รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ  (อ่าน 358034 ครั้ง)

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #150 เมื่อ23-02-2014 15:27:51 »

บทที่ ๘

“หม่อมฉันมาทูลชวนไปชมละครเพคะ”

หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระได้สักพัก ในที่สุดอันธียาก็กราบทูลจุดประสงค์ที่แท้จริง
เจ้าชายรามิเรสทรงวางถ้วยพระสุธารสกาแฟลงบนจานรอง มหาดเล็กซึ่งยืนรอถวายงานอยู่
อีกด้านหนึ่งของอุทยานเดินเข้ามาจะรินถวายเพิ่ม ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ
เขาจึงถวายคำนับแล้วล่าถอยไปยืนอยู่ที่เดิม

“จีอา เพื่อนของหม่อมฉัน ลูกสาวของท่านเสนาบดีเกษตรเพิ่งตั้งโรงละครใหม่ชื่ออเธมีสเพคะ
ค่ำวันที่สิบสามนี้จะเปิดแสดงรอบปฐมทัศน์ หม่อมฉันได้บัตรมาสองใบเลยมาทูลชวนฝ่าบาทเสด็จไปด้วยกัน ทรงว่างไหมเพคะ”

“แสดงเรื่องอะไร”

“ไซคีกับอีรอสเพคะ”

แค่ฟังชื่อ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงทราบว่าผู้ชายอย่างพระองค์ไม่ใช่เป้าหมายของละครเรื่องนี้
หรืออาจจะรวมถึงโรงละครโรงนี้ เมื่อพิจารณาจากตัวเจ้าของซึ่งเป็นเพื่อนกับพระคู่หมั้น
ก็พอจะทรงเดาได้ว่าลูกค้ากลุ่มหลักของหญิงสาวคงจะเป็นหนุ่มสาวในตระกูลชั้นสูงที่ปรารถนาความรักเป็นสรณะ

“จะเสด็จได้ไหมเพคะ ถ้าได้ หม่อมฉันก็จะดีใจมาก เรา เอ่อ... ไม่ได้ไปไหนด้วยกันมานานแล้วนะเพคะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวลอ่อนบาง

“ไปสิ ข้าว่าง ค่ำๆ ก่อนเวลาแสดงสักชั่วโมงข้าจะไปรับ”

บุตรสาวคนงามของเสนาบดีคลังแย้มยิ้มยินดีอย่างเปิดเผย




อันธียาแต่งกายงดงามเป็นพิเศษในค่ำคืนนั้น ชุดสีม่วงเข้มหรูหรางดงาม ทั้งยังช่วยขับผิวขาวๆ ให้กระจ่างตายิ่งขึ้น
เสื้อคอกว้างเปิดให้เห็นลำคอระหงได้อย่างชัดเจน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มักจะทิ้งตัวลงมาเป็นลอนสวยอยู่เสมอ
ถูกเกล้าเก็บขึ้นทั้งหมดเพื่อขับเน้นความยวนตาของลำคอขาวสะอาด เจ้าชายรามิเรสทรงชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อทอดพระเนตรเห็น ก่อนจะแย้มพระสรวลอย่างพึงพระทัย

พระองค์ยังคง... ปกติดี

ส่วนการที่พระองค์ทรงหลับพระเนตรตั้งแต่ละครเริ่มแสดงไปได้ราวสิบนาที
และหลับพระเนตรตลอดสามชั่วโมงกว่าที่เหลือก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

เจ้าชายหกแห่งไมซีนเสด็จไปส่งพระคู่หมั้นถึงที่บ้าน และทรงจูบหลังมือของนางก่อนอำลา
รอยยิ้มคาดหวังของอันธียาเจื่อนจางลงไปทว่าก็พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้ให้เป็นปกติที่สุด
ขณะยอบกายถวายพระพรลา คืนนั้นหญิงสาวนอนไม่ค่อยหลับนัก ตั้งแต่เป็นคู่หมั้นกันมา
ใช่ว่าพระองค์จะไม่เคยทรงจูบนางที่ปาก แม้จะเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็น ‘จูบ’ ที่แท้จริง
แต่แทนที่ความสัมพันธ์จะก้าวหน้าขึ้น กลับดูเหมือนจะถอยหลังลง... เพราะอะไร

จะว่าเพราะทรงติดพระทัยนางคนไหนในหอบุปผาก็ไม่น่าจะใช่ ครั้งนั้น
นางมั่นใจทีเดียวว่าเจ้าชายหนุ่มเสด็จไปที่หอบุปผามา แต่ในเมื่อพระองค์ทรงปฏิเสธ
นางก็ฉลาดพอที่จะไม่ดึงดันยืนกราน และพระองค์ก็ไม่ได้เสด็จไปอีก

อย่างไรก็ตาม การไปชมละครคืนนั้นนับเป็นนิมิตหมายอันดีของการเริ่มต้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ใหม่

“ช่วงนี้ฝ่าบาททรงออกงานกับอันธียาบ่อยนะพระเจ้าค่ะ”

มิทรอสกราบทูลเมื่อมาเข้าเฝ้าที่กรมสรรพาวุธในบ่ายวันหนึ่งด้วยเรื่องงาน
คุณชายหนุ่มเป็นนายทหารยศร้อยเอกสังกัดกรมทหารม้า

“ใกล้จะมีข่าวดีหรือยังพระเจ้าค่ะ”

“ขอให้เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่ถามเรื่องนี้กับข้า ข้าหวังมากไปไหม”

คุณชายหนุ่มสำลักยิ้ม “ไม่มากพระเจ้าค่ะ ต่อไปกระหม่อมจะไม่ทูลถาม แต่จะเป็นพระกรุณา
หากฝ่าบาทรับสั่งบอกกระหม่อมว่าจะโปรดให้กระหม่อมบอกคนที่มาถามกระหม่อมอีกต่อหนึ่งว่ายังไง”

“บอกไปว่า เรื่องส่วนพระองค์ ไม่ควรยุ่ง”

รอยยิ้มหายไปจากเค้าหน้าคมคายของคนฟัง

“กริ้วหรือพระเจ้าค่ะ” ที่จริงแล้วเขาถามผิด เขารู้ว่ากริ้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่ากริ้วใคร

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะทรงผ่อนพระปัสสาสะออกยาว “เจ้ากลับไปได้ ข้าจะทำงาน”

คุณชายหนุ่มขยับปากจะทูลถาม แต่แล้วก็ตัดสินใจทูลลาไปแต่โดยดีโดยไม่ลืมกราบทูลทิ้งท้ายว่า

“กระหม่อมปวารณาตัวเป็นคนฟังเสมอพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทจะทรงเล่า”



นอกจากงานเลี้ยงกลางคืนแล้ว เจ้าชายรามิเรสยังเสด็จไปประพาสยังที่ต่างๆ
กับพระคู่หมั้นตามที่ฝ่ายหลังทูลชวนบ่อยๆ ไปกับนางตามลำพังบ้าง ไปกับกลุ่มเพื่อนของนางบ้าง
ใช่ว่าพระองค์จะไม่ทรงทราบว่านางต้องการอวดพระองค์กับกลุ่มเพื่อน
ทว่าในเมื่อพระองค์ไม่ได้ทรงเดือดร้อนอะไร ก็ทรงปล่อยให้นางทำไป
เช่นเดียวกันกับเรื่องสถานที่เที่ยว แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงน้ำชาตามบ้านของชนชั้นสูง
โรงอุปรากร สนามม้า หรือสวนดอกไม้ซึ่งล้วนแต่ไม่ต้องรสนิยม
แต่ก็สามารถเสด็จไปได้โดยไม่ทรงรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากนัก

ใช่ว่าพระองค์จะไม่ทรงทราบว่าพระคู่หมั้นของพระองค์มีรสนิยมอย่างไร กิจวัตรของนาง
ความชอบของนางไม่ต่างจากของบุตรสาวของขุนนางและชนชั้นสูงทั้งหลาย
แรกทีเดียวพระองค์มีพระดำริว่าหลังจากแต่งงานกันไปแล้ว ความชอบของนางจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพระองค์
เพราะนอกจากงานสำคัญที่จำเป็นจะต้องออกด้วยกันแล้ว สถานที่อื่นๆ ที่นางชอบ
พระองค์จะประทานพระอนุญาตให้นางได้ไปตามใจชอบ เพียงแต่พระองค์คงจะไม่เสด็จไปด้วย
ต่างคนก็ต่างมีวิธีผ่อนคลายของตัวเอง เช่นนี้คงจะสามารถอยู่ด้วยกันไปได้อย่างราบรื่น

ทว่าตอนนี้ เหตุที่ต้องทรงเปลี่ยนพระจริยวัตรอย่างกะทันหันทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
ก็เพราะมันจำเป็น พระองค์ทรงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อันธียาจะสามารถช่วยแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งให้พระองค์ได้




บ่ายวันหนึ่ง เจ้าชายรามิเรสเพิ่งเสด็จกลับจากการไปเยือนคฤหาสน์หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
ของบิดาของเพื่อนคนหนึ่งของอันธียา พระองค์ทรงม้า ขณะที่อันธียานั่งรถม้า
แรกๆ พระองค์เคยประทับรถม้าไปกับนาง ทว่าหลังจากพบว่าถ้าพระองค์ไม่ทรงเงียบ
จนทำให้นางขยับตัวอย่างอึดอัดในบางเวลา ก็เป็นนางเองที่พูดคุยในเรื่องที่พระองค์ไม่ใคร่สนพระทัย
เพราะเหตุนี้จึงเปลี่ยนมาทรงม้าตามถนัด เพราะอย่างน้อย การได้อยู่ห่างกันบ้าง ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ทำให้ความกระตือรือร้นที่จะได้พูดคุยกันเมื่อพบหน้ากันอีกครั้งมีมากขึ้น

การไปไหนมาไหนกับพระคู่หมั้นช่วยให้พระองค์...

พระดำริของเจ้าชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อสายพระเนตรทอดไปเห็นคนในความคิดคำนึงยืนอยู่ในแม่น้ำใต้สะพานหิน
ที่พระองค์กำลังทรงม้าข้ามผ่าน เห็นแค่แวบเดียวก็ทรงทราบว่าบรรดาครูในโรงเรียนองครักษ์พาเหล่านักเรียน
มาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยการขุดลอกคูคลอง แต่ละคนถอดเสื้อออกจนเหลือแต่กางเกงตัวเดียวลงไปยืน
ในแม่น้ำที่มีน้ำอยู่ไม่มากและขุดลอกคูคลองอย่างแข็งขัน

“เฮ้ย! ฟีเรียส”

แปะ! โคลนแฉะๆ ลอยไปแปะอยู่ที่กลางหน้าอกทันทีที่เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก

“โรดีอัส!”

“ฮ่าๆๆๆๆ อุ้ก”

นักเรียนองครักษ์ผิวเข้มร่างใหญ่ยังคงหัวเราะออกแม้จะโดนอีกฝ่ายเอาคืนด้วยการขว้างโคลนก้อนหนึ่งมาโดนตัวบ้าง
หลังจากนั้นก็เป็นสงครามดินโคลนที่มีนักเรียนองครักษ์เข้าร่วมนับสิบคน
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความรื่นเริงของวัยเยาว์

โดยเฉพาะคนที่พระองค์ทรงจับตามองเป็นพิเศษ

“ฝ่าบาท” อันธียาเปิดม่านหน้าต่างรถม้าออกมาทูลเรียก เมื่อรถม้าของนางหยุดเคลื่อน “ทรงหยุด...”

หญิงสาวถึงแก่สะดุ้ง เมื่อเห็นว่าพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มบึ้งตึงอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
ครั้นมองตามสายพระเนตรไปเห็นบรรดาชายหนุ่มที่ทำงานไปเล่นไปอยู่ในแม่น้ำเบื้องล่าง นางก็เข้าใจ

“พวกนักเรียนองครักษ์นี่ช่างไร้ระเบียบวินัยกันจริงๆ นะเพคะ อย่างนี้สมควรบอกให้ผู้อำนวยการลงโทษให้เข็ดหลาบ...”

อันธียาพูดได้ไม่จบ เพราะเจ้าชายหนุ่มทรงกระตุ้นม้านำขบวนไปเสียก่อน

พังทลายแล้ว ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดล้มเหลวลงแล้วเพียงได้พบหน้าแค่ครั้งเดียว

... อันธียาช่วยอะไรพระองค์ไม่ได้เลย


*******************************


ฟีเรียสยังคงมีงานพิเศษทำอยู่เป็นประจำ งานส่วนใหญ่มาจากคุณชายบ้านเสนาบดีกลาโหม
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเจ้าชายหกทรงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เขาไม่อยากจะคิดมากให้เสียเวลา
เพราะคิดไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร บางครั้งเมื่อถึงคราวที่ได้หยุดกลับบ้าน เขาก็ไม่ได้กลับ
นอกเสียจากเขียนจดหมายไปหาแม่และน้อง ทั้งสองเข้าใจดีที่เขายังยืนกรานจะหาเงินมาถวายคืนเจ้าชายหกจนครบถ้วน
แม้อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม

ฟีเรียสเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่เขายังนึกไม่ออกว่าจะถวายคืนอย่างไรดี
ปัญหาแรกคือไม่แน่ใจว่าจำนวนเงินน้อยเกินไปหรือไม่ พระองค์ทรงรวยมาก
เขาเพิ่งรู้จากโรดีอัส รายนั้นเป็นลูกชายของคหบดีใหญ่และเล่าว่าเจ้าชายรามิเรสทรง
บริจาคเงินเพื่อการกุศลครั้งละมากๆ ครั้งล่าสุดก็บริจาคเพื่อสร้างโรงพยาบาลโดยบริจาคร่วมกับพระคู่หมั้น
เงินที่เขาอุตส่าห์เก็บรวบรวมไว้ด้วยความพยายามอย่างมากคงเป็นได้เพียงเศษเงินของพระองค์

ปัญหาที่สองคือเขาไม่อยากเข้าเฝ้าโดยตรง แต่จะฝากคุณชายมิทรอสไปถวายก็กลัวว่า
คุณชายหนุ่มจะไม่รู้เรื่องนี้และเขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัยว่าเหตุใดเจ้าชายหนุ่มจึง
ประทานพระเมตตาให้เขามากถึงเพียงนี้

ถึงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นระหว่างเขากับเจ้าชายหก และยังเป็นเจ้าของคฤหาสน์ริมผา
แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาได้รับพระเมตตาเพราะเจ้าชายหนุ่มต้องการจะชดเชยให้... มันน่าอาย

กลับจากไปเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุด สิ่งที่เขานำติดตัวกลับมาและคิดว่าจะถวายให้เจ้าชายรามิเรสมีสองอย่าง
อย่างแรกคือแยมสตรอว์เบอร์รี่ที่เขาทำเองสองขวด แต่หลังจากคิดทบทวนมาตลอดการเดินทาง
ทันทีที่มาถึงหอพัก เขาก็ยกมันให้กับเพื่อนร่วมห้องไปทั้งสองขวด

อย่างที่สองคือฉลองพระองค์ที่เขายืมมา เสื้อผ้าชุดนั้นทำให้เขาถูกน้องสาวสงสัย
เฟย์พบมันในห่อผ้าที่ใช้แล้วของเขาขณะที่นางกำลังจะนำไปซัก เขาเองก็ลืมไปเสียสนิท

“ของพี่เอง พี่ต้องซื้อไว้ใช้ตอนไปงาน มันจำเป็น”

“ผ้าดีมากเลย ตัดเย็บละเอียดมากด้วย แพงไหมจ๊ะ”

ฟีเรียสบอกราคาไปส่งๆ เป็นราคาที่เขาคิดว่าแพงแล้ว ถึงกระนั้นน้องสาวของเขาก็ยังออกปากว่าถูก
โชคดีที่นางไม่สงสัยอีก และนำมันไปซักให้อย่างระมัดระวัง ตอนนี้เขาเก็บชุดนั้นไว้ในตู้เสื้อผ้าจนมันมีกลิ่นอับตู้อีกครั้ง
แต่เขาก็ยังไม่ได้คืน



“ข้าอยากให้เจ้าไปช่วยทำความสะอาดบ้านริมผาสุดสัปดาห์นี้”

มิทรอสบอกอย่างไม่อ้อมค้อมเมื่อนักเรียนองครักษ์หนุ่มมาหาเขาถึงที่บ้านเพื่อรับงานตามที่เขาเรียก

“ปกติที่นั่นจะมีคนไปทำความสะอาดเดือนละสองครั้ง แต่พรุ่งนี้ที่บ้านข้าจะไปเที่ยวกันที่เอลายน์” เขาหมายถึงเมืองท่าของไม่ซีน

“จะพาคนใช้ไปทั้งหมด ตอบแทนที่ช่วยทำงานอย่างแข็งขันมาตลอดทั้งปี มันเป็นธรรมเนียมของบ้านข้า
ไปสักสิบวัน กลับมาจะต้องใช้บ้านหลังนั้นต้อนรับแขกสำคัญของพ่อข้า 
ข้าเลยอยากให้เจ้าไปช่วยทำความสะอาดเตรียมไว้”

คุณชายหนุ่มพูดยาวชนิดที่ตอบข้อสงสัยของฟีเรียสได้ทั้งหมดในคราวเดียว
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นเขาคนเดียว ทำไมถึงไม่ใช้คนอื่น
แม้เจ้าของบ้านไม่บอกฟีเรียสก็เดาได้ มันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้เขา
ได้งานทุกงานจากคุณชายหนุ่มผู้นี้นั่นล่ะ คือเพราะเจ้าชายรามิเรสเคยทรงออกโอษฐ์ขอให้พระสหายผู้นี้หางานให้เขาทำ


อะไรๆ ก็เจ้าชายรามิเรส ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเขาดูจะไม่เคยหนีเจ้าชายพระองค์นี้พ้น
ขนาดว่าตัวไม่มา ชื่อก็ยังส่งอิทธิพลมาถึง



หวังเพียงแต่ว่า สุดสัปดาห์นี้เขาคงจะไม่เจอพระองค์ที่นั่น




tbc.

***********************************************************

สั้นไปหน่อยเนาะ แต่ก็ตัดได้ตรงนี้พอดีอ่ะค่ะ ตอนหน้าถึงจะได้เจอกันอีกที
คิดๆ ดูแล้วรามิเรสนี่ก็ออกจะทึ่มจริงๆ ด้วย แต่เขาก็อย่างนี้อ่าค่ะ เป็นคนใจเย็นแล้วก็เรื่อยๆ หน่อย

ตอบคุณ panari - ทาสรัก ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะพิมพ์กับสนพ.นาบูนะคะ
กำหนดออกคงจะราวๆ ปลายปีนี้ หรือไม่ก็อาจจะต้นปีหน้าน่ะค่ะ
(พอพูดว่าตั้งแต่มัธยมจนถึงวัยทำงานนี่ก็รู้สึกว่ามันช่างนานมาแล้วจริงๆ ด้วย)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #151 เมื่อ23-02-2014 15:47:01 »

องค์ชายหกคงชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองแล้ว รุกเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #152 เมื่อ23-02-2014 15:47:14 »

องค์ชายแอบหึงฟีเรียสรึป่าว ที่เล่นกับเพื่อนที่คลอง
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #153 เมื่อ23-02-2014 16:00:10 »

ตัดไง ก้อไม่ขาด อิอิ
มองกันไปมองกันมา เสียดายเวลานะเออ
บวกหนึ่งคะ  ชอบการเล่าเรื่องมากเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #154 เมื่อ23-02-2014 17:49:33 »

ปากแข็ง ใจแข็งทั้งคู่เลยน๊า เหนื่อยแทน 5555

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #155 เมื่อ23-02-2014 18:02:02 »

นายเอกทึ่มอย่างที่คนเขียนบอกจริงๆแหละ  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #156 เมื่อ23-02-2014 18:02:27 »

เจ้าชายทรงดื่มชา"เย็น เย็น"มากไปรึเปล่าเพคะ
เปลี่ยนเป็นเอ็ม150บ้างท่าจะดี



 :กอด1:

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #157 เมื่อ23-02-2014 18:41:17 »

หมั่นไส้นางคู่หมั้น

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #158 เมื่อ23-02-2014 19:17:13 »

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #159 เมื่อ23-02-2014 19:27:56 »

 ทรงเย็นๆเรื่อยๆ จริงๆค่ะเจ้าชาย
 แต่ฟีเรียสทำให้เจ้าชายรู้สึกอะไรขึ้นมาได้จริงๆ
 คู่นี้น่ารักมากก >////<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
« ตอบ #159 เมื่อ: 23-02-2014 19:27:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #160 เมื่อ23-02-2014 19:33:10 »

สั้นจัง แต่เข้าในว่าตอนหน้าจะได้เจอกันแล้ว ดังนั้น ตอนหน้าคงยาวสะใจไปเลยเนาะ
ส่วนตอนนี้ หมั่นไส้องค์ชายเล็กน้อย แหม เห็นสาวสวยแล้วเบาใจว่าตัวเองยังมาดแมนเป็นปกติ
แต่พอเห็นฟีเรียสเล่นกับเพื่อน ๆ ดันหึงซะยังงั้น คนเราเนาะ ... ชอบเรื่องนี้จัง ภาษาสวยมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #161 เมื่อ23-02-2014 19:39:44 »

บื้อจริงๆ
หรือจะบอกว่าซื่อเพราะไม่เคยมีความรักหว่า?

ทำเอาสงสารรามิเรสเลย  นั่นก็เป็นคนซับซ้อนมาก

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #162 เมื่อ23-02-2014 19:42:42 »

เอากำลังใจมาส่งก่อนจ้า

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #163 เมื่อ23-02-2014 20:44:13 »

ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ลุ้นดีว่าเมื่อไหร่เจ้าชายจะจู่โจมว่าที่องครักษ์ :z1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #164 เมื่อ23-02-2014 21:11:45 »

พระคู่หมั้นสนพระทัยรับน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในล่วงหน้าสักแก้วไหมครับ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #165 เมื่อ23-02-2014 21:44:43 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Pine_apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #166 เมื่อ23-02-2014 21:45:50 »

มาแล้วววว  :m11: :m11:

ชายห๊กกกก ทำไมเป็นคนแบบนี้  :ling1: ไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้อิชั้นไม่ปลื้มฮร่าาา  :m16:


ฟีเรียสน่ารักน่ากินน่ากัดไม่เปลี่ยนเลยน้าา  :m1: :m1:  ถ้าชายหกไม่สนใจก็เชิ่ด ไม่ต้องสุงสิง ทำเหมือนไม่เคยใกล้ชิดกันมาก่อนเลยฟีฟี่ :m19:

รับรอง หุหุ  :laugh3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2014 21:57:15 โดย Pine_apple »

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #167 เมื่อ24-02-2014 01:02:25 »

ท่านคะ ท่านไม่ชอบให้ฟีเรียสถอดเสื้อให้ผู้อื่นดู ท่านก็ไปห้ามสิคะ - -

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #168 เมื่อ24-02-2014 01:20:46 »

เจ้าชายหวงล่ะสิ  :impress2:

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #169 เมื่อ24-02-2014 04:52:18 »

รอตอนหน้า จะได้เจอกันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
« ตอบ #169 เมื่อ: 24-02-2014 04:52:18 »





ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #170 เมื่อ24-02-2014 05:09:51 »

เรื่อยๆอย่างนี้ คนอ่านลุ้นแทบแย่แล้วจ้า >.<
เจ้าชายยยยย รุกเลยยยยยยยย หึงเค้าน้อยใจเค้าชอบเค้าก็บอก อย่าเก็บไว้เลยนะคะ
ฟีเรียสก็เข้าข้างตัวเองบ้างนะลูก 5555

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #171 เมื่อ24-02-2014 12:36:00 »

คอขาวๆของสาวสวยๆ ไม่ดึงดูดใจเท่าอกแบนๆซินะเจ้าชาย   หึงอ่าดิ   

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #172 เมื่อ24-02-2014 13:35:09 »

เจอกันครั้งหน้าจะเสร็จเจ้าชายสักครั้ง คนอ่านจะไม่ลืมพระคุณ  :katai2-1:

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #173 เมื่อ24-02-2014 20:18:29 »

เบื่อชะนีค่า เอาไปเก็บด่วนๆ
เจ้าชายทรงหึงฟีเรียสแล้วล่ะสิ ยอมรับมาเหอะ
เห็นเค้าถอดเสื้อเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แล้วใจมันร้อนรุ่มใช่มั้ยพระเจ้าค่ะ 55555555

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
«ตอบ #174 เมื่อ27-02-2014 20:19:03 »

บทที่ ๙

คำภาวนาของนักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่เป็นผล เขาใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นม้าสีขาวปลอดพันธุ์ดี
ที่วอลเซนส์หลงใหลนักหนา เพียรขอไปผสมพันธุ์กับม้าตัวเมียของเขาอยู่หลายครั้งหลายหน
ยืนอยู่ในคอกหลังคฤหาสน์ริมผา ฟีเรียสยืนจับสายบังเหียนของม้าสีน้ำตาลที่มิทรอสให้ยืมมานิ่งอยู่หน้าคอก
เจ้าม้าสีขาวตัวนั้นสะบัดปลายหางไปมา ทำท่าทางเหมือนจำเขาได้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้ยกมือขึ้นลูบหัวมันอย่างที่ใจนึก
ต่อไปเขาจะพยายามอยู่ห่างจากมันเข้าไว้ หาไม่คงไม่แคล้วถูกหาว่าเป็นขโมยอีก

ขากลับจากบ้านคราวนั้น เขาบังเอิญสวนทางกับเจ้ากรมทหารม้าซึ่งเป็นคนคัดม้าพันธุ์เลิศมาถวาย
ให้เจ้าชายหนุ่มทรงเลือกด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ฝ่ายนั้นจะจำม้าที่ตัวเองเป็นคนคัดมาได้
ข้อหาขโมยม้าของเจ้าชายถูกยัดเยียดให้ทันที ฟีเรียสบอกได้แค่ว่าเจ้าชายหนุ่มประทานพระอนุญาตให้เขายืม
ส่วนเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรจึงให้ เขาตอบไม่ได้ ชายหนุ่มถูกพาไปที่กรมทหารม้าซึ่งอยู่ใกล้กว่าศาลาว่าการศาล
ขณะที่คิดว่าคงจะทำให้เจ้าชายหนุ่มต้องทรงเดือดร้อนเสด็จมาแก้ข้อกล่าวหาให้เขา
กลับกลายเป็นว่าคนที่มาคือราชองครักษ์ประจำพระองค์ที่ชื่อ เรจิน

เขาถูกปล่อยตัวไปในที่สุด เขารู้ ว่าคนเป็นเจ้าชายคงจะมีงานยุ่ง แต่ละงานคงสำคัญกว่าเรื่องเล็กๆ ของเขา
ฟีเรียสบอกตัวเองว่าดีแล้วที่ไม่ต้องพบกับพระองค์ให้รู้สึกอึดอัดใจ อย่างไรก็ตาม
ความรู้สึกผิดหวังวูบหนึ่งก็วาบขึ้นมาสู่ใจอย่างเร็วจนเกินจะห้ามทัน



ฟีเรียสมองถุงกระดาษใส่ฉลองพระองค์ในมือ เขานำชุดนี้ไปจ้างซักที่ร้านซักรีดที่ดีที่สุดในเมืองหลวง
เสียเงินไปหลายเหรียญเพื่อให้ชุดชุดนี้ไม่มีกลิ่นอับตู้ และมีกลิ่นหอมสะอาด
ตั้งใจว่าจะแอบเอาไปแขวนคืนไว้ในตู้วันนี้
แต่ถ้าเข้าไปตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าโดยบังเอิญ

ชายหนุ่มตัดสินใจเหยียบโกลนโยนตัวขึ้นม้าทันที ตอนแรกโรดีอัสอาสามาช่วยเขาทำความสะอาด
แต่เขาปฏิเสธไป ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว จะไปตามเพื่อนมาช่วยกันทำ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับ...

... สายไปแล้ว...

คำนั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีที่เขาสบสายตากับคนที่ทรงยืนอยู่ในสวนข้างบ้าน พระหัตถ์ข้างหนึ่ง
ถือหนังสือไว้เล่มหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือชามใบใหญ่ใส่สตรอว์เบอร์รี่ไว้จนพูน
วันนี้ฉลองพระองค์สีเขียวอ่อนที่น่าจะกลมกลืนกับต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ได้เป็นอย่างดี
แต่กลับเปล่งประกายโดดเด่น แลสง่างามเฉกเคยได้อย่างน่าประหลาดใจ

อย่างไรก็ดี รอยแย้มพระสรวลที่ส่งมาแต่ไกลๆ กลับยังทำให้ใจกระตุกได้มากยิ่งกว่าชุด

ฟีเรียสลังเล ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าควรจะลงจากม้าแล้วเดินไปเข้าเฝ้า หรือจะขี่ม้าไปเข้าเฝ้า
เพื่อยืนยันเจตนาอยู่ในทีว่าเขากำลังจะกลับแล้วดี ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจ
คนตัดสินพระทัยได้เร็วกว่าก็ทรงวางทั้งหนังสือและชามผลไม้ไว้ในเปลนอนที่ผูกไว้ระหว่าง
ต้นไม้สองต้นแล้วเป็นฝ่ายเสด็จตัวเปล่ามาหาเขาเสียเอง ฟีเรียสตัดสินใจลงจากหลังม้าทันที
และเดินเข้าไปหาบ้าง ถึงอย่างไรการให้เจ้าชายเป็นฝ่ายเสด็จมาก็เป็นเรื่องไม่สมควร
นักเรียนองครักษ์หนุ่มค้อมกายถวายความเคารพเมื่อพบกันครึ่งทาง

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงหลอกให้กระหม่อมมาหรือพระเจ้าค่ะ”

หลุดปากพูดออกไปแล้วคนพูดก็สำนึกเสียใจขึ้นมาทันควันที่ทำใ
ห้รอยแย้มพระสรวลของเจ้าชายหนุ่มหายวับไป แปรเปลี่ยนเป็นนิ่วพระพักตร์แทน

“ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น”

“กระหม่อมขอประทานอภัย”

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

“คุณชายมิทรอสจ้างให้กระหม่อมมาทำความสะอาดบ้านพระเจ้าค่ะ” ลังเลอยู่อีกนิดหนึ่งจึงกราบทูล

“กระหม่อมเห็นว่าคุณชายเป็นพระสหายของฝ่าบาท พอเห็นว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่ด้วย กระหม่อมจึงคิดว่า...”

“ข้าใช้ให้เขาหลอกให้เจ้ามาพบ”

“พระเจ้าค่ะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงมีแววละอายใจ ถึงกระนั้นก็ยังตัดสินใจทูลถามเพื่อความแน่ใจ

“แต่ฝ่าบาทไม่ทรงทราบว่ากระหม่อมจะมาใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามาพักผ่อนที่นี่เป็นประจำ ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้”

ไม่รู้มาก่อน... ว่าเจ้าจะถูกมิทรอสหลอกให้มาวันนี้ และข้าเอง... ก็ถูกหลอกไม่ต่างจากเจ้า

“กระหม่อมขอประทานอภัยที่เข้าใจฝ่าบาทผิด และที่มาขัดความสำราญพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงสั่นพระเศียรเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู พลางตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก “คิดเองเออเอง”

“แล้วเมื่อกี้จะไปไหน ข้าเห็นเจ้าขึ้นม้า”

“กระหม่อม... คิดได้ว่าบ้านหลังใหญ่ ถ้าไปตามเพื่อนมาช่วยสักคนคงจะทำให้เสร็จเร็วขึ้นพระเจ้าค่ะ”

“เพื่อนชื่ออะไร”

ฟีเรียสเผลอขมวดคิ้ว ถ้าเขาบอกไปพระองค์จะทรงรู้จักหรือ แต่ดูจากสีพระพักตร์แล้วคงไม่ได้ตรัสถามเล่นๆ

“ชื่อโรดีอัสพระเจ้าค่ะ”

พระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มขรึมขึ้นอย่างที่คนมองเดาพระอารมณ์ไม่ออก แต่รู้สึกว่าพระอารมณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก

“เจ้าเพิ่งจะคิดได้เมื่อกี้นี้ หรือว่าตัดสินใจได้ตอนที่เห็นข้า”

ก่อนจะรับสั่งประโยคนี้ เจ้าของวรองค์สูงโปร่งก็ทรงหันพระองค์ ดำเนินกลับไปทางสวนข้างบ้านแล้ว
ฟีเรียสจำต้องเดินตามไป แต่ก็โล่งใจอยู่บ้างที่คนรู้ทันไม่สามารถทอดพระเนตรเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเขา
แม้อยากจะทูลตอบเหลือเกินว่าตัดสินใจได้ตอนเห็นม้า แต่ด้วยมารยาทแล้วจำต้องทูลตอบอีกอย่าง

“กระหม่อมคิดได้เองพระเจ้าค่ะ ไม่เกี่ยวกับฝ่าบาท”

และเพราะกำลังเดินตามกัน เขาจึงไม่ได้เห็นรอยแย้มพระสรวลที่กลับคืนมาสู่พระพักตร์ของอีกฝ่าย

“ขอบใจที่พยายามคิดถึงใจข้า”

ฟีเรียสได้ยินแต่เสียงจึงพานคิดไปว่าเจ้าชายหนุ่มอาจจะกริ้วเพราะเข้าพระทัยว่าเขาโกหก
แต่ในเมื่อตัดสินใจโกหกไปแล้ว จะให้กราบทูลว่าโกหกก็คงจะยิ่งไปกันใหญ่ เขาจึงนิ่ง
เดินตามเสด็จไปเงียบๆ จนถึงเปลที่เคยนอน รับชามสตรอว์เบอร์รี่ที่พระองค์ทรงส่งให้มาถือไว้แต่โดยดี

“สตรอว์เบอร์รี่จากนวารา” ทรงหมายถึงเมืองทางเหนือซึ่งขึ้นชื่อว่าปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้อร่อยที่สุด

“เพิ่งส่งมาถึงเมื่อเย็นวาน ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะส่งไปให้เจ้ายังไงดี เมื่อกี้เห็นเจ้ามาพอดีเลยดีใจ
ที่ไม่ต้องคิดหาวิธีอีก ชิมสิ นั่งที่เดิมนั่นล่ะ”

ที่เดิมที่ว่าคือบนเปลที่เขาเคยนอนเล่นเมื่อสองเดือนก่อน ฟีเรียสยืนนิ่งอยู่อีกอึดใจ
เขาอยากจะกลับไปตามโรดีอัสมาเผชิญหน้ากับเจ้าชายหกแห่งไมซีนด้วยกันใจจะขาด
แต่คนที่วันนี้ขยันสั่งเอาๆ เป็นพิเศษดูจะไม่เปิดโอกาสให้ เขาจึงจำต้องเดินไปนั่งตามสั่ง
วางถุงใส่ฉลองพระองค์ไว้บนตักแล้วหยิบผลไม้สีแดงสดขึ้นมากัดชิม
รสชาติอันชุ่มฉ่ำหวานหอมกระจายไปทั่วทั้งปากเพียงแค่ได้กินคำแรก
ในความรู้สึกอร่อย มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

ดีแล้ว เขาตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่เอาแยมที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี่บ้านๆ มาถวาย

“รสชาติเป็นยังไง”

“อร่อยพระเจ้าค่ะ ขอบพระทัย” คนตอบลุกขึ้นยืน เดินไปถวายคืน
ทว่าเพราะอีกฝ่ายประทับบนเปลที่สูงขึ้นมาจากพื้นไม่มาก เขาจึงคุกเข่าเพื่อไม่ให้ศีรษะสูงค้ำพระเศียร
และแทนที่จะทรงรับไปทั้งชาม พระองค์กลับหยิบไปเพียงผลเดียว

“อืม รสชาติดีกว่าปีก่อน” ฟีเรียสสะดุดหูทันที

“ฝ่าบาทยังไม่ได้เสวยหรือพระเจ้าค่ะ”

“กินแล้ว” เว้นไปครู่จึงรับสั่งต่อ “เมื่อกี้”

แปลกดีที่แค่มองเห็นสีหน้า เจ้าชายรามิเรสก็ทรงทราบว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดที่กินก่อนเจ้าชาย
และแทนที่จะทรงระอา พระองค์กลับทรงขำขันเสียอย่างนั้น

“ในครัวยังมีอีกครึ่งตะกร้า เจ้าเข้าไปแบ่งใส่ชามมาสิ ชามเล็กๆ ก็พอ ชามใหญ่นี่ให้เจ้า
ตอนแรกข้าตั้งใจว่าจะนอนอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ทั้งวันเลยแบ่งมาเสียชามใหญ่”

“กระหม่อม...” มองเห็นสีพระพักตร์จริงใจของอีกฝ่ายแล้วเขาก็แทบจะกราบทูลไม่ออก แต่ก็จำต้องทูล

“กระหม่อมมาที่นี่เพื่อทำความสะอาดพระเจ้าค่ะ”

“กินมื้อเช้ามาแล้วหรือ”

อยากจะทูลอยู่หรอกว่ากินแล้ว แต่แค่มองเห็นพระพักตร์ก็ไม่อยากจะโกหกซ้ำสอง

“กระหม่อมยังไม่หิว”

“สตรอว์เบอร์รี่แค่นี้ก็คงไม่พออิ่ม เจ้านั่งกินเล่นๆ ไปก่อน หมดแล้วค่อยเริ่มทำก็ได้ เดี๋ยวข้าจะช่วย”

ฟีเรียสแทบจะมองเจ้าชายหนุ่มตาถลน พระองค์น่ะหรือ จะช่วยทำอะไรนะ... ทำให้สะอาด หรือทำให้ยุ่ง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมมิบังอาจ แล้วก็ไม่อยากจะแบ่งเงินค่าจ้างกับใคร”

เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวล

“ข้าก็ไม่คิดจะเบียดเบียนนักเรียนองครักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้า”

รับสั่งไปแล้วก็ทรงสังเกตว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจว่าพระองค์ทรงดูถูกหรือไม่
ทว่าเมื่อไม่เห็นรอยขุ่นเคือง พระองค์ก็ทรงเบาใจ

“ลุกขึ้นเถอะ เข้าไปเอาชามมาอีกใบ ถ้าคิดว่ากินหมดนี่ไม่ไหวก็เอาแต่ชามเปล่ามาก็พอ กินเสร็จจะได้ลงมือ”

ฟีเรียสจนปัญญาจะปฏิเสธ

ว่าที่องครักษ์หนุ่มนำชามเปล่ามาและจัดการแบ่งสตรอว์เบอร์รี่ในชามใหญ่ถวายครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะรับสั่งให้แบ่งให้พระองค์เพียงส่วนเดียว การสนทนาระหว่างกิน
ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจอย่างที่คิด เจ้าชายหกตรัสถามเขาเรื่องที่บ้าน และเขาก็เผลอเล่าเพลิน

“ข้าชักอยากจะกินแยมที่เจ้าทำ”

ฟีเรียสชะงักไปทันที เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรเห็นดังนั้นจึงรับสั่ง

“อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่หวังว่าจะมีโอกาส”

“... รสชาติธรรมดามากพระเจ้าค่ะ คงดีไม่เท่าที่เคยเสวย”

เจ้าชายหกแย้มพระสรวล แต่ไม่ได้รับสั่งเรื่องนี้ต่อไปอีก หลังจากเสวยไปอีกลูก ก็ตรัสถามใหม่

“เจ้าสนิทกับวอลเซนส์มากหรือ”

“มากพระเจ้าค่ะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังไม่รู้ความ”

“เขาชอบน้องสาวเจ้า” ไม่ได้ชอบเจ้าแน่หรือ

“พระเจ้าค่ะ”

“ถึงขั้นจะแต่งงานไหม”

“พระเจ้าค่ะ อาจจะอีกสองสามปี” เรื่องนี้วอลเซนส์บอกเขาเองภายหลัง
ทูลไปแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคนฟังจึงดูโล่งพระทัยยังไงชอบกล

“โรดีอัสล่ะ” ฟีเรียสงง สตรอว์เบอร์รี่ทั้งผลยังคาอยู่ในปาก ทำให้ทูลถามอะไรไม่ได้ “สนิทกันมากไหม”

“มากพระเจ้าค่ะ เขาพักห้องเดียวกับกระหม่อม” ฟีเรียสกราบทูลอย่างเปิดเผยทั้งที่ไม่จำเป็น
แต่เขารู้สึกว่าแม้จะกราบทูลไปก็ไม่น่าจะมีผลร้ายอะไรจึงพูด ไม่รู้เลยว่าทำให้คนประทับอยู่ถัดไปอีกเปลหนึ่ง
ทรงหมดอร่อยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“โรดีอัสเป็นลูกชายตระกูลเฟานเท่นพระเจ้าค่ะ ได้รับสัมปทานเกลือมาตั้งแต่ปีไมซีนที่สามร้อยสิบห้า”

คนเล่าคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะทรงรู้จัก ทว่าเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้แสดงท่าทีว่าทรงรู้จักแต่อย่างใด เขาจึงเล่าต่อ

“เขาเป็นคนมีน้ำใจมาก กล้า แล้วก็ซื่อสัตย์ ที่สำคัญ เขาใช้ดาบเก่งมากพระเจ้าค่ะ สอบได้เป็นที่แปดของชั้นปี”

ฟีเรียสมีเป้าหมาย เขาอยากช่วยเพื่อน ไมซีนมีธรรมเนียมอยู่ว่าคนที่จะเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายได้
จะต้องเป็นบุตรชายของขุนนางเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าจะสอบได้ลำดับที่หนึ่งถึงแปดของชั้นปี
คนที่สอบได้ที่หนึ่งจะได้สังกัดหน่วยราชองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์ราชา
ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดต่ำต้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าไม่มีประวัติเป็นผู้ต้องโทษมาก่อนย่อมได้รับตำแหน่งนั้น
ส่วนลำดับที่สองถึงแปดจะได้เป็นองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายทั้งเจ็ดพระองค์
หลายปีที่ผ่านมาการเลือกองครักษ์จะเป็นไปตามลำดับที่ คือคนที่สอบได้ที่สอง
จะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายรัชทายาท คนที่สอบได้ที่สามจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายรอง
เพราะฉะนั้นคนที่สอบได้ที่แปดอย่างโรดีอัสจึงมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้าชายเจ็ดผู้ได้ชื่อว่า
พระอารมณ์ร้ายที่สุดในบรรดาพี่น้อง แต่การเลือกองครักษ์ขึ้นอยู่กับบรรดาเจ้าชาย ไม่ใช่ตัวนักเรียนองครักษ์
หากเจ้าชายรัชทายาทจะทรงเลือกคนที่สอบได้ที่แปดก็ย่อมได้ เจ้าชายรามิเรสจะทรงได้สิทธิ์เป็นผู้เลือกลำดับที่หก
หากพระองค์ทรงเลือกโรดีอัส เพื่อนของเขาก็คงจะโชคดีมาก

“แล้วเจ้าล่ะ” แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายรามิเรสจะไม่ได้สนพระทัยอย่างที่เขาหวัง

“กระหม่อมสอบได้ที่สิบเจ็ดพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงนิ่งเงียบไปนาน “ดีที่สุดที่เคยได้คือที่เท่าไร”

“ที่สิบเจ็ดพระเจ้าค่ะ”

“ปีก่อนๆ ล่ะ” โรงเรียนองครักษ์วัดผลปีละสองครั้ง สิบเจ็ดคงจะเป็นลำดับที่ล่าสุด

“ร้อยแปดสิบห้า ร้อยเจ็ดสิบ ร้อยสามสิบสอง ร้อยแปด เก้าสิบห้า เจ็ดสิบสอง สามสิบหก สิบแปด พระเจ้าค่ะ”

คนฟังแย้มพระสรวล

“เจ้ามีความพยายามสูงมาก”

ฟีเรียสกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้เลย แม่และน้องเคยชื่นชม เพื่อนๆ เคยชื่นชมเขามากกว่านี้
แต่เมื่อเจ้าชายหกทรงชม เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไป เป็นความรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนกัน แต่มันมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าถนัดอะไรที่สุด”

“ธนูพระเจ้าค่ะ”

“ที่ไม่ถนัดล่ะ”

“มีดสั้นพระเจ้าค่ะ”

“แล้วที่ชอบล่ะ”

คนถูกถามมองพระพักตร์อย่างประหลาดใจ ไม่เคยมีใครถามเขาอย่างนี้มาก่อนแม้แต่ครูฝึก
เพราะทุกคนคิดตรงกันหมดว่าสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือสิ่งที่เขาชอบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่

“กระหม่อมชอบต่อสู้มือเปล่าพระเจ้าค่ะ”

“มีเหตุผลไหม”

“เพราะกำปั้นไม่มีคมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไม่ซีนแย้มพระสรวลใจดี ดวงพระเนตรฉายประกายอย่างหนึ่งที่ทำให้คนถูกมองทั้งรู้สึกเก้อเขิน
และตัวแทบจะลอยได้ไปพร้อมๆ กัน โชคดีที่พระองค์ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แบบนั้นอยู่นานนัก

“คะแนนต่อสู้มือเปล่าของเจ้าเป็นยังไง”

“ได้ที่เก้าพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์

“กระบี่”

“ได้คะแนนกลางๆ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจะว่ายังไงถ้าข้าจะซ้อมกระบี่ให้” สีหน้าของฟีเรียสมีแววแปลกใจ

“สอบวัดผลครั้งสุดท้ายเป็นการสอบต่อสู้อิสระ” หมายความว่าจะใช้อาวุธอะไร จะใช้กี่อย่างก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

“มีดสั้นกับมือเปล่าเป็นการต่อสู้แบบประชิดเหมือนกัน พอแทนกันได้ ส่วนธนูเจ้าก็ทำได้ดีแล้ว”

คนฟังนิ่งเงียบไปนาน จนกระทั่งเจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนงนิดๆ อย่างทวงคำตอบอยู่ในทีเขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบ

“จะทรงสอนเมื่อไรพระเจ้าค่ะ”

“ตอนนี้ พร้อมไหม”

ฟีเรียสชะงักเมื่อเจอคำตอบไม่คาดคิด “กระหม่อมต้องทำความสะอาด”

“อย่างนั้นก็หลังเจ้าทำความสะอาดเสร็จ”

ตอนแรกยังรับสั่งว่าจะทรงช่วย ไปๆ มาๆ ตอนนี้เหลือแค่ ‘เจ้า’ คนเดียว

“กระหม่อมคิดว่าคงจะใช้เวลานานพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทำท่าจะทรงสำลักเสียงสรวล แต่แล้วก็เพียงแค่แย้มพระสรวลธรรมดา
โดยที่ดวงพระเนตรยังทอแววขบขันระคนสงสารอย่างที่ฟีเรียสไม่รู้สาเหตุ

“งั้นก็รีบกิน กินเสร็จจะได้ไปดูว่าจะเริ่มทำจากตรงไหน”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2014 20:43:32 โดย ชุน »

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #175 เมื่อ27-02-2014 20:53:22 »

ปาดไหมๆ -w-
องค์ชายแอบหึงด้วยอะ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
«ตอบ #176 เมื่อ27-02-2014 21:23:10 »

บทที่ ๑๐

ฟีเรียสไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าชายหกทรงขำอะไร
นอกจากบริเวณมุขหน้าและบันไดรูปครึ่งวงกลมซึ่งเป็นทางขึ้นที่มีฝุ่นจับอยู่บ้างเล็กน้อยแล้ว
บ้านหลังนี้สะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ใต้พรม ตามซอกโต๊ะ มุมเสา ใต้โต๊ะ ใต้ตู้ บนเพดาน
หรือแม้กระทั่งบนหลังคา เครื่องเรือน เครื่องประดับทุกชิ้นถูกขัดไว้จนขึ้นเงา
แม้แต่ในแจกันดอกไม้ก็สะอาด ปราศจากน้ำเน่าเสีย

ฟีเรียสไม่ใช่คนโง่ เขารู้แล้วว่าถูกคุณชายแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมหลอกให้มา
ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้ทำไม ทำถึงขนาดยัดเยียดเงินค่าจ้างมาให้เขาล่วงหน้า
ความสงสัยผุดวาบขึ้นมาอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วเจ้าชายรามิเรสทรงรู้เห็นด้วยใช่หรือไม่ 

หลังจากเห็นว่าคงไม่สามารถทำความสะอาดที่ไหนซ้ำได้อีกนอกจากหน้าบ้าน
ฟีเรียสจึงลงมือทำความสะอาดบริเวณนั้นโดยเริ่มจากเช็ดราวระเบียงและเสาระเบียงหน้ามุข

“เอาผ้ามาอีกผืนสิ ข้าจะช่วย”   

ว่าที่องครักษ์หนุ่มชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจทำตามรับสั่งของคนที่เริ่มพับแขนฉลองพระองค์ขึ้นเสมอศอก
เมื่อหาผ้ามาถวายได้แล้วเขาก็หันไปทำงานของตัวเองอย่างคล่องแคล่วแข็งขัน

หันมาอีกที คนที่อาสาเสียดิบดีก็ทรงทำราวระเบียงหินอ่อนเปียกปอนเละเทะไปเป็นแถบเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาท”

เขาน่าจะนึกออก น่าจะมีลางสังหรณ์ น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่พระองค์จะทรงเช็ดตัวประทานให้
ตอนที่เขานอนซมอยู่ในห้องวันนั้นแล้ว น้ำจากผ้าไหลหยดลงบนอกตลอดไปจนถึงหน้าท้องของเขายังไง

... เวลานี้คนที่คงไม่ทรงทราบว่าต้องบิดผ้าให้หมาดก่อนเช็ดก็ทำให้ราวระเบียงตลอดจนถึงพื้นเปียกเลอะ

... ยิ่งกว่าที่ทำกับเขาหลายเท่า

“ถ้าเจ้าสอน ข้าคิดว่าคงทำได้ไม่ยาก” เจ้าชายหนุ่มเองก็ทรงรู้องค์ สีพระพักตร์บอกความตั้งใจจริง ทว่าฟีเรียสเข็ดเสียแล้ว

นักเรียนองครักษ์หนุ่มยืนนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนกราบทูลเสียงเรียบ

“กระหม่อมจะไปนำหนังสือกับสตรอว์เบอร์รี่มาถวาย
ทูลเชิญฝ่าบาทไปชำระพระหัตถ์แล้วเสด็จไปรอในสวนได้เลยพระเจ้าค่ะ”

“แต่ข้า...”

ชายหนุ่มผิวเข้มร่างโปร่งยืนตัวตรงชิดเท้า ค้อมกายลงอย่างต่ำในท่าถวายความเคารพโดยถือผ้าขี้ริ้วแทนกระบี่
ก้มตัวนิ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นมาอย่างสง่างามแล้วกราบทูลอย่างเป็นการเป็นงาน

“หากทรงทำตามที่กระหม่อมทูลขอ กระหม่อมจะซาบซึ้งในพระกรุณาอันประมาณมิได้เป็นอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะ”

“เจ้านี่มัน...” คนได้รับการร้องขอถึงกับรับสั่งไม่ออก ความรู้สึกปนๆ กันอยู่ระหว่างฉุนกับขำ
ทำท่าจะหาคำมารับสั่งอยู่อึดใจ ในที่สุดก็ทรงพระสรวลออกมา

“เอาเถอะ ข้ายอมเจ้าล่ะ แต่ไม่ต้องไปเอามาให้ข้าหรอก เดี๋ยวข้าเข้าไปหยิบเอง”

ทันทีที่เจ้าของวรองค์สูงโปร่งทรงลับบานประตูไป ฟีเรียสก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ก่อนจะปรับสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อคนที่ดำเนินเข้าไปแล้วทรงย้อนกลับมารับสั่งบอก

“ข้าจะอยู่ที่ห้องหนังสือ เจ้าพักกินกลางวันเมื่อไรไปเรียกข้าด้วย”




ท้องอันซื่อสัตย์ของฟีเรียสร้องประท้วงเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทว่าเขายังทำความสะอาดไม่เสร็จ
รับสั่งของเจ้าชายหนุ่มบังคับทางอ้อมให้เขาต้องหยุดพักเพราะหากเขาไม่กิน พระองค์ก็จะไม่ได้เสวย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจล้างไม้ล้างมือให้สะอาดแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ประตูห้องหนังสือถูกเปิดไว้อยู่แล้วและเขาก็มองเข้าไปเห็นเจ้าชายรามิเรสได้ทันทีจากหน้าประตู
ฟีเรียสตัดสินใจไม่เคาะเพราะถ้าเขามองไม่ผิดก็คือ

เจ้าชายหกแห่งไมซีนกำลังหลับ บรรทมหลับทั้งที่ประทับอยู่บนเก้าอี้อ่านหนังสือ

ว่าที่องครักษ์หนุ่มตัดสินใจไม่ทูลเรียก เขารีบออกไปทำความสะอาดส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยต่อจนเสร็จ
เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็โล่งใจที่อีกฝ่ายยังไม่ตื่น ปัญหาก็คือ เขาควรจะปลุกพระองค์หรือไม่
แต่หากบรรทมหลับยาวไปจนถึงเย็นเขาเองจะลำบาก

“ฝ่าบาท”

เรียกแล้วฟีเรียสก็เกือบจะสะดุ้งเพราะคนรู้สึกตัวไวทรงลืมพระเนตรขึ้นทันที

“เสร็จแล้วหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนสิ จะได้กินข้าวสบาย”

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมคิดว่าจะขอทูลลากลับเลย”

เงียบ... บรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน นี่มันแย่กว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

“กระหม่อมนำฉลองพระองค์ที่ยืมไปมาถวายคืนพระเจ้าค่ะ” สายพระเนตรที่ทอดตรงมานิ่งๆ
ทำให้คนถูกมองยิ่งรู้สึกกดดัน ทอดพระเนตรมองเหมือนเขาทำอะไรผิด
ทั้งที่... เขาก็แค่ไม่ได้อยู่กินมื้อกลางวันร่วมโต๊ะเสวยเท่านั้น

“กระหม่อมวางไว้บนโต๊ะในครัว ฝ่าบาทจะโปรดให้กระหม่อมนำมาถวายที่นี่
หรือจะโปรดให้นำไปเก็บไว้ในห้องบรรทมพระเจ้าค่ะ”

เอาสิ... เขาทูลถามอย่างนี้แล้ว ยังไงก็ต้องทรงตอบ จะมาใช้ความเงียบข่มขู่เขาไม่ได้อีกต่อไป

เจ้าชายรามิเรสยังคงไม่รับสั่งอะไร แต่เสด็จออกจากห้องไปเงียบๆ ฟีเรียสทำอะไรไม่ได้
นอกจากเดินตามด้วยความรู้สึกว่าถูกกดดันหนักยิ่งกว่าเดิม

เป้าหมายของเจ้าชายหกแห่งไมซีนคือห้องครัว เมื่อพระองค์ทรงเริ่มเปิดตู้ หยิบชาม
และทัพพีออกมาตักอาหารที่ปรุงไว้เรียบร้อยแล้วในหม้อ ฟีเรียสก็กราบทูลอย่างที่ควรพูด

“ให้กระหม่อมทำถวายเถิดพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงยอมวางชามและทัพพีแล้วเปิดทางให้แต่โดยดี ขณะที่ขยับตัวผ่านกันในระยะใกล้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ได้กลิ่นหอมสะอาดจากพระวรกาย ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งทันที
รู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อยที่ตัวเขามีแต่กลิ่นเหงื่อ ทว่าก็คิดได้ว่าอีกประเดี๋ยวเขาก็จะไปแล้ว

อาหารในหม้อเย็นชืด ฟีเรียสขยับปากจะกราบทูล แต่แล้วก็ตัดสินใจไม่พูด
ต่อเมื่อตักอาหารทั้งสี่อย่างวางบนโต๊ะจนเรียบร้อยแล้วจึงทนไม่ไหว

“อาหารพวกนี้เย็นแล้ว จะโปรดให้กระหม่อมอุ่นถวายก่อนไหมพระเจ้าค่ะ”

“เอาสิ”

ฟีเรียสแทบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็รับสั่งเสียที
ต่อเมื่อเขาจุดไฟในเตาทั้งสี่เรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ ความอึดอัดจึงเข้ามาเยือนอีกครั้ง
เจ้าชายรามิเรสประทับหัวโต๊ะ เขายืนอยู่หน้าเตา จะหันหลังให้พระองค์ก็ไม่สมควร
พอยืนหันหน้าให้อย่างนี้ก็รู้สึกว่าสายพระเนตรที่ทอดตรงมาช่างทิ่มแทงเขาเหลือเกิน

ชายหนุ่มเดินไปหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่หัวโต๊ะอีกด้านหนึ่งมายื่นถวาย

“ฉลองพระองค์ที่กระหม่อมยืมไป ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร”

รับ วางบนโต๊ะ แล้วก็เงียบ เป็นอันจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ ฟีเรียสถอยห่างจากพระองค์อีก
เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทรงเหม็นกลิ่นตัวของเขา

ระหว่างกันมีแต่ความเงียบ ฟีเรียสเริ่มมองหาสิ่งที่จะทำให้เขาไม่ต้องยืนเฉยๆ แต่โต๊ะก็สะอาดเอี่ยมโดยไม่ต้องเช็ด
กลางโต๊ะก็มีแจกันดอกไม้วางอยู่อย่างสวยงาม เวลาเดียวกับที่เขานึกออกว่าจะทำอะไร
เจ้าชายรามิเรสก็ทรงยืนขึ้น เสด็จไปทรงเปิดตู้เครื่องแก้ว หยิบแก้วออกมาสองใบ
เทน้ำจากเหยือกใส่แก้วใบหนึ่งก่อนที่เขาจะได้ทูลอาสา

“เพิ่งทำงานเสร็จอาจจะคอแห้ง”

ว่าที่องครักษ์หนุ่มมองแก้วน้ำที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยสายตางุนงงไปวูบหนึ่ง
ก่อนจะค้อมศีรษะถวายความเคารพอย่างเป็นพิธีการ

“เป็นพระกรุณาพระเจ้าค่ะ”

เขารับมาดื่มด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่คิดว่าคนที่เป็นถึงเจ้าชายจะทรงรินน้ำประทานให้

“นั่งสิ”

ชายหนุ่มค้อมศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจนั่งห่างจากเจ้าชายหนุ่มสามช่วงเก้าอี้

“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เรื่องที่ม้าของข้าทำให้เจ้าต้องยุ่งยาก”

“กระหม่อมไม่ได้ยุ่งยากพระเจ้าค่ะ เป็นพระกรุณาที่ฝ่าบาทประทานให้ยืม
ทำให้กระหม่อมประหยัดเวลาเดินทางไปได้มาก”

แต่หากจะให้ยืมอีก เป็นตายเขาก็ไม่เอา

“เสื้อของข้า เจ้าซักเองหรือ”

ฟีเรียสอึกอัก ในที่สุดก็กราบทูลไปว่าน้องสาวซักให้ เขาไม่ชอบหัวข้อสนทนานี้เท่าไร
แต่ก็ยอมรับว่าดีกว่าให้นั่งอยู่เงียบๆ กับพระองค์มากนัก ไม่รู้ว่าเจ้าชายหนุ่มหายกริ้วเขาหรือยัง
ที่ไม่กราบทูลตั้งแต่แรกว่าจะขอกลับเลย แต่ปล่อยให้พระองค์ทรง ‘รอกินข้าว’
จนเลยเวลาอาหารกลางวันมานับชั่วโมงเช่นนี้ แต่เขาก็โล่งใจมากที่ในที่สุดพระองค์ก็รับสั่งกับเขาเป็นปกติเสียที

ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ร้อนได้ที่พร้อมเสิร์ฟ ฟีเรียสเป็นคนจัดเตรียมถวายทั้งหมด
รวมทั้งรินน้ำใส่แก้วถวายและคิดว่าจะยืนรอถวายงานจนกว่าพระองค์จะทรงอิ่ม
หลังจากเก็บถ้วยชามล้างถวายเพื่อเป็นการไถ่โทษ

“จานของเจ้าล่ะ”

“กระหม่อม...”

ก่อนที่เขาจะคิดหาคำพูดได้ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงลุกไปหยิบจานใบใหม่พร้อมกับมีดและส้อม
มาวางไว้บนผ้ารองจานหน้าเก้าอี้ตัวแรกด้านขวาพระหัตถ์เสียก่อน กำหนดที่นั่งให้เขาเสร็จสรรพ

“กินก่อนแล้วค่อยไป”

รอยแย้มพระสรวลอ่อนโยนแบบนั้นเหมือนเชิญชวน แต่พิจารณายังไงมันก็คือคำสั่ง
ฟีเรียสรู้ดีว่าถ้าใจอ่อน ยอมให้พระองค์ครั้งแรก มันก็จะมีครั้งต่อไปมาเรื่อยๆ ไม่รู้จักหยุด
ที่แย่ก็คือ... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทนเห็นเจ้าของสีพระพักตร์คาดหวังแบบนี้ผิดหวังไม่ลง เพียงแต่

“กระหม่อมตัวเหม็นเหงื่อพระเจ้าค่ะ”

“อยากจะอาบน้ำก่อนหรือ”

ฟีเรียสส่ายหน้า “หามิได้พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกทรงนิ่วพระพักตร์ ก่อนจะแย้มพระสรวลกึ่งๆ ขำ

“ข้าไม่ถือ เจ้าไม่ต้องกังวล”

รับสั่งแล้วก็ทรงพยักพระพักตร์เป็นเชิงชวนซ้ำอีก นักเรียนองครักษ์หนุ่มจึงค้อมศีรษะถวายคำนับอีกครั้ง
ก่อนจะนั่งประจำที่ รอให้อีกฝ่ายลงมือเสวยแล้วจึงจัดการกับอาหารบ้าง เมื่ออาหารคำแรกเข้าปาก
เขาจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองหิวมากกว่าที่คิด หลังจากกินไปได้สักพักก็รู้สึกตัวว่ากินเร็วเกินไป
เพราะความเคยชินกับการกินที่โรงอาหารในโรงเรียน เมื่อหันไปมองคนประทับหัวโต๊ะ
ก็เห็นว่าพระองค์ทอดพระเนตรมองเขาอยู่แล้ว ฟีเรียสรู้สึกว่าหน้าร้อนไปวูบหนึ่ง

“ไปตักมาเพิ่มสิ”

คนฟังยิ่งรู้สึกละอายกว่าเดิม แต่ก็ปฏิบัติตามรับสั่ง

“ข้าบอกว่าจะมาพักสักสองสามวัน แม่ครัวที่นี่ก็เตรียมอาหารไว้ให้เสียเยอะจนน่าจะกินไปได้สักสี่ห้าวัน
เจ้าช่วยข้ากินให้มากๆ หน่อยเห็นจะดี ข้าคงกินคนเดียวไม่หมด”

ฟีเรียสไม่รู้ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนไปทรงเรียนวิชาอ่านใจคนมาจากไหน
แต่พระองค์รับสั่งอย่างนี้หลายครั้งแล้ว รับสั่งเหมือนรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
ว่าที่องครักษ์หนุ่มกินช้าลง หลังจากลังเลอยู่หลายอึดใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจทูลถาม

“ฝ่าบาท” เจ้าชายรามิเรสทรงรอฟัง “คุณชายมิทรอสทราบหรือไม่พระเจ้าค่ะ ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่วันนี้”

“รู้”

“ตั้งแต่เมื่อไรพระเจ้าค่ะ”

“วันจันทร์”

คนฟังนิ่งไป คุณชายหนุ่มว่าจ้างเขาเมื่อวันอังคาร แสดงว่าฝ่ายนั้นต้องรู้อยู่แล้ว
ว่าเขาจะได้พบกับเจ้าชายหกที่นี่ ทำอย่างนี้ต้องการอะไร อยากจะทูลถามอีกสักครั้งเหลือเกิน
ว่าพระองค์ไม่ได้สมรู้ร่วมคิด หรือสั่งให้พระสหายไปหลอกให้เขามาที่นี่แน่หรือ
แต่เขาก็ทูลถามไปแล้วหนหนึ่ง ถ้าทูลถามซ้ำอีกก็แสดงว่าเขากล่าวหาว่าพระองค์ทรงโกหก

“อิ่มแล้วหรือ”

“พระ...”

ให้ตายสิ... ไม่ใช่แต่พระองค์เท่านั้นหรอกที่อ่านใจเขาได้
เขาว่าเขาเองก็ ‘อ่าน’ พระองค์ออกเช่นกัน สีพระพักตร์แบบนั้น
สายพระเนตรแบบนั้น บอกชัดทีเดียวว่าห้ามโกหก

“เอ่อ... ยังพระเจ้าค่ะ”

แล้วเขาก็คิดว่า เขาแพ้รอยแย้มพระสรวลแบบพอพระทัยกึ่งๆ ชมเชยอยู่ในทีแบบนี้ด้วย

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงรั้งตัวเขาไว้อย่างที่ฟีเรียสคิด หลังจากเก็บล้างจานชามเสร็จ
พระองค์ก็ประทานพระอนุญาตให้เขากลับได้ตามที่ขอ แล้วยังทรงยกสตรอว์เบอร์รี่ชั้นเลิศให้เขาเอากลับไปกินทั้งตะกร้า

“ฝ่าบาทไม่เสวยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ที่วังยังมีอีกมาก เจ้าเอาไปเถอะ”

ฟีเรียสทูลลามาแล้ว เขาควบม้าฝ่าดงไม้ออกมานอกอาณาเขตบ้านแล้ว แต่ใจเขายังติดอยู่ข้างใน
นักเรียนองครักษ์หนุ่มห้ามความคิดของตัวเองไม่ทัน ที่วังยังมีอีกมาก แต่สองสามวันนี้พระองค์จะไม่กลับวัง
เท่ากับไม่ได้เสวย สตรอว์เบอร์รี่ต่อให้ดีแค่ไหน แต่เก็บไว้หลายวันก็ไม่อร่อยเหมือนเพิ่งเก็บมาสดๆ
แถมซ้ำเมื่อกี้นี้คนที่ต้องเสวยผลไม้หลังอาหารเป็นประจำยังไม่ได้เสวยผลไม้อะไรเลย อีกอย่าง
ถึงเขาจะไม่ได้กราบทูลว่ายินดีจะให้พระองค์ทรงสอนกระบี่ให้ แต่ก็ไม่ได้กราบทูลปฏิเสธไปให้ชัดเจน

นักเรียนองครักษ์หนุ่มนึกถึงหอเกียรติยศในโรงเรียนองครักษ์หลวง เขาจะได้รับการติดยศจากผู้อำนวยการ
ด้วยเข็มกลัดพระราชทานจากองค์ราชาที่นั่น บนผนังรอบห้องเต็มไปด้วยแผ่นทองประดับตราโรงเรียน
นักเรียนที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของแต่ละรุ่นเท่านั้นที่จะได้มีชื่อจารึกลงบนแผ่นป้ายทองคำ
เขาไม่คิดฝันว่าตัวเองจะมีชื่อ เพียงแต่เขากำลังจะทิ้งโอกาสที่ใครๆ ก็อยากจะได้ไปอย่างโง่เขลาที่สุด

พระนามของเจ้าชายหกแห่งไมซีนสลักชัดอยู่บนแผ่นป้ายของนักเรียนองครักษ์รุ่นที่ร้อยแปดสิบสี่




เจ้าชายรามิเรสยังประทับอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมในห้องครัวเมื่อฟีเรียสกลับไปถึง สีพระพักตร์มีรอยแปลกพระทัย

“ลืมอะไรหรือ”

“กระหม่อมขอประทานพระอนุญาตทูลถามพระเจ้าค่ะ”

“ว่าไปสิ”

“ฝ่าบาทจะทรงคิดค่าเรียนวิชากระบี่สักเท่าไรพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงพระสรวล สีพระพักตร์ดูแจ่มใสขึ้นเป็นอันมาก นั่นทำให้ความรู้สึกกังวลกึ่งอาย
ที่กลับมาขอให้พระองค์ทรงสอนของฟีเรียสหายไปทันที

“เท่าที่เจ้าคิด”

ฟีเรียสนิ่วหน้า

“ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวออกจะเหงา ถ้ามีเจ้าเป็นเพื่อนคุยคงจะดีมาก แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องทำงานพิเศษ
เจ้าจะคิดค่าเสียเวลาสักเท่าไรล่ะ ถ้าข้าจะขอให้อยู่เป็นเพื่อน”

อีกฝ่ายรับสั่งได้งงดีแท้ แต่ฟีเรียสก็อุตส่าห์เข้าใจได้ว่าเจ้าชายหนุ่มไม่คิดค่าเรียน
และคงจะคิดว่าถ้าบอกให้เรียนฟรีเขาคงไม่ยอมรับ จึงได้ทรงยกเรื่องการแลกเปลี่ยนขึ้นมาอ้าง
เขาได้วิชา ส่วนพระองค์ได้เพื่อนคุย

แต่นี่จะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมดีอยู่หรือ ในเมื่อ... เขารู้สึกได้เปรียบยังไงชอบกล

“มิทรอสบอกเจ้าว่ายังไงตอนจ้างให้มาทำความสะอาดที่นี่” จู่ๆ อีกฝ่ายก็เหมือนจะทรงเปลี่ยนเรื่อง
แต่นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็ทูลบอกไปจนหมดทั้งที่ยังขุ่นใจอยู่ไม่น้อย
เจ้าชายรามิเรสทรงจับประเด็นไว้เพียงเรื่องที่พระสหายบอกให้ฟีเรียสนอนพักอยู่ที่นี่ได้
เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับทุกวัน

“อยู่เป็นเพื่อนกันสักสามวันเถอะนะ ข้าจะซ้อมให้เจ้าทุกวัน”

ฟีเรียสยืนนิ่ง เขาไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น คิดแค่ว่าอยากเรียน แต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องนอนค้างที่นี่... กับเจ้าชายหก

“จะโปรดให้กระหม่อมพักที่ไหนพระเจ้าค่ะ”

“ข้างๆ ห้องข้าก็ได้”

ทำไมไม่รับสั่งว่า... ห้องไหนก็ได้ เขาจะได้สบายใจมากกว่า นี่รับสั่งเหมือนให้เลือกได้
แต่จริงๆ แล้วกำหนดให้ชัดๆ แต่ยังไงก็... ยังดีกว่าห้องเดียวกัน
ฟีเรียสกลั้นหายใจ ทูลถามเสียงเครียด หน้าเครียดโดยไม่รู้ตัว

“ขอประทานอภัยที่กระหม่อมขอทูลถามอีกสักเรื่องพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงพยักพระพักตร์ที่มีรอยยิ้มอยู่ในที อีกฝ่ายใช้ถ้อยคำได้ถูกต้องตามมารยาทดีแล้ว
แต่พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกว่าเขาช่างเกรงใจเกินไป

“ฝ่าบาททรงล้มเลิกพระดำริที่จะ... ทดสอบ... หรือยังพระเจ้าค่ะ”

ฟีเรียสรู้ตัวว่าเขาพูดไม่ชัดเจน แต่เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะทรงทราบโดยไม่ต้องให้เขาอธิบายเพิ่ม

“เลิกแล้ว”

รอยแย้มพระสรวลแบบปรานีเช่นนั้นทำให้คนมองเห็นวางใจ ลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
โดยพยายามไม่สนใจความรู้สึกหวิวโหวงบางเบาในอก




“เจ้าอยากจะเริ่มเลยไหม”

ฟีเรียสยืนลังเล

“ถ้าเจ้าพร้อม ข้าก็พร้อม” รับสั่งแล้วก็อดจะทรงขมวดพระขนงนิดหนึ่งไม่ได้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงลังเล ก่อนจะยกตะกร้าหวายในมือขึ้นมาแล้วทูลถาม
ด้วยสีหน้าท่าทีที่พยายามกลบเกลื่อนความเก้อกระดาก

“ฝ่าบาทยังไม่ได้เสวยผลไม้หลังอาหาร”

เรียวพระโอษฐ์งามแย้มออกค่อนข้างกว้าง แต่ไม่กว้างเท่าความรู้สึกยินดีในพระทัย
... ทั้งๆ ที่ก็เคยได้รับการ ‘เอาใจ’ จากใครๆ มามาก แต่ไม่เคยทรงรู้สึกยินดีเช่นนี้เลย

“เจ้าก็มานั่งกินด้วยกันสิ”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเลือกนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกไปจากพระองค์สามตัว เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสสั่งเสียก่อน

“นั่งตรงนี้”

ฟีเรียสนั่งตัวลีบ เจ้าชายรามิเรสทรงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะทรงเสนออีกรอบ

“อยากจะไปอาบน้ำก่อนไหม”

“... กระหม่อมไม่มีเสื้อผ้า”

“ข้าให้ยืม”

คนรับสั่งทรงหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ขึ้นมาให้ดู
เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เจ้าชายหนุ่มก็ทรงพระสรวล

ฟีเรียสคิดว่า ถ้าเขารู้แต่แรกว่าจะต้องใส่เสื้อผ้าชุดนี้อีก เขาคงจะไม่เอาไปจ้างซักซ้ำให้เปลืองเงิน

เจ้าชายรามิเรสคงไม่ทรงทราบว่าเขาไปจ้างซักมา พระองค์จะทรงพระสรวลเพราะอะไรเขาไม่รู้
แต่ในความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนทรงหัวเราะเยาะ ทำให้อดที่จะมองกลับไปอย่างเคืองๆ ไม่ได้

นักเรียนองครักษ์หนุ่มไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสีหน้าเช่นไร แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทรงชะงักไป
เหมือนไม่คิดว่าจะได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของเขา เขาก็พลอยชะงักไปด้วย

บรรยากาศชวนเก้อเขินแปลกๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบครัว ก่อนที่ฟีเรียสจะกราบทูล

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” แล้วยื่นมือออกไปรับ




tbc.

***********************************************************

 

คิดๆ อยู่ค่ะว่า จะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ" ดีรึเปล่า 55555


ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 8 (23 ก.พ. 57) หน้า 6
«ตอบ #177 เมื่อ27-02-2014 21:40:14 »

"รักเรื่อยๆ ของคนคิดเยอะ" โอ๊ยยย ฮามากอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ โดนมาก เปลี่ยนเลยค่ะ

คือเรื่อยๆมากจริงๆ แต่เราอ่านไปก็ลุ้นนะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่ๆๆ จะมีฉากฟิน เลื่อนลงมาก็ลุ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็เรื่อยๆ จนจบบท ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
«ตอบ #178 เมื่อ27-02-2014 22:18:13 »

รักเอื่อยๆ ของ คนคิดเยอะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รามิเรส : บทที่ 9 - 10 (27 ก.พ. 57) หน้า 7
«ตอบ #179 เมื่อ27-02-2014 22:27:16 »

คิดเยอะจริงๆ นั้นแหละ แต่ชอบนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด