
ขอขอบคุณคำชี้แนะข้อมูลที่ถูกต้องขอรับ
น้ำแข็งในเพลานั้น ยังมิมีแพร่หลายจริงดังคำของท่านขอรับ
ขอโปรดอภัยในความหละหลวมของกระผมด้วยเถิด
ในภายภาคหน้า กระผมจักระมัดระวังให้จงหนักขอรับ
คาดว่าความผิดพลาดจักลดน้อยถอยลงไปนะขอรับ

**************************************************
ทาสรัก....สมัครใจ....28
ราตรีสุดท้ายแห่งการจากลา
ควรจักเป็นเพลา พร่ำคำหวานแลมอบรสรักให้แก่กัน
หากความคิดสองนายบ่าวเพลานี้ แตกต่างแยกกันออกไปคนละทิศละทาง
ขุนจำเริญนั้น ให้ยินดียินยอมเสียสละความสุขของตนได้ เพียงเพื่อให้ไอ้ลอยได้เป็นไท
อีกทั้งได้เข้าร่ำเรียนในโรงเรียนกฎหมายตามตั้งหวังไว้
ตรงกันข้ามกันกับไอ้ทาสลอย
ที่มันกลับมิยินดีปรีดากับโอกาสที่มันได้รับมาโดยมิคาดฝัน
ความเป็นอิสรภาพจากลูกทาสเป็นไท...หวานหอมก็จริงอยู่
ความก้าวหน้าเกริกไกรที่ใครๆใคร่ไขว่คว้า มิควรละทิ้งให้หลุดมือ
แต่สิ่งเหล่านี้ จักมีคุณค่าคุณประโยชน์อันใดแก่มัน
หากต้องแลกมาด้วยการพลัดพราก จากยอดดวงใจของไอ้ลอย
“เชื่อฟังคำข้าสักคราเถิดลอยเอ๋ย
ดังโบราณท่านได้ว่าไว้ จงอดเปรี้ยวไว้จักได้กินหวานในภายหลัง
อดทนเสียเถิด กายเราห่างกันไกล หากแต่ใจเรามิห่างไปแห่งใด
ความรักของเรา....
เจ้าแลข้า จักมิเสื่อมคลายไปตามระยะทางแลเวลาดอก”
ขุนจำเริญกล้ำกลืนฝืนข่มความรู้สึกอันแท้จริงของตน
ที่มิอยากให้ไอ้ลูกทาสลาจากไป
แต่ครั้นจักทำตามใจ หวังเพียงความสุขของตัว
มันมิใช่วิสัยผู้เห็นแก่อนาคตเบื้องหน้า ที่จักสดใสคอยอยู่
“ขุนจำเริญขอรับ ขุนจำเริญท่านมิมีเมตตาแก่ไอ้ลอยดังก่อนแล้วฤาขอรับ
ใยท่านจึงเจตนาขับไล่ไสส่งมันให้ลาจากท่านไปเยี่ยงนี้
ขุนจำเริญท่านหมดรักไอ้ลอยแล้วใช่ฤาไม่ขอรับ”
หยาดน้ำตาของไอ้ลูกทาสคนซื่อเริ่มคลอที่หน่วยตา
ตาคมที่เคยว่าหวาน เพลานี้แปรเปลี่ยนเป็นตาคมที่หม่นหมองเศร้า
“ลอยเอ๋ย.....
แม้นผืนดินบนโลกากลบหน้าข้า ก็มิอาจปิดกั้นขัดขวาง
ความรักความเมตตาแลความปรารถนาดีของข้าที่มีต่อเจ้าได้ดอก
ลอยมิควรพูดคำเยี่ยงนี้ จักเป็นการดูถูกน้ำใจรักของข้ายิ่งนัก ฮือ ฮือ”
ฝืนข่มได้มินาน อีกถ้อยคำตัดพ้อของไอ้ลูกทาส
ทำให้ขุนจำเริญบังเกิดความน้อยใจแลเสียใจขึ้นมา
“ขุนจำเริญขอรับ ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยขอรับ
อภัยให้ไอ้ลอยด้วยเถิดขอรับ”
ไอ้ลูกทาสมันตื่นตระหนก
คราขุนจำเริญปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างฝืนระงับไว้มิได้
ไอ้ลอยตระกองกอดขุนจำเริญ พลางใช้มือหยาบของไอ้ลูกทาสต่ำต้อย
บรรจงเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลพรากออกมา จากดวงตาหวานปนโศกของนายเงิน
ผลัดกันตัดพ้อ ผลัดกันปลอบโยน ผลัดกันซับน้ำตา ผลัดกันโอบกอด
วนเวียนเยี่ยงนี้ไปมิรู้จบมิรู้สิ้น จวบจนเพลาใกล้รุ่งสาง
“ระงับอกระงับใจไว้เสียบ้างเถิดลอยเอ๋ย
จากลากันเพียงชั่วขณะเวลา มิได้ลาจากกันตลอดกาล
อย่างไรเสียเพลาเจ้าว่าง จงมาหาข้าที่กระทรวง
อีกทั้งงานเอกสารชั่วคราวก็จักมีให้เจ้าได้ทำมิหวาดไหว
ดีทั้งมิต้องฟุ้งซ่าน ดีทั้งได้พบปะหน้ากันอีกครา
อีกดีทั้งเจ้าจักได้เก็บงำสะสมอัฐไว้ไถ่ถอนนางน้อมแม่เจ้า ให้เป็นไทได้ในเร็ววัน”
คำปลอบขวัญที่ขุนจำเริญมอบให้นั้น
ภายหลังกลับกลายเป็นแรงใจแลแรงผลักดัน
ส่งเสริมให้ไอ้ลอยได้มีมานะ น้ำอดน้ำทน
มิย่นย่อต่อความยากลำบากแลอุปสรรคกีดขวาง
*********************************************************
วนเวียนกอดจูบร่ำลากันจวนได้เพลา
ไอ้ลอยจึงปลีกตัวไปยังกระท่อมทาส เพื่อแวะอำลานางน้อมแม่ของมัน
“แม่ดีใจเหลือเกินลูกเอ๋ย วาสนามาถึงเอ็งโดยมิทันตั้งตัว
อยู่ที่ใดจงอย่าลืมพระคุณท่าน ทั้งนายเก่าแลนายใหม่
จงมีความเจริญก้าวหน้า ตั้งใจขยันหมั่นเพียรเถิดลอยของแม่
เอ็งมิต้องเป็นกังวลห่วงใยแม่ให้มากนัก จักเสียงานเสียการ
ถนนหนทางมาเรือนพระยาศรีพิพัฒน์ท่าน เอ็งก็รู้ดี
หมั่นมาเยือนท่านบ้าง มิใช่ไปแล้วไปลับ มิเช่นนั้นจักนับเป็นเนรคุณ”
นางน้อมเตือนลูกนางด้วยสติปัญญาของนาง
แม้นคำสอนของนางทาสจักมิได้เฉลียวฉลาดนัก
หากความรู้คุณนายเงินแลผู้มีพระคุณนั้น
เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด
*****************************************************
“กว่าจักพิรี้พิไรกันแล้วเสร็จ ถั่วก็สุกงาก็ไหม้เสียสิ้น
มัวอืดอาดพรรณนี้ เมื่อใดจักก้าวหน้าได้ดิบได้ดีกัน”
นางแฉล้มเขม้นมองไอ้ลอย ที่บัดนี้เป็นไทแลอยู่ในปกครองของตน
เห็นหน้าของไอ้ลอยที่เศร้าหมอง แล้วให้คิดในใจว่า
“นี่ฤาสีหน้าไอ้ลูกทาสที่ได้ไถ่ถอนมาเป็นไท
จะหาความยินดีสักนิดก็หาไม่”
คราเหลือบมองขุนจำเริญที่ทรุดตัวลงนั่ง
ขุนนางหนุ่มน้อยไหว้เคารพนางด้วยความนบนอบ
หากสายตามิยอมสบ คล้ายจักแฝงความขุ่นเคืองในใจ
การอาบน้ำร้อนมาก่อนกัน ประสบการณ์ที่สั่งสม
บอกกับนางแฉล้มว่า.....
ทั้งสองนายบ่าวหาได้มีความยินดีปรีดาไปกับการไถ่ตัวลูกทาสในครานี้
นางแฉล้มลอบถอนใจ แล้วกล่าวต่อหน้าคนทั้งเรือนใหญ่ของพระยาศรีพิพัฒน์ว่า
“ข้ามิได้จักพาไอ้ลอยไปฆ่าไปแกง อย่าริทำหน้าตาสลดหดหู่เยี่ยงนี้
ติดที่ติดทางบ้านท่านเรือนท่านแหล่งเกิดของเอ็ง ก็เป็นเรื่องดี
หักใจมิได้ เอ็งจักกลับมาเยือนมาขอพักค้างเรือนนายเก่าเป็นครั้งคราว
ข้าก็มิได้ขัดขวาง ขอเพียงอย่าทำซังกะตายให้ข้ารำคาญตาเป็นพอ”
นางแฉล้มว่าแล้ว ก็ให้สังเกตเห็นขุนจำเริญแลไอ้ลอยลอบสบตากัน
อันว่าดวงตาเสมือนเป็นหน้าต่างของดวงใจนั้นจริงแท้แน่นอน
สายตาที่สบกันนั้น มิต่างจากครานางแฉล้มประสานสายตากับสามีที่ล่วงลับ
“ข้าจักทำผิดหรือถูกกันหนอ เจ้าหนุ่มสองคนตรงหน้าข้า
มันจักมีอันใดเกินกว่านายบ่าวเสียกระมัง”
ไอ้ลอยดีใจจนปิดเอาไว้มิได้
“ไอ้ลอยกลับมาได้ฤาขอรับคุณนายแฉล้ม จริงๆฤาขอรับ”
เป็นคราวเคราะห์ดีของไอ้ลอย ที่คำพูดของมันสร้างความขบขัน
จึงมิทันมีผู้ใดสงสัย
หากแต่มิรอดสายตาจับจ้องของผู้อุปการะมัน
“มาเถิดข้าอนุญาต หากแต่จะไปไหนมาไหนเอ็งจงแจ้งแก่คุณนายแฉล้มท่านเสียให้เรียบร้อย
ด้วยเพลานี้เอ็งมิได้เป็นไอ้ลูกทาสในเรือนข้าแล้ว”
พระยาศรีพิพัฒน์ผู้มีใจอารีกล่าวกับไอ้ลอย
“ไอ้ลอยขอกราบขอบพระคุณ คุณนายแฉล้มแลนายท่านบนเรือนใหญ่ขอรับ
ที่เมตตาไอ้ลอยที่แสนต่ำต้อย
พระคุณของท่านไอ้ลอยจักจำสลักไว้ในหัวของมัน มิให้ลืมเลือนขอรับ”
ไอ้ลอยก้มลงกราบแทบเท้าผู้มีพระคุณของมัน
พระยาศรีพิพัฒน์เมินหน้าไปเสียด้านข้าง ด้วยบังเกิดความสมเพช
ท่านคิดเพียงว่า
“มนุษย์เราเกิดมาต่างกันด้วยบุญทำกรรมแต่งแต่ชาติภพก่อน
หากจักมีสักกี่คนกันหนอ ที่จักได้รับโอกาสเยี่ยงไอ้ลอย”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์แลคุณหนูแดง ต่างยกชายผ้าแถบขึ้นมาซับน้ำตา
ที่คลอออกมา ด้วยวิสัยหญิงที่มักตื้นตันใจได้โดยง่าย
ส่วนขุนจำเริญนั้นเล่า กลั้นยิ้มไว้เพียงมุมปาก
หากใจดวงน้อยของขุนนางหนุ่มน้อย ที่แต่เดิมห่อเหี่ยวอับเฉา
พลันพองฟูอิ่มเอม เสมือน”กระดี่ได้น้ำ”
ทว่า.....
“มิได้ลาไปตายเสียหน่อย คร่ำครวญจนเกินการ
เอ็งมันต้องหนักแน่นให้จงได้ คราออกไปสู่โลกแห่งความเป็นไท
จักมิมีนายเงินคุ้มกะลาหัว”
เจตนาแท้จริงของนางแฉล้มนั้นคือการสั่งสอน
หากคนบนเรือนใหญ่ต่างพากันตกตะลึงพึงเพริศ
เว้นเสียแต่พระยาศรีพิพัฒน์ ขุนจำเริญ แลไอ้ลอย ที่ต่างเคยคุ้นกับวาจาเยี่ยงนี้ของนาง
พวกเหล่าทาสแลทาสีต่างทำหน้าเกรงกลัวผู้อุปการะของไอ้ลอย
คิดกันไปต่างๆนาๆ หากมิมีผู้ใดอิจฉาริษยาไอ้ลอยแม้นสักคนเดียว
****************************************************
เจ้าพระยานิติธรรมเป็นบุตรเพียงคนเดียวของนางแฉล้ม
ท่านมีบุตรแลธิดาอย่างละหนึ่งคน คุณหญิงภรรยาท่านเสียชีวิตหลังคลอดธิดาคนเล็ก
ด้วยคุณหญิงนิติธรรมท่านมาตั้งครรภ์ธิดาคนเล็กเอาเมื่ออายุมากโข
จักนับว่าเป็นลูกหลงก็เป็นได้
หลวงอรรถ เป็นบุตรคนหัวปี อายุเข้าเบญจเพส
หลวงอรรถผู้นี้ร่ำเรียนวิชาการทูตมาจากเมืองฝรั่ง
ครั้นรับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศหรือกรมท่านั้น จัดว่าท่านมีผลงานดี
เพลานั้นขุนนางฝรั่งต่างเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยามประเทศของเรา
หลวงอรรถท่านเก่งกาจรอบรู้ด้านภาษาฝรั่งต่างชาติ
ยศศักดิ์นับได้ว่าก้าวหน้ายิ่งนัก
หลวงอรรถรูปร่างสันทัด ผิวขาวเหลืองมิได้ขาวนวลเยี่ยงขุนจำเริญ
หน้าตาหมดจดพอควร หากความเป็นผู้มีอัธยาศัย ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจ
อีกทั้งยศศักดิ์แลฐานะมั่งคั่ง
จึงทำให้หลวงอรรถเป็นที่หมายปอง แก่หญิงสาวทั่วพระนครในเพลานั้น
มากล่าวถึงธิดาของเจ้าพระยานิติธรรม อันมีอายุเพียงสิบขวบปี
ด้วยเป็นลูกกำพร้ามารดาตั้งแต่เกิด
“คุณหนูสร้อยทอง”
จึงเป็นศูนย์รวมของความรัก ความเมตาของทุกคนในบ้าน
******************************************************************
“ไอ้ลอยเป็นคนของคุณย่าท่าน มันจักมาอาศัยใบบุญของบ้านเรา
เจ้าสองคนพี่น้องจงให้ความเมตตากรุณาแก่มันตามสมควร”
เจ้าพระยานิติธรรมแนะนำแลบอกกล่าว
“นี่ลูกข้า หลวงอรรถ แลแม่สร้อยทอง”
เจ้าพระยานิติธรรมหันมากล่าวกับไอ้ลอย
“สวัสดีขอรับนายท่านทั้งสอง ไอ้ลอยขอฝากต้วด้วยขอรับ”
ไอ้ลอยกราบลงกับพื้นเรือน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้ลอย เอ็งมิใช่ข้าทาสมิต้องกราบกรานเยี่ยงนี้
เว้นแต่ผู้นั้นจักเป็นขุนนางผู้ใหญ่ อาทิเช่นเจ้าพระยาลูกข้า
โดยเฉพาะแม่สร้อยทองหลานข้า....อายุอานามน้อยกว่าเอ็งนับสิบปี
อย่าได้ไหว้สาเยี่ยงนี้ หลานข้าจักอายุขัยสั้น”
คุณนายแฉล้มโวยวาย
“มิเป็นไรดอกคุณย่าขอรับ ค่อยสั่งค่อยสอนกันไป
จริงฤาไม่เจ้าลอย”
หลวงอรรถโอบเอวคุณนายแฉล้มอย่างเอาใจ แล้วหันมายิ้มจริงใจให้ไอ้ลอย
“ขอ...ขอรับนายท่าน”
ไอ้ลอยมิกล้าสบตาหลวงอรรถนานนัก จึงเสมองพื้นเรือน
“มิต้องเรียกพี่อรรถว่านายท่านดอก หากต้องเรียกว่าคุณท่านนะลอย
ส่วนฉันให้ลอยเรียกว่าคุณหนูสร้อยทอง หรือคุณสร้อยก็ได้
ลูกพระยาขึ้นไปต้องเรียกคุณ หากต่ำชั้นกว่านั้นจึงเรียกแม่ เช่นแม่สร้อย
เจ้าเข้าใจฤาไม่ลอย”
คุณหนูสร้อยทองเฉลียวฉลาดด้วยผู้คนรายรอบตัวเธอ ล้วนแล้วแต่มีความรู้
แลช่วยกันสอนสั่ง กริยาแลคำพูดคำจาจึงเกินวัย
“ขอ...ขอรับคุณหนูสร้อยทอง”
ไอ้ลอยทั้งสับสนทั้งงงงัน
โลกภายนอกช่างยากเย็นหนักหนาเสียเหลือเกิน
“ขุนจำเริญขอรับ ขุนจำเริญช่วยไอ้ลอยด้วยเถิดขอรับ
ไอ้ลอยมันคิดถึงขุนจำเริญของมันเสียจนแทบทนมิได้แล้วขอรับ”

****************************************************
จากภาพขอรับ.....
1.หลวงอรรถ.....เจ้าลอยเอ๋ย ข้าจักช่วยสอนสั่งเรื่องราวโลกภายนอกให้เจ้าเอง
2.หลวงอรรถ.....ข้ารั้งตำแหน่งคุณหลวงในกรมท่า มิใช่เรื่องง่ายดอก
หากข้าจักรั้งนั่งในใจเจ้า จักยากเพียงใดฤาเจ้าลอย
3.หลวงอรรถ.....รูปกายภายนอกของข้ามิได้เป็นหนึ่ง หากภายในใจข้ามิได้เป็นสองรองจากผู้ใด
4.ไอ้ลอย.........แย่แล้วขอรับ ครานี้ไอ้ลอยจักถึงเพลารับศึกสองด้านเสียแล้วขอรับ
*****************************************************

ฝันดีทุกท่านขอรับ
[attachment deleted by admin]