
ทาสรัก....สมัครใจ....32
บรรยากาศบนเรือนพระยาศรีพิพัฒน์เพลานี้จัดว่าเข้าขั้นวิกฤตทีเดียว
ด้วยนายเงินแต่ละคน
ไม่เพียงผู้มาเยือน แต่ทว่าเจ้าของเรือนก็เฉกเช่นเดียวกัน
ล้วนแล้วแต่เพียรพยายามระงับอารมณ์ขุ่นเคืองของตัวอย่างที่สุด
อารมณ์ที่บังเกิดขึ้นนั้น
มิมีผู้ใดจักโมโหโทโสไปมากน้อยกว่ากันนัก
หากมีผู้ใดสังเกตพิจารณาดูอย่างถ่องแท้แล้วไซร้
จักเห็นได้ว่ามีคนผู้หนึ่งหาได้ขุ่นเคืองเยี่ยงผู้อื่นไม่
หากคนผู้นั้นกลับกระวนกระวายคล้ายกลัดกลุ้ม
แลคนผู้นี้จักเป็นใครไปเสียมิได้
นอกจาก “คุณแป้งร่ำ” ต้นตอแห่งปัญหาทั้งมวลในเพลานี้
ก่อนที่จักมีผู้ใดพูดจากัน คุณหนูแดงเธอโพล่งขึ้นมาว่า
“คุณพ่อเจ้าขา เพลานี้เราจักคุยกันด้วยเรื่องภายใน
ลูกเห็นว่าสมควรจักให้บ่าวไพร่ทั้งหลายออกไปก่อนจักดีฤาไม่เจ้าคะ”
ด้วยคุณแดงสังเกตแลรู้ทันว่าเหล่าข้าทาสต่างเอียงหูฟัง
มิพ้นเก็บเรื่องบนเรือน
กลับไปนินทากันในหมู่ทาสสนุกปากกันเป็นแน่
แม้นพวกมันจักจงรักแลภักดีต่อนายเงิน
หากเรื่องติฉินนินทานั้นไซร้
มิมีมนุษย์ผู้ใดจักอดกลั้นไว้ได้
“พวกเอ็งลงจากเรือนข้าไปเสียให้หมดทุกคน
แม้นแต่ไอ้อีที่มากับท่านพระยาแม้นมนตรีนายเงินของมันก็ตาม
จงลงตามกันไปเสียให้สิ้น
แลพวกเอ็งทั้งมวลจงไปให้ห่างเรือนข้า
อย่าได้ชะแง้มาแส่เรื่องบนเรือน”
พระยาศรีพิพัฒน์ที่แต่เดิมนั้น ท่านเป็นนายเงินที่มีเมตตายิ่งนัก
มิเคยใช้อารมณ์ฉุนเฉียวแลวาจาเกรี้ยวกราดเยี่ยงนี้กับเหล่าข้าทาส
เพลานี้กลับหงุดหงิด ขวางหูขวางตาไปเสียทุกสิ่งอย่าง
“ไอ้รอดเอ็งคอยกันอย่าให้ผู้ใดขึ้นมาบนเรือน
จนกว่าข้าจักคุยธุระกับสหายข้าให้แล้วเสร็จ”
ไอ้ทาสบุญรอดหัวหน้าทาสทั้งมวล จึงรับคำนายเงินว่า
“ขอรับนายท่าน”
ครานั้นไอ้รอดมันจึงจัดแจงเร่งพวกไอ้อีทั้งหลายให้ลงจากเรือนจนโกลาหล
เงียบเสียงไปมินาน พระยาศรีพิพัฒน์จึงผินหน้ากลับมา
สายตาขุ่นเขียวของผู้เป็นบิดามองจ้องมายังขุนจำเริญลูกท่าน
น้ำเสียงที่ข่มกลั้นโทสะของท่านกล่าวถ้อยคำ อันบ่งบอกความผิดหวังมากมาย
“ขุนจำเริญลูกพ่อ เจ้าจงบอกพ่อของเจ้ามาอย่างลูกผู้ชายเสียเถิด
ว่าเจ้าได้ทำเรื่องบัดสีกับลูกพระยาท่าน เป็นเรื่องจริงฤาเท็จประการใด
จงบอกพ่อมา....ให้พ่อได้ยินได้ฟังจากปากของเจ้าเสียเอง”
ยังมิทันที่ขุนจำเริญจักตอบคำ
พระยาแม้นมนตรีท่านได้กล่าวแทรกมาเสียก่อนว่า
“พระยาศรีพิพัฒน์ท่านพูดเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกันสหายข้า
แม่แป้งร่ำลูกข้าจักท้องกับผู้ใดได้ นอกจากคู่หมาย
ขุนจำเริญ....ข้ามิได้รังเกียจในอันที่จักยกลูกสาวข้าให้ตบแต่งกับเจ้า
ไฉนเจ้าใจเร็วด่วนได้ ชิงสุกก่อนห่าม มิเห็นแก่หน้าข้าเยี่ยงนี้”
พระยาแม้นมนตรีหน้าบึ้ง
หากความเจนจัดในวงสังคมนั้น
ส่งผลให้น้ำเสียงตำหนิขุนจำเริญของท่าน
ฟังดูมิรุนแรงเท่าใดนัก
“กระผมมิเข้าใจขอรับ คุณพ่อแลคุณอาพูดถึงเรื่องอันใดกันขอรับ”
ขุนจำเริญเคืองขุ่น
ตนนั้นมิได้ทำสิ่งผิด แต่กลับถูกปรักปรำ
จึงทำใจดีสู้เสือถึงสองตัว
“แม่แป้งร่ำ เจ้าเป็นผู้เสียหาย
จงแจกแจงให้แก่ผู้กระทำเสียเองเถิด
พ่อละอายปากเกินกว่าจักกล่าว”
พระยาแม้นมนตรีผินกายกลับหลังหันไปบอกธิดาของท่าน
คุณแป้งร่ำเพลานั้นก้มหน้างุดอยู่
คราได้สดับยินเสียงบิดา
พลันสะดุ้ง
หลังไหล่สั่นระริก
เธอส่ายหน้าไปมามิยอมเงยขึ้นมามองดูผู้ใด
ขุนจำเริญขบปากกัดฟันข่มอารมณ์ แล้วจึงกล่าวว่า
“คุณพ่อคุณแม่แลคุณอาทั้งสองขอรับ
กระผมขออนุญาตพาน้องแป้งร่ำไปพูดคุยกันในสวนได้ฤาไม่ขอรับ
เผื่อว่าบางทีกระผมกับน้องแป้งร่ำ
จักได้ทำความเข้าใจให้ตรงกันเสีย ก่อนที่เรื่องจักถึงหูผู้ใหญ่ขอรับ”
“มะ..มิต้องดอกเจ้าค่ะคุณพ่อ
ลูกมิมีเรื่องอันใดจักคุยกับคุณพี่จำเริญดอกเจ้าค่ะ”
คุณแป้งร่ำเกิดความตระหนก
เงยหน้าซีดเซียวขึ้นมากล่าวระล่ำระลัก
เสียงสั่นพร่าคล้ายผู้มีชนักติดหลัง
“ในเมื่อเจ้าว่ามิมีเรื่องส่วนตัวอันใด
จักคุยกับขุนจำเริญลูกข้าแล้วไซร้
เพลานี้เจ้าจงเอ่ยปากออกมา
ท่ามกลางพยานทุกคนในที่นี้เสียว่า...
ลูกในท้องของเจ้าเกิดแก่ผู้ใด”
พระยาศรีพิพัฒน์แม้นจะฉุนเฉียวแลขึ้งโกรธ
หากท่านนับเป็นผู้เฉลียวฉลาดแลมีไหวพริบ
สมกับกินตำแหน่งเป็นถึงขุนนางชั้นพระยา
คราเห็นกริยามีพิรุธของคุณแป้งร่ำธิดาของสหายแล้วนั้น
แลร่วมกับสีหน้าถ้อยคำของขุนจำเริญ
ที่มิได้ตระหนกตกใจเยี่ยงผู้กระทำผิดเลยแม้แต่น้อย
เพลานั้นภายในใจท่านคิดไปว่า
จักเป็นการกล่าวความข้างเดียวของคุณแป้งร่ำเสียกระมัง
“กล่าวออกมาเถิดคุณพี่แป้งร่ำเจ้าขา
บนเรือนเพลานี้มิมีผู้ใดจักซ้ำเติมคุณพี่ดอกเจ้าค่ะ
อีกครั้นพอได้ทราบความกันแจ่มแจ้งแล้ว
จักได้เร่งแก้ไขนะเจ้าคะ”
คุณหนูแดงให้รู้สึกสงสารคุณแป้งร่ำที่เอาแต่ก้มหน้างุดอย่างละอายใจ
“พี่...พี่มิมีอันใดจักกล่าวดอกน้องแดง”
คุณแป้งร่ำอ้อมแอ้มพูดเบาๆอยู่ในลำคอ
คล้ายมิเต็มใจตอบความ
“น้องแป้งร่ำเป็นเยี่ยงนี้แล้วจักรู้เรื่องกันได้อย่างไร
ฤาน้องจักให้พี่เป็นผู้เอ่ยความจริงเสียเอง”
ขุนจำเริญเล็งเห็นว่าจักเสียเวลาเปล่า
ด้วยคุณแป้งร่ำเธอมัวแต่อมพะนำ
“ดีเหมือนกัน เจ้าเป็นลูกผู้ชาย
คงจักมิหลบเลี่ยงสิ่งที่ได้กระทำลงไป”
พระยาแม้นมนตรีใคร่ระอาธิดาตน
“กระผมมิได้....”
ขุนจำเริญกล่าวมิทันจบ
“คุณพ่อเจ้าขา ลูกในท้องของลูก.....”
คุณแป้งร่ำกล่าวมิทันจบ
“น้องแป้งร่ำจ๊ะ
เพลาน้องจักกล่าวหาผู้ใด
พี่ขอเถิด....
ขอให้ถ้อยคำที่น้องจักเอ่ยออกมา
มิทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นแพะรับบาปเลยนะ”
น้ำเสียงแลสายตาของขุนจำเริญที่ส่งมานั้น
เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแลเห็นอกเห็นใจในโชคชะตา
คุณแป้งร่ำพลันรู้สึกละอายใจยิ่งนัก
“ฮือ ฮือ คุณพ่อคุณแม่เจ้าขา ลูกทำผิดไปแล้วเจ้าค่ะ
ลูกในท้องนี้ยังมิมีพ่อ
อีกแม่มันยังจักทำเรื่องน่าอับอายเสียอีก”
สองมือบางตีอกชกตัว คล้ายเสียสติ
ปากน้อยพูดพร่ำเพ้อ ตัดพ้อโชคชะตา
น้ำตาไหลพรากอาบใบหน้า
ที่เพลานี้แลดูโศกศัลย์ทุกข์ตรม
พระยาแม้นมนตรีแลภรรยาอีกทั้งธิดาท่าน
ลาจากไปด้วยความโล่งอกของคนบนเรือน
“น่าสังเวชใจเสียจริง แม่แป้งร่ำใยมิยับยั้งชั่งใจเสียบ้างเลย
หลวงบวรผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเสเพล แลเป็นเสือผู้หญิง
ลูกเมียรึก็มีออกเต็มบ้านเต็มเมือง
ทั้งเมียแต่งเมียเก็บ บ้านเล็กบ้านน้อย
ด้วยถือว่าบิดาเป็นพ่อค้าแพรพรรณที่นับว่าร่ำรวย”
พระยาศรีพิพัฒน์ให้เคียดแค้นความเขลาของธิดาสหาย
“อพิโธ เวรกรรม เกือบไปแล้วไหมล่ะเจ้าคะคุณพี่
หากลูกจำเริญของเรามิเสียงแข็งขึ้นมา
มิตกกระไดพลอยโจนตบแต่งไปเสียแล้วฤา
เยี่ยงนี้เห็นที จักเอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอมสิเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์ลูบอก
“ลอยเอ๋ย.....
เคราะห์ร้ายของผู้อื่นกลับกลายเป็นเคราะห์ดีของเจ้ากับข้าเสียแล้ว
วันรุ่งพรุ่งนี้เถิด....
ข้ากับเจ้าจักได้พลอดรักกัน มิมีสิ่งใดให้กังวล”
ขุนจำเริญยิ้มกริ่ม วาดหวังไว้ภายในใจ
ด้วยวันรุ่งพรุ่งนี้....
ไอ้ลอยจักได้มารับงานเสมียนตราหน้าห้องของขุนจำเริญเป็นการชั่วคราว
“หน้าตาระรื่นเหลือเกินนะลูกข้า
นับเนื่องจากนี้ต่อไป หากเจ้ายังมิอยากมีคู่ครอง
พ่อก็จักมิบังคับขืนใจเจ้าอีกต่อไป
คิดแล้วพ่อให้เจ็บใจนัก
พระยาแม้นมนตรีหากมิได้เป็นสหายกันกับพ่อ จักได้มีคดีกันแน่”
พระยาศรีพิพัฒน์ถอนใจกับเรื่องที่บังเกิดขึ้นบนเรือนเมื่อครู่
“คุณพ่อขอรับ
การเชื่อฟังแลปฏิบัติตามคำของบิดามารดาเป็นเรื่องของความกตัญญูรู้คุณขอรับ
ลูกขอรับปากคุณพ่อคุณแม่ว่า
ลูกคนนี้จักทำตามใจปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่ทุกประการขอรับ
แต่ได้โปรดเมตตา เว้นไว้ให้ลูกเพียงเรื่องคู่ครองเถิดขอรับ
นอกเหนือเรื่องนี้แล้ว
คุณพ่อคุณแม่จักให้ลูกบุกน้ำลุยไฟเยี่ยงใด ลูกยอมสิ้นขอรับ”
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิงได้ฟังแล้ว
เกิดความรู้สึกว่าตนเจ้ากี้เจ้าการชีวิตลูกมากเกินควร
ทั้งสองจึงได้ตกปากรับคำ
“ตามใจเจ้าเถิดลูกเอ๋ย พ่อแลแม่มิควรบังคับใจเจ้าเสียตั้งแต่ต้น
ต่อไปภายหน้าเจ้าจักรักชอบผู้ใด
พ่อแลแม่จักมิขัดขวางใจเจ้าอีกต่อไป”
คำสัญญาที่พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิง
กล่าวโดยมิทันไตร่ตรองให้รอบคอบในวันนี้
จักถูกทวงถามในกาลต่อมาฤาไม่
จักมิมีผู้ใดล่วงรู้ได้
************************************************
“ไอ้ดำ..
เอ็งจงรีบนำซองกระดาษนี้ไปให้ลอย...เอ้อ...ไอ้ลอย
ที่บ้านคุณนายแฉล้มตรงถนนตก เอ็งรู้จักทางฤาไม่”
ขุนจำเริญมองซ้ายขวา
เห็นปลอดคนแล้วจึงยื่นของในมือส่งให้ไอ้ทาสดำ
ไอ้ทาสดำมันเป็นคนคล่องตัว
ทำการใดให้ว่องไวทันใจนัก
แลมันมิปากเปราะปากโป้งแพร่งพรายออกไปสู่ผู้อื่น
“กระผมรู้จักบ้านคุณนายแฉล้มดีขอรับนายท่าน”
“เอ็งจักต้องส่งให้ถึงมือไอ้ลอย แล้วมิต้องพูดจาอันใด
หากรอเอาคำตอบจากไอ้ลอยกลับมาให้ข้าด้วย
ข้าจักรอเอ็งอยู่ที่เรือนแพ
เอ็งจงรีบไปรีบมาอย่าไถล”
สั่งคำแล้วขุนจำเริญก็หยิบเบี้ยจากชายพกส่งให้ไอ้ดำ
“เอ้า....ข้าให้ค่าเหนื่อยเอ็ง”
“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน”
ไอ้ดำมันดีใจ
รับเงินมาแล้วรีบขมวดเก็บไว้ที่ชายพกของมัน

นายท่านขอรับ
เนื่องด้วย"หนู"ของกระผมมันโยเยโฉเก
เพลานี้กระผมจำต้องข้ามไปยังฝั่งพระนคร เพื่อจักจับจ่ายมาใช้ใหม่สักตัว
อีกเป็นเคราะห์ดีจักได้ไปชมมหรสพ..."โนอาห์" แลรับทานข้าวโพดคั่วสตรอว์เบอร์รี่
ประเหมาะเคราะห์ดีอาจได้กระทบไหล่ศิลปินร๊อคที่ไทยทิคเก็ทขอรับ

จากภาพขอรับ
1.
"ขุนจำเริญกระทำเยี่ยงนี้ ไอ้ลอยใคร่แพ่นกระบาลท่านนักขอรับ"2.
"ลอยจ๋า....ข้าจำต้องแอ๊บแมน เพลาอยู่นอกเรือนแพ"3.
"ลูกในท้องของน้อง...มีผู้ใดจักรับฤาไม่เจ้าคะ"
4.
"ข้ามิรับดอก ข้าเองก็ใคร่อยากเป็นมารดาเยี่ยงเจ้า"5.
"ขุนจำเริญขอรับ....เพลาใดท่านใคร่อยากรับทานหอย
ได้โปรดสั่งไอ้ลอยมาเถิดนะขอรับ ขุนจำเริญมิควรรับทานหอยเรือนอื่น
จักเสาะท้องท่านนะขอรับ
[attachment deleted by admin]