^__^ Love Devil^__^
รักร้ายเทพอสูร
ตอนที่ 4 หีบนิลกาฬ
“บริษัทเป็นไงบ้าง?” เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน ใหญ่ก็ถามกลางทันที
“คงไม่ถึงสิ้นปี”
“.......” ใหญ่อดจะรู้สึกหนักใจไม่ได้
“หาคนๆนั้นไม่เจอเลยหรือครับ พี่ใหญ่”
“เจ้าเล็กพยายามอยู่ เฮ้ออออ...” ประมุขของบ้านพูดอย่างเหนื่อยใจ
หากไม่จำเป็นจริงๆแล้วล่ะก็...ใหญ่คงไม่ต้องดิ้นรนค้นหาบุคคลที่เป็นคู่อุปถัมภ์ของหลานถึงเพียงนี้ จะว่าไปเรื่องเหลือเชื่อนี่ก็เป็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ช่วยบริษัทของตระกูลได้ในขณะนี้
ตอนเปิดอ่านพินัยกรรม ทุกคนต่างตื่นตกใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเขาเอง นั่นเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าคุณศิตรัยและคุณหญิงดาวเรืองจะยกทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ให้กับหลานที่แทบจะไม่มีใครสนใจ แม้จะรู้กันอยู่แล้วว่าคุณปู่คุณย่าท่านรักหลานคนนี้มากเพียงใด แต่นั่นก็ไม่มีวี่แววว่าท่านจะยกทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่รวมถึง ‘หีบนิลกาฬ’ ให้กับหลานคนนี้
...หลานเบญ...เบญจมาศ ศรลักฉกรณ์ ไม่รู้คุณหญิงแม่ท่านคิดอย่างไรถึงตั้งชื่อหลานชายคนนี้เป็นชื่อดอกไม้ ทั้งที่ในตระกูลนี้จะตั้งชื่อดอกไม้ให้เฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น
เบญจมาศ....ดอกไม้มงคลของจีน เผาหยวนหมิง บทกวีเอกของจีน ได้เขียนกวีบทหนึ่ง โดยเปรียบเทียบดอกเบญจมาศว่าเป็นนักปราชญ์ผู้มีจริยวรรตงดงาม และยังเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพจีนยุคเก่าก่อนการปฎิวัติ ถือว่าเป็นดอกไม้ของชนชั้นสูง ย่อมเป็นของต้องห้ามสำหรับประชาชนธรรมดาๆทั่วไปที่จะปลูกดอกไม้ชนิดนี้ไว้เชยชม
...ในขณะที่ญี่ปุ่น ดอกเบญจมาศ หมายถึง พระอาทิตย์ ญี่ปุ่นนำดอกเบญมาศมาจากจีนเมื่อปีค.ศ. 1400 ราชวงศ์ญี่ปุ่นชอบมาก จึงนำเอามาเป็นตราลัญจกรของราชวงศ์ สัญลักษณ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น หมายถึง ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
สำหรับคนไทย...ดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้ที่นิยมให้แก่คนอันเป็นที่รัก แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับดอกเบญจมาศในความหมายของประเทศบ้านเกิดของโรสแมรี่ มารดาของเบญ ประเทศนั้นถือว่า....
...ดอกเบญจมาศ หมายถึง ความตาย...
เขาไม่เคยรู้มาก่อน เพราะก็ไม่เคยได้สนใจความหมายของดอกไม้อะไรแบบนี้ แต่คนที่คัดค้านการตั้งชื่อนี้คนแรกคือประภาสผู้เป็นพ่อของหลาน เมื่อแรกเขาก็ไม่เข้าใจนัก แต่พอรู้ความหมายเขากับประภาสก็ได้ขอให้คุณย่าท่านเปลี่ยนชื่อหลาน แต่ท่านก็หาได้สนใจไม่ ทั้งยังมีคุณศิตรัยสนับสนุน เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้
จวบจนหลังจากวันอ่านพินัยกรรมเขาได้ไปเปิดตู้เซฟใบหนึ่งที่ธนาคาร
...‘จดหมายถึงประมุขคนต่อไปของศรลักฉกรณ์กับความลับของหีบนิลกาฬ’...
‘หีบนิลกาฬ’ หีบขนาดสิบสามคูณสิบสามนิ้วหีบสีเงินคราบทอง มีนิลกาฬอัญมณีสีดำน้ำงามอยู่บนฝาหีบ หีบที่บรรจุเครื่องเพชร อัญมณี พันธบัตร และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง หีบสมบัติที่เขาไม่คิดว่าตระกูลศรลักฉกรณ์จะยังคงมีทรัพย์สมบัติอีกมากมายบรรจุอยู่ในหีบนิลกาฬ แม้จะไม่อาจคาดเดาได้ว่าภายในหีบมีทรัพย์สินอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ก็ตาม
...แต่การจะเปิดหีบสมบัตินิลกาฬได้นั้นต้องใช้เลือดของเบญจมาศกับคู่ชีวิตหยดลงไปบนนิลกาฬ บนอัญมณีสีดำนั่นเท่านั้นถึงจะเปิดหีบนั้นได้ และต้องทำหลังจากเบญจมาศอายุครบสิบแปดปีแล้วหกวันเท่านั้น มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเปิดหีบได้อีก
ศิลาจะไม่สนใจหีบพิสดารนี้เลย หากไม่เพราะวันนี้...บริษัทของศรลักฉกรณ์หลายแห่งจำต้องปิดตัวลง และพิษร้ายของเศรษฐกิจจะไม่ลามมาถึงบริษัทแม่
“แล้วลูกสาวคุณหญิงฉัตรล่ะครับ?” กลางถามขึ้น
“อันที่จริง ถ้าไม่ใช่...ก็ไม่ควรมารู้เรื่องนี้” ใช่ เขาคิดเช่นนั้น ไม่ว่าใครก็ตามถ้าไม่ใช่เขาก็ไม่ควรให้บุคคลเหล่านั้นมารู้เรื่องนี้ แม้แต่คนในครอบครัว
แล้วคนๆนั้นอยู่ที่ไหนนะ จะใช่หนูบานเย็นหรือเปล่า?
“....”
ความเงียบเข้ามารายล้อมสองพี่น้อง เพราะเรื่องนี้คนที่รู้เรื่องดีมีเพียงใหญ่กับกลางเท่านั้น แต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีบุคคลอื่นรู้เพิ่มเข้ามาเสียแล้ว และไม่ว่าคนๆนั้นจะรับรู้มาจากทางไหนก็ตาม ณ เวลานี้ใหญ่ยังไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดเพราะแย่งชิงสมบัติกันในตระกูล ดีแค่ไหนแล้วที่ทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดที่เขาถืออยู่ไม่สามารถจำหน่ายไถ่โอนไปไหนได้ เวลากว่าสองปีแล้วที่เขาได้จัดการระบบต่างๆจนเกือบจะเรียบร้อยแล้วเชียว หากไม่มาล้มตายกันเพราะพิษเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้
กริ๊งงงงงงง
“.....” เสียงโทรศัพท์ปลุกภวังค์ของคนทั้งคู่ได้ดีทีเดียว ใหญ่ชั่งใจสักครู่ก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์
“ว่าไงเจ้าเล็ก งั้นหรือ....ดีมาก เมื่อไหร่?... อืม ไม่ต้องแล้ว ใช่....”
“เตรียมตัวขึ้นเหนือคืนพรุ่งนี้” เมื่อวางสายจากน้องคนเล็กใหญ่ก็กำชับน้องชายอีกคนทันที แววตาของประมุขแห่งตระกูลบ่งบอกว่า...เรื่องนี้ชักช้าคงไม่ทันการ ขออย่าไปเสียเที่ยวเลย
“ครับ”
...................................................
กลิ่นคาวเน่าเหม็น ซากศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว เขาอ้วกแล้วอ้วกอีก จนเหมือนจะไม่มีอะไรออกมาจากกระเพาะแล้ว ความหวาดกลัว ความหนาวเหน็บ จับใจจนไม่อาจบรรยายได้ แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้...เพียงคนเดียว ท่ามกลางซากศพกองเท่าภูเขาและกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ไร้แสงแต่เขากลับมองเห็นทุกอย่าง บางศพมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ย บางศพเหลือแต่โครงกระดูก บางศพเหมือนพึ่งตาย บางศพก็เหมือนตายด้วยคมหอกคมดาษ บางศพกำลังขึ้นอึด บางศพแขนขาขาด บางศพไส้พุงทะลัก บางศพเละ บางศพเลือดออกตามตัวดวงตาเบิกโพลง มัน...กำลังมองมาทางเขา ตัวเขาสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งๆที่กลัวถึงขนาดนี้แต่กลับยังมีสติ ทั้งๆที่ไม่อยากหายใจแต่ก็ยังหายใจ สูบดมกลิ่นเน่าเหม็นเข้าสู่ร่างกาย ชั่วเวลาหนึ่งที่เขาคิดว่าทำไมตัวเขาไม่กองไปกับซากศพเหล่านั้นนะ ทำไมกัน!!
เฮือก!!!!!!
เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วทั้งตัว หน้าที่ขาวซีดอยู่แล้ว แทบจะไร้สีเลือดกลายเป็นกระดาษเสียอย่างนั้น ความหวาดกลัว ความหนาวเหน็บ กลิ่นเน่าเหม็นจากซากศพ ยังติดอยู่ในใจ ผิวกาย ดวงตา และ...ปลายจมูก
เบญลูบมือตามเนื้อตัวของตนเอง ก่อนจะคู้กอดตัวเองแน่นๆ หนุ่มร่างเพรียวบางสั่นเทาไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขากำลังสั่นเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆที่หวาดกลัวอย่างมาก หัวใจเต้นกระหน่ำเป็นกลองรัว ระหว่างความกลัวกับความอับอาย...อับอายที่บางอย่างในร่างกายกำลังตื่นตัว น้ำตาไม่ได้หลั่งไหล แต่ดวงตาสีเทากลับเบิกโพลงไปด้วยความตื่นตระหนก
เขาฝัน...ฝันร้าย
ร้ายที่สุดในชีวิต
แล้วทำไม...
ทำไม...ส่วนสงวนของเขาถึงมีปฎิกิริยาแปลกๆด้วย ส่วนนั้นของเขากำลังชูชันแข็งขึงอย่างน่ารังเกียจ เขากำลังต้องการการปลดปล่อยจากตัณหา ฝันอย่าง ใจอย่าง ปฎิกิริยาทางกายไปอย่าง เหงื่อเม็ดเล็กๆยังคงหยดลงมาจากเส้นผลสีดำนั้น
ฝัน!!
แค่ฝัน
ฝันร้าย
แต่เป็นฝันร้ายที่เขามีอารมณ์ทางเพศร่วมไปกับมัน!
และนี่ก็....
...ยิ่งกว่าฝันร้ายเสียอีก...
ทั้งที่ในความฝันเขามีแต่ความหวาดกลัว หดหู่ หม่นหมอง แต่ร่างกายของเขาตอนนี้กลับมีความต้องการแปลกๆ
...นี่มัน...
...เรื่องบ้าอะไรกัน!...
ทั้งหมดนี่มันต้องเป็นแค่ความฝันเท่านั้นสิ หรือเขาอาจจะกำลังฝันซ้อนฝันอยู่ก็ได้
ใช่! ต้องเป็นฝันซ้อนฝันแน่ๆ
กว่าจะปลอบใจและข่มใจตัวเองว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน แม้แต่การที่เขามีอารมณ์ความต้องการที่ช่างไม่เข้ากับฝันร้ายนั้น โดยเฉพาะอารมณ์แบบนี้มันจะต้องเป็นแค่ความฝัน แสงตะวันก็สาดส่องเข้ามาในห้องนอนเสียแล้ว
แม้จะบอกกับตนเองว่านั่นมันเป็นแค่ความฝัน แต่กลิ่นที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกนั่น อารมณ์ที่ค้างคาแปลกๆนั้น กลับไม่ได้สร้างความมั่นใจอะไรให้เขาเลย สรุปว่า...
...แค่...ความฝัน...จริงๆหรือ?...
ผ่านมาอีกสองวันก็ถึงวันที่ต้องไปรับน้องกันที่หาดจอมเทียนแล้ว ‘หาดจอมเทียน’ สถานที่ที่มีหาดทรายสวยงามทอดตัวเป็นแนวยาว อยู่ห่างจากพัทยาใต้ 4 กิโลเมตร ตามถนนเลียบชายหาดหรือแยกขวาจากถนนสุขุมวิทตรงกิโลเมตรที่ 150.5 เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร หาดแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจึงทำให้มีธุรกิจเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจที่พักและโรงแรม หาดจอมเทียนเป็นหาดยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา
ในการรับน้องนอกสถานที่ในครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมดสามวันสองคืน และรับร่วมกันกับคณะมนุษยศาสตร์ด้วย ถึงอย่างนั้นน้องใหม่ที่ไปก็มีเพียงสองร้อยกว่าชีวิตเท่านั้น
หลังจากวันนั้นเขาก็ฝันแบบนั้นอีกในคืนวันต่อๆมา ฝันซ้ำๆ เพียงแต่เมื่อคืนนี้เขากลับกำลังเห็นตัวเอง....
กิน....ซากศพเหล่านั้น
ทำไมถึงกิน เพียงแค่คิดก็...
“อ้วกก...”
“ไหวมั้ย?”
“....” แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงตอบ เบญได้แต่ส่ายหน้าบอกเพื่อนลูกครึ่ง หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ เบญเช็คปากด้วยทิชชู่ก่อนจะเก็บทิ้งถุงพลาสติกที่ติดตัวมาใช้ยามฉุกเฉิน
อาจเพราะเสียงอ้วกเสียงอาเจียนมีให้ได้ยินเป็นระยะๆ เลยไม่ได้มีใครสนใจว่าเสียงของเขาจะทำให้เสียบรรยากาศมากนัก เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่บนรถทัวร์ที่กำลังออกเดินทางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
“อ่ะ..ยา” เฮอร์มิสยื่นยาที่พกมาด้วยให้เพื่อน
“ขอบใจ”
“^_^”
เบญรับยามากินก่อนจะดื่มน้ำตาม ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจไปว่าเขากำลังเมารถ ใครเลยจะเชื่อว่าความฝันนั้นจะตามหลอกหลอนเขาได้ถึงเพียงนี้
หลังกินยากินน้ำเบญก็พิงผนังเบาะและหลับตาลงอย่างอ่อนแรง จะว่าไปคืนที่สองและสามเขาก็ยังมีอาการหวาดกลัวและตื่นตัวแปลกๆไม่ต่างจากคืนแรก แต่พอรู้ว่าแค่ความฝันที่ซ้ำกับคืนก่อนๆเท่านั้น เขาก็เลยทำใจได้เร็วกว่า แต่ก็อดจะขนลุกไม่ได้ นั่นเพราะมันเป็นความฝันที่เหมือนหนังที่ถูกฉายซ้ำ แต่เขาก็อดจะหงุดหงิดกับอารมณ์ทางเพศรสที่ทำให้เขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ในความฝันนั้นบางช่วงบางขณะเขาเห็น...ฝ่ามือเร่าร้อน นัยน์ตาสีทองดั่งดวงตะวันที่ตรึงร่างกายของเขาเอาไว้ บางเบา...จนเขาจำไม่ได้เลยว่าคนๆนั้นมีหน้าตาอย่างไรกันแน่ มีเพียงความรู้สึกแปลกๆที่ยังคงหลงเหลือจากฝ่ามือและแววตานั้นเท่านั้น
เบญไม่ใช่พวกขวัญอ่อนกลัวผีสางเทวดาอะไร เขาเชื่อและไม่เคยลบหลู่ แต่หากความฝันนั้นเขากลับมีอารมณ์ทางเพศที่ช่างสวนทางกับความฝัน...และมันเหมือนจริงจนเขาอดจะกลัวไม่ได้จริงๆ แต่เมื่อคืน...
กำลังจะคิดต่อความง่วงงุนก็เข้ามาปกคลุมจนไม่อาจคิดอะไรต่อไปได้ เฮอร์มิสที่นั่งอยู่ข้างกันกับเพื่อนที่น่ารักของเขา ค่อยๆจับศีรษะเล็กนั้นมาพิงที่บ่าของตนเอง หากรู้ก่อนว่าเพื่อนรักเมารถเขาคงจะให้กินยาแก้เมาก่อนแล้ว จริงๆเล้ยยยย... เลยอ้วกซะหมดเรี่ยวหมดแรงซะน่าสงสาร แต่ว่า...
...ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ บรรยากาศคนที่แอบหลงรักมาพิงไหล่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน คนอะไรว้า~ ช่างน่ารักจริงๆ สูดดดด...กลิ่นตัวก็ห๊อมหอม
จึ๊กๆๆๆ เพื่อนอีกฝั่งหนึ่งสะกิดไหล่เบาๆ
“หือ?” หันไปเลิกคิ้วมองคนสะกิด
“มึงไม่เหม็นหรอวะ” คนสะกิดถามอย่างสงสัย คือกู....โคตรสงสัยอ่ะ ที่กูนั่งอยู่แม้จะไม่ได้กลิ่น แต่พอเอาหัวเข้ามาใกล้ยังต้องกลั้นหายใจเลยนะมึง
“ไม่ หอมออก” เฮอร์มิสตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คนถามกลับทำหน้าแหยง
“จมูกมึงมีปัญหาชัวร์ ใครๆเขาก็ว่าเหม็น มึงหอมอยู่คนเดียว” ไอ้คนพูด พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใครบอก...” เฮอร์มิสกำลังจะอ้าปากพูดก็มีเสียงใสๆดังมาจากด้านหลังของตนเอง
“อะไรๆ” และตามมาด้วยเสียงห้าวๆอีกหนึ่งเสียง
“ก็พงษ์อ่ะดิ บอกว่าเบญตัวเหม็นอ่ะ” หนุ่มตัวขาวร่างเล็ก ดวงตากลมโต ใบหน้าน่ารัก แต่เสียงใสกังวานหันไปฟ้องเพื่อนสาวเสียงห้าวตัวสูงทันที
“มึงว่าน้องดอกไม้กูหรอไอ้พงษ์” เสียงห้าวแข็งเหมือนจะบีบให้ตายหากคนชื่อพงษ์พูดจาไม่เข้าหู
“เอ่อ...” พงษ์ตาลีตาเหลือก เพื่อนที่นั่งข้างกันได้แต่ส่ายหัว พงษ์มันหาเรื่องตายโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว
“แหะๆ โทษทีๆ” สุดท้ายพงษ์ต้องจำยอมลูกสาวค่ายมวยไปก่อน
“ได้กลิ่นด้วยหรอ?” เฮอร์มิสอดตื่นเต้นไม่ได้ แววตาชายหนุ่มวาววับ
“อืม” หนุ่มตัวเล็กยิ้มตอบ “หอมสดชื่นเหมือนพฤกษชาติเลยล่ะ ไม่งั้นไม่ตามนั่งนี่หรอก ใช่มะโน้ต” ก่อนจะหาไปหาผู้สนับสนุนอีกคน
“ใช่” โน้ตยิ้มตอบเพื่อน
โน้ตหรือกรกนก บุญเวทม์ ตระกูลบุญเวทม์เป็นเจ้าของค่ายมวยยักษ์ใหญ่ โน๊ตเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ผิวคล้ำเนื่องจากตากแดดบ่อยและไม่ชอบใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงอะไร รูปร่างมีกล้ามเนื้อแข็งแรงเพราะฝึกซ้อมชกมวยทุกวัน แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร โน้ตมีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ...เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ดให้กับหนุ่มเสียงใสตัวเล็ก ซึ่งมีชื่อว่ากุลหรือนายน้อยกุญชร อักษรเทวา ครอบครัวมาเฟีย แม้จะบอกว่าเป็นนายน้อย แต่กุลก็เป็นเพียงบุตรบุญธรรมของนายใหญ่คเชนทร์ อักษรเทวา เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องที่กุลมาเรียนที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ นอกจากโน้ตและบุคคลใกล้ชิดไม่กี่คน อีกทั้งกุลก็ใช้นามสกุลแสงจันทร์ของมารดา เลยไม่เป็นที่จับตา
หลังคำตอบของหนุ่มน่ารักกับสาวห้าว เฮอร์มิสก็ทำหน้าน้ำตาคลอทันที
“อย่าๆๆๆ” โน้ตหมั่นไส้ชี้หน้าเพื่อน อย่ามาทำน้ำตารื้นน้ำตาไหลนะมึง กูเป็นผู้หญิงกูก็แพ้น้ำตา
“คิคิคิคิ เฮอร์มิสนี่ตลกดีเนาะ” กุลขำก่อนจะพูด
“โด่ววว...คนกำลังซาบซึ้ง” เฮอร์มิสโอดครวญ
“ไปไกลๆเลยมึง นั่น...หัวน้องดอกไม้กูจะตกแล้วมึง”
“อ้าว...” อ้าวแล้วก็หันมาจับจัดหัวทุยๆนั่นให้นอนให้สบาย
ใช่ว่าจะมีแต่สองคนด้านหลังเท่านั้นที่ได้กลิ่นหอมๆจากเบญ แต่มีหลายคนเหมือนกันที่ได้กลิ่นหอมดั่งพฤกษชาติจากตัวเบญ ดังนั้นข่าวลือที่เฮอร์มิสปล่อยไปนั้นจึงไม่ได้เกินจริงเลย
TBC
สยองมากกกกกกกกกกกก 
โดยส่วนตัวเป็นคนกลัวผี ดูหนังผีไม่ได้เลย แต่ถ้าอ่านน่ะ ยังพอไหว แต่ก็ต้องไม่ใช่เรื่องผีๆโดยเฉพาะนะ ประมาณว่ามีมาเอี่ยวด้วยเล็กน้อยแบบนี้
ไอ้ตอนแต่งก็ไม่เท่าไหร่ อารมณ์มันแบบ...คิดคำซะมากกว่า
แต่ตอนแต่งเสร็จแล้วอ่านทวงนี่ดิ

โคตรรรรรรรรรรรรร...หลอนอ่ะ
วันนี้ 14-12-56 เวลา 17.28 น. ระหว่างกำลังอ่านทวงตอนนี้อยู่ก็มีเสียง ‘ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่’ ดังมาจากหน้าประตู อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แหกปากลั่น สะดุ้งโหยง

ป้าาาาาาาาาาา...ป้าอ่ะ คุณป้านี่แหละ มาเงียบๆ แถมเปิดประตูเบาๆ ไม่พอยังส่งเสียงหัวเราะ ‘ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่’ มาอีก เล่นเอาเราเกือบสติแตกไปเลย ขนลุกชิบหาย หยึย!
