ชนกานต์รู้สึกแปลกๆกับสัมผัสที่เปลี่ยนไป ปลายนิ้วที่ลากไปตามผิวเนื้อมันกดลงเบาๆเหมือนนวดให้ผ่อนคลาย ปวีร์ลูบไปถึงซอกขาแล้วดึงกางเกงเขาให้ล่วงลงกับพื้น ชนกานต์กัดริมฝีปากเมื่อถูกเค้นคลึงบริเวณเป้ากางเกง ปวีร์เบียดให้ส่วนหน้าของตัวเองสัมผัสกับสะโพกของเขาไปด้วย คลื่นความร้อนกระจายไปบนหน้า ชนกานต์ยกมือขึ้นปิดปาก รู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นแรงจนดูไม่เหมือนตัวของตัวเอง
ตกใจกับความรู้สึกที่อยากให้ปวีร์สัมผัสมากกว่านี้
"นายใส่อะไรลงไปในข้าว?" เสียงเล็กถามแหบห้าว ปวีร์ไม่ตอบแต่ยิ้มมุมปาก มือควักท่อนเนื้อของชนกานต์ที่เริ่มแข็งตัวออกมารูด ชนกานต์งอตัวแล้วกัดปากแน่น สะโพกสั่นระริกเบียดส่วนหน้าของปวีร์อย่างไม่อาจห้ามตัว
ปวีร์ล้วงมือเข้าไปในกางเกงใน ใช้อุ้งมือนวดพวงเนื้อสีสวยพร้อมกับใช้ปลายนิ้วแหย่รูร้อนที่เก็บกักความชุ่มชื้นจากการร่วมรักเมื่อกลางวันไว้
"ครางเสียงหวานๆให้ชื่นใจหน่อยสิครับ" ชนกานต์เบือนหน้าหนี พยายามมากขึ้นที่จะเก็บเสียงของตัวเอง อดทนจนปื้นแดงเห่อจากแก้มลงไปถึงคอ ปวีร์ยังคงล้วงเล่นที่หว่างขาพร้อมกับมือที่ลูบไปทั่วอก บิดดึงยอดอกสีชมพูจนแข็งชัน
ร่างกายไวต่อสัมผัสกว่าทุกครั้ง ชนกานต์รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกฤทธิ์ของยาที่ครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสในรูปแบบคล้ายคลึงกันมาแล้ว นึกโกรธที่ปวีร์เล่นสกปรกอีกครั้งทั้งที่เกือบจะมองอีกฝ่ายในแง่ดีขึ้นบ้างที่อุตส่าห์ไปทำอะไรให้กิน
"อือออ"
เสียงสะท้อนมาจากลำคอ ชนกานต์หน้าร้อนกับเสียงของตนเอง ปวีร์ดันให้นั่งคุกเข่าลงกับโซฟา ชนกานต์จับที่พิงหลังไว้ เอนหน้าลงซบหลังมือ อับอายตัวเองที่ถูกกระทำจากคนที่เกลียด โดยที่ร่างกายมีอารมณ์ร่วมตาม ถึงจะเพราะฤทธิ์ยาก็ตามที
ปวีร์ไล่จูบไปตามแผ่นหลัง เสื้อเชิ้ตที่ชนกานต์สวมเลื่อนหลุดจากไหล่ ปวีร์ประทับรอยไปบนแผ่นหลังเนียน จูบไซร้ไปจนถึงหนั่นสะโพก เขาใช้มือดันสะโพกชนกานต์ให้โก่งขึ้น ชนกานต์จับพนักพิงอย่างไม่มีแรง ร่างกายอ่อนระทวยจนแทบทรุดนั่ง หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัว คลื่นความร้อนมันเผาผลาญทุกส่วน มือใหญ่ลากผ่านแล้วรู้สึกเคลิ้มตาม ปวีร์ฝังหน้าลงกับสะโพกกลม แม้จะทำงานมาทั้งวัน แต่ส่วนนั้นของชนกานต์ยังมีกลิ่นหอมสะอาดจนปวีร์อดไม่ได้ที่จะลากลิ้นชิมรส มือกระตุ้นนวดต้นขาเรียวและลากมือไปจนถึงส่วนหน้าที่ชูชันรอรับสัมผัส สะโพกของชนกานต์เกร็งเบาๆ ปวีร์จับท่อนเนื้อขนาดพอดีมือรูดเบาๆ ชนกานต์หอบหายใจแรงขึ้น หันพลิกหน้ามามองปวีร์เมื่อได้ยินเสียงรูดซิบ
ในหัวคิดจะร้องบอกให้ปวีร์เอาถุงยางมาสวม แต่พอเห็นท่อนเนื้อโตที่ตระหง่านตรงหว่างขาของอีกฝ่ายแล้วก็พูดไม่ออก ปวีร์เลียริมฝีปากแล้วยิ้มกวนใส่ชนกานต์
"อยากได้นี่แล้วใช่ไหมครับ?"
ถามแล้วถูท่อนเนื้อกับร่องสะโพกของชนกานต์จนชุ่ม ชนกานต์กัดปาก ไม่ยอมตอบ ปวีร์แกล้งกดส่วนหัวเข้าไปเล็กน้อย บั้นท้ายกลมสั่นระริก ฤทธิ์ยาทำให้ชนกานต์อยากกระดกสะโพกกลืนกินมันให้หมดแท่ง
แต่สติที่หลงเหลือทำให้ชนกานต์กระชากสะโพกหน้า
"ใส่ถุงยางด้วยสิ!" ชนกานต์ตวาดเสียงสั่น หน้าแดงไปหมด ปวีร์ที่จับรั้งขาเขาไว้เลิกคิ้ว
"เสียบสดมาตั้งหลายครั้งแล้ว อยู่ๆจะให้ใส่ถุงทำไมครับ?"
ชนกานต์นึกขัดใจไอ้คนช่างถาม คำตอบมันง่ายมากแต่ยากที่คนอย่างเขาจะพูด
เห็นชนกานต์เงียบไปปวีร์ก็กดตัวสอดเข้ามาอีกรอบ ชนกานต์พยายามดึงสะโพกหนีแต่ถูกจับไว้แน่น แกนกายใหญ่สอดลึกจนสุดแท่ง ชนกานต์หันมาใช้มือผลักปวีร์ออกแต่ถูกกดหลังให้แนบกับพนักผิงโซฟา ปวีร์ยังดันสะโพกเข้าลึกจนร่างบางจุก
"เสียบสดดีกว่าไหนๆ จริงไหมครับ?"
ชนกานต์โมโหจนน้ำตาคลอ ปวีร์ดึงสะโพกออกแล้วสอดกลับเข้าไปอีกครั้งช้าๆ ตั้งใจให้ชนกานต์รับรู้สัมผัสทุกอณูที่ถูกเขาครอบครอง
"หยุดนะ.." ชนกานต์พูดได้เพียงสั้นๆ โมโหจนน้ำตาไหล รู้ตัวก็รีบซบหน้าลงซ่อนน้ำตาไม่ให้ปวีร์เห็น แต่คนช่างสังเกตอย่างปวีร์ก็รู้ทัน เขาดึงชนกานต์ให้หันหน้ามา ชนกานต์ไม่ยอมง่ายๆ ใช้มือผลักไสปวีร์ไม่ให้มาจับ แต่ไม่วายถูกรวบกอดไว้จนดิ้นไม่ได้
"แค่ใส่ถุงคุณก็พอใจแล้วใช่ไหม?" เสียงของปวีร์ถามข้างหู ชนกานต์นิ่ง พูดไม่ออก เพราะมันไม่ใช่เขาพอใจ แต่มันควรทำ
เขากลัวถ้าเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา การมีลูกด้วยกันกับคนที่เกลียดมันไม่ใช่เรื่องสนุก
ปวีร์ยังคงกอดชนกานต์เอาไว้ แต่ก็ยอมล้วงถุงยางที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินออกมา ชนกานต์ถอนหายใจเมื่อปวีร์ถอนกายออกไปและได้ยินเสียงฉีกฟอยด์ถุงยาง
ไม่นานแท่งเนื้อร้อนที่ถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อยางบางเฉียบก็ถูกสอดกลับเข้ามาอีกครั้ง
ชนกานต์พรูลมหายใจอย่างโล่งอกที่ปวีร์ยอมป้องกัน ปวีร์ซอยเอวเบาๆก่อนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือเอื้อมไปรูดท่อนเนื้อของชนกานต์ให้เข้าจังหวะกัน ชนกานต์กัดปากแน่น มือจิกพนักพิงพยุงตัวเอาไว้ เสียวสะท้านไปทั้งกาย จุดเบื้องล่างที่ถูกปวีร์กระแทกมันเสียวซ่านล้ำลึก ความเจ็บที่เคยมีในการร่วมรักครั้งก่อนๆมันหายไป ชนกานต์รับรู้ด้วยความรู้สึกหวั่นใจ ร่างกายของเขาเหมือนกำลังยอมรับการรุกล้ำของปวีร์จนมันเคยชินเสียแล้ว
"อึ่ก..หัวหน้ากานต์.." เสียงปวีร์ครางกระเส่าข้างหู ลมหายใจร้อนรดเป่าจนรู้สึกปั่นป่วน ปวีร์จับขาเขาให้แยกกว้างมากขึ้น สอดลึกเข้ามาจนชนกานต์ไม่รู้ว่ามันทะลวงเข้าไปถึงจุดไหน รู้เพียงว่ามันทำให้สุขสมจนน่ากลัว
"อื้อออ" เสียงครางลอดดังจากลำคอ ชนกานต์อับอายจนอยากเอาหัวโขกผนัง แต่ปวีร์ชอบใจจนกดจูบที่ซอกคอ ซุกไซร้ดอมดมกลิ่นหอม
"ครางอีกสิครับ..เสียงของคุณทำให้ผมคลั่งนะ" ชนกานต์เบือนหน้าหนี พยายามเก็บเสียงมากกว่าเดิม ปวีร์หัวเราะก่อนหยิบเอาเนคไทที่หล่นอยู่ใกล้ๆมา ชนกานต์ที่เบือนหน้าหนีไม่ทันเห็น มารู้ตัวก็เมื่อมันถูกพันรอบแกนกายแข็งขึง
"จะทำอะไรน่ะ!?"
เสียงเล็กตวาดถามและพยายามดึงออก ปวีร์ตีมือเล็กแล้วดึงเนคไทแน่นขึ้น ชนกานต์เหมือนถูกไฟช็อต ร่างสปาร์คไปชั่วขณะ ปวีร์ฉวยโอกาสนั้นมัดแกนกายหวานไว้
"ผมอยากให้คุณถึงจุดด้วยข้างหลังอย่างเดียวนะครับ" ปวีร์กระซิบ แล้วจับสองมือของชนกานต์ตรึงไว้กับบอบพนักโซฟา ชนกานต์อึดอัดที่หว่างขา พยายามหนีบขาเข้ามาแต่ก็ไม่ถนัด ปวีร์เบียดสะโพกแช่ท่อนเนื้อร้อนไว้ในโพรงอุ่น ไม่ยอมขยับ
"อยากถึงหรือยังครับ?" ปวีร์ถาม แล้วจับมือชนกานต์ข้างหนึ่งให้ลูบอกของชนกานต์เอง กระตุ้นให้คนเย่อหยิ่งเสียศูนย์ ชนกานต์เม้มปาก พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แต่ก็ยากเหลือเกิน ห้วงอารมณ์เดือดพล่าน อยากให้สิ่งที่แช่คาอยู่ขยับทะลวงลึกแรงๆให้ถึงใจ
"คุณลองขยับบ้างสิครับ.." ปวีร์กระซิบแล้วลากริมฝีปากจูบไซร้คอและแก้ม ชนกานต์เบ้หน้าไม่ยอมทำตามคำพูดของเขา
"นายก็ขยับสิ!!"
"ไม่ครับ..ผมอยากให้คุณขยับมากกว่า" ปวีร์แกล้งดึงท่อนเนื้อออกช้าๆ ถ่วงเวลาอย่างอ้อยอิ่ง
ชนกานต์กัดฟันแน่น นึกฉุนที่ปวีร์บีบให้จนแต้ม จึงพยายามข่มใจไม่ให้ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณและค่อยๆหายใจเข้าออกช้าๆ ผ่อนคลายอารมณ์ขมวดเกร็งของตนเอง แต่ดูเหมือนปวีร์เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน มืออุ่นลูบไล้ปลุกอารมณ์ไปตามส่วนต่างๆ ชนกานต์ยกมือตีและปัดไล่ ปวีร์กระตุกยิ้มมุมปาก โน้มหน้าไปจูบไซร้ลำคอ ชนกานต์เอียงคอหนี พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของปวีร์ ท่อนเนื้อของปวีร์หลุดจากช่องทางที่เปียกชุ่ม บั้นท้ายวูบโหวงโหยหาสิ่งเติมเต็ม ปวีร์กอดชนกานต์ไว้ กดให้คนที่พยายามดิ้นนอนลงกับโซฟา
ชนกานต์หอบหายใจหนัก ดึงมือจากที่ถูกปวีร์จับไว้ไปยังตรงหว่างขาที่ปวดหน่วงต้องการปลดปล่อย แต่ถูกปวีร์จับเอาไว้
"อยากปล่อยหรือครับ?"เสียงกระซิบที่ข้างหู ปวีร์เบียดส่วนหน้ากับสะโพก กลีบเนื้อหุบอ้าตามแรงหายใจเชิญชวนให้ฝังลึกลงไปอีกครั้ง หว่างขาเลอะเทอะจนดูลามก ชนกานต์กระชากแขนไปมาจนรู้สึกปวดไหล่ก่อนหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกมึนหัว
"ฉันจะอ้วก" เสียงที่อ่อนแรงบอก ปวีร์มองอีกทีก็เห็นชนกานต์ที่นอนตะแคงหน้าอยู่กับโซฟาดูหน้าซีดขึ้น ปวีร์รีบปล่อยแขนแล้วหยิบเอาหมอนมารองก่อนช้อนศีรษะคนตัวเล็กให้นอนลงบนหมอน ชนกานต์หลับตาลง หายใจเข้าออกช้าๆ เพราะอ่อนเพลียจากการอดนอนเป็นทุนเดิม พอลงมานอนหัวต่ำกะทันหันจึงทำให้คลื่นไส้ พาให้อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในร่างพลอยมอดไปด้วย ปวีร์มองคนที่นอนหลับตาไม่โต้ตอบแล้วก็ยกมือขึ้นไปอังหน้าผากดู ตัวของชนกานต์ร้อนรุมๆอยู่บ้าง
"ทำต่อไหวไหม?" ชนกานต์ปรือตาขึ้นมองคนที่ถาม นึกอยากจะด่าแต่ก็ยังพะอืดพะอม ยิ่งพอหัวได้หนุนหมอนก็เหมือนถูกดูดพลังงานไปหมด อยากจะหลับอยู่อย่างเดียว
ปวีร์มองคนที่อ่อนเพลียจนหลับไปทั้งที่ยังไม่เสร็จกิจอย่างนึกขำ ชนกานต์หลับไปอย่างนี้ก็หวานหมูเขา เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษเสียด้วย ปวีร์แยกขาเรียวออกกว้าง ขยับสะโพกเข้าชิดหว่างขา มองความฉ่ำเยิ้มที่เปรอะเปื้อนหว่างขาของชนกานต์แล้วก็ตัดสินใจรูดเอาถุงยางอนามัยออกจากแกนกายของตนเองโยนทิ้งไปข้างโต๊ะแล้วกดสอดปลายยอดบานเข้าไปในบั้นท้ายของชนกานต์
แกนกายที่ไร้สิ่งปกคลุมเข้าขยี้ช่องทางอ่อนนุ่มของชนกานต์ ปวีร์ส่ายเอวกระแทกมันครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับโน้มกายลงไปลากไล้ริมฝีปากบนแผ่นอกขาว ดูดเม้มจนเป็นรอยสีกุหลาบกระจายเต็มอกสลับกับดูดดึงยอดอกเล็กน่ารักสมกับตัวเจ้าของ
ชนกานต์ครางอืออย่างไร้สติ ปวีร์เหลือบมองก็เห็นทำท่าว่าจะตื่นขึ้นมาอีกรอบแต่ก็ไม่ได้ตื่น ท่าทางจะหมดแรงมากจริงๆ ปวีร์ขยับไปจูบกลีบปากนุ่มแล้วกระตุกปมที่ผูกเนคไทไว้ ทันทีที่แกนกายสีงามเป็นอิสระ น้ำขุ่นขาวก็ไหลพุ่งออกมา ร่างของชนกานต์กระตุกเบาๆใต้กายกำยำของปวีร์ ปวีร์เองก็ถูกชนกานต์บีบรัดจนสุขสม
น้ำรักอุ่นๆที่ชนกานต์ไม่ปรารถนาทะลักล้นเต็มรูแคบที่บั้นท้ายและไหลย้อยลงไปเปื้อนโซฟา ปวีร์ดูดปากชนกานต์และกวาดลิ้นในโพรงปากเก็บเอาความหวานฉ่ำที่ไม่อาจทำได้ระหว่างชนกานต์มีสติอย่างชื่นใจ
ชนกานต์มารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ข้างกายมีปวีร์ที่กอดเอาไว้ ชนกานต์ปัดแขนปวีร์ที่กอดพาดอยู่บนเอวออก พยายามจะลุกจากเตียงแต่ก็ยังรู้สึกเพลียและมึนหัวจนอยากนอนต่อเลยนั่งพักอยู่ที่ขอบเตียง
“ยังไม่มีแรงแล้วยังจะฝืนลุกอีก” เสียงแหบห้าวเอ่ยว่า ชนกานต์นึกรำคาญใจแต่ขี้เกียจโต้ตอบจึงลุกขึ้น มองฝ่าแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียงที่ปวีร์เปิดทิ้งไว้มองหาเสื้อผ้าตัวเอง
“เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน?”
เจ้าของห้องเท้าศอกยันศีรษะขึ้นมามองแล้วกระตุกยิ้ม
“ผมเอาไปใส่เครื่องซักไว้ ตอนเช้าคุณจะได้มีใส่ไงล่ะ มานอนต่อสิ”
ปวีร์บอกแล้วตบมือลงกับเตียงข้างกาย ชนกานต์นึกหงุดหงิดมากขึ้นเพราะอยากกลับห้องพักของตัวเองมากกว่า เลยตัดสินใจจะเดินออกไปดูว่าเสื้อผ้าของตัวเองพอจะแห้งใส่ได้หรือยัง แต่คนที่นอนอยู่เอื้อมมือมารั้งข้อมือเอาไว้ก่อน ชนกานต์สะบัดออกด้วยสัญชาตญาณแล้วหันมองตาขวาง
“ฉันจะกลับ!”
“คุณนี่รั้นจริงๆ เพลียจนวูบไประหว่างทำแบบนั้นแล้วยังจะไม่ยอมนอนอีก” ปวีร์ส่ายหน้า เหลือบมองดูเวลาแล้วก็เห็นว่ามันเพิ่งจะตีสี่ ชนกานต์เองก็เพิ่งจะได้นอนไม่กี่ชั่วโมง ใบหน้าบึ้งตึงใต้แสงสีส้มนั่นดูอ่อนเพลียไม่น้อย
“ฉันไม่คิดจะค้างที่นี่” ชนกานต์พูดเน้นเสียงมองปวีร์ตาขวางไม่อ่อนลง ปวีร์ส่ายหน้าช้าๆก่อนทิ้งหัวลงหมอน
“ตามใจ อยากกลับก็กลับไปสิ” ปวีร์บอกอย่างไม่แยแสแล้วทิ้งหัวลงหมอนทำท่าจะนอนต่อ ชนกานต์เห็นแล้วรู้สึกขัดใจ อยากจะยกเท้าถีบไอ้คนกวนประสาทนี้ให้ตกเตียง แต่ติดตรงที่สะโพกรู้สึกอ่อนแรง แค่ยืนก็รู้สึกว่าต้องใช้พลังงานมากกว่าทุกครั้ง จึงได้แต่เก็บความหงุดหงิดนั้นไว้แล้วเดินออกจากห้องไปทั้งที่ตัวเปลือย
ชนกานต์เดินออกมาก็มองหาเครื่องซักผ้าของปวีร์ เดินไปดูก็เห็นเครื่องมันดับแล้ว เสื้อผ้าของตัวเองถูกปั่นจนแห้งจึงหยิบขึ้นมาสวมทั้งที่มันยับ พอจะเดินออกจากห้องก็นึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าเงินของตัวเองหายไป ลองมองหาดูตามโต๊ะกับชั้นวางก็ไม่เห็น รู้แน่ว่าคนที่เอาไปคือปวีร์จึงเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง
“เปลี่ยนใจกลับมานอนให้ผมกอดหรือครับหัวหน้ากานต์?” ไอ้คนที่เอากระเป๋าเงินไปนอนยิ้มกระดิกขาอยู่บนเตียง ชนกานต์เดินกระแทกเท้าเข้าไปหา
“นายเอากระเป๋าเงินกับมือถือของฉันไปไว้ไหน?”
“เอ๋?...ไม่รู้สิครับ”
ปวีร์ทำตีมึนใส่ ชนกานต์เดินไปหยิบหมอนมาฟาดลงกับหน้าปวีร์อย่างโมโห
“เอาคืนมา!”
“ออนท็อปให้ผมก่อนสิครับ” ปวีร์ยึดหมอนไว้แล้วเอ่ยเย้ากวนประสาท
“ใครจะทำ!”
“ก็คุณไงครับ”
ชนกานต์สบถแล้วชูนิ้วกลางใส่หน้าปวีร์ ปวีร์หัวเราะชอบใจก่อนดึงมือชนกานต์ให้ล้มลงมาบนเตียง
“โอ้ย!” ชนกานต์ที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงมาบนเตียงร้องออกมา ปวีร์กอดเอาไว้แล้วกระซิบบอก
“นอนต่อเถอะครับ แล้วตอนเช้าค่อยไปทำงานพร้อมกัน”
ชนกานต์ทำหน้ายี้ใส่คล้ายจะประท้วงแล้วก็ผลักปวีร์ที่กอดตัวเองออก แต่ปวีร์รัดกอดแน่นเหมือนปลาหมึกจึงจำใจต้องนอนหลับต่อไปทั้งที่ใจไม่สงบ มาตื่นอีกทีก็ตอนรุ่งเช้า ชนกานต์งัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างสงสัยตัวเองว่าเผลอหลับได้ไงทั้งที่นึกหงุดหงิดอยู่ พอมองไปข้างๆก็ไม่มีปวีร์นอนอยู่ มองนาฬิกาก็ยังเช้าอยู่แต่ก็ไม่คิดจะนอนต่อเลยลุกเดินออกจากห้องไป
กลิ่นของข้าวต้มหอมฟุ้งไปทั่วห้อง คนเป็นเจ้าของห้องกำลังยืนทำอาหารอยู่ที่แคนธีนตรงมุมห้อง ชนกานต์เดินเข้าไปหาก็เห็นปวีร์อาบน้ำแต่งตัวแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ปวีร์หันมาทักทายแล้วหยิบเครื่องปรุงมาเทใส่ ชนกานต์มองดูคนที่ปกติจะเห็นกันแค่ในบริษัทยืนทำครัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“เห็นนายทำครัวแล้วมันขัดตายังไงก็ไม่รู้” ชนกานต์เปรย แต่ก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายทำอาหารใช้ได้ รสชาติข้าวผัดเมื่อวานที่กินไปก็ถูกปากอยู่ ข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จนี่ก็ส่งกลิ่นหอมและมีหน้าตาน่าทาน คิดว่ารสชาติก็คงใช้ได้อยู่
“คุณไปเปลี่ยนชุดก่อนก็แล้วกัน ผมวางชุดไว้ให้คุณที่ตรงโซฟานั่นน่ะ” ชนกานต์ปรายตาไปมองโซฟาที่ปวีร์ว่าก็เห็นชุดที่รีดแล้ววางพาดเอาไว้
“ฉันไม่อยากใส่เสื้อผ้าของนาย” ชนกานต์บอกอย่างถือตัว ปวีร์ที่คิดแล้วว่าชนกานต์จะพูดอย่างนี้ก็ยักไหล่
“ผมว่าแล้วว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้ วางใจเถอะ ชุดนั้นผมเพิ่งซื้อมา ยังไม่เคยใส่”
"ยังไงฉันก็ไม่ใส่" ชนกานต์กระแทกเสียงตอบ ปวีร์หันมายิ้มกวนบาทา มองชนกานต์ไล่จากหัวจรดเท้า
"แล้วจะใส่เสื้อยับๆไปทำงานหรอครับ?" ชนกานต์เม้มปาก นัยน์ตาขุ่น
"ก็เอากระเป๋าเงินฉันคืนมา ฉันจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
ชนกานต์แบมือทวงของตัวเองคืน แต่คนที่เพิ่งตักข้าวต้มใส่ชามเสร็จแล้วไม่ยอมให้ ปวีร์คว้าแขนชนกานต์แล้วลากมาที่โต๊ะทานอาหาร
"มื้อเช้าสำคัญ ต้องทานให้หมดนะครับ" ปวีร์เฉไฉเปลี่ยนเรื่องก่อนยกชามข้าวต้มมาวางให้ ชนกานต์นึกฉุนจนคิ้วกระตุก อยากเอาข้าวต้มราดหัวคนทำเต็มแก่
"อ้ะอ้ะ..ผมทำให้ทาน ไม่ใช่ไว้ให้ทำอย่างอื่นนะครับ" ปวีร์ว่าอย่างรู้ทันก่อนเอาน้ำผลไม้มาเทใส่แก้ววางให้และพาตัวเองไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามแล้วเริ่มทาน ชนกานต์ค้อนตาใส่ก่อนหันมาสนใจชามข้าวต้มของตนเอง เริ่มละเลียดทานด้วยท่าทางเหมือนแมวดม ยอมรับในใจว่ามันอร่อย แต่ฝืนทำท่าทางว่ามันไม่ถูกปากออกไปเพราะไม่อยากให้ไอ้คนปากดีมันได้ใจ
"ไม่อร่อยหรอครับ?" ปวีร์ถามเมื่อเห็นชามของชนกานต์มันไม่พร่อง ชนกานต์เบ้ปากแล้วใช้ช้อนกวนวนในชาม
"ก็แค่พอกินได้"
"งั้นหรอครับ" ปวีร์ยิ้มๆมองคนมากทิฐิอย่างรู้ทัน
ชนกานต์หน้าร้อนขึ้นมา รู้สึกอายกับสายตารู้ทันของปวีร์ จึงแสร้งกระแทกช้อนลงกับชามแล้วยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม ปวีร์ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินกลับไปที่ห้อง ชนกานต์มองตาม คิดว่าปวีร์คงจะไปเอากระเป๋าเงินกับมือถือมาให้ แต่ผิดคาดเพราะที่ปวีร์คือเสื้อคลุมอาบน้ำ
"อะไร!?" ชนกานต์ตวาดถาม มองอย่างไม่ไว้ใจ
"เปลี่ยนใส่นี่ก่อนครับ ผมจะรีดชุดให้ แล้วก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันด้วยล่ะ ถึงตัวคุณจะหอมแต่จะซักแห้งไปทำงานก็คงไม่ไหวนะครับ"
ชนกานต์กระชากเสื้อคลุมมาแล้วเดินดุ่มๆเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนก่อนเดินมาโยนเสื้อผ้าไว้ที่โซฟา ปรายสายตามองปวีร์ที่เดินเข้ามาหยิบก่อนเดินกลับเข้าไปอาบน้ำ
พอเข้ามาในห้องน้ำ ชนกานต์ก็เริ่มสำรวจตัวเองอีกครั้ง ร่างกายของเขาถูกตีตรามากขึ้น รอยจ้ำแดงของเก่ายังไม่หาย ของใหม่ก็มีเพิ่มมากขึ้น แต่แปลกใจที่หว่างขาถูกเช็ดคราบสกปรกออกไปหมด ชนกานต์เบ้หน้าเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าปวีร์จะทำอะไรแบบนั้น เขาถอนหายใจ มองหาแปรงสีฟันจะใช้แปรง แล้วก็เห็นแปรงที่มียาสีฟันบีบป้ายไว้บนแปรงวางไว้ตรงอ่าง ไม่แน่ใจนักว่ามีไว้สำหรับตนหรือปวีร์เตรียมไว้แปรงเอง แต่พอมองไปที่ใกล้ๆก็เห็นแปรงสีฟันอีกอันดูเก่ากว่าอันที่ป้ายยาสีฟันไว้ จึงรู้ว่าปวีร์เตรียมไว้ให้
"หมอนี่..ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยแหะ" ชนกานต์หยิบแปรงสีฟันขึ้นมามองอย่างนึกขำที่ปวีร์ทำตัวเหมือนพระเอกในนิยาย
"คนอย่างนายมันไม่มีทางเป็นพระเอกหรอก..ปวีร์!"
ชนกานต์ว่าก่อนเอาแปรงถูฟันแรงๆอย่างแค้นใจ!
-TBC-
หมั่นไส้ตาปวีร์กับล่ะซี้ 55555

ไหนๆ เชียร์ใครมากกว่ากันระหว่างตาปวีร์กับคุณหัวหน้ากานต์?
เชียร์กานต์กด 1
เชียร์ปวีร์กด 2
โหวตๆๆๆ
