- 2 -[Special & Rock]
“ร็อคมึงพร้อมใช่ไหม อย่าให้พลาด” ไอ้เกรย์ถาม มันกำลังขับรถพาผมไปสนามบินสุวรรณภูมิ ผมใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายจิตใจไปร่วมสัปดาห์
แม้จะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เรียกได้ว่ากลับคืนมากว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
เป็นเพราะความจริงที่ได้รู้จากพ่อ ทำให้มีความหวังขึ้นอีกครั้ง เหมือนปลดแอกผิดบาปที่ได้ทำบรรเทาลงบ้าง
ที่เหลือผมต้องขอโทษป๊อป คนที่ยกหัวใจให้ทั้งดวง ทำไมผมกับเกรย์ต้องดิ่งมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
โอกาสมีครั้งเดียวราณีมาหาผมแจ้งกำหนดการที่ป๊อปขึ้นเครื่องไปเรียนต่อต่างประเทศ เหลือไม่ถึงสองชั่วโมง
ผมรู้น้องยังมาไม่ถึงสนามบิน ผมวางแผนโดยอาศัยทีมงานและสื่อช่วยทำเรื่องนี้
ผมไม่ยอมพลาดโดยเด็ดขาด หวังว่าทุกอย่างจะสำเร็จตามที่ตั้งใจ..
“ไอ้คมพร้อมแล้วใช่ไหม” ผมถามเกรย์
“เออ..มันยืนยันส่งไลน์มา ว่าแต่มึงเตรียมตัวให้ดีอย่าพลาดเป็นอันขาด
โอกาสมีแค่ครั้งเดียว งานนี้ได้ดังทั่วประเทศอีกครั้งแน่”
“มึงแน่ใจมือกลองที่ไอ้คมการันตี จะไม่ทำงานกูล่ม” ผมห่วงเรื่องนี้เรื่องเดียว ถ้าไอ้มือกลองที่ว่าไม่ใช่ไอ้ขิง
“เออน่ามันซ้อมหนักไอ้คมคุมเอง ไม่รู้ไปสนิทกันเมื่อไหร่ พักหลังตัวติดอย่างกับตังเม
กูชักแปลกใจในความสัมพันธ์ไอ้คู่นี้ แต่ยังไม่มีโอกาสล้วงไส้ไอ้คม ลองเลียบเคียงถามมันเฉไฉบ่ายเบี่ยงมีพิรุธ
รอเสร็จธุระเรื่องมึงเสียก่อน กูไม่พลาดลากคอไอ้คมมาเค้นหมดเปลือก กูไม่เชื่อเด็ดขาดว่ามันกับไอ้ห่าขิงไม่มีอะไรในกอไผ่
ไอ้ขิงกริ๊งกร๊างโทรตามเป็นว่าเล่น เคยไหมที่ไอ้คมยอมเป็นผู้ปกครอง พานักเรียนไปมอบตัววะ
แล้วไอ้ห่าขิงดันให้ไอ้คมเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่มันนี่นะ กูงงกับแม่งจริงๆ ลำบากไอ้คมต้องพรางตัวยกใหญ่
เกรงครูกับนักเรียนแตกตื่นพอเห็นมันไปปรากฎตัวเป็นผู้ปกครองไอ้ขิง ไอ้ห่านี่ดังใช่ย่อยถึงวงจะแตกไปแล้วก็เถอะ
แต่คนก็ยังตามกรี๊ดไม่เลิก เพลงที่มันร้องดังขนาดนั้น กูถึงได้บอกว่าคู่นี้ทำให้กูอดทนอดกลั้น รอเสร็จงานมึงก่อนร็อค
กูสาวไส้ไอ้คมทุกขดเสือกมีความลับกับกู..สัส!” ผมได้แต่ฟังไอ้เกรย์สันนิษฐาน จะว่าไปก็น่าสงสัยอยู่
พักหลังไอ้คมมักปลีกตัวไปเป็นธุระให้ไอ้ขิงจนผิดสังเกต ที่ไม่เก็บมาวุ่นวายตั้งประเด็นให้รกสมอง
เพราะผมเองก็มุ่งทำภารกิจให้ลุล่วง ถึงแม้ว่าพ่อจะยืนกรานแม่ที่ให้กำเนิดเปิดทางแล้ว
แต่ผมก็ต้องเอาชนะใจป๊อปให้น้องยกโทษในสิ่งที่ผมทำเอาไว้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาสอีกเลย
กำหนดเดินทางไปเรียนญี่ปุ่นราณีเป็นคนแจ้งข่าว คงไม่ต้องบอกเธอได้ข้อมูลมาจากไหน
ผมเชื่อยังไงคุณพนมก็ไม่เต็มใจให้ผมคบกับป๊อป ถึงได้จัดแจงเป็นธุระพามันไปเรียนต่อญี่ปุ่น
ช่างเถอะในเมื่อคุณดรุณีเธอเปิดโอกาสให้ผมแล้ว ขึ้นอยู่กับป๊อปอภัยให้ผมไหม
เราสองคนจะกลับมาคบกันเหมือนเดิมหรือเปล่า มันจะยอมเป็นมือกลองให้วงไหม เรื่องนี้ผมลุ้นรอคำตอบ
ทัวร์คอนเสิร์ตที่เลื่อนออกไปก็ใกล้เข้ามาแล้ว ผมต้องการป๊อป..ต้องน้องเท่านั้นที่จะเป็นมือกลองให้วงของเรา
ถ้ามันมีใจให้ผมอยู่ต้องยอมให้โอกาสผมอีกสักครั้ง
“ถึงแล้วมึงรีบไปเตรียมตัวทีมงานรออยู่ อย่าลืมงานนี้สุดฝีมือต้องทำให้สำเร็จนะโว้ย!”
ผมพยักหน้ายิ้มให้ไอ้เกรย์แทนคำตอบรับ
“ขอบใจ..มึงกับไอ้คมคือเพื่อนที่ดีที่สุด” ผมไม่ได้พูดเอาซึ้ง แต่ซึ้งใจมันสองคนจากส่วนลึก
มันทั้งคู่ไม่มีใครทิ้งผมตอนลำบาก คอยดูแลมาโดยตลอด เพื่อนตายเห็นใจกันในยามยาก
“คิดมากน่า..ถ้ามึงอยากตอบแทนกู ให้กูควงน้องป๊อปสักวันสิ”
“เดี๋ยวกูถีบ” ผมสวนทันควัน
“โหย!!..ไม่เอาก็ได้แม่งหวงฉิบ! ยังไม่รู้เลยมันโอเคเปล่า”
ไอ้เกรย์หน้าเจื่อนหลังหลุดคำพูดแล้วสีหน้าผมคงดูแย่ มันถึงได้หน้าเสียไปทันที
“กูขอโทษวะร็อค กูแม่งปากเสียไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร กูเองยังไม่มั่นใจมันจะยกโทษให้กูไหม” พูดตามที่รู้สึก ผมพูดได้ไม่เต็มปากว่าป๊อปจะยอมอภัยให้
ถ้ายอมยกโทษแต่ไม่กลับมาคบกับผมเหมือนเดิมเท่ากับไม่สมหวังอยู่ดี กระนั้นโอกาสนี้ผมก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด
ไม่ว่าคำตอบจะยังไง ผมไม่ยอมแพ้ตราบใดที่น้องยังไม่มีใครเป็นตัวตนผมยังคงมีหวัง ครั้งนี้ไม่สำเร็จครั้งหน้าต้องทำสำเร็จ
เพียงแต่ผมขอครั้งนี้เถอะ อย่าให้มีครั้งหน้าดีที่สุด ถึงปากจะบอกไม่เป็นไร แต่ใจคงเจ็บหน้าดูถ้าคำตอบคือการปฏิเสธ
ไม่ว่าคำตอบจะออกมารูปไหน ผมก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่
“ไปกันเถอะ อย่าคิดมากเพื่อน กูเชื่อว่ามึงต้องทำให้มันใจอ่อนได้”ไอ้เกรย์พูดให้กำลังใจ
ผมยิ้มให้มัน เราทั้งคู่ตรงดิ่งไปยังจุดนัดกับทีมงาน ตลอดทางมีคนมองเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะเริ่มมีขบวนคนที่จำเราได้
แม้จะสวมแว่นกันแดดอำพรางแต่ก็ไม่รอดสาวกของ Lucky One เริ่มเกาะกลุ่มเดินตามพวกผมมาเป็นพรวน
โชคดีที่เรามาถึงทีมงานก่อนจะถูกรุม
“อย่าเพิ่งเข้ามานะครับ ยังไงทุกคนได้เก็บภาพแน่ ผมขอตัวหนุ่มๆ ของเราไปเตรียมตัวก่อน
ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะครับ” พี่สวิงทีมงานรีบนำการ์ดไปช่วยกัน ก่อนทีมเมคอัพมาพาผมกับไอ้เกรย์เข้าในกระโจมผ้า
เป็นพาติชั่นกั้นปิดมิดชิด จัดแจงแต่งตัวเมคอัพผมสองคน ไอ้คมกับไอ้ขิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แทบไม่มีเวลาทักทายพูดคุยอะไรนัก นอกจากพยักหน้า ซึ่งมันทั้งคู่นั่งงุ๋งงิ๋งคุยกันตรงมุมโต๊ะ
จับประเด็นคร่าวๆ ไอ้คมกำลังติวเข้มเรื่องเพลงที่ให้ไอ้ขิงมาเป็นมือกลองรับเชิญ ผมเพิ่งรู้ว่านอกจากเล่นกีต้าร์เป็นนักร้องนำแล้ว
ไอ้เด็กนี้ยังตีกลองได้ด้วย มันคงชอบไอ้ป๊อปมากถึงได้ทุ่มเททุ่มทุนเรียนรู้สิ่งที่ป๊อปชอบขนาดนี้
แต่ผมไม่รู้ไอ้คมไปทำอีท่าไหนเข้า มันถึงยอมสงบศึกกับผม หันมาเป็นมิตรแทนการเป็นศัตรู
เรื่องนี้มีคำตอบ รอให้เสร็จภารกิจเสียก่อนค่อยว่ากันทีหลัง
“เที่ยวบินเจแปญแอร์ไลน์ ที่จะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังกรุงโตเกียวเหลืออีก 1 ชั่วโมง
รบกวนผู้โดยสารติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบินด้วยค่ะ” ประชาสัมพันธ์สายการบินประกาศ
ทำให้รู้เที่ยวบินน้องใกล้ออกเดินทางแล้ว คาดว่าน้องคงถึงสนามบินแล้วแน่ๆ
“พร้อมกันแล้วใช่ไหม” พี่ที่คุมงานเข้ามาถามพวกผม
“พร้อมครับ..พร้อมพี่.บลาๆๆ” เราต่างพูดไล่ๆ กัน
“ถ้างั้นขึ้นเวทีเลย ด้านนอกพร้อมแล้ว” ไม่ต้องให้บอกซ้ำ พวกเราลุกจากเก้าอี้เดินออกจากพาติชั่น
ขึ้นบนเวทีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านหน้าคับคั่งไปด้วยแฟนคลับและสื่อมวลชนที่ได้รับการติดต่อมาทำข่าว
เป็นครั้งแรกที่วงผมจัดแสดงมินิคอนเสิร์ตกันสดๆ หลังจากไม่มีข่าวคราวปิดเงียบมานานให้ผู้คนตั้งคำถามคาใจกันมาตลอด
ตั้งแต่ออกซิงเกิลไต่อันดับหนึ่งจนทุกวันนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดลมบน ไปที่ไหนก็ได้ยินเปิดกันทั่ว
“มินิคอนเสิร์ตเฉพาะกิจจัดเป็นกรณีพิเศษ นักร้องนำ Lucky One โดยพี่ร็อคจะส่งบทเพลงนี้ไปให้ใครคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นคนพิเศษวง Lucky One การถ่ายทอดสดครั้งนี้แพร่ภาพเคเบิลของสายการบิน และสื่อทุกช่องเป็นเวลาสิบนาที
นับจากนี้พวกเราจะได้พบกับวงที่รอคอย...ครับผม”
“กรี๊ดๆๆ..พี่ร็อค..มองกล้องด้วยค่ะ พี่เกรย์ พี่คม พี่ขิง กรี๊ดๆๆ!!!” เสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับแออัดยัดเยียดเต็มลาน
จนไม่สามารถสัญจรได้ชั่วคราว เรียกได้ว่าแฟนคลับหนาแน่นจริงๆ
“ขอยกเวทีให้ Lucky One พบกับพวกเขาได้เลย..กรี๊ดดดๆๆๆ!!!” เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มลั่นไปทั่วบริเวณแทบยกมืออุดหู
แต่พวกผมชินจึงทนได้ แถมเป็นกำลังใจอย่างดีสำหรับพวกเราซึ่งมีอาชีพนี้
ผมส่งยิ้มบาดใจที่คิดว่ายิ้มแล้วดูดีที่สุดให้กับสาวก Lucky One เรียกเสียงกรี๊ดก่อนพูดใส่ไมค์
“เพลงนี้ผมร้องให้คนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลงนี้แล้วยกให้ผมร้อง ผมคงร้องไม่ได้เรื่อง
ถ้าหากคนที่แต่งไม่ใส่หัวใจและจิตวิญญาณความรู้สึกถ่ายทอดลงไปในเนื้อเพลง
จนทำให้ผมนำมาถ่ายทอดได้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของความรู้สึกในเนื้อเพลง
ผมรู้ว่าเขาอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารเตรียมตัวเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ผมมีบางอย่างจะบอกกับเขา
ก่อนที่จะร้องเพลงซึ่งเขาแต่ง ให้ทุกคนฟังทั้งที่ยืนอยู่หน้าเวทีและทางบ้าน หรือผู้ที่ชมการถ่ายทอดสดขณะนี้
หากใครพบเห็นเขาฝากบอกแทนผมด้วยว่า ‘ผมขอโทษกับทุกสิ่งที่ได้กระทำ กลับมาหาพี่เถอะครับป๊อป
มาเป็นมือกลองให้วงรักของเรา พี่หวังว่าป๊อปจะให้อภัยในความผิดที่พี่ทำด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
วันนี้พี่รู้แล้วพี่ผิดที่ไม่ฟังเหตุผลไม่ยอมเปิดใจ ทุกสิ่งที่พี่ฟังมาล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลโกหก
พี่แค่อยากให้ป๊อปรู้ว่าพี่รู้ตัวแล้วพี่ผิด ป๊อปได้เปลี่ยนเงาในตาให้พี่แล้ว จะทิ้งเงานี้ไว้กับพี่แบบนี้หรือครับ
ขอร้องเถอะนะ..ถ้าได้ยินเสียงพี่ช่วยฟังเพลงที่ป๊อปแต่งอย่าหนีพี่ไป
ไม่สามารถให้ใครมาเป็นเงาในตาได้อีก ยกเว้นเงาของป๊อปเท่านั้น...”
จบประโยคของผม อินโทรเพลงก็ดังขึ้น โดยคีย์บอร์ดไอ้คมรับกับเสียงกลองส่งจังหวะของไอ้ขิง
ไอ้เกรย์ตีเบสผมเกาคอร์ดกีต้าร์ ก่อนเพลงที่ผมตั้งใจร้องค่อยดังตามมา
ทุกคำออกจากใจและความรู้สึกที่ผมคิดว่าคงจะร้องไม่ได้อารมณ์แบบนี้อีกแล้ว
เพราะผมกำลังร้องไปพร้อมกับรื้นน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย หวังให้ป๊อปได้ฟัง ได้เห็นว่าผมที่จ้องเลนส์กล้อง
กำลังสื่อความหมายจากก้นบึ้งของหัวใจ ว่าไม่สามารถมีเงาในดวงตาเป็นใครอื่น
ไม่ว่าอดีตหรืออนาคต ผมได้ฝังเงาใครบางคนสลักลึกในหัวใจจนหมดแล้ว
ปล.โปรดกดฟังเพลงประกอบในช่วงนี้จะได้อารมณ์ตามไปด้วยhttp://www.youtube.com/watch?v=2BwO_CBup6IRrrrrrrr..ฉันรู้..เธอคิดถึงเขาอยู่ มองดูก็รู้เธอเหงาหัวใจ จะมีใครปวดร้าวเช่นฉัน
ที่เห็นเงาในตาเธอนั้น ไม่ใช่ฉัน..แต่เป็นเขาในอดีต
ฉันรู้..เธอคิดถึงเขาอยู่ มองดูก็รู้เธอเหงาหัวใจ จะมีใครปวดร้าวเช่นฉัน
อยากเปลี่ยนเงาในตาเธอนั้น ให้เป็นฉัน..ใช่เป็นเขาในอดีต
สิ่งที่ทำ..เพื่อเธอ ไม่เคยเรียกร้องใดเลย อยากจะเผยหัวใจ ให้เธอได้รู้สักครั้ง
ว่าใจดวงนี้มันทรมาน ซมซานปวดร้าวเกินใครจะเข้าใจฉัน
ไม่อยากเห็นภาพเธอเหงา เห็นเธอนั่งเคล้าน้ำตา เพียงปรารถนา
แค่เห็น..รอยยิ้มในแววตาเธอ ขอสักครั้งได้ไหม รอยยิ้ม..ที่หายไปนาน Rrr
(อยากเปลี่ยนเงาในตาเธอนั้น อยากเปลี่ยนเงาในตาเธอนั้น
อยากเปลี่ยนเงาในตาเธอนั้น..ให้เป็นฉัน..ใช่เป็นเขาในอดีตตตตตต...Rrrrrrr!!!!...
เสียงดนตรีเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ ก่อนจางหายจนเงียบสนิทไปในที่สุด เงียบจนไม่ได้ยินสรรพเสียงอื่นใด
นอกจากสายตาสองคู่สบกันนิ่ง ต่างไม่มีคำพูดท่ามกลางบรรยากาศซึ่งอธิบายไม่ถูก
รู้แต่ตอนนี้ผมเห็นใครคนนั้นเด่นชัดยิ่งกว่าใครในฝูงชน รอบกายเจิดจ้าจนมองไม่เห็นใครอีกนอกจาก
น้องได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนเสมอศอกเข้ากันกับยีนส์เดฟสีดำเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ป๊อปเด่นสะดุดตาเท่ากับผิวขาวมีออร่าเปล่งประกาย
ดวงตากลมดำขลับวาวรื้นด้วยหยดน้ำซึ่งไหลย้อยเป็นทางจนแก้มเนียนใสเปรอะ
ทำให้ผมที่มองจากบนเวทีไม่สามารถสะกดกลั้นความต้องการไว้ได้อีกต่อไป บรรยากาศที่ไร้ซุ่มเสียง
แต่ปฏิกิริยาคนดูกลับตอบรับด้วยดี ตรงหน้าเวทีแหวกเป็นทางกว้างให้ผมก้าวขาตรงดิ่งเข้าหาร่างบางที่ยืนนิ่งกับที่
ดวงตาของเราสบประสานไม่กะพริบเกรงว่าภาพที่เห็นจะหายวับหากเผลอกะพริบตา
ผมไปหยุดตรงหน้าน้องต่างไม่มีใครเอ่ยอะไร ค่อยล้วงกล่องแหวนซึ่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด
และมีศักดิ์เป็นแม่น้องให้ผมเป็นของขวัญพิเศษ สำหรับสวมให้คนที่ผมรัก
ซึ่งบัดนี้เขายืนตรงหน้าผมเวลานี้ ก่อนจะคุกเข่าในลักษณะชันเข่าข้าง
เงยหน้าสบดวงตาดำขลับที่วาวรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส ซึ่งจ้องการกระทำของผมไม่วางตา
โดยไม่มีการเอ่ยปากใดๆ ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายบนแก้มนวลที่ผมรู้ว่าหอมและนิ่มแค่ไหน
“พี่ขอโทษกับทุกสิ่งที่ทำให้ปวดใจ ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นอีก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านความทรมานโดยไม่มีป๊อป ทำให้พี่รู้ตัวว่าอยู่ไม่ได้ อภัยให้พี่ได้ไหมคนดี
ต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ กลับมาเป็นมือกลองให้วงรักของเรานะครับ
ยกโทษให้พี่ได้ไหมครับ ถ้ายอมยกโทษช่วยรับแหวนวงนี้ไว้ ถือเป็นของแทนใจพี่
จากนี้ไม่มีเงาใครในดวงตาพี่หลงเหลืออีกแล้ว นอกจากเงาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพี่นี้เท่านั้น”
ผมไม่รู้ผู้คนที่ร่วมเป็นสักขีพยานอยู่รอบข้าง มีอาการแบบไหน เพราะเวลานี้จุดโฟกัสของผม
มีเพียงใบหน้านวลใสที่เปื้อนคราบน้ำตาไม่ขาดสาย น้องสะอื้นจนตัวโยนแต่ไม่ยอมเปล่งเสียงร้อง
ผมพลอยลุ้นระทึกใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่าจะได้รับการอภัยหรือไม่ น้องจะรับแหวนแทนใจวงนี้ของผมหรือเปล่า
เวลาที่ผ่านไปช่างแสนอึดอัดทรมาน กดดันจนผมแทบจะหยุดเวลาเอาไว้ ดูเหมือนยาวนานมากทั้งที่ความจริงไม่ใช่
สำหรับผมซึ่งรอลุ้นคำตอบใจจดจ่อ รู้สึกไม่ต่างคนเดินทางรอนแรมในถิ่นทุรกันดาร เริ่มจะคอแห้งผาก
หัวใจที่มีความหวังแรงกล้าชักรู้สึกล้าลงเรื่อยๆ ทุกเข็มวินาทีที่เคลื่อนผ่าน เป็นการรอคอยที่ผมแทบหยุดหายใจ
“ยกโทษ..ยกโทษ..รับแหวนๆๆๆ..บลาๆๆๆ!!!” ความเงียบซึ่งไม่มีเสียงแม้แต่เข็มตกสักเล่ม
เปลี่ยนเป็นเสียงตะโกนจากหนึ่งเป็นสองสามสี่ก่อนเซ็งแซ่ดังกระหึ่มพร้อมเพรียง
บรรดามิตรรักแฟนคลับและผู้คนที่ร่วมเป็นสักขีพยานภายในบริเวณตะโกนเชียร์ให้น้องยกโทษให้ผม
พร้อมกับขอให้ป๊อปซึ่งยืนกลั้นเสียงสะอื้นสบตาผมผ่านม่านน้ำตา รับแหวนที่ผมยื่นมือรอค้างนิ่งอย่างลุ้นสุดๆ
ป๊อปพยักหน้าทำเอาผมเผลอถอนหายใจโล่งอก เมื่อได้รับคำตอบตามที่หวัง ผมไม่รอช้าค่อยเอื้อมมือไปคว้ามือน้อง
ที่ปล่อยทิ้งลงข้างลำตัวอย่างทะนุถนอม บรรจงสวมแหวนแทนใจลงบนนิ้วนางข้างซ้าย กระทำต่อหน้าสักขีพยาน
และกล้องถ่ายทอดสดของสื่อมวลชน จากนี้ไม่จำเป็นต้องปิดกั้นหลบซ่อนในความสัมพันธ์กันอีกต่อไป
ผมได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อหน้าบรรดาแฟนคลับ ร่วมถึงผู้คนที่อยู่ในบริเวณนี้และที่รับชมการถ่ายทอดทั่วประเทศ
จนถึงต่างประเทศก็คงมีอยู่เช่นกัน ผมมีคนรักเป็นผู้ชายเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
โดยที่ผมคุกเข่าขอเขายกโทษให้ และช่วยรับรักผมอยู่ในขณะนี้
ไม่ว่าสังคมจะติฉินนินทาหรือชื่นชมผมไม่สน ก่อนใช้วิธีนี้ผมได้ไตร่ตรองดีแล้ว
ถ้าหากชื่อเสียงจะดับเพราะมีคนรักเป็นผู้ชายผมยอมรับ ดีกว่ามาปกปิด แสดงให้เห็นว่าผมชัดเจนจริงจังกับน้อง
ผมรักเขาถึงกับทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เมื่อรู้ว่าเราไม่อาจรักกัน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เมื่อได้รับโอกาสพร้อมกับความจริงต่างๆ
ที่พ่อเปิดใจยอมเล่าให้ผมฟัง
ผมไม่โกรธพวกท่าน เพราะรู้และเข้าใจเหตุผลที่พ่อต้องทำแบบนี้ สาเหตุนี้ทำให้ผมกล้าที่จะประกาศ
เพื่อยืนยันให้ทุกคนรู้ว่ารักของผมครั้งนี้ ผมตัดสินใจดีแล้ว ผมรักจริงมั่นคงและจะรักจนกว่าไม่มีลมหายใจให้ได้รัก
นี่คือความชัดเจนที่อยากให้แม่ของน้อง คุณพนมและคนที่เกี่ยวข้องได้เห็นความจริงใจของผม
หลังจากนี้หนทางความรักของผมจะเป็นเช่นไร สองมือสองแขนผมจะโอบกอดน้องไว้
ไม่ปล่อยให้เผชิญอุปสรรคปัญหาโดยลำพัง นั่นคือคำปฏิญาณที่ผมให้กับตัวเอง หลังตัดสินใจคุกเข่าลงตรงหน้าน้อง
ป๊อปโผเข้ากอดผมทั้งตัว จนต้องรีบรวบกอดน้องไว้กันไม่ให้ล้มหงายหลังไปทั้งคู่ ไม่คิดว่าน้องจะโผเข้ากอดผม
ร้องไห้ตัวโยนไม่อายใคร ผมทั้งกอดทั้งลูบหัวปลอบอย่างอ่อนโยน ใจจริงอยากจูบแสดงความรักให้น้องรู้ว่าผมคิดถึงเขาแค่ไหน
แต่คงดูไม่เหมาะต่อหน้าสาธารณะชนที่ห้อมล้อมพร้อมใจปรบมือให้เรา เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
มีความสุขดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ผมเพิ่งรู้ว่าทุกคนต่างร่วมยินดีไปกับผมด้วย
ห่างออกไปไม่ถึงสิบก้าว คุณดรุณีแม่น้อง คุณพนม พ่อผมยังมีราณีกับพี่ตาล บนเวทีก็มีไอ้คม ไอ้เกรย์ ไอ้ขิง
พร้อมพี่ทีมงานที่มีส่วนช่วยผมทำเรื่องนี้จนสำเร็จ ทุกคนต่างพร้อมใจส่งยิ้มมาให้ด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“ป๊อปครับเป็นแฟนกันนะ มาเป็นมือกลองให้พี่นะครับ เราจะทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วยกัน ตามหาความฝันของป๊อป
ทำให้วงรักของเราสมบูรณ์ มอบความสุขให้คนทั้งโลกด้วยกันนะครับ” ผมกระซิบชิดริมหูน้อง
“คิด...ถึง..มาก..อึก..ฮือออ..นึก..ว่า..จะไม่..มาตามหาผมเสียอีก”
น้องร้องโฮพูดกระท่อนกระแท่น แต่ยังพอจับใจความได้
“ทำไมจะไม่ตาม หัวใจอยู่ที่ไหนพี่ต้องตามหาจนพบ สัญญาครับว่าจะไม่หนีพี่ไปอีก
พี่รับปากจะไม่ไร้เหตุผลฟังความข้างเดียวเป็นอันขาด ต่อจากนี้จะไม่ทำให้ป๊อปเสียใจ
ขอโทษที่ไม่ฟังตั้งแต่แรก ขอโทษที่ทำให้เสียใจที่เคยทำร้ายป๊อป อภัยให้พี่นะครับ”
กระซิบอ่อนโยน ไม่ลืมถ่ายทอดความรู้สึกที่อยากบอกอยากพูด..ให้น้องรับรู้ออกมาจากหัวใจ
“ฮือๆๆ..ผมให้อภัยตั้งนานแล้ว..ผมไม่เคยโกรธพี่..ผมเองก็ผิดที่ไม่พูดความจริง..
ผมก็ขอโทษที่ทำให้พี่ไม่เชื่อใจไม่ไว้ใจ จากนี้จะไม่ปิดบังอีก” ผมดึงน้องออกจากอ้อมกอด
ค่อยใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาอย่างเบามือ ส่งยิ้มให้อย่างมีความสุขในรอบสองเดือน ผมเพิ่งยิ้มกว้างเป็นครั้งแรก
รอบกายใช้หางตาสำรวจหลายคนร้องไห้ตามป๊อป บางคนยิ้มทั้งน้ำตา พวกเขาคงรู้สึกซาบซึ้งไปกับเรา
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ ขอบคุณที่ไม่มีใครประนามแสดงสีหน้ารังเกียจ ตรงข้ามพวกเขาพร้อมใจปรบมือให้เรา
ทำให้รู้ว่า..ความรักสวยงามชนะใจคนได้เสมอ ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นรักที่แตกต่างสังคม สุดท้ายความรักก็แสดงให้ทุกคนเห็น
ว่ารักแท้ยิ่งใหญ่เป็นนิรันดร์ ย่อมฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาไปได้ ขอแค่เราพร้อมแสดงให้รู้ว่า..เรารักจริงก็พอแล้ว
“ตกลงไม่หนีพี่ไปญี่ปุ่นแล้วใช่ไหม” ผมกลัวน้องต้องไปเรียนต่อ
“ครับ..คงต้องหยุดเรียนสักปี” น้องเปรย เราอยู่กันลำพังภายในรถที่ผมขับกินลมชมวิว
ตั้งใจพาน้องมาพักผ่อนหัวหิน จองห้องพักแล้วซึ่งคนที่ช่วยเป็นธุระให้คือพี่ตาลเองครับ
“ทำไมต้องหยุด สอบเทียบเอาก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน คงต้องใช้วิธีนี้” น้องหันมายิ้มให้ สรรพนามระหว่างเราเปลี่ยนแปลงไป
ผมไม่ใช้มึงกูทำให้ดูอบอุ่นอ่อนโยนโดยปริยาย
ก่อนหน้าไม่ใช่ผมไม่รัก แต่ไม่รู้ว่ารักมากจนขาดไม่ได้ การกระทำหรือการแสดงออกยังมีทิฐิ
จึงละเลยสิ่งเหล่านี้ไม่คิดสนใจ แต่พอผ่านอะไรมาทำให้รู้ว่าทุกวินาทีที่เราใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก
มีคุณค่าควรหวงแหนรักษาเอาไว้ให้มากที่สุด เพราะแบบนี้สรรพนามที่ไม่เคยเห็นความสำคัญ
จึงกลายเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง ผมชอบที่จะเรียกป๊อปว่าน้อง เพราะนอกจากเป็นแฟนเป็นคนรักแล้ว
ป๊อปยังเป็นน้องของผมไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะป๊อปคือลูกของผู้หญิงที่ให้กำเนิดผมมา
ไม่ใช่น้องแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร เพียงแต่น้องคนนี้เป็นคนพิเศษ ซึ่งเขาจะมีพี่ชายคือผมคนเดียว
“เรื่องเรียนไว้ค่อยจัดการ จากนี้คงต้องซ้อมวงทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว เลื่อนเขามาสองเดือน ถึงเวลาต้องรับผิดชอบเสียที”
“ผมคิดว่าพี่จะไม่ต้องการผมเสียอีก” น้องตัดพ้อ
“พี่ขอโทษที่ทำให้เข้าใจแบบนั้น เรื่องเก่าเราจะไม่พูดถึง นับจากนี้ขอให้รู้ไว้
ไม่มีใครเป็นมือกลองให้พี่ดีเท่าป๊อป” ผมยิ้มหลังบอกให้น้องรับรู้ สร้างความมั่นใจให้ป๊อปอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ ผมสัญญาจะไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวัง”
“ขอถามเรื่อง หายไปไม่คิดติดต่อ ป๊อปไม่คิดถึงพี่เลยหรือ คิดจะเลิกกันจริงหรือครับ” อยากรู้มาก
“ผมไม่กล้าติดต่อ ไม่ใช่ไม่คิดถึง..คิดถึงมาก แต่ให้ทำยังไงผมเป็นคนหนีออกมา
ทางพี่ก็เงียบไม่มีข่าวคราว เพลงที่ทำโปรโมทออกสื่อพวกพี่ยังไม่มีข่าวอะไรเลย ผมคอยติดตามแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่ม
คิดว่าพวกพี่คงยุ่งเตรียมวงใหม่ หลังจากผมหนีออกมาคงหาคนมาแทนผม ซ้อมวงอยู่แน่ๆ
อาพนมเสนอให้ไปเรียนญี่ปุ่นก็เลยไม่ปฏิเสธ บางที่การไปที่นั่นผมอาจลืมคนใจร้ายได้” น้องมีประชดแกมตัดพ้อนิดๆ
เราต่างไม่รู้ความเคลื่อนไหวกัน ถ้าน้องรู้ว่าผมไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด แต่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจะรู้สึกยังไง
ผมไม่คิดจะเล่าให้ฟัง ไม่อยากให้วินาทีนี้เห็นความเศร้าในแววตาน้อง
“พี่ออกตามหาครับ แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน คนที่เอาตัวไปซ่อนเขาเก่งจนพี่หมดปัญญา
ถ้าไม่เพราะราณีช่วยล่ะก็ วันนี้คงไม่รู้ป๊อปจะไปญี่ปุ่น เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้พี่ได้บทเรียน
จากนี้เราจะคุยกันให้มากขึ้นเชื่อใจกันให้มากขึ้น พี่ให้สัญญาครับ” ผมย้ำให้น้องมั่นใจ
“ครับ..ผมเองก็จะไม่โกหกไม่ปิดบังพี่อีก มีอะไรก็จะปรึกษาก่อน” ผมยิ้มให้คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อกัน
ก่อนเลี้ยวรถเข้ายังรีสอร์ทซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูง จะเรียกว่าหลบมาฮันนีมูนก็ไม่ผิด
แต่กว่าจะพามาได้ก็ต้องอ้อนวอนขอร้องคุณดรุณีกับคุณพนมจอมหวง ถ้าไม่ได้ราณีกับพ่อช่วยขอ
คงอยากจะพาหัวใจมาพักผ่อนเติมพลังให้ชีวิต หลังผ่านวิกฤตหวุดหวิด
“พี่ร็อค..”
“ครับ” จู่ๆ น้องก็เรียกชื่อ
“ที่พูดบนเวที ว่าในตาพี่มีแต่เงาผม เป็นความจริงหืม”
“หึหึ! พี่ไม่กล้าพูดโกหกออกสื่อหรอก สบายใจได้ไม่เหลือเงาของใครในตาพี่แล้ว
น้องจากคนที่อยู่ตรงหน้า” ผมย้ำหนัก ไม่ใช่ต้องการเอาใจ แต่มันเป็นเรื่องจริง หางตาผมไม่คิดจะแลใครอีกเลย
“ขอบคุณครับ ในตาผม..มีเงาพี่ตั้งแต่เด็กแล้ว” ผมยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่
นี่คือคำสารภาพว่าหลงรักผมตั้งแต่เด็ก..ฮะฮ่าๆๆ
“ใจแตกแต่เด็กเลยนะ” ยีหัวกับเส้นผมนุ่มอย่างเอ็นดู
“เปล่าใจแตก แค่ไม่อาจละสายตาได้ ใครใช้ให้เท่ร้องเพลงเพราะ
เล่นกีต้าร์เก่งเล่า ผมคนเดียวซะที่ไหน ที่มีเงาของพี่อยู่ในใจ”
“คนอื่นปลื้มไม่ทำให้พี่มีความสุขเท่าคนๆ เดียว คงไม่ต้องให้พี่ย้ำว่าใครคือคนนั้น..ถ้าอยากรู้เดี๋ยวคุยต่อในห้อง
นอกจากคำพูดแสดงให้ดูด้วยการกระทำดีสุด..ว่าไหม?” คำพูดผมเรียกเลือดวิ่งขึ้นหน้านวลในทันที
“หื่นเชียว” น้องค้อนผมขวับ ด้วยอาการหน้าแดงแปร๊ด
“ใครใช้มาทำให้รัก ไม่หื่นคนที่เรารักคงแปลกพิลึก พี่อยู่ของพี่ดีๆ
ดันมีคนพเนจรมาทำให้รัก จนหลงหัวปักหัวปำนี่ครับ” ผมย้อน
“โด่..ทีแรกทำเหมือนไม่ชอบหน้าผม” น้องประชด
“ไม่ใช่ไม่ชอบ แค่ไม่อยากให้รู้ว่าชอบ เลยทำท่าทางแบบนั้น”
“เห็นผมปุ๊บ..ก็หลงปั๊บดิ” ป๊อปทำปากยื่นได้หน้ายิกมาก
“เหมือนใครไม่รู้แอบรักพี่ตั้งแต่เด็ก อ่อยถึงที่ปล่อยให้รอดมือหืม ใส่พานให้จัดเลยดีกว่า”
ไม่รอช้าผมยกร่างบางอุ้มเข้าห้อง เสียงหัวเราะเสียงโวยวายตามมา
ก่อนเงียบหายเมื่อประตูปิดกลายเป็นเสียงความสุขดังขึ้นมาแทน..????
จบ..อวสาน
เรื่องนี้ได้จบลงแล้วนะคะ
ส่วนตอนพิเศษและการดำเนินเรื่องในส่วนอื่น
ติดตามได้ในหนังสือนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กันด้วยดีตลอดมา
คอยพบกับเรื่องใหม่ แนวคอมมานดี้เฮฮา แสบก๋ากั๋น ในผลงานที่ไม่ควรพลาด
'เสน่ห์นางโชว์' ปลายเดือนนี้ค่ะ
ปล.สนใจหนังสือสำหรับเรื่องนี้ ดูรายละเอียดโอนจองที่หน้าแรก ในส่วน Intro ได้เลยค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ