บทที่ 5
ปกรณ์ลากแขนหนูมาหลังโรงเรียนตรงที่เกิดเหตุล้มทับกันแล้วหนูจับมังปกรณ์เค้านั่นแหละ
“มีอะไรเหรอ”หนูถาม
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า”ปกรณ์ถาม สี่หน้าบ่งบอกว่าเครียดมาก
“ไม่นะ เราพึ่งรู้จักปกรณ์ตอนมาเรียนมหาลัยนี่แหละ”หนูตอบตามความจริง
“…………”ปกรณ์เงียบ
แล้วเค้าก็ถามอะไรหนูอีกมากมายเช่นบ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่ทำอาชีพอะไร
หนูก็ตอบความจริงไปทุกอย่างเพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
หนูไม่เคยคิดที่จะปิดบังฐานะหรือความจนของตัวเองเลย หนูกลับภูมใจซะอีก
“เธอจนแล้วเธอมาเรียนที่นี่ได้ยังไง” ปกรณ์ถาม
“ก็ พอดีว่าเราได้ทุนเรียนดีน่ะก็เลยได้มาเรียนที่นี่”หนูตอบปกรณ์อย่างภูมิใจ
“เธอไม่มีแฟนเหรอ” อยู่ดีๆปกรณ์ก็ถามหนูขึ้นมา
“หน้าตาอย่างเราใครจะเอา นายนี่ก็ถามแปลกน่ะ”ใช่หน้าตาอย่างหนูใครจะไปเอา
ใครอยากจะคบกับคนอย่างหนูแถมจนอีกต่างหาก
“ชั้นว่าหน้าตาเธอดีขึ้นน่ะ เมื่อสี่เดือนก่อนหน้าเธอจืดมาก ไม่มีใครมาจีบเลยเหรอ”
“เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ ลืมแล้วเหรอ” ปกรณ์เหมือนจะสะดุ้ง
“แล้วเราก็จนใครเค้าจะเอา” หนูตอบ
“แล้วเธอไม่มีคนที่ชอบเหรอ” ถามมาได้ก็เธอนั่นแหละ นายปกรณ์
“ก็มีนะ แต่เค้าอยู่สูงเกินไป เราไม่อยากแย่งเค้ามาจากใครเราขออยู่ในที่ของเราก็พอ” พูดไปก็แอบมองหน้าเค้าไป
“เป็นคนดีจังเลยเนอะ”ปกรณ์พูดเหมือนล้อ หนูแค่ยิ้มให้
แล้วหลังจากนั้นหนูกับปกรณ์ก็เดินกลับไปที่วงปาร์ตี้ที่เราจากมา
พอมาถึงหนูก็ชวนโอ๋แล้วลาพวกพี่ๆขอตัวกลับไปนอนเพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว
หนูพยายามข่มตานอนให้หลับ แต่มันก็ไม่หลับไม่รู้เป็นอะไร เหมือนมันค้างๆคาๆในใจยังไงก็ไม่รู้
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
ตื่นเช้ามาด้วยสภาพที่เป็นหมีแฟนด้า
หลังจากไปล้างหน้าแปลงฟันแล้วก็เดินไปโรงอาหารเพื่อรอรับบริการอาหารเช้า
เพราะนี่มันจะแปดโมงแล้ว เลยต้องรีบกันหน่อยเพราะเดี๋ยวกับข้าวหมด
เช้านี้มีข้าวต้มหมู แล้วก็ข้าวไข่พะโล้แล้วแต่ใครจะเลือกกิน ส่วนหนูขอข้าวต้มหมูละกัน
“น้องๆครับ มาเข้าแถวกันได้แล้ว เราจะเริ่ม สั่งงานกันแล้วนะครับ”
พวกพี่ๆเรียกแล้ว พวกหนูก็เลยต้องรีบซัดข้าวต้มกันเต็มที่
โดยเฉพาะน้อยหน่าช่างไม่เหมาะกับการเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย
พี่ๆก็สั่งงานให้พวกผู้ชายไปซ่อมอาคารเรียน สร้างโรงเพาะเห็ด
ส่วนพวกผู้หญิงอย่าหนูก็คอยผสมสี ทาสี ปลูกต้นไม่ที่ทางมหาลัยเตรียมมา
กลุ่มพวกหนูก็พากันปลูกต้นไม้ตรงแถวเสาธง มีต้นไม้หลายชนิดอยู่ค่ะ
แต่ชื่ออะไรบ้างหนูก็ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้
“ช่วยมั๊ย”อยู่ๆปกรณ์ไม่รู้โผล่มาจากไหน
มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงหนูที่นั่งยองๆปลูกต้นไม้ตกใจแต่ก็ตั้งตัวได้ทันแล้วกลัวจะเกิดเหตุซ้ำรอย
ชอบมาไม่ให้สุ้มให้เสียงน่ะตาคนนี้
“งั้น ช่วยขุดหลุมตรงนี้ให้หน่อย”
หนูให้เค้าขุดหลุม แล้วหนูก็ลงต้นไม้ กลบดินให้สนิท
นานเข้าก็เริ่มสนุกพวกเราก็ทำไปเมาท์กันไป
“นี่ปกรณ์ ไปเดินเล่นกับพวกเรามั๊ยเย็นนี้ พวกเราจะไปเดินเล่นที่เขื่อนหน่อยอะไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่”
น้อยหน่าพูดมาซะรัวเลย แหม กลัวปกรณ์จะไม่ไปเหรอ
“อืมเอาดิ”ปกรณ์ตอบยิ้มๆแล้วหันมามองหน้าหนู
ทำไมต้องหันมามองหน้าเราด้วยล่ะ แล้วรอยยิ้มแปลกๆนั่นอีกล่ะ
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………..
หลังจากปลูกต้นไม้กันเสร็จเราก็มานั่งกินข้าวเที่ยงกันโดยมีปกรณ์มานั่งกับพวกเราด้วย
“นี่ปกรณ์ นายมีแฟนยังอะ” น้อยหน่าถาม พลางเหล่สายตามาทางหนู
“อ่อ….ยังไม่มีครับ” ปกรณ์ตอบ
“เหรอ เอาอิฟ้าไปดิมันยังโสดเหมือนกัน”
“เฮ๊ย พูดอะไรอ่าอิหน่า”ตกใจ น้อยหน่าเล่นหนูซะแล้ว ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆอินี่
“อ่าวก็แกโสด แล้วปกรณ์ก็โสด ฉันพูดอะไรผิดก็แค่บอก แล้วแต่ปกรณ์ซิว่าเค้าสนหรือไม่สน 5555555”
หนอยช่างกล้าพูดนะ
“……………………………..”
หนูเงียบ ปล่อยให้มันพูดกับปกรณ์ต่อไป
จนถึงเวลาทำกิจกรรมต่อพวกหนูก็ไปช่วยพี่ๆเค้าทาสีเพราะเค้าซ่อมอาคารเสร็จกันพอดี
ทากันไปเล่นกันไปเลอะเทอะหมด จนเราต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
พออาบน้ำเสร็จแล้วรู้สึกสดชื่นจังจากที่ร้อนๆก็เย็นสดชื่น
แล้วเราก็ไปนั่งเมาท์มอยกันต่อในห้องน้อยหน่าชวนพวกหนูเล่นไพ่อีกแล้ว
แต่หนูปฏิเสธเพราะหนูเล่นไม่เป็นได้แต่นั่งดูพวกอิโอ๋ อิจ๋า แล้วก็เพื่อนอีกสี่ห้าคนเล่นกัน
สักพักหนูก็ผล่อยหลับไป
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
พอตื่นมาก็ไม่เห็นใครแล้วเห็นอิจ๋านอนอยู่ข้างๆแค่คนเดียว
พวกนั้นหายไปไหนกันหมดนะ หนูก็ไม่สนใจตอนนี้ขอนอนก่อนละกันเพลียมาก
สักพักหนูก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนมีใครมานอนกอด
หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรคงจะเป็นจ๋าล่ะมั้งนอนละเมอมากอดหนู
สักพักเริ่มมีความรู้สึกว่ามีลมหายใจอุ่นมารดต้นคอ แล้วก็เริ่มมีการไซร้คอหนู
อิจ๋านี่อย่าบอกน่ะว่ามึงเป็นเลศ มือไม้ก็เริ่มเลื้อย พอหนูหันหน้าไปดูเท่านั้นแหละ
“……...” อึ้งเลย ก็จะอะไรซะอีกไม่ใช่อีจ๋า แต่เป็น นายปกรณ์!!
กรี๊ดดอุ๊บ หนูกำลังจะกรี๊ดแต่มือของนายปกรณ์ก็มาปิดปากหนูไว้ได้ซะก่อน
นายปกรณ์รัดตัวหนูแน่นมาก หลังจากนั้นหนูหันไปอีกที
นายปกณ์ก็กลายร่างเป็นงูยักษ์ซึ่งกำลังจะกลืนหนูลงคอ หนูเลยร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“ฟ้า ฟ้า มึงเป็นอะไรตื่นสิ” หนูลืมตาอย่างตกใจ ผวากอดอีจ๋าแน่น นี่หนูผันไปเหรอเนี่ย
หลังจากหายจากอาการผวาแล้วหนูก็ลุกไปล้างหน้าล้างตานี่มันจะทุ่มกว่าแล้วนี่
ไม่ได้ไปเขื่อนเลย พอกลับมาถึงห้องพวกโอ๋ก็กลับกันมาจากเขื่อนกันแล้ว
หนูก็เล่าเรื่องความฝันให้พวกมันฟัง แล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมตัวกันไปกินข้าว
พอกินข้าวกันเสร็จหนูก็นอนเลยค่ะเหนื่อยมากรู้สึกจะเพลียเนื่องมาจากวันนี้ทำงานกันทั้งวัน
เมื่อคืนก็นอนดึกกันด้วย วันนี้ก็เลยกะว่าจะนอนเร็วซักคืนพรุ่งนี้ก็ทำกิจกรรมอำลานิดหน่อยแล้วตอนเที่ยงก็เดินทางกลับมหาลัย
…………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………
………………………………………………..
ตื่นเช้ามาประมาณเก้าโมงก็ทำพิธีอำลาผูกข้อไม้ข้อมือจากครูบาอาจารย์และผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเสร็จ
ก็ถึงเวลาเตรียมตัวออกเดินทางกลับมหาวิทยาลัยกันแล้ว
เราเดินทางกลับถึงมหาวิทยาลัยกันประมาณทุ่มหนึ่งซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางกันมาก
แยกย้ายกันกลับหอพักใครหอพักมัน
………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………....................................................................
หลังจากที่กลับมาจากค่ายอาสาพัฒนาชนบทแล้วชีวิตของหนูก็กลับมาเป็นเหมืออนเดิมคือเรียนและทำงาน
ช่วงนี้เป็นช่วงยุ่งๆของหนูเพราะต้องไปช่วยพี่ติ๋วแต่หน้านางแบบนายแบบทุกเสาร์-อาทิตย์เลย
ชีวิตของหนูก็เงียบสงบดีหนูไม่ได้เจอนายปกรณ์อีกเลยหลังจากกลับมาจากเข้าค่าย
อาจเพราะเราอยู่คนละคณะและช่วงนี้ก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคด้วยล่ะ ก็เลยไม่ได้เจอกันเลย
หนูสอบปลายภาคเรียนเสร็จได้สองวันแล้ว
ช่วงนี้ก็ปิดเทอมแล้วก็เลยมาช่วยงานพี่ติ๋วได้เต็มที่ อีโอ๋ น้อยหน่า จ๊ะจ๋าก็กลับบ้านกันหมด
พี่ติ๋วพาหนูไปทำนมกับคุณหมอท่านหนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญมาก
พี่ติ๋วบอกว่าหมอคนนี้ทำสวยหนูก็เลยแล้วแต่พี่ติ๋วเพราะหนูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่
พักพื้นไม่นานก็ออกมาแรดได้เหมือนเดิม
ผมหนูยาวแล้วพี่ติ๋วก็เลยพาหนูไปเปลี่ยนลุคที่ร้านของเพื่อนที่สนิทของพี่ติ๋วที่อยู่ในห้างแห่งหนึ่งย่านคนมีตัง
ทั้ง ทำสีผมใหม่ ทำสีน้ำตาลประกายแดง สักคิ้วให้หนู ต่อขนตาถาวร
พอเสร็จแล้วหนูถึงกับตะลึงนี่หนูเปลี่ยนไปมากๆเลยกลายเป็นผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้
สวยมากเลยหนูตะลึงกับลุคใหม่ของตัวเองอยู่นาน
จนพี่ติ๋วจ่ายตังแล้วลากหนูมาซื้อเสื้อผ้านั่นแหละ
พี่ติ๋วแกพาหนูมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าในห้าง ถัดจากร้านเพื่อนพี่ติ๋วมาสักประมาณสี่ห้าร้านได้
หนูก็เลือกในแบบที่หนูชอบนะค่ะ กระโปรงสั้นๆบ้างแบบกระโปรงยาวบ้าง
แต่งตัวแบบผู้หญิงไฮโซเหมือนพวกดาวมหาลัยใส่อะค่ะ
เพราะพี่ติ๋วบอกว่ามันเหมาะกับลุคและหน้าตาหนู และหนูก็ชอบด้วย
แต่พอตอนจ่ายตังนี่ซิค่ะ หนูแทบจะเป็นลมหมดไปตั้งสามหมื่นกว่าบาท
พี่ติ๋วแกออกค่าใช่จ่ายให้หนูอีกแล้ว แกบอกว่าถูกชะตากับหนูเห็นหนูเหมือนน้องคนหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ไปซื้อรองเท้า ซื้อกระเป๋าแล้วตบท้ายด้วยชุดนักศึกษาหญิงค่ะ
เออ ลืมบอกไปหนูย้ายมาอยู่ข้างนอกกับอีโอ๋สองคนแล้วนะค่ะ
ก็ร้านพี่ติ๋วนั่นแหละ ข้างล่างจะเป็นร้านส่วนข้างบนเป็นห้องซึ่งมีอยู่สามห้อง
มีพี่ติ๋ว แล้วก็พี่แอน อีกห้องยังว่าอยู่แกเลยให้หนูกับอีโอ๋ย้ายมาอยู่กับแก
เวลาทำงานจะได้สะดวก หนูลาออกจากร้านอาหารแล้วล่ะค่ะเพราะหนูมาทำงานช่วยพี่ติ๋ว
รายได้เลยเยอะกว่าแถมปิดร้านตอนสามทุ่มไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปมาระหว่างหอกับที่ทำงานด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าหนูลืมตัวน่ะค่ะหนูก็แค่เหนื่อยกลัวเกรดตกก็เลยขอลาออกกับพี่รินเจ้าของร้าน
แกก็ไม่ว่าอะไร แถมบบอกว่าถ้าคิดถึงก็มาหากันได้แล้วให้ตั้งใจเรียน
ปิดเทอมสามเดือนหนูก็ช่วยพี่ติ๋วทำงานอยู่ที่ร้านตลอด
สามเดือนนี้หนูก็ดูแลตัวเองตลอดขยันแต่งหน้าตัวเองบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับจัดแต่งอ่อนๆน่ะค่ะ
อีโอ๋ก็แวะมาเล่นที่ร้านบ้างมันก็สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของหนูตลอด
มันบอกว่าหนูสวยแล้วเป็นดาราได้เลยน่ะเนี่ย
อาจจะเพราะใช้ฮอร์โมนที่หนูทานและฉีดเริ่มเห็นผลแล้วหน้าหนูหวานขึ้นอย่างรวดเร็วจนหนูเองก็ตกใจ
วันนี้หนูกับพี่ติ๋วมาสปากันปล่อยให้พี่แอน พี่ตุ้ม และพี่แมนเฝ้าร้านกัน
ตลอดการทำสปาหนูรู้สึกผ่อนคลายมาก พี่คนนวด(เรียกว่าไรไม่รู้เรียกพี่คนนวดก็แล้วกัน)
เค้าก็ชมหนูว่าผิวหนูสวยเนียนนุ่ม หน้าตาก็ดี แถมมีการถามด้วยว่าหนูเป็นดารารึปล่าว
จะขอลายเซ็น หนูก็เลยรีบบอกพี่แกไปว่าไม่ได้เป็นดารา แค่ทำงานร้านเสริมสวย (รู้สึกเดี๋ยวนี้มีคนทักว่าเป็นดาราบ่อยจัง)
พอนวดเสร็จก็ไปช็อปปิ้งนิดหน่อย หนูก็ได้กำไลข้อมือเงินมาหนึ่งเส้น
ส่วนพี่ติ๋วเหรอหิ้วซะเต็มไม้เต็มมือ หนูเลยอาสาช่วยแกถือ
พอช็อปปิ้งเสร็จหนูและนางก็พากันกลับร้านทำงานต่ออย่างสบายอารมณ์
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………...
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่หนูมีความสุขกับการทำงาน วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะก็เลยชิวๆกัน
แล้วก็มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางมั่นๆ
หนึ่งในนั้นหนูจำได้ดีเพราะเค้าคือดาวคณะนิเทศน์แฟนของนายปกรณ์นั่นเอง
หนูก็เดินไปสระผมให้เพื่อนของเค้าส่วนดาวนิเทศน์กับเพื่อนอีกคนก็ให้พี่แอนกับพี่แมนสระให้
“นี่ อีขวัญเดี๋ยวนี้ไม่เห็นผัวมึงเลยนะ” คนที่หนูสระผมให้อยู่เอ่ยถามเพื่อน
“เค้าไม่อยู่น่ะต้องเดินทางไปช่วยงานพ่อที่ปากี”คนที่เป็นดาวมหาลัยพูด
อ๋อ ชื่อขวัญนี่เอง แล้วอะไรคือผัว นี่ผู้หญิงคนนี้กับปกรณ์อยู่กินกันแล้วเหรอ
แล้วไหนตอนที่ไปเข้าค่าย บอกว่ายังไม่มีแฟน อ๋อ…ไม่มีแฟนแต่มีเมียแล้วซินะ!!
“นี่ปกรณ์เค้าขยันจังเลยเนอะ สงสัยเก็บตังไว้ให้น้องปอนด์ใช้”เพื่อนอีกคนที่ท่าทางเรียบร้อยพูดขึ้น
นั่นไงใช่ปกรณ์จริงๆด้วยเป็นผัวเมียอยู่กินกันแล้วจริงๆด้วยแล้วทำไมต้องเลี้ยงปอนด์
ปอนด์หรอ ใครกันอะ
“เค้าทำงานก็ต้องเก็บตังไว้ให้ลูกซิจ๊ะ คนมีลูกมีเมียแล้วก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีจริงมั๊ยขวัญ”คนที่หนูสระผมให้พูด
หนูถึงกับตะลึง พูดไม่ออก นี่ปกรณ์มีลูกมีเมียแล้วเหรอเนี่ย
แล้วทำไมต้องโกหกใครๆว่าตัวเองยังโสด
หนูแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่หนูได้ยิน
พอทุกคนทำผมเสร็จออกไปจากร้านแล้วหนูยังตะลึงไม่หาย
พอปิดร้านหนูก็เก็บคำพูดที่ทั้งสามคนพูดมาคิด
คิดจนนอนไม่หลับ ปกรณ์นี่ท่าจะเจ้าชู้ไม่น่าไว้ใจ
ขนาดมีเมียมีลูกแล้วยังคงปิดบัง คงคิดจะหลอกผู้หญิงคนอื่นล่ะสิ
คนแบบนี้ไม่ควรจะไปยุ่งด้วยให้เสียเวลา อยู่ห่างๆเค้าไว้ดีกว่า
หนูเสียความรู้สึกมากและเสียใจที่หลงไปชอบคนแบบนี้
ดีแล้วล่ะตัดใจตอนนี้จะได้ไม่สายเกินไป
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
………………………….............................................................
อีกสิบวันก็จะเปิดเทอมแล้วซินะ ดีใจจังหนูจะได้เจอเพื่อนๆแล้ว ไม่รู้จะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
แต่ก่อนเปิดเทอมหนูตัดสินใจกลับบ้านนอกของหนูหนึ่งอาทิตย์เพื่อไปเยี่ยมพ่อกับแม่ก่อน
จะได้มีกำลังใจมาเรียนต่อให้ดีในเทอมนี้
ขึ้นรถที่หมอชิตรถเดินทางประมาณแปดโมงครึ่ง พอถึงที่นั่นก็สี่โมงเย็นพอดี
หนูสูดอากาศบ้านนอกคอกนาของหนูอย่างคุ้นเคยสดชื่นตัวอำเภอยังเหมือเดิมเลย
อาจมีแปลกตาไปนิดหน่อยบ้าง จากนั้นหนูก็จ้างรถตุ๊กๆให้ไปส่งที่บ้านกลับถึงบ้านก็ห้าโมงเย็นพอดี
เดินเท้าอีกนิดหน่อย ตอลดทางเข้ามาหมู่บ้านก็เห็นคนมองหนูเต็มเลย
คงจะจำหนูไม่ได้ล่ะสิก็หมู่บ้านหนูมันเล็กนิดเดียวรู้จักกันแทบทุกคนแต่หนนี้มันแปลกไป
ไม่มีคนจำหนูได้เลย นี่หนูเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยเชียวหรือ
หนูก็เข้าไปทักลุงๆป้าๆที่รู้จักกันบ้างทักทายพี่น้องแถวนี้กันตามประสา
ทุกคนดูเหมือนจะตะลึงที่หนูสวยขึ้นมาก เรียกคนนู้นคนนี้พี่ป้าน้าอามากันใหญ่เหมือนไม่เคยเห็นหนู
ถามหนูว่าไปเป็นดาราเหรอ หนูก็ได้แต่ปฏิเสธ ดาราอีกแล้ว
ทำไมมีแต่คนคิดว่าหนูเป็นดารากัน ทำใจ ถือซะว่าเราสวยก็แล้วกัน
พี่โชติซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักกันก็อาสาขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งหนูที่บ้าน
พอมาถึงหน้าบ้านก็ขอบคุนพี่แกแล้วก็พูดกันอีกนิดหนึ่งก่อนเดินเข้าบ้าน
“พ่อแม่ หวัดดีจ๊ะ” พ่อกับแม่ได้ยินเสียงหนูก็เลยหันมายิ้มดีใจกันใหญ่คงจะจำเสียงหนูได้ แล้วก็มองหนูอย่างตะลึงๆ
“อีฟ้า นั่นเอ็งรึ” พ่อพูด
“จ๊ะ หนูเอง” หนูพูด
แล้วก็เข้าไปกอดพ่อกับแม่ที่คิดถึงสุดหัวใจพ่อหลูบหัวหนูแล้วบอกกับหนูว่า
“เองสวยเหลือเกิน สวยอย่างกับดารา”พ่อพูด แล้วหันไปยิ้มกับแม่
“เป็นยังไงบ้างอยู่ที่นั่นสบายดีมั๊ย กินน้ำกินท่ากินข้าวกินปลาก่อนเถอะพึ่งจะมาถึงคงเหนื่อยแย่”
หลังจากกินข้าวกินน้ำเสร็จพ่อกับแม่ก็เข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบกับหนู
นั่งคุยกันจนจะสี่ทุ่มพ่อกับแม่ก็เลยจะเข้านอน ปกติบ้านนอกเค้าจะนอนเร็ว สองทุ่มก็นอนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อก็ไปทำงานส่วนแม่ทอผ้าอยู่บ้าน วันนี้แม่จะทำกล้วยบวชชีให้หนูกินด้วย
หนูก็เลยไปตัดกล้วยที่หลังบ้านมาหนึ่งเครือ หนูก็นั่งปอกนั่งหั่นกล้วย ส่วนแม่ก็เริ่มตั้งไฟ
หลังจากนั้นแม่ก็ลงมือทำหนูก็ช่วยแม่หยิบจับนู่นนี่นั่นนิดหน่อย
พอกล้วบบวชชีสุกแม่ก็ให้หนูปั่นจักรยายเอาไปให้น้าบังอรน้าขัน ที่อยู่บ้านละแวกใกล้เคียงกันแถวนี้
พอไปถึงก็โดนซักโดนถามอีกแล้วว่าไปทำอะไรมา เห็นเขาว่าไปเป็นดารา
ข่าวลือเรื่องหนูเป็นดาราแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ไปไหนก็มีแต่คนให้ความสนใจ
โดยเฉพาะหนุ่มๆในหมู่บ้านที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ หนูก็คุยทั่วไปตามประสาคนรู้จักกัน
แล้วก็กลับบ้านไปนอนเล่นใต้ต้นตะขบที่มีเปลผูกเอาไว้ตรงนี้เป็นที่ประจำของหนูเลย
ชอบเอาหนังสือการ์ตูนมานอนอ่าน ตรงนี้ประจำ
เผลอหลับไปได้ซักพักแม่ก็มาปลุกให้ไปอาบน้ำอาบท่าเพราะเริ่มจะเย็นย่ำแล้ว
หนูก็เอาผ้าถุง ผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบ ซึ่งห้องน้ำจะอยู่แยกออกมานอกตัวบ้าน
แล้วก็มาทาครีมแล้วก็ไปช่วยแม่ทำกับข้าว
วันนี้มีน้ำพริกปลาร้ากับผักลวกและผักสดแล้วก็แกงกะทิสวยบัว
พอพ่อกลับมาอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว ก็ลงมือทานอาหารกัน ฝีมือแม่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
...
...
...
...................................................................
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็ถึงเวลาที่หนูต้องกลับแล้ว หนูก็เลยลาพ่อลาแม่ก่อนจะไปก็บอกกับแม่และพ่อว่าจะตั้งใจเรียน
แล้วแม่กับพ่อก็ให้พรหนูนิดหน่อยแล้วก็ลาพี่ป้าน้าอาในหมู่บ้าน
พ่อวานให้พี่โชติขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งหนู บขส ที่อำเภอ
พี่โชติก็ไม่มีอิดออด หลังจากนั้นพี่โชติก็นั่งรอรถเป็นเพื่อนหนู
พอรถมาหนูก็ลาพี่โชติแก่ก็บอกว่าว่าโชคดี ตั้งใจเรียนนะ อย่าลืมบ้านนาละ
แหมใครจะไปลืมล่ะ ก็นี่มันบ้านเกิดหนูนิ
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………….....
พอมาถึงกรุงเทพก็โทรให้พี่ติ๋วมารับ พอมาถึงบ้านเท่านั้นล่ะหลับเป็นตาย
ตื่นมาอีกที ก็มืดและ เหลืออีกสองวันสินะจะเปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก
เหมือนตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆเลย
ไม่ใช่อะไรหรอกพอเปิดเทอมวันนั้นก็จะเป็นวันแรกที่หนูได้ใส่ชุดนักศึกษาหญิงเข้ามหาลัย
แล้วก็จะได้เจอเพื่อนๆแล้วด้วย ว่าแล้วก็ไปจัดชุดนักศึกษาเตรียมไว้ดีกว่า หึหึ เว่อร์ไปป่ะเนี่ยเรา
นนนี่ ชะนีป่า
มาต่อล้าน้าทุกคนหวังว่าคงชอบน้า จะพยายามเขียนยาว และมาลงต่ออย่างสมำ่เสมอ
โปรดช่วยคอมเม้นความคิดเห็นกันด้วยน้าคุนผู้อ่าน เพราะมันเป็นกำลังใจทำให้ผู้เขียนอยากมาต่อไวๆ
ปายและ
หวังว่าคงชอบกันน้า