เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD  (อ่าน 228075 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++

นิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากคุณ ภัคD แล้ว
ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ ภัคD นะคะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++



ก่อนความรักจะเริ่มต้น

ผมชื่อตะวันฉาย...เดิมที ผมควรชื่ออะไรก็ได้แต่ไม่ควรมีคำว่าตะวัน เพราะผมเกิดเวลาเที่ยงคืนแบบไม่มีขาดมีเกินเลยแม้สักวินาที

แล้วทำไมผมชื่อตะวันฉาย?

ก็เพราะบังเอิญผมเกิดทีหลังพี่ชายบ้านข้างๆ ที่บังเอิญชื่อตะวัน และบังเอิญพี่ชายคนนั้นอยากให้ผมชื่อเหมือนตัวเอง และบังเอิญใครๆก็ตามใจพี่ชายคนนั้น...ทั้งๆที่ผมเกิดตอนเที่ยงคืน...

ตะวันฉาย เป็นชื่อที่พี่ชายบ้านข้างๆตั้งให้...พี่ชายบ้านข้างๆที่ตอนนั้นเพิ่งอายุแค่สี่ขวบ...พี่ชายบ้านข้างๆที่เอาชื่อผม มาจากเพลงกล่อมนอนของตัวเอง...

...ตะวัน ตัวน้อยๆ มากฤทธิ์...

...ตะวัน ยามสะกิด ร้อนหลาย...

...ตะวัน ยามแผลงฤทธิ์ น่ากลัว...

....หากยามตะวันฉาย มีใครไม่รัก ตะวัน...

เพลงกล่อมนอน ที่แม่ผมแต่งไว้กล่อมพี่ตะวันนอนตั้งแต่เด็ก...แต่พอผมเกิด แม่ก็เลี้ยงพี่ตะวันจนเบื่อแล้ว เลยไม่มีเพลงกล่อมเด็กให้ผมซึ่งเป็นลูกของตัวเองเลยสักเพลงเดียว...ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไร...เพราะเด็กเกินกว่าจะน้อยใจ เพียงแต่ไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองต้องชื่อ ตะวันฉาย...

น้าโอ๋...แม่พี่ตะวันเรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

น้ามะ...พ่อพี่ตะวันก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

แม่กับพ่อของผมก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

และผมก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน ตามที่ทุกคนเรียก

ทั้งๆที่ ตะวันก็เป็นชื่อของผมด้วยเหมือนกัน แต่ทุกคนเรียกผมแค่ว่า...ฉาย...

พี่ตะวันก็เรียกผมว่า...ฉาย...ด้วยเหมือนกัน ยกเว้นเวลาทะเลาะกัน พี่ตะวันจะเรียกผมว่า...ไอ้กระบอกไฟฉาย!...

มันก็ไม่ได้เจ็บปวด หรือ ทำให้ผมแสบๆคันๆกับชื่อนั้น...เพียงแต่ไม่เข้าใจ ทำไมผมต้องโดนเรียกว่า ไอ้กระบอกไฟฉายด้วยล่ะ ผมเองก็ชื่อตะวันนี่นา...ซ้ำพี่ตะวันนั่นแหละ เป็นคนตั้งชื่อผมว่า...ตะวันฉาย

เมื่อผมขยับโตขึ้นนิด จนรู้ว่าชื่อตัวเองมักโดนเพื่อนๆล้อว่าไฟฉาย และโตพอเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ผมก็เรียกร้องขอสิทธิ์ในการใช้ชื่อตะวัน แทน ชื่อฉาย

“อ้าว แม่เรียกพี่ตะวันแล้ว ถ้าเรียกฉายว่าตะวันอีก แล้วไม่งงแย่เหรอ?”แม่ถามอย่างมีเหตุผลเมื่อผมเรียกร้องสิทธิ์ แต่เมื่อผมยังเป็นแค่เด็กหกขวบ เหตุผลนั้นจึงตกไป

“อือ...งั๊นให้พี่ตะวันเป็น...พี่วัน เฉยๆ แล้วฉาย เป็นฉายดีไหม?”น้าโอ๋ช่วยหลอกล่อด้วยข้อเสนอที่ผมก็ยังคงชื่อฉายอยู่วันยังค่ำ แต่เมื่อผมยังเป็นเด็กหกขวบ เลยหลงประเด็นเห็นดีไปด้วยง่ายอย่างเหลือเชื่อ

“แต่เรียกวัน เรียกฉายเฉยๆ มันสั้นๆนะ งั๊นเอาอย่างพี่นพ ที่ใครๆเรียกว่าตานพดีมั๊ย เป็น...ตาวันกับตาฉาย...ดีมั๊ย?”แม่ถามโดยยกชื่อพี่นพ ลูกชายเพื่อนแม่อีกคนมาอ้าง และเมื่อผมยังเป็นเด็กแค่หกขวบ ทำไมมันจะไม่ดีล่ะ? ผมไม่ต้องชื่อฉายแล้ว แต่เป็นตาฉายและพี่ตะวันก็ไม่ได้เป็นตะวันแต่เป็นตาวัน...ยุติธรรมจะตาย!

เมื่อผมเห็นดีด้วย แม่กับน้าโอ๋ก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่...

นานกว่าผมจะรู้ซึ้งว่า ตาฉายนะฟังดูแก่และ แย่ยิ่งกว่าฉายเสียอีก... แล้วตะวันกับตาวัน มันต่างกันตรงไหนมิทราบ?

รวมหัวกันหลอกเด็กชัดๆ!

ว่าด้วยเรื่องของพี่ตะวัน

พี่ตะวันเป็นพี่ชายบ้านข้างๆ อายุมากกว่าผมสี่ปี...พี่ตะวันก็เกิดตอนเกือบๆจะเที่ยงคืนเหมือนกันกับผมแต่ก็ชื่อตะวัน

แม่พี่ตะวันหรือที่ผมเรียกว่าน้าโอ๋ เจ็บท้องตอนก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น และก็หวังว่าลูกของตัวเองคงจะเกิดพร้อมๆกับแสงแรกของวัน เลยคิดตั้งชื่อไว้ตั้งแต่ตัวเองเจ็บท้องว่าตะวัน แต่ปรากฏว่าพี่ตะวันคงนึกไม่ถูกใจชื่อนั้น เลยไม่ยอมออกมาจากท้องน้าโอ๋เสียทีจนข้ามวันไปยันเที่ยงคืนนั่นแหละถึงยอม

แต่น้าโอ๋ก็ไม่ยอมแพ้ ยืนยันว่าพี่ตะวันต้องชื่อตะวัน โดยอ้างว่า สำหรับน้าโอ๋นั้น พี่ตะวันน่ะ มีชีวิตตั้งแต่น้าโอ๋เริ่มเจ็บท้องแล้ว

“งั๊นเธอก็ต้องนับย้อนไปก่อนหน้านั้นเก้าเดือนแล้วล่ะ!”แม่ผมขัดคอ ตามคำบอกเล่าของพ่อ

“ก็นั่นแหละที่ชั้นอยากบอก แต่มันอาย ใครจะกล้าพูด!”น้าโอ๋ว่า

“อาย?...นี่จำใครมาพูดมิทราบ? รู้ความหมายหรือเปล่า?”แม่ยังแดกดันไม่เลิก ส่วนสาเหตุน่ะ พ่อบอกว่า...แม่น่ะแอบงอน เพราะแอบตั้งชื่ออื่นไว้ให้พี่ตะวันตั้งแต่รู้ว่าน้าโอ๋ตั้งท้องแล้ว

“แล้วเด็กเกิดตอนเที่ยงคืน จะไปตั้งชื่ออีท่าไหนว่าตะวัน?”แม่ยังไม่ยอมแพ้

“อ้าว ก็อย่าบอกใครสิว่าเกิดเที่ยงคืน บอกว่าเกิดหกโมงเช้า...แสงแรกของวัน เท่ห์จะตาย!”น้าโอ๋บอก ดังนั้นเรื่องเวลาเกิดของพี่ตะวันเลยนับเป็นความลับของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้ แต่ความลับที่ว่านั้นก็เปลี่ยนเนื้อความไปนิดหน่อยเมื่อผมเกิด

“เกิดเที่ยงคืน แล้วจะชื่อตะวันฉายได้ไงล่ะ ตะวัน?”น้าโอ๋ให้เหตุผลเด็กสี่ขวบอย่างพี่ตะวันที่นั่งยัน ยืนยัน จนถึงลงไปนอนร้องไห้ยันจะให้ผมชื่อตะวันฉายให้ได้

“ก็อย่าบอกว่าเกิดเที่ยงคืนสิ ให้เกิดหกโมงเย็น แสงสุดท้ายของวัน เท่รองจากตะวันเลย จริงไหมตะวัน?”แม่แนะ พลางถามความเห็นจากพี่ตะวัน ที่ยังนอนร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่บนพื้น

“ตะวันฉาย แล้วจะเป็นแสงสุดท้ายได้ไง?...งั๊นให้ตะวันเกิดตอนเย็น ให้ไอ้ตัวเล็กนี่เกิดหกโมงเช้าแล้วกัน!”น้าโอ๋สรุปเองอีกครั้งโดยไม่ต้องเสียเวลาไปถามหลวงพ่อวัดไหนเรื่องชื่อดีหรือไม่ดี เพราะแม้แต่เวลาเกิด แม่ของเราก็เลือกเปลี่ยนเองกันตามใจจนเสร็จสรรพ

ดังนั้นชื่อของผม...ตะวันฉาย...จึงนับว่า แม้ไม่ได้แลกมาด้วยเลือด แต่ก็แลกมาด้วยน้ำตาของพี่ตะวันเลยก็ว่าได้ และเวลาเกิดของผมกับพี่ตะวันก็ถือว่าเป็นความลับสุดยอดของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้

“ใครรู้ อายเขาตาย!”แม่ว่างั๊น เมื่อมาคิดๆดูทีหลัง

ว่าด้วยเรื่องน้าโอ๋...แม่ของพี่ตะวัน

น้าโอ๋ แม่ของพี่ตะวัน...แม่บอกว่านิสัยต่างกันสุดขั้วกับแม่ จนไม่รู้ว่ามาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ( แต่พ่อแอบบอกว่า...นิสัยเหมือนกันแม้กระทั่งเรื่องไม่ยอมรับความจริง! )

น้าโอ๋ เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กกับพ่อของผม...และนับว่าเป็นรักแรกของพ่อก็ว่าได้

“น้ารู้ว่า แม่ของฉายแอบรักพ่อของฉายอยู่ไง น้าเลยหลีกทางให้”น้าโอ๋เคยแอบกระซิบลับหลังแม่

“หลีกทาง? โดนเขี่ยให้หลีกไปซิไม่ว่า...พ่อของฉายแค่รู้ว่า ของแปลกอย่างนั้นน่ะเหมาะกับการเอาไม้เขี่ยๆดู แล้วเตะทิ้งเท่านั้นแหละ!”และแม่แอบกระซิบลับหลังน้าโอ๋ต่ออีกทีนึง

ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่น้าโอ๋กับแม่พูดอันไหนเป็นความจริง แต่ที่รู้ว่าจริงคือน้าโอ๋เป็นของแปลก!

ตั้งแต่เด็ก น้าโอ๋จูงผมเดินไปไหนก็มักมีแต่คนมองตาม...ตอนแรกผมนึกว่าเพราะน้าโอ๋สวย แต่พอโตขึ้นหน่อยถึงรู้ว่าเพราะน้าโอ๋แปลก...และต่อมาพี่ตะวันก็รับช่วงความแปลกนั้นมาอย่างครบถ้วนแบบที่แม่ว่า...สมกับที่เป็นแม่ลูกกันจริงๆ

แม่เคยเล่าว่าสมัยพี่ตะวันยังเรียนอยู่ม.ต้น...พี่ตะวันไปนั่งละเลงสีที่ผนังห้องน้ำที่โรงเรียน ครูเรียกน้าโอ๋ไปพบ พอเห็นผลงานพี่ตะวันเท่านั้นแหละ น้าโอ๋โวยวายพี่ตะวัน จนอาจารย์ต้องเข้ามาห้าม

“ใจเย็นๆค่ะ คุณแม่ เด็กแค่ไม่เข้าใจ โทษก็ไม่ร้ายแรงอะไรมาก แค่แจ้งให้คุณแม่ทราบเพื่อ...”แต่อาจารย์ยังแจ้งไม่ทันจบ น้าโอ๋ก็สวนกลับถึงความผิดพี่ตะวันอันไม่สมควรจะยกโทษให้ อันว่าด้วยหลักการใช้สีและองค์ประกอบศิลป์ ที่พี่ตะวันทำออกมาผลงานไม่ถูกใจน้าโอ๋เท่าไหร่...แม่บอกว่าอาจารย์น่ะตาค้าง ส่วนแม่ที่ไปด้วย ก็แทบแทรกแผ่นดินหนี...ผลคือพี่ตะวันโดนทัณฑ์บน ส่วนน้าโอ๋รอดตัว เพราะโรงเรียนยังไม่มีนโยบายลงทัณฑ์บนผู้ปกครอง

ตอนฟังแม่เล่า ผมน่ะคิดภาพไม่ค่อยออก มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ตอนพี่ตะวันเข้าเรียนปวช.ใหม่ๆ... สิ่งแรกที่พี่ตะวันทำให้กับตัวเองคือผมทรงเด็ดร็อค จนวันนี้ผมยังจำได้ดีถึงเสียงแม่กรี๊ดลั่นบ้าน ตอนเห็นพี่ตะวันเดินพาผมเด็ดร็อคสั้นติดหนังหัวเข้ามาที่บ้านและเสียงกรี๊ดที่ดังกว่าของแม่นั้นก็ดัง มาจากน้าโอ๋

“นี่ไปทำอะไรมา มากับแม่เดี๋ยวนี้!”น้าโอ๋ พูดพลางลากพี่ตะวันออกไป

“เออ นานๆทีค่อยเห็นทำตัวสมกับเป็นแม่คนหน่อย!”แม่พูดตามหลังน้าโอ๋กับพี่ตะวันไป แต่แม่คิดผิด เพราะพอตกค่ำ น้าโอ๋กับพี่ตะวันก็กลับมาด้วยผมทรงเด็ดร็อค...ที่สวยและยาวกว่าเดิม...แถมเหมือนกันทั้งหัวแม่และหัวลูก...อ๋อ หัวน้ามะ ที่เป็นพ่อด้วยอีกคน!

“จะไปทำก็ไม่รู้จักมาถามแม่ก่อน...นี่ต้องร้านนี่ทำสวย แถมต่อผมให้ได้ด้วย ไม่ใช่ทรงไส้เดือนตอดหนังหัว”น้าโอ๋พูดกับแม่อย่างภูมิอกภูมิใจ ส่วนแม่ก็ยืนมองหัวพี่ตะวันสลับกับหัวน้าโอ๋ และน้ามะแบบตาค้าง

แล้วเหตุผลที่ต้องพากันไปทำแบบยกครัวน่ะ น้าโอ๋บอกว่า...

“จะได้บอกโรงเรียนตะวันว่าเป็นทรงผมกรรมพันธุ์ไง!...พ่อก็ทรงนี้...แม่ก็ทรงนี้...มันเป็นกรรมพันธุ์...หัวตะวันจะไม่เป็นทรงนี้ได้ไง!” น้าโอ๋ว่างั๊น แต่โรงเรียนพี่ตะวันว่าไงก็ไม่รู้ แต่ผมก็เห็นพี่ตะวันไว้เด็ดร็อคได้ยันเรียนจบ จนพี่ตะวันเลือกตัดมันทิ้งเอง...

“แม่มันเป็นยังงี้ แล้วตะวันมันจะเป็นยังไง?”แม่บ่นพึมตอนมื้อค่ำ ส่วนพ่อได้แต่ยิ้มอย่างคนรู้อะไรดีๆ

ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่แปลกใจคือทำไมแม่คิดว่าน้าโอ๋จะต่อต้านที่พี่ตะวันทำผมทรงแปลกๆอย่างนี้ หรือแม่จำไม่ได้ว่าน้าโอ๋ก็เคยไว้...น้ามะ พ่อของพี่ตะวันก็เคยไว้...แถมแปลกกว่านี้ยังเคย... ตัวพี่ตะวันเองก็เคยโดนน้าโอ๋จับถักเปียเต็มหัวตอนช่วงปิดเทอมอยู่บ่อยๆมาแต่เด็ก ซึ่งผมก็เกือบโดน ถ้าแม่ไม่ยื่นคำขาด...อย่ามายุ่งกับหัวลูกชั้น...ของลูกชั้นต้องทรงพังค์ร็อค!...

และแค่ข้ามวัน ผมก็เข้าใจรอยยิ้มแบบคนรู้อะไรดีๆของพ่อ เพราะเย็นวันถัดไปแม่ก็ยืนเกาะรั้วยืนตะโกนเรียกพี่ตะวัน

“ตะวัน น้าซื้อผ้าโพกหัวมาฝาก!”แม่ตะโกนพลางโบกผ้าโพกหัวสีชมพูแป๊ดไปมาให้พี่ตะวันที่เปิดหน้าต่างห้องชั้นบนชะโงกหน้าลงมาดู...

ว่าด้วยเรื่องน้าโอ๋...แม่ของผมเอง

แม่ของผมก็ชื่อโอ๋...พี่ตะวันเรียกแม่ของผมว่าน้าโอ๋ เหมือนที่ผมเรียกแม่พี่ตะวันว่าน้าโอ๋...เราไม่สับสน เพราะผมคงไม่เรียกแม่ตัวเองว่าน้าโอ๋ เหมือนที่พี่ตะวันคงไม่เรียกแม่ตัวเองว่าน้าโอ๋...ดังนั้น เมื่อผมเรียกน้าโอ๋จึงหมายถึงน้าโอ๋แม่ของพี่ตะวัน และเมื่อพี่ตะวันเรียกน้าโอ๋ ก็ย่อมหมายถึงแม่ของผม...

แม่รู้จักกับน้าโอ๋ก่อนจะรู้จักกับพ่อ แต่รู้จักกันได้ยังไงก็ไม่แน่ใจนัก...

“โอ๊ย เรื่องมันยาว และนาน นานและยาวจนจำไม่ได้แล้ว!”น้าโอ๋ว่างั๊น

“เปล่า...ไม่อยากจำ จำได้แต่ว่า...ไม่น่ารู้จักมันเลย!”แต่แม่ว่างั๊น

เพราะน้าโอ๋รู้จักกับพ่อมาแต่เด็ก เรียกว่านอนเปลเดียวกันมาแต่เกิดและ แย่งกันกินนมขวดเดียวกันมาแต่เด็ก แม่จึงพลอยรู้จักกับพ่อไปด้วย

“ถ้าน้าไม่หลีกทาง ฉายไม่ได้เกิดแล้ว!”น้าโอ๋ชอบพูดให้ฟัง

“ใช่...ถ้าเอาไม้เขี่ยออกไปไม่ทัน ฉายกลายเป็นของแปลก กู่ไม่กลับไปอีกรายแล้ว!”แต่แม่ว่างั๊น

ส่วนพ่อบอกว่า...

“พ่อไม่รู้ว่า แม่เขาจะเหมือนน้าโอ๋!”

ว่าด้วยเรื่องตะวันฉาย...ที่ไม่ใช่ผม

ตะวันฉาย เป็นชื่อหมาพันธุ์ปักกิ่ง เทอเรีย ที่แม่ซื้อให้พี่ตะวันตอนวันเกิดอายุครบสามขวบ

ว่ากันว่าพี่ตะวันรักมันมาก ขนาดที่เอามันใส่ถุงหิ้วไปไหนมาไหนด้วยตลอดจนมันแทบจะไม่รู้ว่าตัวเองเดินได้ จนวันหนึ่งมันหลุดออกมาจากถุงและคงเพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินได้ และมันคงติดใจในรสชาติของการเดินมากกว่าการอยู่ในถุง มันเลยวิ่งหนีไปและไม่กลับมาอีกเลย พี่ตะวันนอนร้องไห้อยู่สามวันจนไข้ขึ้น... จนพ่อของผมใจอ่อน ซื้อลูกหมาตัวใหม่ให้โดยแลกเปลี่ยนว่าพี่ตะวันต้องไม่เอามันใส่ถุงอีก

ลูกหมาตัวใหม่ของพี่ตะวันยังเป็นปักกิ่ง เทอเรียที่เหมือนตัวแรกอย่างกับแกะ และยังคงชื่อตะวันฉาย พี่ตะวันไม่ได้เอามันใส่ถุงอย่างที่สัญญากับพ่อ แต่เลือกเอามันใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานสี่ล้อปั่นไปไหนมาไหนด้วยแทน พี่ตะวันไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่วันหนึ่งมันก็หายไป พี่ตะวันนอนร้องไห้ไปอีกสามวันจนพ่อของผมใจอ่อนอีกรอบนึง

หมาตัวที่สามของพี่ตะวันก็ยังคงเป็นปักกิ่ง เทอเรียและชื่อตะวันฉาย...แต่มันเป็นหมานักหนีออกจากบ้าน คือถ้าเผลอ มันจะวิ่งหนีสุดชีวิต...แล้ววันหนึ่งมันก็โดนรถชนตายขณะวิ่งหนีและ ต่อหน้าต่อตาพี่ตะวัน...

“หวิดไปทั้งคน ทั้งหมา!”แม่ว่าอย่างนั้น เพราะพอเจ้าตะวันฉายวิ่งหนี พี่ตะวันก็วิ่งตาม และรถเลือกทับหมาแทนที่จะทับเด็ก

พี่ตะวันยังคงนอนร้องไห้ และหลังจากนั้นสามวัน ผมก็เกิด และชื่อตะวันฉาย เพียงแต่ไม่ใช่ปักกิ่ง เทอเรีย แต่พี่ตะวันก็ตั้งชื่อให้ว่าตะวันฉาย...

ผมไม่มีโอกาสเลี้ยงหมาเหมือนพี่ตะวัน เพราะเมื่อผมร้องไห้อยากได้ลูกหมาตัวเล็กๆพี่ตะวันก็บอกว่า...

“ไม่เอานะฉาย มันน่ารักก็แต่เวลา มันเอาขนมาไว้ข้างนอก แต่เวลามันเอาไส้มาไว้ข้างนอก มันไม่น่ารัก!”พี่ตะวันมักพูดไปร้องไห้ไป...ผมเลยถูกแม่ดุทุกครั้งที่ร้องขอเลี้ยงลูกหมา...

และตั้งแต่ผมเกิด ดูเหมือนพี่ตะวันจะเหมาเอาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวของพี่ตะวันเหมือนเจ้าตะวันฉายสามตัวแรก พี่ตะวันเคยพยายามเอาถุงมาใส่ผม แต่ไม่สำเร็จ เหมือนที่พยายามเอาผมใส่ไว้ในตะกร้าจักรยานสี่ล้อของตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน...มาสำเร็จก็เมื่อเอาผมซ้อนจักรยานปั่นไปไหนมาไหนด้วยกันได้ เพียงแต่เมื่อเวลาของการ์ตูนเรื่องโปรดมาถึง พี่ตะวันก็ปั่นจักรยานหน้าตั้งกลับมาถึงบ้านพร้อมเบาะหลังอันว่างเปล่า... หลังจากนั้นแม่จึงแก้ปัญหาโดยการเอาเชือกมัดผมติดไว้กับหลังพี่ตะวัน...มันไม่ยากเกินคาดเดา...คือล้มคว่ำลงไปทั้งคนทั้งรถ เหลือบาดแผลลูกผู้ชายที่ขาซ้ายพี่ตะวัน กับที่แขนซ้ายของผม มาจนถึงทุกวันนี้

ว่าด้วยเรื่องราวของเรา

อย่างที่เล่า...แม้แม่จะบอกว่าตัวเองกับน้าโอ๋ต่างกันสุดขั้ว แต่ผมเห็นด้วยกับพ่อคือแม่กับน้าโอ๋มีอะไรเหมือนๆกัน...อาจจะไม่เหมือนกันอยู่อย่างเดียวก็คือมีสามีไม่เหมือนกัน...ส่วนลูก แม่บอกว่าผมกับพี่ตะวันเป็นเด็กสาธารณะ คือเป็นลูกสองบ้านเท่าๆกัน...ดังนั้น จึงมีแค่สามีเท่านั้น ที่แม่กับน้าโอ๋มีไม่เหมือนกัน

อย่างที่ผมเล่า...พ่อนอนเปลเดียวกันมากับน้าโอ๋ตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงรักพี่ตะวันเหมือนลูกของตัวเอง... พอๆกับที่รักผมเหมือนลูกของคนข้างบ้านซะงั๊น...

อย่างที่ผมเล่า...ว่าน้าโอ๋เป็นของแปลก และยิ่งยืนยันความแปลกด้วยการเก็บกระเป๋าออกไปท่องโลกพร้อมน้ามะ ที่แปลกพอๆกัน ตอนพี่ตะวันอายุสิบหกปี...ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีทั้งข่าวคราวและไม่เคยกลับมาอีกเลย

อย่างที่ผมเล่า...พี่ตะวันเหมาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวเหมือนไอ้ตะวันฉายสามตัวแรก แม้เวลาจะผ่านไปยิ่งกว่าเนิ่นและนาน แต่ดูเหมือนพี่ตะวันไม่เคยจะยอมเปลี่ยนความคิด...ยังคงเห็นผมเป็นสมบัติส่วนตัว...คือทิ้งขว้างได้ตามใจชอบ...เพราะถ้าไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ก็คงจะทิ้งๆขว้างๆไม่ได้...

และสิ่งที่ผมยังไม่ได้เล่า แต่กำลังจะเล่า...คือเรื่องราวระหว่างเรา...ผมกับพี่ตะวัน... เมื่อมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง...

จบ...ก่อนบทที่1 ...ก่อนความรักจะเริ่มต้น


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2009 20:19:23 โดย THIP »

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เข้ามาให้กำลังใจพี่THIP ชอบเรื่องที่คุณ ภักD เขียนมากเลยคะ :oni2:

palpouverny

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจเหมือนกาน
มาต่อเร็วๆๆๆเน้อ

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ขอบคุณกับเรื่องดีๆของคุณภัคD
ดีใจจังที่จะได้อ่านเรื่องที่มีภาษาสวยๆอีก


มาเป็นกำลังใจให้นะคะ

รออ่านต่อค่ะ :m1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

me// ตาลุกตาวาว


ทิพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

me// เต้นแร้งเต้นกากระพือปีกพรึบๆ


นิยายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

me//  :pighaun:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
กริ้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กริ้ดเป็นเพื่อนเจ้สอง

ชอบมากๆ โดนใจอีกแล้วครับ



เป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์เสมอครับ
  :L2: :L2: :L2:

Mono_Koro

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว  :m1: :m1: :m1:


เรื่องใหม่ของคุณภักดีมาเเร้วววววววววว


รอเป็นกำลังใจให้นะครับ

 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วยิ้มได้เลยครับบบบบบบ


รู้สีกได้ถึงความอบอุ่น.......

ชอภาษาที่ใช้จังครับ

รอตอนต่อไปครับ

ปล.น้าโอ๋อย่างฮา

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อืมๆๆๆ  :m1:เรื่องราวน่าติดตามดีจัง ทั้งที่เนื้อหามันเยอะ แต่ทำไมกลับอ่านได้ไม่เบื่อเลย แถมยังอ่านทุกตัว ทั้งที่ปกติเหนข้อความพรืดๆ แล้วมันมักอ่านแบบลวกๆ เอาแค่พอเข้าใจ :m23:

แต่พอมาอ่านเม้นของคนอื่นๆ ตั้งแต่อ่านเรื่องราวในบอร์ดนี้มา เพิ่งเคยเหนมีคนชมว่าชอบการใช้ภาษา สงสัยจะเพราะเหตุนี้เหมือนกัน ที่ทำให้เราอ่านแล้วไม่เบื่อ :m4:

จะคอยติดตามผลงานค่ะ  ฝากตัวเปนแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยคน :L2:

ปล. ชอบตอนสุดท้ายจังค่ะ ข้อความนี้อ่ะ ใจมันเจ็บแปลบๆไงไม่รู้ :m15:
อย่างที่ผมเล่า...พี่ตะวันเหมาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวเหมือนไอ้ตะวันฉายสามตัวแรก แม้เวลาจะผ่านไปยิ่งกว่าเนิ่นและนาน แต่ดูเหมือนพี่ตะวันไม่เคยจะยอมเปลี่ยนความคิด...ยังคงเห็นผมเป็นสมบัติส่วนตัว...คือทิ้งขว้างได้ตามใจชอบ...เพราะถ้าไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ก็คงจะทิ้งๆขว้างๆไม่ได้...

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kwa

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ .. ดีใจที่เรื่องนี้มาที่เล้าเป็ด

เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว ประทับใจสุดๆ กับทั้งเนื้อเรื่องและภาษาที่ใช้


 o13 o13 o13

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ต้องสนุกแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :a2:

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ครูคนเมือง

  • บุคคลทั่วไป
โอ้โห ภาษา

อ่านแล้วสะดุ้งเลย

ขอบอกว่าสุดยอดมากๆ
อ่านไม่มีสะดุดสักนิด แทรกอารมณ์ขันได้อย่างพอเหมาะพอดี

โดยรวม

เริ่ดดดดดดดดด o7

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เรื่องขึ้นต้นมาก็น่ารักเลย  :m1:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :oni1:

sirasyung

  • บุคคลทั่วไป
ได้อ่านเรื่องใหม่แล้ว  :laugh:

เริ่มเรื่องได้น่ารักมากกกกก :o8:

มาอัพต่อเร็ว ๆ นะฮับ รออ่าน :oni2:

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
น่าติดตาม และ ตามติด 

อิอิ :m23:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ทิพจ๋า

ถึงแม้ว่าตอนที่พิมพ์ข้อความอยู่นี้สองยังจะมี "ความเมา" หลงเหลืออยู่ในสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง

เพราะเมาค้าง

แต่ที่แน่ใจได้เลยว่าเป็นความจริง

คืออยากอ่านนิยายเรื่องนี้ต่อจ้า

ทิพเชื่อสองเหอะ

สองอยากอ่านจริงๆ


สอง

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1

ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....


ความรักมันเริ่มเมื่อผมถูกปลุกขึ้นมากลางดึกคืนหนึ่ง เพื่อมายืนดูพี่ตะวันที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับ กางเกงเลสีชมพูสดแสบตาเหมือนรองเท้าแตะและผมเดร็ดร็อคยาวๆไม่ตอดหนังหัว... ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าบ้าน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพี่ตะวันร้องไห้ เพราะบ่อน้ำตาพี่ตะวันตื้นกว่าน้ำก้นถ้วยน้ำจิ้มเสียอีก

“ก็โดนตามใจจนเคยตัว คิดว่าพอร้องไห้แล้วก็ได้ทุกอย่าง!”...ไม่ใช่คำพูดของน้าโอ๋...หรือของแม่ หรือของพ่อผมหรือน้ามะ...แต่ มันเป็นแค่บทพูดในละครทีวี ที่พอทุกคนได้ยิน ก็หันไปมองดูพี่ตะวัน ก่อนหันกลับมามองหน้ากันเองและถอนหายใจอย่างเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

“ทำไมตะวันจะร้องไห้ไม่ได้...ถ้าร้องไม่ได้ น้ำตามันไหลออกมาได้ยังไงล่ะ?”ส่วนนี่คือคำพูดของพี่ตะวัน ที่ยืนกรานว่าตัวเองมีสิทธิ์จะร้องไห้ ตราบใดที่ร่างกายยังผลิตน้ำตาออกมาได้

แต่วันนี้พี่ตะวันมายืนร้องไห้ด้วยข้อเรียกร้องที่พ่อกับแม่หามาให้ไม่ได้...

ตอนนั้นผมยังเป็นแค่เด็กอายุสิบสองขวบที่กำลังเกือบๆจะได้ฝันเปียกครั้งแรก ซึ่งก็ถือว่าช้ากว่าคนอื่น ผมจึงทำได้เพียงยืนอ้าปากหวอ พยายามลืมตาซึ่งสำเร็จก็แค่ข้างเดียว มองดูพี่ตะวันที่น้ำตาไหลพลั่กๆ ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้แม่

...จะไปค้นหาตัวเอง อาจใช้เวลาสักหนึ่งวัน...สองคืน...สามอาทิตย์...สี่เดือน หรือห้าปี...ไม่ต้องห่วง...

จดหมายจากน้าโอ๋กับน้ามะ สั้นๆ ง่ายๆ หากแต่ดูจะไม่ได้ใจความอะไรเลย...

ผมไม่รู้ว่าน้าโอ๋ กับน้ามะ มี ‘ตัวเอง’อะไรให้ต้องค้นหากันอีก...ในเมื่อน้าโอ๋กับน้ามะก็เป็นตัวเองอย่างกู่ไม่กลับตามคำบอกของแม่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

การหายตัวไปของน้าโอ๋กับน้ามะ เรียกร้องเอากับใคร หรือแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ เพราะในจดหมายบอกไว้อยู่แล้วว่า...หรือห้าปี...ดังนั้นเมื่อยังไม่พ้นห้าปี เราก็คงต้องรอไปเรื่อยๆ

“มองโลกในแง่ดี...ก็ยังดีที่พวกมันไม่เขียนต่อว่า ห้าปี หรือหกชาติ!”แม่พูดหลังจากอ่านจดหมายของน้าโอ๋กับน้ามะ...ไม่รู้ว่าแม่หวังจะปลอบใจพี่ตะวันหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ก็ถือว่าได้ผล เพราะพี่ตะวันมองแม่ตาปริบๆ ลืมร้องไห้ไปได้แป๊บนึง...

คืนนั้นพี่ตะวันเลยมานอนที่บ้าน ในห้องผม บนเตียงผมและกับผม...ที่เกือบๆจะได้ฝันเปียกครั้งแรกถ้าไม่ถูกปลุกขึ้นมาเสียก่อน

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คือทำให้พี่ตะวันหยุดร้องไห้ และขึ้นไปนอนหลับอยู่บนเตียงกับผม มันก็เป็นภาคต่อของการฝันเปียกครั้งแรก...ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมความสำเร็จของการฝันเปียกครั้งแรก...แต่ในฝัน บุคคลนิรนามของฝันเปียกครึ่งแรกก่อนถูกปลุกกลับกลายเป็นพี่ตะวันในฝันเปียกครึ่งที่สองหลังหลับต่อ...

เขาว่ารักครั้งแรกยากจะลืม...

เขาว่ารักครั้งแรก จะเปลี่ยนตัวเราไปตลอดกาล...

แล้วฝันเปียกครั้งแรกล่ะ?

ผมไม่รู้ว่าฝันเปียก มันทำปฏิกิริยากับความผูกพัน ผสมผสานกับเสียงสะอื้นน่ารำคาญ และคลุกเคล้าจนเข้ากันดีกับอ้อมแขนของพี่ตะวันที่ใช้ผมแทนหมอนข้างในคืนนั้น จนเคาะพิมพ์ออกมาได้เป็นความรักหรือเปล่า...แต่นับจากวันนั้น ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากผ่านฝันเปียกไปอีกสองหรือสามครั้ง โดยมีพี่ตะวันครองบทบาทผู้แสดงนำ...ผมก็ตัดสินใจบอกรักพี่ตะวัน

“ฉายรักตะวัน...”ผม...เด็กชายอายุสิบสองขวบ กำลังบอกรักพี่ชายที่เพิ่งเป็นกำพร้าบ้านข้างๆ ซึ่งอายุสิบหกขวบ

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!”พี่ตะวันตอบอย่างอารมณ์บูดๆ คงเพราะยังไม่ค่อยชินกับสถานะความเป็นกำพร้าเท่าไหร่

อกหักหรือเปล่า?ไม่มั๊ง ก็ผมยังไม่ได้ยินการปฏิเสธ...

“ฉาย...รัก...ตะวัน”ผมพูดทวนอีกครั้ง เผื่อเมื่อกี้จะพูดเร็วไปจนฟังไม่รู้เรื่องอย่างที่พี่ตะวันว่า

“อารมณ์ไหนเนี่ย!?”พี่ตะวันพูดด้วยอารมณ์ที่ยังบูดสนิทเหมือนๆเดิม แต่ดันย้อนถามผมว่าอารมณ์ไหน แต่ผมตอบไม่ถูกเพราะไม่แน่ใจว่า รัก...นี่จัดเป็นอารมณ์รูปแบบนึงหรือเปล่า

“อารมณ์รัก” แต่ผมก็ตอบออกไปแบบนั้น และแถมไปอีกหนึ่งประโยค เมื่อเห็นพี่ตะวันกำลังใช้ส้อมจิ้มหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจานตรงหน้าไป

“แม่ทอดให้คนละห้าชิ้น ฉายเพิ่งกินไปสี่ชิ้น ชิ้นสุดท้ายของฉาย!”

หลังจากเป็นกำพร้า พี่ตะวันก็มากินข้าวบ้านผมทุกวัน และเกือบๆจะทุกมื้อ ซึ่งจริงๆก็เหมือนกับตอนก่อนเป็นกำพร้า เพราะพี่ตะวันมักบอกว่าน้าโอ๋แม่ตัวเองทำกับข้าวไม่อร่อย...ซึ่งผมเห็นจริงด้วย นึกเสียดายวัตถุดิบทุกทีที่น้าโอ๋ริทำกับข้าว...แต่ใช่ว่าแม่ผมจะทำอร่อยหรอกนะ...แค่อร่อยกว่าน้าโอ๋ทำเท่านั้นเอง...

“ชิ้นนั้นของฉาย!”ผมย้ำอีกครั้ง เมื่อพี่ตะวันยังจิ้มหมูชิ้นสุดท้ายไปใส่จานตัวเอง

“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

“งั๊นทำไมตะวันไม่เสียสละให้ฉายล่ะ?”ผมถาม มองดูหมูทอดอันควรจะเป็นสิทธิ์ของผมแต่อยู่ในจานพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องเสียสละล่ะ?”พี่ตะวันย้อนถามก่อนจิ้มหมูทอดด้วยซ้อมอีกครั้ง

“ก็ความรักคือการเสียสละ...”ผมทวนสิ่งที่พี่ตะวันบอก

“อือ...”พี่ตะวันรับคำผม ก่อนส่งหมูทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง

ผมอกหักซะแล้ว...หมูทอดชิ้นสุดท้ายคือการปฏิเสธความรักของผมอย่างละมุนละม่อมที่สุด...

แต่ยังไม่ทันได้เศร้า ผมก็ต้องรีบจิ้มหมูทอดชิ้นก่อนสุดท้ายในจานตัวเองเข้าปาก เพราะเห็นพี่ตะวันเหลือบตามองมัน...การถูกปฏิเสธความรักครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับเด็กอายุสิบสองขวบอย่างผม ผมไม่ต้องการให้พี่ตะวันใช้หมูทอดชิ้นก่อนสุดท้ายมาเป็นเครื่องมือปฏิเสธความรักของผมเป็นรอบที่สอง

“เพื่อนชวนตะวันไปขายตัว...”พี่ตะวันหันไปบอกแม่ หลังจากกลืนหมูทอดของผมลงคอไป

“คราวนี้เป้าหมายของการขายคืออะไรอีกล่ะ?”แม่ถาม เพราะแม่คิดว่าการกระทำทุกอย่างบนโลกนี้มีที่มาและที่ไป มีสาเหตุและเป้าหมายเสมอ...ยกเว้นก็แต่น้าโอ๋...และตัวแม่เอง

และที่ต้องมีคำว่า...คราวนี้ และ อีกล่ะ...เพราะหลังจากพี่ตะวันเป็นกำพร้า ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่พี่ตะวันตัดสินใจจะขายตัว...

“พรุ่งนี้ตะวันต้องซื้อสี กับเฟรมวาดรูป”พี่ตะวันบอกเป้าหมายการตัดสินใจไปขายตัว

“เท่าไหร่?”แม่ถาม

“สี่ร้อยบาท...”พี่ตะวันตอบ

“ก่อนจะขายครั้งต่อไปก็มาถามน้าก่อน น้าไม่มีให้เมื่อไหร่ ค่อยไปขายนะ รู้รึเปล่า!”แม่บอกเป็นครั้งที่สามเช่นกัน หลังจากหยิบแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าส่งให้พี่ตะวัน

“อย่าลืมทอนมาหนึ่งร้อยบาท!”ผมบอก เพราะห้าร้อยลบสี่ร้อยย่อมเท่ากับหนึ่งร้อยบาท

“ตะวันต้องไปขา...”พี่ตะวันจะพูดอะไรไม่รู้สักอย่าง แต่จริงๆก็ไม่ยากเกินคาดเดานัก แม่เลยตัดบท คงเพราะขี้เกียจฟัง...

“ไม่ต้องทอน เอาไว้ไปโรงเรียน!”

“ขอบคุณครับ แม่กลับมาแล้วตะวันจะเอามาคืนให้”พี่ตะวันพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณแม่ แล้วก็ลุกจากโต๊ะไป

“ฉายอกหัก!”ผมบอกแม่ เมื่อพี่ตะวันเดินออกจากห้องไปแล้ว

“เมื่อไหร่?”แม่ถาม

“เมื่อกี้!”ผมตอบ ไม่เข้าใจว่าแม่จะถามทำไม ในเมื่อตอนผมบอกรักและพี่ตะวันปฏิเสธ แม่ก็ยืนล้างถ้วยจานอยู่ใกล้ๆ

“แม่อกหักครั้งแรกตอนอายุสิบขวบ แม่นึกว่าฉายเคยอกหักแล้วซะอีก ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้...เพราะฉะนั้นอย่าพูดไปนะ อายเค้า!”แม่พูดหลังจากมองดูผมและขยับตัวไปมองดูพี่ตะวันที่เดินไปล้มตัว นั่งดูทีวีกับพ่อที่ห้องนั่งเล่น แล้วแม่ก็ยกจานไปล้างอีกครั้ง ไม่สนใจผมอีก...

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....


FOAM

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1
..

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....



ชอบอ่า.........

อ่านแล้วชอบจัง

ชอบสำนวนการเขียนแบบนี้ครับ

รอตอนต่อไปครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

madboo

  • บุคคลทั่วไป
กร๊าก~ น้องตะวันฉายฮาสุดยอด
น่าจะให้พี่ตะวันไปขายตัวดูนะ =[]="
แล้วพ่อแม่ไม่ทิ้งเงินไว้บ้างเลยหรือไงกัน

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้แล้ว อารมณ์เหมือนดูแฟนฉัน  :m23:

ชอบเรื่องแบบเนี่ย รัก LOVE เรื่องนี้เลยอะ  :m1:

ช๊อบชอบ  :oni1:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ผมไม่รู้ว่าฝันเปียก มันทำปฏิกิริยากับความผูกพัน ผสมผสานกับเสียงสะอื้นน่ารำคาญ และคลุกเคล้าจนเข้ากันดีกับอ้อมแขนของพี่ตะวันที่ใช้ผมแทนหมอนข้างในคืนนั้น จนเคาะพิมพ์ออกมาได้เป็นความรักหรือเปล่า...แต่นับจากวันนั้น ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้


 :m4: :m4:ชอบตอนนี้ค่ะ เรียงร้อยถ้อยคำได้น่ารักจังค่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
 :o

ทิพนี้เหมือนมีญาณเลยอะ

เอามาลงจิ้มตูดสองเลย อิอิ

เรื่องนี้เวลาอ่านต้องตั้งใจนิดนึงเนาะ  อ่านด้วยสปรีดความเร็วเดิมๆ ไม่ได้  เด๋วมันจะงง  อิอิ

แต่สองเจอจุดพลาดแหละ....“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

มันน่าจะเป็น "บรรจงราด"  หรือเปล่า

ช่วยถามคุณคนเขียนให้ด้วยนะ


สอง

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1
..

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....



ชอบอ่า.........

อ่านแล้วชอบจัง

ชอบสำนวนการเขียนแบบนี้ครับ

รอตอนต่อไปครับ

คิดเหมือนกันเลย :m1:
กะชอบตอนนี้มากๆอ่า...
“ชิ้นนั้นของฉาย!”ผมย้ำอีกครั้ง เมื่อพี่ตะวันยังจิ้มหมูชิ้นสุดท้ายไปใส่จานตัวเอง

“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

“งั๊นทำไมตะวันไม่เสียสละให้ฉายล่ะ?”ผมถาม มองดูหมูทอดอันควรจะเป็นสิทธิ์ของผมแต่อยู่ในจานพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องเสียสละล่ะ?”พี่ตะวันย้อนถามก่อนจิ้มหมูทอดด้วยซ้อมอีกครั้ง

“ก็ความรักคือการเสียสละ...”ผมทวนสิ่งที่พี่ตะวันบอก

“อือ...”พี่ตะวันรับคำผม ก่อนส่งหมูทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง

ผมอกหักซะแล้ว...หมูทอดชิ้นสุดท้ายคือการปฏิเสธความรักของผมอย่างละมุนละม่อมที่สุด...

คิดได้ไงอ่า สุดยอด :o8:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งเหงว่าทิพย์เอานิยายเรื่องใหม่ของคุณภัคDมาลง ยางมะได้อ่านเยย อิอิ   :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2008 21:59:51 โดย •=»‡Ke®oro‡«=• »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ครอบครัวนี้ป่วงดี ชอบๆ  :a2:

Mono_Koro

  • บุคคลทั่วไป
จบตอนที่หนึ่งเเบบอึ้งๆ


ชอบสำนวนเขียนมากเลยครับ


เป็นกำลังใจให้นะครับ

  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด