไม่รู้ว่าท่านโยเฮนต้องการอะไรและทำไมต้องการกำจัดโรเรเนสและตัวท่านหมอมากขนาดนี้ มันดูผิดปรกติมากเกินไป ข้าไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดแต่เขาดูร้อนตัวเหลือเกินและข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องอันตรายมากที่จะให้ท่านอยู่ในสปันเทีย ท่านคิดว่าอย่างไร”

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็เห็นด้วย ข้าขอให้พระองค์ทรงเนรเทศข้ากับพวกนักบวชที่โดนคดีด้วยกันไปอยู่อาณาจักรฟิลินัส(ประเทศเพื่อนบ้านที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นนักบวช)แล้วกัน ที่นั่นข้ามีสหายอยู่เยอะกำลังอยากศึกษาเรื่องสมุนไพรหายากแถบนั้นอยู่พอดี มันน่าจะดีกว่าถ้าข้าออกนอกประเทศไปเลย”

“ได้ ซักปีนึงก็อภัยโทษแล้วข้าจะไปรับท่านกลับมา”

“แล้วโรเรเนสทท่านจะจัดการเช่นไร ให้เขาไปเขาก็คงอยู่เองไม่ได้แต่ให้เขาอยู่ก็อาจเสี่ยงโดนจัดการ.....ถ้าหากมีใครต้องการจะจัดการเขาล่ะนะ”

ราห์โอหนุ่มครุ่นคิด นั่นก็ถูกอยู่ก็ตายไปก็ตาย แต่เขาไม่อยากให้โรเรเนสต้องจากเขาไป

“ข้าขอเสนอเช่นนี้ได้ไหมฝ่าบาท”

“ท่านมีแผนอะไรก็ว่ามาท่านหมอ”

“ข้าคิดว่าตอนนี้ทุกคนกำลังคิดว่าโรเรเนสเป็นคนบ้า ท่านควรปล่อยให้ทุกคนเชื่อเช่นนั้นและให้คนเชื่อว่า พระองค์ทรงคิดเช่นนนั้นด้วย”

“ท่านจะให้ข้าแกล้งทำเป็นคิดว่าเขาเป็นคนบ้าทั้งที่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าเขาเป็นเทพ?”

“ใช่ เราจำเป็นต้องทำแบบนั้นกับทุกคน แม้กระทั่งลากลอซ ท่านก็ต้องทำให้เขาเชื่อว่าโรเรเนสนั้นสติไม่ดีและหลงผิดคิดว่าตนเป็นเทพ ส่วนโรเรเนส...ท่านก็ต้องปล่อยให้เขาเข้าใจว่าท่านยังไม่เชื่อในตัวเขาอยู่” 

ฟังข้อเสนอนี้แล้วฟารันก็ปวดใจหลังจากนี้เขาคงต้องปล่อยให้เด็กหนุ่มหน้าสวยคนนั้นเข้าใจเขาผิดไปอีกนาน  แต่นั่นก็ควรทำและเป็นสิ่งที่เขาสมควรโดนไปด้วยในขณะเดียวกัน

“ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะข้ามีความเห็นว่า ถ้าทำให้โรเรเนสเป็นแค่คนธรรมดาคำพูดไม่น่าเชื่อถือ ผู้ที่คิดร้ายอาจละเว้นเขาไปได้เพราะว่า ข้าเชื่อว่าท่านโยเฮนมีสิ่งปิดบังอยู่ เป็นความผิดที่มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่รู้หากให้ทุกคนคิดว่าโรเรเนสเป็นเทพและทุกคนเชื่อฟังโรเรเนส ถึงตอนนั้นความลับของโยเฮนก็คงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป การทำให้โรเรเนสเป็นแค่เด็กหนุ่มไร้พิษสงนั้นปลอดภัยกับเขามากที่สุด และในระหว่างนี้นอกจากทำให้โยเฮนตายใจแล้วท่านก็จะยังมีเวลาส่งคนไปสืบความได้ว่าโยเฮนนั้นปิดบังอะไรอยู่ ทำไมร้อนตัวอยากจะสังหารปิดปากเทพเสียขนาดนี้”

กษัตริย์หนุ่มทิ้งตัวลงกับพนักพิง ส่อสายตาท้อแท้ออกมาอย่างไม่คิดจะปิดถ้าต้องทำตามคำท่านหมอเช่นนี้ความคิดที่อยากจะไถ่โทษหรือปรับความเข้าใจกับพ่อเทพตาเศร้านั้นจะกระทำได้อย่างไร

“ข้าบอกเขาไม่ได้หรอว่าข้ายอมรับแล้วว่าเขาเป็นเทพ อย่างน้อยเขาจะได้รู้สึกดีกับข้าบ้างเพราะตอนนี้เขาคงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำไปแล้ว”

“ไม่ได้ๆ เพื่อความปลอดภัยของเขาและเพื่อแผนจับคนร้ายของพวกเรา พระองค์ต้องไม่ให้ใครรู้เป็นอันขาดแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ควรรู้เพื่อความแนบเนียนนี้  ในเรื่องนี้ต้องทรงปล่อยให้เขาคิดว่าท่านใจไม่เชื่อในตัวเขาต่อไป

 แต่ว่าถ้าหากท่านอยากจะขอโทษท่านก็ทำไดอยุ่แล้วไม่ต้องห่วง ก็แค่บอกเขาไปว่าขอโทษที่ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาเป็นคนโกหก บอกไปว่าเชื่อแล้วว่าไม่ได้หลอกกันแต่เปลี่ยนเป็นเชื่อว่าเขาทำลงไปเพราะบ้าแทนไม่ใช่ประสงค์ร้าย”

“นั่นมันก็เหมือนกันนั่นแหละท่านหมอ!ระหว่างคิดว่าเขาเป็นคนโกหกกับการคิดว่าเขาทำไปเพราะบ้า นั่นก็แปลว่าข้ายังไม่ยอมเชื่อว่าเขาเป็นเทพอยู่ดี”

“ก็ใช่ แต่เชื่อว่าเป็นบ้าฟังดูดีกว่าเป็นคนโกหกนะ”

“โธ่!”  ราห์โอหนุ่มกุมขมับตัวเองอีกครั้งแล้วกัดปากแน่น แต่ท่านหมอกลับดูสบายใจขึ้นมากเมื่อคิดออกว่าควรแก้ไขหลังจากนี้ยังไง ว่าแล้วเขาก็ชูแก้วไวน์ขึ้นสูงแล้วเอ่ยอย่างฮึกเหิม

“ยินดีกับทางออกที่งดงามและขอให้จับคนร้ายได้โดยไว ความจริงจะได้เปิดเผย ฮูเร่” ท่านหมอใช้แก้วตนแตะกับแก้วอีกฝ่ายแล้วยกซดอย่างยินดี ต่างกับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามที่ยกแก้วไวน์มาซดเหมือนกันแต่แลดูเหมือนดื่มย้อมใจมากกว่ายินดี

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

คราวนี้ลงช้าไปมากต้องขออภัยจริงๆค่ะ งานงอกแทบลากเลือดทำอะไรไม่ทันซักอย่าง จะพยายามอัพเรื่อยๆนะคะไมรู้จะผ่านช่วงวุ่นวายนี้ไปได้ตอนนไหน พะเลีย

ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ heaven13

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ดีใจจัง
มาต่อแล้ว

ชอบๆ
อยากให้โรเรเนามีแต่เรื่อวดีๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2015 01:26:44 โดย heaven13 »

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
หลังจากนี้คงจะไม่มาม่ามากแล้วนะ ไหนๆพระเอกก็หายโง่แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ในที่สุดก็ตาสว่างซักที =.=

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
สายไปไหมสำหรับผู้ชายแบบนี้มันเลวเกินบรรยายแล้วนะ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ว๊ายยยยยย พระเอกเริ่มีสมองแล้ววววววว~

 o13

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :katai1:  :katai1: โอยยยย เครียด ถึงสำนึกได้แตสำนึกได้แต่เราก็ไม่อภัยให้แกหรอกฟารัน หมั่นไส้!!  :z6:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ออกจะงงๆกับตอนนี้ แจ่งก็ชั่งเถอะ ดีใจที่ยังไม่ทิ้งนิยายไปไหน รีบมาต่อก็แล้วกันครับ

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
รอตอนต่อไปปปปป

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ในที่สุดก็รู้สึกตัวสินะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กว่าจะสำนึก. >.<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
มาต่อแล้ววววว  :mew1:

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

ออฟไลน์ howru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
แหม่ กว่าจะรู้สึกตัวได้นะพระเอก

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รอคอยเธอมาแสนนาน :ling1:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
กลับมาเร็วๆๆๆๆๆๆๆๆ  :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เรื่องนี้เนื้อเรื่องสนุกและน่าติดตามมากๆค่ะ(อ่านวันเดียวจบ)

แต่เสียดายที่ช่วงต้นๆเรื่องอัพห่างกันมากไปหน่อย

ทำให้ไม่ค่อยมี fc และทำให้คนสนใจอ่านเรื่องนี้น้อย

 เพราะไม่ค่อยมีคนมาเม้นตอบกระทู้

แต่เป็นกำลังใจให้นะคะ

 ขอให้มีแรงบันดาลใจในการแต่งต่อไปเรื่อยๆค่ะสู้ๆ

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

       ทุกอย่างเหมือนภาพซ้ำที่วนเวียน มันออกจะน่าเบื่อหน่ายที่ต้องพบกับสถาณการณ์แบบเดิมๆ คือการตื่นมาแล้วพบว่ามันมีอะไรมากมายผ่านไปแล้วเสียหลายวัน แต่กระนั้นลึกๆเขาก็คาดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องเจอะไรแบบนี้

โรเรเนสลุกขึ้นนั่งในเช้าวันหนึ่งเขาไม่ได้สนว่ามีอะไรผ่านไปบ้างแล้ว เขาคลับคล้ายคลับคราว่าหลับๆตื่นๆอยู่แต่ไม่รู้ตัวดีนักเหมือนจะละเมอเหมือนจะฝัน ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ตายไปจริงๆในบางช่วงหรือไม่ แต่เขาก็สนเท่ห์อยู่ว่าทำไมไม่มีซักแว่บหนึ่งที่เขากลับไปสวรรค์บ้าง ทว่าช่วงกึ่งเป็นกึ่งตายนั้นถือว่าสบายตัวอย่างประหลาด

นั่นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีจนอยากจะตายไปเสียจริงๆแต่ก็ดันไม่ตาย โชคดีอยู่หน่อยนึงตรงที่ตื่นมาคราวนี้ความทรงจำเกี่ยวกับแดนสวรรค์ก็เพิ่มขึ้นมาก แม้นจะไม่ทั้งหมดแต่เข้าก็เหมือนจะจำอะไรได้มากขึ้น


ตอนนี้มันเป็นช่วงเช้าเกือบๆสาย แดดส้มอ่อนรำไรเข้ามาในห้องกลิ่อหอมของอาหารโชยอยู่ไม่ไกลคะเคล้าจางๆกับกลิ่นดอกไม้หลายกลิ่นที่เขาแยกได้ไม่ยากว่ามีอะไรบ้าง มือเรียวเอื้อมจับแผลที่คอมันมีผ้าพัดไว้อย่างดีและไม่รู้สึกเจ็บเสียเท่าไร เขานึกหวนไปถึงวันนั้นก็เกิดรู้สึกแย่ขึ้นมาหลายอย่างและการตื่นขึ้นมาแบบนี้ทำให้เขาต้องมานั่งกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ทำไมฟารันไม่ปล่อยให้เขาตาย?ยังอยากจะทำอะไรเขาต่ออีกหรือ แล้วท่านหมอนั่นเล่า.....โธ่ท่านหมอ

 เขาลงจากเตียงอ่อนนุ่มแล้วเดินไปยังห้องรับรองที่อยู่ใกล้ๆเพื่อกินอาหาร ซึ่งบอกได้เลยว่ามันอร่อยกว่าปรกติอย่างน่าประหลาดด้วยเพราะหิวหรืออย่างไรก็ไม่แน่ใจ ทั้งขนมปังและนมก็รสดีเสียมาก

เขากินอย่างจริงจังโดยไม่มีใครรบกวนจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของคน2-3คนก้าวตรงมาที่ประตูห้องเขาถึงชะโงกหัวไปมอง เมื่อประตูเปิดแล้วเห็นว่าเป็นใครเขาก็ไม่ได้สนใจและจัดการอาหารต่อ

ลากลอสเดินเข้ามาพร้อมหญิงรับใช้อีกสอง พวกเขาแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่พบคนไข้นอนอยู่บนเตียงแต่เมื่อเห็นว่ามานั่งกินอาหารได้ปรกติในอีกห้องก็ยิ่งประหลาดใจใหญ่

“โอ้ นี่เจ้าตื่นจริงจังแล้วใช่ไหมเนี่ย” ลากลอสเอ่ยทักอย่างแปลกใจก่อนจะลงนั่งร่วมโต๊ะที่เก้าอี้ใกล้ๆ โรเรเนสพยักหน้าให้โดยที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยอยู่

“เวลากลืนเจ็บคอไหม” 

ส่ายหัว

“แล้วเดินมานี่ไม่มึนหัวหรอ”

ส่ายหัว

“โฮ่ดีจริง เดี๋ยวข้าให้คนไปตามหมอมาดูอาการเจ้าอีกทีจะได้สบายใจ” คราวนี้เด็กหนุ่มตาเบิกโพลงแล้วรีบกลืนคำสุดท้ายก่อนจะพูดละล่ำละลัก

“ทะ ทะ ท่านหมอยังอยู่รึ!”

“ม่าย ท่านหมอหลวงชัคบาไม่อยู่กับเราเสียแล้ว หมอที่มารักษาเจ้าเป็นหมออีกคนในราชสำนัก”
โรเรเนสหน้าถอดสีแล้วเหมือนจะร้องไห้แต่อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็ห้ามเอาไว้ก่อน

“ท่านหมอยังไม่ตาย แต่ท่านหมอกับพวกนักบวชถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่น”

แต่แววตาเศร้านั้นก็ไม่ได้ดีขึ้นเสียเท่าไรเมื่อพบว่าคนดีๆแบบนั้นต้องโดนลงโทษให้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
“ส่วนเรื่องของเจ้า....อ่าม จากเหตุการณ์วันนั้น”

หน้าสวยพลันนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีก มีอะไรมากมายจนเลวร้ายจนจำไม่ได้หมด แต่พอคืนสติมาคราวนี้เขาก็นึกขึ้นได้ถึงพฤติกรรมบ้าบิ่นและกร้าวของตน แล้วก็พลันหน้าแดงขึ้นมา

“อ่า...ลากลอส วันนั้นข้าทำตัวแย่มากๆเลยใช่ไหมข้าขอโทษท่านด้วยนะ”

“เอ้ย!ไม่ต้องหรอก ข้าเข้าใจได้ว่าเจ้าโกรธมากแต่มันก็..”

“ข้ามานึกดูตอนนี้ข้าไม่น่าโวยวายขนาดนั้นเลย มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอีกมากแล้วข้าก็ด่าเหมารวมไปเสียหมด ข้าไม่ได้อยากเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนั้นนะ....ตอนนั้นข้าอาละวาดหนักมากใช่ไหม”

“หนักอยู่”

เด็กหนุ่มก้มหน้างุด เขาไม่เคยโกรธมากขนาดนั้นเลยตั้งแต่เกิดมาและไม่ชอบมากๆเวลาที่คุมตัวเองไม่ได้แบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ต่างจากพวกมนุษย์กิเลศหนา เทพอย่างเขาควรควบคุมทุกอย่างได้ดีกว่านี้

“แต่ก็สะใจดีนะ”

“หา?”

เลขาหนุ่มยิ้มหยันที่มุมปาก

“ข้ากลับรู้สึกสนุกและสะใจมากที่เจ้าทำอะไรแบบนั้นถืงตอนท้ายมันจะโหดไปหน่อยก็เหอะ”

“ท่านนี่โรคจิตเหลือเกิน ข้าทำแบบนั้นท่านยังว่าดี”

“ลึกๆข้าก็เชียร์ให้เจ้าเดินเข้าไปตบราห์โออยู่”

พอได้ยินการกล่าวถึงชายคนนั้นเขาก็เม้มปากแน่นแล้วสลดหดหู่ไปอีก ความโกรธยังคุอยู่ในใจเคล้าผสมปนกับความเศร้า เขาไม่อยากพูดถึงผู้ชายคนนั้นเลย หากแต่ก็คงไม่อาจเลี่ยงอะไรได้มากในเมื่อยังอยู่ในบ้านคนๆนั้น

เขาแสร้งสานบทสนทนาต่อเหมือนข่มอารมณ์นั้นไว้ เขาอยากเข้มแข็งและดูเป็นปรกติที่สุดเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น

“พูดแบบนั้นไม่ดีนะท่านลากลอส ท่านไม่ได้อยู่ข้าง..ข้างราห์โอรึ”

“ข้าอยู่ข้างตัวเองเสมอ”

“โฮ่ ท่านนี่มั่นใจดีจริง”

“อันที่จริงเจ้าไม่ต้องเรียกข้าด้วยท่านแล้วนะ ตอนนี้สถานะเราเท่ากันแล้ว”

หน้าสวยขมวดคิ้วมองอย่างฉงน เขาไม่เข้าใจว่าคำตัดสินจะมีอะไรอื่นได้อีกนอกจากประหารเขาเสีย

“คือแบบนี้นะโรเรเนส จากการอาละวาดของเจ้าเมื่อคราวนั้นศาลตัดสินว่าเจ้า...อ่าม..สติไม่ดี ขออภัยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่คือพวกเขาคิดว่าเทพที่พวกเขากราบไหว้กันอยู่ทุกวันไม่น่าจะคลั่งได้ขนาดนั้น...คือเจ้าต้องเข้าใจว่าตอนนั้นเจาขาดสติไปมาก ถึงแม้ข้าจะสะใจ แต่คนอื่นไม่คิดแบบนั้นนั่นแหละพวกเขาคิดว่าเจ้าหลงผิดจริงอย่างที่ท่านหมอชัคบาบอก จึงถือว่าเจ้าไม่มีความผิดฐานหลอกลวงราห์โอและถือว่าความผิดทั้งหมดของเจ้าเป็นโมฆะ แต่กระนั้นด้วยความที่เจ้ามีความรู้ด้านพฤษศาสตร์อยู่มากโขเลยให้รับราชการอยู่เป็นคนดูแลไม้ดอกของที่นี่...ประมาณนี้”

โรเรเนสนิ่งอึ้งไปแล้วค่อยๆลำดับความคิดที่ละส่วนในหัว

“เดี๋ยวนะ สรุปคือ...ข้าบ้า?”

“ก็..ก็ตรงๆคนอื่นเขาก็คิดแบบนั้น”

“ท่านก็คิดว่าข้าบ้า?”

“ไม่นะไม่ๆๆๆ ข้าไม่คิดว่าเจ้าบ้า....เจ้าแค่...เข้าใจตัวเองผิด”

“เจ้าก็ไม่คิดว่าข้าเป็นเทพสินะ”

“ขอโทษจริงๆ”

“แล้วนอกจากข้าจะบ้าแล้วข้าก็ยังโดนเก็บไว้เป็นคนสวนอีก”

“แล้วเจ้าจะไปอยู่ที่ไหนเล่า”

“ก็ไม่ส่งข้าออกประเทศไปเหมือนท่านหมอเล่า”

“ไม่เอาน่าเจ้าความจำเสื่อมนะจะอยู่ยังไง อีกอย่างราห์โอทรงดำริเช่นนี้ด้วย”

เด็กหนุ่มนิ่งงันแล้วเบือนหน้าหนี เขาเริ่มขบกรามแน่นยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธผู้ชายบ้าอำนาจเอาแต่ใจคนนั้น
“แต่นะ นั่นก็หมายถึงเจ้าจะออกไปข้างนอกก็ได้นะ”

“หมายถึงข้าไปจากที่นี่ได้งั้นหรอ?”

“ไปเลยไม่ได้หรอก เจ้าเป็นคนไม่มีทะเบียนเร่ร่อนไปทั่วจะลำบากเปล่าแต่ถ้าออกไปเที่ยวเล่นนนอกวังน่ะพอจะทำได้”

พวงแก้มใสป่องขึ้นอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เขาไม่ได้มีความผิดติดตัวอันที่จริงก็อยากจะหนีไปเลยแต่ก็เกิดฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“ลากลอสที่ที่ท่านหมอไปมันลำบากไหม”

“ไม่หรอกก็ถือว่าอยู่ได้ดี แต่ที่แย่ที่สุดเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับลูกสาวเขาอีกแล้วเพราะมันเป็นธรรมเนียมที่ครอบครัวจะไม่ติดต่อกับผู้ถูกเนรเทศ”

“เพราะท่านหมอถูกตัดสินให้ผิดสินะ ถ้าเขาไม่ผิดก็กลับมาได้ใช่ไหม”

“ก็ ประมาณนั้น”

“งั้นข้าต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวข้าเป็นเทพสินะเขาถึงจะได้กลับมา”

คราวนี้เป็นฝ่ายเลขาหนุ่มที่เม้มปากเรียบอย่างหนักใจ สำหรับเขาโรเรเนสไม่ใช่เทพนั่นคือสิ่งที่ทุกคนยืนยันและการกระทำของโรเรเนสก็ยืนยันในข้อนั้น เรื่องนี้ถือว่าน่าเศร้าและเจ็บปวดสำหรับเด็กหนุ่มผู้นี้และท่านหมอแต่โดยส่วนตัวเขาไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้มากไหมนอกจากสิ่งที่ราห์โอบอกเขามา

ราห์โอกล่าวกับเขาว่า เขาสงสัยว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังการนำโรเรเนสมาทำให้ความจำเสื่อมและทำให้หลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นเทพ อาจเป็นผู้ใช้เวทย์บางคนและคนในที่จัดการเรื่องนี้ ซึ่งข้อสันนิษฐานนั้นยังไม่ชัดเจนแต่ก็คาดกันเอาไว้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับโยเฮน
เขาไม่ได้บอกว่าโยเฮนเป็นคนพาโรเรเนสมานั่นมันย้อนแย้งกันเกินไปแต่ราห์โอทรงเชื่อว่าโยเฮนน่าจะรู้ว่าใครทำและคนๆนั้นน่าจะเป็นอริของโยเฮน โยเฮนจึงพยายามอย่างไม่ปิดบังที่จะกำจัดโรเรเนสที่เป็นเหมือนเครื่องมือของอีกฝ่าย ราห์โอจึงกำชับให้เขาช่วยสืบหาว่าโยเฮนนั้นมีอะไรปิดบังหรือเป็นอริกับใครเขาไว้บ้าง

นั่นคือที่ลากลอสรู้มา 1.ท่านหมอไม่ผิด 2.โรเรเนสไม่ใช่เทพแต่เป็นเครื่องมือของใครไม่รู้ 3.และใครไมรู้คนนั้นเกี่ยวกับโยเฮนซึ่งไม่อาจบอกได้ว่าโยเฮนคือคนผิด อีกฝ่ายผิดหรือผิดทั้งคู่

และทั้ง3ข้อนี้ลากลอสก็เชื่อสนิทใจโดยไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทจำเป็นต้องโกหกเขาในเรื่องเหล่านั้น ด้วยแท้ที่จริงแล้วโรเรเนสนี้เป็นเทพและเรื่องนี้เกี่ยวกับโยเฮนล้วนๆไม่ได้มีมือที่3มาทำให้ป่วนแต่อย่างใด หากแต่เพื่อรักษาสัจจะและแผนการที่นัดแนะกับท่านหมอไว้ฟารันจึงไม่อาจให้ใครแม้นซักคนล่วงรู้ได้ว่าโรเรเนสเป็นเทพ แม้แต่เพื่อนสนิทที่คบกันมานานขนาดลากลอสก็ไม่อาจรู้ได้เลย

“อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นเทพก็ได้นะถ้าหากจะให้ท่านหมอพ้นผิด แต่เรื่องนั้นข้าคงบอกรายละเอียดเจ้าไม่ได้แต่อยากให้เจ้าวางใจว่าซักวันท่านหมอจะได้กลับมาแน่”

โรเรเนสไม่ค่อยเข้าใจว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อช่วยให้ท่านหมอกลับมา แต่เขาก็ได้แต่พยักหน้ารับไปและเริ่มคิดทบทวนถึงทางเลือกของตัวเอง


           ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นก็ไม่รู้ได้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของใครกันบ้างที่เด็กหนุ่มตัดสินใจยอมทำงานเป็นคนดูแลพืชพันุ์อยู่ในวังไม่หนีไปไหน เจ้าตัวไม่ได้ให้เหตุผลอะไรกับใครเรื่องนั้นเขารู้อยู่ในใจแม้คนส่วนมากมองว่าเด็กหนุ่มสติไม่ดีคนนี้คงไม่กล้าออกไปอยู่ข้างนอกแต่ลำพังและออกจะเวทนาในตัวเขา แต่ลึกๆที่เขายังไม่หนีไปไหนเพราะเขาเชื่อว่าการไม่เอาตัวรอดแต่คนเดียวเป็นอะไรที่มีศักดิ์ศรีมากกว่า ที่สำคัญเขายังเชื่ออีกว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ทำให้ท่านหมอชัคบาพ้นผิดได้

เช่นนี้ราห์โอก็ยังใจชื้นอยู่บ้างที่ฝ่ายนั้นยังอยู่ในสายตาไม่งั้นออกไปข้างนอกก็อาจถูกสายของโยเฮนสังหารได้ แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เขาเข้าใจผิดไปว่าหนุ่มหน้าสวยนั้นยังพอจะอยู่ในจุดที่เขาจะเข้าหาได้แต่นั่นก็ไม่เลย

ด้วยสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดที่เขาทำนั้นเป็นเหตุให้หลังจากตื่นมาโรเรเนสก็ไม่ยอมคุยกับเขาอีก หากแม้นคุยก็ไม่มองหน้า คุยเฉพาะเรื่องงานเมื่อเลี่ยงได้ก็เลี่ยง หลายครั้งที่เขาพยายามหาโอกาสให้ได้อยู่กันลำพังเพื่อปรับความเข้าใจแต่ก็ยังไม่มีวันไหนที่เขามีโอกาสเช่นนั้น ด้วยตัวเขาเองก็ได้ว่าและฝ่ายนั้นก็ไม่อยากจะเจอจึงทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ จึงทำได้เพียงให้มีคนค่อยดูแลสอดส่องแล้วรายงานเขาเป็นระยะว่าฝ่ายนั้นอยู่ดีหรือไม่อย่างไร บ้างก็ฝากลากลอสให้นำของกำนัลไปให้พร้อมจดหมายที่กี่ครั้งก็ไม่เคยถูกเปิดอ่าน

 คำขอโทษนั้นก็ไม่เคยจะไปถึงครั้นเมื่อพยายามจะไปเจอหน้าก็เกิดเหตุกระอั่กกระอ่อนพูดกันได้ไม่จบความ ครั้งหนึ่งราห์โอนั้นทนไม่ไหวบุกไปหาถึงห้องในยามค่ำคืนเพื่อจะขอโทษและอธิบายความ แต่เมื่อยามเห็นตาเศร้าที่รื้นน้ำทุกครั้งที่เห็นหน้าเขาเขาก็จำต้องหลีกมา เพราะทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้โรเรเนสก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดมันไม่ใช่เหมือนในครั้งก่อนนั้น ครั้งก่อนที่เราไม่คุยกันครานั้นเด็กหนุ่มออกแนวระแวงเขามากกว่ากลัวว่าจะโดนเขาทำมิดีมิร้ายอีก

 แต่คราวนี้โรเรเนสไม่ได้กลัว ไม่เลยไม่ซักนิดที่จะเกรงกลัวฟารันอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่มีมันเป็นความด้านชาที่ซ่อนความเจ็บแค้นไว้ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกทรมาณใจที่ฝ่ายนั้นส่งมา เห็นชัดว่าไม่อยากพบไม่อยากเจอแค่อยู่ใกล้กันก็คงอึดอัดสะอิดสะเอียดจนจะร้องไห้แล้วกระมัง เหมือนทรมาณเหมือนรังเกียจและปนแค้น

ฟารันเคยเห็นมาแล้วคนที่เป็นแบบนี้แววตาแบบนี้ นานมาแล้วตั้งแต่สมัยสงครามนั่นก็เมื่อเขายังเด็ก ตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นหลังจากทัพของสปันเทียบุกไปตีเมืองหนึ่งมาได้ ช่วงขณะที่พักกองกันอยู่ในเมืองก็มีทหารนายหนึ่งฉุดคร่าสาวชาวบ้านมาขืนใจ แม่ทัพรู้ความก็จัดการตัดหัวของทหารคนนั้นเสียแลกล่าวกับทุกคนว่าเราเป็นทหารหาใช่โจรย่ำยีผู้หญิงมีโทษถึงตายสถานเดียว

หลังจากนั้นก็มีเรื่องต้องลำบากใจอีกเมื่อแม่ทัพผู้นั้นต้องเป็นคนนำศีรษะของทหารผู้นั้นไปคืนแก่มารดาของเขา ตอนนั้นแหละที่ฟารันได้แอบตามไปดูด้วย

แววตานั้นอธิบายเป็นคำพูดได้ยากมากๆ เมื่อต้องรับศพลูกชายจากคนที่ฆ่าลูกตัวเอง ท่านแม่ทัพต้องขอขมากับแม่ผู้ตายและครอบครัวแต่ที่ทำก็เป็นสิ่งจำเป็น แน่นอนว่าหญิงวัยกลางคนนั้นเข้าใจว่าทำไมลูกของนางสมควรตาย แต่มันก็เป็นการยากที่จะยอมรับในการกระทำของท่านแม่ทัพกับคนที่ฆ่าลูกของเธอ เป็นข้าศึกก็ไม่ใช่แต่เป็นคนชาติเดียวกันคนที่นางฝากฝังไว้ว่าจะดูแลกองทัพและลูกนางได้

แววตานางรื้นน้ำไม่ด่าทอไม่ต่อว่าอะไรไม่ยอมรับคำขอโทษหรือแม้แต่จะสนทนาอะไรทั้งนั้น ได้แต่พูดสั้นๆว่า

 “ท่านกลับไปเสียเถอะ”

แล้วนางก็เดินกลับหลังบ้านไป ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจหรอกว่านางรู้สึกอย่างไรแต่มันมากกว่าเศร้า มันหลายอย่างเหลือเกินทั้งเสียใจ โกรธ จำยอม แต่ชัดเจนว่าไม่อยากจะยุ่ง ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากเกี่ยงข้องอะไรได้วยอีก ต่างคนต่างอยู่กันไปเลยและก็เป็นเช่นนั้นจริงหลังจากนั้นไม่ว่าท่านแม่ทัพจะพยายามขอขมาแค่ไหนนางก็ไม่สนใจ นางไม่ได้ต้องการการชดใช้ใดๆ นางไม่สนใจอะไรแล้วขอแค่ต่างคนต่างอยู่ก็พอ


           ตอนนี้เขารู้สึกว่าโรเรเนสเป็นแบบนั้นอาจไม่ถึงขั้นที่แม่คนนั้นได้เสียลูกชายไป แต่น้ำตาของเด็กหนุ่มนั้นไม่ใช่แค่ความเศร้าแบบนั้น มันเหมือนคนที่ถูกฉกฉวยบางสิ่งไปและเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะพูดคุยถึงเรื่องเหล่านั้นได้ มันมีแค่ความคิดว่าอยากอยู่ห่างๆ ไม่อยากพูดไม่อยากคุย ไปให้ไกลๆหน้ากันเลยก็ดี ไม่ได้อยากได้คำขอโทษไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น

แล้วเขาจะทำอย่างไรเล่า แม้นทรมาณเจียนตายที่ไม่อาจให้ฝ่ายนั้นเข้าใจตัวเองได้แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้ก็เป็นการทำร้ายกันไปอีก เขาไม่ต้องการแบบนั้นเขาไม่ได้อยากตามใจตัวเองอีกแม้นจะทรมาณใจที่ไม่อาจเข้าใกล้ไม่อาจพูดคุยอะไรกันได้อีก แต่หากมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้เขาก็จำยอม ก็ได้แต่อยู่ห่างๆอย่างปวดร้าว

จนหลังๆมานี้กลายเป็นเขาเองที่พยายามหนีหน้าให้มากเข้าไว้ มีอะไรก็ต้องผ่านคนอื่นตลอดซึ่งถึงแม้จะทำแบบนั้นเขาก็ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่โรเรเนสต้องรับรู้เรื่องราวหรือข้อความใดๆก็ตามจากฟารันสีหน้าปรกติของเด็กหนุ่มก็แปรเป็นอึดอัดทุกครั้ง เหมือนคำสาปเหมือนยาขมใดใดในโลกนี้ที่เกี่ยวกับเขานั้นไม่อาจเข้าใกล้เด็กหนุ่มโดยไม่ทำร้ายจิตใจเขาได้เลยแม้นแต่น้อย

หลายครั้งเขาก็แอบคิด ว่าทำไมคนที่อยู่ใกล้เพียงกำแพงกั้นแค่นี้ถึงได้ไกลกันเหลือเกิน

หลายครั้งเขาก็แอบคิด ว่าแม้นจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันซักวันหนึ่งทั้งสองคงลืมไปแล้วว่าหน้าตาอีกฝ่ายนั้นเป็นอย่างไร

ความคิดนั้นวนเวียน

จนหนาวอก

จู่ๆเหมือนมันวาบลงลึกและเสียดแทง

ขณะนั้นในค่ำคืนหนึ่ง เป็นอีกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวงกุหลาบจันทราก็คงบานอีกครั้งแต่เขาไม่ได้เห็นมันมาซักพักแล้วล่ะ ด้วยรู้ดีว่าสวนส่วนตัวของเขามีใครเป็นผู้ดูแล หากเขาเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปเจออีกฝ่ายอยู่ในสวนแห่งนั้นก้คงไม่เป็นการดี เขาไม่ควรเลยแม้นซักครั้งที่จะให้คนๆนั้นเห็นหน้า เช่นนี้ถึงแม้จะเป็นสวนของเขาเป็นกุหลาบล้ำค่าของเขา เขาก็ไม่อาจจะไปดูได้เลย

เขาจึงได้แต่ยืนชมจันทร์อยู่ที่ริมระเบียงพลางเฝ้าระลึงถึงสิ่งสวยงามสองสิ่งที่งามละม้ายจันทร์ลอยเด่นนั้น แต่แล้วเมื่อวูบหนึ่งของลมหวานพัดเข้ามามันก็เหมือนแทรกลึกเข้ากลางใจและฝังแน่นอยู่ในนั้น เมื่อเขาระลึกได้ว่าเขาอาจจะลืมได้ ว่าวงหน้าขาวเนียนนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร แน่นอนว่างดงามราวดวงจันทร์แน่นอนว่าขณะนี้ยังจำได้หากแต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเขาจะยังจำได้ไหมว่าตนเองเฝ้าฝันถึงใครอยู่ร่ำไป

มันเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายนั้นจะลืมว่าเขาหน้าตาเป็นเช่นไร ลืมไปเสียให้หมดที่เกี่ยวกับฟารันถ้ามันทรมาณใจเขาก็ยินดีที่จะให้ลืม ลืมเสียให้หมดจนจำไม่ได้ไปเลยก็ดีว่ามีเขาอยู่บนโลก แต่ตัวเขานั้นไม่อยากลืมมันมีเหตุผลมากมายที่เขาไม่อยากลืมเด็กหนุ่มคนนั้นยิ่งเมื่อพบแล้วว่าเป็นเทพจริง ก็ยิ่งลืมไม่ได้ ไม่อาจลืมได้จากทั้งหมดของชีวิตที่เขาเติบโตมากับการสวดขอพรจากเทพองค์ที่เขาชอบที่สุด เช่นนี้ก็ไม่อาจลืมได้อีกทั้งความรู้สึกที่ซ้อนทับกันระหว่างมนุษย์ที่รักในตัวเองเทพและความรู้สึกรักที่ชายหนุ่มพึงมีแลเต็บไปด้วยแรงปรารถนาอาลัยอาวรณ์และโหยหา

ใช่เขารู้สึกตลอดมาตั้งแต่ก่อนโรเรเนสจะลงมาเป็นมนุษย์ ทุกครั้งที่เฝ้ามองเทวรูปองค์ปฐมของเทพแห่งพืชพันธุ์เขาก็รู้สึกปรารถนามาแต่เก่าก่อนแล้ว มันไม่ใช่สิ่งดีหรอกที่มนุษย์จะบังอาจหลงรักเทพหรือมีแรงปรารถนาต่อองค์เทพแต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรกับความรู้สึกตัวเองได้ จนเมื่อโรเรเนสลงมาเป็นมนุษย์มันก็เหมือนความฝันบ้าคลั่งที่ลงมาเป็นความจริง ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ทุกครั้งที่ได้พิสมองวงหน้าไร้ที่ตินั่น มันเหมือนเขาอยู่ในช่วงกึ่งจริงกึ่งฝันเหมือนเสียสติไปและเหมือนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทั้งสับสนและทรมาณแลฟุ้งซ่านไม่หยุดหย่อนอยู่ภายใน เขาหลงไปลุ่มหลงอย่างไม่อาจทอดถอนใจและสติทั้งปวง

ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัวและไม่อาจยอมรับ ทั้งตอนก่อนและหลังเด็กหนุ่มได้ลงมายังโลก แต่ยามนี้นั้นชัดเจนว่าเขารู้สึกอย่างไรกับตาหวานเศร้านั่น แต่นั่นก็ไม่ทันแล้วไม่อาจทำอะไรได้แล้วมารู้ตัวแลระลึกถึงการกระทำของตนได้ในยามนี้ก็สายเกินไป

 เขาทำทุกอย่างพังไปแล้ว มันไม่อาจหวนคืนมาได้ตั้งแต่ตอนที่เขาจับอีกฝ่ายโยนขึ้นเตียง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นตัวเอง เขารู้ว่าโดนบังคับเช่นนั้นเป็นอย่างไร อดีตของเขาไม่หอมหวานแต่กระนั้นเขาก็ยังทำแบบนั้นกับคนอื่นทั้งที่เขาควรเป็นคนสุดท้ายบนโลกที่จะอยากทำเรื่องแบบนั้น ทั้งที่เขารู้ดีทั้งที่ตัวเองก็... แต่ก็เหมือนลืมไปแล้วทั้งที่ไม่ควรลืมและควรระลึกไว้เสมอว่าอย่าทำแบบนั้นกับใคร แต่ก็พลาดไปเสียแล้วสมควรและสมน้ำหน้า


อยากเจอ อยากเห็นหน้าอีก นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาเศร้าใจหรือปวดร้าวอันใดเขาจะเข้าไปยังวิหารเพื่อเฝ้ามองเทวรูปองค์ปฐมของโรเรเนสเสียให้ชื่นใจแล้วทุกปัญหาก็พลันมลายไปในช่วงสั้นๆ แต่ยามนี้เทพเจ้ารูปงามองค์นั้นมาอยู่ใกล้เพียงไม่กี่เมตร มาพร้อมเนื้อหนังและลมหายใจแต่ไม่อาจพบกันได้เลยไม่อาจพิศดูวงหน้านั้นได้อีก เขาจะหลีกหนีความทรมาณใจนี้ไปในที่แห่งไหนได้อีกเล่าในเมื่อสิ่งเดียวที่ทำให้เขาคลายโศกได้นั้นเป้นสิ่งเดียวกันที่ทำให้เขาเจ็บ

เหม่อมอง ฟ้ายังเปื้อนด้วยผืนดาวระยิบระยับร่าเริงอย่างไม่สนใจว่าจะเกิดเหตุใดใดบนโลกนี้เลย ดาวไม่เคยรู้และคงไม่อาจรับรู้ องค์ราห์โอหันหลังให้กับท้องฟ้าแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่างมันเล็กน้อยแต่ก็ยากจะตัดสินใจตาคมเข้มแฝงแววเศร้าหมองทรมาณมองต่ำลงพื้นก่อนจะออกย่างเดินจากห้องตนเองไป



          มันเป็นเวลาดึกแล้วในตอนนี้และหนุ่มหน้าสวยคนนั้นก็คงหลับฝันไปนานแล้ว ซึ่งก็จริงในตอนที่เขาค่อยๆย่างเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงลมหายใจยังดังแผ่วสลับกับเสียงลมโชยหวิวแสงจันทร์ผ่องยังคงฉาบทับร่างขาวเนียนนั้นอย่างเคย

เขาเดินย่างเข้าไปใกล้แล้วยืนนิ่งมองผู้ที่หลับไหลอย่างสงบ เพียงแค่มองเท่านั้นพิศมองให้ละเอียดในทุกส่วน เหมือนไม่ได้เห็นมานานแล้ว ใบหน้ายามหลับนั้นแลดูผ่อนคลายและสงบนิ่ง นี่คงเป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาจะได้เห็นโรเรเนสในระยะใกล้เช่นนี้โดยไม่ทำให้เขาร้องไห้ไปเสียก่อน อกกระเพื่อมน้อยๆตามจังหวะลมหายใจที่คอนั่นยังมีแผลเป็นจากรอยดาบอยู่ ริมฝีปากนั้นยังคงระเรื่อเหมือนกลีบไม้ดอก แพขนตานั้นปิดสนิทเรือนผมสีม่วงอ่อนกระจายตัวน้อยๆบนหมอนนุ่ม งามสว่างสะท้อนแสงจันทร์และเห็นแล้วก็เย็นใจเป็นที่สุด

อยากจะบันทึกภาพนี้ไว้หากเป็นได้อยากให้เวลาทั้งหมดหยุดอยู่แต่เพียงเท่านี้แล้วจำไว้ให้ได้มากที่สุดทุกรายละเอียดที่คงไม่ได้มีโอกาสได้เห็นเช่นนี้อีก เหมือนดั่งกุหลาบจันทราที่งามเหลือคณาแต่กลับให้เห็นกันได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เหมือนหีบสมบัติล้ำค่าที่แม้จะกอดไว้แนบตัวก็ไม่อาจรู้ได้ว่าข้างในบรรจุอะไรด้วยกุญแจที่จะไขหีบนั้นได้หล่นหายไปเสียแล้ว ทำได้เพียงเท่านี้ เพียงแค่มอง แอบมองอย่างไร้ตัวตน อย่าตื่นเลยอย่าตื่นขอเวลาอีกซักหน่อยเถิด ขอเวลา....

ร่างขาวผ่องนั่นขยับตัวเล็กน้อย เขาบิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนท่านอนก่อนจะค่อยๆกระพริบตาช้าๆแล้วก็ลืมตาขึ้น

เขาลุกนั่งและมองไปรอบๆ

......ไม่มีใครอยู่ที่นั่น

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

หายไปนานแต่ไม่หายไปเลยน้าคะ ตอนนี้ชีวิตดราม่ามากๆต้องขออภัยที่ลงฟิคช้าแล้วอาจมีแบบนี้อีกในช่วงนี้ต้องขอโทษจริงๆค่ะ แต่ยังพยายามหาเวลาเขียนอยู่นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังมาอ่านกันนะคะ ขอบคุณมากๆเลย  :sad4:
 

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
รอค่าาาาาา รอครึ่งหลังนะ :mew1:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ฟารันเคยโดนเหรอถึงบอกว่ารู้อ่ะ 5555 ขำๆนรอจ้ารอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Deery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ๊าก เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด