เดินกลับขึ้นไปที่ห้องของวาด ขาของผมที่เร่งเร็วขึ้น พอถึงห้องก็เปิดเข้าไป ภาพที่ผมเห็นคือไฟท์กำลังคุยอะไรบางอย่างกับวาด มือของมันลูบหัววาดที่พยายามขยับตัวให้ออกห่าง
“ พี่อิน " วาดเรียกผมทันทีที่เห็น เดินเข้าไปหาไฟท์มันมองหน้าผม
“ กี่วันถึงออกจากโรงพยาบาลได้ละ "
“ ก็น่าจะอีกสองอาทิตย์ " บอกแค่นั้นไฟท์มันก็พยักหน้า
“ หายไวๆนะวาด จะได้มาเป็นกรูรูที่ปรึกษาด้านความรักของพี่อีก "
“ กรูรูด้านความรักอะไรกันวะ " ผมถาม ไอ้ไฟท์ก็ยิ้ม
“ ก็น้องมึงไง มึงไม่รู้เหรอ น้องมึงนะตอบคำถามเรื่องความรักได้ทุกคำถาม รู้ดียิ่งกว่าคนเคยมีเมียแล้วแบบกูอีก" มือที่กำเตียงของผมมันแน่นขึ้นตอนที่มันพูดแบบนั้น ทำไมไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้วาดสนิทกับไฟท์ขนาดไหนเหรอวะ คนอย่างไอ้ไฟท์ที่ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครอื่นฟังยกเว้นผม ถึงไปเล่าให้วาดฟังได้
“ เหรอ เคยมีความรักด้วยรึไงเรา " วาดส่ายหน้า มันมองผมกับไฟท์สลับกันก่อนจะมองหน้าแม่
“ แม่ครับ วาดหิวแล้ว " หันไปมองแม่ที่กำลังตักซุปร้อนๆที่ไอ้ไฟท์เอามาวาดกิน
“ จ้าๆ มาแล้ว มากินกันดีกว่าหอมมากเลยลูก " ตั้งเอาไว้บนโต๊ะเลื่อนกินข้าวแม่ลากมาใกล้วาด ผมสองคนเลยต้องถอยห่าง สายตาของไฟท์ที่ยังมองวาด ผมมองอยู่ตรงนี้ก่อนจะเรียกมัน
“ ไฟท์ ไปส่งกูที่บ้านหน่อยสิ "
“ อ่า ใช่เลยพรุ่งนี้อินเข้าเวรนี่น่า " แม่หันมาบอก ก่อนจะหันไปเป่าซุปป้อนวาด " กว่าแม่จะกลับก็คงอีกนาน รอกลับพร้อมพ่อ อินกลับไปก่อนก็ได้ "
“ งั้นจะกลับเลยมั๊ยละ " มันถามผม พยักหน้ารับไอ้ไฟท์ก็หันไปหาวาด
“ หายไวๆนะวาด "
“ ขอบคุณครับพี่ไฟท์ "
“ พี่อินพรุ่งนี้มาเยี่ยมผมอีกนะ "
“ ต้องมาสิ " ตอบแค่นั้นก่อนจะเดินไปหา ผมก้มลงหอมแก้มมัน " พี่กลับก่อนนะ คืนนี้ก็ฝันดีละ "
“ ฝันดีเหมือนกันนะครับ " ว่าแค่นั้นผมกับไอ้ไฟท์ก็เดินออกจากห้อง ตามทางเดินยาวที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน เราเดินกันมาจากถึงรถ
“ พรุ่งนี้มึงทำงานรึเปล่า " ผมหันไปถามไอ้ไฟท์ที่พยักหน้า
“ ก็ต้องทำอยู่แล้ว พรุ่งนี้มันวันจันทร์ มึงไม่ทำรึไง "
“ ก็ทำ พรุ่งนี้กูเข้าเวรดึก "
“ เด็กคนนั้น คือลูกใครวะ " อยู่ๆไอ้ไฟท์ก็ถามขึ้นมา " เด็กที่ชื่ออลิซนะ "
“ ลูกเพื่อนกู "
“ ใช่เด็กคนเดียวกันที่มึงบอกว่า เคยขอให้มึงไปกินข้าวด้วยรึเปล่า "
“ ก็ใช่ "
“ งั้นก็คงไม่ใช่เพื่อนแล้วละ พ่อมันจีบมึงอยู่ใช่มั๊ย " หันมายิ้มให้ผม " กูอยากรู้เร็วๆ มึงก็อิดออดไม่เล่ากูเลยนะไอ้สัด "
“ ก็คงเป็นแบบนั้น "
“ แล้วมึงชอบเค้ามั๊ยละ "
“ เร็วที่จะบอกออกไปว่าชอบหรือว่าไม่ชอบ มึงก็รู้ว่ากูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว "
“ แล้วคนที่มึงชอบอยู่แล้วนะ มึงแน่ใจเหรอ ว่ามึงชอบเค้าจริงๆ " เสียงที่ไม่มั่นใจนั่นถามผม ไฟท์มองไปแค่หน้าด้านของรถเท่านั้น " ถ้าชอบเค้าจริง มึงชอบเค้าแบบไหนละ "
“ อยากได้ให้มาเป็นแฟนละมั้ง " ผมเองก็มองออกไปด้านข้างของหน้าต่าง
“ แต่ถ้าจะคบกันมึงก็ต้องเลิกติดต่อกับคนคนนั้น "
“ รับได้เหรอ ถ้าจะบอกใครๆว่าเป็นเกย์ " ไฟท์ไม่ใช่คนที่รับได้ถ้าจะบอกใครๆว่าเป็นเกย์ มันรักความสมบูรณ์ในชีวิตจะตาย เป็นคนที่ไม่ชอบมีรอยด่างในชีวิต ขนาดมีอะไรกับผมมันยังไม่เคยบอกให้ใครได้รู้เลย ทุกวันนี้เรื่องของมันกับผมเหมือนมีแค่ผมกับมันที่รู้
“ ถ้าเราจะรักกันแล้วทำไมต้องบอกคนอื่น เรารู้เฉพาะเราสองคนไม่ได้เหรอ " ไฟท์หันมาถามผม มันเลี้ยวจอดลงตรงข้างทาง
“ แล้วทำไมถึงให้คนอื่นรับรู้ไม่ได้ "
“ มึงก็รู้กูเป็นยังไง "
“ มึงก็ยอมรับตัวตนของมึงให้ได้สิ มึงชอบที่จะมีอะไรกับกูไม่ใช่เหรอ แสดงว่ามึงก็เป็น มึงก็แค่ยอมรับ " ผมก็อยากจะบอกพ่อแม่ผมเหมือนกันว่ามีคนรักคือมัน อยากให้มันแนะนำตัวผมกับที่บ้านของมันเหมือนกัน ขนาดไอ้โรมมันยังยอมรับแล้วทำไมไฟท์จะยอมรับไม่ได้
แต่ก็ลืมนึกไปว่า โรมกับไฟท์ มันคนละคนกัน
“ จะเอายังไงกันแน่วะอิน กูไม่เข้าใจ มึงอยากให้กูรักมึง หรือมึงอยากเป็นเจ้าของกูกันแน่ พอตอนที่เรามีปัญหามึงมีคนใหม่เข้ามามึงสนใจแต่เค้ามึงไม่สนใจกู แต่พอกูเริ่มเฉยมึงก็เริ่มมาเรียกร้อง มึงจะเอาอะไรกันแน่วะ ต้องการอะไร คือต้องการให้กูสนใจแต่มึงเท่านั้น อะไรๆก็มึง มึงต้องมาเป็นที่หนึ่ง คือมึงอยากเป็นที่หนึ่งของกู แต่มึงไม่ได้แคร์เลยว่าใครจะเป็นที่หนึ่งของมึง "
“ ไม่ใช่แบบนั้น " ผมเถียงทั้งๆที่ไม่รู้จะพูดอะไร
“ งั้นตอบกูมาสิ ว่าไม่ได้หึงกูกับวาด ตอบกูมาสิว่าที่พูดอยู่ ไม่ใช่เพราะว่า มึงเห็นน้องตัวเองสนิทกับกูมากไปมึงเลยหึงน้องมึง มึงอยากเป็นคนสำคัญของกูจริงๆเหรอ งั้นมึงเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นแล้วมาคบกับกูจริงๆจัง มึงทำได้มั๊ย "
“ ได้ แต่มึงต้องพากูไปแนะนำตัวกับแม่มึงก่อน "
“ ความรักของมึงคือการบีบบังคับให้กูยอมเหรอวะ ถ้ากูไปบอกแม่จริงๆ มึงเลิกรักษาเด็กนั่นได้มั๊ยละ ย้ายโรงพยาบาลออกมาไม่ติดต่อกับคนนั้นอีก ไม่พูดไม่คุยไม่เจอหน้า ถ้ากูบีบบังคับมึงบ้างมึงจะว่าไง " ไฟท์ออกรถอีกครั้งตอนที่ทุกอย่างนั้นเงียบ ไม่มีเสียงเถียงของผม ความรู้สึกตอนนี้สับสนไปหมด ถ้าเลิกรักษาอลิซก็ต้องเลิกยุ่งกับโรมไปด้วยถ้าเป็นแบบนั้น.. ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเหมือนกัน.. แต่จะปล่อยไฟท์ไปก็ไม่อยากจะปล่อย อย่างที่มันพูดผมไม่อยากให้มันเห็นใครเป็นที่หนึ่งยกเว้นผม
' เห็นแก่ตัวชะมัด ' ผมสถบกับตัวเองในระหว่างทางกลับบ้านที่มีแต่ความเงียบ ไฟท์ขับรถมาส่งผมจนถึงหน้าบ้าน “ ไฟท์ "
“ กูมีอะไรจะบอก " มันจอดรถก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มของผม " มึงยังเป็นที่หนึ่งของกูเสมออิน มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะเปลี่ยนไป มึงยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แล้วยังคงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดเสมอ แล้วบอกไว้ตรงนี้เลยว่า กูไม่ได้ชอบวาด กับวาดกูคิดแค่ว่ามันคือน้องชายคนนึงของกู เหมือนไอ้ไฟที่มันก็เป็นน้องชายกู คราวนี้มึงสบายใจได้รึยัง คราวนี้มึงเลิกอยากจะเป็นที่หนึ่งของกูได้รึยัง เลิกคิดอยากจะชนะกูได้รึยัง "
“ ขอโทษนะมึง " ผมพูดได้แค่นั้น เพราะตัวเองไม่รู้จะเถียงอะไร มันไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างงั้นแต่ผมก็ตอบออกไปไม่ได้ คำพูดของมันเหมือนเข็ม ทิ่มแทงความจริงในความรู้สึกของผมจนพลุนไปหมด
“ มึงรักกูจริงๆเหรอ มึงถามตัวเองเถอะ รักกูจริงๆ หรืออยากจะเอาชนะกูกันแน่ "
นั่นสิ.. รัก หรือแค่อยากจะเอาชนะกันแน่
บางทีกูอาจต้องบอกตัวเองว่า กูเคยรักมึงจริงๆกูเคยยอมมึงทุกอย่าง
แต่ตอนนี้กูมีตัวเลือกที่ทำให้กูมีความสุขกว่าเข้ามา
ใจกูเลยไม่ได้เลือกมึงมาเป็นเป็นอันดับแรกอีกแล้ว .. ใจกูมันเลย ลังเล แบบนี้
........................................................
“ แม่กลับบ้านแล้วนะ พรุ่งนี้เราเจอกันนะ " บอกผมแบบนั้น รอยยิ้มหวานๆก็ก้มลงมาหอมแก้ม พ่อที่ยืนข้างกันก็ด้วย " ดูทำหน้า ไม่เอาไม่หงอยนะ "
“ ผมรู้ครับ ไม่ได้หงอยเลย ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ " พรุ่งนี้แม่กับพ่อต้องทำงานคืนนี้เลยนอนค้างไม่ได้ แม้ผมไม่อยากจะนอนโรงพยาบาลคนเดียวเท่าไหร่ แต่ก็งอแงไม่ได้ ผมชอบเวลาที่ได้อยู่กับ พ่อกับแม่อยู่กับพี่ตินพี่อิน มีความรู้สึกที่ได้เป็นที่รักของครอบครัว
“ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะมาแต่เช้าเลยตกลงมั๊ย " พยักหน้าให้ บอกไม่ได้หรอกครับว่ากลัวผี
“ ไปกันคุณ ก่อนที่เด็กจะร้องไห้ " พ่อบอกแม่แค่นั้นก่อนทั้งคู่จะเดินออกไป แม่ผู้แสนดีของผมปิดไฟให้มืดทั้งห้องเลยครับ เสียงแอร์ดังตลอดเวลาผมได้แต่หลับตาสนิทกับตัวเองในความมืด หลับไม่ลงหรอกครับ กลัวมากกว่า
หลายชั่วโมงผ่านไป ผมก็ยังนอนไม่หลับนอนคิดเรื่องเยอะแยะมากมายไปหมด คิดถึงเรื่องของพี่อิน คิดถึงเรื่องของพี่ไฟท์ ถ้าพี่ไฟท์มีใจให้พี่อินแล้วทำไมไม่จีบหรือเพราะความเป็นเพื่อน เพราะนิสัยสมบูรณ์แบบมันค้ำคอ แล้วถ้าพี่อินมีใจให้พี่ไฟท์ทำไมไปชอบกับคุณโรม หรือว่าพี่อินไม่ได้ชอบพี่ไฟท์จริงๆ
แกร๊ก.. เสียงประตูทำเอาทำสะดุ้งข่มตาหลับแน่นตอนที่ไม่รู้ว่าใครเข้ามา ผมได้ยินเสียงขำตอนที่พยายามขมวดคิ้วไม่ให้เค้ารู้ว่าตื่นอยู่
“ ยังไม่นอนอีกเหรอ ดึกแล้วนะ " ลืมตาช้าๆผมพบว่า หมอคนนึงยืนอยู่ข้างเตียงเค้าจัดการเช็คบางอย่างกับขวดน้ำเกลือของผม
“ นอนไม่หลับครับ " บอกแบบนั้นเค้าก็ยิ้มออก สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า
“ เป็นลูกชายหมอ กลัวโรงพยาบาลได้ไง "
“ ก็ไม่ได้มีกฏห้ามว่า ลูกชายหมอห้ามกลัวผีนี่ครับ " เหลือบตามองไปรอบๆ หมอคนนั้นก็พยักหน้า
“ แต่จริงๆผมก็เจอบ่อยนะ "
“ หมอล้อเล่นน่า มันไม่ตลกหรอกนะครับ "
“ พูดความจริงก็หาว่าล้อเล่น จริงๆหมอก็เคยหลับระหว่างเข้าเวร ตื่นขึ้นมาไม่รู้ใครเอาผ้ามาห่มให้ " ขมวดคิ้วฟังเรื่องราวของคนที่ทำหน้าตาจริงจังตอนที่เล่าผม " แล้วพอถามพยายามเค้าก็บอกว่า เค้าเปล่า "
“ แล้วงั้นใครละครับ "
“ นั่นนะสิ ใครกันนะ " ยิ้มล้อๆก่อนจะเหลือบไปซ้ายขวา " ใครกันนะ "
“ หมอ มันไม่ตลกเลยนะ "
“ แล้วแผลเป็นยังไงบ้าง พรุ่งนี้คงต้องเริ่มเดินได้แล้วนะ ขยันเดินเยอะๆละ "
“ ครับ แล้วหมอชื่ออะไรเหรอ "
“ ชินดนัย แต่ถ้าให้ดีก็เรียกพี่เซฟดีกว่านะ ถามทำไมละครับ "
“ จะไปฟ้องพ่อว่า ตอนกลางคืนมีหมอมาหลอกผีวาดด้วย "
“ กลัวจังเลย ทำไงดีน๊า " ยิ้มกว้างออกมาผมหลุดยิ้มตามอีกคนก็เปลี่ยนเรื่องคุย " ทำไมถึงชื่อวาดไว้ละ ชื่อเพราะดีนะ แต่ต่างกับหมอติน หมออิน "
“ ไม่รู้สิครับ แม่ตั้งให้ "
“ แต่ก็เหมาะดีนะ หน้าตาดีเหมือนมีคนจงใจวาดไว้เลย "
“ ขอบคุณครับ " เหลือบไปทางอื่นตอนที่ได้ยินคำนั้น
“ ครั้งแรกเหรอ ที่โดนชมนะ "
“ ก็เปล่า แต่ไม่เคยได้ยินต่อหน้าแบบนี้เฉยๆ " กำผ้าห่มขึ้นมาห่มอีกคนก็หัวเราะ
“ พี่ตินพี่อินไม่เคยชมรึไง "
“ ก็ชม แต่ว่านั่นพี่ตินกับพี่อินนี่ครับ "
“ งั้นก็หัดชินเวลาคนอื่นชมได้แล้ว เพราะเรานะน่ารักจริงๆนะ " รอยยิ้มค่อยๆยิ้มออกมาตอนที่เค้าชมผมอีกครั้ง " แล้วทำไมยังไม่นอน ดึกแล้วนะ "
“ นอนไม่หลับครับ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย "
“ มีเรื่องให้คิด ท่าทางจะวุ่นวายน่าดู เรื่องอะไรละเผื่อพี่จะช่วยได้ "
“ อื้ม มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่หมอเคยมีความรู้สึกที่ว่า แค่เห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็มีความสุขแล้วมั๊ยครับ หลายคนบอกว่าไม่มีหรอกความรักแบบนั้นนะ ใครจะยอมให้คนที่เรารักไปมีความสุขกับคนอื่น แต่ผมเป็นแบบนั้นนะ "
“ พี่ก็เป็นแบบนั้น " เสียงของเค้าเบา ตอนที่พูดคำนั้น " ทำไมมันจะไม่มีละ การที่เห็นคนที่เรามีความสุข แล้วเราก็มีความสุขนะ เยอะแยะไป พี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น "
“ หมอเคยอกหักด้วยเหรอ "
“ พี่ก็คนนะ ก็ต้องเคยมีความรักสิ แต่ความรักของพี่มันไม่สมหวังนะ มาทีหลังเค้า แค่มาช้าไปหน่อย "
“ เค้าก็แค่ไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อคู่กับหมอ คิดแบบนี้สิครับ บางทีคู่ของหมออาจจะไม่ใช่เค้า หมอเลยไม่สมหวัง แต่ว่าถ้ามีคนคู่กับหมอสักวันเค้าก็ต้องมาครับ ผมเชื่อว่าแบบนั้น "
“ เรานะ จะไม่ลองพยายามหน่อยเหรอ ตอนที่พี่อกหักพี่พยายามมากเลยนะ เพื่อที่จะได้รักเค้านะ แต่ก็นั่นละ มันสุดความพยายามของเราแล้ว ถ้าเค้าไม่รัก เราก็แค่ต้องปล่อย "
“ ผมไม่อยากจะให้คนที่ผมรักต้องหนักใจ ไม่รู้สิครับเค้าหนักใจมากพอแล้ว มีเรื่องเศร้าๆมากพอแล้ว ผมแค่อยากให้เค้ามีความสุข ในแบบที่เค้าอยากจะมี แต่ก็นั่นละครับมีหลายอย่างในตัวของเค้าที่ผมไม่เข้าใจ ผมหมายถึงตัวตนของเค้า "
“ นายดีเกินไป รู้มั๊ย บางทีคนที่ดีเกินไปมักตกเป็นเหยื่อ "
“ ผมว่าหมอคงเคย.. เสียสละเพื่อคนที่หมอรัก ถูกมั๊ยครับ เพราะงั้น ผมคิดว่าหมอคงเข้าใจโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายอะไร "
“ นั่นมันก็จริงนะ " หมอเซฟว่าแบบนั้น เค้ายิ้มก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผม แต่ผมเรียกเค้าไว้ก่อน
“ เอ่อ.. หมอเซฟช่วยเปิดไฟให้ผมหน่อย "
“ เป็นหมอแต่กลัวผีซะได้นี่ " เดินมาเปิดไฟที่หัวเตียงให้ เขายิ้มล้อๆ
“ ก็ผมเรียนหมอฟัน นั่นมันเป็นข้อยกเว้นนะครับ "
..................................
ความรู้สึกแรก หมออินแม่งกั๊กว่ะ โรมก็จะเอา พี่ไฟท์ก็ไม่ปล่อยทำแบบนี้ทั้งพี่โมทั้งพี่ไฟท์ก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่นะ
ความรู้สึกที่สอง หมอเซฟกับน้องวาดน่ารักจังเลย แต่ก็หวนคิดถึงน้องไฟอีกจนได้
ความรู้สึกที่สาม ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าาาาาาาาาาาาา

ยังไงก็ฝากแท็ก #Choiceไฟท์อิน ด้วยนะคะ