เมียรัก
ตอนที่ ๔ ครั้งแรก
หนุ่มตัวโตที่ยืนกอดอกพิงกำแพงมหาวิทยาลัยรอใครบางคนอยู่ทำให้ปอนด์ผ่อนฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินลง หยุดยืนมองชายคนนั้นที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองบ่อยครั้ง จนเมื่อคนที่เขามองหันมาเห็นเข้าก็ส่งยิ้มมาให้พร้อมเดินมาหา ตากลมช้อนมองเมื่อคนๆนั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วเชิงถาม
“อะไร?”
ปอนด์ส่ายหน้าก่อนออกเดินนำ ช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้อีกคนก้าวมาทันกันแล้วเดินเคียงข้าง
“รีบรับรักผมเร็วๆนะเบบี๋ อีกหน่อยพอจบมหา’ลัยเวลาอยู่ด้วยกันมันจะน้อยลงนะ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างกายทำให้ปอนด์ต้องหันมาถาม
“จะไปไหน?”
“เข้ารับการฝึกเป็นบอดีการ์ดอย่างจริงจัง คงไม่ได้มาหาบ่อยๆเหมือนเดิม”
“...........”
เมื่อฟังที่อีกคนพูดมาเช่นนั้นแล้วปอนด์ก็เงียบลงไป ทุกครั้งเจฟฟรี่จะอยู่ตรงนี้เสมอ อยู่ข้างเขาทุกครั้งที่เขาต้องการ ไม่ว่าเมื่อไรคนๆนี้จะมาหา ไม่ว่าจะดึกดื่นค่ำคืน หรือกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับอะไรก็ยังมา ทั้งคู่เดินข้างกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรจากนั้น ปล่อยให้ความอบอุ่นจากอุณหภูมิของร่างกายที่ชิดใกล้บอกความรู้สึกภายในหัวใจของกันและกัน
---------------
ปอนด์ไปทำงานที่ร้านอาหารเช่นทุกวัน เห็นว่าทอมถูกเอาเปรียบแล้วก็รู้สึกทนไม่ได้ ทอมไม่ปริปาก ไม่หือไม่อือใดๆแต่คนนอกที่รู้เห็นแบบเขากลับทนไม่ไหวเสียเอง อยากช่วย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เท่าที่ดูแล้วแพททริกระวังตัวเอามากๆ ทำให้ไม่สามารถจับจุดอ่อนของหนุ่มใหญ่คนนี้ได้เลย แต่ปอนด์ก็ยังแน่ใจว่าแพททริกต้องมีใจให้ทอมบ้างล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เฝ้ามองเวลาทอมเผลอ ทอมบอกเพราะแพททริกกลัวว่าทอมจะเข้ามายุ่งกับปอนด์อีก แต่ปอนด์กลับไม่คิดเช่นนั้น เขาเห็นการแสดงออกของคนปากแข็งอย่างอเล็กซานเดอร์แทบทุกวัน แพททริกก็คงไม่ต่างจากหมอนั่นมากนักหรอก พวกปากไม่ตรงกับใจ
“คือ... ผมก็เข้าใจนะที่รักว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ให้ผมมาที่นี่ทำไมกันครับ?”
เจฟฟรี่ที่ถูกลากมาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ที่พักของปอนด์ในวันหนึ่ง พร้อมกับทอมที่ถูกลากมาด้วยอีกคน เอ่ยถามอย่างสงสัยปนระแวงเล็กน้อยถึงปานกลาง คงจะไม่ได้คิดให้เขาทำอะไรแผลงๆหรอกใช่ไหมเบบี๋?
“ผมอยากให้คุณช่วยจีบทอมหน่อย”
“หา!!!?” ไม่ใช่แค่เจฟฟรี่ที่ร้องเสียงหลง ทอมเองก็แทบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ตกใจทำไมเล่า แค่แกล้งๆเอง” ปอนด์ว่าอุบๆอิบๆ
“ไม่มีทาง” ทอมปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด
“ทอม”
“ผมก็ไม่”
“เจฟฟรี่” ปอนด์ทำเสียงออด พยายามอ้อนวอนอย่างเต็มที่
เจฟฟรี่เหลือบมามองสายตาอ้อนวอนนั้นแล้วก็กระแอมเบาๆ “ถ้าผมทำตามที่บอก คุณจะยอมเป็นแฟนผมไหม?”
“ไม่” ปฏิเสธเร็วแบบไม่ต้องคิด ทำให้เจฟฟรี่จิ๊ปากแล้วเบือนหนีไปทางอื่น
“โธ่ เจฟฟรี่ ช่วยหน่อยน่า มีแต่คุณเท่านั้นนะที่จะช่วยได้” ใช้เสียงเข้าอ้อน
“ถามความสมัครใจของฉันก่อนไหมปอนด์?” ทอมว่าขึ้นมาเมื่อเห็นท่าว่าเจฟฟรี่จะแพ้ลูกอ้อนของไอ้ตัวเล็กมัน
“ทอม คุณไม่อยากรู้ความรู้สึกของแพททริกหรือไง จะอยู่แบบนี้ตลอดไปเลยหรือ?” ปอนด์พยายามตะล่อม
“แล้วถ้าเขาไม่ได้คิดแบบที่นายคิดไว้ล่ะ?”
“ก็มีแฟนใหม่ไปเลยสิ จะยากอะไร” อีกคนก็พูดง่าย
“งั้นฉันไม่ทำ!” หนุ่มฝรั่งลุกพรวด
“ทอม!!” ผวาลุกขึ้นดึงแขนทอมไว้ “คุณต้องทำนะ ผมทนดูไม่ได้แล้ว ต้องให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง!”
“จุ้น”
“จะว่าจุ้นก็ช่าง คนมันหวังดีนะ” ปอนด์ว่า
สายตาแน่วแน่ที่มองตรงมาทำให้ทอมถอนใจ “แค่เล่นละครนิดหน่อยก็พอใช่ไหม?”
“เฮ้ย! เอาจริงหรือวะ?” เจฟฟรี่ร้องถามด้วยความตกใจ ต้องแกล้งจีบกันเลยนะเว้ย
“แล้วจะให้ทำไง ดูตาแฟนแกสิ เป็นประกายขนาดนั้น”
“..........”
หันไปมองคนตัวเล็กที่มีท่าทางมุ่งมั่นแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธอย่างที่ทอมว่าจริงๆ ลองเป็นแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นเขาก็ต้องยอมทำเหมือนกันนั่นล่ะ เฮ้อ...
--------------
เจฟฟรี่มาที่ร้านอาหารในฐานะลูกค้า คราวนี้เขาจำต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ทอมดังเช่นปอนด์สั่ง แพททริกดูเยี่ยมๆมองๆทุกครั้งที่เจฟฟรี่มาส่องเด็กในร้าน เขาก็นึกว่ามาหาปอนด์เช่นทุกทีแต่ที่ไหนได้ ดันมาสานสัมพันธ์กับทอมเสียนี่ เจ้าเด็กตัวโตนั่นมันเป็นคนอย่างไรกัน ตอนแรกก็เหมือนจะตามจีบปอนด์ มาตอนนี้กลับก้อร่อก้อติกทอม เป็นคนดีอย่างที่ปอนด์บอกแน่หรือ
ด้านหลังร้านที่แพททริกกั้นไว้ปลูกดอกไม้กับสมุนไพร มีทั้งเป็นกระถางและชั้นวางเรียงราย เมื่อได้เวลาพักทอมก็ออกมาหาเจฟฟรี่ที่ด้านหลังตามที่ปอนด์วางแผนไว้ให้ ช่วงนี้ในร้านคนเริ่มน้อยลงกว่าช่วงเย็นย่ำ เมื่อใกล้เวลาร้านปิดเข้าไปทุกที
“แน่ใจหรือวะ?”
ทอมเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจเมื่อตนเองและเจฟฟรี่ออกมาคุยกันด้านหลังร้านโดยมีสายตาของแพททริกมองตามมา แถมเวลานี้ทั้งแพททริก ทั้งปอนด์ก็พากันยืนมองพวกเขามาจากคนละมุมเสียอีก แพททริกน่ะไม่เท่าไร แต่ปอนด์นี่สิ มีทำไม้ทำมือให้ขยับเข้าไปใกล้กันอีกทั้งที่พวกเขาสองคนจะสิงกันได้อยู่แล้ว!
“อ้าว นายรับปากปอนด์เองนะ” เจฟฟรี่ทักท้วงคนใจฝ่อ
ตอนนี้เขาชักนึกสนุกขึ้นมาแล้ว มองปอนด์ที่เกาะขอบประตูแล้วโผล่หน้ามามองเจฟฟรี่ก็กระตุกยิ้ม ในเมื่อปอนด์อยากเล่นแบบนี้ เดี๋ยวเขาจะจัดให้ ให้สมบทบาทเลยทีเดียว มือหนาเอื้อมไปจับมือของคนยืนข้าง ทอมตาเหลือกจะชักมือหนี แต่เจฟฟรี่จับไว้แน่น
“แสดงละครไงทอม แสดงน่ะ”
“............” พอถูกกระตุ้นเตือนทอมจึงยอมนิ่งให้จับ
“ยิ้มสิวะ” กำกับบทด้วยเสียงลอดไรฟัน
ทอมจำใจต้องฉีกยิ้มตามที่สั่ง หากมองระยะไกลเช่นที่แพททริกมองคงดูเหมือนทั้งคู่กำลังพูดคุยหยอกล้อ ใจแพททริกชักไม่นิ่ง ขณะที่ปอนด์กำลังลุ้นอย่างมากว่าอย่าให้สองคนนั้นต่อยกันจนแผนแตก
เจฟฟรี่เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยกนิ้วโป้งให้ว่าเยี่ยมมาก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีเลยปอนด์เอ๋ย มือหนาเลื่อนลูบขึ้นมาที่แขนทอม ซึ่งเจ้าของเขาก็ขึงตาใส่แต่เจฟฟรี่กลับไม่สนใจ หางตายังเหลือบแลมองคนตัวเล็กที่นั่งยองๆลุ้นอยู่มุมหนึ่ง จนกระทั่งมือเลื่อนขึ้นมาเชยคางอีกฝ่ายแล้วเจฟฟรี่ก็หัวเราะเบาๆ ท่าทางดูหวานกันน่าดู เห็นแบบนั้นแล้วปอนด์ก็กำมือแน่น นอกจากลุ้นแล้วมันยังรู้สึกแปลกๆด้วย
เจฟฟรี่ขยับตัว พลอยทำให้แพททริกที่มองอยู่ตลอดขยับด้วย ขณะที่ปอนด์ตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเจฟฟรี่โน้มไปจูบทอมโดยไม่มีใครทันตั้งตัว!!
โครม!!เสียงดังโครมครามนั่นเรียกสติปอนด์คืนมา ตากลมที่ยังเบิกค้างหันมามองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง แพททริกยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเจฟฟรี่กับทอม ชั้นวางกระถางด้านข้างทั้งสามคนล้มระเนระนาด ปอนด์รีบวิ่งออกมาหาทุกคนหน้าตาตื่นแล้วหยุดยืนอยู่ข้างเจฟฟรี่
“อ้าว คุณเจ้าของร้าน เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” เจฟฟรี่ทำหน้าซื่อเอ่ยถามยียวน ขณะที่อีกฝ่ายมีสีหน้าถมึงทึงไม่เล่นด้วย
“อยากมากก็ไปที่อื่น อย่ามาทำงามหน้าที่ร้านของฉัน!”
ท่าทางจะโมโหจัด เจฟฟรี่หาได้ใส่ใจ แต่ทอมที่ถูกตวัดสายตามามองด้วยความดุดันก็ถึงกับหน้าซีด เมื่อครู่นั้นแพททริกพุ่งมากระชากเจฟฟรี่ออกห่างจากเขา หมายจะชกแต่เจฟฟรี่กับใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่าเบี่ยงตัวหลบทัน ทำให้แพททริกถลาไปชนชั้นวางกระถางจนมันล้มลงไป
“โอ้ ต้องขอโทษด้วยครับ มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ริมฝีปากทอมเขาแดงระเรื่อเชียวว่าไหม ดูน่ากัดน่าจูบ...”
แพททริกสบถหยาบคาย ตัวสูงใหญ่ก้าวกลับเข้าร้านไปด้วยความฉุนเฉียว เจฟฟรี่กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองปอนด์ที่ขยับเข้ามาใกล้เขา ท่าทางจะไม่เคยเห็นแพททริกในมุมนี้มาก่อนกระมัง
หลังจากทุกอย่างจบลงปอนด์ก็กลับเข้าไปทำงานต่อ จนกระทั่งได้เวลากลับก็เดินออกจากร้านมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่พูดไม่จากับเจฟฟรี่เลยสักคำ
“เป็นอะไรไป แผนการไม่สำเร็จหรือ?” เจฟฟรี่ก้าวมาเดินข้างกันพลางเอ่ยถามคนหน้าบึ้ง
“........”
“ผมบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น คุณมันจอมยุ่ง เดี๋ยวได้ทำเขาปั่นป่วนเอา...”
“เงียบไปเลย!”
เจฟฟรี่เลิกคิ้ว “โกรธอะไร?”
คนตัวเล็กหันมามองตาคว่ำ ก่อนว่า “แสดงสมบทบาทเกินไปไหม!”
“......?” อยู่ๆก็ถูกว่าเจฟฟรี่เลยทำหน้างง
“อ้อ ปากทอมมันแดงนี่ น่ากัดน่าจูบ อย่างนั้นใช่ไหมล่ะ!?”
คนตัวโตนิ่งไปคล้ายกำลังคิดทบทวน ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเข้าใจถึงปัญหาที่เกิด นั่นทำให้เขาถูกเตะขาแล้วเดินหนี เจฟฟรี่แย้มยิ้ม ถึงจะเจ็บแต่ไม่โกรธสักนิด ยังคงเดินตามคนตัวเล็กมา
“ผมแค่พูดไปตามบท แค่ยั่วโมโหเจ้าของร้านนั่น”
ปอนด์ยังคงหน้าบึ้ง ถึงแม้อีกคนจะอธิบายมาแบบนั้น
“หึงหรือ?”
“.....!!” คำถามจี้ใจดำพาให้อีกคนชะงักกึก
เจฟฟรี่อมยิ้ม เดินอ้อมมาด้านหน้า ตัวสูงใหญ่ก้มลงมองอีกคนด้วยสายตาวับวาว
“ดีใจจัง” รอยยิ้มกว้างขวางประดับใบหน้าหล่อเหลา
“ชิ!” ปอนด์เดาะลิ้น รู้สึกขัดใจที่ตนเองไม่อ้าปากปฏิเสธออกไป บอกไปสิว่าไม่ได้หึง ไม่ได้...!
ความคิดวุ่นวายหยุดชะงักเมื่อเจฟฟรี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ปอนด์เอนออกห่างทั้งหลับตาปี๋ ก่อนจะค่อยๆหรี่ตาขึ้นมามองข้างหนึ่งเมื่อไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นกลับทำให้เขาเห็นว่าอีกคนอยู่ใกล้มากแค่ไหน ตากลมปิดฉับด้วยความตกใจ ริมฝีปากหนาแตะลงมาบนกลีบปาก รู้สึกถึงความอุ่นนุ่ม ก่อนที่มันจะผละห่างออกไป
“คุณไม่ห้ามแบบนี้ผมจะอดใจไม่ไหวเอานะที่รัก”
เสียงกระซิบนั้นทำให้ปอนด์ลืมตาขึ้นมามอง
“ตาบ้า”
เดาะลิ้นเบาๆแล้วแขนเรียวก็ยกขึ้นคล้องต้นคอหนาพลางโน้มลงมาหาตน เจฟฟรี่ยิ้มพราย ประกบจูบริมฝีปากอิ่มอย่างหยอกเย้า ค่อยเบียดบดมันช้าๆ ดื่มด่ำไปกับรสจูบครั้งแรกระหว่างเรา
------------------
“ทอม!!”
เสียงเรียกชื่อทอมดังมาตั้งแต่ร้านเปิด เมื่อปอนด์เข้างานเพื่อนพนักงานในร้านก็เข้ามาซุบซิบกับเขา บอกแพททริกเรียกใช้แต่ทอม ทำให้ทอมต้องวิ่งหัวหกก้นขวิดทั้งวัน ปอนด์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ออกจะแปลกใจ ร้านอาหารเปิดตั้งแต่เที่ยงวันถึงสามทุ่ม กว่าปอนด์จะเข้างานก็หลังเลิกเรียน บางวันทอมก็มาแต่เช้า แต่บางครั้งก็เข้างานพร้อมปอนด์ เพราะทอมกับปอนด์ทำพาร์ทไทม์ไม่ใช่พนักงานประจำของที่นี่
ทอมที่วิ่งจนขาแทบลากพอเห็นหน้าปอนด์ก็กัดฟันกรอด “เพราะนายคนเดียว!”
ปอนด์ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก เรื่องมันกลับตาลปัตร วุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว จะทำอย่างไรล่ะทีนี้
“เจฟฟรี่ๆๆ แย่แล้ว” รีบโทรหาแนวร่วมด้วยความร้อนใจ
“ว่าไงครับที่รัก?”
“สถานการณ์มันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกัน ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ ผมนึกว่าเขาจะยอมรับใจตัวเองแล้วรักกันเสียอีก” ปอนด์โอดครวญให้ฟัง
ขณะที่เจฟฟรี่ตอบกลับมากลั้วหัวเราะ “ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดี”
“ฮึ่ย แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ แพททริกใช้ทอมอย่างกับทาส...”
“กรี๊ดดด ทอม!!!”
เสียงหวีดร้องของเพื่อนพนักงานทำให้ปอนด์หันขวับไปมอง
“เจฟฟรี่ แค่นี้ก่อนนะ ท่าทางจะเกิดเรื่อง เดี๋ยวผมโทรกลับ” บอกกับปลายสายเสียงรัวก่อนวางสายแล้วรีบวิ่งเข้าร้านไป
ภาพที่เห็นคือทอมล้มกองอยู่ที่พื้น ข้าวของแตกหักเสียหายอยู่รายรอบ ร่างสูงขยับลุกขึ้นท่าทางมึนงงแล้วมานั่งเก็บเศษจานชามที่ทำแตกไป ปอนด์รีบนั่งลงดึงมือทอมเอาไว้
“ทอม พอแล้วทอม อยู่เฉยๆ” บอกกับทอมแล้วปอนด์ก็หันมาหาพนักงานคนอื่นที่ยืนมุง “ช่วยเอาที่โกยขยะมาเก็บของพวกนี้ด้วย ทอมเขายังมึนอยู่เดี๋ยวได้เลือดกันพอดี”
หลายคนพากันพยักหน้า ก่อนจะรีบวิ่งไปเอาอุปกรณ์มาจัดการตามที่ปอนด์บอก
“ทอม คุณลุกขึ้นมานี่”
เห็นตัวเล็กทุกลักทุเลพนักงานอีกคนจึงเข้ามาช่วยพยุงทอมแล้วพาไปนั่ง
“นั่งนี่ก่อน” เมื่อจัดการให้ทอมนั่งพักได้แล้วปอนด์ก็ใช้มือตัวเองพัดให้ไปพลางๆ
“เป็นไงบ้าง?”
ปอนด์เอ่ยถาม แต่อีกคนกลับส่ายหน้าไปมา ท่าทางจะยังไม่ดีขึ้น สายตากลมกวาดมองหาของที่จะใช้พัดให้ทอมได้ ใบเมนูถูกยื่นมาหา ปอนด์รับมาแล้วเงยขึ้นมอง
“ขอบคุ...” คำขอบคุณหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นแพททริกที่ยื่นมันมาให้ ปอนด์ดึงเอาใบเมนูนั่นมาแล้วพัดให้ทอม ไม่ได้หันไปมองแพททริกอีก
“อ่อนแอจริงนะทอม ใช้งานนิดหน่อยก็ล้มแล้วหรือ?”
น้ำเสียงคล้ายจะเยาะเย้ยที่ดังมาจากปากแพททริกทำให้ปอนด์ตวัดสายตามามอง ทอมทนได้ แต่เขาจะไม่ทน!
“คุณน่าจะรู้ตัวว่าใครเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้” ปอนด์ย้อนถาม
“ใครล่ะ ฉันหรือเจ้าหนู? แค่ใช้งานแค่นี้นะ?” แพททริกเลิกคิ้ว สายตาดูถูกมองคนที่ปอนด์กำลังดูแลอยู่
“คุณรู้ดีว่าเพราะอะไร น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าร่างกายเขารับได้มากแค่ไหน!?” ยิ่งพูดปอนด์ก็ยิ่งเดือด ทำไมยังตีสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกรู้สาแบบนี้ได้อีกนะแพททริก!
“ฉันไม่ใช่หมอนะปอนด์ ถ้าเขาไม่สบายก็บอกมาสิ ใครจะไปรู้ได้ล่ะถ้าเขาไม่บอก จริงไหม?”
ถ้อยคำตอบโต้นั่นทำให้ปอนด์กัดปาก ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรกลับไป ทั้งที่คันปากอยากจะด่า แต่พูดไปก็รังแต่จะเป็นการเอาเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาประจานก็เท่านั้น
“ให้เวลาพักสิบนาที ดีขึ้นแล้วไปทำงานต่อด้วย” เสียงเข้มออกคำสั่ง ทำให้เสียงซุบซิบจากพนักงานรอบๆดังมาว่าโหดไปแล้ว
ปอนด์อ้าปากค้างกับคำสั่งไร้เหตุผลและความเมตตาต่อผู้อื่น ขณะที่คนถูกสั่งอย่างทอมจะลุกขึ้น แต่ปอนด์กลับกดไหล่ไว้อย่างไม่ยอมให้ทำ
“อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
“ไม่ต้อง!” ทอมตวาดเสียงดัง เพราะยอมให้ปอนด์จัดการไม่ใช่หรือ เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้
ถึงอย่างนั้นปอนด์ก็ยังไม่ฟังเสียง กลับหันไปบอกพนักงานที่ยืนอยู่แถวนั้น
“ช่วยดูทอมด้วย อย่าเพิ่งให้ลุกไปไหน” สั่งเสร็จร่างเล็กก็เดินจ้ำตามแพททริกไปทันที
“จอมจุ้น...” ทอมพึมพำ มองตามหลังจอมจุ้นที่ตนเองว่าแล้วก็ถอนใจเบาๆ
“แพททริก!”
แพททริกหันมาตามเสียงเรียก ปอนด์ก้าวมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ทำไมต้องใจร้ายกับทอมขนาดนี้ด้วย?” คนตัวเล็กร้องถามหาเหตุผล
“แล้วทำไมเธอต้องปกป้องเขา ทั้งที่เขาเคยทำร้ายเธอ” แพททริกย้อนถามกลับไปบ้าง
“ผมเป็นคนถูกทำร้ายยังทนไม่ได้เลยที่เห็นคุณทำกับเขาแบบนั้น แล้วคุณล่ะ เขาทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้รังแกเขา”
“ใช้คำว่ารังแกหรือ?”
“ใช่สิ ผู้ใหญ่รังแกเด็ก คนที่มีอำนาจเหนือกว่าแต่ใช้กดขี่คนด้อยกว่า นั่นก็เรียกว่ารังแก!”
สีหน้าท่าทางขึงขังทั้งคำพูดคำจาทำให้แพททริกมองจ้องเด็กตรงหน้า ก่อนตอบกลับไปเสียงเรียบ
“เพราะเขาทำร้ายเธอไงปอนด์”
“นี่หรือเหตุผล... ผมไม่อยากจะเชื่อ” ปอนด์มองคนที่ตนเองเคารพรักอย่างผิดหวัง นี่หรือคือคำตอบ
“คุณใช้ข้ออ้างที่ว่าเพราะผม... คุณถึงได้ทำแบบนั้นกับเขา... อย่างนั้นหรือ...?” ปอนด์แทบพูดไม่ออก เสียใจอย่างบอกไม่ถูก เขานับถือแพททริก แต่แพททริกกลับเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ มัน...
“ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอ ฉันตั้งใจว่าจะเก็บมันไว้เป็นความลับ จะไม่เปิดเผยมันออกมา...”
“ถ้าอย่างนั้นก็เก็บมันไว้เถอะ เพราะถึงคุณบอกผมตอนนี้ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะยินดีที่ได้รู้มัน”
“.........” แพททริกนิ่งอึ้งเมื่อถูกสวนกลับมาแบบนั้น ทั้งที่ตัดสินใจจะพูดมันออกมา แต่กลับถูกปฏิเสธตั้งแต่คำแรกมันเจ็บไม่น้อย
“สมมตินะแพททริก สมมติว่าคุณรักใครคนหนึ่ง แต่คุณไปมีความสัมพันธ์กับใครอีกคนทั้งที่คุณไม่ได้รักเขา คุณอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่ยังคงมีความต้องการทางเพศ แต่ใจของคุณคงรู้ดีกว่าใครใช่ไหม ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ซื่อสัตย์ต่อคนที่คุณบอกว่ารัก และยังคงมีความสัมพันธ์กับอีกคนเรื่อยมา...”
แพททริกมองตาเด็กตรงหน้าอย่างค้นคว้า “ฉันเลิกกับคนๆนั้นได้ เพราะที่เธอพูดคือฉันมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับใครอีกคนโดยที่ไม่ได้รัก หากต้องเลือกฉันก็พร้อมยอมตัดคนที่ฉันไม่ได้รักเพื่อเลือกคนที่ฉันรักแค่คนเดียวได้”
“คุณไม่เข้าใจหรือ?” ปอนด์ร้องถามอย่างอัดอั้นแทนทอม
“.......”
“คนที่คุณบอกไม่ได้รัก แต่คุณมีอะไรกับเขา และแทบคลั่งเมื่อเห็นเขามีคนอื่น นั่นมันหมายความว่ายังไง?”
“เธอพูดเรื่องอะไรไอ้หนู ไปรู้เห็นอะไรมาหรือไง?” นัยน์ตาคมหรี่ลงราวจะจับพิรุธ แต่ปอนด์ไม่สนใจ
“ตอบผมมาสิแพททริก มันหมายความว่ายังไงที่คุณแทบคลั่งเพียงเพราะคนที่คุณไม่ได้รักจะตีจาก?”
“นั่นมันก็แค่เรื่องสมมติ จะจริงจังอะไรมากมายหือ ปอนด์?”
แพททริกสวนกลับทำให้ความอัดอั้นของปอนด์ราวถูกถอดปลั๊ก คนตัวเล็กนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม และเขาก็ไม่ควรถามซ้ำอีก
“โอเค...” ปอนด์พึมพำเสียงเบา “มันก็แค่เรื่องสมมติ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
ร่างเล็กเดินออกไป ไม่ซักไซ้ ไม่ทวงถาม เขาไม่ควรเข้ามายุ่งแต่แรก ไม่ควรเลย...
สามทุ่มครึ่ง เจฟฟรี่มารอปอนด์ดังเช่นทุกที รออยู่เพียงไม่นานปอนด์ก็เดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากทางหลังร้าน ก่อนจะหยุดเมื่อเห็นเท้าใครบางคนตรงหน้า ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเจฟฟรี่ทำนบน้ำตาก็แทบแตก ร่างเล็กโผเข้ากอดคนตรงหน้า คนถูกกอดไม่ตั้งตัวอึ้งไปนิดก่อนกอดตอบแล้วลูบหลังปลอบโยนเบาๆ
แสงไฟสีส้มบนท้องถนนยามค่ำคืนสาดส่องให้ความสว่าง ราตรีที่ไม่เคยหลับของลอนดอน เจฟฟรี่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องดื่ม เขาลงมาซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆหลังจากขึ้นไปส่งคนตัวเล็กบนห้องที่ตอนนี้ก็ยังนั่งซึม กะว่าให้อยู่กับตัวเองสักพักแล้วเขาถึงจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหากอยากมีเพื่อนคุยปรับทุกข์
เจฟฟรี่กลับมาที่ห้องของปอนด์อีกครั้งหลังเดินเตร่อยู่ด้านล่างนั่นนานพอสมควร คนตัวเล็กมาเปิดประตูให้แล้วเดินนำไปนั่งที่เบาะนุ่มตรงโต๊ะเตี้ยมุมหนึ่งของห้อง เมื่อเขานั่งลงปอนด์ก็ยังคงเงียบอยู่ ผ่านไปสักพักก่อนจะเปรยขึ้นมาเบาๆ
“ผมน่าจะเชื่อคุณแต่แรก ไม่น่าเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาเลย” รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำให้เรื่องมันยิ่งแย่จนอยากหมกตัวอยู่ในห้องนี้แล้วไม่ต้องพบใคร โดยเฉพาะแพททริก แต่ที่นี่มันก็ของแพททริกเหมือนกัน ถึงไม่อยากเจออย่างไรก็ต้องเจอ ไม่มีทางเลี่ยงได้
มือหนาลูบผมเขาเบาๆ มันอบอุ่นจนปอนด์นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เขาทำผิดพลาดหลายอย่าง เวลานี้อยากมีคนอยู่ข้างๆ อยากมีคนปลอบใจและบอกกับเขาว่าไม่เป็นไร
“คุณเคยบอกว่าเราตัดสินใจแทนคนอื่นไม่ได้ เหมือนเรื่องของอัลเบิร์ตที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของคุณ ต่อให้โกรธแทนเพื่อน เจ็บใจแทนเพื่อน แต่คุณก็ตัดสินจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีความคิดไม่เหมือนกัน สิ่งที่คุณว่าดี เขาอาจมองว่ามันไม่ดีก็ได้ จริงไหม?”
ปอนด์พยักหน้ารับกับคำพูดของอีกคน กอดเข่าแล้วซบหน้านิ่ง “คุณเข้าใจอะไรมากกว่าผมตั้งเยอะ บางทีผมก็ดีแต่ปาก ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด”
“..........” เจฟฟรี่เงียบฟังเมื่ออีกฝ่ายอยากระบายความในใจ
“แพททริกน่ะ... ดีกับผมมาก ผมมันเด็กผู้ชายตัวคนเดียวที่มาอยู่ไกลบ้าน คิดถึงพ่อแม่ที่จากมามากแค่ไหนก็ยังกลับไปหาไม่ได้ แต่เพราะได้เขาคอยดูแล ทั้งเรื่องที่พัก ทั้งยังให้งานทำ ไหนจะให้คำปรึกษา หรือแม้แต่เวลาเหงาก็ยังมีเขาที่เข้าใจ...”
“............” ฟังแบบนั้นแล้วเจฟฟรี่ก็ชักจะอิจฉาขึ้นมานิดๆ
“ผมเห็นเขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก เป็นพี่ชาย คล้ายครอบครัวเลย พอรู้ว่าเขาทำเรื่องแบบนั้นกับทอมมันเลย...” ปอนด์หยุดพูดไปดื้อๆเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันจุกที่ลำคอแทบพูดไม่ออก
“คุณเข้าใจไหม ภาพพี่ชายที่แสนดีพังครืนลงมาต่อหน้า ... แย่ชะมัด”
คนตัวเล็กพึมพำในตอนท้าย เจฟฟรี่ยิ้มบาง รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดใจกับเขามากขึ้น ยอมเล่าอะไรให้ฟังมากกว่าทุกทีเพราะไว้ใจเขา
“เลิกคิดเรื่องคนอื่นเถอะ” เจฟฟรี่ว่าอย่างนั้นทำให้ปอนด์หันมามอง
“...มาพูดเรื่องของเราดีกว่า” แขนแกร่งตีเนียนโอบบ่าเล็ก
“วกมาเรื่องนี้อีกละ” ปอนด์ทำหน้าหน่าย
“หึๆ”
คนตัวโตหัวเราะในลำคอท่าทางน่าหมั่นไส้ แต่ปอนด์กลับรู้สึกขอบคุณ เพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายพยายามเลี่ยงพาเบี่ยงไปประเด็นอื่น ไม่อยากให้เขาคิดมากแล้วไม่สบายใจ
“ขอบคุณนะเจฟฟรี่ คุณทำให้ผมสบายใจเวลาอยู่ใกล้” ปอนด์ยิ้มบอก “บางที... ผมอาจจะชินกับการมีคุณอยู่ใกล้แล้วก็ได้”
“แล้วถ้าผมหายไปล่ะ?” เจฟฟรี่ถามกลับมา
“ผม... อาจจะร้องไห้”
“จริงหรือ?”
“ไม่จริง”
รอยยิ้มจากคนตัวโตหุบฉับเมื่อคนตัวเล็กเพียงเล่นลิ้น เกือบดีใจแล้วเชียวที่อีกฝ่ายบอกถ้าเขาหายไปแล้วอาจจะร้องไห้ แต่มาบอกว่าไม่จริงนี่มันน่าจับตีก้น มันเขี้ยวเหลือเกิน!
“อ๋าาา เจฟฟรี่ อย่านะ!”
แขนแกร่งกอดรัดคนยอกย้อน ปอนด์ดิ้นกุกกักอยู่ในอ้อมแขน พยายามทั้งแงะทั้งแกะแต่เจฟฟรี่ก็ยังแกล้งรัดไม่ยอมปล่อย คนตัวเล็กดิ้นจนหอบแฮ่กเจฟฟรี่ถึงได้ยอมคลายอ้อมแขน เพียงแค่กักตัวอีกคนไว้เท่านั้น
ปอนด์เงยมองคนตัวโตด้วยอาการหอบ อีกฝ่ายค่อยโน้มมาใกล้จนตากลมมองสบนัยน์ตาสีเข้มในระยะประชิด ลูกแก้วใสเต้นระริกไหวเมื่อริมฝีปากหนาแตะแผ่วบนกลีบปากอิ่มเต็ม สัมผัสเพียงแผ่ว แต่แล้วปอนด์กลับหันหนีทำให้เจฟฟรี่ชะงัก
“ปอนด์...”
“อื้อ”
ขานรับแต่ไม่ยอมหันกลับมามองสบตา เจฟฟรี่จึงค่อยโน้มเข้าไปใกล้อีกครั้ง จนกระทั่งรู้สึกถึงความนุ่มเมื่อตนเองกดแนบที่มุมปากอิ่ม ก่อนจะไล้แผ่วบนกลีบปาก ใจปอนด์เต้นกระหน่ำ สัมผัสแปลกประหลาดพาให้มันสั่นไหวจนควบคุมไม่อยู่ เผยอริมฝีปากรับเมื่ออีกคนกดจูบลงมา แทรกลิ้นสากกวาดต้อนลิ้นเล็กมาพัวพัน ตักตวงความหวานล้ำไม่ผละห่าง ค่อยเอนตัวปอนด์ลงไปช้าๆ แผ่นหลังบางแนบนาบไปกับพื้นเย็นชืดทำให้ร่างเล็กเกร็งตัวขึ้นมาหน่อยๆ
เจฟฟรี่ค่อยถอนจูบ ดวงตาสองคู่มองสบกันระยะประชิด ยิ่งมองจ้องกันแบบนี้ปอนด์ก็กลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น ในใจกำลังลุ้นว่าเจฟฟรี่จะทำอย่างไรต่อไป จะเดินหน้าหรือหยุดเพียงเท่านี้
“ทำไงดี...” เจฟฟรี่คราง ทั้งถามตัวเองและถามคนใต้ร่าง
ปอนด์เงียบ ทั้งคู่นิ่งอยู่ท่านั้นอีกพักหนึ่งถึงได้ลุกมานั่งข้างกัน ปอนด์ขยับไปชิดมุม กอดเข่าราวป้องกันตัวเอง ขณะที่เจฟฟรี่ก็นั่งขัดสมาธิเงียบกริบกันทั้งสองคน นี่เขาทำถูกแล้วใช่ไหมที่ปล่อยปอนด์ไปทั้งที่มีโอกาสแบบนี้...
“ขอบคุณ...”
ความคิดฟุ้งซ่านแตกกระเจิงเพียงเพราะคำๆเดียว เจฟฟรี่หันไปตามเสียงแสนแผ่วเบานั้น ปอนด์ที่นั่งกอดขาวางคางเกยบนเข่า ตากลมช้อนมองเขาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆนั่นทำให้ใจเจฟฟรี่พองฟูขึ้นมา เมื่อเขาตัดสินใจไม่ผิดที่หยุดตัวเองเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรลงไป หนุ่มตัวโตยิ้มให้คนตัวเล็กกว่า ความไว้ใจใช่จะหากันได้ง่ายๆ เมื่อเขาได้มาแล้วก็ไม่อยากเสียไปง่ายๆเช่นกัน
TBC
ขอบคุณทุกคนค่ะ บวกและบวกเช่นเคย
วันใหม่ค่ะ