บทที่ ๑๘เวลาช่วงเช้าหมดไปกับการซ้อมกระบี่ ฟีเรียสชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเจ้าชายหกแห่งไมซีนกับนักเรียนองครักษ์ธรรมดาอย่างเขาลดน้อยลง และไม่ว่าอีกฝ่ายจะออมมือให้เขาหรือไม่ เขาก็รู้สึกดีเหลือเกินที่พระองค์ทรงทำเหมือนว่าทุ่มเทเต็มที่ ไม่ได้เห็นว่าฝีมือของเขาอ่อนด้อย ซ้อมครบรอบแล้วจึงจะรับสั่งบอกข้อบกพร่องของเขาพร้อมกับแนะนำวิธีการพัฒนา
“อยากให้ข้าแนะนำเจ้าตอนกำลังซ้อมหรือซ้อมเสร็จค่อยแนะนำ”
ถึงจะถามช้าไปหน่อยแต่ก็ยังตรัสถาม
“หลังซ้อมเสร็จพระเจ้าค่ะ”
เขาเป็นคนหยิ่งและทระนงตัว ฟีเรียสรู้จักตัวเองดี ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองพอรู้ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน หากเขาแก้ไขมันได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะรับสั่งบอก เขาคงจะรู้สึกภูมิใจขึ้นอีกไม่น้อย
เที่ยง เจ้าชายรามิเรสก็ทรงชวน ‘เพื่อนเที่ยว’ ไปกินมื้อกลางวันที่ตลาดเชิงเขา ยังไม่ทันได้เลือกร้าน แม่หนูน้อยที่พระองค์และฟีเรียสเคยมาอุดหนุนเมื่อสามเดือนก่อนก็กวักมือเรียกพลางส่งเสียงแจ้วทันที
“พี่ชาย มองไปทางไหนค้า ทางนี้ค่า รีบๆ มาเลยค่ะเดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะคะ”
แม่หนูแกว่าอย่างนั้นได้หน้าตาเฉยทั้งที่ยังเหลือที่นั่งอีกราวๆ สี่ห้าโต๊ะเห็นจะได้ พูดให้ชัดไปกว่านั้นอีกคือเพิ่งมีคนนั่งกินอยู่คนเดียว
เจ้าชายรามิเรสทรงหันไปมองคนร่วมทางอย่างจะหารือ และพบว่าฟีเรียสก็กำลังยิ้มเอ็นดูเด็กหญิงไม่ต่างจากพระองค์
“จำพวกพี่ได้ด้วยหรือ” นั่งแล้ว เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสถามเชิงชวนคุย
“จำได้สิคะ ยังไม่เคยมีใครให้ทิปข้าตั้งสิบเหรียญเหมือนพี่ชายเลยค่ะ”
อ้อ... นี่สินะ เหตุผลที่จำได้
“แถมพี่ชายยังทำให้พี่นีน่ามาดุข้าด้วย ว่าข้าทำเสียแผน”
นีน่าไหน แผนอะไร ไม่ต้องรอให้ถาม คนอยากเล่าจัดการบอกเสร็จสรรพ
“พี่เขาชอบพี่ค่ะ” แกหันไปบอกฟีเรียส “แกล้งสะดุดล้มจะให้พี่ช่วยรับ แต่พี่คนหล่อจับแขนไว้ก่อน” พี่คนหล่อคือเจ้าชายหกแห่งไมซีน “พอทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้ให้ พี่คนหล่อก็ให้ข้าเก็บไปคืนอีก เลยไม่ได้คุยกับพี่ นี่พี่นีน่าเขาก็สั่งข้าไว้นะคะ ให้ค่าจ้างข้าด้วย บอกว่าถ้าเห็นพี่มาแถวนี้อีก ให้ข้าไปบอกพี่เขาด้วย”
“อ้อ”
คนถูกผู้หญิงหมายตาร้องออกมาได้แค่คำเดียว
“พี่เขามีคนรักแล้ว”
ฟีเรียสหรี่ตามอง คนเป็นเจ้าชายนี่โกหกได้ฉับไวแถมหน้าตายแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่า
“อ้าว เหรอคะ”
ความกระตือรือร้นของเด็กหญิงลดลงราวเจ็ดในสิบส่วนเห็นจะได้
“งั้นสั่งอาหารเลยค่ะ”
“อะไรอร่อยบ้าง”
“แม่ข้าทำอร่อยทุกอย่างแหละค่ะ สั่งอะไรก็ได้ รับรองไม่ผิดหวัง” ประโยคนี้กลับมามีกระแสกระตือรือร้นเต็มสิบเหมือนเดิม
เจ้าชายรามิเรสตรัสสั่งไปสามอย่าง ก่อนจะให้สิทธิ์คนที่มาด้วยกันสั่งบ้าง และฟีเรียสก็ไม่ได้รู้สึกเกรงใจมากเท่าครั้งก่อน
ครั้นเด็กหญิงเดินกลับไปแล้ว คนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนรักแล้วก็หันมามองคนประทับตรงข้ามอย่างต้องการคำอธิบาย
“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้พึงใจนาง แต่อาจจะคิดหาคำปฏิเสธไม่ถูก”
เป็นคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นดีเหลือเกิน
“กระหม่อม... ข้าขอถามตรงๆ สักข้อได้ไหมครับ”
อีกฝ่ายทรงเลิกพระขนง
“ฝ่า... ท่านมักจะคิดแล้วก็ตัดสินใจแทนคนอื่นอย่างนี้เสมอหรือครับ”
คนถูกถามทำท่าคิด แต่ฟีเรียสคิดว่าพระองค์คงไม่ได้ทรงคิดจริงจังแน่ หลังจากได้ฟังคำตอบ
“คิดว่าเพิ่งมาเป็นเฉพาะกับเจ้า... เจ้าเป็นคนแรก”
คิดว่าคำพูดแบบเดิมจะใช้ได้ผลถึงสองครั้งรึไง คำตอบคือ... ได้ ความขุ่นเคืองจางๆ ของฟีเรียสหายไปไม่มีเหลือ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธพระองค์เลย เพราะเขาไม่รู้จะตอบเด็กหญิงว่ายังไงจริงๆ แน่ล่ะ จะให้บอกว่า ‘พี่ชอบผู้ชาย’ ก็คงไม่ได้ ออกจะโล่งใจด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายหาทางออกให้แทน เพียงแต่ถ้าไม่ทำเป็นเคือง ไม่พูดอะไรบ้าง อีกฝ่ายก็คงจะทรงคิดว่าสามารถคิดแทน ตัดสินใจแทนเขาได้ทุกเรื่องอยู่ร่ำไป
“ข้าเข้าใจผิดหรือ” ฟีเรียสดูจะงงๆ เจ้าชายหนุ่มจึงทรงขยายความ “เจ้าชอบนาง”
“ไม่ได้ชอบพระจะ... เอ่อ... ครับ” ต่อให้เขาชอบผู้หญิงก็เถอะ ใครจะไปชอบคนที่เพิ่งเห็นหน้าครั้งแรกได้
“ไม่ชอบก็ควรจะตัดไฟแต่ต้นลม”
“ข้าอยากจะตัดเองครับ”
“ได้สิ เดี๋ยวพอแม่สื่อตัวน้อยมา เจ้าก็บอกนางไปอีกรอบ”
เขาว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ เจ้าชายหกทรงสอบตกเรื่องการตีความอย่างแรงเสียแล้วล่ะเขาว่า
“คุณชายครับ”
“ครับ”
ฟีเรียสแทบจะลืมเรื่องที่ตั้งใจจะพูด เกือบจะเผลอถามออกไปว่า รับสั่งว่าครับแล้วทำตาเจ้าชู้แบบนี้ให้ผู้หญิงไปกี่คนแล้ว ชายหนุ่มพยายามดึงสติกลับมา
“เรื่องไหนที่เกี่ยวกับข้าโดยตรง ข้าอยากจะเป็นคนพูดเองครับ”
“ขอโทษ”
รับสั่งคำนี้พร้อมทำสีพระพักตร์จริงจังทีไร เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิดเสียเองทุกทีสิน่า
“ไม่เป็นไรครับ”
“แต่ยังไงข้าก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะกับเจ้า”
ฟีเรียสไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ไม่แน่ แต่ก็ทูลถามกลับไปอย่างไม่ค่อยชอบใจที่มีใครมาตัดสินว่าเขาเหมาะหรือไม่เหมาะกับใคร
“แล้วแบบไหนถึงเหมาะกับข้าล่ะครับ”
“เจ้ายังเรียนไม่จบ อย่าเพิ่งมีคนรักเลย ตั้งใจเรียนให้ดีไปก่อน ถึงตอนที่ได้เป็นองครักษ์เต็มตัวก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสาวมาชอบ ความชอบของเจ้ากับข้าอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ข้าอยากให้เจ้าได้คนที่จริงใจกับเจ้า ดูแลเจ้าได้ ฟังเจ้าคุยทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานได้ อยากให้เป็นคนที่เจ้าอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่อง... อายุ อาจจะไม่สำคัญ ถึงจะเป็นคนที่อายุมากกว่าหลายปีก็คงไม่เป็นไร”
ฟังแรกๆ ให้ความรู้สึกเหมือนฟังคนแก่อบรม แต่พอถึงประโยคหลังๆ ก็ชักจะรู้สึกทะแม่งๆ นี่พระองค์ทรงแฝงนัยอะไรรึเปล่า อยากจะกราบทูลเหลือเกินว่า
เขาคิดมากนะ (โว้ย)
โชคดีที่เด็กหญิงช่วยมารดายกอาหารหลายจานเข้ามาบริการพร้อมกับบอกว่าขอให้ทานให้อร่อย เสียก่อน ฟีเรียสจึงถือเป็นโอกาสให้ไม่ต้องพูดประเด็นนี้ต่อ ที่จริง ถ้าไม่มีประโยคท้ายมาดึงดูดความสนใจของเขาเสียก่อน เขาก็อยากจะรู้ว่า ถ้าได้เป็นองครักษ์เต็มตัวแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะเป็นผู้ชายที่ดีพอ มีเกียรติพอที่จะได้คนรักเป็นเจ้าชายรึเปล่า
“แฟนของพี่สวยไหมคะ”
บริการเสริมพิเศษระหว่างกิน คุณกินไป เราจัดเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มแก่แดดมาล้วงลึก ซักถามประวัติส่วนตัวของคุณให้
ฟีเรียสมองพระพักตร์ของคนนั่งตรงข้าม ทว่าฝ่ายนั้นเพียงแต่แย้มพระสรวลใสซื่อมาให้ ไม่ตรัสตอบเพราะใครบางคนเพิ่งขอให้พระองค์อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ทำเอานักเรียนองครักษ์หนุ่มนึกฉุน อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เชียวว่าพระองค์กำลังทรงดัดหลังเขาน่ะ ทีต้องการความช่วยเหลือล่ะไม่ยอมให้
“ก็... หน้าตาดี”
“ดีนี่แปลว่าสวยใช่ไหมคะ”
“อืม”
“อืมแปลว่าอะไรคะ”
“สวย”
“อย่าหลอกข้านะคะ โกหกเด็กตายไปตกนรกนะเอ้อ”
ฟีเรียสแทบจะติดคอ ครั้นเห็นคนประทับตรงข้ามเอาแต่ยิ้มขำ เขาก็ยิ่งนึกฉุน
“เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม” เห็นแก่หน้างอๆ ของอีกฝ่าย เจ้าชายรามิเรสจึงทรงยอมช่วยตรัสถามให้ ไม่อยากจะให้งอจนคอหักลงไปทิ่มจานอาหาร
“จะได้เอาไปบอกพี่นีน่าถูกไงคะ”
“รับเงินจากนางมาแล้วหรือ”
“ยังหรอกค่ะ แต่รับรองว่าพี่นีน่าต้องอยากจ่ายเพื่อข่าวนี้แน่”
นี่กระมังที่เขาว่า คบเด็กสร้างบ้าน ขนาดว่ายังไม่ได้คบ แค่รู้จักเฉยๆ ยังปวดหัว
“แล้วทำไมพี่ฟีเขาต้องบอกเจ้าด้วยเล่า”
“อ๊ะ! พี่ชื่อพี่ฟีหรือคะ”
เด็กหญิงตาวาว ขณะที่เจ้าชายรามิเรสทรงพระสรวลเบาๆ อย่างเอ็นดูและรู้ทัน
“เจ้าล่ะ ชื่ออะไร”
“พรีเชียสค่ะ พี่คนหล่อล่ะคะชื่ออะไร”
“ราม”
เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงัก คิดว่าบางทีชื่อนี้อาจจะมีประโยชน์ในอนาคต ในสายตาของนาง พี่รามยังหล่อกว่าพี่ฟีอีก
“แฟนพี่ฟีสวยกว่าพี่นีน่ารึเปล่าคะ”
เจ้าชายหนุ่มทรงหันไปมองเป็นเชิงถาม ฟีเรียสจำใจพยักหน้า แปลว่ายินยอมถ่ายโอนสิทธิ์ในการตอบไปให้พระองค์โดยชอบธรรม
“ สวยกว่าจ้ะ”
“ตัวหอมเหมือนพี่นีน่าไหมคะ”
“หอมเหมือนกัน แต่หอมคนละกลิ่น”
ฟีเรียสเงยหน้าขึ้นขวับ ครั้นเจ้าชายหกทรงหันพระพักตร์มามองเป็นเชิงถาม เขาก็ก้มหน้าลงจิ้มชิ้นเนื้อเข้าปาก
“พี่นีน่าทำอาหารเก่งนะคะ”
“พี่ฟีก็ทำเก่ง”
“จริงเหรอคะ” เด็กหญิงหันมาถามเจ้าตัว
“แค่พอทำได้”
“งั้นพี่นีน่าอาจจะทำอร่อยกว่า”
“นอกจากสวย ตัวหอม ทำอาหารเก่ง นางยังมีอะไรดีอีกไหม” เจ้าชายหนุ่มตรัสถาม
“โอ๊ย! มีอีกเยอะแยะเลยค่ะ”
“เจ้าช่วยนางขนาดนี้ ได้ค่าจ้างไหม”
“ถึงไม่ได้ค่าจ้างข้าก็เต็มใจทำให้ ข้าไม่ได้เห็นแก่เงินนะคะ แค่อยากให้พี่ฟีมีแฟนสวยๆ แล้วก็ดีๆ อย่างพี่นีน่าต่างหาก”
“พี่ฟีเขามีแฟนแล้ว”
“ดีไม่เท่าพี่นีน่าหรอกค่ะ”
“เขารักแฟนของเขามาก”
ใช่เหรอ... เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่านอกจากมีแฟนแล้วยังรักแฟนตัวเองมาก
“จริงเหรอคะ”
ฟีเรียสมองตากลมแป๋วของเด็กหญิงแล้วก็รู้สึกผิด คิดผิดแท้ๆ ที่หวังพึ่งเจ้าชายหก คนไม่กลัวตกนรกก็โกหกเป็นไฟ คนดีๆ อย่างเขานี่สิลำบากใจ นึกอยากจะบอกความจริงออกไปว่า พี่ยังไม่มีแฟนหรอก แต่พี่คงชอบพี่นีน่าของเจ้าไม่ได้ ปรานีพี่เถิด อย่าถามอะไรพี่อีกเลย แต่ในเมื่อเจ้าชายหกทรงโกหกเพื่อเขามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็หักหน้าพระองค์ไม่ได้
“พรีเชียส”
เจ้าชายรามิเรสทรงเป็นที่พึ่งในยามยากอีกหน
“คะ”
“เจ้าคิดว่าพี่นีน่าจะให้รางวัลเจ้าสักเท่าไหร่ ค่าที่เจ้าช่วยนาง”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่...”
“โกหกผู้ใหญ่ตกนรกนะ”
“ก็น่าจะได้สักสิบเหรียญค่ะ” คนไม่อยากตกนรกตอบฉะฉาน
“พี่จะให้เจ้าสิบเหรียญ ถ้าพี่นีน่าของเจ้าไม่รู้ว่าพี่ฟีมาที่นี่”
“สิบเหรียญเองเหรอคะ ข้ารู้จักกับพี่นีน่ามาตั้งนานแล้ว ที่จริงข้าควรจะเข้าข้าง...”
“ทุกครั้งที่พี่กับพี่ฟีมากินอาหารที่ร้านเจ้า”
“มาบ่อยไหมคะ” คำถามนี้เร็วปรื๋อ
“น่าจะทุกสัปดาห์ อย่างน้อยสองเดือน”
ลูกสาวแม่ค้าคำนวณเงินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มแป้นตาพราว
“ตกลงค่ะ ข้าจะปิดปากให้สนิท ถ้าเห็นพี่นีน่ามา ข้าก็จะมาเตือนพี่สองคนก่อน”
คนรับปากมั่นเหมาะแบมือ ยื่นไปตรงพระพักตร์ เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวล
“คิดเงินหลังกินเสร็จ”
“โอเคค่ะ”
เด็กหญิงเดินจากไปอย่างว่าง่าย ฟีเรียสสบายหูขึ้นเป็นกอง
“โกรธข้าไหม”
ฟีเรียสมองพระพักตร์
“ที่ข้าตัดโอกาสของเจ้า”
นักเรียนองครักษ์หนุ่มนิ่งเงียบ ที่จริงแล้วเขาอยากจะขอบคุณต่างหาก แต่ถ้าพูด อีกฝ่ายอาจจะเข้าพระทัยผิดว่าเขาอนุญาตให้พระองค์ตัดสินใจเรื่องอื่นๆ แทนเขาได้อีก
“ข้าขอโทษ”
“ไม่ต้องพระเจ้าค่ะ!” ชายหนุ่มเสียงดังอย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลง “กระหม่อม... ข้า... ข้า...”
“ข้า...” เจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนง
“ขอบคุณครับ”
คนฟังแย้มพระสรวล
“กินต่อเถอะ จะได้ไปเดินดูอย่างอื่นต่อ”
ฟีเรียสพยักหน้า ทำตามอย่างว่าง่าย อันที่จริงเขาแค่อยากจะกลบเกลื่อนความรู้สึกอายอย่างไม่รู้สาเหตุเท่านั้น บ้าแท้ๆ ที่ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาแล้วยิ้มให้
เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรมองคนก้มหน้าก้มตากินแล้วก็คิด ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่อยากจะให้ฟีเรียสได้คบหากับผู้หญิงดีๆ สักคน เพียงแต่ตอนนี้เป็นเวลาของพระองค์ ขอให้พระองค์ได้ทำคะแนนเสียก่อน แล้วถ้าผลปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ให้คะแนนพระองค์เลย พระองค์ทรงหมดหวังเสียแล้ว
.
.
.
.
.
ถึงตอนนั้นค่อยเป็นโอกาสของคนอื่น
tbc.
************************************************************
ค่อยๆ รุกคืบ... เพื่อรอรุกฆาตค่ะ (เมื่อไหร่เหรอ?)
ดีใจที่มีหลายคนชอบและขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ