
เพลานี้ ชั่วโมงนี้...กระผมรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินขอรับ
(ด้วยมัวแต่ทำการบ้าน เอ๊ย งานบ้าน คริคริ)
หากครั้นปลีกวิเวก เข้ามาหาความสุขเล็กๆในเล้าเป็ดแห่งนี้
ครากระผมได้เปิดอ่าน ไล่เรียงคอมเม้นท์ของนายท่าน
พลันให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันควัน
กระผมจึงเร่งพิมพ์เร่งปั่น...."ทาสรัก" อย่างเต็มสปีด
ด้วยเกรงว่านายท่านจักเบื่อหน่าย การรอคอยขอรับ

**********************************************************
ทาสรัก....สมัครใจ....27
“พ่อหนุ่มคนนั้น มันช่างคลับคล้ายคลับคลาว่าข้าเคยเห็น
หน้าตาหน่วยก้านเยี่ยงนี้ มันคุ้นหูเจนตาบอกไม่ถูก”
นางแฉล้มรำพึงในใจ
ครานางมองเห็น ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน รูปกายกำยำ
“คุณนายแฉล้มขอรับ สวัสดีขอรับ”
ไอ้ลูกทาสคนซื่อ พลันหันหน้ามาปะหญิงสูงวัย
มันรีบเดินตรงรี่เข้ามาทักทาย ยกมือไหว้เคารพอย่างนอบน้อม
“พุทโธ่พุทถัง ข้าก็นึกอยู่เป็นนาน
ไอ้ลูกทาสเรือนพระยาศรีพิพัฒน์นั่นเอง”
นางแฉล้มอุทาน
“ขอรับ ไอ้ลอยเองขอรับ”
ไอ้ลอยยืนยิ้ม
หากกุมมือสองข้างไว้ด้านหน้าอย่างสำรวม
“แล้วไอ้ลูกทาสเยี่ยงเอ็ง
ไฉนสะเออะมาใส่เสื้อราวขุนน้ำขุนนางเยี่ยงนี้
อีกยังมาเถลไถลที่กระทรวงลูกข้า ด้วยเหตุใดกัน”
นางแฉล้มเอ่ยถาม พร้อมตำหนิติเตียนไอ้ลอย
“คุณนายแฉล้มขอรับ ไอ้ลอยติดตามขุนจำเริญของไอ้ลอยมาขอรับ”
ไอ้ลูกทาสตอบตามความจริง
หากมิได้โอ้อวดตัวว่ามาช่วยงานนายเงินท่าน
“ติดตามนายใยมาเดินเตร่เกะกะเล่า มิอยู่คอยรอรับใช้นาย
ขี้เกียจสันหลังยาว หวังหลบเลี่ยงงานการสินะเอ็ง”
นางแฉล้มมิเจตนาดุด่าแต่อย่างใด
หากเคยปากเสียแล้ว กับการบงการบริวารรอบข้าง
ไอ้ลอยมิรู้จักกล่าวแจ้งเยี่ยงไร ด้วยเกรงมิถูกใจนาง
อาจกลับกลายเป็นปากกล้า ต่อคำกับผู้ใหญ่วัยชรา
“อ้าว ลอยอยู่นี่เอง
อ๊ะ...เจอกันอีกแล้ว สวัสดีขอรับคุณนายแฉล้ม
มาพบท่านเจ้าพระยารองเสนาบดีฤาขอรับ”
ขุนจำเริญทักทายนางแฉล้ม มารดาเจ้าพระยานิติธรรม
“ไหว้พระเถิดขุนจำเริญ ข้ามาหาพูดคุยธุระเสร็จสิ้นจักกลับบ้าน
ก็ให้บังเอิญมาเจอไอ้ลูกทาสหลังยาวของขุนจำเริญเข้า
ข้าเลยสอนสั่งมัน ให้รู้บุญรู้คุณนายเงินเสียบ้าง
หากเจ้ามิต้องมาขอบอกขอบใจข้าดอก
ข้ามิอยากทนเห็นบริวาร เกกมะเหรกเยี่ยงนี้
ต้องหัดกำราบกันเสียบ้างนะ ขุนจำเริญ”
คุณนายแฉล้มว่ากล่าวยาวยืด
สองนายบ่าวมองหน้ากันแล้วกลั้นยิ้ม
พลันคุณนายแฉล้ม เหมือนเห็นภาพทับซ้อนในความฝัน
เป็ดน้อยใหญ่สองตัว...แววตาคล้ายสองนายบ่าวตรงหน้านาง
ฤาจักเป็นทั้งสองคนนี้หนอ ที่นางจักต้องอุปถัมภ์ค้ำจุนในภายหน้า
“ไอ้ลอยมันมิได้เหลวไหลดอกขอรับ
กระผมสั่งให้มันมาหยิบของที่รถม้าขอรับ”
ขุนจำเริญมั่นใจว่าไอ้ลูกทาส มันคงมิกล้าแจกแจงแก้ตัวเป็นแน่
ท่านจึงบอกกล่าวแก่นางแฉล้มเสียเอง
“บังคับรถม้าเป็นด้วยฤา”
นางแฉล้มได้ที อาศัยไอ้ลูกทาสพาตนกลับบ้าน
เป็นการมิต้องเสียอัฐให้แก่รถลากรับจ้าง
ด้วยขุนจำเริญกล่าวแก่นางว่า
“ตามสะดวกเถิดขอรับคุณนายแฉล้ม
บ่ายนี้กระผมมีงานคั่งค้าง ต้องสะสางอีกจำนวนมาก
กว่าจักแล้วเสร็จคงเย็นย่ำ
ได้โปรดใช้สอยไอ้ลอยได้เต็มที่ขอรับ
ใคร่แวะทำธุระที่ใด ได้โปรดสั่งคำมันเองเถิดขอรับ”
ขุนจำเริญกลับเข้าที่ทำงาน
หากไอ้ลอยกลับต้องบังคับม้าลาก รับใช้คุณนายแฉล้ม
********************************************************
นางแฉล้มได้ทีจึงสั่งไอ้ลูกทาสว่า
“แวะตลาดข้างวัดสามปลื้มที ข้าใคร่จับจ่ายข้าวของเสียหน่อย”
ไอ้ลอยรับคำ แล้วบังคับม้าลากไปตามที่นางแฉล้มสั่ง
ไอ้ลูกทาสเดินตามหลังนางแฉล้ม
เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ หากนางมิได้ซื้อหาสิ่งใดทั้งสิ้น
ตำหนิติสินค้าไปเสียทุกร้านรวง
“ข้าจักแวะร้านผ้าข้างหน้าสักหน่อย”
นางแฉล้มว่าแล้วเดินหายเข้าไปในร้านผ้าใหญ่โตร้านหนึ่ง ในละแวกนั้น
นางเลือกได้ผ้าไหมเนื้อดีสองสามชิ้น
“จัดหาเสื้อราชปะแตนให้ไอ้หนุ่มผู้นี้สักสองตัว
อีกทั้งผ้าโจงสีกรักใหม่ๆสักสองผืน
อ้อ ผ้าขาวม้าอีกสักผืน
เลือกสีให้มันเรียบ หากแต่เนื้อผ้าให้ดีให้ทนสักหน่อย”
“เอ่อ...คุณนายแฉล้มขอรับ มิต้อง...”
ไอ้ลอยรีบละล่ำละลัก ด้วยเป็นการมิควร
“เอ๊ะ อ้ายนี่ ขัดใจข้าทำไมกัน เอ็งมิต้องเสียเบี้ยสักอัฐ
จักวุ่นวายโวยวาย ให้ข้ารำคาญใจหรือไรกัน”
นางแฉล้มหันมาตวาดไอ้ลอย
“ราคาค่างวดจดจำไว้ แจงให้ละเอียดลออ
เพลาสิ้นเดือนจ่ายค่าเช่าที่ ค่อยหักลบกลบกันไปเสีย”
นางแฉล้มมิต้องเสียอัฐแม้นแต่สลึง
ด้วยร้านค้าเหล่านี้ เช่าที่แกทำมาหากินกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ไอ้ลูกทาสเดินถือถุงกระดาษ จากร้านผ้าหลายใบ
มันติดตามหลังนางแฉล้ม ที่บัดนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มพอใจ
“คอแห้งเสียจริง แวะร้านขายน้ำข้างหน้ากัน”
นางแฉล้มเดินนำไอ้ลอยเข้าไปในร้าน
“ข้าต้องการน้ำใบบัวบก ใส่น้ำแข็งอย่าให้มากนัก”
นางแฉล้มร้องสั่งชายวัยกลางคนเจ้าของร้าน
“ขอรับ คุณนายแฉล้ม”
“นั่งสิ จักยืนค้ำหัวข้าอีกนานหรือไม่ กริยาไพร่แก้มิหายสินะ”
ไอ้ลอยเริ่มจักเคยคุ้นกับถ้อยคำ พูดปนด่าแลบริภาษของนางแฉล้มแล้ว
มันทรุดตัวลงนั่งอย่างสำรวมบนเก้าอี้อีกด้าน
“เอาน้ำเยี่ยงเดียวกับข้าให้มันด้วย”
นางแฉล้มหันไปสั่งชายเจ้าของร้าน ที่ยืนรออย่างนอบน้อม
“ข้ามิใช่คนถือยศถือศักดิ์ มิต้องนั่งหมิ่นแหม่จวนตกม้านั่งดอกไอ้ลอย”
นางแฉล้มยิ้มมุมปากด้วยเห็นขัน กับท่าทางของไอ้ลูกทาส
“เพลาสั่งน้ำดื่มกิน อย่าลืมกำชับผู้ขายมันว่าน้ำแข็งอย่าให้มาก
มิฉะนั้นจักขาดทุนเสียรู้ร้านค้า หึหึ”
นางแฉล้มกระซิบไอ้ลอยอย่างภาคภูมิใจ
“ขอรับ คุณนายแฉล้ม”
ไอ้ทาสลอยรับคำ แล้วลอบยิ้ม
*************************************************
ทันใดนั้น มีคนเดินเอกสารนำซองจดหมาย มายื่นให้ชายเจ้าของร้าน
แกเปิดดู พลิกกลับหัวกลับท้ายอยู่นาน
ชายเจ้าของร้านหน้ายุ่ง เกาหัวขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม
“มีอันใดไอ้ฮง ทำหน้าตาพิลึก”
นางแฉล้มเอ่ยถามเจ้าของร้านเชื้อสายจีน
“จดหมายอันใด กระผมก็จนปัญญาด้วยอ่านมิออกขอรับ”
ไอ้ฮงมันมิได้ร่ำเรียน เป็นเหมือนชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
“พ่อหนุ่มผู้นี้จักมีความรู้สูงกระมัง ช่วยอ่านให้ข้าฟังทีเถิด”
ไอ้ฮงเหลือบมองไอ้ลูกทาส ที่เพลานี้ใส่เสื้อราชปะแตน
อีกสง่าราศรีราวขุนน้ำขุนนาง
“ขออนุญาตนะขอรับ คุณนายแฉล้ม”
ไอ้ลอยหันมากล่าวขอกับนางแฉล้ม
ครั้นนางพยักหน้า มันจึงรับกระดาษที่ยื่นส่งมาจากไอ้ฮง
ไอ้ลูกทาสอ่านข้อความหนังสือในแผ่นกระดาษ
น้ำเสียงนุ่มทุ้มหากฉะฉาน ฟังรื่นหู
“ตายหล่ะ ครานี้ไอ้ฮงถึงที่ตายแน่แล้วขอรับ”
ไอ้ฮงลนลาน ยืนนิ่งอยู่มิได้ เดินพล่านไปทั่ว
ด้วยเป็นเอกสารเรียกตัวไอ้ฮงให้ไปที่นครบาล
เพื่อเป็นพยานในคดีฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น
“แย่แล้วไอ้ฮง ครานี้เอ็งมันถึงที่จริงแล้ว
จักทำเยี่ยงใดดีหนอ”
นางแฉล้มตบอกผาง หน้าตาร้อนรน
ไอ้ลอยนิ่งฟังอยู่แล้วใคร่ช่วยเหลือ มันจึงว่า
“ไอ้ลอยขอออกความเห็นได้ฤาไม่ขอรับ”
นางแฉล้มพยักหน้า หากสีหน้าประหลาดใจ
“คุณลุงขอรับ ตามกฎบัตรกฎหมายเกี่ยวกับการเป็นพยานบุคคล
ผู้ใดถูกทางการเรียกตัวไป เพื่อเป็นพยานในคดีต่างๆ
จักมิมีความผิดขอรับ อีกทั้งหากให้ความกระจ่างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
อันนำไปสู่การสรุปคดีความ จักได้ความดีความชอบขอรับ
บางคดีอาจถึงกับได้สินน้ำใจ จากทางการแลเจ้าทุกข์ด้วยนะขอรับ”
นางแฉล้มนิ่งอึ้ง กับสติปัญญาของไอ้ลูกทาส
ครามันพูดอยู่นั้น ดูสง่างามจับตาน่าเลื่อมใสนัก
**********************************
พ้นจากแนะนำช่วยเหลือไอ้ฮงแล้ว
นางแฉล้มก็ซักถามไอ้ลูกทาส ราวกับทนายหน้าหอ
สืบสาวความเป็นทาสแลเทือกเถาของมัน จนแจ่มแจ้ง
“ถ้าข้าจักไถ่ถอนตัวเอ็ง จากทาสให้เป็นไทในเร็ววัน
เอ็งจักว่าเยี่ยงไร”
นางแฉล้มใจนักเลงมิคิดนาน ใคร่อยากจุนเจือนางก็มิลังเล
“เป็น...เป็นพระคุณแก่ไอ้ลูกทาสต่ำต้อย จนหาที่สุดมิได้ขอรับ”
ไอ้ลูกทาสก้มลงกราบนางแฉล้มแทบเท้า
ปิติในหัวอกของมัน จากทาสผู้ใดมีอยากจักเป็นไทเล่า
หากแต่....
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ทะลึ่งจริงเชียว นี่มันกลางร้านกลางตลาด
กราบไหว้ข้าเยี่ยงนี้ จักให้คนเห็นเป็นขันหรือไร”
นางแฉล้มยิ้มหน้าบาน หากเสียงนางตำหนิโจ่งแจ้ง
ไอ้ลูกทาสลุกขึ้นมานั่งบนม้านั่งตัวเดิมแล้วว่า
“ขอโปรดอภัยให้ไอ้ลอยโง่งมผู้นี้เถิดขอรับ
ไอ้ลอยมันดีใจ ซาบซึ้งต่อความเมตตาอันสูงส่งของท่านเหลือเกินขอรับ”
สีหน้าปลาบปลื้มของนางแฉล้ม ทำให้ไอ้ลอยต้องลอบถอนใจ
“แต่คุณนายแฉล้มขอรับ ไอ้ลอยมิอาจรับความเมตตาในครั้งนี้ได้ขอรับ”
“ข้าไถ่ตัวเอ็งให้พ้นทาสเป็นไท มิใช่จักซื้อตัวเอ็งมาป็นทาสเรือนข้า
ใยเอ็งมิยินดี พิลึกคน ชอบนักฤา เป็นทาสเป็นบ่าวไพร่รับใช้นายมิจบสิ้น”
นางแฉล้มเกิดความฉงน
“มิได้เป็นเยี่ยงนั้นดอกขอรับ
หากไอ้ลอยมันผูกพันกับนายท่าน
แลแม่ของมัน ยังเป็นทาสอยู่ในเรือนท่านดอกขอรับ”
“อย่ามาอ้างเรื่องแม่เรื่องเชื้อ ข้ามิสนใจหล่ะ
ข้าจักต้องเจรจากับนายเงินของเอ็งเสียหน่อย
ดูทีรึ คนอย่างข้า จักทำให้เอ็งเป็นไทได้ฤาไม่”
นางแฉล้มดื้อรั้นดันทุรังนัก
ยิ่งนางรู้ว่าไอ้ทาสลอยร่ำเรียนเขียนอ่านจนคล่อง
อีกรู้กฎบัตรกฎหมาย มิด้อยกว่าบรรดาเสมียนตรา
*********************************************************
“ใยจักต้องรอปีหน้าปีโน้น เวลามิเคยคอยใคร”
นางแฉล้มเคี่ยวเข็ญเอากับเจ้าพระยานิติธรรมบุตรชายของตน
ทั้งขู่ทั้งวอนขอ ให้ลูกของนางเพิ่มเติมชื่อไอ้ลอย
ให้ได้เข้าโรงเรียนกฎหมาย ในคราเริ่มประเดิมหลักสูตรปีนี้
ชะรอยไอ้ลูกทาสจักได้ดี ปีแรกนี้ยังมีที่ว่างเหลือจากเหล่าขุนนาง
ด้วยหลายท่านยังรีรอดูอยู่ มิด่วนตัดสินใจเข้าร่ำเรียน
พระยาศรีพิพัฒน์นายเงินของไอ้ทาสลอย มิอาจขัดคำขอของเจ้าพระยาผู้เหนือกว่า
จำยินยอมให้เจ้าพระยานิติธรรมไถ่ไอ้ลูกทาสให้เป็นไท
“คุณแม่ขอรับ คุณแม่จักทำเยี่ยงใดต่อไปขอรับ
ไอ้ลูกทาสที่ไถ่มันมา บัดนี้ลูกดำเนินการให้มันมีชื่อได้เล่าเรียนแล้ว”
เจ้าพระยานิติธรรมมิค่อยเข้าใจ มารดาของตนนัก
“ดีมากลูกแม่ แต่เจ้ามิต้องมากังวลแทนข้าดอก
ข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่า จักให้มันทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตัวมันเอง
เออ...จริงสิ ข้าได้ข่าวว่าเสมียนตราเพลานี้ ว่างลงหลายตำแหน่งมิใช่ฤา”
นางแฉล้มพลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
“ขอรับคุณแม่ ทั้งเกษียณอายุ ลาคลอดลูก
ที่ลาออกด้วยสุขภาพย่ำแย่ก็อีกสองสามคน
คุณแม่คิดจักทำการใดขอรับ”
เจ้าพระยานิติธรรมตอบคำมารดา
“เจ้าก็รับไอ้ลอยเป็นเสมียนตราเสียก็สิ้นเรื่อง
มันอ่านเขียนคล่อง เฉลียวฉลาด อีกกริยามันก็อ่อนน้อม”
นางแฉล้มได้ช่องทาง
“มิได้ขอรับคุณแม่ ด้วยตำแหน่งเสมียนตรา จักต้องมีความรู้แลผลสอบ
หาได้แต่งตั้งกันโดยง่ายนะขอรับ”
เจ้าพระยานิติธรรมรีบปฎิเสธ
“อืมมม หากว่าจ้างมันเป็นการชั่วคราวหล่ะ
ถ้าหลวงมิมีบัญชีงบประมาณจ่ายค่าจ้าง
ข้าจักให้เบี้ยมันเอง เจ้าเห็นเป็นเยี่ยงไร”
เจ้าพระยานิติธรรมพยักหน้าอย่างไม่ใคร่เต็มใจ อีกทั้งลอบถอนใจ
กระบวนเอาแต่ใจตนของมารดา นับวันจักทวีขึ้น
หากเจ้าพระยานิติธรรมผู้บุตรชาย กลับมิกล้าขัดขวาง
ด้วยเห็นแก่มารดาวัยชรา ผู้มีพระคุณล้นพ้น
**********************************************************
“จักทำเยี่ยงใดดีขอรับขุนจำเริญ”
ไอ้ทาสลอยหน้าตาตื่น ครารับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของขุนจำเริญ
“แทนที่จักดีใจจนเนื้อเต้น ใยหน้าตาเจ้า ราวถูกผีหลอก”
ขุนจำเริญให้งงงันกับกริยาลุกลนของไอ้ลอย
มันผุดลุกผุดนั่ง หาอยู่นิ่งเฉยได้ไม่
“ไอ้ลอยจักเป็นทาสหรือเป็นไทมันมิครนาดอกขอรับ
แต่หากเป็นไทแล้ว ต้องพรากจากขุนจำเริญ ไอ้ลอยมันมิปรารถนาขอรับ”
วาจาประสาซื่อของไอ้ทาสลอยกินใจนัก
ขุนจำเริญยิ้มหวานเป็นกำนัลให้แก่มัน
“อีกทั้งใกล้เพลางานมงคล ของนายท่านกับคุณแป้งร่ำแล้วนะขอรับ
จักให้ไอ้ลอยทำเยี่ยงใดขอรับ มันให้ห่วงหน้าพะวงหลังไปเสียทุกสิ่งอัน”
ไอ้ลอยมันคร่ำครวญ
“เพลานี้โอกาสอันดีมาเกยอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เป็นไทเร็วขึ้นถึงขวบปี
อีกได้รับคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมาย
มีอันใดจักต้องลังเลอีกเล่า ลอยเอ๋ย”
เสียงหวานสั่นพร่า สะกดกั้นความอาลัย
นับเนื่องวันรุ่งพรุ่งนี้ ไอ้ลูกทาสจักเป็นไท
แลจักต้องย้ายไปพึ่งใบบุญคุณนายแฉล้ม
"หากมิได้ไปเป็นทาส"
แต่กลับกลายไปเป็น....คนในปกครองของท่าน"

*********************************************************
จากภาพขอรับ
1. น้ำใบบัวบก....“เพลาสั่งน้ำดื่มกิน อย่าลืมกำชับผู้ขายมันว่าน้ำแข็งอย่าให้มาก
มิฉะนั้นจักขาดทุนเสียรู้ร้านค้า หึหึ”
2. คุณนายแฉล้ม....ใจนักเลงนักขอรับ
3. ไอ้ทาสลอย....“จักทำเยี่ยงใดดีขอรับขุนจำเริญ”
4. ขุนจำเริญ...."มีอันใดจักต้องลังเลอีกเล่า ลอยเอ๋ย”
5. ไอ้ทาสลอย...."หากเป็นไทแล้ว ต้องพรากจากขุนจำเริญ ไอ้ลอยมันมิปรารถนาขอรับ”
6. ขุนจำเริญ....."ไฟท์ติ้งเถิดนะ ลอยจ๋า"
7. สุดท้าย....กู๊ดไนท์ขอรับ

[attachment deleted by admin]