
กระผม...เฮียหน่อยร้านกาแฟ
ขอขอบพระคุณทุกๆคอมเม้นท์แลข้อแนะนำแก้ไขคำผิดของนายท่านขอรับ
แลผู้ที่ทายทักได้ถูกต้องว่าเป็นเสียงของ "หลวงอรรถ"
กระผมขอมอบ...บรรดากิ๊กทั้งหมดของกระผมให้นายท่านขอรับ(เอาป่าว)คริคริ

ในคราแรกกระผมตั้งเป้า(หมาย)เอาไว้ว่า
กระผมจักเพียรพยายามปลุกปั้น
"ทาสรัก....สมัครใจ" ให้ได้สักสี่สิบบทตอน
เพลานี้ก็จวนจักสำเร็จดังที่มุ่งมาดปรารถนาไว้แล้วขอรับ
ถึงแม้นว่า"เอ็นซี"จาก"ตำรากามสูตร"จักแทรกซึมไปเกือบทุกบททุกตอน
หากกระผมก็รับรู้รับทราบได้ว่า...นายท่านโปรดปรานยิ่งนัก ใช่ฤาไม่(ชิมิ)ขอรับ คริคริ

ทาสรัก....สมัครใจ....37
บนเรือนคุณนายแฉล้มเพลานี้
คุณนายแฉล้มเจ้าเรือน
นั่งเอนกายจวนนอนอยู่บนฟูกปูลาด
หน้าตั่งไม้เนื้อดีกลางยกพื้นเรือนชาน
กายแบบบางแลดูระโหยโรยแรงของท่าน
หากมิมีหมอนอิงใบใหญ่แล้วไซร้
มิแคล้วคงมิอาจประคองร่างกายให้นั่งได้เยี่ยงนี้
ขุนจำเริญนั้นเล่า...
นั่งพับเพียบเรียบร้อยเก็บปลายเท้าเรียว
ก้มใบหน้าพริ้มเพราเพียงน้อยสำรวมนิ่งอยู่
หากเพลานี้มีผู้ใดลอบมองพิจารณาท่านแล้วไซร้
จักเห็นได้ว่าหน้าหวานนวลของขุนจำเริญขึ้นสีแดงซ่าน
ไอ้ลอยคนซื่อ
นั่งยอบค้อมตัวต่ำ ก้มหน้างุด
อกใจสั่นไหวระรัวราว “นักโทษประหาร”
ที่รั้งรอคำพิพากษาชี้ชะตาชีวิตของมันด้วยใจจดจ่อยิ่ง
ใบหน้าคมเข้มเพลานี้ซีดเซียว
แลแววตาตื่นตระหนกหวาดระแวง
“คุณย่าขอรับ คุณย่าเป็นเยี่ยงใดบ้างขอรับ”
ขุนจำเริญทนรอต่อไปมิไหว
ด้วยความเงียบเข้าครอบงำปกคลุม
บนเรือนคุณนายแฉล้มมาพักใหญ่
ครั้นเห็นเจ้าเรือนสีหน้าขึ้นสีเลือด
มิซีดเผือดดังก่อนหน้านั้นแล้ว
ขุนจำเริญจึงขยับกายเข้าไปใกล้
มือบางข้างหนึ่งสัมผัสแผ่วเบา
ลงตรงหน้าตัก
ภายใต้ผ้านุ่งของผู้สูงวัย
“กรรมเวรอันใดหนอ....
จึงนำพาเจ้าทั้งสองมาต้องชะตา
ผูกสมัครรักใคร่กันเยี่ยงนี้
นายกับบ่าวต่างฐานันดรว่ายากแล้ว
จำเพาะเพศพรรณเยี่ยงเดียวกัน
จักยากยิ่งกว่าหนักหนาสาหัส”
คุณนายแฉล้มทั้งสงสารแลสมเพชเวทนา
คนทั้งสองที่นั่งอยู่เบื้องหน้านาง
“กระผมเป็นผู้กระทำผิด
แต่เพียงผู้เดียวขอรับคุณนายแฉล้ม
ขุนจำเริญท่านมิได้ยินยอมพร้อมใจ
ไปด้วยกันกับกระผมดอกขอรับ”
ไอ้ลอยตะลีตะลานรับผิดเสียเอง
ด้วยเกรงขุนจำเริญจักเสียหาย
“ชิชะไอ้ลอย
เอ็งอ้าปากข้าก็แลเห็นถึงไรฟันของเอ็งเสียแล้ว
หน้าเยี่ยงเอ็งนี้ฤา....
จักกล้าหักหาญเอากับหลานข้าได้”
คุณนายแฉล้มลุกนั่ง
แล้วชี้หน้าไอ้ลอยอย่างหมั่นไส้
มันเกรงขุนจำเริญเสียยิ่งกว่าหนูกลัวแมวเยี่ยงนี้
ไฉนเลยจักกล้าย่ำยีขุนจำเริญหลานท่านได้
“คุณย่าขอรับ หลานคนนี้แหละขอรับ
ที่ลวงหลอกชักจูงเจ้าลอยคนซื่อ
ให้กระทำการเยี่ยงนี้
ตั้งแต่คราที่เจ้าลอยยังเดียงสาขอรับ”
“ดูทีรึ แย่งชิงกันเป็นตัวต้นตอต้นเหตุ
รักชอบกันมิลืมหูลืมตากันเยี่ยงนี้
ย่าหนักอกหนักใจแทนเจ้าเหลือเกินหลานเอ๋ย”
คุณนายแฉล้มลูบหลังไหล่ของขุนจำเริญ
ด้วยเวทนา...แลปราณี
********************************************
“เอาเถิดเลิกกล่าวโทษตนเอง
ในเรื่องราวที่ผ่านพ้นเสียที
ทำเยี่ยงไรก็แปรเปลี่ยนมันไปเสียมิได้
ย่าเองเห็นสมควรว่าเจ้าทั้งสอง
จำต้องบอกกล่าวพ่อแม่ของเจ้า
ให้รับรู้เรื่องราวเสีย"
คุณนายแฉล้มท่านเล็งเห็นว่า
คงจักปิดเรื่องราวนี้มิได้นาน
ควรเร่งชิงบอกกล่าวเสียก่อน
หนักจักได้คลายเป็นเบา
“มิได้ดอกขอรับคุณย่า
พ่อแม่ของหลานมิมีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ขอรับ
โดยจำเพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของหลาน
จริงอยู่ว่าท่านจักเป็นผู้มีเมตตายิ่งนัก
หากทว่า....
ท่านจักเป็นผู้ที่เข้มงวดเด็ดขาดนักหนาขอรับ”
ขุนจำเริญกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
“อุบ๊ะ ย่าเจ้ายังอยู่ทั้งคน
ผู้ใดจักกล้าขวางทางข้าให้มันได้เห็นดีกันสิ
แล้วถ้าพ่อแม่เจ้ามารับรู้โดยบังเอิญ
มันจักยิ่งยุ่งยากหนักหนากว่าเดิมรู้ฤาไม่
เรื่องเพียงเท่านี้ไฉนเจ้ามิคิดได้เองเล่า”
หากเป็นเพลาอื่น
ขุนจำเริญแลไอ้ลอยเป็นได้หัวร่อ
ด้วยเห็นขันในกริยาค้อนควัก
เยี่ยงสตรีสาวน้อยของคุณนายแฉล้มเป็นแน่
ขุนจำเริญผินหน้ามาพยักพเยิดกับไอ้ลอย
ที่เพลานี้มันทำได้เพียงนั่งตาโต อ้าปากหวออยู่
สองคนนายบ่าวคลานเข่ามาตรงหน้าคุณนายแฉล้ม
เคียงคู่ค้อมตัวลงกราบอ่อนน้อม
ตรงพื้นกระดานเบื้องหน้าคุณนายแฉล้ม
“เจ้าเป็ดน้อยใหญ่สองตัวเอ๋ย
ใยตามมาตอแยข้าเสียจริง”
คุณนายแฉล้มนึกขันในใจ
คราท่านแลเห็นภาพตรงหน้า
มีภาพทับซ้อนลางเลือน
เป็นเจ้าเป็ดน้อยสีขมิ้นสองตัว
พากันหมอนนอน
แลยิ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า
***********************************
ไอ้ลอยบังคับรถม้าลาก
ผู้โดยสารบนรถม้าด้านในจักเป็นผู้ใดไปเสียมิได้
นอกเสียจาก....
คุณย่าแลหลานชายคู่ใหม่สดร้อน
จากบนเรือนคุณนายแฉล้มเมื่อครู่
ระยะทางจากเรือนคุณนายแฉล้มณ.ถนนตก
ไปยังเรือนพระยาศรีพิพัฒน์นั้นไกลโข
หากไอ้ลอยใคร่ให้เส้นทาง
ยืดยาวไกลกว่าเดิมเสียเหลือเกิน
ไอ้ลอยมันมิกลัวโทษทัณฑ์อันที่มันจักได้รับ
หากมันให้ห่วงขุนจำเริญ...ดวงใจของมันยิ่งนัก
จักมีบุพการีผู้ใดในพระนคร
ที่จักยอมรับในความสัมพันธ์อันพิลึกพิลั่น
ผิดธรรมชาติแลจารีตประเพณีเยี่ยงนี้ได้เล่า
อีกบิดาขุนจำเริญท่าน
ดำรงตำแหน่งรั้งยศศักดิ์
เป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ชั้น”พระยา”
เสียงขุนจำเริญที่ดังรอดมา
ให้ไอ้ลอยได้สดับแผ่วเบาเป็นระยะ
เสียงหวานใสเจื้อยแจ้ว
สลับกันกับเสียงหัวร่อของคุณนายแฉล้ม
มีผลดีทำให้ไอ้ลอยใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
คนในห้องโดยสารมีเรื่องอันใด
จึงได้รื่นเริงบันเทิงใจ มิหนักอกทุกข์ใจกัน
กับเหตุการณ์ในเพลาอันใกล้นี้หรือไรกันหนอ
ยิ่งระยะทางเข้าใกล้
จวนถึงเรือนพระยาศรีพิพัฒน์
ไอ้ลอยแลเห็นความวุ่นวายจอแจ
แลผู้คนมากมายแตกตื่น
“พี่ดำๆ มีอันใดกันฤา แลดูผู้คนวิ่งกันพล่าน”
ไอ้ทาสดำที่วิ่งตะลีตะลานหน้าตาตื่นตระหนกผ่านมา
มันหยุดค้อมตัว เอาสองมือวางจับตรงหัวเข่าตน
เหงื่อกาฬไหลท่วมตัว ลมหายใจหอบเหนื่อย
“ลอย...ไอ้ลอย...แย่แล้วๆ ไฟไหม้เรือนท่าน
ข้าจักรีบไปแจ้งนครบาล”
ว่าแล้วไอ้ทาสดำก็วิ่งจากไป
ไอ้ลอยเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่แดงฉาน
ควันไฟสีดำมืดครึ้มพวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน
โดยมิรั้งรออันใด
ไอ้ลอยใช้แส้หวดม้าเทียมลากอย่างแรงซ้ำๆหลายคราว
ให้เร่งฝีเท้าไปในทิศทางต้นเพลิง
ขุนจำเริญแลคุณนายแฉล้มได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโร
ทั้งสองย่าหลานจึงแย้มผ้าม่านออกมามองดูภายนอก
“ลอย...เกิดอะไรขึ้น...ทำไม”
ขุนจำเริญระล่ำระลักถามไอ้ลอย
“ไฟไหม้เรือนท่านพระยาขอรับ”
ไอ้ลอยมิหันมากลับ
มันตั้งหน้าหวดม้าด้วยแส้อย่างเต็มแรง
“พุทโธ่เอ๋ย...
ทำใจให้มั่นไว้ก่อนหลานข้า ย่าเจ้าอยู่นี่”
คุณนายแฉล้มโอบกอดปลอบโยนขุนจำเริญ
ที่เพลานี้ร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
“คุณพ่อคุณแม่ของหลาน...ฮือฮือ
จักเป็นเยี่ยงไรกันบ้างหนอ
แล้ว...ฮือฮือ..
แล้วยังน้องแดงของหลานอีกเล่า
คุณย่าขอรับ ช่วยหลานด้วยเถิดขอรับ”
หญิงชรากลับเป็นผู้มีสติดีเสียกว่าขุนนางหนุ่มน้อย
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหลานคนใหม่ของตน
นางเฝ้าปลอบประโลมให้คลายตระหนกแลตื่นกลัว
******************************************************
บริเวณหน้าเรือนพระยาศรีพิพัฒน์เพลานี้
โกลาหลยิ่งนัก
ทั้ง...
ผู้คน
ข้าวของ
เสียงตะโกนโหวกเหวก
เสียงร่ำไห้
เสียงสั่งการ
เสียงไม้ปะทุจากเปลวไฟ
แล
ควันดำโขมงที่โพยพุ่งออกมาจากตัวเรือน
“พี่รอด นายท่านปลอดภัยกันทุกคนฤาไม่”
ไอ้ลอยกระโจนลงจากที่นั่งคนบังคับรถม้า
วิ่งตรงไปหาไอ้บุญรอดหัวหน้าทาส
ที่กำลังยืนสั่งการบรรดาทาสทั้งชายหญิง
ข้าวของกองพะเนินระเกะระกะอยู่บนพื้นหน้าเรือน
ได้ถูกโยกย้ายออกไปจากบริเวณมิให้กีดขวาง
เหล่าทาสชายกายกำยำ
วิ่งรอกกันหิ้วน้ำจากชายท่า
สาดน้ำกันโครมครามหวังดับไฟ
หากแต่เปลวเพลิงเพียงชะลอ
มิได้สยบกับน้ำเพียงน้อยนิด
“คุณหญิงแลคุณหนูแดงท่าน
มืดหน้าลมจับนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้โน่น
แต่ท่านพระยายังมิออกมา..
ข้า...ข้ามิรู้จักทำ....เยี่ยงใด
ลอย..ไอ้ลอย...
อย่า...อย่าเข้าไป”
ไอ้ทาสรอดตะโกนสุดเสียง
เมื่อไอ้ลอยวิ่งตรงดิ่งเข้าไป
ที่บันไดหน้าเรือน
ท่ามกลางไอร้อนระอุจากเปลวเพลิง
เสียงไม้ปะทุ แลเปลวไฟที่แลบเลียตัวเรือน
ดูน่ากลัวแลอันตรายยิ่งนัก
“ลอย...โธ่ลอย...ฮือๆ...เจ้าเข้าไปทำไมกัน
กลับมา...ลอย...ฮือๆ...กลับมา”
หากคุณนายแฉล้มแลไอ้ทาสรอด
มิทันได้ฉุดรั้งเอาไว้
ขุนจำเริญท่านคงวิ่งตามไอ้ลอยไปในเปลวเพลิง
ขุนจำเริญแลคุณนายแฉล้ม
มิทันฟังความจากปากไอ้ทาสรอด
จึงมิรู้ได้ว่า...
ไอ้ลอยจักเข้าไปในกองเพลิงเพื่อการใด
“นี่มันเรื่องอันใดกัน เกิดอันใดขึ้น
แล้วไอ้ลอยมันวิ่งเข้าไปทำไมกัน”
คุณนายแฉล้มได้สติ
จึงเร่งสอบถามไอ้ทาสรอด
ส่วนขุนจำเริญนั้นเล่า
ร่ำไห้จนหมดสติไป
บ่าวไพร่อุ้มกายบางปวกเปียกไปสมทบ
กับคุณหญิงมารดาแลคุณหนูแดงน้องสาว
“ยังมิรู้ว่าต้นตอเป็นเยี่ยงไรขอรับ
จู่ๆก็มีควันไฟโพยพุ่งออกมา
จากห้องด้านหลังเรือนขอรับ
เคราะห์ดีคุณหญิงท่านแลคุณหนูแดง
อยู่ในสวนนอกเรือนขอรับ
แต่พระยาท่านงีบพักอยู่ในห้องหับ
ป่านนี้ยังมิมีวี่แววจักออกมาเลยขอรับ”
“แล้วอีพวกบ่าวไพร่ข้าทาสชายหญิงบนเรือนเล่า
พวกมันมัวมุดหัวทำอันใดกันอยู่
จึงมิเข้าไปช่วยนายมัน”
คุณนายแฉล้มตวาดไอ้ทาสรอดเสียงดังด้วยแรงโทสะ
“เพลาก่อนเพลิงไหม้
มีบ่าวไพร่สองสามคนอยู่บนเรือนขอรับ
จนเพลานี้ยังมิมีพวกมันคนใด
ออกมาจากเปลวไฟเลยขอรับ”
“แล้วพวกมึงยืนเฉยกันอยู่ใย
ไฉนเพลาก่อนหน้านี้มิเข้าไปช่วย”
คุณนายแฉล้มให้ขุ่นเคืองใจนัก
“พวกกระผมมาถึงก็ขึ้นไปบนเรือน
หวังช่วยเหลือพระยาท่านขอรับ
หากเปลวเพลิงโหมแรงเสียเหลือเกิน
เข้าไปได้เพียงเรือนชานด้านหน้าขอรับ
ทำได้เพียงยกย้ายข้าวของลงมาจากเรือนขอรับ”
ไอ้ทาสรอดมันทำทุกอย่างเต็มกำลังของมันแล้ว
“เอ็งจงเร่งเก็บงำข้าวของให้พ้นทาง
อีกประเดี๋ยวนครบาลแลหน่วยเพลิงคงจักมาถึง
จักได้มิเกะกะกีดขวางทาง”
คุณนายแฉล้มยืนชี้นิ้วสั่งการโน่นนี่
แก่เหล่าบ่าวไพร่ข้าทาสอย่างกระฉับกระเฉง
ยิ่งกว่าชายอกสามสี่ศอก
ขุนจำเริญเพลานี้
ฟื้นคืนสติจากการปรนนิบัติพัดวี
ครั้นแลเห็นมารดาแลน้องสาวปลอดภัยดีแล้ว
ก็ให้เป็นห่วงพระยาผู้บิดาที่ยังคงอยู่บนเรือน
แลไอ้ลอยที่วิ่งปราดเข้าไปช่วยเหลือ
โดยมิมีผู้ใดยับยั้งทัน
“คุณพ่อของลูก...ลอย..ลอยจ๋า...ฮือฮือ....”
ขุนจำเริญผุดลุกขึ้น
แล้ววิ่งเข้าไปตรงหน้าเรือน
“อย่า...อย่าเข้าไป
ไอ้อีลูกทาสจับยึดหลานข้าไว้ให้มั่น
โถ..พ่อคุณของย่า..
ระงับอกระงับใจรอคอยเพียงภายนอกเถิด”
คุณนายแฉล้มเอะอะโวยวาย
คราเห็นขุนจำเริญจักตามเข้าไป
ในกองเพลิงที่เริ่มโหมตามแรงลม
ไอ้ทาสรอดแลไอ้ลูกทาสอีกสองสามคน
ดึงรั้งเอาไว้ได้ทัน
ต้องใช้ทาสร่างกำยำถึงสามสี่คน
จึงหยุดยั้งขุนจำเริญเอาไว้ได้
เดชะบุญของขุนจำเริญเสียเหลือเกิน
แผ่นกระดานไม้แผ่นใหญ่โต...
ดำเป็นตะโกที่ปลายด้านหนึ่ง
กระเด็นร่วงหล่นมาตกลง
ตรงหน้าถึงปลายเท้าขุนจำเริญ
หากมิมีผู้ใดดึงรั้งขุนจำเริญไว้แล้วไซร้
ขุนจำเริญคงเหลือเพียงนามท่าน
หากตัวตนนั้นจักได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว

*************************************************
เขียนเองตื่นเต้นเสียเองขอรับ
ไอ้หน่อย...ใจสั่น(สู้)เบย

จากภาพขอรับ
1. "อะจ๊ากกกก...ผู้ใดถีบไอ้ลอยขอรับ ไอ้ลอยมิได้อยากเป็นฮีโร่นะขอรับ"
(ไอ้ลอยโดนทีนถีบเข้าไปในกองเพลิงขอรับ)
2. "มิเป็นไรดอกขอรับ เพื่อพระยาพ่อตา...ไอ้ลอยสู้ๆขอรับ"
(ไหนๆไอ้ลอยก็โดนถีบเข้าไปแล้ว...เอาหน้าเสียเลยขอรับ)
3. "เมียขอบคุณนะ....ปั๋วจ๋า"
(อร๊ายยย...พูดจา)
4. "เราสู้...อุปสรรคใดจักมิอาจขัดขวางได้
ด้วยเราสองจักฟาดฟันกันเอง เอ๊ยจักฟันฝ่าไปด้วยกันขอรับ"
(มีดาบน่ะขอรับ...เผื่อแป๊ก)
[attachment deleted by admin]