ตอนที่ ๑๕ เย็นนั้นแทนที่ทุกคนจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็กลับขาดบุคคลสำคัญสองคนไปนั่นก็คือนายเหมืองและคุณครูตาหวาน เนื่องเพราะคุณครูดูท่าทางจะไม่ค่อยสบายเดินลงมาทานข้าวที่ห้องอาหารไม่ไหว เจ้าของเหมืองใหญ่และเจ้าของบ้านใหญ่ก็เลยต้องอยู่ดูแล ที่โต๊ะทานข้าวจึงเหลือเพียงแค่สองแสบ ป้าแหม่ม เจ้าส้ม และนายพุฒเพียงเท่านั้น
“ทานอีกคำนะครับ เอาหมูหยองอีกมั้ย หรือว่ากุนเชียงดี” คนรู้ตัวว่าเอาแต่ใจจนเกินเลยไปนิดเอ่ยขึ้นพร้อมกับเป่าข้าวต้มหมูสับสีขาวนวลเนียนในช้อนให้พออุ่นๆ ก่อนจะเอาไปจ่อปากให้คนป่วยที่นอนซมนั่งพิงหัวเตียงดวงตาปรือปรอยและบวมแดง
“ไม่เอาแล้ว...อิ่ม” บัวเบือนหน้าหนี ทั้งไม่อยากกินและไม่อยากเห็นหน้าคนโรคจิตขี้แกล้งด้วย
“แต่บัวเพิ่งทานไปสามคำเอง จะอิ่มได้ยังไง...ไม่เอาน่าอีกคำนึง พี่ใส่หมูหยองให้ด้วย อ้าปากครับ...”
ถึงบัวจะไม่อยากทานเพราะยังปวดบั้นเอวและเคล็ดตามข้อมือข้อขาอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมอ้าปากเพราะชายหนุ่มเอาช้อนมาจ่อเสียชิด ไม่อ้าปากรับมันก็คงจะหกลงบนผ้าห่มนี่แน่
“พี่ขอโทษ แต่เพราะบัวน่ารักเกินไปนี่นา พี่เลยอดใจแกล้งไม่ไหว...”
“ทำไมต้องแกล้ง...ไหนบอกว่ารักบัว แต่ทำไมถึงทำกับบัวแบบนี้” หน่วยตาบวมแดงช้อนมองเขาอย่างน้อยใจระคนเสียใจ ท่าทางเขาจะเผลอทำรุนแรงเกินไปกับครูบัวอีกแล้วสินะ
...โธ่เว้ย! เมื่อไหร่แกจะจัดการระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้มั่งวะ ครูบัวก็ตัวแค่นี้ แล้วดูตัวเองสิ นอนทับเขาก็แทบจะแบนติดเตียงอยู่แล้ว ช่วยสงสารเขาหน่อยเถอะ...
...แต่...ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นอยู่ทุกวัน...แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย...
...ต้องโทษที่ครูบัวของเขาทั้งน่ารักจนเกินห้ามใจนี่แหละ...
“นายเหมือง...รักบัวจริงรึเปล่าครับ”
“บัว ทำไมถามพี่แบบนั้น...”
คำถามนั้นที่ได้ยิน...ทำเอานายเหมืองสะดุ้งเฮือก มันเริ่มมีความรู้สึกว่าอาการหน่วงของครูบัวคราวนี้น่าจะเป็นของจริงขึ้นมาลิบๆ
“พี่รักบัว...เพราะรัก ก็เลยอยากแกล้ง อยากกอด อยากหอมทั้งวันเลย”
“แต่นายเหมืองไม่ใช่เด็กนะ ทำไมต้องแสดงความรักด้วยการทำแบบนั้นด้วย” บัวถาม น้ำเสียงบ่งบอกความน้อยใจแบบเปิดเผยกัน
“ก็...พี่อยากทำ มันอดไม่ไหวนี่จ๊ะคนดี”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ทุกครั้งบัวก็รับไม่ไหวเหมือนกัน มีอะไรกัน...แต่มองข้ามความตั้งใจกันอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ ก็เรียกข่มขืนเถอะ”
“บัว! พี่ไม่ได้ข่มขืน...ตอนนั้นบัวก็สมยอม”
“บัวไม่ได้สมยอมแต่บัวแค่ขัดขืนไม่ได้ต่างหาก...”
“แต่...พี่คิดว่าบัวเองก็...รู้สึกดี”
“พี่คิด..ไม่ใช่บัวคิด บัวจะรู้สึกดีกว่านี้...ถ้าที่ตรงนั้นมีแค่เราสองคน แต่เมื่อกี๊ส้มก็อยู่...ไม่รู้ว่าจะได้ยินอะไรไปบ้าง แล้วหลังจากนี้บัวจะมองหน้าส้มติดได้ยังไง”
“ได้สิจ๊ะคนดี ส้มมันก็ไม่ได้ใสซื่อเหมือนหน้าตามันหรอกนะ เสียตัวให้ไอ้พุฒก่อนนมแตกพานอีกมั้งรายนั้น” คนพูดพยายามอ้อล้อเอาใจ แต่ดูเหมือนเจ้าบัวของเขาจะยังหน้างองุ้มไม่ยอมแย้มกลีบบานให้เหมือนเคยอยู่ดี “ถ้างั้นเอาอย่างนี้...ถ้าบัวยังไม่อยากเจอส้มตอนนี้ล่ะก็ พี่จะสั่งห้ามไม่ให้ส้มเข้ามาที่บ้านใหญ่อีกดีมั้ย...หรือว่าจะให้ไล่ออกไปเลยดี แต่ถ้าเป็นอย่างหลังพี่คงต้องขอเวลาหน่อยนะเพราะว่าผัวไอ้ส้มมันก็คงจะอยากตามเมียมันไปด้วยแน่ พี่คงต้องให้ไอ้พุฒมันสอนงานให้เด็กใหม่ก่อน พี่ถึงจะ...”
“ถ้านายเหมืองลองทำทั้งสองอย่างสิบัวจะกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย แล้วนายเหมืองก็จะไม่ได้เจอหน้าบัวอีกไปตลอดชีวิต!”
“บัว...!”
“บัวไม่ได้ขู่ เสื้อผ้าบัวมีไม่มาก เก็บแป๊บเดียวก็เสร็จ ส่วนตั๋วรถบัวโทรบอกให้พี่ฉัตรจองให้ได้เดี๋ยวนี้ด้วย”
“...”
“...”
บัวจ้องตากลับคนที่จ้องหน้าตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้ อีกฝ่ายแลดูขรึมนิ่งลงไปในแบบที่บัวไม่เคยเห็น แอบรู้สึกหวั่นเกรงในสายตาเขาอย่างไรก็ไม่รู้ คุณครูหนุ่มจึงพยายามขยับตัวนั่งให้ดีเมื่อฝ่ามือใหญ่ทิ้งช้อนลงในถ้วยข้าวต้มแล้วหยิบยกถาดใหญ่ที่ใส่อาหารมื้อนี้ของเขาเอาไว้ขึ้น สายตาเยียบเย็นมองกลับมาที่บัวอย่างเอาจริง...
“...อย่าทำให้พี่ต้องระแวงบัวจนถึงขั้นต้องเอาโซ่มาล่ามกันเลยนะ พี่ไม่อยากใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูก...สงสารแก”
คนร่างสูงใหญ่พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมถาดอาหารที่ถือได้อยู่ในมือเดียว บัวมองตามร่างเขาแล้วก็ได้แต่เม้มปากแน่น...
...เขาสงสารแต่ลูกเขา แต่เขาไม่ได้สงสารบัวเลยสินะ...
------------------------------------------
“โอ๊ะ คุณพ่อลงมาแล้วแสบหนึ่ง...” ส้มทักไลเกอร์ ในขณะที่มือกำลังหั่นหมูในจานของลูกเจ้านายให้เด็กเตรียมทานเอง
“เราไปหาคุณพ่อกันเถอะแสบสอง” ส่วนนี่ก็เป็นคำพูดของไลเกอร์ที่ทักต่อไปทางไทกอน เด็กสองคนกระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วแข่งกันวิ่งตุบตับไปทางบิดาที่เพิ่งเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง
“คุณพ่ออออออ...”
“...ค้าบบบบบบ”
สองคนสองเสียงตะโกนเรียกต่อกันให้เป็นประโยค เม็ดข้าวติดเปื้อนแก้มป่องแต่ไม่มีใครสนใจจะเช็ด ทั้งคู่ไปยืนขาชิดเท้าเอวเชิดหน้าเป็นกุมารทองสองแสบข้างหน้าบิดา ดักทางเข้าไม่ให้พ่อตัวเองเข้าในห้องครัวเสียมิด
“สองแสบ จะมาอ้อนขออะไรอีก...” นายเหมืองสิงห์ตัวใหญ่มองลูกเรียงคนแล้วจึงค่อยนั่งย่อเข่าให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน สองพี่น้องที่ทำตัวราวกับฝาแฝดเพราะเขาจงใจเลี้ยงให้ออกมาเป็นอย่างนั้นยกมือขึ้นมาประกบกันไว้ตรงหว่างอก ก่อนจะก้มหน้าลงไหว้สวยๆให้บิดาชื่นชมเสียหนึ่งที ก่อนจะยืนยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวแล้วร้อง ‘น้า...’ ออกมาพร้อมกัน
“นะอะไร...ไหนใครบอกฉันได้มั่งมั้ยเนี่ยว่าใครผสมเห็ดเมาให้ลูกฉันกิน” เมื่อเห็นว่าจ้องหน้าลูกต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นนายเหมืองสิงห์ตัวโตจึงเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งทานข้าวไม่รู้ไม่ชี้ทั้งสามคนบนโต๊ะอาหาร
“ไม่มีอะไรหรอกนาย...แค่ป้าพุดแกดันเผลอออกปากพูดเรื่องงานกาชาดจังหวัดในตัวเมืองให้สองแสบฟังเข้าน่ะสิ” ในเมื่อไม่มีคนพูดเจ้าส้มก็เลยพูดโพล่งบอกเจ้านายขึ้นมาเสียเอง คนเป็นเจ้านายพยักหน้ารับรู้ก่อนจะร้องอ๋อออกมาเมื่อพอจะมองจุดประสงค์ของสองกุมารทองที่มาทำท่ารอสิงเขาอยู่ตอนนี้
“ออกไปเล่นกับป้าพุดแล้วก็นายเม่นก่อนไปลูกไป เดี๋ยวพ่อคุยธุระกับพวกอาพุฒเสร็จแล้วจะไปเล่นด้วย”
“แล้วเรื่องงานกาชาดล่ะพ่อ” ไทกอนเริ่มลูกอ้อน
“เกอร์อยากไปอ่ะ...น้าๆ เอาครูตาหวานไปด้วย เกอร์จะเอาครูไปเป็นเป้า!”
สิ้นเสียงไลเกอร์ก็มีเสียงเฮ้ย! ดังตามมาจากคนเป็นผู้ใหญ่ ทว่าไม่ต้องรอนานก็มีเสียงป๊าบ! ตามมาจากคนเป็นน้องชายที่ตบลงบนหัวพี่มันอย่างรุนแรง
“เอาครูไปเป็นเป้าได้ยังไงเล่า! เขาให้เอาครูไปปาเป้าด้วยต่างหากล่ะ แสบหนึ่งจอมซื่อบื้อ!!”
“เจ็บนะไท!!! ตัวเป็นน้องเขานะ!!!” ไลเกอร์คลำหัวป้อยๆ ส่งสายตาอาฆาตพร้อมเบะปากไปใส่คนน้อง
“เขาไม่มีพี่ซื่อบื้อ!” ไทกอนจบคำพูดด้วยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“ฮึก...พ่อ...” ไลเกอร์เบะปาก หันไปหาผู้พิพากษาประจำบ้าน ซึ่งชายหนุ่มร่างสูงก็ไม่ทำอะไรมากนอกจากเอานิ้วชี้ยื่นใส่หน้าลูกแล้วบอกคำเดียว
“หยุด”
แสบคนพี่สะอึกอึ้ก กลั้นก้อนสะอื้นเก็บไว้ในลำคอ กัดปากอย่างต้องการจะข่มอารมณ์ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดหนีน้องชายไปอีกทาง
“ไท เราเป็นน้อง...ต้องทำยังไง” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ เจ้าแสบสองคนน้องทำเป็นเชิดหน้าเชิดจมูก แต่กระนั้นก็แอบเหล่คนพี่ที่ยกมือกอดอกไม่มองกัน “ไท...อย่าให้พ่อพูดซ้ำสอง”
“ก็ด๊ะ...ขอโทษ เคป่ะ...” และเป็นไทกอนที่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากบิดาก่อน ไลเกอร์หันมามองน้องชายที่เอ่ยขอโทษก่อนด้วยสีหน้าที่ติดจะยังบึ้งตึงนิดๆ
“เกอร์ ส่วนเราก็เป็นพี่ น้องบอกขอโทษแล้วต้องทำยังไงลูก” จบศึกคนน้องชายหนุ่มก็หันมาไล่บี้กับคนพี่ต่อ ซึ่งคนนี้ไม่น่าหนักใจเท่าไหร่ เพราะแค่พ่อเกริ่นนำทางให้เท่านั้นเด็กน้อยก็พยักหน้าให้อย่างไว้เชิงแล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า
“เกอร์ให้อภัยก็ได้ แต่ไทต้องไม่ตบหัวเกอร์อีก โอเคป่าว” เด็กน้อยยื่นนิ้วก้อยออกไปก่อน ซึ่งไทกอนก็ไม่ลังเลที่จะเอานิ้วเกี่ยวคืน
“ก็ได้ แต่ไทก็ห้ามซื่อบื้ออีกนะ เขาอายคน” ไทกอนบอกอย่างใสซื่อ คนพี่พยักหน้ารับแต่โดยดี ก่อนจะจับจูงมือกันชวนออกไปเล่นเกมส์ที่เล่นค้างไว้ที่ห้องนั่งเล่น โดยลืมเลือนเรื่องที่รวมหัวกันมาขอพ่อเอาไว้เสียสนิท
“สองแสบนี่น้า...บทจะตีกันก็จะเป็นจะตาย บทจะดีกันล่ะก็ง่ายนิ๊ดเดียว นอกจากนายเหมืองแล้วก็มีครูบัวอีกคนนี่แหละที่สั่งให้หยุดแล้วสองแสบนี่ทำตามน่ะ เฮ้อ...ป้าขอตัวออกไปดูสองแสบหน่อยนะคะ ขืนปล่อยเอาไว้สองคนห้องนั่งเล่นได้กลายเป็นสมรภูมิแน่ๆ” พุดฤทัยรวบเปลือกส้มที่ปอกกองไว้ข้างจานมาใส่ในจานใส่เศษอาหารของตัวเองแล้วยกไปเก็บในครัว ไม่ต้องรอเก็บของคนที่เหลือด้วยเพราะคนบ้านนี้ใครกินใครเก็บ ไม่มีแย่งงานโยนงานกันว่านี่ของนายจ้างนี่ของลูกจ้าง ป้าพุดฤทัยจึงสบายใจนักที่ได้ทำงานที่บ้านนี้
นายเหมืองมองลูกน้องสองคนที่เริ่มทำตัวเหมือนหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวโดยไม่เห็นหัวโด่ๆของเจ้านายอย่างเขาอยู่ในสายตา ไอ้ส้มป้อนกลีบส้มไปให้ถึงปากผัวมัน ไอ้ตัวผัวก็ไม่งับไปแค่ส้ม แต่ดันรูดเรียวลิ้นไปกับนิ้วไอ้ส้มเมียมันด้วย ไอ้ตัวเมียนี่ก็นั่งบิดจนเอวจะผูกเชือกรองเท้าได้อยู่แล้ว คนที่เพิ่งทะเลาะกับคนรักมาอย่างเขาจึงได้เกิดเสียงปึ้ดๆดังขึ้นในหัวเมื่ออารมณ์คนตรงหน้ามันช่างน่าขัดหูขัดตาเสียเหลือเกิน
“เฮ้ยๆ ถ้าจะขนาดนี้ก็เอากันต่อหน้ากูเลยมั้ย กูอนุญาต...เดี๋ยวไปเอาเสื่อมาปูให้ด้วยเลยเอ้า” ชายหนุ่มกระแทกเสียงเล็กๆด้วยความหมั่นไส้ใส่ไอ้คู่หวานแบบไม่ดูสถานการณ์ ทั้งสองคนหันมามองตาเขาปริบๆ ก่อนที่คนเล่นบทผัวจะต่อปากกับเขา
“ได้เหรอครับ ผมก็อุตส่าห์เกรงใจเลยอ้อร้อเมียได้แค่นี้ งั้นเดี๋ยวผมไปเอาเสื่อมาปูก่อนนะนาย” พุฒธาพูดหน้าตายและทำท่าลุกขึ้นจริง ทว่านายเหมืองหนุ่มก็เตะปั๊กเข้าให้ที่หลังเข่า ก่อนจะฟันสันมือเบาๆไปที่หลังคอลูกน้องคู่ใจ แล้วไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเจ้าบ้านแล้วยกเท้าขึ้นไขว้กันบนโต๊ะ โดยไม่แคร์เลยว่าเจ้าส้มจะกำลังเอาส้อมจิ้มเนื้อหมูทอดขึ้นมาทานเล่นๆ
“เฮ้ย สนใจกูหน่อยได้มั้ยวะ...กูเป็นเพิ่งเป็นเกย์ฝึกหัดนะเว้ย ไอ้เกย์ปรมาจารย์อย่างพวกเอ็งสองคนควรจะเอาใจกูหน่อยรึเปล่าวะ” ท่าทางหมดกำลังใจและหมดแรงของคนพูดบ่งบอกชัดเจนว่าหน้าที่ตัวประกอบของพวกเขาสองคนกำลังจะเริ่มแล้วในไม่ช้า
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะนาย...คราวที่แล้วก็ไปปล้ำเขา คราวนี้จะซ้ำรอยเดิม หรือว่าเป็นเรื่องใหม่ เรื่องยัยคุณตีลังกานั่นล่ะ” ส้มถาม ตัดสินใจทิ้งส้อมลงจานกลับคืนที่เดิมเมื่อจานหมูทอดมันอยู่ใกล้ฝ่าเท้านายจ้างของเขามากที่สุด
“ก็...ไม่เชิง ประมาณว่า...กูเล่นโลดโผนกับเขามากไปหน่อยก็เลย...”
“เล่นโลดโผน...! สนุกจะตายไปนาย ผมจัดหนักใส่ไอ้ส้มที่ตุ่มน้ำหลังบ้านที่ไรมันเสร็จไวทุกที ยิ่งถ้าได้กันที่ระเบียงบ้านตอนดึกๆ หน้าเตาแก๊สในครัวที่มันใช้ประจำ หรือว่าในรถตอนนั่งไปกรุงเทพฯนะนายยิ่งโคตรมันส์ ไอ้ส้มมันร้อง...”
“ไอ้สันเขื่อน! ไอ้สันขวาน! จะพูดทำครกอะไรห๊ะ...คืนนี้ไม่ต้องเข้าบ้านเลยนะแล้วก็อดไปเลยสามเดือน! พูดอะไรทุเรศทุรังต่อหน้านายวะ ไอ้ผัวบ้า!” เจ้าส้มหน้าแดงแปร๊ด มันโยนหมูทอดที่ไม่คิดจะกินแล้วใส่สามีตัวเองอย่างเมามันส์ ชี้หน้าคาดโทษอย่างเอาจริงแล้วถลึงตามองเมื่อสามีตัวดียังไม่สลด กลับเดินเข้าไปนั่งข้างนายของมันแล้วยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะอย่างคนกันเองอีกต่างหาก
...อะ...ไอ้พวกบ้านี่! ต้องเลิก!! สักวันหนึ่ง...ไอ้ส้มต้องเลิกให้ได้!! คนหน้าไม่อายพรรค์นี้น่ะ!!...
“ขนาดนี้แล้วจะอายอะไรอีกไอ้ส้ม คนเขารับรู้กันทั่วว่าเอ็งสองคนเป็นอะไรกัน...ว่าแต่พักเรื่องในมุ้งของคู่พวกเอ็งไว้แค่นี้ก่อนได้มั้ย ข้าเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ยไม่รู้จะง้อครูเขายังไง ท่าทาง...คราวนี้จะโกรธจริงเจ็บจริงยิงยาวแน่ เล่นขู่ว่าจะกลับกรุงเทพฯไปไม่ให้ฉันหาเจอด้วย ไอ้สิงห์นะไอ้สิงห์...สุขชั่วคราวแต่มีสิทธิ์ทุกข์ถาวรเลยนะเอ็ง...” เจ้าของบ้านหน้าคมทิ้งหัวลงไปกับพนักพิง ถึงจะไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่พุฒธาก็ปล่อยเรื่องของเจ้านายในครั้งนี้ไปไม่ได้จริงๆ แม้ประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้เขาจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ก็เถอะ เพราะส่วนใหญ่แล้วไอ้ส้มก็มักจะสมยอมไปเสียทุกครั้งไป
...อืม...ปัญหาหนักอกของนายเหมืองของเขาคราวนี้คือทำข้อสอบหัวใจของครูบัวไม่ผ่าน ตกมีนหัวใจไปอย่างหน้าเสียวไส้ ที่สำคัญวิชานี้ครูเขาท่าทางจะไม่ยอมเปิดสอบซ่อม ถ้าจะเอาให้ผ่านคงมีอยู่ทางเดียว สร้างสถานการณ์ให้ครูเขาเห็นใจ ฝนตก น้ำท่วม หมากัด บ้านไฟไหม้ แล้วจะได้ให้โอกาสเด็กที่ตกได้สอบซ่อมใหม่...อืม...แล้วว่าแต่สถานการณ์ไหนมันจะเหมาะกับนายเราวะ
“เฮ้ยไอ้พุฒ ถ้าปวดขี้จะไปขี้ก่อนก็ได้นะ ข้าไม่ว่า...เห็นเอ็งทำหน้าแบบนี้แล้วข้าพลอยอึดอัดไปด้วยเลย” นายเหมืองสิงห์ปรายตามองลูกน้องคู่ใจ สีหน้ามันเหมือนคนปวดห้องน้ำอยู่ตลอดเวลาเลยอดไม่ได้จึงแซวไปสักนิด พุฒธาไม่ได้ถือสาอะไรเพราะคุ้นเคยกับปากของเจ้านายดีจึงทำเพียงดีดนิ้วดังเปาะแล้วมองหน้านายอย่างมีความหวัง
“นาย...ผมคิดออกแล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก...เราก็เอาสองแสบเป็นสื่อชวนครูบัวไปงานกาชาดด้วยกันเสียเลยสิครับ” พุฒธาเอ่ยออกความเห็น เจ้าส้มงงงวยว่าสามีมันพูดเรื่องอะไร แค่ชวนไปงานกาชาดเนี่ยนะแล้วครูบัวจะหายโกรธ...ตลกแล้ว
“เฮ้ย ฉันไม่ง้อเขาแบบต้องวิ่งหนีกันอยู่ในบ้านผีสิงนะเว้ย” คนเป็นเจ้านายอุดคำเอาไว้ก่อน ทว่าพุฒธากลับเอามือมาจุ๊ปากแล้วเอ่ยต่อ
“...พาไปเที่ยวงานถือเป็นการสร้างบรรยากาศและเพิ่มความรู้สึกดีๆให้แก่กันครับ นายก็เอาใจครูบัวเขาหน่อย สองแสบเขาก็อยู่คงช่วยได้อยู่หรอก ส่วนเรื่องง้อของจริงรอไว้หลังงานเลิก ผมจะจัดการให้เอง...หึหึ” พุฒธาเอ่ยอย่างหมายมาด ดวงตาส่องประกายวิ๊งค์วับจนส้มยังขนลุก
“ไอ้พุฒ จะทำอะไรคิดดีๆนะเว้ย ข้าเป็นนายเอ็งนา ถ้าข้าตายไปเหมืองร้างเลยนะเว้ย”
“ไม่เป็นไรนาย เดี๋ยวผมกับไอ้ส้มจะช่วยสืบทอดให้” พุฒธาเอ่ยอย่างนอบน้อมและลุกขึ้นเตรียมโดนเตะ และนายเหมืองสิงห์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการยกขาขึ้นมาป้ายตูดลูกน้องเบาๆพร้อมคำขอบคุณว่า
“ไอ้ห่...!”
------------------------------------------