ร้ายซ่อนรัก บทที่ 15
“สวัสดีครับ สุดหล่อ”คำปันยิ้มกริ่มเมื่อกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ“มีอะไรให้คำปันรับใช้ บอกมาได้เลย”“ไปตายซะ”หนุ่มชาวไร่ถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินเสียงหมางเมินตอกหน้ากลับมา เขาส่ายหน้าเมื่อจินตนาการถึงหนุ่มสำอางค์อีกฝั่งที่คงกำลังมองโทรศัพท์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ยังตายไม่ได้ฮะ ถ้ายังไม่ได้ปล้ำคุณโอบ ไม่งั้นตายตาไม่หลับ”คำปันตอบโต้เคล้าเสียงหัวเราะ สนุกดีเหมือนกันที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับโอบกิจหลังจากที่เขาเคยหมั่นไส้อาการเก๊กไม่เลือกที่ และมักจะเชิดหน้าใส่เขาทุกครั้งที่โอบกิจติดตามพ่อเลี้ยงโมกข์มาที่บ้านไร่คำปันเข้าใจในความเจ้ายศเจ้าอย่างของโอบกิจ เมื่อเขาเติบโตมากับตระกูลดังในจังหวัดที่คำปันเคยได้ยินมาว่าสืบเชื้อสายมาจากสกุลเจ้าครองเมืองในอดีต และในยุคปัจจุบันที่ครอบครัวมีธุรกิจห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์มากมาย โอบกิจที่เป็นลูกคนเล็กย่อมได้รับการพะเน้าพะนอให้กลายเป็นคนเอาแต่ใจไหนเลยจะเหมือนเขาที่เป็นแค่ลูกชาวไร่ชาฐานะยากจน ดีหน่อยที่พ่อเลี้ยงโมกข์เห็นแววเรื่องการเรียนเลยรับมาทำงานและให้ทุนเรียนต่อจนจบปริญญาตรี แต่คำปันก็ต้องทำงานหาเงินไปด้วยเพราะไม่อยากพึ่งพาเงินจากพ่อเลี้ยงโมกข์มากนักคำปันเลือกเรียนเกษตรเพื่อที่จะกลับมาทำงานด้านพืชไร่เต็มตัว ในขณะที่โอบกิจเข้าศึกษาทางด้านธุรกิจในมหาวิทยาลัยเดียวกันเมื่อคำปันขึ้นปีสาม แม้ว่าทางด้านการเรียนเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่คำปันก็เคยเห็นโอบกิจในฐานะน้องใหม่เนื้อหอมจนประกวดได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยตลอดสองปีที่เหลือในการศึกษา คำปันยังพบเจอพ่อหนุ่มเนื้อหอมคนนี้เสมอและได้ยินข่าวคราวเรื่องรถแข่งและเรื่องผู้หญิงอยู่บ่อยครั้ง โอบกิจดูเด่นไม่ว่าจะไปที่ไหน ไม่เหมือนเขาที่เป็นแค่นักศึกษาดาษดื่นไม่เป็นที่น่าจดจำเมื่อคำปันเรียนจบและกลับมาทำงานช่วยพ่อเลี้ยงโมกข์ เป็นทั้งคนดูแลไร่ และบอดี้การ์ดในตัว ความทรงจำเกี่ยวกับโอบกิจก็เลือนรางหายไป จนเวลาผ่านไปหลายปีคำปันก็ต้องตะลึงเมื่อได้พบกับโอบกิจอีกครั้งในตำแหน่ง “เด็กคนใหม่ของนาย” โดยที่โอบกิจไม่ได้มีทีท่าจำเขาได้ ใช่สิ…คำปันไม่ได้อยู่ในสายตาใครอยู่แล้ว
คำปันไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงโมกข์มียาดีหรือคาถาวิเศษอันใดที่ปราบโอบกิจจนอยู่หมัด เพราะทุกครั้งที่โอบกิจอยู่ต่อหน้าเจ้านายของเขา โอบกิจที่เคยโดดเด่นและผยองจะกลับกลายเป็นแมวน้อยนอนหวดจนเขาได้แต่มองอย่างสมเพช แต่ความรู้สึกดูหมิ่นเช่นนั้นก็เริ่มแปลงร่างเป็นความสงสารเมื่อเห็นโอบกิจยืนคอตกอยู่หน้าห้องเมื่อพ่อเลี้ยงโมกข์ปิดประตูใส่หน้าโอบกิจไม่เหมาะกับสภาพเช่นนั้น คำปันชอบมองโอบกิจในเวลาที่เป็นตัวของตัวเองมากกว่า เพราะเหตุนี้แหละมั้งที่ทำให้คำปันกล้าแหย่และต่อล้อต่อเถียงกับโอบกิจในระยะหลัง แถมยังกล้าหาญไปจูบโอบกิจเพียงเพราะเขาอยากให้โอบกิจกลับมาเป็นคนผยองอย่างเดิมนึกถึงจูบนั้น คำปันเผลอยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากจนรอยยิ้มผุดขึ้นมาเขาไม่อยากจะเชื่อว่าการที่เขาบดจูบลงไปที่เรียวปากนุ่มนั่นจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้ขนาดนี้“สัส ไอ้คำปัน เมื่อไหร่มึงจะเลิกกวนตีนกูสักทีวะ”เสียงกราดเกรี้ยวที่ดังขึ้นจากโอบกิจเรียกสติกลับคืนมาได้ คำปันเลิกคิ้วเหมือนคนด่านั่งอยู่ต่อหน้า“อ้าว ยังไม่เลิกหยาบคายอีกคุณโอบนี่ พูดจาอย่างนี้ไม่เหมาะกับหน้าหล่อๆ เลยนะ”เสียงของอีกฝั่งเงียบหายไปครู่หนึ่งเมื่อเจอคำท้วงติงจากคำปัน ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“เอาโทรศัพท์ไปให้พี่โมกข์คุยกับฉัน”“พ่อเลี้ยงไม่อยู่ครับ ผมอยู่บ้านคนเดียว”“แล้วมึง เอ๊ย…นายมีสิทธิ์อะไรมาใช้โทรศัพท์ของพี่โมกข์”
เสียงเริ่มดังขึ้นมาอีกรอบ แต่ดีหน่อยที่ยังไม่หลุดคำหยาบออกมา คำปันยิ้ม“พ่อเลี้ยงยกให้ผมแล้ว เอาไว้ให้ผมต่อกรกับคุณแทน”“โอ๊ย…ไอ้ …”
เสียงตะโกนอย่างเหลืออดของโอบกิจแต่กลั้นคำด่าไว้ ทำให้คำปันหลุดเสียงหัวเราะอีกครั้ง“เดี๋ยว คุณโอบ อย่าเพิ่งวางหูนะ”คำปันรีบห้ามเมื่อเดาทางของโอบกิจได้“อะไร”เสียงห้วนเอ่ยถาม“คุณโอบเป็นไงมั่ง สบายดีหรือเปล่า ผมเป็นห่วงนะ”โอบกิจอึ้งกับประโยคที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากคำปันยิ่งคำพูดนั้นลากเสียงปลายประโยคอย่างอ่อนโยน ฟังแล้วรู้ได้ว่ามาจากใจโดยแท้ มันเข้าไปกระแทกในใจจนขอบตาร้อนผ่าว ทำไมประโยคเดียวกันนี้จึงไม่ได้ยินจากคนที่โอบกิจต้องการมากที่สุด“ไม่สบาย ฉันคิดถึงพี่โมกข์”ไม่รู้ว่าทำไม เขาจึงกล้าตอบคำปันตามความเป็นจริงด้วยน้ำเสียงขื่นขม ทั้งที่คำปันเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่เคยอยู่ในสายตา แต่กลับดึงความในใจของเขาออกมาได้“คิดถึงคนอื่นก็ได้นะ แต่คุณต้องคิดถึงตัวเองด้วย”เสียงคำปันเตือนดังแว่วเข้ามาในหู ก่อนที่จะเงียบลงทั้งสองฝ่าย“คุณโอบ คุณยังจำวันนั้นได้ไหม วันที่ผมจูบคุณ ผมขอโทษนะ”อยู่ๆ คำปันก็โพล่งขึ้นมาจนโอบกิจสะดุ้ง“แล้ว…นายจะขุดมันขึ้นมาพูดอีกทำไมวะ”
“ผมแค่จะบอกว่า ผมรู้สึกดีนะ”คำบอกกล่าวตรงไปตรงมา เรียกเลือดให้สูบฉีดบนใบหน้าของโอบกิจจนร้อนซู่“อืม…รู้แล้ว วางหูได้หรือยัง เมื่อยแล้ว”
“คุณว่าจูบของผมเป็นไงบ้าง”“ไอ้…”
“ตอนที่ผมกดปากลงไปแรงๆ คุณเจ็บหรือเปล่า แล้วตอนที่ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากฟันผมไปครูดกับลิ้นคุณไหม”โอย… แล้วทำไมต้องไปจินตนาการตามด้วย โอบกิจยกมือเสยผมเมื่อความรู้สึกวาบหวามในวันนั้นกลับมา
เยือนอีกครั้ง เขายังจำได้ถึงเรียวปากร้อนที่บดแนบลงมาแล้วส่งปลายลิ้นมาคลุกเคล้าอยู่ในช่องปาก“กูไม่คุยกับมึงแล้ว คำปัน กูจะวางหู…”
“ถ้าวันนั้นผมลากปากมาหยุดแล้วดูดที่ซอกคอของคุณเบาๆ คงดีนะ…”
ห่ะ…โอบกิจด่าตัวเองเมื่อเผลอคิดตามคำพูดของคำปันจนขนลุกซู่
“ถ้าผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของคุณทีละเม็ด ทีละเม็ดจนหมด แล้ววางมือไปบนลำตัวของคุณ คุณโอบจะด่าผมไหม”กูด่ามึงอยู่ในใจนี่ไงเล่า โทษฐานทำให้กูร้อนวูบวาบไปทั้งตัว“คุณโอบยังฟังอยู่ใช่ไหม”“กูจะวางเดี๋ยวนี้”โอบกิจกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินเสียงของตัวเองที่ตอบไปสั่นพร่าจนแทบจับความไม่ได้“อย่าเพิ่งนะ เพราะผมกำลังคิดอยู่ว่า ถ้าผมคุกเข่าลงต่อหน้าคุณแล้วใช้ลิ้นละเลงไปรอบท้องน้อยของคุณคุณจะว่ายังไง”เชี่ย คำปัน มึงอย่าได้พูดต่อเชียวโอบกิจกัดฟันเมื่ออยู่ๆ ความเสียวสะท้านก็แล่นวูบไปทั่วร่างจนเขาต้องกลั้นหายใจไว้ กำโทรศัพท์ในมือจนแน่น“แล้ว ถ้าผมปลดซิปกางเกง แล้วดึง “เจ้านั่น” ของคุณออกมาแตะลิ้นลงไปเบาๆ…”
โอบกิจขว้างโทรศัพท์ลงไปบนเตียงโดยไม่สนใจที่จะกดวางสาย เขาก้าวพรวดเข้าไปในห้องน้ำเปิดฝักบัวสุดแรงจนสายน้ำเย็นสาดรดอยู่ทั่วร่างที่ยังมีเสื้อผ้าของเขาจนเปียกปอน ก่อนที่จะดึงแก่นกายที่รัดตึงออกมาจับอยู่ในมือเขาหันหลังพิงข้างฝาภายใต้ละอองน้ำที่ไม่ได้ช่วยลดความร้อนรุ่มของร่างกายได้เลย จนเขาต้องจับสิ่งที่อยู่ในมือแล้วใช้นิ้วรูดขึ้นรูดลงจะดีแค่ไหนถ้าตอนนี้โมกข์จะเดินเข้ามาหาร่างอันเปียกปอนแล้วกระชากเสื้อผ้าออกจนพ้นตัว ก่อนที่มือแกร่งจะลูบไล้ให้หนาวสะท้านไปทุกส่วน แล้วคว้าจุดสำคัญไปบีบเค้นแทนที่เขาต้องจัดการตัวเองแบบนี้โอบกิจปล่อยเสียงครางปะปนกับเสียงน้ำไหล จะดีแค่ไหนถ้าโมกข์จะคุกเข่าลงต่อหน้าแล้วใช้ลิ้นละเลงไปรอบท้องน้อย ลากไล้มาเรื่อยจนมาหยุดที่ตรงนั้น ปลายลิ้นร้อนๆ แตะต้องที่ส่วนปลายก่อนลากเรื่อยไปถึงโคน“อ๊า….”
โอบกิจได้ยินเสียงตัวเองลั่นห้อง ลมหายใจกระชั้นเมื่อเห็นจุดสำคัญถูกกลืนกินเข้าไปในปาก ใบหน้าคมก้มต่ำเพื่อให้ทุกส่วนถูกดูดหายเข้าไปจนหมดโอบกิจจิกปลายเท้ากับพื้นเย็นเยียบ กายบิดเร่า เขาเห็นตัวเองยกมือที่สั่นไหวไปประคองใบหน้านั้นขึ้นมา ใบหน้าของโมกข์ที่เขารักและฝันถึงทุกวัน“โอ…ไม่ ไม่ใช่”
เสียงกระเส่าสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่ท่อนเนื้อจะคายน้ำเมือกกระเด็นปะปนไปกับสายน้ำเขาเห็นใบหน้าที่เงยขึ้นมาสบตากับเขาเป็นหน้าของคำปันคำปันไม่เคยคิดเลยว่าเสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ที่เขาเปิดสปีกเกอร์โฟนไว้จะมีอิทธิพลกับร่างกายของเขาขนาดนี้เสียงนั้นไม่ได้ดังไปกว่าเสียงสายน้ำ แต่มันกลับชัดเจนก้องอยู่ในหัว จนความรู้สึกร้อนวูบวาบในท้องตั้งแต่พุดคุยกับโอบกิจยิ่งกระจายไปทั่วตัวไม่รู้อะไรดลใจให้เขาขุดเรื่องที่ผ่านมาแล้วหลายวันมาเป็นหัวข้อสนทนา แล้วแถมยังพูดไปตามที่สมองกำลังประมวลภาพจนได้เรื่องเขารู้ รู้ว่าโอบกิจหายไปทำอะไร เพราะเขาก็กำลังทำอย่างเดียวกันพร้อมๆ กับที่โอบกิจเงียบไปจากการสนทนา คำปันก็ถึงกับกระโจนไปบนที่นอนแล้วถูไถร่างเข้ากับหมอนข้างมันช่างทรมานกับความอึดอัดรัดรึงจนอยากระบายออก เขาควักมันมาถูไถแนบชิดจะดีแค่ไหนถ้าหมอนข้างภายใต้ร่างของเขาจะกลายร่างเป็นหน้าหล่อๆ ของโอบกิจ ให้เขาได้ซุกไซ้หาความหวานจนทั่วร่าง จะดีแค่ไหนถ้าเขาจะเปิดช่องทางให้กว้างแล้วดันตัวเองเข้าไปจนมิดด้ามก่อนที่จะขยับสะโพกส่ายเอวเข้าจังหวะคำปันครางลึกในคอผสานกับเสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ เมื่อเขาขยับบั้นเอวอยู่บนหมอนนุ่ม จนเมื่อเสียงกระเส่าสุดท้ายจากอีกฝ่ายดังลอดมา เขาก็เคลื่อนที่เร็วรี่ แล้วคำปันก็ต้องกลั้นหายใจกล้ามเนื้อเขม็งเกลียวบีบสิ่งที่อึดอัดอยู่ภายในออกมาจนเปียกชุ่มกระจายอยู่บนหมอน คำปันทิ้งตัวไปนอนหงายแผ่หราหอบกระเส่าแม้สมองจะขาวโพลนแต่คำปันเห็นหน้าโอบกิจลอยละล่องอยู่บนเพดานที่เขานอนมองอยู่----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พูดคุยกับคนแต่งบทนี้ขอเอาใจแฟนคลับ คำปันกับโอบกิจ นะคะ เห็นถือป้ายไฟเชียร์อยู่จำนวนไม่น้อยเลย ถูกใจหรือเปล่าติชมกันได้นะคะ เรื่องระหว่างโมกข์กับพัทธ์คงจะงอนง้อกันไปอีกสักพัก ประเด็นคือยังนึกฉาก…ของคู่นี้ไม่ออก ว่าจะแต่ง
แนวหวานซึ้ง หรือจะแนวตบจูบดี เลยลากเรื่องให้ง้อกันอีกสักพัก ใครอยากอ่านแบบไหน หรือเอิ่ม…ท่า
ยังไงลองเสนอมานะคะ เผื่อผู้แต่งถูกใจ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น อ่านบ่อยและชอบมาก รักคนอ่านทุกคนค่ะแกล้ม [Belove]