▓▒░ อุบัติรักเร็วเกินเหตุ ░▒▓ ตอนที่ 17
ผมนอนก่ายหน้าผากด้วยความเป็นห่วงเพื่อนอยู่ครึ่งค่อนคืน ตื่นมานั่งถอนหายใจ ทิ้งตัวลงไปนอนต่อแล้วทำวนอยู่อย่างนั้นซ้ำๆจนคนที่หลับสบายพลิกตัวกลับไปกลับมาเปลี่ยนท่าไปตามความกังวลใจของผม
เสียงโทรศัพท์แผดดังลั่นจนคนที่เอาหมอนตัวเองและคว้าหมอนผมไปอุดหูเอาไว้ ไอ้ตัวผมเองก็ใช่ว่าจะไม่หนวกหูนะ คือหูจะแตกกระจายใส่ฝาผนังแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ว่าไอ้โทรศัพท์เจ้าปัญหามันมุดอยู่ส่วนไหนน่ะสิ ผมเลยต้องรื้อๆผ้านวมที่ทั้งหนาและหนักเพื่อหามัน
ภูผาโทรมา หากเพื่อนคนไหนใช้วิธีการโทรแสดงว่าเรื่องนั้นต้องสำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีอะไรสำคัญเราเลือกที่จะไลน์คุยกันซะมากกว่า
ผมทั้งกลัวทั้งลุ้นกับสายที่โทรเข้ามาดึกดื่นสายนี้ ท่องนโมแบบแร็พรัวๆ 3 จบแล้วถึงจะกดรับ ยอมรับเลยว่าตลอดเวลาที่รอภูผาพูดนี่ผมกลั้นหายใจ
“เมตติดต่อกุ้งนางได้แล้วนะเว้ย มันปลอดภัยไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันพรุ่งนี้ กริ๊ก”
ห่านจิก!! ไม่รอฟังกูพูดเลยสักคำ
ผมโทรกลับไป มันปิดเครื่องแล้ว ภูผาต้องเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกเปิดสวิตช์ให้โทรมาหาผมแน่ๆ
แต่ข่าวที่ได้ยินก็ค่อยทำให้ผมหายใจโล่งขึ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่เอ่อ คงจะถอนหายใจสะเทือนไปหน่อยอะนะ สะเทือนถึงองค์หรรษาที่มันงัวเงียตื่นขึ้นมามองหน้าผมตาขุ่น
“ละเมอเหรอวะ”
“เปล่า รับโทรศัพท์อะ”
ผมชูโทรศัพท์ให้มันดู ก็ไม่รู้จะโชว์ทำไมอะนะ หน้าจอดำๆมันดูไม่รู้หรอก คราวนี้มันเริ่มตื่นเต็มตา ขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิมจนเริ่มจะน่ากลัวละ
“ขอกูดูหน่อย โรคจิตที่ไหนโทรมาดึกๆดื่น”
มันยื่นมือมา ผมเลยยื่นโทรศัพท์ลงบนมือมันเชื่องๆ งงๆ แต่ก็อดเถียงมันไม่ได้ว่าคนที่โทรมาไม่ใช่โรคจิตแต่เป็นไอ้ภูผา พอมันเห็นชื่อล่าสุดว่าใครโทรมามันก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้ผมพร้อมกับตวัดผ้าห่มออกจากตัว
“เพื่อนมึงโทรมาว่าไงวะ”
“บอกว่าติดต่อกุ้งนางได้แล้ว”
“เท่านี้เหรอ” มันยังไม่หายสงสัย
“อือ เท่านี้ แต่ภูผาบอกว่ากุ้งนางปลอดภัยดี ให้ไปคุยกันพรุ่งนี้”
“เหรอ”
มันตอบรับเหมือนขอไปที คราวนี้เป็นผมบ้างที่รู็สึกแปลก หรรษาคว้าโทรศัพท์ตัวเองออกไปคุยข้างนอกระเบียง ผมไม่กล้าตามออกไปดูว่ามันโทรไปหาใคร ได้แต่นั่งรอมันอยู่บนที่นอนแบบหวั่นๆ
มันเดินกลับเข้ามาแล้ววางโทรศัพท์ไว้แถวๆนั้น แม่งไม่หวงของเลย หลังจากนั้นมันก็เอนตัวนอนเอาหมอนดันหลังเอาไว้กับหัวเตียง
มันยิ้มให้ผม คว้าผมเข้ามาปะทะอกตัวเองแล้วก็หอมแก้ม ไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ผมก็ขัดขืนสิครับ ตัวงี้แข็งเป็นต่อม่อสะพานเชียว
“นี่มึงยังอายกูอีกเหรอ”
เอ่อ....ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันมีอะไรกันสามครั้งผมควรกระโจนขึ้นบนตัวมันแล้วเดินเกมเลยว่างั้น แต่ก็ส่ายหน้าตอบมันนะ คืองงเว้ยไม่ได้เขิน อยู่ดีๆคว้าตัวเค้าไปกอดแล้วหอมนี่มันก็ยังไงอยู่นะ คือว่าก่อนหน้านี้มึงเพิ่งตีหน้ายักษ์ใส่กูอยู่เลย แถมทำหน้าบึ้งๆแกมเครียดออกไปคุยโทรศัพท์คนเดียวที่หน้าระเบียงอีก
“ไม่ได้อายแล้วเป็นอะไรวะ ทำหน้าประหลาด”
“แต่มึงทำตัวประหลาดอะ”
ผมมองมันแบบค้นห้า กวาดมองไปทั้งรูปหน้าคมเข้มของมันจนแทบจะนับหนวดที่ปลายคางได้ครบทุกเส้นอยู่แล้วเชียว
“สบายใจแล้วใช่ปะ เพื่อนมึงกลับมาแล้วอะ”
มันถามยิ้มๆ ผมเลยค่อยๆเปิดยิ้มบ้าง ยักคิ้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่มันแบบกรุ้มกริ่ม
“มึงสบายใจก็ดีแล้ว นอนเถอะ”
มันกดจูบที่หน้าผากแล้วปล่อยให้ผมเป็นอิสระ คราวนี้ผมว่าหรรษาแปลก เหมือนมันมีอะไรเก็บไว้ในใจ ผมกล้าพูดกับหรรษาทุกเรื่อง กล้าเถียงกล้าโวยวายกับมัน แต่เรื่องเดียวที่ไม่กล้าทำคือเค้นคำตอบจากมันในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้โดยถือว่าเพราะผมเป็นแฟนมันต้องได้รู้ทุกเรื่อง
ผมมีที่ว่างให้หรรษาเป็นตัวของตัวเอง เอาง่ายๆ ผมเองก็อยากเรียนรู้ที่มันเป็นมันเหมือนกัน การอยู่ใกล้หรรษาผมว่ามันแฟร์กับผมอยู่อย่างนึงคือมันไม่เคยบอกให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงนั่นเปลี่ยนแปลงนี่อย่างที่มันต้องการ ไม่ได้เคี่ยวเข็ญให้เป็นอะไรอย่างที่มันอยากให้เป็น มันประกาศตัวเป็นแฟนกับผมแต่ก็ให้โอกาสผมใช้ชีวิตแบบเดิมๆได้
พอผมดูอิดออดที่จะล้มตัวลงนอนคราวนี้มันเริ่มหรี่ตามอง
ปกติผมจะโหวกเหวกโวยวายงอแงในแบบของผม แต่พอผมเงียบ คงเป็นเรื่องแปลกในสายตามันเหมือนกัน
ไม่ใช่ไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของมันนะ อยากรู้สุดๆแต่ไม่รู้จะงอแงยังไงไม่ให้มันเตะผมแปะที่ข้างฝาบ้านดี
“บางทีกูก็อยากชั่วให้มึงเกลียดกูสุดๆเหมือนกันนะไอ้หัวถั่ว ไม่รู้ว่าเพราะมึงดีหรือเพราะมึงโง่กูถึงยังให้มึงอยู่ข้างๆอย่างนี้”
“ทำไมอยากชั่วอะ คนชั่วมีเยอะแล้วถ้ามีคนดีเพิ่มขึ้นมาอีกสักคนโลกคงร้อนน้อยลงนะหรรษา”
“ทฤษฎีบ้าบออะไรของมึงเนี่ย มานี่ดิ๊”
“ทำไมอะ จะเขกหัวจะทำร้ายอะไรกูหรือเปล่า ไม่เล่นนะเว้ย มึงแรงเยอะ กูเจ็บ”
“หมั่นเขี้ยว ขอเอาแรงๆทีได้ปะ กูอยากเอาแต่ใจกับมึงอะเมต”
“ลงแส้หยดน้ำตาเทียนแล้วก็ขึงกุญแจมือไว้กับหัวเตียงป่าวอะ”
ผมมองหน้ามันหวั่นๆ แม่งไม่รู้แรงของมันนี่คือแบบไหน แล้วไม่รู้อยู่ดีๆเกิดอารมณ์ตอนนี้ได้ยังไงกัน
“มึงนี่คิดได้้นะ แรงๆกับซาดิสต์ไม่เหมือนกันนะเว้ย แค่นี้ยังไม่รู้เลยจะยังจะทำตัวใจแตกได้นะมึง”
“ตอนนั้นกูแค่อยากสนุกอยากลอง อยากอิสระเว้ย อยากรู้ว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วจะเป็นยังไงอะ ถ้าเมาปลิ้นดิ้นพล่านไม่นอนบ้านแล้วก็ปาร์ตี้เนี่ยจะมีชีวิตแบบไหน”
“ก็จะได้ผัวอย่างกูนี่ไง แต่มีผัวใหม่ทุกๆคืนนะ หลากหลายแล้วก็ได้เอดส์ด้วยนะมึง มีของแถมด้วย คุ้มจะตายไป”
“ประชดกูอยู่ได้ เดี๋ยวก็ไม่ให้เอาซะหรอก”
“อืม ไม่เป็นไร ไว้ไปหาเอาข้างนอกได้ กูไม่ซีเรียส”
ผมก้มลงสำรวจตัวเอง ดึงเสื้อออกมาแล้วมุดเข้าไปดูข้างใน จะว่าไปชีวิตนักล่าเช่นไฮยีน่าอย่างหรรษามันน่าจะหื่นกามกว่านี้ป่าววะ เพราะมันก็บอกผมเองว่ามันเที่ยวทุกคืน ล่าคู่นอนได้ทุกวัน แต่พอคบกับผมแล้วมันก็มีอะไรกับผมแค่ไม่กี่ครั้ง หรือว่ามันไปหาเอาจากที่อื่นบ้างจริงๆ รู้สึกหดหู่จังเลยนะเวลาคิิดไปว่าสิ่งที่มันเคยทำกับผม มันก็คงทำกับคนอื่นๆด้วย ผมคงมีเสน่ห์ไม่พอ ไม่เก่งไม่ยั่วยวนให้มันอยากมีอะไรด้วยมั้ง
ค่อยๆมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วล้มตัวลงนอน พอจัดท่านอนตัวเองได้ที่แล้วจะปิดตาหลับหรรษาก็พลิกตัวมาคร่อมร่างผมเอาไว้ เบิกตาโพลงเลยทีนี้ มันเล่นอะไรของมันวะ
“มึงรู้เปล่าวะเมต นิสัยมึงคือนิสัยแฟนในฝันของกูนะ แต่พอเจอแบบที่คิดว่าใช่ขึ้นมาจริงๆแล้วมันไม่ใช่ว่ะ มึงรักกูแน่เหรอวะ หรือว่ามึงเองก็ขัดแม่ไม่ได้”
“ทำไมถามงี้อะ มันคนละเรื่องกันนะเว้ยหรรษา ขัดแม่ไม่ได้ก็เรื่องนึง รักก็เรื่องนึง กูสามารถตามใจแม่โดยที่ไม่ต้องรักใครก็ได้มั้ง แต่สิ่งเดียวที่กูพิสูจน์แล้วว่าห้ามไม่ได้บังคับไม่ได้คือใจกูว่ะ เพราะงั้นกูคิดว่ากูรักมึง แต่ไม่ได้จะเป็นเจ้าของในแบบที่ใครมาแตะไม่ได้หรอก มันขัดกับนิสัยกูอะ”
“มึงเลยไม่ห้ามถ้ากูจะเหลวไหลไปนอนกับใครก็ได้เนี่ยนะ”
“ก็ไม่ได้ชอบหรือรับได้หรอก แต่กูจะเอาสิทธิ์อะไรมาห้ามมึงอะ ไอ้สิทธิ์ที่ได้มามันก็จอมปลอมนี่หว่า มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่จริงคือกูชอบมึงจริงๆ แต่จะบังคับให้มึงรักมึงชอบกูตอบ กูก็คงทำไม่ได้หรอกว่ะ ใจกูๆยังบังคับไม่ได้ กูจะไปบังคับใจใครได้วะ ยากไปนะเรื่องนี้ ปล่อยผ่าน”
“เหยดเข้ พูดซะกูไม่อยากทำเชี่ยเลยนะมึง ใจกว้างกับกูแบบนี้แต่กูใจแคบแบบเห็นแก่ตัวเชี่ยๆเลยนะจะบอกให้ ขืนมึงบอกว่าจะไปนอนกับใครตอนที่เป็นแฟนกับกูเนี่ยนะ พินาศกันไปข้างนึงแน่ๆไม่เชื่อก็ลองดู เว้นเสียแต่ว่ามึงไม่ได้รักกูแล้ว นั่นมันก็อีกเรื่อง”
“ถ้าวันนึงกูรู้ตัวว่ากูไม่ได้รักมึงอะหรรษาแบบว่ากูเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น รู้ใจตัวเองมากขึ้นอะ”
“ไม่รู้ดิ แค่ที่มึงถามมานี่กูก็โหวงเบาๆแล้ว อย่าพูดเลยกูผิดเองแม่งเริ่มดราม่า เป็นห่าไรไม่รู้”
“มึงมีเรื่องไม่สบายใจอยู่รึเปล่าอารมณ์เลยแกว่งๆ เมื่อก่อนเวลากูมีอะไรเครียดๆกูก็แอบพาลเหวี่ยงกับแม่บ่อยๆนะ”
“แล้วแม่มึงทำไงอะ”
“ดุใส่จริงๆบ้าง ดุเอาฮาบ้างก็หายอะ”
“ก็มีมั่งแหละ แต่มึงไม่ต้องรู้หรอก แค่นี้ก็สงสารมึงแล้วที่ต้องมาทนกับความเป็นตัวตนของกูเนี่ย”
“ไม่เห็นต้องทนอะไรเลย ไม่อึดอัดเลยนะอยู่ใกล้ๆมึงอะ เรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจก็ไม่เห็นต้องเข้าใจเลย ไม่รู้ก็ได้ สบายๆแบบเบิร์ดๆอะ”
มันโผมาแลบลิ้นเลียปากผม ไม่ได้รังเกียจนะ แต่สัญชาตญาณผมเลยเอาหลังมือเช็ดออกอะ มันเปียกนี่หว่า น้ำลายหรรษาเย็นเฉียบเลย
“เลียปากเป็นหมาเหรอวะ” ผมว่ามันเล่นๆ
“ก็เล่นกับหมาไง หมาเลยเลียปาก มีอย่างอื่นให้เลียอีกเปล่าวะ ตอนนี้ตาสว่างแล้วปากก็ว่างมากเลยเนี่ย”
“พูดแบบนี้บอกให้กูแก้ผ้ารอเลยเถอะหรรษา มองตามึงก็รู้แล้วว่ามึงต้องการอะไร”
“แล้วได้มั้ย”
“ตามใจมึง...แต่ผ้ากูแก้เองได้ไม่รบกวนมึงแก้ให้หรอกนะ”
กลัวมันเอาปากงับแล้วกระชากแบบในคลิปที่เคยดูอะ รู้สึกกลัวแบบนั้นยังไงก็ไม่รู้ คือผมก็ไม่ใช่นางแมวป่ามาจากไหนไง
“งั้นกูเอาแต่ใจตัวเองก่อนแล้วจะบอกว่ากูกำลังเครียดเรื่องอะไร”
“อ๋อ นี่มึงมีข้อต่อรอง”
“มึงก็แสนรู้ขึ้นแล้วนะ เริ่มมีวิตามันแล้วนี่”
“ก็แค่เรื่องนี้แหละ พอดีกูมีประสบการณ์แล้วสามครั้งมึงอย่าลืมสิหรรษา”
“งั้นเราสนุกกันก่อนแล้วกันนะค่อยมาเครียด”
“อะ อะ อะ”
คือจะบอกว่า ‘อะ เอาอย่างนั้นก็ได้” แต่พอดีหรรษาเอาแต่ใจไวปานวอกไปหน่อยแผ่นเสียงผมเลยตกร่องเป็น สะ สะเสียว กับ ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน สลับกันไปจนถึงตอนที่ทนไม่ไหวร้องลั่นออกมาว่า จะ จะไปถึงเส้นชัยแล้วเร็วเข้าหน่อยจนได้ เสร็จมันจนได้สิน่า
จริงๆไอ้ที่มันบอกว่าจะทำผมแรงๆมันก็ไม่ได้แรงตามคำขู่หรอกนะ รู้สึกว่ามันพยายามเบามือแล้วค่อยๆบิ้วอารมณ์ผมด้วยซ้ำ ยิ่งพอผมร้องบอกมันว่าเจ็บมันก็หยุดแล้วใช้เทคนิคของมันทำให้ผมผ่อนคลายจนพร้อมที่จะไปต่อกับมัน หรรษาหื่นกามตามความต้องการของร่างกายก็จริง แต่มันก็หื่นกามแบบร่วมด้วยช่วยกันอะนะ แม้ว่าผมจะงุ่มง่ามไม่ทันใจมันบ้างแต่มันก็ยังกัดฟันอดทนไปพร้อมๆกับผม มันก็ไม่ได้ถึกเถื่อนตามภาพภายนอกที่เห็นมาก ตัวจริงของหรรษาไม่ได้ถ่อยแบบนั้น มันก็มีมุมอ่อนโยนของมัน
ผมมีความสุขกับค่ำคืนนี้และเฝ้ารอที่จะรับรู้อีกมุมนึงของหรรษาในวันพรุ่งนี้ เหมือนมันค่อยๆไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังบ้างแล้ว ส่วนค่ำขู่อื่นๆที่มันบั่นทอนความรู้สึกผมก็ช่างมัน แม่บอกว่าเราอย่าจมกับความเครียดถ้ายังไม่เผชิญกับมัน อย่ากังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิด อย่าเสียเปรียบไปกับมโนภาพพวกนั้น
ทุกข์กับสุขอยู่ที่เราจะเลือกความรู้สึกไหนใส่ตัวเอง
ผมเห็นรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่แม่มีให้ในทุกๆวันในขณะที่เบื้องหลังชีวิตแม่ไม่น่าจะทำแบบนั้นได้เลย ผมก็เลือกที่จะเชื่อที่แม่สอนไว้อย่างนั้น ผมยิ้มรับมัน นี่เป็นอีกเรื่องที่หรรษาบอกว่าผมแปลกกว่าคนอื่น ผมทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กได้ มันบอกว่ามันเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงไม่ซีเรียสที่จะไปกับมันในคืนนั้น ไม่ใช่ว่าผมใจง่าย แต่ผมไม่ยึดติดว่าอะไรคือเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ต่างหาก แต่มันก็ยังบอกว่าผมทัศนคติการใช้ชีวิตที่ดี แต่ไม่ใช่กับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เสี่ยงแบบนี้
หรรษามาส่งผมที่มหาลัย วันนี้เราไม่ได้นัดเจอกัน
กุ้งนางกลับมาแล้วจริงๆ
กลับมาพร้อมกับเป็นเพื่อนหญิงที่มั่นใจในตัวเองเท่าเดิม เปรี้ยวเหมือนเดิมและเชิดหน้าใส่กับปัญหาทุกสิ่ง ไม่มีความเสียใจออกมาให้เห็นผ่านใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเฉี่ยวคมให้น่ามองกลับหลัง
มันยอมรับว่าเฟลไปจังหวะนึงสำหรับเรื่องของเพทาย มันบอกกับพวกเราว่าอย่างนั้น เพทายชั้นเชิงเหนือกว่ากุ้งนางที่มีภูมิต้านทานเรื่องพวกนี้อยู่มากแต่นักปราชญ์ยังมีพลาดพลั้งกุ้งนางมันเลยชิลด์ แต่พอดีมันดันไปเจอโปรตั๋วเครื่องบินราคาถูก มันเลยตัดสินใจไปเที่ยวในแบบที่มันไม่เคยไปดูบ้าง อยากรู้ว่าหากมันใช้ชีวิตให้ต่างไปจากเดิมมันจะได้พบกับอะไร
การไปต่างที่ต่างถิ่นต่างความคุ้นเคยเพียงคนเดียวทำให้กุ้งนางรู้ว่ามันสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีผู้ชายดูแล การออกไปเปิดหูเปิดตาระยะเวลาสั้นๆมันก็ทำให้กุ้งนางได้เห็นอะไรมากขึ้น มันบอกว่าชีวิตมันไม่ได้สนุกแค่การไปเที่ยวผับแล้วหาแฟนตามที่แบบนั้นอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว ที่เที่ยวพวกนั้นมันฉาบฉวย ไร้เสน่ห์สิ้นดีเมื่อเทียบกับที่ที่กุ้งนางไป
วันหนึ่งผมคงได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้นอย่างกุ้งนางบ้าง ผมคงได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น เรียนรู้สังคมเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ผม แม่ เพื่อนแล้วก็มหาลัยอีกต่อไปแล้ว
โดยเฉพาะเรื่องของเพทายกับแอนและการพัวพันของแอน เพทายแล้วก็หรรษา คนพวกนี้ทำให้ผมรู้ว่ายังมีเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงอีกเยอะ เรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง
“มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอวะที่เพทายจะชอบหรรษาจริงๆ”
กุ้งนางหัวเราะทั้งๆที่ยังขมวดคิ้ว
“หรือมึงจะเชื่อที่มันบอกแอนว่าจริงๆแล้วมันชอบไอ้เมตหัวถั่วล่ะกุ้งนาง”
โมเมรื้อหาของฝากที่ตัวเองชอบพลางคุยถึงเรื่องที่แอนกับพ่อบุกไปหาผมถึงบ้านอย่างออกรส
“ก็ไม่แน่นะ กุ้งนางว่าเมตมีนิสัยบางอย่างที่น่าสนใจสำหรับผู้ชายด้วยกันติดอยู่แค่ว่าไอ้เมตกับเพทายไม่เคยเจอกันมาก่อนจนมันหัวถั่วใจกล้าไปนัดเจอกันแบบแมนๆนั่นแหละ ฮ่าๆๆ กุ้งนางอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตากับความบ้าระห่ำของเมตจริงๆ แต่ก็ได้รู้ว่าเมตรักเพื่อนมากนะ เรื่องนี้ดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับเมต”
แหม..กุ้งนางพูดซะผมบิดตัวเป็นเกลียวเลย แต่พวกเชี่ยนี่ก็โพล่งขึ้นมากลบซึ้งซะงั้น
“ยังไงวะ กูไม่เข้าใจ” พวกผู้ชายขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมๆกัน
“ก็ทั้งเพทายทั้งหรรษาเป็นพวกเด็กช่างที่เจอแต่ความก้าวร้าว ความแข็งกระด้าง ห้วนๆหยาบคายขวานผ่าซากไปวันๆใช่มั้ยวะ
มีต่อค่ะ >>>>>