- 2 -“ไปไหน..กูไปส่ง” ขอตามไปอีก งานนี้ไม่ได้ขืนให้รู้ผมไปเจอไอ้ขิงมีหวังพังกันเป็นแถบ
“ผมจะกลับไปเอาของที่บ้าน ไปแป๊บเดี๋ยว” อ้อนพร้อมส่งสายตาปริบๆ หวังให้พี่เขายอมตามที่ขอ
“ไปบ้าน..กูไปส่ง” ยังรั้นได้อีก
“แต่ผมไม่สะดวกที่บ้านมีคนอยู่ ผมไม่อยากให้ครึกโครมถ้าพี่ไปส่งรับรองโกลาหล บังเอิญคนที่บ้านผมแฟนคลับพี่ตรึม”
อ้างไปเรื่อยเปื่อย ที่จริงคนรับใช้บ้านผมรู้จักพี่ร็อค ไม่แตกตื่นหรอกถ้าผมพาพี่เขาไปเสียเอง
สำคัญคือผมไม่ได้ไปบ้าน ไม่สามารถให้พี่เขาไปส่งผมเด็ดขาด
“เฮ้อ! ที่บ้านมึงไม่รู้หืม มึงอยู่วงกู” พี่เขาถอนหายใจ แต่ยอมถอย ลองพูดมาแบบนี้ล่ะก็
“ผมยังไม่ได้บอกใคร ว่าเป็นสมาชิกวงดัง” โกหกใหญ่แล้วป๊อป
“หนนี้กูยอม ครั้งหน้าไม่ได้..ป๊อป” โห! ขู่ซะน่ากลัว
“ครับผมรับปากจะบอกพวกเขา คราวหน้าพี่ค่อยไปส่งตกลงไหม” ไหลตามน้ำทันที
“อืม..รีบกลับห้ามเกินสี่ทุ่ม ไม่งั้นกูโทรตาม” ย้ำจริงเชียว
“ครับๆ..ไม่เกินสี่ทุ่ม” หงอขนาดนี้เชียวกู
“มึงรับปากแล้ว มาต่ออีกรอบเถอะ” หื่นว่ะ!
“โอ้ย!!..ไม่ไหวพี่ ผมต้องรีบเตรียมตัว ขืนโดนอีกคราวนี้คนที่บ้านไม่สงสัยเรื่องอื่นหรอก
คงพากันถามผมไปทำอะไรมา ถึงได้เดินขาถ่างล่ะ” เรื่องจริงตอนนี้ยังรู้สึกโหวงๆ เหมือนหุบขาไม่ลงแปลกๆ
“หึหึ!..มึงก็บอกเขาไปตรงๆ โดนผัวเอา” หน้าถีบชะมัด
“ใครกล้าพูด ไม่ได้ด้านนิ” ถลึงตาใส่คนหน้ามึนนั่งขำอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก ดีที่เปลี่ยนโหมดอารมณ์
อย่างน้อยผมไม่ต้องระแวงในเรื่องที่กำลังจะไปทำ..ค่อยรู้สึกโล่งใจได้หน่อย
>
>
“รอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ไปตามให้ค่ะ” พี่ทีมงานที่ไปรับผมพามานั่งรอในห้อง ได้แต่ยิ้มขอบคุณพี่เขา
ส่งไลน์บอกไอ้แต๊กไม่นานพี่เขาก็แสดงตัวพาผมเข้าสถานี ตรงมายังห้องนี้ ออกจากเซฟเฮ้าส์เกือบทุ่ม
มาถึงเหลือยี่สิบนาทีสองทุ่มถึงก่อนเวลานัด จะได้พูดกับพวกมันนานอีกหน่อย รอไม่ถึงอึดใจก็เจอเพื่อนสนิท
นำขบวนโดยไอ้ขิง ที่ต้องประหลาดใจคือคนรั้งท้าย ‘พี่เต้’ ก็ตามมานี่สิ เหนือความคาดหมายพอสมควร
“ไงมึง” ไอ้ขิงมาถึงสวมกอดผมจำต้องกอดตอบ ทำให้รู้หายโกรธผมแล้วสิท่า แต่ไม่ลืมสวมกอดไอ้แต๊กไอ้นินด้วยเช่นกัน
ยกเว้นพี่เต้ผมยกมือไหว้พี่เขารับไหว้ตามมารยาท ก่อนพวกเราจะนั่งลงคุยกัน
“กูดีใจกับพวกมึงด้วย” อย่างแรกแสดงความยินดีในความสำเร็จของเพื่อน ที่พวกมันก้าวมายืนตรงนี้ได้ตามฝัน
“กุนซือดี ได้พี่เต้เป็นหัวหน้าวงทำให้พบความสำเร็จเร็วกว่าที่คิด” ไอ้ขิงหันไปอวยซึ่งหน้า พี่เขาอมยิ้มเล็กน้อย
ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ผมจึงต้องหันไปค้อมหัวแทนคำชื่นชมอีกคน สัมผัสถึงรังสีกดดันอย่างบอกไม่ถูก
“มึงแค่มายินดีให้พวกกู ถึงกับถ่อสังขารขอมาให้ได้” ไอ้แต๊กช่วยผมได้มากทีเดียว ชิงเปิดประเด็นให้มีช่องพูด
“แค่ส่วนหนึ่ง ความจริงกูมีเรื่องถาม สะดวกคุยส่วนตัวได้ไหมขิง”
ผมไม่ต้องการให้พี่เต้อยู่ด้วย ยังไงเรื่องนี้ผมกับเพื่อนควรเคลียร์กันเอง
“คนกันเองทั้งนั้น” ไอ้ห่าขิงปกติไม่เคยปฏิเสธ ทำไมคราวนี้เสือกไม่เล่นตามกูเล่าโว้ย!
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเรา” บอกไปตรงๆ
“เรื่องของกูกับมึง” มันชี้นิ้วเข้าหาตัว ก่อนวกกลับมาชี้ที่ผม
“อืม” ผมพยักหน้ารับ
“ถ้างั้นพวกกูไม่เกี่ยว” ไอ้แต๊กหน้าหงิก ผมรีบรั้งมันไว้ทั้งคู่
“พวกมึงต้องอยู่ เป็นเรื่องพวกเรา” แก้ความเข้าใจใหม่ มันสองคนสมควรอยู่รับรู้ไม่งั้นขาดพยาน
อย่างน้อยผมต้องการรู้ไอ้แต๊กไอ้นินมันทั้งคู่มีส่วนในเรื่องนี้ไหม
“พี่ควรไป” คราวนี้พี่เต้ออกตัว ผมหน้าเจื่อนที่เสียมารยาทเหมือนจะไล่พี่เขาทางอ้อม แต่มันจำเป็นเรื่องนี้ให้พี่เขาอยู่ด้วยไม่ได้
“ขอโทษครับที่เสียมารยาท ผมมีเรื่องสำคัญขอเคลียร์กับเพื่อน” พยายามทำความเข้าใจกับพี่เต้ จะได้ไม่แคลงใจกับผม
“พี่แค่อยากรู้จักมือกลองไม่มีอะไรหรอก อยากเจอตัวจริงหน้าตาแบบไหนถึงแทนพี่ได้
ปกติไอ้ร็อคเพื่อนสนิทพี่ยอมรับคนยาก พี่ไปล่ะครับ” พี่เขาลุกยืนเหลือบหางตากระตุกยิ้มมุมปากให้
คนอื่นอาจรู้สึกเป็นปกติดี แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนประกาศสงคราม ผมไปเป็นศัตรูพี่เขาตอนไหนกันวะ
ทำไมดูไม่ชอบหน้าผม โดยเฉพาะเน้นคำว่าเพื่อนสนิทเป็นพิเศษ ผมรู้พี่เขารู้สึกยังไงกับพี่ร็อค
แต่ก็มั่นใจพี่ร็อคไม่โกหกเช่นกัน ดังนั้นพี่เต้ไม่สามารถมีอิทธิพลสร้างสถานการณ์กดดันผมได้
“มึงมีอะไร” ไอ้ขิงมันถาม คล้อยหลังพี่เต้มันพูดก่อน
“มึงเอาเพลงพี่ร็อคมาออกซิงเกิล” ไอ้แต๊กไอ้นินหน้าเหวอไปแล้ว
“เฮ้ย! พูดเรื่องอะไรป๊อป” มันสองคนประสานเสียง ท่าทางแบบนี้ เพื่อนผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยแน่
“พวกมึงฟังไม่ผิด กูกำลังบอกไอ้ขิงขโมยเพลงพี่ร็อค ซึ่งกูให้มันฟังเป็นคนแรก มันชิงตัดหน้าออกอัลบั้มจดลิขสิทธิ์”
ผมย้ำ ทำให้ไอ้แต๊กไอ้นิน หันไปจ้องไอ้ขิงตาเบิกค้างเรียบร้อย
“ไหนพี่เต้บอกพี่เขาเป็นคนแต่ง” ไอ้นินถามทำให้ผมประหลาดใจ พี่เต้บอกพวกมันว่าเขาเป็นคนแต่งอย่างนั้นหรือ
“ไม่ใช่พี่ร็อคแต่ง กูเปิดให้ไอ้ขิงมันฟัง เป็นกูที่เสริมท่อนฮุกให้พี่เขากับมือกูเอง วันที่เจอพวกมึงในห้างมึงยังขอกูฟังเลย
แต่กูบอกรอวันหลังจำได้ไหมวะแต๊ก” ย้ำไอ้แต๊กไอ้นิน เพื่อชี้ให้เห็นว่าเพลงที่พูดถึงพี่ร็อคแต่ง
“มึงเชื่อไอ้ร็อคแต่ง พวกกูก็เชื่อว่าพี่เต้แต่ง กูเอาท่อนฮุกมาใส่เพิ่มให้พี่เต้ทำเดโมดนตรี
กูยอมรับกูเอาส่วนนี้มา แต่กูไม่ได้เอาของไอ้ร็อคมันนี่ มึงยอมรับแหม่บๆ มึงเติมเนื้อเพลงให้มัน
กูเอาของมึงไม่ใช่ของไอ้ร็อคผิดตรงไหนวะป๊อป” ไอ้ขิงกลับย้อนหน้านิ่ง
สรรพนามใช้เรียกพี่ร็อคสิ้นความเคารพนับถืออย่างไม่ต้องสงสัย มันไม่ได้เทิดทูนพี่เขาอย่างเคย
สาเหตุคงไม่ต้องบอกเป็นเพราะอะไร ต้นเหตุไม่พ้นผม..
“ถึงกูแต่งเนื้อให้พี่เขา แต่เพลงทั้งหมดเป็นของพี่ร็อค” เถียงคอตั้งเลยครับ ทำไมถึงพากันยืนกรานว่าพี่เต้เป็นคนแต่งเล่า
“มึงเข้าข้างมันไม่ลืมหูลืมตา พี่เต้ออกจากวงเพราะโดนหักหลังไง พี่เต้แต่งตั้งหลายเพลง
แต่ไอ้ร็อคเอาเพลงพี่เขาไปอ้างเป็นฝีมือมัน มึงไม่ได้รู้จักมันดีพอนะป๊อป เนื้อเพลงพี่เต้เอาให้พวกกูดูตั้งแต่วันเซ็นสัญญา
กูยังไม่เคยฟังเพลงจากมึงด้วยซ้ำป๊อป พี่เขาจะทำซิงเกิลกับพวกกู ให้กูรับปากจะไม่แพร่งพรายที่พี่เขาแยกมาตั้งวงใหม่
กูกับพวกไอ้แต๊กจึงไม่ได้บอกมึง โจทย์เก่าพี่เขาคือวงที่มึงเพิ่งเป็นสมาชิก กูฟังมึงเปิดเดโมเลยอัดไว้ให้พี่เต้
เราจึงตัดสินใจใช้ท่อนฮุกมาใส่เพลง แต่ทำแนวดนตรีใหม่ ไม่ถือว่าพวกกูขโมยเพลงหรอกป๊อป
มึงสิที่ต้องกลับไปถามไอ้ร็อค มันจะกล้ายอมรับไหมว่ามันต่างหากที่ขโมยผลงานพี่เต้ไป ไม่เชื่อถามไอ้แต๊กไอ้นินดูสิวะ”
ผมอึ้งตาเหลือกนี่มันความจริงอะไร สรุปพี่เต้หรือพี่ร็อคขโมยเพลง ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว พวกไอ้ขิง ไอ้แต๊ก ไอ้นิน
จากที่สังเกตุแววตา ผมไม่เห็นพิรุธแม้แต่น้อยว่ามันโกหก ถ้าไอ้ขิงพูดเป็นความจริง มันเห็นเนื้อเพลงจากพี่เต้ก่อนฟังเดโม
แสดงว่าพี่เต้มีเพลงนี้อยู่ในมือมาก่อนแล้ว
“เรื่องจริงหรือวะพวกมึง” ผมหันไปถามไอ้แต๊ก ไอ้นิน
“จริง..ไอ้ขิงไม่ได้โกหก พวกกูได้ดูเพลงตั้งแต่วันเซ็นสัญญา”
“พวกมึงรู้ว่าจะร่วมวงกับพี่เต้งั้นสิ” ผมย้ำไปอีกเรื่อง
“พี่เขาเป็นคนเสนอกับทางค่าย ให้ดึงพวกกูมาเซ็นสัญญาเองนิ” เป็นไอ้แต๊กที่ชิงบอกกับผม
“สาเหตุที่พี่เขาออกจากวงพวกมึงรู้กันไหม” ผมต้องการข้อมูล
“เขาบอกอยู่ไม่ได้โดนผู้บริหารบีบให้ออก รายละเอียดพวกกูไม่รู้ข้อเท็จจริงกันหรอก แต่พี่เขาก็คือหนึ่งในไอดอล
ได้ร่วมงานด้วยแถมออกอัลบั้มทำไมต้องถามวุ่นวายด้วยวะ” ไอ้นินพูดบ้าง ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกมัน
ข้อบาดหมางภายในวงพี่เขาไม่ใช่ปัญหาเพื่อนผม ถ้าพวกมันตั้งวงโดยพี่เต้เป็นหัวหน้าได้มืออาชีพระดับนี้เป็นกุนซือ
มีหรือที่จะปฏิเสธไต่ถามให้มากความ ในเมื่อความฝันของทุกคนคือได้ออกอัลบั้ม ได้ทำในสิ่งที่ชอบ
มาวันนี้พวกมันก็ทำสำเร็จกลายเป็นที่รู้จัก ผมจะป้ายความผิดให้ก็ไม่ถูก..
“พวกมึงแน่ใจพี่เต้ยืนยันเป็นคนแต่ง” ผมต้องการยืนยันอีกครั้ง
“ใช่ๆ!” ตอบพร้อมกันแทบไม่เสียเวลาคิด ประเด็นอยู่ที่ว่าพี่เต้หรือพี่ร็อคใครต่างหากที่กำลังโกหก
“หมดคำถาม กูไม่ติดใจเรื่องไอ้ขิงฟังเดโมกูอีก” ผมบอกตามที่คิด ถ้าเรื่องนี่พี่เต้เป็นคนเริ่ม
ไอ้ขิงไม่มีส่วนผิด ผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดไปด้วยที่เปิดเดโมให้เพื่อนฟังจนกลายเป็นแบบนี้
“ป๊อป!ไอ้ร็อคมันสารเลว มึงอย่าไปหลงเชื่อ กูบอกแล้วกูเอามึงคืน วันนี้กูยืนตรงจุดนี้
จะทำให้มึงเห็นกูมีดีไม่แพ้มัน ในวันที่กูพบความสำเร็จ..มึงต้องมาอยู่ข้างกูนะป๊อป” ไอ้ขิงมันพูดบ้าไร
“มึงเป็นบ้าไรขิง” ผมตวาดอย่างหัวเสีย
“มันรักมึงมาตั้งนานป๊อป มึงเสือกอึนไม่รู้เรื่อง ตอนนี้มันไม่คิดเก็บความรู้สึกเอาไว้อีก
หลังรู้มึงไปอยู่วงใหม่แล้วเกิดอะไรขึ้น” ไอ้นินชิงพูด
“มึงคิดแบบนั้นหรือขิง คิดกับกูจริงหรือ” ผมหันไปจ้องหน้ามันเพื่อขอคำยืนยัน
อยากฟังจากปากมันชัดๆ ว่ามันชอบผมจริงหรือ
“กูแอบชอบมึงตั้งแต่ม.1 กันทุกคนที่เข้าหา คิดว่ากูร้องเพลงทำไม ตั้งวงเพื่อใครถ้าไม่เพราะมึง
กูเห็นมึงชอบกูจึงตัดสินใจตั้งวงทำสิ่งที่มึงชอบ มึงคลั่งไอ้ร็อคมาก กูจะทำให้มึงเห็นว่ากูก็ทำได้ไม่ต่างกับมันป๊อป” อึ้ง!
“กูไม่คิดว่ามึงรู้สึกแบบนี้” ผมครางเสียงแผ่ว น้ำเสียงแววตามันยืนยันชัดว่ามันพูดจริง ไม่มีใครล้อผมเล่นแน่
ตลอดมาผมไม่รู้เลยสักนิดว่าไอ้ขิงมันคิดกับผมแบบนี้ ผมกลับเข้าใจว่ามันรักผมแบบเพื่อนสนิท เพราะผมรักมันแบบนั้น
มันคือเพื่อนพิเศษสุดของผมที่เคยมี สิ่งที่มันพูดเป็นเรื่องที่ผมปฏิเสธไม่ได้ และไม่เคยรู้มาก่อนจนถึงวันนี้
“แต่กูไม่ได้คิดกับมึงขอโทษนะขิง กูไม่ได้รักมึงแบบนั้น” บอกมันไปตรงๆ ด้วยน้ำเสียงแทบหมดแรง
พี่ร็อคพูดไม่ผิดที่ย้ำผมไอ้ขิงมันชอบผม ผมมั่นใจต่อให้ไม่มีพี่ร็อค ก็คงรักมันในแบบที่มันต้องการไม่ได้
“มึงรักมัน..” เสียงมันโหยแหบ ตาแดงก่ำหลังฟังผมปฏิเสธตรงๆ ผมเลือกไม่ตอบ ให้มันเข้าใจเอาเอง
“มึงไม่พูด ถือว่ามึงยอมรับมึงรักมัน กูไม่ยอมแพ้แน่ ในเมื่อมึงรักมันซึ่งเป็นผู้ชายได้ กูก็ต้องทำให้มึงรักได้เช่นกัน
กูรู้จักมึงดีกว่ามันนานกว่าที่มันใช้เวลาใกล้ชิดมึงอีก มึงก็แค่สับสนหลงรูปมันป๊อป กูไม่ได้ขี้เหร่ถึงขั้นเทียบมันไม่ติด
ชื่อเสียงกูกำลังมาอาจแซงหน้ามันด้วยซ้ำ กูต้องได้ใจมึงมาแน่ป๊อป ช่วงนี้กูยอมให้มันเอามึงไปครอง
แต่กูสัญญามึงต้องมาเป็นของกู” ไอ้ขิงพูดจบ มันผุดลุกกำหมัดแน่นก่อนหันหลังออกไป ไม่เหลียวมองผมด้วยซ้ำ
ผมเสียอีกจุกแน่นพูดไม่ออก เสียใจและสงสารมันมากกว่า มันคงรู้สึกผิดหวังที่ผมไม่สามารถตอบรับความรู้สึกมันได้
แต่ผมก็ทึ่งที่มันไม่ยักยอมแพ้รามือ กลับย้ำจะทำให้ผมรักให้ได้ ซ้ำยังกล้าสัญญาจะทำให้ผมไปเป็นของมันอีก
มันเอาความมั่นใจมาจากตรงไหนของมันวะ!
“มันรักมึงมากกูกับไอ้นินรู้ดี มีแต่มึงเท่านั้นที่ไม่รู้” ไอ้แต๊กบีบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ
พวกมันคงดูออกผมไม่ได้รู้สึกดีหลังรู้ความจริงในวันนี้ จากที่พยายามปฏิเสธไม่เก็บมาคิดให้วุ่นวายใจ ในที่สุดวันนี้ก็เลี่ยงไม่ได้
“พวกกูต้องเตรียมอัดรายการ มึงกลับเองได้ไหม” ไอ้นินเป็นห่วง
“อืม..ไม่ต้องห่วงกูกลับได้ ฝากพวกมึงดูมันด้วย จะอัดรายการได้ไหมวะนิน” ผมห่วงความรู้สึกของไอ้ขิงมากกว่า
“ไม่ต้องห่วงมันมีเมีย ยังไงคงไม่พ้นมืออาชีพเขาบิ้วอารมณ์ได้แน่” ไอ้นินหลุดปากโพล่งออกมาทื่อๆ
“ไอ้นิน..มึงอยากโดนไอ้ขิงกระทืบม้ามแตกหืม” ไอ้แต๊กรีบตะคอกห้ามเสียงหลง
เมียอะไรของมัน ใครเมียไอ้ขิงผมงงไปหมด
“มึงอย่าปิดไอ้ขิงมีเมีย มึงจะปิดกูทำไม กูไม่โกรธเลยดีเสียอีกมันจะได้ลืมกูไป”
ผมหันไปขอความจริงจากไอ้แต๊ก ซึ่งนั่งอ้ำอึ้งอึกอักอยู่นั่น
“มาถึงขั้นนี้บอกไปเถอะ มันจะได้หมดห่วง” ไอ้นินยุไอ้แต๊กปริปาก
“กูไม่รู้หลังวันที่มึงนัดเจอพวกกูครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น วันถัดมามันก็เมาหัวราน้ำอย่างคนบ้า
เผลอได้เสียกับพี่เต้ที่ไม่รู้ไปปลอบกันท่าไหน พวกกูถึงรู้พี่เต้เป็นเกย์ แต่ไอ้ขิงยืนยันมันเป็นผัวพี่เขา
หุ่นแม่งน่าเชื่อฉิบ!!เป็นเมียไอ้ขิง แต่เรื่องนี้พวกกูก็ต้องเชื่อเพื่อน พักหลังพี่เต้แหละที่คอยดูแลเอาใจมันเป็นพิเศษ
กูเริ่มมั่นใจไอ้ขิงเป็นผัวพี่เค้า คาดว่าเดี๋ยวคงปลอบมันตามเคย มึงไม่ต้องกังวลไป
ที่กูพูดได้เต็มปากมันรักมึงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่มันรักก็คือมึงป๊อป พี่เต้กูคิดว่าพี่เขาคงมีใครในใจ
ที่มาร่วมหัวจมท้ายกับไอ้ขิงคงเป็นประเภท พวกอกหักมารักกันชั่วคราวมากกว่า” ไอ้แต๊กสรุปเรื่องราวให้ฟัง
ผมรู้คนที่พี่เต้รักคือใคร แต่ไม่คิดปากโป้งบอกพวกมันหรอก ส่วนไอ้ขิงคลายกังวลไปได้มาก
ถ้าพี่เต้จะปลอบทำให้มันเป็นมืออาชีพก็คงไม่จำเป็นต้องห่วงอีก
“พวกมึงไปสิ..กูจะกลับเหมือนกัน” ตัดบทค่อยลุกยืน เราสามคนกอดลากันอีกครั้ง แล้วพากันเดินออกจากห้อง
โดยพวกมันโบกมือว่งผมที่ต้องแยกไปอีกทาง ผมหันหลังกลับเตรียมไปลงลิฟต์ออกจากที่นี่
“เดี๋ยว!” เสียงห้าวติดกระด้างเรียกไว้ ก่อนจะทันได้เข้าลิฟต์
“พี่เต้” มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมคงเหม่อจนไม่รู้ตัว
“คุยก่อนสิ” มีอะไรจะคุยกับผม ท่าทางไม่ได้ชอบหน้าผมเลยนี่นะ
หรือเป็นเพราะพี่เขารู้เรื่องไอ้ขิง ว่ามันรู้สึกยังไงกับผมเลยพาลหึงผมเข้า
“ครับ” ไม่ปฏิเสธ ถ้าพี่เขาจะคุยด้วย
“ไม่รบกวนนานหรอก” อ่านะ..
“ครับ” ไม่รู้จะพูดอะไร ผมไม่ใช่คนเริ่มประเด็นเสียหน่อย
“มาเรื่องเพลงสิท่า” เข้าเรื่องเลยเว้ย!
“ถามได้ไหมครับ” ผมกลับไม่ตอบ เลือกที่จะย้อนถามพี่เขากลับ
“ว่ามาดู” พี่เขานิ่งจ้องผมไม่วางตา
“พี่แต่งเพลงผู้ชายปากหนักจริงหรือ” ผมลอบสำรวจสีหน้าแววตาพี่เขาไปด้วย
มีไหววูบก่อนเป็นปกติ แสดงพิรุธว่าพี่เขาโกหกพวกไอ้ขิงชัวร์
“ไม่สำคัญว่าใครแต่ง รู้แล้วเราจะทำอะไรได้” กวนส้นชะมัด
“ผมคงทำอะไรไม่ได้ พี่ร็อคกับบริษัทยังทำอะไรไม่ได้เลย ผมแค่ต้องการรู้ความจริง
พี่อาจหลอกเพื่อนผมได้ แต่หลอกผมไม่ได้หรอกครับ เพลงนี้พี่ร็อคแต่ง พี่แค่ฉวยโอกาสเอามา
เพื่อจะได้เปิดวงใหม่ ผมไม่เข้าใจ พี่มีปัญหาอะไรกับวง ถึงได้หายตัวออกมาไม่ติดต่อไม่ชี้แจงให้เพื่อนเข้าใจ
พวกเขาต่างเป็นห่วงพี่ แต่ดูพี่สิกลับทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างไม่ละอายใจ”
เผลอผรุสวาทด่าอย่างไม่คิดจะทำมาก่อน พอหลุดก็ไหลเป็นน้ำพุ มันแค้นใจแทนพวกพี่ร็อค
พี่เกรย์ พี่คมที่โดนเพื่อนหักหลัง แค้นแทนเพื่อนผมด้วยที่โดนคนที่พวกมันให้ความเคารพศรัทธา สร้างภาพหลอกลวงซะนี่
“หึ! ปากดีแบบนี้สิไอ้ร็อคมันถึงยอมรับ เรื่องบางเรื่องไม่โดนตัวไม่มีใครรู้หรอก
คนเรามีเหตุผลต่างกัน ที่เรียกคุยเพื่อจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่มึงเอาไปฟ้องไอ้ร็อคแล้วมันจะเชื่อ
แนะนำหุบปากดีที่สุด ปล่อยพวกมันหาคำตอบกันเอาเอง แค่เพลงเดียวไอ้ร็อคไม่จนมุมจนทำอะไรไม่ได้หรอก
แต่กูยังต้องมีที่ยืน กูไม่มีวันยอมให้โดนบีบจนไม่เหลือที่จะอยู่ในวงการแน่ มึงไม่ต้องทำหน้าสงสัย กูรู้ดีมึงเป็นใคร
แต่พวกไอ้ร็อคยังไม่มีใครรู้สินะว่ามึงเป็นใครกัน” พี่เต้ยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ผมมีอะไรที่พี่เขาแบ็คเมล์วะ
“ผมเป็นใครเกี่ยวอะไรด้วย” ถามให้หายสงสัย สรุปผมงงครับ
“ถ้ามึงมีอาชื่อพนมหนึ่งในผู้บริหารล่ะก็ คงไม่ต้องให้กูย้ำว่ามึงได้เข้าไปเป็นมือกลองวงกูได้ยังไง
ถ้าเรื่องนี้ไอ้ร็อครู้เข้ามึงจะลำบากไม่ใช่กู ส่วนเรื่องเพลงกูมีวิธีให้เพื่อนกูเชื่อ ว่ากูไม่ได้เป็นคนเอาเพลงมันมาทำแน่ๆ
มึงพลาดเองที่เปิดเดโมให้ไอ้ขิงฟัง กูจะอ้างเรื่องนี้ว่ามึงคือคนทรยศหักหลัง เอาเพลงของมันมาให้เพื่อน
ชดเชยที่มึงใช้พวกมันเป็นบันไดก้าวเข้าไปเป็นสมาชิก Lucky One ยิ่งมึงเป็นหลานไอ้เหี้ยพนม
ลองนึกดูระหว่างกูที่เป็นเพื่อนสนิทโดนไอ้พนมบีบออกจากวง กับมึงหลานศัตรูหัวใจแย่งคนรักของมันไป
มึงคิดว่ามันจะฟังใครมากกว่า” พี่เต้แม่งโคตรระยำ ผมเห็นธาตุแท้ถึงกับสิ้นความศรัทธาทันที
เขาหยิบเรื่องนี้มาขู่ผม เพราะไม่ต้องการให้ผมนำเรื่องที่ฟังจากปากพวกไอ้ขิงไปบอกกับพวกพี่ร็อค
ที่พี่เขาพูดก็มีน้ำหนัก มีมากจนผมใบ้แดกเรียบร้อย พี่เขารู้ผมเป็นหลานอาพนม
พี่ร็อคกลับไม่รู้ตกลงมันยังไงกันแน่ ยิ่งฟังผมยิ่งไม่เข้าใจงงไปหมด
“หึ! ไม่ต้องมีเครื่องหมายคำถามเด่นขนาดนั้น กูจะเฉลยให้มึงรู้ไว้
โคตรเหง้าไอ้พนมกูสืบรู้หมด อยากรู้ไหมกูทิ้งวงไม่ได้อยู่กับเพื่อนเพราะใคร
ก็เพราะมันไง..ไอ้เหี้ยพนมอามึงยื่นเงื่อนไขให้กูออกจากวง ถ้ามันไม่บีบกูมึงคิดหรือกูจะออกมาห๊ะ!”
ท่าทางพี่เต้โมโหอาพนมมากเลยทีเดียว
“ไม่จริง..อาพนมจะทำไปเพื่ออะไร” ผมค้านทันควัน
“ก็เพราะมึงเป็นหลานมัน มึงตีกลองเป็น มันอยากส่งเสริมให้มายืนแทนที่กู มึงซึ่งเป็นหลานกำพร้า
แม่ไม่มีเวลาให้มันเลยอยากรับบทเป็นคุณอาใจดี ผลักดันให้ไปยืนในวงการตามที่ฝันไงเล่า
มึงอีกคนที่กูเกลียด อย่าหลงระเริงไป กูจะกลับไปอยู่ที่เดิม การกลับไปครั้งนี้ทั้งมึงและไอ้พนมจะต้องเป็นฝ่ายไสหัว
ไม่ใช่กูจำเอาไว้ด้วย” พูดจบพี่เขาหันหลังจ้ำพรวดๆ ทิ้งผมอ้าปากค้างอึ้งประโยคอาฆาต ที่ไม่รู้สาเหตุอยู่เพียงลำพัง
แม้จะฟังเหตุผลแต่ผมว่าน้ำหนักไม่เพียงพอ ทำไมอาพนมกำจัดพี่เต้ออกจากวงด้วย
เพื่อผมอย่างนั้นเหรอเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ยอมรับว่าอารักผม แต่ก็ไม่ได้รักถึงขั้นทำอะไรให้ผมแบบนี้แน่
ไม่ใช่นิสัยของอาพนมที่ผมรู้จัก ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ผมไม่รู้ หรือไม่ก็พี่เต้ไม่ยอมพูดความจริงทั้งหมดเสียมากกว่า
เรื่องนี้คนที่ให้คำตอบผมได้คืออาพนม
เรื่องราวชักบานปลายซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนปวดหัว ตกลงพวกผมกลายเป็นเครื่องมือที่พวกเขาใช้ห้ำหั่นกัน
ผมกับเพื่อนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย แต่ตอนนี้พวกเรากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ใครบางคนแก้แค้น
เพียงแต่มีใครบ้างเท่านั้น พี่เต้ อาพนมหรือพี่ร็อค พี่เกรย์ พี่คมร่วมด้วย
เรื่องนี้ทำผมสับสนไว้ใจใครไม่ได้ ผมกำลังโดนหลอกอยู่ใช่ไหม พี่ร็อคหลอกผมด้วยหรือเปล่า
เริ่มกลัวเสียแล้ว ถ้าหากพี่เขาหลอกผมล่ะก็ แค่คิดแทบหมดแรงจนไม่อยากนึกถึง
ต้องไม่ใช่ผมเชื่อสัญชาตญาณพี่เขาต้องไม่หลอกผมแน่ๆ ต้องเป็นแบบนั้นสิถึงจะถูก..?
แต่ก็มีเสียงค้านในหัวพี่เต้ยังรู้ผมเป็นหลานอาพนม พี่ร็อคซึ่งเป็นลูกประธานบริษัทจะไม่รู้เชียวหรือ
ทำให้ขนลุกชู่วทันที ถ้านี่คือเกมที่ใช้แก้แค้นเอาคืนอาพนม ผมกำลังตกเป็นเครื่องมือใช่หรือไม่?
มาต่อแล้วนะคะ ต้องขออนุญาตแก้ไขชื่อเรื่องเล็กน้อย
หลังได้รับคำแนะนำจากพี่คนหนึ่งที่น่ารัก คำว่า 'ตับ' เป็นภาษาพูด
ไม่เหมาะเอาเป็นชื่อเรื่อง คนเขียนเลยเปลี่ยนเป็น 'หน่วงใจ' แทน
แต่ไม่ขอกลับไปแก้ไขโพสที่ผ่านมานะคะ ขอลุยไปข้างหน้าเลยครับ
ส่วนคำว่าเพ้นท์เฮ้าส์ ก็ขอเปลี่ยนเป็นเซฟเฮ้าส์นะคะ เหมือนกันไม่กลับไปแก้ไขอันเก่านะคะ
แต่จะแก้สำหรับตอนต่อไป อ่านเจอแล้วไม่ต้องแปลกใจกันนะคะ
ที่แก้ไขไม่ต้องกังวลค่ะ ในหนังสือแก้ไขใหม่หมดค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาด้วยดีเสมอ
