ตอนที่ 5
แต่ดูเหมือนคำสาปแช่งของชนกานต์จะไร้ผล เพราะวันรุ่งขึ้นปวีร์ก็เอาใบหน้าหล่อๆที่มีรอยหมัดของเขามาลอยหน้าลอยตายียวนอารมณ์เขาได้เหมือนอย่างเคย ซ้ำยังกวนประสาทด้วยการเชิดหน้าโชว์บาดแผลให้คนอื่นถามอีกต่างหาก
“ตายจริง! ไปทำอะไรมาคะหัวหน้าวีร์?”
ชนกานต์เม้มปากเขม่นมองไปที่ไอ้คนถูกถามซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้ามอย่างหมั่นไส้ ปวีร์ปรายตามามองเขาก่อนหันไปยิ้มหวานให้คนของแผนกเซลล์ก่อนตอบเธอ
“แมวน้อยฝากรอยรักไว้ให้คิดถึงน่ะฮะ”
ชนกานต์อยากจะขว้างปากกาด้ามทองในมือใส่หน้าไอ้คนพูดตอแหลเสียจริง แต่ติดตรงที่ต้องรักษากิริยาไม่ให้คนอื่นผิดสังเกตจึงต้องนั่งหันมองไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง
“แหม แมวน้อยหรือนางเสือกันแน่คะนี่ แต่ดูไปดูมาเหมือนรอยต่อยมากกว่านะคะ”
ปวีร์หัวเราะในลำคอไม่ตอบอะไรเธออีก แต่สายตามองไปยังแมวน้อยแสนดุของตัวเองที่นั่งเชิดหน้าไม่ยอมมองมาที่เขาอีก
นั่งประชุมกันไปได้สักพัก ชนกานต์ที่กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกพูดก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาถูกขาตนเอง มันลากไล้ไปตามปลีน่องวนไปวนมาเหมือนจงใจ ชนกานต์ขยับขาหนีก็ถูกมันตามติดมา นัยน์ตาคู่เรียวตวัดขึงดุไอ้คนทำที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ฟังหัวหน้าแผนกอย่างตั้งใจ แต่มุมปากยกยิ้มกวนประสาท ชนกานต์เลยแก้เผ็ดด้วยการขยับขาถอยห่างออกมาเล็กน้อยแล้วเตะเขาออกไปเต็มแรง
แต่มีหรือคนอย่างปวีร์จะไม่รู้ทัน ชนกานต์เลยได้แต่นั่งกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธเพราะเตะไม่โดนจนกระทั่งหัวหน้าแผนกเอ่ยสรุปการประชุม
“สรุปว่าโครงการนี้จะให้โปรเจคหนึ่งกับโปรเจคสองร่วมกันรับผิดชอบนะ ให้หัวหน้ากานต์เป็นหัวหน้าโครงการก็แล้วกัน”
“ครับ” ชนกานต์หันไปค้อมศีรษะรับและยิ้มออกมาได้บ้างที่โครงการนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้า ถึงจะหงุดหงิดใจบ้างที่ต้องร่วมโครงการกับปวีร์ก็ตามที แต่ถ้าโครงการนี้สำเร็จได้ด้วยดี เขาคงมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งแน่ๆ แค่คิดชนกานต์ก็อารมณ์ดีขึ้นมา พยายามปัดความรู้สึกรำคาญใจทิ้งไปและเรียกเอาความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานกลับคืนมา
พอประชุมเสร็จชนกานต์ก็ถูกเรียกจากหัวหน้าฝ่ายให้คุยกันต่ออีกเล็กน้อย ปวีร์เห็นแบบนั้นจึงหันไปหาพัสกรที่เดินผ่านมาพอดี
“เฮ้ย!” ปวีร์ร้องทักก่อนพาตัวไปขวางทางพัสกรไว้ พัสกรเลิกคิ้วแล้วหันไปสั่งงานให้ลูกน้องเอาเอกสารไปซีร็อกเตรียมไว้ ส่วนตัวเองหยุดคุยกับปวีร์
“ไง เลิกมีตติ้งแล้วหรอวะ?”
“เออ เลิกแล้ว นี่ไอ้กร ไหนมึงบอกเคยแอ้มหัวหน้ากานต์?” ปวีร์เอ่ยซัดประเด็นที่สงสัยใส่เพื่อนทันทีไม่รอช้า พัสกรผงะเล็กน้อยไม่คิดว่าจะถูกยิงคำถามนี้ใส่
“ก็ใช่ แล้วทำไม มึงอยากฟังลีลาเด็ดที่ประทับใจกูใช่ป่ะ? มาเลยเดี๋ยวกูเล่าอีกรอบทุกเม็ดไม่มีหมก” พัสกรทำท่าอวดระคนเคลิ้มฝันถึงคืนที่แสนเร่าร้อนของตัวเอง ปวีร์เห็นแล้วหมั่นไส้เลยเอาแฟ้มเอกสารในมือตีหัวเพื่อนไปหนึ่งที
“ห่า! ตื่นได้แล้ว เลิกมโนว่าเคยแอ้มเขาซะที เขาบอกไม่เคยมีไรกับผู้ชายมาก่อน”
ปวีร์ว่าแล้วพยักเพยิดไปทางชนกานต์ที่เพิ่งเดินผ่านไป คนถูกตีทำตาปริบๆงุนงงใส่ มองไปยังคนที่เดินผ่านไป
“เดี๋ยวไอ้วีร์.. มึงเข้าใจว่าที่กูพูดถึงหัวหน้ากานต์นี่คือชนกานต์อย่างนั้นหรอ?”
“แล้วไม่ใช่?”
“ไม่ใช่! หัวหน้ากานต์ของกูคือธีรกานต์ แผนกเซลล์เว้ย!! ใครจะไปสนคนหยิ่งแถมยังปากจัดอย่างชนกานต์กันวะ!”
พัสกรตวาดเสียงเบาใส่เพราะมีคนผ่านก่อนส่ายหน้ากับความเข้าใจผิดของเพื่อน ส่วนปวีร์ได้แต่ยืนอึ้งที่ตัวเองเข้าใจผิดขนานใหญ่ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องที่ตัวเองคือผู้ชายคนแรกของหัวหน้ากานต์จอมปากจัดจริงๆ!
ชนกานต์ยังอารมณ์ดีได้ไม่ครบชั่วโมง ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับคนเกลียดขี้หน้าให้อารมณ์ขุ่นมัวอีกระลอก ชนกานต์มองแผนงานที่คิดจะเริ่มคุยก่อนกระแทกลมหายใจอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังห้องโปรเจคสองของปวีร์เพื่อที่จะรีบๆคุยงานให้เสร็จๆไป โครงการนี้เสร็จไวเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเขามากเท่านั้น
“หัวหน้าวีร์ล่ะ?” ชนกานต์เอ่ยถามเอากับลูกน้องของปวีร์เมื่อไอ้คนเป็นหัวหน้าโปรเจคมันหายหัวไปจากห้อง
“เห็นว่าจะไปหาหนังสือที่ห้องเอกสารน่ะค่ะ”
“อืม..ขอบใจนะ” ชนกานต์บอกแล้วเดินไปยังห้องเอกสารที่อยู่ในชั้นเดียวกัน ลังเลใจเล็กน้อยที่จะเข้าไปเพราะไม่รู้ว่าไอ้คนที่มาห้องเอกสารนั้นจะมาหาหนังสือจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า ชนกานต์รั้งๆรอๆ จนกระทั่งประตูเปิดออกมา
“อ้าว! หัวหน้ากานต์..จะมาหาเอกสารหรอครับ?” ปวีร์แกล้งทำเป็นทักทายแบบปกติ แต่ชนกานต์มองอย่างไม่ไว้วางใจ
“เปล่า จะมาคุยกับนาย”
ปวีร์เลิกคิ้วก่อนยิ้มกวนประสาทใส่ ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ชนกานต์รีบขยับหนีไม่ไว้ใจมากกว่าเดิม
“จะมาคุย...หรือจะมาชวนผมไป....” ปวีร์ละคำพูดไว้แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก กดสายตามองชนกานต์ทั้งตัว ชนกานต์เม้มปากแน่นเริ่มจะหมดความอดทนแต่ก็ข่มใจไว้
“ฉันจะคุยเรื่องงาน”
“งั้นเชิญครับ” ปวีร์ยิ้มกว้างแล้วเปิดประตูห้องเก็บเอกสารที่ตัวเองเพิ่งเดินออกมา ผายมือเชื้อเชิญให้เข้าไปข้างใน แต่ชนกานต์ส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างรู้ทัน
“ไม่...กลับไปคุยกันที่ห้องโปรเจคสอง”
ปวีร์เลิกคิ้วอีกหนแล้วกระตุกยิ้มกวน
“ผมว่าคุณไม่น่าขัดใจผมนะ”
ชนกานต์ชักมีน้ำโห อยากจะตั๊นหน้าผู้ชายตรงหน้าเต็มแก่ จึงเก็กหน้าเครียดกดเสียงต่ำพูดข่มออกไป
“ฉันเป็นหัวหน้านายนะคราว...” ยังไม่ทันที่ชนกานต์จะพูดจบก็ต้องอ้าปากค้างเพราะปวีร์หยิบมือถึงขึ้นมาเปิดรูปโชว์ให้เขาดู
มันเป็นภาพที่เขานอนเปลือยอยู่บนเตียงที่โมเตลนั่น!
“ระยำ!” ชนกานต์โกรธจนตัวสั่น ยื่นมือไปคว้ามือถืออันนั้นไว้แต่ปวีร์เอามันเก็บใส่กระเป๋าไปแล้วยิ้มเย้ย ชนกานต์มองคนที่ทำท่าเหมือนถือไพ่เหนือกว่าด้วยความแค้น
“ไงครับ? ไปคุยกันในห้องเอกสารหน่อยดีไหม?”
“คิดจะเอาภาพบ้าๆนั่นมาขู่ฉันอย่างนั้นหรอ?” ชนกานต์ยังคงใช้เสียงต่ำถาม สายตาทวีความไม่เป็นมิตรมากขึ้น
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ มาคุยกันดีๆ ดีกว่าน่า” ปวีร์ว่าแล้วก็จับแขนชนกานต์ ชนกานต์รีบสะบัดทันทีด้วยความรังเกียจ หัวสมองรีบคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้ แต่ก็ไม่สามารถคิดได้โดยง่ายเพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
“หรือจะให้ผมปล่อยภาพให้ทุกคนได้เห็นดี ว่าหัวหน้ากานต์น่ะ...ซ่อนรูปแค่ไหน...”
ชนกานต์เม้มปากแน่น สะบัดหน้าใส่ปวีร์แล้วยอมเดินกระแทกเท้าเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร ปวีร์ยิ้มมุมปากอย่างสมใจก่อนเดินตามเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้อง
ทันทีที่เข้าไป ปวีร์ก็ตั้งรับหมัดของชนกานต์ที่สวนมาทันทีอย่างรู้ทัน คนที่กะฉวยโอกาสคิดว่าปวีร์ไม่ทันตั้งตัวจะชกหน้าหล่อๆของปวีร์สักหมัดสองหมัดให้หายแค้นถูกรวบไว้ในอ้อมแขน ชนกานต์ดิ้นขลุกขลักแล้วสบถด่าออกมา
“ไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยนะเว้ย!!” ปวีร์ยิ้มขำ รู้สึกมีความสุขมากขึ้นมาทันทีที่ได้กวนประสาทชนกานต์
“ให้จูบก่อนสิครับ แล้วจะปล่อย”
มุกตื้นๆที่เห็นได้ดื่นดาษในนิยายหรือละครแต่พอได้ทำบ้าง มันฟินอย่างนี้นี่เอง
“ไปตายซะ!” ชนกานต์สบถอย่างหัวเสียก่อนยกขาขึ้นมาจะกระทืบเท้าปวีร์ แต่อีกฝ่ายไหวตัวทัน ปล่อยกอดแล้วถอยห่างแต่ชะโงกไปจูบแรงๆที่แก้ม ชนกานต์ชะงักทำตาโตก่อนยกมือขึ้นมาถูแก้มอย่างรังเกียจ
“โรคจิตชะมัด!”
“ปกติผมก็ไม่โรคจิตใส่ใครหรอกนะครับ พิเศษสำหรับคุณคนเดียวน่ะ” ปวีร์ลอยหน้าลอยตา ชนกานต์นึกฉุนจนกำหมัดแน่นแล้วออกแรงต่อยไป ปวีร์คว้าหมัดของคู่กัดเอาไว้แล้วลากชนกานต์มาที่โต๊ะเล็กๆที่อยู่ตรงมุมห้อง ชนกานต์ขืนตัวไว้แต่ก็ถูกลากมานั่งในที่สุด
“เอาล่ะ ไหนจะคุยเรื่องอะไรก็ว่ามาเลย เรื่องโครงการที่เพิ่งประชุมไปใช่ไหม?”
ชนกานต์งงกับอารมณ์ของปวีร์ไม่น้อยที่อยู่ดีๆก็ลากเข้าเรื่องงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่คิดว่าถูกต้อนเข้ามาในห้องเอกสารที่ลับตาคนแล้วจะต้องถูกฉวยโอกาสทำอะไรอีกแน่
“ถ้าจะคุยเรื่องงาน ก็กลับไปคุยที่ห้องโปรเจคดีกว่า”
“ไม่ล่ะ ผมอยากคุยที่นี่มากกว่า”
ไม่อยากบอกให้ชนกานต์รู้ว่าอยากอยู่ตามลำพังสองต่อสอง เพราะมันไม่ใช่นิสัยของชนกานต์ที่จะรับคำพูดหวานๆเหมือนคนอื่นเขา อย่างชนกานต์..ต้องชวนกัดกันมันถึงจะมันส์!
คุยงานกันจนกระทั่งเสร็จก็เลยเวลาเลิกงานไปพักใหญ่ ชนกานต์มองนาฬิกาแล้วก็รู้สึกว่ายังขี้เกียจจะฝ่าฝูงชนกลับไปในตอนนี้ สู้เอาเวลาที่ต้องเบียดกับคนไปนั่งทำงานต่อที่ออฟฟิศแล้วค่อยกลับตอนช่วงคนบนรถไฟฟ้าโล่งๆแล้วดีกว่า
ตัดสินใจแล้วก็รวบเอากระดาษที่เขียนแผนงานใส่แฟ้มแล้วก็ต้องชะงักเพราะปวีร์เอามือตะปบกระดาษพวกนั้นไว้
“มีอะไรอีก?” เห็นสายตาที่มองมาอย่างกรุ้มกริ่มก็ชักจะไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก ปวีร์ยิ้มมุมปากมองคนที่ทำท่าไม่ไว้ใจตัวอย่างอย่างนึกสนุก
“เลิกงานแล้ว..จะกลับเลยหรือเปล่า?”
“ฉันจะกลับหรือจะอยู่ต่อมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ?”
ปวีร์หัวเราะขำชนกานต์ที่พูดออกมาอย่างที่เขาคิดไว้ พอเห็นปวีร์หัวเราะชนกานต์ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มือเล็กกระชากกระดาษมาอย่างไม่กลัวมันจะยับหรือขาด ปวีร์ยอมปล่อยมือจากกระดาษแต่จับมือชนกานต์ไว้ตอนที่ชนกานต์จะลุกเดินหนี
“คืนนี้ไปกับผมนะ”
“เรื่องอะไรฉันต้องไปกับนาย!” ชนกานต์สวนไปทันที หน้าตาไม่สบอารมณ์ ปวีร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ
“อย่าลืมสิครับ...อยากให้รูปเปลือยของคุณหลุดออกไปหรอ?”
ชนกานต์เม้มปาก โกรธจัดที่ตัวเองถูกอีกฝ่ายแบล็คเมล์เช่นนี้
“สารเลว!”
“เลวแล้วได้กดคุณก็ยอมเลวครับ”
ชนกานต์ชักจะเหลือทนกับคนหน้าด้านหน้าหนาอย่างปวีร์ แต่ก็ยังหาทางเอาคืนไม่ถูก
“นายเองก็มีสาวๆในสต็อกอยู่เยอะไม่ใช่หรือไงกัน? ทำไมถึงยังจะมายุ่งกับฉันอีก?”
“อยากให้ผมบอกจริงๆหรอครับ?” ปวีร์ถามกลับพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ ชนกานต์ผงะเล็กน้อยตัดสินใจว่าไม่รู้คงจะดีกว่า
“ฉันไม่อยากรู้แล้ว! และก็จะไม่ไปกับนายด้วย!”
“งั้นเรามาสนุกกันที่นี่เลยก็แล้วกัน” ปวีร์ว่าแล้วกระตุกแขนชนกานต์ให้เข้ามาหาตัวเอง ชนกานต์ขืนแรงไว้ ปล่อยแฟ้มที่ถือลงกับพื้น มือจะต่อยปวีร์แต่ก็ถูกจับไว้ได้ คราวนี้เลยเตะเข่าไปที่กลางหว่างขาของปวีร์เข้าไปเต็มที่
“อึ่ก!!” ปวีร์ที่ย่ามใจไม่ทันระวังเสียท่าให้ชนกานต์จนล้มลงไปกับพื้น จุกจนพูดไม่ออก ชนกานต์ยิ้มเยาะแล้วก้มลงเก็บแฟ้มเอกสาร
“เชิญสนุกกับตัวเองไปคนเดียวก็แล้วกัน!”
ชนกานต์บอกและเดินหนีไปอย่างไม่สนใจใยดีอีก พอพ้นจากห้องเก็บเอกสารได้ก็รีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เก็บข้าวของและออกจากบริษัททันทีเพื่อไม่ให้ปวีร์ตามมาได้ทัน
ฝ่ายคนที่ถูกเตะจนจุกนั้นได้แต่ยิ้มขำตัวเองที่ไม่นึกโมโหที่ชนกานต์หนีไปได้ ให้ชนกานต์เอาคืนตัวเองบ้างแบบนี้มันก็ถึงจะสนุกดี
แต่คราวหน้าคงต้องระวังตัวมากไปกว่านี้ ไม่งั้นคงไม่เหลือเอาไว้ทำพันธุ์แน่!
ส่วนชนกานต์นั้นถึงจะหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิดก็ยังไม่คลายความกังวลใจ ปวีร์มีภาพที่ใช้แบล็คเมล์อยู่ ไม่รู้ว่าจะวางแผนอะไรมาขู่กันอีกหรือเปล่า แต่ตอนนี้หัวก็ยังไม่โล่งพอที่จะหาทางแก้ไข ชนกานต์ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่เพียงลำพังไม่กล้าบอกใคร
กังวลใจเรื่องภาพนั่นก็กังวล
กังวลใจเรื่องกลัวว่าจะท้องก็กังวล
ชนกานต์เลยระบายความหงุดหงิดด้วยการนั่งทำงานมันทั้งคืนไม่หลับไม่นอนแทน!
เช้ามาชนกานต์ก็มาทำงานด้วยอารมณ์ที่ยังคงความหงุดหงิดเอาไว้ ใบหน้าที่ดูแข็งขืนทำให้ทุกคนหวาดๆที่จะทักทาย ยกเว้นปวีร์ที่ยืนคุยอยู่กับพนักงานคนอื่นบริเวณหน้าห้องทำงานซึ่งส่งเสียงทักทายชนกานต์อย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีครับหัวหน้ากานต์”
ชนกานต์ทำแค่ปรายตาใส่แล้วเชิดหน้าเดินกระแทกเท้าเข้าห้องทำงานของตัวเองไป ปวีร์กระตุกยิ้มขำ ท่าทางอารมณ์ดีจนคู่สนทนางุนงง
“โดนเมินแล้วยังอารมณ์ดีได้อีกนะครับ”
“ก็นะ..” ปวีร์ยักไหล่ ใบหน้าหล่อคมยังประดับด้วยรอยยิ้มเพราะรู้ว่ายังมีสิ่งทำให้อารมณ์ดีคอยอยู่ข้างหน้า
ชนกานต์เข้าห้องทำงานมาก็เอากระเป๋าโยนไปไว้บนโต๊ะก่อนกระแทกตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหงุดหงิด เห็นปวีร์อารมณ์ดีก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ลูกน้องของชนกานต์พากันมองหัวหน้าที่ทำท่ามาคุแต่เช้าอย่างหวั่นๆ ไม่กล้าสบตา ชนกานต์เห็นท่าทางของลูกน้องแล้วก็พยายามทำใจให้เย็นเพื่อไม่ให้บรรยากาศในการทำงานมันต้องเครียดกันมากเกินไป
แต่ความพยายามของชนกานต์ก็หมดสิ้นทันทีที่เปิดโน้ตบุ๊กขึ้นและเข้าอีเมล ภาพเปลือยของเขาที่ถูกตัดส่วนใบหน้าออกไปหลายภาพถูกส่งเข้ามา ต้นทางคืออีเมลที่ไม่คุ้นเคย แต่สาบานได้ว่ามันคือปวีร์แน่ๆ ชนกานต์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธปิดอีเมลฉบับนั้นลง มองออกไปนอกห้องก็เจอปวีร์ยืนยิ้มกวนบาทามองมาอยู่ ชนกานต์ชูนิ้วกลางข้ามหัวลูกน้องที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปให้ ปวีร์ยักไหล่ก่อนเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไป
แต่ศึกมันไม่จบง่ายๆ อีกสองสามนาทีต่อจากนั้นก็มีอีเมลเข้ามาอีกฉบับ
"ช่วงพัก เจอกันที่ห้องเอกสาร ถ้าคุณไม่มา ภาพเอ็กซ์คูลซีฟถูกเผยแพร่ออกไป ผมไม่รู้ด้วยนะ"
ชนกานต์กวาดสาดตาอ่านด้วยความโมโหก่อนจะตอบกลับไปอย่างแสนสั้นที่สุดเท่าที่เคยใช้อีเมลมา
olo
กดส่งไปแล้วก็คิดจะบล็อกเมลทิ้ง แต่นึกไปนึกมาก็ตัดสินใจปล่อยมันไว้เช่นนั้น เพราะรู้ว่าถึงบล็อกไป เดี๋ยวปวีร์ก็สมัครใหม่มากวนประสาทได้อยู่ดี
ชนกานต์ที่อารมณ์เสียจึงหันไปเอางานมาเริ่มต้นสะสางก่อนเรียกลูกน้องมาแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกัน กว่าจะเสร็จก็เข้าช่วงเวลาพักจึงออกไปทานกลางวันกับพวกลูกน้องและเข้าออฟฟิศอีกทีในช่วงบ่าย
กลับเข้ามาแล้วก็เห็นลูกน้องหลายคนที่เข้ามาก่อนหน้ายืนจับกลุ่มคุยกันอยู่
"อ๊ะหัวหน้า!"
คนที่ยืนคุยกันอยู่หันมาเห็นชนกานต์ก็สะดุ้งตกใจกัน
"มีอะไรกัน?" ชนกานต์ถามอย่างสงสัยระคนระแวงว่าปวีร์จะส่งภาพโป๊ของเขาเข้าเมลทุกคนหรือเปล่า
"มีคนส่งภาพโป๊ของใครไม่รู้เข้าเมลพวกเราล่ะค่ะ เป็นภาพโป๊ผู้ชาย รู้สึกมีส่งเข้าไปที่เมลหัวหน้าด้วยนะคะ" ชนกานต์เม้มริมฝีปาก ฟังจากที่พูดแสดงว่ารูปยังถูกตัดส่วนหน้าไปอยู่ แต่ก็ถือว่าปวีร์เล่นแรงกันทีเดียว
"คงมีใครสักคนอยากแกล้งน่ะสิ บล็อกเมลทิ้งซะไม่ต้องไปสนใจมัน"
ชนกานต์สงบสติอารมณ์แล้วพูดไปก่อนเดินไปเปิดโน้ตบุ๊กของตัวเอง เมลจากปวีร์รอให้เขาเปิดอ่านอยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามีเนื้อความยังไง
"จะเปลี่ยนใจมาที่ห้องเก็บเอกสารหน่อยไหม?"
ชนกานต์ขบกรามแน่น ลบเมลพวกนั้นทิ้งก่อนเดินออกจากห้องไป พนักงานคนอื่นเห็นหน้าตาถมึงทึงก็ไม่กล้าถามว่าจะไปไหน
ชนกานต์เดินไปถึงหน้าห้องเอกสารก็หันซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใครก็เปิดประตูเข้าไป
ปวีร์กำลังนั่งคอยอย่างอารมณ์ดี ชนกานต์เปิดประตูแล้วกดล็อกก่อนฉวยแฟ้มเปล่าที่วางไว้บนชั้นใกล้ๆปาใส่หัวปวีร์ทันที
ปึ้ก!
ปวีร์ยกแขนขึ้นมาป้องได้ทัน แฟ้มนั้นเลยหล่นลงพื้น
"ไอ้เลว! จะเอายังไงก็ว่ามา!" ชนกานต์สบถ หัวเสียเต็มแก่ ปวีร์ยิ้มกริ่มสมใจลุกเดินขึ้นมาหา สายตากรุ้มกริ่มกวาดตามองชนกานต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ผมว่าคุณรู้นะว่าผมจะ 'เอา'ยังไง" ปวีร์เน้นเสียงเล่นคำชวนให้ชนกานต์คุมอารมณ์โกรธไม่อยู่ มือกำหมัดจะชกหน้าหล่อๆที่ยังมีรอยช้ำอยู่แต่ปวีร์เตรียมรับไว้แล้วจึงเสียท่าถูกปวีร์รั้งเข้าไปกอด ชนกานต์ดิ้นยกขาจะเตะปวีร์แต่ถูกกดให้นอนลงไปกับพื้น ปวีร์นั่งทับขาเอาไว้ ตรึงสองมือลงกับข้างศีรษะ
"ก้นฉันมันดีนักหรือไง นายถึงติดใจจนต้องเล่นสกปรกกันแบบนี้!" ชนกานต์ตวาดใส่ พยายามดิ้น แต่สู้แรงปวีร์ไม่ได้ ปวีร์ยิ้มกวนใส่
"ก็ทำนองนั้นแหละครับ"
ชนกานต์กระแทกลมหายใจออกอย่างหงุดหงิด
"จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันจะรีบกลับไปทำงาน"
เมื่อรู้ว่าตัวเองหาทางชนะไม่ได้ ชนกานต์ก็พยายามสงบจิตใจ บอกตัวเองว่ามันก็เป็นแค่ฝันร้ายที่คุกคามชีวิต ให้มันเกิดไป ก็แค่เสียสุขภาพจิต แต่จะไม่ยอมให้มันมาทำให้ตัวเขาเองอ่อนแอลงเด็ดขาด ก็แค่ร่างกายที่แปดเปื้อน
จะเป็นยังไงก็ช่างมัน!
-TBC-
แฮ่ แฮปปี้มาฆะบูชาค่ะ (วาเลนไทน์อะร๊ายยยย ดิชั้นไม่รู้จักค่ะ 5555)
แอบเห็นแวบๆว่ามีคนตกใจเรื่องยาคุมผู้ชาย เลยต้องบอกว่าเรื่องนี้มัน Mpreg ค่ะ ใช้พลังจินตนาการกันหน่อยเนอะ
ส่วนเรื่องยาว คิดว่าคงไม่ได้ทำเป็นเรื่องยาวนะคะ เพราะไม่ได้ผูกเรื่องให้เป็นเรื่องยาวอยู่แล้ว ตัวละครก็น้อยนิดเอามากๆ มีแค่4ตัวที่มีชื่อเสียงเรียงนามเองนะ 5555 แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องสั้นเสียทีเดียว มันคือเรื่องสั้นขนาดยาวค่ะ! (พูดซะมาดมั่น จริงๆตอนแรกเริ่มเลยตั้งไว้ว่าจะจบแค่ตรงปล้ำเสร็จก็เสร็จกัน(?)) แต่ด้วยพลังหื่น(?)ของตาปวีร์ และความซึนของหัวหน้ากานต์ เลยอยากเห็นช่วงมีเบบี๋ เลยลากยาวให้มันมีเบบี๋ด้วยกันซะเลย)
แล้วเจอกันใหม่ไวๆนี้ค่ะ
ป.ล.2 แวะไปอ่านเรื่องอื่นของเค้าบ้างก็ได้นะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นดราม่าแบบกระแทกตับไตไส้พุง(มั้ง?) นะแหะๆ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ สุขสันต์วาเลนไทน์นะคะ
ป.ล.