LFC...มีเฮกันอีกแล้วขอรับ
มิเสียทีที่ชาวหงส์แดงทุ่มเทแรงกายแรงใจ..คริคริ
FC อื่นๆ...อย่าเพิ่งเคืองกันนะขอรับ....
ในบ้านต้องชนะอย่างเดียวขอรับคุณท่าน
**********************************
ทาสรัก....สมัครใจ....11
“ลูกกราบขอบพระคุณ คุณพ่อคุณแม่ขอรับ
ที่เมตตาจุนเจือ แลส่งเสริมให้ลูกก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ครานี้ลูกจักได้ตั้งใจฝักใฝ่ มุ่งมั่น ขยันทำงานจนสุดกำลังขอรับ”
ขุนจำเริญกราบบิดาแลมารดาอย่างนอบน้อม
หน้าตาชื่นบานจนเห็นได้ชัดแจ้ง มิปิดบัง
ด้วยสมมาตรปรารถนาจนทุกประการ ตามที่ได้ตั้งหวังไว้
พระยาศรีพิพัฒน์มิทันสังเกตสีหน้าปรีดิ์เปรมของขุนจำเริญ
ด้วยมัวแต่หลงชื่นชมยินดี ในความคิดใฝ่ดี
ขยันขันแข็งการงานของบุตรชาย หัวแก้วหัวแหวน
“แต่ลูกเอ๋ย เจ้าจงรับปากให้แม่หายกังวลสักข้อเถิด
ว่าเจ้าจักมิหักโหม มุงาน หามรุ่งหามค่ำ
จนเจ็บไข้ล้มหมอนนอนเสื่อไปเสียก่อน
หากเป็นเช่นนั้นแม่จักสั่งปิดเรือนแพเสีย มิให้เจ้าได้กรำงานหนัก”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์มารดา ตราหน้ากำชับขุนจำเริญ ด้วยรู้วิสัยดื้อรั้นของบุตรชาย
คุณหนูแดงที่นั่งนิ่ง ฟังคนโน้นที คนนี้ที ถึงกับหัวเราะกิ๊ก หน้าตาแดงกล่ำ
รีบเอามือน้อยๆปิดปากตัวเอง มิให้เสียงหลุดรอดออกมา
แต่หาทันการไม่ เสียงหัวเราะของคุณแดงดังกังวาน จนได้ยินทั่วกัน
ขุนจำเริญหันไปมองคุณแดง แล้วค้อนควักทันควัน
แต่เคราะห์ดีเหลือเกิน ด้วยมิมีผู้ใดทันสังเกตเห็น กริยาเยี่ยงสตรีของขุนจำเริญ
นอกจากน้องสาว ที่ครานี้หัวเราะมิยอมหยุดด้วยขบขันพี่ชายของตน
“ลูกแดงเอ๋ย เจ้าเติบใหญ่จวนเข้าวัยสาวเต็มที ใยเจ้ามิระมัดระวังกริยาเยี่ยงนี้
แม่สู้สอนสั่งกำชับ มิจดจำ เห็นทีหวายต้องลงหลังให้สำนึก"
คุณหญิงศรีพิพัฒน์มารดา กล่าวตำหนิคุณหนูแดง แต่มิได้จริงจังนัก
“ลูกกราบขอประทานอภัยด้วยเถิดเจ้าค่ะ
ครานี้ลูกมิอาจสะกดใจได้ ลูกนึกขันพี่ขุนจำเริญพี่ชายของลูกนัก
ที่มิคิดระมัดระวังกายใจ กรากกรำทำงานจนคุณแม่ของลูกเกรงว่า
จักเจ็บไข้ ลุกเดินมิได้เจ้าค่ะ”
คุณหนูแดงยิ้มประจบคุณหญิงศรีพิพัฒน์
แต่หากยิ้มที่เลยมาถึงท่านขุนพี่ชายกลับกลายเป็น
ยิ้มล้อเลียน รู้ทัน
***********************************
“ท่านขุนขอรับ จักให้บ่าวสองคนยืนยามออกห่างเรือนแพเยี่ยงนี้
จักเป็นการดีหรือขอรับ หากฉวยเกิดเหตุเภทภัย ไม่คาดคิด
กระผมเกรงว่าจักแก้ไขไม่ทันการนะขอรับ”
ไอ้ทาสเข้ม หนึ่งในเวรยามด้านเรือนแพมิวางใจ
ขุนจำเริญสั่งมันยืนยาม ให้ห่างจากเรือนแพ
หากบังเอิญเกิดเหตุกับนายเงิน มันจักมีความผิดสถานหนัก
ไม่แคล้วได้ลิ้มรสหวายลงหลังเป็นแน่แท้
“ข้าสั่งเอ็ง เอ็งมิต้องบังอาจมายอกย้อนถาม จงทำตามคำสั่งข้า
ถือเป็นเด็ดขาด แลต่อไปจงบอกให้รู้โดยทั่วกัน
ไม่ว่าบ่าวไพร่ไอ้อีคนไหนที่มันอยู่เวรยามเรือนแพ
ห้ามมันรุกล้ำเข้ามาใกล้เรือนแพของข้า
หากข้ามิได้เรียกใช้ อย่าได้โผล่เสนอหน้ามาให้ขัดตา
ข้ารำคาญใจนัก พวกไอ้อีสอดเรื่องเจ้านาย”
ขุนจำเริญตวาดไอ้เข้มอย่างไม่พอใจ
ที่มันเหิมเกริมมาออกความเห็น ขัดใจท่านนัก
ต่อเมื่อความเรื่องเวรยามเรือนแพทราบถึงหูพระยาศรีพิพัฒน์
ท่านจึงเรียกขุนจำเริญบุตรชาย มาพบที่เรือนใหญ่
“พ่อไม่เห็นด้วยกันกับพ่อขุนเอาเสียเลย
ที่เจ้าสั่งการให้ไอ้ทาสเวรยาม ออกห่างเรือนแพ
แต่เอาเถิดหากเจ้าเคยคุ้นกับความอันเป็นส่วนตัว
ปรารถนามีส่วนสัดเพียงลำพัง ดังที่เจ้าอ้างว่าเคยมี
ละม้ายคล้ายคลึง เพลาพำนักที่เมืองฝรั่ง
ก็สุดแล้วแต่ใจเจ้าเถิด
แต่พ่อขอสั่งคำขาดอย่าได้ขัด
เจ้าจงให้ไอ้ลอยมันนอนเวรหน้าห้องของเจ้า บนเรือนแพนะพ่อขุน
พ่อจักได้คลายห่วงเจ้า
หากคืนใดไอ้ลอยมันป่วยไข้
เจ้าต้องสั่งไอ้รอดให้มันจัดหาบ่าวไพร่คนอื่น
มาอยู่นอนเฝ้าเรือนแพแทนมัน อย่าได้ขาด
พ่อมิเห็นดีด้วย หากเจ้าต้องอยู่ลำพังคนเดียว
พ่อมิวางใจฟืนไฟ งูเงี้ยวเขี้ยวขอ”
พระยาศรีพิพัฒน์สั่งความยาวเหยียด รอบคอบสมดังเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ขุนจำเริญกลั้นยิ้มแล้วรับคำว่า
“ขอรับคุณพ่อของลูก”
************************************
เรือนแพนั้นเป็นเรือนพักขนาดกลาง
แยกห่างออกมาจากเรือนใหญ่ แลศาลาท่าน้ำ
ดังนั้นจึงเงียบสงบ ไร้สิ่งรบกวน เป็นที่อันเป็นส่วนตัว
หามีผู้ใดกล้าย่างกรายมาให้เจ้าเรือนรำคาญตา
เว้นแต่บ่าวไพร่ที่มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถู
ซึ่งก็ถูกกำชับเลือกเพลาที่เจ้าเรือนออกราชการ ทำงานที่กระทรวง
อีกเวรยามก็ถูกกีดกัน ตะเวนยามห่างออกไป ชะเง้อชะแง้เยี่ยงใด
ก็มิอาจสอดรู้มองเห็นผู้คนบนเรือนแพ
เรือพายใหญ่น้อยจอดรอที่ศาลาท่าน้ำ
อีกทั้งชายน้ำที่เหล่าทาสใช้อาบ แลซักล้าง
ก็เลยเลี้ยวออกห่างไปไกลโข
คุณจำเริญลำพองใจนัก ท่านจักได้อยู่ตามลำพังผู้เดียว
กระทำกิจเยี่ยงใดมิมีใครรู้เห็น ปลอดโปร่งยิ่งนัก
เรือนแพหลังนี้เดิมทีพระยาศรีพิพัฒน์ ท่านสร้างให้คุณหญิงของท่าน
ยามเมื่อท่านตั้งครรภ์ขุนจำเริญ ครานั้นคุณหญิงของท่านช่างหงุดหงิด
กระวนกระวาย จนมิอาจพำนักอยู่บนเรือนใหญ่ได้
เกิดความร้อนรุ่ม ใคร่อยู่ใกล้ชายน้ำ แลธรรมชาติ
ครั้นภายหลังท่านคลอดคุณจำเริญแล้วนั้น
คุณหญิงท่านจึงโยกย้ายข้าวของกลับไปเรือนใหญ่ ดังเดิม
ประหลาดนักกาลต่อมาท่านตั้งครรภ์คุณหนูแดง
ท่านมิเกิดความรุ่มร้อนดังครา คุณจำเริญอาศัยในครรภ์
หากแต่เรือนแพแม้มิได้ใช้สอย พระยาศรีพิพัฒน์ก็มิได้ละเลย
ตบแต่ง บำรุงรักษาให้น่าอยู่
นานๆครั้งท่านจะมานั่งเล่นรับบรรยากาศชายน้ำอันร่มรื่น
เพลานี้คุณจำเริญกลับยึดถือครอง หวงแหน เป็นเจ้าของเพียงลำพัง
ท่านและคุณหญิงรวมทั้งคุณหนูแดง มิเดือดร้อนสักนิด
ด้วยต่างชื่นชอบศาลาท่าน้ำ ด้วยคึกคักไปด้วยผู้คน เรือแม่ค้าขายขนม
แม้แต่เรือเจ๊กขายผ้า เครื่องประดับราคาถูก ก็เวียนมาเสนอขายถึงชายท่า
**************************************************
“ไอ้ลอยลูกแม่ บุญหัวของเอ็งที่ท่านขุนท่านเมตตา
เอ็งจงตั้งใจซื่อสัตย์รับใช้ท่านอย่าให้บกพร่อง
แม่อยู่ลำพังค่ำคืนเอ็งมิต้องห่วง
กระท่อมน้อยปลูกชิดติดหลังคาเกยกันเยี่ยงนี้ ไอจามยังได้ยินเลยลูกเอ๋ย
ไปเถิดข้าวของส่วนตัวของเอ็ง เร่งตระเตรียมให้พร้อม อย่าให้ท่านตำหนิเอาได้
เพลาใดปลอด จงมาเยี่ยมเยือนแม่บ้าง”
นางน้อมลูบหัวลูบไหล่ลูกชายของนางอย่างปลาบปลื้ม
ที่มันถูกเรียกตัวรับใช้ท่านขุน
การรับใช้ใกล้ชิดนายเงินย่อม มิต้องแบกหามกรำแดดกรำฝน เฉกเช่นทาสคนอื่น
หนำซ้ำข้าวของ เงินเบี้ย ที่ท่านเจือจาน หยิบโยนมาให้ก็มิใช่น้อย
สองปีของการเป็นลูกทาส ไอ้ลอยมันจักได้มีทุนรอนเลี้ยงตัวในภายหน้า
“จ๊ะแม่ ไอ้ลอยลูกแม่จักมิทำให้ท่านขุนจำเริญ ผิดหวังในตัวมัน
อีกข้าก็มิได้จากแม่ไปไหนไกล
หากแม่มีเหตุเร่งด่วนอันใด จงวานไอ้อีใกล้ตัว
ไปตามตัวลูกมาเถิด
ท่านขุนท่านมิใช่คนใจไม้ไส้ระกำ กีดกันแม่ลูก
ท่านมีความคิดความอ่าน ผ่านมามากมาย
อีกทั้งท่านก็เมตตาข้าอยู่มากโข ขอแม่อย่าเป็นกังวล”
ไอ้ลอยแม้จะยินดี ได้รับใช้ใกล้ชิดเจ้าแห่งดวงใจของมัน
แต่มันมิวายห่วงใยนางน้อมแม่มัน
ก่อนออกมา มันแวะเวียนฝากฝังเพื่อนทาสกระท่อมใกล้เคียง
อีอุ่นอีบัวได้ช่องขันอาสาแย่งชิงกัน หวังมานอนเป็นเพื่อนนางน้อม
*****************************************
ไอ้ลอยก้าวเท้าก้าวแรกลงบนเรือนแพริมน้ำ
ลมเย็นพัดจากชายน้ำมาปะทะใบหน้าเข้มคม
ผิวกายสัมผัสกับความเย็นของสายลมที่โชยผ่าน
มันรู้สึกราวกับที่แห่งนี้ เป็นสรวงสวรรค์บนพื้นดิน
หากมันมีวาสนาได้ดูแลรับใช้ขุนจำเริญ
แม้ต้องนอนที่พื้นเรือนไร้ที่นอนหมอนมุ้ง
มันก็มิหวั่นเหลือบ ริ้น อีกยุงฝูงใหญ่จักขบกัดตัวของมัน
มันคงมีความสุข มิต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมอีกเป็นแน่
“เอ็งจักยืนเยี่ยงนั้นจนมืดค่ำเชียวรึ”
คุณจำเริญยืนกอดอกพิงเสาเรือนต้นหนึ่ง กล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
เสื้อผ้าป่านบางใสสีอ่อน ตัวหลวม ทำให้ตัวท่านแลบอบบางลงไปอีก
กางเกงแพรสีหมากสุก ส้มอมแดง พลิ้วแนบลำตัวตั้งแต่สะโพกกลมมน
จนตลอดเลยมายังขาเรียวกลมกลึง
สีหมากสุกขับผิวกายขาวนวลให้สว่างไสว
รูปโฉมที่ประจักษ์แก่สายตาของไอ้ลอย...ราวกับ .....นางสีดา
“พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดังจันทร พิศขนงโก่งงอนดังคันศิลป์
พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบ
พิศโอษฐ์ดั่งหนึ่งจะแย้มสรวล พิศนวลดังสีมณีฉาย
พิศปรางดั่งปรางทองพราย พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง
พิศจุไรดั่งหนึ่งแกล้งวาด พิศศอวิลาสดั่งคอหงส์
พิศกรดั่งงวงคชาพงศ์ พิศทรงดั่งเท
พิศถันดั่งปทุมเกสร พิศเอวเอวอ่อนดั่งเลขา
พิศผิวผิวผ่องดั่งทองทา พิศจริตกิริยาก็จับใจ”
(บทชมโฉมนางในวรรณคดี : บทชมโฉมนางสีดา)
ไอ้ลอยหลุดจากภวังค์ ข้าวของหลุดมือกระจายเกลื่อน
มันรีบทรุดกายยอบตัวลงต่ำ หัวใจมันเต้นรัวแรงจนหายใจติดขัด
คุณจำเริญปิดปากหัวเราะกิ๊ก
ไอ้ทาสลอยเงยหน้ามองด้วยงงงัน มันทำสิ่งใดให้ท่านขัน
“ขอรับท่านขุน”
“เก็บสัมภาระเอ็งไว้ในห้องข้า แล้วจงไปจัดแจงยกสำรับมาให้ข้า
สำรับกำชับนางคนครัว ให้เพิ่มมากเป็นสองเท่า คาวหวานจัดมาอย่าตกหล่น”
ขุนจำเริญสั่งความแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้โยก บนชานด้านหน้าเรือนแพ
ไอ้ลอยหันไปจักค้านด้วยมิเหมาะสม ตีตนเสมอท่าน
ในอันจักให้เก็บงำข้าวของ ของทาส ในห้องนายเงิน
แต่ภาพขุนจำเริญที่นั่งเอน ทอดกายบนเก้าอี้โยก ทำมันชะงัก
เปลือกตาบางใสปิดลงบดบังแววหวานจากดวงตา
ขนตาทาบลงงอนยาวราวสตรี
ปากคอคิ้วคางจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หมดจดอ่อนหวาน
ลมโชยพัดพากลิ่นกายหอนกรุ่น กำจายไปทั่วบริเวณ
ไอ้ลอยหักใจอย่างยากลำบาก รวบข้าวของข้างตัววางแอบซุกไว้
ตรงรี่ไปทางโรงครัว
ฝีเท้าไอ้ลูกทาสเบาลงแลห่างไป
ขุนจำเริญอมยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
แล้วค่อยๆลืมตาหวานสวยขึ้นมา
ท่านมองทอดสายตาไปยังชายน้ำตรงหน้า
แล้วรำพันออกมาเบาๆ อย่างพึงใจว่า
“ข้าสุขใจเหลือเกิน”
*************************************
สายตากราดเกรี้ยวของขุนจำเริญ
ทำให้ไอ้ทาสลอยเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
ตั้งแต่มันกลับมาจากโรงครัว พร้อมอีทาสสาวสองคน
ซึ่งกว่าจะตกลงปลงใจ แย่งชิงกัน อาสาแบกถาดสำรับ มาเรือนแพได้
ก็กินเวลาไปมากโข
ชั้นแรกไอ้ทาสลอยคนซื่อ มันคาดเดาว่าขุนจำเริญท่าน
รอรับอาหารเย็น จนท่านหิวแลหงุดหงิด ในความเชื่องช้าของมัน
อีทาสอุ่นแลอีทาสบัว มันสองคนหาได้ตระหนักเงาหัวไม่
มันมัวแต่นึกครึ้มใจนัก ด้วยมีชัยเหนืออีทาสคนอื่น
ในอันมีโอกาสแบกสำรับหนักอึ้ง มาถึงเรือนแพ
นอกจากจะได้มีบุญมาชื่นชมเรือนแพ ที่ขุนจำเริญหวงแหนนักหนา
มันสองคนยังฉกฉวยใกล้ชิดไอ้ลอย
ไอ้ลอยที่เพลานี้ ช่างเนื้อหอมเกินบ่าวไพร่คนใดในละแวกคุ้งน้ำนี้
สาวน้อยใหญ่ แลสาวแก่แม่ม่าย ต่างกระสันร่วมห้องร่วมมุ้งเดียวกันกับมัน
จัดวางสำรับลงบนโต๊ะขนาดใหญ่ลวดลายแกะสลัก อ่อนช้อยในเนื้อไม้
โต๊ะตัวนี้เป็นทั้งโต๊ะทำงาน รับอาหาร จวบจนนั่งเล่นจิบชายามบ่าย
อาหารหลากหลายในชามโคมปิดฝา มิดชิด
อีกทั้งของหวาน ผลไม้ มากมายเอิกเกริกเกินรับเพียงท่านขุนผู้เดียว
เสร็จสิ้นทุกสิ่งอย่าง อีอุ่นแลอีบัว กระถดตัวถอยหลัง
ไปนอนหมอบยอบตัวอยู่ขนาบเคียงข้างไอ้ลอย
ที่มันทั้งสองหมายตาเอาไว้ ไปเป็นคู่ครอง
ขุนจำเริญเม้มปากบางด้วยไม่พอใจกับภาพตรงหน้า
ท่านคิดด่าในใจว่า
“หนอย...ไอ้ลอยมันจักเป็นพระลอหรืออย่างไร
อีอุ่นอีบัวมันจึงหน้าระรื่น ประกบซ้ายขวาเป็นเพื่อนแพง
ขัดหูขัดตาข้านัก
มันกล้าเล่นหูเล่นตาต่อหน้าข้า บนเรือนแพของข้า”
“อีอุ่นอีบัว เอ็งสองคนทำไมยังมิกลับไปทำการงานอีก
มานั่งเสนอหน้าแป้นๆของเอ็ง รีรออยู่ให้ข้าขวางตา รำคาญใจ
เลี้ยงเสียข้าวสุก หลีกเลี่ยงงานบ้านงานครัว
รึพวกเอ็งอยากลิ้มรสหวายสักครากระมัง”
มันสองคน อีอุ่นอีบัวหน้าซีดตัวสั่น
ด้วยคุณจำเริญท่านตวาดเสียงดัง อีกทั้งทำหน้าบึ้งตึง
แม้นท่านมิเคยยิ้ม เคยเสวนากับพวกทาสในเรือน
แต่ท่านก็มิเคยด่าว่า คาดโทษใครสักหน
มันมิอยากได้ชื่อว่าเป็นทาสคนแรกที่ถูกนายเงิน ดังเช่นขุนจำเริญสั่งหวายลงหลัง
อีอุ่นอีบัวเร่งกราบกราน แล้วลนลานลงไปจากเรือนแพ
ก่อนจักต้องรับโทษที่มันมิเข้าใจว่า มันทำสิ่งใดให้ท่านมิพอใจ
ไอ้ทาสลอยได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้าลง ใจคอไม่ใคร่ดี
ขุนจำเริญใช้ช้อนตักกินอาหารด้วยหน้าหงิกงอ
ฝืนกินไปได้สองสามคำ ด้วยหงุดหงิดใจนัก
ท่านวางช้อนอย่างแรงราวกับจงใจกระแทก
“เคร้ง”
“คุณจำเริญขอรับ”
ไอ้ลอยตกใจเสียงสั่น ครานี้มันคงมิพ้นโดนสั่งโบยเป็นแน่แท้
**********************************************
ชักรำคาญความซื่อ(บื้อ)ของไอ้ลอยกันแล้วชิมิ ขอรับ
ช่างชักช้า ไม่ทันใจ พระเดชพระคุณท่าน
แต่ท่านอย่าได้วางใจไปนะขอรับ
หากคราใดไอ้ลอยมันรู้เท่าทันแล้ว
เพลานั้นเกรงว่า....
ขุนจำเริญท่าน
จักมีอันต้องล้มหมอนนอนเตียง
เป็นแน่แท้ขอรับ
นางสีดา (จากภาพ) ครับผม
[attachment deleted by admin]